[เรื่องสั้น] ... เวลา... (ตอนที่ 2 วันที่ 24/04/2017)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ... เวลา... (ตอนที่ 2 วันที่ 24/04/2017)  (อ่าน 1392 ครั้ง)

ออฟไลน์ NupareeJ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
 
 
ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
 
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
 
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
 
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
 
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ 
 
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
 
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
 
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
 
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
 
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
 
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
     7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
     7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
     7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
           - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
 
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
 
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
 
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
 
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
 
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
 
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
 
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
 
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
 
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
 (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail
 
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข
 
17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
 
เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           
 
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
 
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
 
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
 
*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-04-2017 20:57:16 โดย NupareeJ »

ออฟไลน์ NupareeJ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: [เรื่องสั้น] ... เวลา...
«ตอบ #1 เมื่อ23-04-2017 18:22:46 »

                  
                        
                                               
เวลาที่ 1 ... Then ...



                10 นาฬิกาของวันอังคาร เดือนตุลาคม ถือว่าเป็นช่วงสาย ๆ ของวันแล้ว แต่การจราจรในเมืองกรุงยังคงคับคั่งเหมือนอย่างทุกวัน ในสายตาผมไม่เคยเห็นช่วงไหนที่ถนนโล่งเลยสักครั้ง หลายๆ คนอาจจะคุ้นชินและเห็นเป็นเรื่องปกติ
เพราะแทบจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนท้องถนนจนกลายเป็นบ้านหลังที่สอง วันนี้ผมก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ติดอยู่บนท้องถนน
จุดหมายปลายทางมุ่งสู่ภาคตะวันตกเพื่อกลับไปในที่ที่มีความทรงจำมากมาย และแม้จะผ่านมานานแค่ไหน ความทรงจำดีๆ เหล่านั้นก็ไม่เคยจางหายไปเลย

              ผมหันหน้ากลับมามองในรถตู้โดยสารที่จะพาไปสู่สถานที่แห่งนั้นแม้ว่าพยายามหลีกเลี่ยงมาหลายปี จนวันนี้เลี่ยงไม่ได้เพราะพวกเพื่อนตัวดีที่บ้างนอน บ้างก้มหน้าอยู่กับจอโทรศัพท์ หรือหันคุยกันเบา ๆ เพื่อไม่ให้กวนเพื่อนคนอื่น  ต่างพากันไปล็อกคอพาตัวผมมาจากบ้านโดยที่เตี่ยรู้เห็นเป็นใจให้ม๊าจัดกระเป๋าเสื้อผ้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้เอาเวลาไปวางแผนกันเมื่อไร สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจพลางก้มมองดูหน้าปัดนาฬิกาข้อมือเข็มสั้นชี้ที่เลข 9 เข็มยาวอยู่ตรงเลข 10 บอกวันที่ 9 เมษายน ปีพศ.ของ 5 ปีที่แล้ว ในขณะที่เข็มนาฬิกาของทุก ๆ คนยังหมุนวนอยู่ แต่เข็มนาฬิกาของผมได้หยุดเดินไปนานแล้ว เวลาของผมหยุดเดินตั้งแต่วันนั้น
.
.
.
   
.
   แกร๊ก...แกร๊ก....
                เช้านี้ผมตื่นสายจนต้องรีบปั่นจักรยานซิ่งไปให้ทันคาบแรกของวันเปิดเทอม แม้จะเป็นมหา’ลัยที่มีผมใฝ่ฝัน
แต่ทำไมคณะที่ผมอยากเข้าต้องมาอยู่ไกลปืนเที่ยงขนาดนี้ก็ไม่รู้ ตอนรู้ว่าเอ็นทรานซ์ติดผมดีใจจนรีบวิ่งไปกอดเตี่ยกับม๊า
วิ่งไปบอกเฮียซ้อและเจ้ จนโดนมะเหงกกลับมาเพราะทำให้หลานตกใจตื่นร้องไห้เสียงดังลั่น แต่ใบหน้าของทุกคนมีรอยยิ้มดีใจไปกับผม พอถึงวันสอบสัมภาษณ์และมอบตัวเตี่ยกับม๊าลงทุนปิดร้านพาผมมาด้วยตัวเอง ยิ่งมาเห็นสถานที่เรียนยิ่งชอบใจบอกให้สัมภาษณ์ให้ผ่านในขณะที่ผมขาแข็งก้าวเท้าไม่ออกได้แต่แหงนหน้ามองป้ายอาคารบริหาร แวดล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่มองผ่านใต้อาคารที่เปิดโล่งจะเจอกับต้นไม้เขียวชะอุ่มหนาทึบจนเรียกว่าป่าไม้ได้เลย

              “ฮ่า ๆ ที่นี่อากาศดีมากเลยตี๋เล็ก อั๊วชอบมาก ลื้อต้องตั้งใจเรียนนะ ฮ่า ๆ ๆ" เตี่ยพูดพลางตบไหล่พร้อมลากแขนผมเข้าไปยังโต๊ะที่ติดป้ายลงทะเบียน ในขณะที่ม๊าได้แต่มองไปรอบ ๆ ด้วยรอยยิ้มกว้างถูกใจกับสถานที่มากมาย

             โธ่!! หมดกันชีวิตอันป๊อบปูล่าของไอ้ตาต้า ความฝันจะใช้ชีวิตอันสุดเหวี่ยงจบลงแล้ว ได้แต่คิดพลางสาวเท้าเดินตามแรงลากของเตี่ยไป ทำตามขั้นตอนจนเสร็จสิ้นพร้อมลงทะเบียนเตรียมเรียน ไหนว่าให้มาสอบสัมภาษณ์ไง ? ไหนกลายเป็นคุยแป๊บและลงทะเบียนเรียนเลยหว่า  เอออ แปลกดี..

              ตอนที่เลี้ยวรถออกจากมหา’ลัยเตี่ยกำลังขับรถเพื่อกลับที่พักริมชายหาดม๊าก็หันมาหาผมที่นั่งอยู่เบาะหลัง

              “ตี๋เล็ก ลื้อต้องตั้งใจเรียนให้มาก ๆ นะ อยากได้อะไรก็บอกม๊า เดี๋ยวม๊าซื้อจักรยานให้แล้วอาทิตย์หน้าค่อยขนของเข้าหอพักนะ“ ผมฟังแล้วได้แต่ขมวดคิ้ว เฮ้ยยยย มันไม่ใช่อ่ะ ไหนว่าจะให้รถยนต์ไง ทำไมลดเหลือแค่ 2 ล้ออ่ะ

             “ม๊า!!!! ทำไมซิวิคอั๊วกลายมาเป็นจักรยานอ่ะ อั๊วไม่ยอมนะม๊า !!!” เป็นครั้งแรกที่ผมเอาแต่ใจตัวเองไม่ยอมตกลงตามใจม๊า ได้ไงละ จักรยานกับซิวิคเหมือนกันที่ไหน

            “ไอหยา อาตี๋เล็กลื้อฟังหม่าม๊าก่อนนะ อย่าเพิ่งโกรธสิ  เมื่อกี้ตอนลื้อเข้าห้องไปสัมภาษณ์ ม๊ากับเตี่ยไปคุยกับคุงเจ้าหน้าที่มา เขาบอกที่นี่ให้ใช้จักรยานเป็นหลักเพราะในมอมีถนนแค่นิดเดียว นอกนั้งเป็นต้นไม้ไม่ต้องเอารถยนต์มาก็ได้ อั๊วกับเตี่ยลื้อเลยคิดว่าปีแรกยังไม่ต้องเอารถมาจะดีกว่านะ"   

           ม๊าเอี้ยวตัวยื่นมือมาจับแขนผมไว้พร้อมอธิบาย ผมคิดตามแล้วก็เห็นด้วยเพราะก่อนกลับพวกเราแวะไปดูหอพักและสำรวจเส้นทาง อาคารเรียนต่าง ๆ ในมอแล้ว แม้อาคารเรียนกับหอพักจะไกลกันพอสมควรแต่มันก็มีแค่ถนน 2 เลนล้อมรอบเป็นวงกลมอยู่เส้นเดียว จะมีทางแยกเพื่อเลี้ยวเข้าอาคารตามจุดต่าง ๆ เท่านั้น

           “งั้นซิวิคอั๊วยังได้ใช่ไหมม๊า ? พอขึ้นปีสองม๊าจะให้อั๊วขับมาที่มอใช่ไหม ?” ผมกุมมือม๊าไว้พร้อมส่งสายตาออดอ้อนเหมือนทุกครั้งที่อยากได้อะไร

           “ได้ซี ม๊าเตรียมไว้ให้ลื้อแล้ว เตี่ยลื้อไปจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว”

            “งั้นก็ได้ อั๊วใช้จักรยานไปก่อนก็ได้ แค่ปีเดียวเอง” ในที่สุดหลังจากคิดทบทวนแล้วผมก็ต้องเห็นยอมตามนั้นคิดว่าปีแรกคงจะยังไม่ค่อยได้ออกไปไหนเพราะต้องปรับตัวกับการเรียนการสอนและสังคมใหม่ ๆ 

         คิดย้อนไปแล้วรีบปั่นจนเห็นอาคารเรียนรวมใกล้เข้ามาอีกแค่ไม่ถึง 50 เมตรก็จะถึงทางเลี้ยวเข้าอาคาร แต่แล้วสายตาก็มองเห็นบางอย่างอยู่ใต้ร่มไม้เล็กจนผ่อนฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว  ผมเห็นผู้ชายคนนึงใส่ชุดนักศึกษารองเท้าเงาวับ ตัวสูงโปร่งหุ่นกำยำแต่ไม่หนามาก น่าจะสูงเกิน 185 เซนฯ ด้วยซ้ำ ผิวพ้นต้นคอและผิวแก้มด้านข้างที่ผมเห็นดูขาวสุขภาพดี นี่ขนาดยังไม่เห็นหน้าเต็ม ๆ ออร่าความหล่อยังกระแทกตาจนต้องเบรกรถดักหน้าเพราะสังเกตเห็นเหงื่อเม็ดใหญ่เกาะอยู่ข้างแก้มขาวนั่น พอจอดรถได้ก็หันไป

          โอ้ยเชี่ยยยย~~ คนหรือเทวดาครับเนี่ย นอกจากหุ่นที่ดูดีมากแล้วเบ้าหน้าหล่อโคตรจนไม่รู้จะบรรยายยังไง เอาเป็นว่าคิ้วเข้มเฉียงรับดวงตาคมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งจนเป็นสัน ไหนจะปากหยักบางสีแดงเรื่อ เอ่อออ พอแค่นี้ดีกว่า

           “มึ.. เอ่อ นายจะไปอาคารเรียนรวมใช่ไหม ? งั้นรีบขึ้นมาสิ เราก็กำลังไปที่นั่น” ผมเอ่ยชวนตบเบาะหลังไปด้วย รีบพูดรัวเร็วพร้อมหลบสายตาคมที่มองมาทำให้รู้สึกแปลก ๆ เหมือนอากาศมันร้อนกว่าเดิมโดยเฉพาะสองแก้มอูมของผม

          “ขอบใจ” ไอ้มนุษย์ตัวสูงหน้าหล่อพูดน้อย (ผมคิดว่ามันคงเป็นคนพูดน้อยเพราะพูดไปตั้งเยอะมันตอบกลับมาแค่ 2 คำ) พอจัดท่าทางได้คาดว่าซิ่งไปแล้วคนข้างหลังไม่ตกผมก็รีบปั่นไปอาคารจนทันคาบแรกเดินนำหน้าอาจารย์ไปเข้าห้องพอดี 
ผมรีบไปนั่งโต๊ะที่รูมเมทจองที่เผื่อไว้โดยมีไอ้หน้าหล่อเดินตามมานั่งข้างกันพอดี หลังจากนั้นก็เข้าสู่การเรียนจนจบคาบได้เวลาพักกลางวันผมค่อย ๆ เก็บของรอให้คนอื่นออกไปจากห้องก่อนไม่อยากเบียดแย่งลิฟท์กับใครเขา

           “เชี่ยต้า เมื่อเช้าพวกกูลุ้นแทบตายมึงจะมาทันไหม” เป็นเอกผู้ชายตัวสูงดีกรีนักบาสโรงเรียน พูดพร้อมเดินมาหาผมโดยที่มือก็ลากปราณัตรูมเมทอีกคนของผมติดมือมาด้วย

            “มึงไม่ต้องมาพูดเลย เชี่ย!!! พวกมึงไม่ยอมปลุกกูเกือบสายเลย” พูดแล้วเคืองไม่หาย เมื่อคืนนอนดึกก็เพราะพวกมันนั่นละชวนผมคุยจนดึกดื่น เสือกมาเรียนโดยไม่ปลุกยังมีหน้ามาพูดอีกนะพวกมึง ผมกำลังจะกระโดดไปวางมวยกับเป็นเอกก็ต้องหยุดเมื่อโดนต้นน้ำรูมเมทอีกคนรั้งตัวไว้

             “เดี๋ยวก่อน พวกมึงอย่าเพิ่งกัดกัน ไอ้ต้ามึงจะไม่แนะนำไอ้คุณชายนี่ให้พวกกูรู้จักหน่อยหรอว่ะ ไหนมึงบอกมาเรียนที่นี่คนเดียว ไม่มีเพื่อนมาด้วย แล้วทำไมเข้าเรียนพร้อมคุณชายคนดังของคณะได้ไง?" ต้นน้ำพูดโดยไม่เว้นวรรคให้ใครขัด ผมสงสัยมันหายใจทางไหนกัน แต่พวกมันเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า

             “กูไม่รู้จักมันมาก่อน เก็บได้ข้างทางตอนกำลังซิ่งมาเรียนนี่ละ แล้วมึ... นายจะยืนเงียบอีกนานไหม ? รู้ว่าดัง แต่ไม่คิดจะแนะนำตัวหน่อยเหรอ?” ผมบอกต้นน้ำก่อนจะหันไปหาไอ้คนที่โดนเรียกว่า คุณชาย แม้จะเคยได้ยินมาว่าปีนี้มีตัวเก็งเดือนมหา’ลัยอยู่ในคณะ แต่ผมไม่เคยเห็นหน้ามันมาก่อนตอนมารับน้องก่อนเปิดเทอมก็ไม่เคยเห็นมันเลย แปลก~  คนแบบนี้ถ้าเจอแค่ครั้งก็ต้องจำได้อยู่แล้ว

              “ไปกิน ค่อยคุย” มันกระตุกแขนผมจนหลุดจากมือของต้นน้ำแล้วลากเดินออกนอกห้อง คนอื่น ๆ ได้แต่เดินตามพร้อมสายตาจ้องมองอย่างสงสัย ว่าแต่มันจะลากผมไปไหนกัน

              “ปล่อยได้แล้ว เดินเองได้” พูดพร้อมสะบัดแขนออกจากมือมัน แต่ทำไมมันดูเหมือนแรงน้อยผิดจากรูปร่างที่เห็น มันเหลือบตามามองนิดหน่อยก่อนจะหยุดรอลิฟท์จนพวกนั้นเดินมาสมทบแล้วลงมาพร้อมกัน ระหว่างทางไม่มีใครพูดอะไรจนเดินเข้าไปในโรงอาหารที่มีแต่คนในชุดนักศึกษาซึ่งคุ้นหน้าจากห้องเรียนเดียวกันกับคนอื่น ๆ ในชุดไปรเวตเลยยังพอมีโต๊ะเหลืออยู่พวกผมวางของจองที่ไว้ก่อนจะแยกย้ายกันไปหาอะไรลงท้องตามความชอบกัน เมื่อกลับมารวมตัวกันอีกครั้งต้นน้ำยังคงเป็นคนเปิดประเด็นเรื่องเดิมถามคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ผม

              “สรุปว่า...” ต้นน้ำที่นั่งตรงข้ามผมถามพลางพยักเพยิดหน้ามาทางมนุษย์หน้าหล่อที่นั่งข้างผม ซึ่งเป็นเอกและปราณัตนั่งฝั่งเดียวกันกับมันก็หันมามอง จนตอนนี้ยังไม่มีใครได้กินข้าว คือเข้าใจว่าพวกมันอยากรู้แต่ค่อยถามได้ไหมว่ะ กูหิวแล้ว ผมได้แต่คิดไม่กล้าพูดออกไปเพราะเห็นความเสือกลอยขึ้นมาแปะหน้าพวกมันขืนขัดไปมีหวังไม่ได้กินอย่างสงบสุขแน่

               “กินก่อน” ในที่สุดหลังจากโดนจ้องด้วยสายตา 4 คู่จนท้องผมร้องเกือบทนไม่ไหวมันก็เปิดปากพูดออกมา แล้วผมจะรออะไรล่ะ

                “เออ ๆ กินก่อนกูไม่ไหวแล้ว พวกมึงค่อยเสือกทีหลังได้ไหมว่ะ “ พูดเสร็จรีบก้มหน้าจ้วงข้าวเข้าปากไม่รอฟังว่าจะพูดอะไรกันต่อ นาทีนี้ผมทนไม่ไหวแล้วใช้แรงซิ่งแต่เช้าไหนจะพ่วงผู้โดยสารอีก แต่แปลกที่ไม่มีใครพูดอะไรต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินกันไป สายตาผมอดไม่ได้แอบมองคนนั่งข้างกันลักษณะการกินของมันดูคุณช๊ายคุณชายสมที่เขาเรียกกันจริง ๆ ตักข้าวคำเล็กเข้าปากเคี้ยวช้า ๆ ริมฝีปากปิดสนิทในยามเคี้ยวข้าวแลดูมีมารยาทมาก เอออ ก็เข้ากับหน้าตามันดี สงสัยจะเป็นลูกคุณหนูแปลกอีกอย่างพ่อแม่ไม่น่าให้มาอยู่ป่าแบบนี้หอพักธรรมดาเครื่องทำน้ำอุ่นก็ไม่มี แถมระยะทางจากหอพักมาอาคารเรียนก็ไกลเกินกว่าจะเดินแป๊บเดียวถึง

        จนกระทั่งทุกคนอิ่มเป็นเอกเลยอาสาเอาจานไปเก็บให้เพราะจะเดินไปซื้อขนมหวานมากิน คนที่เหลืออยู่เลยเดินไปหาซื้อขนมตอนนี้ทั้งโต๊ะเลยเหลือแค่ผมกับคุณชายที่นั่งเล่นโทรศัพท์ ผมเลยถือโอกาสหันไปสำรวจคนตรงหน้าอีกครั้งตลอดเวลาตั้งแต่อยู่ในห้องเรียนจนตอนนี้ไรผมคนตรงหน้ายังคงชื้นเหงื่ออยู่ตลอดเวลาทั้งที่อยู่ในห้องแอร์ที่ค่อนข้างหนาวจนผมขนลุกในบางที
         อืมมม .... พอสังเกตชัด ๆ ผิวที่ขาวมันดูออกจะซีดเหมือนคนไม่ค่อยตากแดดแก้มอมชมพูที่เห็นเมื่อเช้าตอนนี้ดูซีดนิดหน่อย แต่หน้ายังใสจนเห็นเส้นเลือดฝอยบางจุด อยู่ดี ๆ คนที่ก้มหน้ากับโทรศัพท์ก็เงยหน้าขึ้นมาจนผมสะดุ้งตกใจหลบไม่ทัน สายตาคมเข้มยังจ้องมองนิ่ง ๆ ผมไม่สามารถหลบสายตาคมเข้มนั้นได้อาการร้อนข้างแก้มเหมือนเมื่อเช้ากลับมาอีกครั้งแถมคราวนี้พ่วงด้วยอาการใจเต้นระรัวจนอึดอัดไม่รู้ว่าตอนนี้เวลาผ่านไปกี่นาทีแล้ว แต่ในความรู้สึกของผมเหมือนเนิ่นนานที่เราสบตากัน จนพวกเพื่อนกลับมาผมจึงถอนสายตาเบือนหน้าหนีเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง

            “โทษทีที่ขัดจังหวะ หึ~ ตอนนี้หมดข้ออ้างแล้ว จะเล่าได้หรือยัง” ต้นน้ำพูดพร้อมยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย ผมได้แต่ขมวดคิ้วมึนงงกับคำพูดนั้น แต่ช่างเถอะผมเป็นคนไม่คิดอะไร

            “คุณชาย รณวัตร  พิจิตรไพศาล มาจากกรุงเทพฯ ยินดีที่ได้รู้จัก” เสียงทุ้มนุ่มของคนนั่งข้างพูดออกมาพร้อมยื่นมือส่งไปให้คนนั่งตรงข้าม
           
             สิ้นสุดประโยคแนะนำตัวธรรมดา ๆ ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำว่า “เรา” 4 ปีที่ผ่านเรื่องราวมากมายร่วมกันเป็นความทรงจำอันงดงามจนไม่อาจลืมเลือน

   

TBC....
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-04-2017 23:18:04 โดย NupareeJ »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
Re: [เรื่องสั้น] ... เวลา...
«ตอบ #2 เมื่อ23-04-2017 21:08:09 »

โอ้ว..วววว คุณชายตัวจริงซะด้วย   :katai2-1:

ออฟไลน์ NupareeJ

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 3
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
                                                                   ...เวลาที่ 2 Now...


            ผมลืมตาตื่นเมื่อรถจอดหน้าโรงแรมที่จะพักในคืนนี้  รอจนทุกคนลงจากรถจึงเดินตามไปยังเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่เพื่อน ๆ รออยู่

“มึงจะนอนคนเดียวใช่ไหม ? “ ต้นน้ำหันมาถามพร้อมยื่นกุญแจมาให้ แม้เวลาจะผ่านไปนานแต่ความสัมพันธ์ของพวกผมยังเหมือนเดิมเป็นรูมเมทกันตั้งแต่ปี 1 จน ปี 4 แยกย้ายกันตอนเรียนจบเพราะต่างคนต่างมีวีถีชีวิตเป็นของตัวเองแต่ไม่เคยละเลยเรื่องของกันและกันด้วยเทคโนโลยีอันก้าวไกลทำให้พวกผมติดต่อพูดคุยกันอยู่เสมอ แม้จะมีแค่พวกผม 4 คน เท่านั้นก็ตาม

“อือ มึงนอนกับปราณัตแค่ 2 คน เถอะ กูไม่อยากเป็นก้างขวางคอการฮันนีมูนของพวกมึง” ผมหลุบตาหลบสายตาคาดคั้นของคนตรงหน้า ก่อนจะหิ้วกระเป๋าไปยังเลขห้องที่ระบุในกุญแจซึ่งเป็นห้องติดกันกับห้องของมัน ไขกุญแจเสียบคีย์การ์ดที่ได้มาระบบไฟในห้องและแอร์ทำงานในทันที สายตาสำรวจห้องพักเริ่มตั้งแต่ซ้ายมือที่มีห้องน้ำแยกส่วนพร้อมอ่างน้ำขนาดใหญ่ที่นอนแช่ได้สบาย ๆ เลยไปจะเป็นโต๊ะตัวเตี้ยที่วางของข้างเตียงคิงไซส์ปลายเท้าเป็นโต๊ะวางทีวีตัวยาวที่มีกระติกน้ำร้อนพร้อมแก้วน้ำวางอยู่มีตู้เย็นขนาดเล็กที่แช่พวกเครื่องดื่มไว้แล้ววางอยู่ใต้ทีวี เดินไปเปิดม่านรับแสงก่อนจะเปิดประตูบานเลื่อนพร้อมก้าวเท้ายืนที่ระเบียงชมวิวอย่างที่เคยทำในทุกครั้งที่มาเยือนห้องพักแห่งนี้ ทะเลยามเย็นดูสงบทุกอย่างในสายตาผมยังเหมือนเดิมห้องนี้ก็ยังคงเดิมเหมือนเมื่อก่อนทุกอารมณ์ทุกความรู้สึกยังคงเดิม
.
.
.
.

             ผมยืนมองความหล่อของตัวเองอยู่หน้ากระจกวันนี้วันสุดท้ายที่ผมจะได้อยู่ในฐานะนักศึกษา คืนนี้มีกิจกรรมเลี้ยงส่งพวกผมหรือซีเนียร์ ซึ่งจัดโดยรุ่นน้องในคณะธีมของงานคือ เสน่ห์บ้านทุ่ง แทบทุกคนต่างแปลงร่างเป็นพี่คร้าวแม่ทองกวาวกันจนหมดแม้แต่อาจารย์ในคณะก็ไม่เว้น ผมอยู่ในชุดพี่คร้าวที่ขี้เกียจคิดเลยลอกมาจากในละครสมัยพี่ตั้ว ศรัณยูเล่น คิดว่าหล่อพอแล้วก็เก็บของเตรียมเดินออกจากห้อง ในขณะที่กำลังก้มพับแขนเสื้อก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้รับสัมผัสหนักที่ข้างแก้มพร้อมอ้อมกอดอันคุ้นเคยที่ได้รับอยู่แทบทุกวัน

“ตกใจหมด!!! บอกกี่ครั้งแล้วอย่ามาเงียบ ๆ ถ้าเกิดเผลอมือชกเข้าไปจะทำไง ? “ หันหน้าไปบอกคนข้างหลังที่ก้มหน้าจ้องมองผมพร้อมรอยยิ้มกว้าง ทั้งยังกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิมจนต้องขยับตัวเพราะเริ่มอึดอัด

“ต้าไม่ทำหรอก จะทำร้ายร่างกายแฟนได้ลงคอ ? ” คำพูดที่มาพร้อมรอยยิ้มกรุ้มกริ่มทำให้รู้สึกร้อนที่สองแก้ม แม้ที่พูดมามันจะจริงแต่ใครจะไปยอมรับกันละ!!!

“พอเลยคุณชาย ได้เวลาเริ่มงานลงไปกันได้แล้ว” ผมปลดมือคนข้างหลังออกก่อนจะประสานมือเข้ากับนิ้วมือเรียวสวยจับจูงให้เดินลงไปพร้อมกัน เมื่อก้าวเท้าออกมานอกห้องพักก็เจอเข้ากับพวกเพื่อน ๆ ที่กำลังรออยู่

“แหม่! กว่าจะออกมากัน กูนึกว่าต้องรอพวกมึงปิดงานซะแล้ว “ เสียงพูดของเป็นเอกที่ยืนพิงประตูห้องพักทักออกมา ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงหน้าร้อนพร้อมโต้ตอบกลับไป แต่ถ้าใครโดนล้อทุกวันแบบผมคงจะชินชาจนได้แต่กรอกตามองบนพร้อมถอนหายใจดัง ๆ ให้มันได้ยิน

“มึงก็ไปล้อมัน เรื่องปกติของผัวเมียป่ะว่ะ” ปราณัตหันไปบอกพร้อมยู่หน้าใส่เป็นเอก

“เหมือนพวกมึงน่ะเหรอ” เป็นเอกหันไปเล่นงานปราณัตที่คิดจะแซวผมแต่โดนซะเอง จนต้องหันไปเถียงพร้อมเดินไปหน้าลิฟท์เพื่อเข้างานบายเนียร์

   เวลาผ่านไปค่อนคืนพวกเราต่างดื่มกินและสนุกกับกิจกรรมในงานจนได้เวลาแยกย้ายเข้าห้องพักของโรงแรมที่ใช้เป็นสถานที่จัดงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ก็เล่นมีลูกชายคนเล็กเจ้าของโรงแรมนี้เรียนอยู่ด้วยนี่ครับเลยให้ใช้สถานที่ฟรี ๆ ตลอดงานแม้จะมีเสียงหัวเราะโห่แซวกันแต่ก็มีความเหงาเศร้าอยู่จาง ๆ เพราะเราทุกคนต่างรู้ดีว่าวันนี้คือวันสุดท้ายของการอยู่ที่นี่ หลังจากนี้ต่างคนต่างต้องก้าวเดินไปตามทางของตนเอง แต่ไม่ว่าพวกเราจะห่างไกลกันแค่ไหนผมเชื่อว่าความเป็นเพื่อนของเราจะยังคงอยู่ตลอดไป 4 ปีแห่งความทรงจำจะคงอยู่ไม่มีวันหายไปไหน

      ผมยืนชมวิวทะเลอยู่ชานระเบียงของห้องพักแม้ลมจะแรงแต่ผมไม่รู้สึกหนาวเลยสักนิด แน่สิในเมื่อโดนมนุษย์หน้าหล่อตัวสูงกอดแน่นขนาดนี้ แม้จะเคยชินแต่วันนี้ผมรู้สึกแปลกกว่าทุกทีอ้อมกอดที่ได้รับมันแฝงไปด้วยอะไรบางอย่างที่อธิบายไม่ถูกรู้แต่น้ำตาพาลจะไหล ไม่เข้าใจเลยว่าทำไม มันแปลกมากจริง ๆ แปลกจนผมทนไม่ไหว

   “คุณชาย เป็นอะไรรึเปล่า หืมม” ผมถามคนข้างหลังที่สายตาไม่ได้มองวิวอันสวยงามตรงหน้า เอาแต่จับจ้องผมตลอดเวลา วันนี้ทั้งวันรู้สึกได้สายตาของคนตรงหน้าที่มองมาในทุก ๆ กิจกรรมที่ทำ

“ไม่มีอะไรครับ ไม่มีอะไรจริง ๆ “ คุณชายยังคงปฏิเสธ บอกแต่ไม่มีอะไรทั้งที่เสียงสั่นเครือ

“คุณชาย ฟังเรานะ เราไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คุณชายรู้ใช่ไหมว่าเรารู้สึกยังไง แม้เราจะไม่เคยพูดออกไปเลยก็ตาม” ผมหันไปประคองใบหน้าของคนข้างหลังที่ตอนนี้นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มมีน้ำใส ๆ เอ่อคลออยู่ในนั้น

“ครับ” คุณชายรับคำพร้อมน้ำใส ๆ ไหลลงมา ผมใจหายทุกครั้งที่เห็นคนตรงหน้ามีน้ำตา พยายามคิดว่าอาจจะเป็นเพราะวันนี้คือวันสุดท้ายที่จะใกล้ชิดก่อนจะจากกันไกลไปคนละซีกโลก ห่างกันแค่ 2 ปี เพียงเท่านั้นผมทนได้อยู่แล้วเพื่ออนาคตของเรา

“ถ้ายังไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ดึกแล้วไปนอนกันดีกว่า คุณชายต้องพักผ่อนเยอะ ๆ “  ผมหันไปบอกก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้อง รอจนอีกคนปิดประตูเดินมานอนซุกใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันพร้อมอ้อมกอดอุ่นที่ได้หนุนนอนแทบทุกคืนเพียงแต่คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายก่อนจะจากกันไกล

   รุ่งเช้ามาเยือนพวกผมต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับโดยไม่มีการร่ำลาเพราะเราต่างรู้ ว่าความเป็นเพื่อนของเรายังคงอยู่ไม่มีทางจางหาย ผมกำลังเดินทางไปสนามบินโดยมีคนขับรถบ้านคุณชายเป็นผู้นำทาง ตลอดทางตั้งแต่ตี 4 ที่เดินทางออกมาจากโรงแรมจนเข้าสู่สนามบินในกรุงเทพฯ มือทั้งคู่ของเราต่างเกาะกุมกันแน่นแม้ในยามที่คุณชายกำลังร่ำลาทุกคนที่มาส่ง

“พ่อครับ ฮึก ผมฝากดูแลตาต้าด้วยนะครับ ผมจะรีบกลับมา” คุณชายพูดฝากฝังผมไว้กับพ่อของตัวเองทั้งน้ำตาที่ไหลรินตั้งแต่ออกจากโรงแรมจนตอนนี้ตาคู่สวยที่ผมชอบมองเริ่มบวมช้ำจากการร้องไห้ทำให้ผมน้ำตาเริ่มคลอตามอีกคน ไม่เข้าใจแค่ไปเรียนต่อ 2 ปี ทำไมผมถึงรู้สึกใจหายรู้สึกอยากมองคนตรงหน้าให้นานที่สุด

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะ พ่อจะดูแลให้ดีที่สุด ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว พ่อรักลูก” คุณพ่อพูดพร้อมกอดคุณชายแน่นจนมือเราทั้งคู่ที่ประสานกันไว้เกือบหลุดจากกัน ผมหันไปมองพี่สาว พี่ชายของคุณชายและครอบครัวของผมที่ยืนมองการร่ำลานี้ด้วยนัยน์ตาแดงก่ำกันทุกคน บรรยากาศแห่งการจากลาไม่เคยทำให้รู้สึกดีเลยแต่ครั้งนี้ผมรู้สึกใจหาย รู้สึกเหมือนหัวใจหลุดลอยเหมือนลมหายใจจะขาดห้วง ขนาดคุณแม่ของคุณชายที่บินไปพร้อมกันยังร้องไห้อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชายคนโตของบ้านอาจจะเป็นเพราะไปอยู่แค่ไม่กี่วันแล้วคงต้องกลับมาละมั้ง แปลก ทุกคนรอบตัวผมแปลกกันไปหมด ผมรู้สึกว่า...

“ต้าครับ” ผมสะดุ้งอีกครั้งเมื่อโดนคุณชายสวมกอดแน่น เพราะมัวแต่คิดอะไรเหม่อลอยจนไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ เดินไปรอกันหน้าประตูแล้วเหลือเพียงแค่เรา ผมเงยหน้ามองคนรักด้วยความรู้สึกประหลาดมันอธิบายไม่ถูกแค่รู้สึกเหมือนคนกำลังจมน้ำ ใจอยากรั้งไว้ไม่ให้ไปแต่สติส่วนดียังมีอยู่จึงหักห้ามไม่พูดคำนั้นออกมา ทำได้แค่พยายามยิ้มให้คนตรงหน้าส่งผ่านความรักให้ได้มากที่สุด เราจ้องตากันอยู่อึดใจจนมีเสียงประกาศเที่ยวบินที่ต้องเดินทางครั้งสุดท้ายพอได้ยินดังนั้นมือที่กุมกันไว้ยิ่งกระชับแน่น รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งกว้างกว่าเดิมผมพยายามมองคนตรงหน้าให้นานที่สุดจดจำทุกอย่างไว้

“แค่ 2 ปี เองนะคุณชาย แค่นั้นแป๊บเดียวเอง เราจะ...” ก่อนคำนั้นจะหลุดออกมาคุณชายก็ก้มลงใช้ริมฝีปากทาบทับกดแช่ไว้นิ่ง ๆ โดยไม่รุกล้ำ

“รัก” เมื่อถอนริมฝีปากออกไปคุณชายประคองใบหน้าพร้อมกระซิบแผ่วเบาชิดริมฝีปากผมด้วยคำเพียงคำเดียว คำที่เราทั้งคู่ต่างไม่เคยพูดออกมามีแต่การกระทำที่แสดงให้รับรู้กัน คำสั้น ๆ ที่ทำให้ผมยิ้มจนอีกฝ่ายยิ้มตามก่อนจะเดินเข้าประตูไปสมทบกับคุณแม่ที่อรอยู่ก่อนโดยไม่เหลียวหลังกลับมาอีก ตั้งแต่ตอนนั้นนาฬิกาที่คุณชายซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดตั้งแต่ปี 1 ก็หยุดเดินในนาทีที่คุณชายหันหลังเดินจากไป มันเป็นเรื่องประหลาดที่ผมเพิ่งรู้ตัวตอนกลับมาถึงบ้านแล้วเคยมีความคิดจะเอาไปซ่อมแต่สุดท้ายผมยังคงสวมมันไว้ตลอดเวลาด้วยหวังว่าสักวันคนที่มอบให้จะกลับมาทำให้มันเดินอีกครั้ง



TBC...

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
หืม..มมมมม ไม่อยากให้เป็นอย่างที่คิด   :sad11:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด