คืนพิเศษ
บ้านผมอยู่แถวชานเมืองไม่ไกลจากสนามบินนัก ใช้เวลาแค่ยี่สิบนาทีก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ไฟหน้าบ้านกับห้องนั่งเล่นยังเปิดไว้แต่พ่อแม่เข้านอนแล้วเรียบร้อย ขนกระเป๋าสัมภาระของฝากเข้ามาหมดแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้านอน
เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนที่ไม่มีใครอยู่หลายวันก็เจอกลิ่นอับเข้าเล่นงาน เพราะห้องผมอยู่ฝั่งหน้าบ้านทางทิศตะวันตกแดดส่องไม่ค่อยถึงแถมยังมีบ้านฝั่งตรงข้ามด้วยบังแดดให้อีก โชคดีที่มันไม่ได้รุนแรงมาก ไม่งั้นคงอายแขกที่พามาแย่
"อับหน่อยนะ"
"มันให้ความรู้สึกเหมือนพี่อินดี"
"ยังไง พูดให้มันดีๆ" ห้องอับผมว่ามันไม่น่าใช่เรื่องดีนะ
"อับๆ ชื้นๆ มืดครึ้มเหมือนป่าลึก คงประมาณนั้น"
"จะบอกว่าเข้าใจยาก"
"ไม่หรอก เพราะแบร์เข้าใจ" ว่าแล้วยิ้มตาหยีก่อนน้องหมีจะเดินเข้ามาสำรวจข้างใน
ห้องนอนผมค่อนข้างบ่งบอกตัวตนของตัวเองได้ดีเลยล่ะ ตู้ฟิกเกอร์ ตู้เก็บแผ่นดีวีดี โปสเตอร์ไอดอลที่แปะตามผนัง แค่เปิดประตูเข้ามาก็เหมือนหลุดไปอีกมิติหนึ่ง มิติที่เรียกว่า 'โลกแห่งไอดอล'
ผมนั่งลงบนเตียง มองน้องหมีไล่เดินดูของในห้อง กลายเป็นคนแรกที่ได้เข้ามาในห้องนอนผมนอกจากครอบครัวกับเพื่อนสมัยเรียนมหา'ลัย
"จะอาบน้ำก่อนมั้ย"
"อาบดิ เน่ามาก"
เพราะตอนเช้าก็ไม่ได้อาบน้ำ ลองนับเวลาดูที่อาบน้ำครั้งล่าสุดก็เกินยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้ว พรุ่งนี้เป็นวันอาทิตย์ อาบน้ำให้สบายตัวแล้วหลับยาวๆ ตื่นสายๆ เป็นทางเลือกที่ดีกว่า
"ห้องน้ำอยู่ขวามือนะ"
"อาบด้วยกันมั้ย"
ผมเหล่ตามอง ภายใต้รอยยิ้มกับดวงตาสุกใสนั่นน้องมันต้องมีความคิดชั่วร้ายอยู่แน่ๆ เพิ่งจะตกลงเป็นแฟนกันยังไม่ถึงชั่วโมงผมไม่มีทางยอมอยู่แล้ว
"ไม่อาบ"
"ตอนเด็กยังเลยอาบด้วยกันเลย"
"ไม่เคยเหอะ" ถึงความทรงจำของผมจะไม่ดีเท่าน้องหมีแต่เรื่องนี้ผมไม่มีทางตกหลุมพรางแน่ เราไม่เคยอาบน้ำด้วยกัน ไม่ว่าจะอนุบาล ประถมหรือ ม.ต้น
"พี่อินไม่เล่นด้วยเลย" บ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก่อนน้องหมีจะหยิบผ้าเช็ดตัวของผมที่ให้ยืมใช้ชั่วคราวออกไปจากห้อง
ผมใช้เวลาช่วงนี้เพื่อจัดที่นอน โชคไม่ดีที่เตียงผมกว้างแค่สามฟุตครึ่ง เพราะนอนคนเดียวและอยากให้พื้นที่ในห้องมันดูกว้างไม่ใช่วางเตียงใหญ่แล้วเหลือทางไว้เดินแค่นิดเดียว ที่นอนปิคนิคที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายปีวางฝุ่นเขรอะอยู่บนหลังตู้จึงมีประโยชน์ก็ตอนนี้ เอาไว้ให้น้องมันเลือกว่าอยากนอนตรงไหน ส่วนผมยังไงก็ได้อยู่แล้ว
"นอนด้วยกันดิ"
"ไม่เอา อึดอัด"
"นอนด้วยกันเถอะนะ"
"ไม่เอา"
"นะๆๆ"
หลังจากอาบน้ำเสร็จพอผมให้เลือกว่าจะนอนตรงไหนน้องหมีก็งอแงไม่ยอมเลือก ดึงดันจะให้นอนด้วยกันท่าเดียว ซึ่งไอ้เตียงสามฟุตครึ่งของผมเนี่ย แค่น้องหมีนอนคนเดียวก็เต็มเตียงแล้ว
"ไปอาบน้ำแล้ว" ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ขนผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนออกมาจากห้องเพราะขี้เกียจเถียงด้วย
เอาเป็นว่ากลับมาถ้าน้องหมีนอนตรงไหน ผมจะไปนอนอีกที่ก็แล้วกัน แต่ถ้าน้องมันไม่ยอมนอนก็...ไม่รู้แล้ว
เนื่องจากหมักหมมซักแห้งมาได้วันกว่าๆ ผมเลยอาบน้ำนานเป็นพิเศษ ขัดสีฉวีวรรณให้เต็มที่เพราะพรุ่งนี้หยุดอยู่บ้านก็กะจะซักแห้งอีกวัน
อาบน้ำเสร็จกลับเข้ามาในห้องอีกทีน้องหมีก็หลับไปแล้ว จับจองที่นอนปิคนิคบนพื้นดึงผ้าห่มมากอดไว้แทนหมอนข้าง เห็นนอนเปิดพุงเสื้อถกขึ้นมาถึงหน้าอกก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าหมีขั้วโลกอย่างน้องมันชอบอากาศหนาวๆ ผมเลยเดินไปแอร์ให้ เอายี่สิบห้าองศาพอประหยัดไฟ
จัดการปรับอุณหภูมิให้น้องหมีแล้วผมก็มานั่งเช็ดผมปลายเตียง เช็ดไปเล่นมือถือไปจนอากาศในห้องเริ่มเย็นลง เห็นน้องหมีขยับตัวยุกยิกเปลี่ยนมานอนหงายแต่ยังทับผ้าห่มเอาไว้ ในขณะที่ผมเริ่มจะหนาว
ผมเดินมานั่งยองๆ ข้างน้องหมีหลังจากเช็ดผมจนแห้ง เวลาล่วงเลยมาตีสองแล้วถือเป็นวันที่ผมนอนดึกที่สุด ดึกกว่าตอนไปเที่ยวเสียอีก
"จะหนาวมั้ยเนี่ย"
เพราะผมหนาวแน่ๆ เลยไม่รู้ว่าถ้าอากาศเย็นลงกว่านี้น้องหมีจะหนาวมั้ยในเมื่อเล่นนอนทับผ้าห่มเอาไว้แบบนี้ จะดึงออกมาแล้วห่มให้ดีๆ ก็กลัวน้องมันตื่น แต่คนหนังหนาอย่างน้องมันถ้าหนาวคงดึงผ้าห่มมาห่มเองล่ะมั้ง
"ฝันดี" กระซิบบอกเบาๆ ก่อนผมจะกระโดดขึ้นที่นอน ปิดไฟบนหัวเตียงแล้วจะได้นอนสักที
หัวถึงหมอนปุ๊บตาผมก็ปิดทันที กริ่มๆ กำลังจะหลับก็ได้ยินเสียงคนที่นอนอยู่บนพื้นพลิกตัวไปมาจนต้องลุกขึ้นไปชะเง้อดู
ภาพที่เห็นคือน้องหมีนอนตะแคงกอดตัวเองในขณะที่ผ้าห่มยังโดนทับไว้อยู่
หมีขั้วโลกก็หนาวเป็นเหมือนกันสินะ
ผมมองอย่างช่างใจสักพักก่อนจะหอบหมอนกับผ้าห่มลงจากเตียง เห็นว่าน้องหมีกำลังหลับ อาจจะหลับไม่ค่อยสบายเท่าไรเพราะหนาวแต่ก็ไม่อยากปลุกให้ลุกมาห่มผ้าดีๆ เอาเป็นว่าคืนนี้จะแบ่งผ้าห่มให้ก็แล้วกัน
โชคดีที่ผ้าห่มมันผืนใหญ่ ผู้ชายสองคนห่มด้วยกันยังเหลือที่ให้ดิ้นได้สบาย ผมนอนตะแคงข้างหนึ่งน้องหมีนอนตะแคงข้างหนึ่งโดยที่แผ่นหลังของเราชนกัน
ผมหลับตาลงกำลังจะเคลิ้มหลับเป็นรอบที่สองคนข้างๆ ก็ขยับยุกยิกก่อนท่อนแขนหนักๆ จะพาดทับลงมาที่เอว
มาอีหรอบนี้ แกล้งหลับชัวร์ๆ
"แกล้งหลับเหรอ"
ไร้เสียงตอบรับกลับมา แต่เป็นท่อนแขนที่เริ่มขยับแล้วดึงจนตัวผมเลื่อนไปชิดแผ่นอก เสียงครางงึมงัมเหมือนคนหลับดังอยู่ใกล้หู กับหัวทุยๆ ที่กำลังซุกไซ้คล้ายออดอ้อนที่หลังคอผม
"แบร์"
"อืมมม"
"ไม่ต้องมาแกล้งหลับ"
"ไม่ได้แกล้งหลับแต่เพิ่งตื่นเพราะโดนกวน"
"เหรอ" บอกเลยว่าผมไม่เชื่อ แค่เอาผ้าห่มมาห่มให้มันไม่ทำให้ตื่นได้หรอก
"คืนนี้ขอนอนกอดนะ"
"ก็กอดไปแล้ว"
อ้อมแขนที่กอดผมอยู่กระชับแน่นขึ้น แถมน้องหมียังยกขาขึ้นมาก่ายจนรู้สึกหนัก คางเกยกับหัวผม ปากยิ้มอยู่หรือเปล่าไม่รู้แต่คิดว่าคงกำลังยิ้มตาหยีอยู่แน่ๆ ได้หมอนข้างใบใหม่เป็นคนนี่นะ คงจะชอบใจล่ะสิท่า
"ขึ้นไปนอนบนเตียงมั้ย" ในเมื่อโดนกอดก่ายจนจมอกแบบนี้สู้ขึ้นไปนอนบนเตียงเลยดีกว่า อาจจะเบียดไปหน่อยแต่มันก็ดีกว่าที่ปิคนิคบางๆ
น้องหมีไม่ได้ตอบรับคำผมแต่ยอมผละออกแล้วลุกขึ้นนั่ง กวาดหมอนกับผ้าห่มโยนขึ้นไปก่อน ผมยันตัวลุกขึ้นตามกำลังจะปืนขึ้นเตียงแต่อยู่ดีๆ น้องมันก็มาคว้าเอวไว้ ยังไม่ทันได้ถามอะไรตัวผมก็ถูกช้อนขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิง จนตะครุบปิดปากห้ามเสียงร้องตกใจของตัวเองแทบไม่ทัน
เล่นอะไรของน้องมันเนี่ย
นับเวลาได้ไม่ถึงห้าวินาทีน้องหมีก็วางผมลงบนเตียงก่อนน้องมันจะล้มตัวนอนลงข้างๆ ดึงผ้าห่มมาห่มให้ วาดแขนและขามากอด แล้วก็ยิ้มตาหยี ถึงมันจะมืดก็เถอะแต่ก็พอมองเห็นว่าน้องมันยิ้มจริงๆ
"นอนบนเตียงด้วยกันตั้งแต่แรกก็จบ"
โอเค ผมจะไม่เถียงไม่ห้ามแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ ตีสองกว่าแล้ว ง่วง ไม่มีแรงจะค้าน
"นอนแล้วนะ"
"อย่างเพิ่งดิ"
"อะไรอีก"
"มีอะไรจะบอก"
ผมนอนหลับตารอฟัง คิดว่าน้องมันคงเล่นมุกเสี่ยวๆ ก่อนนอน แต่กลับไม่ใช่
"เรื่องที่ไปทำงานสิงคโปร์น่ะ"
"..."
"แบร์ไม่ไปแล้วนะ"
"หมายความว่าไง"
น้องหมีขยับซุกตัวเข้ามาใกล้ ทำตัวเหมือนแมวเวลาอ้อน ผมเองจากง่วงๆ ก็เหมือนจะตื่นเต็มตา ตอนกลางวันเพิ่งบอกว่าต้องไปเดือนหน้า แล้วตอนนี้กลับมาบอกว่าไม่ไปแล้ว ถ้าไม่มีคำอธิบายดีๆ ล่ะก็มีปัญหาแน่
"แบร์ยังไม่ได้ตอบตกลงจะไป แต่คิดว่าไว้ถ้าอกหักก็จะไปเลยบอกพี่อินไปแบบนั้น ตอนนี้ไม่ไปแล้วครับ จะอยู่ที่นี่ด้วยกันนี่แหละ" พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนไม่พอยังทำท่าออดอ้อนไม่เลิก
ฟังประโยคแรกก็ว่าจะโกรธอยู่หรอก แต่คิดดูอีกทีเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่ต้องอยู่ไกล อยากเจอเมื่อไรก็ได้ มาหากันได้บ่อยๆ กลับกัน ถ้าน้องมันยังยืนยันจะไปทั้งที่ได้คบกันแล้วแบบนี้สิถึงน่าโมโห
"ไม่โกรธใช่มั้ย"
"ทำไมต้องโกรธ"
"ที่บอกว่าจะไป"
"ก็ตอนนี้ไม่ไปแล้วหนิ"
น้องหมีถอนหายใจออกมา คงโล่งอกที่ผมไม่ว่าอะไร น้องมันก็คงจะเครียดมากเหมือนกัน เครียดกับการวางกับดักที่ทำให้ผมเดินมาติดกับได้สำเร็จ และต้องเครียดอีกว่าจะทำให้เหยื่อที่มาติดกับนั้นยอมเชื่อใจตนได้ยังไง น้องมันต้องขอบคุณผมนะที่เป็นเหยื่อยที่ใจกว้างมาก
"นอนได้แล้ว" หมดปัญหาคาใจก็ได้เวลานอนสักที
"ฝันดีครับ" ทำมาเป็นกระซิบข้างหูแล้วขโมยหอมขมับอีกหนึ่งที ผมเลยหันตะแคงข้างกอดน้องมันคืน แบบนี้คงพอใจแล้วใช่ไหม
ความเงียบสงัดสมกับเป็นเวลากลางคืนกลับมาอีกครั้งหลังจากวุ่นวายกับที่นอนอยู่และเคลียร์ปัญหาคาใจอยู่หลายนาที จังหวะการหายใจคงที่สม่ำเสมอบอกให้ผมรู้ว่าน้องหมีคงหลับสนิทไปแล้ว และมันก็มาพร้อมคำตอบอีกอย่าง
คำตอบที่ว่า เตียงสามฟุตครึ่งมันก็ไม่ได้เล็กเกินไปหรอกสำหรับผู้ชายสองคน ผมคิดว่างั้น
END
จบจริงๆ แล้ววววววว ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นของเรา ไม่ใช่ละ ฮ่าๆๆๆๆ
หวังว่าทุกคนจะชอบทริปของพี่อินกับน้องหมีน้า
แล้วเจอกันเรื่องหน้า (ที่จะมาเมื่อไรก็ไม่รู้) TT