พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก
{เมฆXแสง ตอนที่1 คู่รักซิกแพค}
ฮะ แฮ่ม ถามหาไอ้โทนกับไอ้ไม้คู่ผัวตัวผู้กันอยู่หรือไง ฮะฮะ ไม่ให้เจอหรอกว้อย ตอนนี้เป็นของพี่ ไอ้แสงยอดชายผู้ปราบคู่ต่อสู้บนสังเวียนมาแล้วนัดต่อนัด ฉายา ไอ้หนุ่มเหนือแสง ทำไมถึงได้ฉายานี้มาอะหรอ หยุดเลย ๆ ไม่ได้โดนน็อคไวเหนือแสงหรอกนะ ไอ้นั้นมันสมัยก่อน แต่เดี๋ยวนี้หมัดเดียวก็ล่มคู่ต่อสู้ได้ ถ้ามันไม่สู้อะนะ ฮ่าๆๆๆๆๆ เอ้อ นี้พูดอะไรอยู่วะ
เริ่มไงดี…จะบอกว่าเป็นเด็กกำพร้ามาแต่เกิดก็ดูจะน่าสงสารเกินไปนัก เอาเป็นว่าบ้านหลังแรกของผมคือที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วกัน พี่น้องคนละท้องมีมากมายกว่า 50 ชีวิต ชื่อที่พี่เลี้ยงเก่าแก่ที่ตอนนี้แกเสียไปแล้วตั้งให้ คือ แสง ที่มาจากแสงสว่าง นามสกุลตอนนี้ใช้สกุลเดียวกับลุงทาย ที่เหมือนพ่อผมนั้นแหละ แล้วหนึ่งในพี่น้องนอกไส้ผมก็คือไอ้เมฆ อยู่ที่นี้มาตั้งแต่ตัวเท่าลูกแมว แต่ไอ้เมฆน่ะ มันถูกทิ้งตอนมัน 4 ขวบ เพราะแม่มันเสียและพ่อของมันทิ้งมันไปมีเมียใหม่ ไม่มีญาติที่ไหนมันเลยได้มาอยู่ที่นั้นด้วยกัน
ครั้งแรกที่เจอมันผมจำไม่ค่อยได้หรอกเพราะผมเองก็อายุเท่ามัน แต่แววตาเศร้าโศกคู่นั้นเป็นสิ่งที่ผมจำได้ดี จากนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้หรอกที่ผมกับมันสนิทกันรู้อีกทีถ้ามีผมก็ต้องมีมัน ถ้ามีมันและไม่มีผมนั้นสงสัยหลับอยู่
“อะให้” ไอ้ผมที่ยังเด็ก ยื่นรถบังคับคันตัวเท่าฝ่ามือ ให้ไอ้เมฆที่นั่งอยู่บนชิงช้ามองออกไปที่รั้วของบ้านเด็กกำพร้า มันหันมามอง รอยยิ้มของมันตอนนั้นผมจำได้ไม่ลืม มันยิ้มแบบโลกทั้งใบเป็นของมันและหยิบเอารถบังคับในมือผมไปกอด … นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมคุยกับมันละมั้ง
พอสักอายุ 15 ปี ความคิดความอ่านผมก็เพิ่มขึ้น แต่จุดแตกต่างระหว่างผมกับมันกลับชัดเจนขึ้น เมื่อผมเลือกที่จะคบเพื่อนที่เหลวแหลก สูบบุหรี่ กินเหล้า และขับมอเตอร์ไซค์ไปเรื่อย ๆ ไม่เรียนหนังสือถึงแม้จะมีทุนสำหรับเด็กกำพร้าอย่างพวกเรา แต่โชคดีที่ยังไม่ถึงขั้นไม่หลงผิดคิดเสพยา
ส่วนไอ้เมฆน่ะหรอ มันกลับชอบช่วยเหลือคนอื่น ออกกำลังกายและรักกีฬามวยเป็นชีวิตจิตใจ รวมไปถึงเกรดเฉลี่ยมันก็ดีเอาซะมาก ๆ เรียกง่าย ๆ ว่าผมน่ะรักเลว ไอ้เมฆน่ะรักดี
“ไอ้เมฆกูไปขี่มอเตอร์ไซค์นะ มึงไม่ไปกับกูเหรอวะ” ผมที่นอนอยู่บนเตียงภายในห้องพักเด็กกำพร้าใช้เท้าสะกิดไอ้เมฆที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ปลายเตียงกับพื้น แม่งจะขยันไปไหนก็ไม่รู้
“กูเคยขอ มึงไม่คิดจะทำให้กูเลยหรือไง”
มันหันมาถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง อ่อ อีกอย่างที่แตกต่างกัน คือรูปร่างที่สูงใหญ่แข็งแรง ผิวขาวละเอียด ใบหน้าคมคายคิ้วเข้มของมัน ส่วนผมน่ะหรือก็ไอ้ขี้ก้างหัวโตเหมือนที่ไอ้โทนเคยด่าไว้นั้นแหละ ย้ำนะเว้ย ว่านั้นมันแค่อดีตอะ! ตอนนี้กูสูงหล่อสุด ๆ
“ก็ใจกูมันรักนี้หว่า”
“มึงแน่ใจหรือว่ารักหรือว่าแค่เห่อหมอย”
“ไอ้เชี้ยมึงแม่ง กูไม่คุยกับมึงแล้ว” ผมถีบมันไปหนึ่งทีแต่มันก็ไม่สะทกสะท้าน ก่อนจะลุกยืนสวมเสื้อกับกางเกงภาษาเด็กแว้น อ่อ สมัยนั้นแม่งต้องทาปากแดงผมนกหัวขวานด้วยใช่ไหมวะ ฮ่าๆๆๆๆ
“กูเป็นห่วงมึง เพราะมึงก็เหมือนน้องกู” มันพูดในขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูห้องออกไป ผมชะงักนิดๆ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมัน ก็ตอนนั้นผมเด็กแค่อยากทำอะไรก็ได้ที่มันแหกกฎเกณฑ์ไม่เหมือนไอ้เมฆที่อยู่ในกฎเกณฑ์ได้ แถมเสือกมีประสิทธิภาพเป็นคนดีของสังคมสาวติดตรึมอีกต่างหาก ก็รู้ว่ามันผิดละครับ แต่ทำไงได้หัวใจมันเรียกร้อง
“โธ่เว้ย!!!!”
เคร้ง !
กระป๋องเจ้ากรรมถูกผมเตะไปไกลจนผมตกใจ เฮ้ย หรือว่าเราจะมีพรสวรรค์ด้านกีฬาปะวะ มึงคอยดูนะ เดี๋ยวคอยดูมึงจะเห็นกูเติบโตในวงการลูกหนัง … ฟุตบอลนะมึงไม่ใช่ให้กูจะไปขัดรองเท้า
“ไอ้หนู”
“ใครหนู”
ผมหันขวับไปมองก่อนจะชะงักเมื่อร่างสูงใหญ่หน้าโหดกำลังยืนกอดอกจ้องผมอยู่ นั้นเป็นครั้งแรกที่ผมเจอกับลุงทาย …. เป็นการพบเจอที่หดหู่สำหรับผมมาก เพราะตอนนั้นพ่อบุญธรรมของผมเหมือนจะฆ่าผมเพราะแค่เตะกระป๋องข้ามรั้วไปโน้น
“พูดจาให้มันดี ๆ ” เขาก้าวสามขุมเข้ามายืนตรงหน้าในขณะที่ผมยืนตัวลีบๆอยู่หลังเค้าต่อยอะ ใครจะคิดว่าเจ้าของค่ายมวยจะมาที่นี้ละ
เอ๊า แล้วผมรู้จักไปรู้จักแกได้ยังไงอะเหรอ ผมน่ะคล่ำหวอดอยู่ในวงการแว้นมาตั้งแต่ 10 ขวบ สถานที่ใหญ่ ๆก็ไปก่อกวนมาหมดแล้ว นับภาษาอะไรกับค่ายมวยของลุงแกละหว๊า! ตอนที่ไปเกือบโดนปืนโป้งเข้าที่หัวด้วย คิดแล้วยังเสี่ยวกบาลไม่หาย
“กะ ก็ลุง จะทำไมล่ะ”
“เรียกพี่ก็พอ เดี๋ยวกูทุบตายห่า” ผมสะดุ้ง ก็ตอนนั้นเขายังไม่ 30 เลยละมั่ง
“พะ พี่ ทายจ๊ะ อย่าทำอะไรผมเลยนะ” ผมเริ่มเลียแข้งเลียขาลุงแก ไม่งั้นผมคงโดนแกต่อยสลบ
“เออว่านอนสอนง่ายดี พี่ชายมึงล่ะ” เขาอ่อนลง
“คะ ใครครับ”
“ว๊ะ! ก็ไอ้เมฆไง ครูเอื้อยบอกข้าว่าเอ็งกับไอ้เมฆเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือไง”
“เรียกผมมีอะไรครับ” เสียงเข้มของไอ้เมฆดังขึ้นก่อนที่ผมจะยิ้มกว้างและรีบวิ่งไปอยู่ด้านหลังไอ้เมฆที่ยืนอยู่ด้านหลังลุงทายทันที อย่าน้อยไอ้เมฆก็เป็นมวย ถึงจะเป็นมวยวัดที่ชกชนะแค่ 2 ครั้งก็เถอะ
“เอ็งหรอไอ้เมฆ” ลุงทายหันหน้ามามองเราสองคนยิ้ม ๆ ผมที่แอบอยู่ด้านหลังชะเง้อออกมาดูหน่อย ๆ
“ครับผมเอง ถ้าไอ้แสงไปทำอะไรชั่ว ๆ เอาไว้ ต้องขอโทษด้วยนะครับ แล้วผมจะผ่อนจ่ายค่าเสียหายให้”
“กูเปล่านะ!” ผมร้องบอกมันทันที ใครไปทำอะไรวะ ตอนที่ไปก่อกวนที่ค่ายมวย ผมไม่ได้ทำนะ เพื่อนแว้นทั้งหลายต่างหากที่ทำผมแค่ไปด้วยเฉย ๆ ผมจะไปกล้าได้ยังไง แค่หมาเห่าก็วิ่งตายห่าแล้ว
“หึหึ น้องมึงที่ไปก่อกวนกูไม่เป็นไรกูให้อภัย” เฮือก เห็นกูด้วยเหรอ ผมรีบผลุบหัวไปอยู่ข้างหลังไอ้เมฆทันที
“แต่ที่กูอยากจะถามมึง และต้องได้คำตอบตอนนี้ว่า มึงอยากจะเป็นนักมวยในค่ายกูหรือไม่” ผมตะลึงนิ่ง … รู้แล้วละว่ามันเป็นเด็กมีอนาคต และในอนาคตนั้นก็คงไม่มีผมด้วย
“หมายความว่ายังไงครับ” มันถาม
“กูจะเลี้ยงดูมึงในฐานะพ่อครูมวยของมึง ให้มีที่อยู่ที่กินได้เรียนหนังสือ และมีอาชีพเป็นนักมวยให้ค่ายกู”
“… ถ้ามึงไปแล้วกูจะอยู่กับใคร” ผมกระซิบถามมันจากด้านหลัง ในตอนนั้นผมเหมือนไอ้ตัวที่ถ่วงความเจริญของไอ้เมฆเอาซะมากๆ
“ทำไมถึงเป็นผม”
“กูพาลูกกูไปเดินงานวัด และเจอมึงต่อยมวยอยู่ นัดนั้นมึงแพ้ แต่แววตามึงที่สู้สุดใจ กูชอบ … และกูก็เห็นไอ้ห่านั้นเกาะข้างล่างเวทีเชียร์เย้ว ๆ น่ารำคาญด้วย” ผมไม่ได้ร้องเย้ว ๆนะตาลุง!
“ถ้าลุงจะพาผมไปเลี้ยง ผมขอให้รับไอ้แสงไปอีกคนได้ไหมครับ” ผมเงยหน้ามองมันจากด้านหลังงงๆ
“ไอ้ห่าลิงนั้นอะนะ” ถ้าไม่กลัวจะโดนเตะนี้กระโดดกัดหูไปแล้ว
“ครับ ถ้าไอ้แสงไม่ไป ผมคงจะไปไม่ได้ เพราะผมคือพี่ชายของมัน”
“เฮ้อ เอา ๆ ดื้อกันให้เต็มที่ไอ้ห่านี้ไม่รู้จะเจอกับไอ้โทนจะยิ่งคูณ 2 หรือเปล่า ตามใจอยากจะไปก็ไป แต่กูบอกไว้ก่อนนะ ถ้ายังคบไอ้พวกสร้างความเดือนร้อนกลุ่มนั้นอยู่ กูเตะตกบ้านไล่มึงไปนอนข้างถนนแน่”
“ครับผมจะดูแลมันอยากดี”
“กูไม่ได้ถามมึง ว่าไงไอ้แสง ไปอยู่กับกูมึงจะทำตัวดี ๆ ไหม”
“กะ ก็ได้” ผมพูดกระซิบอยู่ด้านหลังไอ้เมฆ แต่ก็ถูกไอ้เมฆกระชากออกมายืนตัวลีบอยู่ข้าง ๆ มัน สาดดดดดดดดดด ไหนบอกพี่ชายกูขอหลบหน่อยไม่ได้เลยนะ
“เข้มแข็งและมีหางเสียงหน่อย!!!!”
“ครับผม !!!! ผมจะไม่แว้นแล้วครับ!!!!” ผมตกใจและตะโกนออกมาทำให้ไอ้เด็กตัวเล็กตัวน้อยที่วิ่งเล่นกันอยู่ตกใจหันมามองกันเป็นแถว
“ดี งั้นไปเก็บของและตามกูไปหาครูเอื้อย กูจะทำเรื่องขอรับเลี้ยงพวกมึง” พูดเสร็จแกก็เดินจากไป ผมกับไอ้เมฆมองตามหลังแกไปอย่างงง ๆ ก่อนจะหันมามองหน้ากันและยิ้มออกมาพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย วินาทีนั้น ผมก็ได้รู้จักความดีใจของคนมีบ้านเป็นของตัวเองแล้ว …
.
.
.
“พวกมึงรอนี้ก่อน”
ผมที่ขนของตัวเองลงมาจากรถแล้ว หันไปมองลุงทายที่เดินไปยืนท้าวเอวที่บันไดขึ้นบ้าน และต้องสะดุ้งเฮือกไม่อยู่ ๆ ลุงแกก็ตะโกนออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ไอ้โทน ไอ้ห่าโทน! ลงมาช่วยขนของ ของมึงทั้งนั้นเลยไอ้ลูกจอมขี้เกียจ!!!!!”
“โว้ย ไอ้โทนมันไปตลาดพระกับไอ้ทิมโน้น”
ผมหันไปมองชายร่างสันทัดแต่ดูแกร่งไปทั้งส่วน สีผิวดำแดงเดินพาผ้าขาวม้าถือนวมเข้ามาหาจากทางหลังบ้าน และนั้นเป็นครั้งแรกที่ผมได้พบลุงจันทร์เมียเยอะ ไม่ต้องตกใจทำไมผมถึงเรียกแกงั้น เห็นแกแบบนี้หญิงติดตรึมนะ แถมเมียเยอะจนตบกันแย่งชิงอย่างกับลุงแกเป็นณเดช
“อ้าวไอ้จันทร์ แล้วมันไปทำอะไรละ” ลุงทายถาม
“ก็ตามติดไอ้ทิมไปส่องพระนั้นแหละ อยู่บ้านมันก็ซนอย่างกับลิงปล่อยให้มันไปซนที่อื่นบ้างเถอะกูปวดหัว ว่าแต่ไอ้สองคนนี้น่ะหรือที่เอ็งบอก ไหนเอ็งบอกแค่ไอ้เมฆคนเดียวไง แล้วไอ้กุ้งแห้งนี้ใคร” ผมที่กำลังยืนฟังเพลิน ๆ หันมามองแกและชี้มาที่ตัวเองงง ๆ อุตส่าห์ยืนสงบนิ่งแล้วเชียว
“แนะนำตัวกับลุงจันทร์สิวะ แล้วยกมือไหว้สวย ๆ ด้วย”
“อะ จ๊ะ ฉันชื่อแสงจ้ะลุง”
“ว่าแต่เอ็งนี้หน้าคุ้น ๆ นะ” ลุงแกเดินมาส่องหน้าผมใกล้ ๆ จนต้องย่นคอหนี ไอ้เมฆเองก็หัวเราะไปกับเขาด้วย สาด ใช่สิมึงเข้ามาบ้านเขาถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่างนี้ มีกูเป็นกาฝากเฉย ๆ นี้ แม่งๆๆๆๆๆ
“ก็จะใครซะอีกละก็แก๊งไอ้โชคนั้นแหละ แต่ดันเป็นน้องไอ้เมฆ มันก็เลยต้องเอามาชุบเลี้ยงทั้งคู่” ลุงทายพูดพร้อมกับเดินมากอดคอผมทั้งคู่ เกร็งสุดชีวิต
“ว๊ะ! ไอ้แสบนี้เอง เอาเถอะ ๆ ไปเอาข้าวของเก็บหาน้ำหาท่ากินให้สบายใจแล้วค่อยมาคุยกัน”
ผมกับไอ้เมฆถูกให้มาอยู่ที่เรือนหลังเล็กที่เดียวกับลุงจันทร์และลุงทิม แต่คนละห้อง แม้จะเป็นบ้านไม้ แต่ก็แข็งแรงต้านทานแรงลมแรงฝนได้ดี แถมเย็นอีกต่างหาก ผมเองก็ไม่มีปัญหาในการอยู่กับไอ้เมฆด้วยเพราะเราอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว
หลังจากเก็บของเสร็จ ไอ้เมฆกับผมก็พากันลงมาหาลุงทายและลุงจันทร์ที่นั่งรออยู่ที่ลานหน้าบ้านเพื่อฟังกฎเกณฑ์ของค่ายมวยแห่งนี้ การซ้อมเช้า ซ้อมเย็น และการขึ้นชกที่จะมาถึงเร็ว ๆ นี้ผมน่ะไม่ค่อยตื่นเต้นหรอก แต่ถ้าไอ้เมฆนะตาเป็นประกายวิ้ง ๆ เลยละ ผมก็ดีใจที่ไอ้เมฆกำลังก้าวหน้าละนะ
“พ่อจ๋า พ่อจ๋า พ่อ” (ทำนองเพลง พี่จ๋าพี่ของคุณแม่พุ่มพวง ดวงจันทร์)
เสียงแจ๋วแว๊วของเด็กผู้ชายทำให้ผมทั้งสี่คนที่นั่งคุยกันอยู่หันไปมอง ก่อนที่จะเป็นการพบเจอไอ้เด็กหัวโปก ที่กวนส้นตีนที่สุดในโลก ไอ้โทนวัยเด็กขี่จักรยานดริฟเบรกหัวทิ่ม มาจอดข้าง ๆ ผมที่นั่งอยู่ริมสุดจนผมต้องยกขาหนี ไอ้ห่านี้นิ
“โย่ว น้องโทนมารายงานตัวแล้วครับ” มันยกมือขึ้นก่อนจะพูดทักทายตามภาษามันยิ้มนี้แก้มแทบปริ มันเป็นคนน่ารักแต่เด็กเพราะได้เชื่อแม่มะลิเมียลุงทายที่ด่วนจากไปก่อนมาเยอะ ถ้าไม่ติดนิสัยห่าม ๆของมันอะนะ
“มึงเจอคู่แข่งแล้ว”
“แข่งเหี้ยไรล่ะ” ผมหันไปค้อนไอ้เมฆขวับ ไอ้ห่าหมาเกิด
“ถ้ามึงเบรกและหัวทิ่มกูจะโบกให้หัวลั่นไอ้โทน”ลุงทายว่าเสียงเรียบ
“ไม่หรอกน่า น้องโทนเก่ง อ่ะ พี่สองคนนี้ใครอะ คนนี้หล่อ แต่คนนี้ ยี๋! ผมทรงประหลาดอะ” ไอ้เด็กเหี้ยว่าทรงผมกู มึงไม่รู้จักทรงไก่ฟ้าประจำแก็งกู แล้วอย่ามาพูด
“นี้ไอ้เมฆ นี้ไอ้แสง พี่ชายมึง จะมาเป็นนักมวยค่ายนี้” ลุงจันทร์แนะนำ
“อะเหรอ แล้วแต่นะ พ่อมีไรกินบ้างอะโทนหิว” มันทำไม่สนใจก่อนจะกระโดดมาเอาหัวทุยอ้อนลุงทายดูเหมือนกวนตีนอยู่กราย ๆ มากกว่า
“งั้นเดี๋ยวพี่ไปทำให้นะครับ” ไอ้เมฆเสนอตัว รีบทำคะแนนเลยนะมึงอะ
“เย้ สอนโทนทำด้วยนะ” ว่าแล้วพี่น้องคนใหม่ก็เดินคู่กันไปในครัว ส่วนกู ก็หมาหัวเน่าไง ไอ้เชี่ยเมฆน้องมึงอยู่นี้!!!!
.
.
.
วันเวลาผ่านไปกว่า 5 ปี เราสองคนอายุ 20 ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสงบตามวิถีชีวิตนักมวยของผมและไอ้เมฆ พี่ชายผมเริ่มมีชื่อเสียงในวงการและเนื้อหอมมากขึ้นมีแฟนคลับตามตูดมาเฝ้าถึงค่าย จนผมกับไอ้โทนต้องแพคทีมไล่กันสนุก ถ้ามากรี๊ดไอ้แสงสิจะหาข้าวหาน้ำเลี้ยงด้วย ชิ
ส่วนผมน่ะเหรอผมหายเป็นทรงไก่แล้วแต่ก็นะ ชกทีแพ้ตลอดร่างกายก็ยังไม่แข็งแรงเท่าไหร่ เพราะผมมันเด็กขี้เกียจหนีซ้อม มีจังหวะดี ๆ ก็ไปแว้นตลอด และก็โดนไอ้เมฆไปลากกลับมาประจำ มีครั้งนึงขึ้นโรงพักเพราะติดรางแหไปกับที่โดนตำรวจจับ ผมงี้ร้องไห้ออกมาเลยเพราะกลัวทุกอย่างผมยังเด็กครับ ในตอนนั้นยังมีความสดความสนใจกับสิ่งเร้าทั้งหลาย และขี้ขลาดกลัวทุกสิ่งอย่างแต่ก็รั้นจะทำทุกอย่างเหมือนกัน แต่ลุงทายและไอ้เมฆก็ไปประกันตัวผมออกมา
จากนั้นผมก็เลิกแว้นอย่างจริงจัง ประจวบเหมาะกับที่ไอ้โทนไปลากไอ้ไม้มาเป็นลูกพอดี นั้นก็เป็นครั้งแรกที่เจอไอ้เด็กหน้าโหด นิสัยผู้ใหญ่ยิ่งกว่าให้โทนที่สำคัญเป็นเด็กกำพร้ามาในสถานรับเลี้ยงเด็กเหมือน ๆ กับผมเช่นกัน
“ไอ้เมฆ กูอยากนมใหญ่เหมือนมึงบ้าง มึงดูหุ่นกูแห้งอะ มึงดูเซ่ ไอ้เหี้ยดูมวยเหี้ยไรนักหนา ดูกู๊วววววววววววว”
ผมกระโดดไปดักหน้าโชว์พุงน้อย ๆ ที่ไม่ขึ้นเป็นซิกแพคสักที มีแต่ก้างย้วย ๆ กับหัวนมสีชมพู แต่มันไม่สนใจเลยแถมเอาแขนปัดผมอย่างกับแมลงวันอีกต่างหาก ผมเลยต้องใช้ไม้เด็ด …
ผลั๊ว
“ไอ้แสงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง! ไอ้สัดพี่เข้มกูน็อคเลยมึง!!!!” เป็นไงละ ผมหัวเราะเมื่อตวัดรัดรอบพุงมันจากด้านหลังและเอนตัวไปข้างหลังล้มลงเตียง ส่วนมันม้วนหน้าหนึ่งตลบหัวกระแทกเตียงดังผลัก ประจวบเหมาะกับที่มวยแพ้พอดี ฮ่าๆๆๆ เป็นไงละ
“ก็มึงไม่สนใจกูอะ ถ้ามึงไม่ยอมสนใจกูกูจะไม่ปล่อย”
“ไอ้ห่า กูเจ็บนะ มานี้เลยอยากให้กูสนใจนักนี้”
พรึบ โป๊ก!!!
“อะ จะ เจ็บ มึงหัวกูกระแทกขอบเตียงเลย!” ผมผวาร้องลั่นเมื่ออยู่ ๆ มันก็ตวัดผมจนมาอยู่ใต้ร่างมันเพียงแวบเดียว ทำให้ผมหัวผมกระแทกขอบเตียงด้านบน มันต้องปูดแน่ ๆ ไอ้เหี้ยเมฆ ไอ้พี่เวรตะไล
“ก็มึงดื้อเอง ร่างกายปวกเปียกแบบนี้ไงถึงสู้แรงใครเขาไม่ไหว ขนาดมึงอยู่ที่ค่ายมวยมึงยังไม่เอาวิชาเลย กูไม่รู้จะว่าไงแล้วไอ้แสง” มันพูดในขณะที่หน้าของเราห่างหันไม่ถึงคืบ ตาผมจ้องตามันอย่างไม่ลดละจนผมต้องเซมองไปทางอื่นร้อนวูบที่ใบหน้าอย่างหาสาเหตุไม่ได้
“กะ กะ กูกลับใจแล้วไง แต่กูแค่ช้าไปหน่อยแค่นั้น …” น้ำเสียงผมอ่อนลงเพราะมันพูดถูกทุกวิชา ลุงทายพร่ำสอนผมสารพัด แต่ก็เหมือนเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา ผมกากเอาซะมาก ๆ ในตอนนั้น
“หึ ให้มันจริง ขนาดไอ้ไม้เข้ามาใหม่ ๆ มันยังขยันกว่ามึงเลย อย่าให้อายเด็ก รู้ไหมจ้ะ น้องแสงของพี่ จุ๊บ!” มันพูดน้ำเสียงหยอกล้อไม่พอยังยื่นปากมาจุ๊บผมอีก ถึงจะเป็นจุ๊บสั้น ๆ เหมือนใช้ปากแตะกันเฉย ๆ แต่ก็ทำให้ผมอึ้งทึ้ง หน้าแดงทำอะไรไม่ถูก
“อะ ไอ้เหี้ย!!!!! มึงแม่ง แหวะๆๆๆๆๆ” ผมยกมือเช็ดปากตัวเองพัลวันอีกข้างก็ผลักอกของมันให้มันลุกไปจากตัวของผม มึงเห็นกูเป็นกล้วยหรือไงถึงทับกูอยู่ได้
“เวอร์นักนะมึง จุ๊บ” ผมช็อก นอกจากจะผลักไม่ออกแล้วยังจุ๊บแกล้งผมอีกที
ก่อนที่มันจะลุกขึ้นและเดินหยิบผ้าขาวม้าพาดบ่าออกจากห้องไป … ทิ้งให้ผมนั่งอยู่บนเตียงคนเดียวอย่าง งง ๆ กับความรู้สึกตัวเอง อาจจะเป็นเพราะนั้นแม่งคือ จูบแรกของผมที่มันปล้นไปซะอย่างงั้น
จากนั้นมา นั้นก็ไม่ใช่จูบแรกของผมและมัน เมื่อมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่ 2 3 4 5 6 7 ไปเรื่อย ทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ เราไปไหนมาไหนด้วยกันปกติ จนเรียนจบ กศน. ในวุฒิการศึกษา ม.6 จนผมเองก็รู้สึกชินและเสพติดไปซะอย่างงั้น มันอาจจะประหลาดก็ได้ แต่ผมก็อธิบายความรู้สึกของผมไม่ถูก ทั้งผมและมันต่างมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวพัน แต่ก็ได้ไม่นานหรอกครับ อาจจะเป็นเพราะเราเป็นนักมวย วัน ๆ ชีวิตจึงมีแต่การฝึกซ้อม คู่ต่อสู้ สังเวียน และเพื่อนพ้องเท่านั้น พัฒนาการของผมเปลี่ยนไปอย่างเชื่องช้า
จนวันเวลาที่ไอ้ไม้จากไป ทั้งบ้านจึงมีแต่ความโศกเศร้าเพราะไอ้โทนกลายเป็นเหมือนคนบ้าในช่วงแรก ๆ เอาแต่ร้องไห้ งานการไม่ทำ ไม่มีใครช่วยปลอบประโลมจิตใจของมันได้ แม้แต่ตัวของมันเอง แต่สุดท้ายมันก็กลับมาตั้งหลักได้ด้วยตัวเอง ผมและทุกคนก็ได้แต่เฝ้ามองมันอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ
“มึง” ในขณะที่ผมนอนอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน มองดูพระจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ไอ้เมฆครับ มันเดินมานั่งข้างๆผม ผมมองมันนิดนึงและก็หันกลับมามองพระจันทร์ต่อ
“กูไม่เป็นไร” ผมพูดเบา ๆ ไม่ใช่เรื่องอะไรหรอกครับ
ผมแค่รู้สึกว่าความรักแม่งประหลาดนะ คนๆหนึ่งยอมเสียน้ำตาให้กับคนที่รักเหมือนคนบ้าแบบไอ้โทน แล้วผมเองละ จะหาคนที่ผมอยากรักแบบนั้นได้ไหม … ผู้หญิงคนไหนที่จะมารักจริงกับนักมวยต๊อกต๋อย แถมยังมีพี่ชายขี้หวงฉิบหายอย่างผม
“อ่อนไหวเหลือเกินนะ ความรักของใครก็ให้เขาจัดการกันเองสิวะ มึงจะไปคิดแทนเขาเพื่อ ?”
“มึงจะมาเทศกูทำไมวะ นอนลงดิ ยืนอยู่ได้” ผมดึงมือมันให้นอนลง มันหัวเราะในลำคอก่อนจะนอนลงข้าง ๆ ผู้ชายสองคนนอนมองพระจันทร์บนแคร่เล็ก ๆ ก็เป็นภาพที่ตลกดีนะครับ
“มึงว่าตอนนี้พ่อกูทำอะไรอยู่วะ” อยู่ไอ้เมฆก็ถามขึ้น ผมหันไปมองก่อนจะลุกขึ้นนั่งและมองมันอย่างสงสัย แต่ไอ้เมฆไม่มองผมมันยังเหยียดยิ้มมองพระจันทร์อยู่แบบนั้น
“ทำไมมึงพูดเรื่องนี้วะ”
“กูไม่โกรธเขาหรอกพูดถึงได้ กูไม่อะไรแล้ว เพราะกูไม่อยากแค้นใคร รู้ไหมเพราะอะไร” มันหันมามองผมและเอื้อมมือขึ้นมาเกี่ยวปอยผมของผมทัดหู และจับค้างอยู่ที่แก้มของผม มันเป็นมือที่สากที่คุ้ยเคย
“อะไรวะ” ผมมองตาของมัน และด้วยความคุ้ยเคยผมก็โน้มตัวลงเข้าไปใกล้ … ผมบอกแล้วว่าผมเสพติด
“ก็เพราะตอนนี้ กูมีความสุขมากไงละ”
ผมหัวเราะก่อนจะก้มลงไปจูบมันอย่างไม่มีความลังเลใจในเวลาแบบนี้สมองผมมักโล่งและสะอาดปราศจากความยับยั้งชั่งใจ … เป็นเพราะอะไร ผมก็ไม่รู้เหมือนกันรู้เพียงแรงดึงดูดของโลกมันดึงเราเข้าหากัน เพียงแต่รอบนี้ มันเกินเลยไปหน่อย …
ผลัก!
แรงผลักของไอ้เมฆทำให้ผมลอยไปติดกับประตูห้องที่พึ่งปิดลง ก่อนที่มันที่มีแววตากระหายจะโหมตัวเข้าหาผมราวกับสัตว์ป่าที่ผมไม่รู้จัก ลิ้นร้อนเกี่ยวพันกับลิ้นของผมอย่างไม่มีใครยอมใครโดยที่ผมยกแขนโอบไหล่ของมันให้เข้ามาใกล้อีก อกเปลือยเบียดเสียดกันพร้อมๆกับไฟราคะที่เพิ่มทวีขึ้น ขาแกร่งของมันสอดเข้ามาใน หว่างขาของผมก่อนที่ลิ้นร้อนจะดูดเลียไปตามลำคอของผมอย่างโหยหา … ผมไม่ปฏิเสธมันเพราะความโหยหาที่ไม่ต่างกัน
“ต่อจากนี้ กูจะไม่หยุดแล้วนะไอ้แสง” มันกระซิบเสียงแหบพล่าน
“กูบอกให้มึงหยุดเหรอ” ผมกระซิบจูบลงเบา ๆ ที่ไหล่ของมัน
จากนั้นร่างผมก็ลอยขึ้นจากพื้นด้วยความตกใจจึงใช้ขาตวัดรอบเอวของมันเอาไว้และก้มลงไปจูบมันอีกครั้ง เราสบตากันท่ามกลางเสียงจูบที่โหยหาดังไปทั่วทั้งห้อง มันพาผมมาวางที่เตียงและถอดกางเกงของมันและผมออกในไม่กี่วินาที ก่อนจะทาบทับตัวลงมาจูบไล่ผมไม่ทั่วทั้งตัว กายของผมสั่นเทา และก็เสี่ยวซานจนไม่อาจจะหยุดเอาไว้ได้
“มะ เมฆ กะกู อื้อ สกปรก” ผมดันหัวมันออกเมื่อรู้สึกถึงลิ้นแฉะที่กำลังฉกช่องทางหลังเหมือนกับงูที่เกรี้ยวกราดทำเอาร่างกายของผมระทวยไปหมด เชี้ยเอ้ย! ทำไมมันเก่งนักวะ
“ผิวมึงแม่งเนียนฉิบหาย” มันสบถออกมา ก่อนจะจูบซับที่ขาอ่อนด้านในของผม ขณะที่ผมเองก็ขยุ้มหัวของมันไม่ปล่อย ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมันสอดนิ้วเข้ามาในส่วนนั้นของผม ไอ้สาดดดดดดดดดดดดด เจ็บฉิบหาย แต่แม่งก็เสี่ยวด้วย นี้กูกู่ไม่กลับแล้วใช่ไหม!!!
“กะ กูเจ็บ กูไม่ไหว มึง มะมึง อื้ม…” มันยืดตัวขึ้นมาจูบผมอย่างร้อนแรงกระแทกนิ้วเข้าไปอย่างแรงด้วยความมหมั่นไส้ จากหนึ่งเป็นสอง และสาม จนผมจุกไปทั่งท้องน้อย
“กูขอนะ”
“ขอหาพ่อมึงหรอ” ผมด่ามันใบหน้าร้อนวูบวาบไปหมดก่อนจะสะดุ้งและร้องออกมาด้วยความเจ็บเพราะมันกระแทกส่วนหัวเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว
มือทั้งสองข้างยันท้องที่มีแต่กล้ามเนื้อของไอ้เมฆ หวังให้มันออกไปแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธจูบของมัน ก่อนที่ไอ้เมฆจะจับแขนของผมไปคล้องบ่าแกร่งของมันเอาไว้แทน ขาของผมสั่นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตวัดรัดรอบเอวของมันเอาไว้ เหงื่อกายของเราทั้งสองคนแตกพลั่กด้วยความร้อนของที่กระจายไปทั่วทั่งร่าง
“อื้อ!” ผมร้องออกมาเมื่อมันกระแทกเข้าไปสุดลำ และก็เริ่มขยับร่างกายในทันที
จากช้าเป็นเร็ว จากเร็วเป็นแรง จนร่างกายของผมสะเทือนขยับไปตามแรงของมัน เจ็บนะ แต่มันก็รู้สึกดีด้วย ในสมองของผมตอนนั้นโล่งไปหมด มันขยับอยู่อย่างงั้น ก่อนจะเปลี่ยนท่าเป็นอีกหลายท่าที่ผมเคยดูหนังเอ็กซ์ และตอนนี้ผมก็กลายเป็นผู้ถูกกระทำซะเอง
“กะกูไม่ไหวแล้ว อะ อ๊า อื้อ!” ผมที่ถูกไอ้เมฆจับพลิกคว่ำหน้าลงกับเตียงโดยที่มันคุกเข่ากระแทกอยู่ด้านบนมือทั้งสองทำหน้าที่เป็นปลาหมึกลูบไล้ผมไปทั่วทั้งร่าง ด้วยความเสียวผมคว้าเอาผ้าห่มขึ้นมากัดเอาไว้แน่น
“กูด้วย อ๊า แสง” มันว่าก่อนจะคว้าเอาแกนกลางของผมไปชักด้วย สาดดดดดกูเสี่ยวจะตายแล้ว
“อ๊า!!!!!!” ผมและมันร้องออกมาพร้อมกัน กับความสุขสมที่เต็มเปี่ยม
ผ้าปูที่นอนเละเทะด้วยฝีมือของผม ส่วนด้านในของผมเองก็เต็มไปด้วยน้ำของมัน คืนนั้นมันไม่จบเพียงครั้งเดียว ผมจำไม่ได้ว่าถูกมันกดไปแล้วกี่ครั้ง เพราะไม่ได้นับรู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในช่วงบ่ายของอีกวันพร้อมชุดสะอาดและผ้าปูที่นอนผื่นใหม่แล้ว … และกูก็เปรียบเสมือนคนป่วยที่ขยับร่างกายไม่ได้ไปอีกหนึ่งวันเต็มๆ โชคดีที่ไอ้เมฆโกหกให้ว่าผมเป็นไข้ ไม่งั้นคงอายแทบมุดดินหนีเป็นแน่
จากนั้นมา อย่าคิดว่ามันจะจบแค่นั้น ความสัมพันธ์ของเรายังคงเปรียบเสมือนพี่น้อง แต่พี่น้องที่เอากันได้นะ และที่หน้าแปลก ไม่ว่าผมจะไปกับผู้หญิงคนไหน ผมไม่เคยอิ่มเอมเลยสักครั้ง แต่ผมก็ยังโหยหาผู้หญิงอยู่นะ อาจจะเป็นเพราะอย่างที่บอกไว้แล้วว่าผมน่ะ เสพติดไอ้เมฆจนถอนตัวไม่ขึ้นก็เป็นได้ ชีวิตของผมก็มีมันอยู่ตลอดมา ตั้งตอนที่ขึ้นชกนัดใหญ่ ตอนฝึกซ้อม ตอนที่ผมดีใจ ท้อแท้ หรือต้องการกำลังใจ มันไม่เคยไปจากผมเลย และมันก็เป็นเช่นนี้จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะกี่ปีกี่ชาติ ผมก็ไม่เคยไปไหนรอดเลยสักครั้ง จนผมเลิกถามความรู้สึกของตัวเองไปนานแล้วครับ เพราะไม่ว่ายังไงผมก็จะอยู่กับมันแบบนี้ตลอดไป ไม่ว่ามันจะวางความสัมพันธ์ไว้อย่างไรก็ตาม ถึงแม้มันจะมีเมียมีลูก ผมก็จะคอยอยู่ตรงนี้ …