วันวาน... สู่นิรันดร์
บทที่ ๒พระตำหนักหลังใหญ่ไม่สามารถทำความสะอาดให้เสร็จได้ภายในวันเดียว แต่ห้องสำคัญๆ ที่ต้องใช้บ่อยๆ ได้รับการทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว ห้องที่ไทวาเลือกเป็นห้องนอนยังตกแต่งไม่เสร็จทั้งยังมีแต่กลิ่นสี คืนนี้เด็กหนุ่มจึงขอนอนห้องเดียวกับเจ้าของพระตำหนักอีกคืนหนึ่ง
“ถ้าพี่เขยอึดอัด เดี๋ยวไทนอนข้างล่างก็ได้ครับ”
“นอนข้างบนด้วยกันนั่นแหละ เตียงพี่ออกกว้าง ไทก็ไม่ได้นอนดิ้นไม่ใช่หรือ”
“ไม่ดิ้นครับ! ไทไม่นอนดิ้น” คนตอบกระตือรือร้น เสียงดัง ทั้งดวงตายังเป็นประกาย
เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรเห็นแล้วก็แย้มพระสรวลเอ็นดู นึกอยู่ในพระทัยว่าดูท่าอีกฝ่ายจะกลัวการนอนคนเดียวหรือไม่ก็กลัวผีเสียละกระมัง ถึงได้ดูดีอกดีใจถึงเพียงนี้
“นอนไม่หลับหรือ”
คนที่ได้ยินเสียงอีกฝ่ายพลิกตัวกลับไปกลับมาหลายครั้งแล้วตรัสถามขึ้นในความมืด
“ขอโทษครับ!” คนร่วมเตียงเผลอตอบเสียงดัง “ไททำให้พี่เขยนอนไม่หลับรึเปล่า”
“ก็มีส่วน”
“ขอโทษครับ”
“ไม่เป็นไร ไทยังไม่ง่วงหรือไม่สบายใจเรื่องอะไร”
คนนอนใจเต้นแรงอยู่นานแล้วลังเล แล้วก็ตัดสินใจทูลถามเบาๆ
“ไท... นอนกอดพี่เขยอีกได้ไหม”
“หนาวหรือ” ปกติอากาศแบบนี้พระองค์ไม่ทรงห่มผ้าด้วยซ้ำไป
“เปล่าครับ ไท... คิดถึงบ้าน” โกหกคำโตไปเสียแล้ว
“งั้นก็มานี่มา”
อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว ขยับแข้งขยับขากอดก่ายหมับราวกับพระองค์ทรงเป็นหมอนข้าง ทั้งยังซุกหน้าลงบนพระอุระของพระองค์อีก เจ้าชายอัทธายุทรงพระสรวลเบาๆ แม้จะทรงรู้สึกประหลาดๆ อยู่บ้าง ตั้งแต่เกิดมายังไม่มีใครกล้านอนกอดก่ายพระองค์เอาตามใจชอบอย่างนี้มาก่อน แปลกที่พระองค์ไม่ได้ทรงขัดเคืองพระทัยที่เด็กหนุ่มที่จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับพระองค์เลยถือวิสาสะถึงขนาดนี้
“อย่าคิดมาก คิดเสียว่าบ้านพี่ก็เหมือนบ้านไท ถ้าคิดถึงก็เขียนจดหมายไปหาบ้าง”
“ได้หรือครับ”
“ได้ แต่พี่ต้องขอตรวจสอบจดหมายของไทก่อน ไม่ใช่ไม่เชื่อใจ แต่มันเป็นขั้นตอน”
“ไทเข้าใจครับ”
“ไท” เจ้าชายหนุ่มทรงมุ่นพระขนง ครั้นอีกฝ่ายขานรับว่าครับ พระองค์ก็ตรัสถามตามตรง “ทำไมใจเต้นแรงจริง”
คนในอ้อมพระพาหาดูเหมือนจะสะดุ้งเฮือก น้ำเสียงที่ทูลตอบละล่ำละลักผิดปกติ
“ท... ไทดีใจ”
“อ้อ” ถึงจะทรงตอบรับราวกับเข้าพระทัย แต่ความจริงกลับยังไม่ทรงหายสงสัย “อยากได้อะไร อยากทำอะไร หรืออยากไปไหนก็บอกพี่หรือบอกหญิงน้องก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจ ส่วนมหาดเล็กที่นี่ไทก็ใช้ได้ทุกคน พวกเขาจะรับคำสั่งจากไทเหมือนรับคำสั่งจากพี่ จำชื่อได้หมดทุกคนรึยัง”
“จำได้ครับ”
น้ำเสียงที่ฟังดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษทำให้คนฟังทรงเดาได้ไม่ยากว่าอีกฝ่ายอยากจะอวดเต็มที่ จึงตรัสถามอย่างเอาใจเด็กหนุ่ม
“ชื่ออะไรบ้าง”
“มีสิบสองคน ชื่อวิวัฒน์จัดสวน สมควรเลี้ยงไก่ ไผทว่องไว ธงชัยมีเขี้ยว เขียวผมบาง หูกางสมนึก ถึกไว้หนวด ขวดจมูกโด่ง โย่งตัวใหญ่ วินธัยไฝยักษ์ จักรปลูกผัก แล้วก็ศักดาฆ่าปลวกครับ”
“หึหึ” คนฟังเกือบจะทรงหลุดขำตั้งแต่เด็กหนุ่มยังพูดไม่จบ แต่ก็อุตส่าห์ทรงรอจนอีกฝ่ายรายงานครบถ้วนจึงทรงพระสรวลพระสุรเสียงดัง
“ฮ่ะๆๆๆๆ”
“ไม่ตลกสักหน่อย ก็ไทจำไม่ได้เลยต้องหาวิธีให้จำได้ง่ายๆ พี่เขยหัวเราะเยาะไททำไม” เสียงหัวเราะห้าวๆ ที่ดังอยู่เหนือหัวนี่ไม่ว่าฟังเมื่อไร เขาก็รู้สึกว่าอกใจเต้นแรงทุกครั้ง อกอุ่นๆ แน่นๆ ที่สั่นไหวอยู่ใต้ฝ่ามือก็ให้ความรู้สึกดีเสียจนอยากจะซุกหน้าลงไปแนบแล้วสูดกลิ่นให้ลึกๆ
“ไม่ได้หัวเราะเยาะ แต่ตั้งชื่อใหม่ให้แบบนี้เจ้าของชื่อเขารู้รึเปล่า”
“รู้ครับ”
“อืม หึหึ”
หลังจากเสียงสรวลแผ่วหายไปก็ไม่มีเสียงใครพูดอะไรขึ้นมาอีก ไม่นาน ลมหายพระทัยของเจ้าชายหนุ่มก็เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แต่คนที่ยังตื่นเต้นอยู่ไม่หายกลับยังไม่ง่วงเลยแม้แต่น้อย รออีกพักใหญ่จึงกลั้นหายใจทูลเรียกเบาๆ
“พี่เขยครับ”
เงียบ ไม่มีเสียงตอบ แสดงว่าบรรทมหลับไปแล้ว
“ไทคิดถึงพี่เขย”
“คิดถึงทำไม พี่ก็อยู่ที่นี่”
เฮือก!
คนสะท้านขึ้นทั้งตัวผงะออกอย่างตกใจ แต่เจ้าของท่อนพระพาหาใหญ่กำยำกอดกระชับเอาไว้ ไทวากลอกตาลอกแลกอยู่ในความมืด ใจเต้นไม่เป็นส่ำ
... คิดว่าหลับไปแล้วเสียอีก ดีที่อีกฝ่ายไม่ได้รับสั่งคาดคั้นเอาคำตอบจริงจัง...
“เจ้าพี่น่ะทรงบ้างานจะตาย หายากนะเนี่ยที่จะทรงหยุดงานแล้วพาใครออกมาเที่ยว”
รับสั่งของเจ้าหญิงวรนารีทำเอาคุณชายแห่งเผ่าไทวะรู้สึกหัวใจพองฟูขึ้นมา ตลาดใหญ่กลางเมืองหลวงของเรืองอรุณพลันน่าเดินเล่นขึ้นมาอีกอักโข ถึงแม้ว่าสายตาของหญิงสาวมากหน้าหลายตาที่มองมาทางเจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณจะทำให้เขารู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลยก็เถอะ
“อยากได้อะไรก็ดูๆ ไว้ก่อน อย่าเพิ่งซื้อ เอาไว้ซื้อตอนขากลับ”
รับสั่งบอกทั้งพระขนิษฐาและ ‘น้องเขย’ แล้วก็แย้มพระสรวลตอบหญิงสาวนางหนึ่งที่เดินสวนกันและส่งยิ้มมาให้ ไทวามองตามแล้วเผลอยู่ปาก
“ไทเป็นอะไร”
เจ้าหญิงคนงามซึ่งอยู่ในฉลองพระองค์แบบหญิงสาวชาวบ้านตรัสถาม และเจ้าของวรองค์สูงใหญ่ที่ดำเนินนำหน้าก็ทรงหันพระพักตร์กลับมามอง
“เปล่าครับ”
เด็กหนุ่มดันแว่นขึ้น พลางคิดว่าเขาควรจะเก็บความรู้สึกไว้ให้มิดชิดกว่านี้
“จุดธูปเทียนบูชา ถวายดอกไม้ไหว้พระก่อนจะได้เป็นสิริมงคล พระท่านจะได้คุ้มครองให้ไทอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข”
เจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณทรง ‘ธรรมะธัมโม’ ผิดจากรูปลักษณ์ภายนอก คนที่ออกความคิดว่าการออกมาเที่ยววันนี้ควรเริ่มต้นที่วัดหลวงก็คือพระองค์ วันนี้ไม่ใช่วันพระ คนที่มากราบพระในโบสถ์จึงมีเพียงประปราย เจ้าชายหนุ่มทรงจุดธูปประทานให้ทั้งพระขนิษฐาและ ‘น้องเขย’
“ไม่ต้องขอเยอะ เดี๋ยวพระท่านจะจำไม่หมด”
ไทวาพนมมือสวดมนต์บูชาพระรัตนตรัย เด็กหนุ่มหลับตา นึกเรื่องที่อยากจะขอ แต่แล้วก็หรี่ตาขึ้นนิดๆ มองไปทางเจ้าของพระพักตร์ที่มีหนวดเคราเขียวครึ้มอยู่รอบคาง เผลอจ้องพระโอษฐ์หยักสวยงดงามใต้ไรหนวดอย่างลืมตัว แล้วก็ต้องรีบหลับตาหันหน้าตรงเมื่ออีกฝ่ายทรงลืมพระเนตรขึ้น
เขาขอสิ่งที่ต้องการมากที่สุดไปหนึ่งอย่าง
“อธิษฐานนานเชียว ต้องขอหลายอย่างแน่ๆ” เจ้าหญิงวรนารีทรงเดา หลังจากเขานำธูปไปปักในกระถางและก้มลงกราบพระอีกครั้งเรียบร้อยแล้ว
“ขออย่างเดียวเองครับ”
“ขออะไร” สีพระพักตร์ของเจ้าหญิงคนงามบอกความอยากรู้อย่างเปิดเผย
ไทวาหน้าแดง เม้มปาก
“แค่นี้ก็บอกไม่ได้หรือ”
“ไทกลัวคำอธิษฐานไม่เป็นจริง”
“ไม่บอกพี่ก็รู้ หน้าแดงอย่างนี้ต้องขอเรื่องผู้หญิงแน่” เจ้าหญิงพระขนิษฐารับสั่งอย่างมั่นพระทัย “คิดถึงคู่หมั้นล่ะสิ สวยไหม ท่านหญิงแห่งอันธกาล”
คนถูกถามเผลอหันขวับไปมองพระพักตร์เจ้าชายสามอย่างร้อนรน ขยับปากจะแก้ตัวว่าเขาไม่ได้คิดถึงนางเลย ก่อนมาก็ได้บอกด้วยวาจาไปแล้วว่าขอให้เป็นอิสระต่อกัน หากนางพบรักกับใครก็แต่งงานได้เลยโดยไม่ต้องห่วงว่ายังหมั้นหมายอยู่กับเขา แต่พอเห็นรอยแย้มพระสรวลราวจะสัพยอกหยอกแซวของเจ้าชายหนุ่ม ใจเขาก็พลันฝ่อลง
จะแก้ตัวทำไม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย เป็น ‘พี่เขย’ จริงๆ หรือก็ไม่ใช่
“หญิงอย่าแซวเขามาก ปกติเขาไม่ถามกันไม่ใช่หรือ ว่าอธิษฐานอะไร”
“งั้นหญิงถามเจ้าพี่ เอ๊ย... พี่ธายก็ได้ อธิษฐานว่าอะไรหรือคะ” อยู่นอกวัง พระองค์จึงไม่รับสั่งคำราชาศัพท์
“พี่ขอให้ไทอยู่ที่นี่อย่างมีความสุข”
คุณชายเชลยจ้องมองพระพักตร์ด้วยหัวใจปั่นป่วน ครั้นอีกฝ่ายแย้มพระสรวลอย่างคนใจดีมาให้ ความซาบซึ้งตื้นตันก็แผ่ลามไปทั่วทั้งอก
“ขอบคุณครับ พี่เขย”
“พระประธานที่นี่ท่านศักดิ์สิทธิ์ ไทจะต้องมีความสุขแน่”
หัวใจของคนฟังเต้นแรงขึ้นอย่างมีความหวัง ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ ถ้าอย่างนั้น เขาก็พอจะมีหวังสินะ
... ขอให้พี่เขยรักไท... เหมือนที่ไทรักพี่เขยด้วยเถิด...
“เสี่ยงเซียมซีกันไท”
เจ้าหญิงคนงามทรงชวน ไทวาหันมองพระพักตร์ของเจ้าชายสาม ครั้นอีกฝ่ายทรงพยักพระพักตร์ให้เป็นเชิงบอกว่าตามใจ เขาก็เข้าไปนั่งคุกเข่าใกล้ๆ เจ้าหญิงวรนารี แล้วเขย่ากระบอกใส่ติ้วไม้พร้อมๆ กับพระองค์
“พี่ได้เลขห้า ไทได้เลขอะไร”
“เลขสามครับ”
“ไปดูคำทำนายกัน”
เจ้าหญิงทรงดึงกระดาษบอกคำทำนายมาสองใบ อ่านใบเลขห้าของพระองค์จบแล้วก็แย้มพระสรวลพระพักตร์บาน
“หญิงจะสมหวังด้วยล่ะค่ะ พี่ธาย ดีใจจริงๆ อย่างนี้คำอธิษฐานของหญิงต้องเป็นจริงแน่”
“พี่น้องอธิษฐานว่าอะไรครับ”
“แหมทีนี้ล่ะมาถามพี่ ทีพี่ถามล่ะไม่ยอมบอก” ถึงจะทรงบ่น แต่ดูก็รู้ว่าไม่ได้ทรงจริงจัง “พี่ขอให้ได้พี่สะใภ้ภายในปีนี้จ้า อยากให้พี่ธายแต่งงาน จะได้อยู่ติดตำหนัก เลิกเอาแต่เสด็จโน่นนี่ทั้งปีเสียที”
‘พี่ธาย’ เพียงแต่แย้มพระสรวลแล้วก็สั่นพระเศียรนิดๆ เป็นเชิงเอ็นดู ขณะที่ไทวาหุบยิ้ม หน้าซีด
“เป็นอะไรรึเปล่า ไท” เจ้าชายอัทธายุทรงเป็นห่วง
“ปะ... เปล่าครับ ไท... ไทแค่อยากรู้ของตัวเองบ้าง”
“ของไทมีว่าอย่างนี้จ้ะ พี่อ่านให้ฟังนะ ใบที่สามทายว่ามีทั้งดีร้าย จะวุ่นวายภายในจิตคิดสับสน ตกอยู่ในแดนศัตรูต้องทุกข์ทน แต่มีคนอุปถัมภ์ช่วยค้ำจุน เดชะบุญทำไว้ในอดีต จะช่วยขีดดวงชะตาให้ร้ายหาย ความเป็นอยู่ทั้งปวงสุขสบาย จะคลี่คลายความกังวลที่ทนมา อนาคตทายว่าจะสดใส ปราศโรคภัยอายุยืนเป็นสุขศรี ถ้าสามารถลืมอดีตที่เคยมี จะโชคดีมีสุขทุกวันวาร”
“ไม่เอา! ไทไม่ลืม! พี่เขย ไทไม่ลืมพี่เขยเด็ดขาด”
ทั้งเจ้าชายอัทธายุและเจ้าหญิงวรนารีต่างทรงนิ่งอึ้งไป ไทวารู้ตัวว่าเผลอแสดงอาการที่ไม่สมควรออกไป แต่ใจเขาพลุ่งพล่านจนไม่มีอารมณ์จะคิดหาคำพูดกลบเกลื่อน ได้แต่มองพระพักตร์ของเจ้าชายหนุ่มด้วยสีหน้าและสายตาเว้าวอนจนน่าสงสาร
“ไทหมายความว่ายังไง” เจ้าหญิงพระขนิษฐาตรัสถาม ไทวาหันไปมองพระพักตร์
“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”
“เกี่ยวกับพี่หรือ”
“... เปล่าครับ ไม่เกี่ยวกับพี่เขย” จะให้เขาพูดที่นี่ ตอนนี้น่ะหรือ ไม่ ยังไงก็ไม่ได้
“ไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว แต่ถ้าอยากพูด อยากบอก หรืออยากให้พี่ช่วยอะไรก็อย่าเกรงใจ อย่าคิดว่าเป็นคนอื่น ไทก็เหมือนน้องชายคนหนึ่งของพี่”
คุณชายหนุ่มมองพระพักตร์ของคนที่ยิ้มนิดๆ มาให้อย่างคนใจดี แล้วก็นึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาเป็นกำลัง
... เขาไม่ได้อยากจะเป็นแค่น้องชาย...
“ไม่อร่อยรึไง ตัวกินไก่”
คนถูกแซวเหลือบตาขึ้นมองทั้งที่ไก่ยังคาปาก เขาหน้าบึ้ง ทั้งเคือง ทั้งน้อยใจ ทั้งหมดอาลัยตายอยากปนเปกันไปหมด
“โกรธหรือ”
ไทวาส่ายหน้า ยังคงนั่งแทะไก่ต่อไป
“กินเลอะเทอะไปหมดแล้ว”
ประกอบรับสั่งคือการยื่นพระหัตถ์มาเช็ดคราบมันๆ ที่ข้างแก้มประทานให้ ไทวาแทบจะอ้าปากคายไก่ออกมาด้วยความตกตะลึง นั่งอึ้ง มือสั่น ปากสั่น น้ำลายยังเต็มปาก ขณะปล่อยให้น้ำตาร่วงพรู
“เฮ้ย! เป็นอะไร” เจ้าชายหนุ่มถึงกับทรงอุทาน แต่คนถูกถามยังคงหลับหูหลับตาร้องไห้พลางส่ายหน้า ลูกค้าที่นั่งอยู่โต๊ะข้างเคียงเริ่มมองมาอย่างสนใจกึ่งสงสัย เจ้าหญิงวรนารีเองก็ทรงงง
“ไท เป็นอะไร กระดูกไก่ติดคอรึเปล่า”
“ฮึก... ฮื้อ...”
คุณชายหนุ่มอยากจะขำก็ขำไม่ออก อยากจะโวยวายก็ไม่ได้ ได้แต่ใช้หลังมือเช็ดน้ำตา
“เอ้า เอาเข้าไป ไม่ต้องเช็ด อยู่นิ่งๆ เดี๋ยวพี่เช็ดให้ หญิงน้องมีผ้าเช็ดหน้าไหม”
เจ้าหญิงพระขนิษฐาถวายซับพระพักตร์ผืนงามละเอียด เจ้าชายเจ้ากรมฯ ทรงรับไปแล้วก็เช็ดหน้าเช็ดตาให้คนชอบกินไก่แต่อมไว้ไม่ยอมเคี้ยว
“หยุดร้องก่อน ไท เดี๋ยวไก่ติดคอ เคี้ยวให้หมดแล้วเดี๋ยวค่อยพูดกัน”
ถึงจะต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ในที่สุดเด็กหนุ่มก็หยุดร้องไห้ เจ้าหญิงวรนารีที่ทรงสรุปเอาเองไปแล้วว่าไม่น่าจะเป็นเรื่องคอขาดบาดตายอะไรยังรับสั่งอย่างช่างสังเกต
“พอถอดแว่นแล้วไทดูหน้าตาน่ารักขึ้นเป็นกองเลยนะ”
คนได้รับคำชมหน้าแดง เคี้ยวไก่จนหมดปากแล้วจึงแย้งเสียงเบา
“พี่เขยบอกว่าไทหล่อ”
เจ้าหญิงคนงามทรงหันไปทางพระเชษฐาที่ประทับฝั่งตรงข้ามเป็นเชิงทูลถาม ทว่าเจ้าชายอัทธายุไม่ได้รับสั่งตอบ
“บอกได้รึยังว่าร้องไห้ทำไม”
ไทวาลังเล นิดหน่อย แทนที่จะตอบกลับทูลถาม
“พี่เขยใจดีแบบนี้กับทุกคนเลยหรือครับ”
“ก็ใช่น่ะสิ” คนตรัสตอบคือเจ้าหญิงวรนารี “นี่อย่าบอกนะว่าไทร้องไห้เพราะว่าเจ้าพี่ เอ่อ พี่ธายใจดีด้วย ถ้าอย่างนั้นก็ล่ะร้องไห้เสียน้ำตาเปล่าแล้วล่ะ เห็นพักตร์ เอ๊ย หน้าเถื่อนๆ แบบนี้แต่เป็นคนใจดีที่หนึ่ง กับใครก็ใจดีกับเขาไปทั่ว เสด็จ... เอ๊ย ไปที่ไหนเมืองอะไรก็มีแต่ผู้หญิงหลงความใจดีของท่าน แต่ไม่ยักกะเห็นท่านหลงรักผู้หญิงคนไหนเสียที พี่ล่ะลุ้นแล้วลุ้นอีก”
ยิ่งฟัง ไทวายิ่งรู้สึกห่อเหี่ยว แต่ก็ยังมีกำลังใจอยู่บ้างที่รู้ว่าตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา ช่วงเวลาที่เขากำลังเติบโตเพื่อที่จะไม่ได้เป็นแค่ ‘เด็ก’ อีกต่อไปนั้น เจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณยังไม่ทรงมีใคร
“ทำไมพี่เขยถึงยังไม่แต่งงานล่ะครับ”
คนที่กลับไปใส่แว่นเหมือนเดิมแล้วถามอย่างไม่ปกปิดความกระตือรือร้น
“ยังอกหักจากพี่สาวของไทอยู่”
ไทวาเบิกตากว้าง ครั้นเจ้าของพระพักตร์หล่อเหลาแบบดิบๆ ทรงกระตุกมุมพระโอษฐ์ขึ้นนิดหนึ่ง เด็กหนุ่มก็แทบจะร้องโธ่ออกมาด้วยความโล่งใจ
“พี่เขย!” เขาเกือบจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว
“ฮ่ะๆๆๆๆ”
“บอกหน่อยสิครับว่าทำไม ไทอยากรู้”
“ที่นี่น่ะหรือ”
ในร้านอาหารที่มีผู้คนพลุกพล่าน โต๊ะข้างๆ มีคนนั่งอยู่เต็มไปหมด เด็กยกอาหารเดินไปเดินมาแทบไม่ขาดระยะ... ไทวาพยักหน้าหงึกหงัก ดวงตากลมโตที่ยังไม่หายแดงทอประกายเจิดจ้า สายพระเนตรของเจ้าชายหนุ่มฉายแววเอ็นดู แล้วก็ตรัสตอบง่ายๆ
“พี่ยังไม่รักใคร พี่รักงาน”
“ทำไมถึงไม่รักล่ะครับ พี่เขยไม่เคยเจอผู้หญิงแบบที่ชอบหรือ พี่เขยชอบผู้หญิงแบบไหน” แล้วผู้ชายล่ะ คิดจะชอบผู้ชายบ้างรึเปล่า รูปร่างหน้าตาแบบไทพอจะเข้าตาพี่เขยบ้างไหม
เจ้าชายอัทธายุทรงพระสรวลเบาๆ “นี่รับสินบนจากหญิงน้องมาใช่ไหม”
“พี่ธายอย่าใส่ความหญิงสิคะ ไทเขาถามของเขาเองต่างหาก ไม่เกี่ยวกับหญิงสักหน่อย”
พระขนิษฐาพระพักตร์ง้ำ ขณะไทวาพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงสนับสนุน
“ไม่เคยคิดสักทีว่าชอบแบบไหน คิดแต่ว่าถ้าวันหนึ่งชอบผู้หญิงคนไหนขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะรู้เอง” ปรายสายพระเนตรไปทางพระขนิษฐาแล้วก็รับสั่งต่อเป็นเชิงล้อๆ ว่า “สงสัยกำลังรอคอยนางฟ้าที่สวรรค์ส่งลงมาเกิดอย่างที่หญิงว่า”
ไทวาใจฝ่อ นางฟ้าหรือ... ทำยังไงดี อย่างเขาคงจะเป็นไม่ได้
“รีบกินเข้าเถอะ อย่ามัวแต่คุย ชอบไม่ใช่หรือ หือ ตัวกินไก่”
หึ อย่างเขา... ก็คงจะเป็นได้แค่ตัวกินไก่ในสายตาของพี่เขยเท่านั้นเอง
เด็กหนุ่มจิ้มปีกไก่ทอดในจานมาแทะแก้เครียด
tbc.
******************************************************
Phut – รักมานานหลายปีแล้วค่ะ ส่วนพี่เขยก็ฉลาดอยู่นะคะ ตอนนี้ก็เริ่มสงสัยล่ะ
Sar2288 – พี่เขยวาดปลาให้แบบไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กว่าจะรู้ความนัยก็... คงสักพักล่ะค่ะ
iforgive – รุกค่ะ แต่ก็ไม่มากมาย ออกแนวเปิดเผยความรู้สึกตัวเอง แต่พออีกฝ่ายทำท่าจะสงสัยก็พยายามปกปิด กึ่งกล้ากึ่งกลัวน่ะค่ะ
อ๊ายอาย – ไม่จบเศร้าหรอกค่ะ (อยากอยู่ แต่ยังไม่กล้า) ภีมเสน... ถึงจะมีเหตุผลอื่น แต่หื่นก็เป็นเหตุผลหลักอยู่นะคะ
ส่วนไทน่ะพลาดไปแล้วค่ะ ตอนนี้ ตัวกินไก่ กลายเป็นชื่อเล่นไปซะแล้ว วันวานสดใสกว่าพรุ่งนี้ค่ะ ดราม่ามั้ย ก็... อืม ไทวาอาจจะเสียน้ำตานิดหน่อย แต่ก็จะผ่านอารมณ์นั้นไปอย่างรวดเร็วค่ะ... คิดว่า ขอบคุณสำหรับดอกไม้นะคะ
IsDear – ใสๆ ค่ะ น่าจะดราม่ากระจิ๊ดเดียวตอนท้าย (แบบไทวาคิดไปเอง... ประมาณนั้น) จากพี่เขยเป็นสามีนี่จะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก คือธายเขาไม่มีคนอื่น แต่ก็รักใครยากอยู่เหมือนกัน ส่วนเจ้าชายรอง... ไม่นิยมเสวยแซนด์วิชนะคะ ครั้งละคนค่ะ (แต่อาจจะไม่ใช่คนละครั้ง) มีตัวจริงอยู่ค่ะ (แต่ดอกไม้รายทางเพียบ)
poogan_zadd – เรื่องชื่อ จริงๆ กะให้มีความหมายเป็นพิเศษแค่ ศวัส คนเดียวค่ะ คนอื่นๆ ก็อาจจะบังเอิญตรงลักษณะบ้าง ไม่ตรงบ้าง อย่าง ไทวา แปลว่า ฟ้า, สวรรค์ (แต่เขาก็บอกอยู่ว่าตัวเองไม่ใช่นางฟ้า) ส่วนอัทธายุ แปลว่า... ชั่วชีวิต
Snowermyhae – อารมณ์ของวันวานก็จะเป็นอย่างตอนนี้แหละค่ะ คิดว่าใสๆ นะคะ ถ้าจะหน่วงก็แบบ... ไม่หนักน่ะค่ะ ไทวาอาจจะเครียดบ้างนิดหน่อย แต่คิดว่าคนอ่านคงไม่เครียดตามค่ะ