ผมย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับไอ้ทีมได้อาทิตย์กว่าแล้ว มันก็ยังเป็นไอ้เหี้ยทีมที่ดีแต่ทำหน้าตาดีและชอบกวนตีนผมไปวันๆ แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่เบื่อแบบที่เคยคิดเอาไว้ เวลาผ่านไปไวกว่าที่คิด อีกแค่ไม่กี่วันก็จะเข้าสู่เดือนเมษายนอีกครั้ง เวลาสิบปีในอเมริกาทำให้ผมเกือบลืมฤดูร้อนที่แสนทรหดของเดือนเมษายนในประเทศไทยไปเสียแล้ว
ช่วงนี้น้าอิ่มกับลุงสินเองก็ไม่ค่อยได้กลับบ้านเท่าไหร่นัก เห็นว่าต้องช่วยกันเคลียร์งานออกแบบที่ตกค้างทั้งหมดให้เสร็จก่อนสิ้นเดือน เพราะเดือนหน้าจะไปฮันนีมูนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันสองต่อสองในหลายประเทศในแถบยุโรปประมาณสองอาทิตย์เต็ม หรืออาจจะมากกว่านั้นถ้าเวลาอำนวย
เท่าที่น้าอิ่มเคยเล่าให้ผมฟังคร่าวๆ ลุงสินแกเป็นเจ้าของบริษัทรับออกแบบภายในแห่งหนึ่ง แล้วโลกมันก็กลมเกินไปทำให้ทั้งสองคนบังเอิญได้เจอและร่วมงานกัน ลุงสินแกก็ดันติดใจน้าผมอีท่าไหนไม่อาจทราบได้เพราะไม่เคยถาม เลยติดต่อกันเรื่อยมาจนกระทั่งขอแต่งงานเมื่อปลายปีที่แล้วนี่เอง
พูดถึงก็ดีนะครับ การได้เดินทางออกไปทำกิจกรรมต่างๆ กับคนที่เรารักแบบนี้ มันก็คงสุขไปอีกแบบ ต่อให้เป็นสิ่งที่เคยทำไปแล้วแต่บรรยากาศของการทำกิจกรรมนั้นๆ คนเดียวหรือทำร่วมกับคนที่เรารักก็คงไม่เหมือนกันเสียทีเดียวนะ ว่าไหม
วันนี้เป็นช่วงสายของวันอาทิตย์ที่ทำท่าว่าฝนจะตกเพราะผมตื่นเช้า บ้านทั้งหลังยังเงียบสงบ ป้าแจ่มเข้ามาทำอาหารเช้าและทำความสะอาดบ้านตั้งแต่ไก่ยังขันไม่ทันครบยก อันที่จริงแล้วป้าแจ่มไม่ได้พักในบ้านหลังเดียวกันกับพวกเราหรอกครับ ป้าแกเป็นแม่บ้านธรรมดาๆ ที่อาศัยอยู่ในละแวกนี้ อยู่บ้านเลี้ยงหลานและอาศัยเงินบำนาญของสามีผู้ล่วงลับไปวันๆ ลุงสินแกเห็นว่าป้าเป็นคนซื่อสัตย์และทำกับข้าวอร่อยจึงจ้างมาดูแลบ้าน ทำกับข้าวและอยู่เป็นเพื่อนไอ้ทีมมันตั้งแต่มันยังเด็ก
หลังจากที่ทานข้าวเช้าแล้ว ผมก็ใส่รองเท้าแตะเดินออกมาที่สนามหญ้าหน้าบ้าน หญ้าเขียวสดมันล่อตาล่อใจให้ผมอยากถอดรองเท้าเดิน คงรู้สึกจั๊กกะจี้พิลึกดี เซ็กส์ซี่ที่ได้ยินเสียงประตูเปิดปุ๊บก็วิ่งลิ้นห้อยน้ำลายยืดเหมือนหมาบ้าเข้ามาทันที มันพยายามจะกระโจนเข้ามาเล่นกับผม แต่ขอโทษ กูไม่โง่เหมือนเจ้านายมึงหรอกนะ ฮี่ๆๆ ผมขยับตัวหลบ อินังหมาน้อยเซ็กส์เสื่อมมันเลยได้แต่ค้อนใส่ผมวงเบ้อเร่อแล้วครางหงิงๆ ตัดพ้อ...แรดจริง หมาใครเนี่ย
ผมทิ้งตัวลงนั่งกับสนามหญ้าแล้วหยิบเอ็มพีสามขึ้นใส่หู ปล่อยให้เซ็กส์ซี่วิ่งวนไปรอบๆ ตัวผมอย่างเรียกร้องความสนใจ..ทีม..หมามึง alert มาก
ผมพยายามกดเปลี่ยนเพลง แต่ดูเหมือนเซ็กส์ซี่เองก็อยากรู้ว่าไอ้เจ้าเครื่องสี่เหลี่ยมที่เบนความสนใจของผมไปจากมันคืออะไร ถึงได้ยื่นหน้ายื่นจมูกเข้ามาดมๆ อย่างสอดรู้สอดเห็น
“อะไรมึง อยากฟังบ้างเหรอ” ผมถามแล้วหัวเราะเบาๆ ตอนนี้หน้ามันกับผมอยู่ห่างกันนิดเดียว ยิ่งเห็นได้ชัดว่าอีหมานี่มันสมควรแก่การได้ชื่อว่าเซ็กส์เสื่อม..เอ้ย เซ็กส์ซี่มากแค่ไหน มาทำฉีกยิ้มยิงฟันโชว์เหงือก ถ้าเต้นรูดเสาให้ผมดูได้ มันคงทำไปแล้ว..แต่ซอรี่นะ กูไม่ได้ชอบสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพศเมียน่ะ หึหึ
“เฮ้ย เหี้ย!!” ผมอุทานลั่น เมื่ออีหมาบ้ามันเกิดนึกสนุกหันมาคาบเอ็มพีสามผมไปจากมือแล้วออกตัววิ่งทันที!
“เซ็กส์ซี่ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!!!” ผมตะโกนแหกปากลั่น แต่มีเหรอที่มันจะหยุด ผมได้แต่รีบออกตัววิ่งตามมันไป อีหมาเซ็กส์เสื่อมมันวิ่งหูลู่ไปทางหลังบ้านอย่างไม่แคร์สื่อใดๆ “เซ็กส์ซี่ กูบอกให้หยุด!! เอาเอ็มพีสามกูคืนมา!!!”
“เล่นอะไรแต่เช้าวะฝุ่น” เสียงที่ทักจากใกล้ๆ ทำให้ผมหันกลับไปมองอย่างลืมตัว ไอ้ทีมนั่นเอง มันเดินหน้ามึนๆ มายืนเท้าแขนกับประตูที่เชื่อมระหว่างครัวกับสวนด้านหลัง ไอ้ห่านป่ามันไม่ได้ใส่เสื้อ แล้วมึงมายืนเกานมออกสื่อทำไมเนี่ย!!
ตู้ม!!
ผมหันขวับไปทันที แล้วก็ต้องใจแทบสลาย....เอ็มพีสามของกู...ขึ้นสวรรค์ไปโดยไม่ต้องเล้าโลมแล้ว....
จะอะไรซะอีก ก็อีหมาเซ็กส์เสื่อมกระโดดลงไปในบ่อน้ำเล็กขนาดกลางที่เอาไว้เลี้ยงปลาคาร์ฟพร้อมเครื่องเล่นเพลงของผม!!
“เชี่ย!!!!! เหี้ยแม่งทั้งเจ้านายทั้งหมาเลยแม่ง!!!!” ผมด่ากราดด้วยความโมโห ไอ้เหี้ยทีมมันคงตื่นเต็มตาแล้วมั้งครับ เลยมองหน้าผมงงๆ ผมเดินเข้าไปหาเซ็กส์ซี่ที่ทำหน้าหงิงทันทีเมื่อผมกระชากเอ็มพีสามคืนมาพร้อมด่ามันอีก “เล่นเหี้ยอะไรไม่รู้เรื่องนะมึง เดี๋ยวกูจะส่งมึงไปร้านขายเนื้อ เชี่ย!!!”
“อะไรของมึงเนี่ย กูเดินมาเฉยๆ ก็ด่ากู แล้วนี่อะไร เล่นอะไรกับเซ็กส์ซี่”
“หมามึงทำเอ็มพีสามกูพัง!!” ผมตะโกนใส่ แม่ง..ของๆ กูอยู่ดีๆ เสือกคาบไปกระโดดลงน้ำ ไม่รู้จะโทษหมาหรือเจ้าของที่ฝึกมันไม่ดี ดูดิ๊ เอ็มพีสามผมได้อาบน้ำฟรีเลย โว้ยยย หงุดหงิด
“เอ้า แล้วมึงมาด่าอะไรกู” มันเกาหัวแกรกๆ เริ่มขมวดคิ้วนิดหน่อย
“มึงเป็นเจ้าของมัน มึงไม่ฝึกมันวะ เหี้ยจริงๆ กูอยากจะบ้า”
ผมด่าแล้วชิ่งด้วยการเดินกระแทกเท้าเข้าบ้านอย่างหงุดหงิดเป็นที่สุด จุดหมายที่ผมจะไปคือห้องนอน อย่างน้อยผมจะเอาเอ็มพีสามไปเช็ดก่อน แล้วถ้ามันยังอยู่ในระหว่างช่วงการพิจารณาบาป ก็อาจจะเรียกวิญญาณมันกลับมาได้ถ้าเอาไปซ่อม
ผมได้แต่นั่งซับน้ำที่ชุ่มไปทั่วเครื่องด้วยอาการหัวเสียจนยากจะบรรยาย จนมีเสียงเคาะดังขึ้นที่ประตูห้อง
“ฝุ่น กูเอง” เออ กูรู้ ทั้งบ้านมีแค่กู มึง แล้วก็อีหมาเซ็กส์เสื่อม หมามึงคงเดินขึ้นมาเคาะประตูกูเนอะ
“ฝุ่น กูเข้าไปนะ” เอ๊า...มึงพูด ก็รอกูตอบก่อนดิวะ ถ้าจะเดินเข้ามาเลยก็ไม่ต้องพูด เปลืองแบคทีเรียในปาก!
“มีไร” ผมถามเสียงขุ่น
“มึงมาโกรธอะไรกู กูไมได้คาบเอ็มพีสามของมึงวิ่งลงน้ำนะ” มันมายืนเท้าโต๊ะที่ผมนั่งอยู่ ไอ้ห่านป่ายังไม่ใส่เสื้อ โชว์หน้าท้องเรียบเนียนมีกล้ามนิดๆ อยู่ตรงหน้า..เดี๋ยวกูก็กัดซะนี่
“มึงสอนหมาไม่ดี ไอ้เหี้ยทีม” ผมด่า ที่จริงก็รู้หรอกครับว่าโกรธมันก็ไม่ได้ เพราะมันไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย ความผิดเป็นของอีหมาเซ็กส์เสื่อมนั่นล้วนๆ
“เอ้า กูผิดอีก” มันบอกแล้วหัวเราะให้กับอาการหัวเสียของผมเบาๆ ไอ้คนโตกว่ามันยื่นมือมาโยกหัวผมเล่น และแน่นอนว่ามันโดนผมปัดออกไปทันที
“เออ มึงผิด ของกูมันอยู่ของมันดีๆ หมามึงมันสันดานเสีย” ผมด่ายาว ไอ้เหี้ยทีมเลยบอก
“มึงไปแต่งตัว เดี๋ยวกูพาออกไปข้างนอก”
“กูไม่ไป” ผมตอบทันควัน ไม่ถามด้วยว่าจะพาไปไหน วันนี้กูอารมณ์ไม่ดีแล้ว อย่ามาเซ้าซี้เดี๋ยวพ่อไซด์คิกเข้าใต้คาง
“อย่าลีลาเยอะ กูชอบซิมเปิล เสียวกว่า” มันบอกแล้วยักคิ้วให้ ก่อนจะดึงแขนผมให้ลุกขึ้น “เร็วๆ ไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวกูอาบน้ำแป๊ปนึง”
ทั้งที่ผมเถียงหัวชนฝาว่าจะไม่ออกไปข้างนอกเพราะอารมณ์ไม่ดีขั้นสุด แต่ไอ้ห่านป่าที่เอาแต่คิดว่าโลกเบี้ยวๆ ใบนี้มันหมุนรอบตัวเองทำอีท่าไหนก็ไม่อาจจะทราบได้ หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นผมถึงได้ออกมานั่งดูดน้ำรอมันไปเข้าแถวซื้อตั๋วหนังสำหรับสองที่ได้ซะนี่ โว้ย! อะไรของมันเนี่ย ผมอารมณ์เสีย
นั่งกระปอดกระแปดได้พักเดียวมันก็เดินหัวปลิวมาทางผมพร้อมตั๋วหนังสองใบ
“หนังเข้าบ่ายโมงห้าสิบ ไปกินข้าวก่อนแล้วกัน ฉันหิวแล้ว”
“มึงจะดูหนังเรื่องอะไร” เมื่อกี้จำได้ลางๆ ว่าตอนมันกดไหล่ผมลงให้นั่งรอ ไม่แม้แต่จะถามว่าผมอยากดูเรื่องอะไร เดินลิ่วๆ ไปยืนยิ้มแก้มบวมต่อแถว..นั่นสิ..แล้วกูกับมึงจะดูเรื่องอะไรวะ??
“แฝด”
“ห๊ะ?”
“เรื่องนี้หนังดี กูดูไปแล้วรอบนึง แต่อยากดูอีก” มันตอบผมแบบนั้น โดยไม่ให้คำอธิบายเพิ่มเติมอีกว่าหนังเรื่อง “แฝด” ที่ว่ามันแฝดแบบไหน แบบอินจันรึเปล่า หรือว่าแบบเฟร็ดจอร์จในพ่อมดสี่ตา กูขอคำอธิบายนิดนึงครับ แบบว่าบ้านนอก!!
“หนังไรวะ ไม่เคยได้ยิน”
“โห ถ้ากูไม่รู้ว่ามึงเพิ่งกลับจากอเมริกานะ กูคงนึกว่ามึงอยู่นอกโลกมาอะฝุ่น” ด่ากูอีก เออ...มันทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะยอมอธิบายเรื่องย่อสั้นๆ ของหนังให้ฟัง “หนังเรื่องนี้ นางเอกสวยเว้ย เป็นแฝดกัน มีแฝดคนนึงโดนขังในบ้าน แล้วอีกคนตามกลับจากเกาหลีมาช่วย เนี่ย หมาแม่งโคตรฉลาดอะ เดี๋ยวมึงดูดีๆ นะฉากกระจกอะ กูโคตรชอบเลย”
ไม่รู้ทำไม แต่ผมรู้สึกว่าหน้าไอ้เหี้ยนี่ไว้ใจไม่ได้อย่างแรง...
ร้านอาหารที่มันพาผมมาหย่อนก้นลงนั่ง เป็นร้านอาหารไทยธรรมดากลางห้างนี่แหละครับ แต่เจ้าของร้านเขาออกแบบร้านได้สวยมาก เป็นเรือนไทยสมัยโบราณให้ความรู้สึกขลังขึ้นจากไฟสปอร์ตไลท์ที่ส่องขึ้นจากพื้นกระทบผนังบ้าน พนักงานใส่ชุดไทยเดินยิ้มแย้มรับออเดอร์และเสิร์ฟอาหาร ดูดีมีสไตล์มากครับ
“น้าอิ่มบอกว่ามึงชอบกินปลาทอดใช่มั้ย กูสั่งปลาสำลีทอดราดยำมะม่วงไปให้ด้วย” มันเท้าแขนลงกับโต๊ะตอนที่บอกผม...นี่กูมัวแต่ชื่นชมบรรยากาศจนไม่ทันได้สนใจเลยเหรอวะว่าไอ้ทีมมันสั่งอะไรไปบ้าง
“มึงสั่งอะไรไปบ้าง”
“ปลาทอดที่บอก ต้มยำ ผัดผัก แล้วก็ข้าวสวย..อยากกินอะไรอีกรึเปล่า” มาเกือบครบห้าหมู่แล้ว ผลไม้อีกนิด มื้อสุขภาพเลยมึง
“ไม่” ผมตอบไปห้วนๆ แบบนั้น ทีมมันเลยยิ้มออกมาบางๆ ... ท่าทีที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของมันนั้นทำให้ผมนึกถึงอะไรบางอย่างที่ได้ยินมาตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ แต่ผมกลับหลงลืมมันไป..
...ปีนี้กูปีสี่แล้ว.....
“ทีม..”
“ครับ” มันละความสนใจจากบรรยากาศรอบร้านกลับมาสบตาผม แล้วขานรับ
“กูต้องเรียกมึงว่าพี่รึเปล่า” ผมถาม..ในใจก็คิดไว้ว่าจะถามด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่ากูถามมึงตามมารยาทนะ แต่เสียงที่ออกมามันสั่นกว่าที่คิดไว้ยี่สิบเปอร์เซ็นต์...กรอเทปกลับแล้วพูดใหม่ได้มั้ย?
“แล้วมึงอยากทำแบบนั้นรึเปล่าล่ะ” เออะ...เจอประโยคนี้ ต่อให้กูเซลฟ์แตกขนาดไหนก็มีอารมณ์ไปไม่ออกได้เหมือนกันนะ
“ไม่..ไม่อยาก”
“อืม มึงก็ได้คำตอบแล้วนี่” มันยิ้มกว้าง “กูไม่อยากฝืนใจมึง...อยากให้อิสระกับมึงเต็มที่ อยากทำอะไรก็ทำ ไม่อยากให้มึงคิดว่าการอยู่ร่วมกับคนอื่น ครอบครัวเป็นสิ่งที่ทำให้มึงรู้สึกอึดอัด หรือต้องทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ...แต่การจะทำอะไรก็แล้วแต่ของมึง กูอยากให้มึงคิดถึงน้าอิ่มและคนอื่นบ้าง ว่าทุกคนเป็นห่วงและก็รักมึง”
มันพูดมายาวเหยียด เหมือนหายใจด้วยผิวหนัง แจกยิ้มให้ผมอีกทีเป็นการจบบทสนทนานั้น คำตอบที่ไม่คิดว่าจะได้รับแบบนั้นทำเอาผมแอบรู้สึกเขินนิดหน่อย คือไม่ได้เขินมันนะครับ ผมเขินตัวเองต่างหากสาบานได้!!
.
.
.
แต่ขอโทษ...ตอบมาแบบนี้ กูควักหัวใจให้ ยังทันป่ะวะ!!!
แม่ง!! ไหนบอกแฝดสวย คนนึงโดนขังในบ้าน อีกคนตามกลับมาช่วยไงวะ!!
แล้วฉากกระจกอะไร ไหนหมาฉลาด ไอ้เจี้ย!!!!!!!!!!!!!
ผมสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีกกับหนังบ้าบอคอแตกนั่น แม่ง หนังดีไม่เถียง แต่ผมดูหนังเรื่องนี้ไม่คุ้มเงินเลยเถอะ เปิดตาบ้างปิดตาซะส่วนใหญ่ ถึงจะเซลฟ์แตกขั้นสุดแต่เรื่องหนังผีนี่ถือว่าน้องฝุ่นขอ!! ต่อแต่นี้ไปผมขอสาบานด้วยใจจริงเลยว่า จะไม่ปล่อยให้ไอ้ทีมเลือกหนังเองอีกแล้ว มันอะนั่งดูชิว แทบไม่สะดุ้งเลย มีแต่ผมใจหล่นหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หวังว่าตอนไฟเปิดเขาจะมีเวลาให้ผมตามเก็บหัวใจก่อนนะ...อืม เสี่ยวแก้กลัวน่ะครับ
มันเป็นหนังผีที่น่ากลัวมาก ผมนั่งเกร็งมาตั้งแต่ช่วงต้นๆ เรื่อง ผมไม่ชอบดูหนังผีทุกประเภทโดยเฉพาะหนังผีไทย มันน่ากลัวและสมจริงเกินไป คนดูน้ำตาจะไหล ยิ่งฉากที่ผีเริ่มตามหลอกหลอน แม่ง อินยิ่งกว่าผมกลายเป็นตัวเอกในเรื่องอีก
แล้วอยู่ๆ แรงแตะที่ข้างแก้มก็ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก!!
กำลังจะหันไปด่าไอ้คนที่เล่นไม่รู้เรื่อง แต่สัมผัสอุ่นนุ่มหยุ่นที่แนบลงกับข้างแก้มก็ทำผมนิ่งไป เสียงจุ๊ปากให้ผมเงียบเสียงลงดังกระซิบอยู่ข้างหู ก่อนที่ภาพผีในจอเบื้องหน้าจะหายไปกลายเป็นหน้าของคนที่พาผมมาดูหนังวันนี้แทน...
ลมหายใจร้อนผ่าวที่รินรดอยู่กับใบหน้า ทำให้ผมเผลอหลับตาลงแล้วปล่อยให้คนข้างตัวได้ทำตามใจ โชคดีที่ทีมมันเลือกเก้าอี้ที่อยู่เยื้องขึ้นมาทางบนสุดห่างไกลผู้คน ไม่ต้องกังวลว่าใครจะทันได้เห็น.....ไม่รู้ว่าทีมมันคิดอะไรอยู่ อาจจะเห็นว่าผมกลัวเกินไป หรืออยากจะผ่อนคลายบรรยากาศ
แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม...
.
.
.
วันนี้ผมกับไอ้เหี้ยทีมนั่งจูบปากกันในโรงหนัง....
แค่จูบรึเปล่า และน้องฝุ่นจะว่ายังไง เจอกันบาป...หวาน ตอน ๕ ค่ะ
Eiizes’s talk
สวัสดีค่า~~
หายไปหลายวัน ขอโทษนะคะ ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังแพคของย้ายหอ
อยากเอาเรื่องมาลงมาก แต่วุ่นวายมากค่ะ
จะพยายามมาอัพให้บ่อยขึ้นนะคะ แล้วก็ถ้ามีข้อติชม รวมไปถึงความคิดเห็นอะไร เขียนได้เต็มที่นะคะ
ไรท์เตอร์ชอบอ่านคอมเม้นท์มากกกๆ
อากาศที่นี่ก็หนาวจนสัตว์เขตร้อนแบบเราจะแข็งตายแล้ว ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ค่ะ
ปล. วันคริสต์มาสนี้ จะมีตอนพิเศษแถมให้ แต่ว่ากำลังอยู่ในช่วงคิดอยู่ อยากอ่านแบบไหนรีเควสได้นะคะ เดี๋ยวไอซ์ตัดสินใจอีกที กร๊ากกกกก