[...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [...Miracle Café...] คาเฟ่อลวน-คนอลเวง / +ตอนพิเศษให้อ่านแถม P.22  (อ่าน 223940 ครั้ง)

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
 :pig4: สนุกค่ะ น่ารักมากมายยยยย

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ปกล่าสุดค่ะ  (สรุปคงใช้ปกคู่นี้ค่ะ)
ป.ล.ปกล็อตแรกพิมพ์ตกตัว a ไปค่ะ --" แต่ล็อตหลังแก้ไขเรียบร้อยแล้วค่ะ ขออภัยในความผิดพลาด คนได้หนังสือล็อตแรก รอรับตอนพิเศษเล่มเล็กตามไปทีหลังนะคะ ขออภัยด้วยค่ะ

ของเดิมค่ะ ปกสองเป็นพิซซ่า

 
อาจจะมีการแก้ไขรายละเอียดปลีกย่อยเล็ก ๆ น้อย ๆ ในภายหลังก่อนพิมพ์ค่ะ




อันนี้คือปกแบบแรก


ปกอีกแบบค่ะ



หมายเหตุ: ปกอาจจะมีเปลี่ยนแปลงถ้าแวบไอเดียใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ค่ะ และจะเลือกปกที่ดูดีที่สุดมาทำรวมเล่มค่ะ ^^"  ถ้านักอ่านมีคำแนะนำติติง ก็เชิญนะคะ จะได้ช่วยเป็นไอเดียให้ปัดในการคิดปกด้วยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2012 22:13:13 โดย Xenon »

ออฟไลน์ [€]ŝĊörŦ

  • ความพยามครั้งที่100 ดีกว่าคิดท้อถอยก่อนที่จะทำ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2077
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +142/-0
ได้อ่านเรื่องนี้แล้วขอบอกว่า น่ารักมากครับ

ตอนจบก็จบได้ดีมากเลยครับ

+๑ แต้ม เป็นกำลังใจให้นักเขียนครับผม

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

สุ่มเอาตอนพิเศษในเล่มมาเสิร์ฟให้แล้วค่ะ  ใกล้เวลาเล่มได้เข้าโรงพิมพ์เข้ามาทุกที ตอนพิเศษรวม มีตัวละครใหม่ ๆ มาเพิ่มอย่างละนิดละหน่อย จนปัดชักอยากจะเขียนภาคต่อแล้วสิ (ฮา)  หวังว่าตอนหวาน ๆ ตอนนี้ คงทำให้หายคิดถึงเรื่องนี้ไปได้บ้างนะคะ 




Miracle Café / ตอนพิเศษ /ธีรัช-ชานน



   หลังจากซ้อมสารภาพรักมาเสียดิบดี แต่ธีรัชเองก็ยังไม่มีโอกาสได้สารภาพรักแบบโรแมนติกกับชานนสักที เพราะขนาดวันหยุดชานนก็ยังคงยุ่งวุ่นวายไม่เปลี่ยน เนื่องจากบรรดาพนักงานแต่ละคนที่ไม่รู้จะไปเที่ยวไหน ก็เลือกนอนอยู่บ้านพักแทนมากกว่า

   “ทำไมพวกนายไม่คิดจะไปเดท หรือหาเวลาไปสวีทกันตามประสาคู่รักบ้าง ดูอย่างคุณไกรสรซิ มารับคุณรุจไปตั้งแต่เมื่อคืน ป่านนี้คงดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันเรียบร้อยไปแล้ว!”

   กวินนั่งมองคนพูดตาปริบ ๆ  ภูริถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ด้านวาโยนั้นหน้าแดงเล็กน้อยด้วยความอาย ส่วนการินสั่นศีรษะไปมานิด ๆ แล้วหันมาให้ความสนใจกับอาหารมื้อเช้าของตนต่อ

   “จีบเขาไม่ติดเอง แล้วอย่ามาพาลใส่คนอื่นสิ”

   ภูริเปรยบ่น ทำให้คนฟังชะงักแล้วรีบสวน

   “ใครว่าจีบไม่ติด คุณนนกับฉันใจตรงกันแล้วต่างหาก!”

   ขาดคำทุกคนต่างหันมามองคนพูดเป็นตาเดียว ธีรัชชะงักก่อนจะหน้าซีดเผือดเมื่อสายตาของเพื่อน ๆ ละจากเขาไปเป็นอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังแทน

   “เอ่อ...เดี๋ยวคุณปวีร์กับคุณราเมศจะมาร่วมมื้อเที่ยงกับพวกเราด้วย ผมเลยตั้งใจจะมาถามว่า ทุกคนจะอยู่ร่วมทานมื้อกลางวันด้วยกันไหมน่ะครับ”

   ชานนยิ้มเขิน ๆ แล้วพยายามไม่มองหน้าธีรัช จนธีรัชที่หันมาเห็นต้องรีบบอกอีกฝ่าย

   “คุณนนครับ! คือว่าผม...”

   “ถ้าไม่มีใครไปไหน ผมจะได้เตรียมอาหารให้พอกับจำนวนคนนะครับ รู้สึกว่าคุณทรงพลเองก็จะแวะมาอีกด้วยเหมือนกัน”

   เมื่อไม่เห็นว่าจะมีใครปฏิเสธ ชานนจึงเอ่ยขัดขึ้นก่อนที่ธีรัชจะพูดจบ  พร้อมกับเดินหายไปในห้องพักของเขา ทำเอาธีรัชนิ่งอึ้ง พูดอะไรไม่ออกจนเพื่อน ๆ นึกสงสาร

   “ปากพาจนก็งี้ล่ะ...ไปง้อเข้าสิ ยืนทำบื้ออะไรอยู่เล่า”

   ภูริเปรยขึ้น ทำให้คนที่กำลังยืนอึ้งชะงัก ก่อนจะหันมาพยักหน้าขอบคุณ แล้วเดินตรงตามชานนไปที่ห้องพักทันที

   “ถึงจะโผงผางไปสักหน่อย แต่จริง ๆ แล้วก็เป็นคนดีพึ่งพาได้ ก็หวังว่าเขาคงจะสมหวังในความรักล่ะนะ”

   วาโยเอ่ยขึ้นพร้อมกับตามแผ่นหลังของธีรัชที่เดินจากไป

   “ก็หวังว่างั้น  หมอนั่นอะไรก็ดีไปหมดอยู่หรอก เสียอย่างเดียวเรื่องปากเสียนี่ล่ะที่ฉันไม่ค่อยชอบเอาเสียเลย”

   การินเอ่ยเสริม แต่นั่นกลับทำให้สองหนุ่มที่ฟังอยู่ชักไม่สบอารมณ์ขึ้นมานิด ๆ ที่คนรักของพวกเขาวิจารณ์ชายอื่นต่อหน้าต่อตากันแบบนี้

   “คุณภูริ...ผมว่าเราแลกห้องกันสักคืนดีไหมเนี่ย ขืนปล่อยให้อยู่กันเอง เดี๋ยวสุมหัวกันนอกใจขึ้นมา คงแย่เลย”

   กวินหันไปพึมพำถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่แถวนั้น แต่โชคร้ายที่เสียงพึมพำนั่นมันดังพอที่การินและวาโยจะได้ยินไปด้วย

   “วิน!” การินตวาดคนรักด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ ทำให้กวินสะดุ้งแล้วรีบยกมือยอมแพ้ ก่อนจะทำสายตาอ้อนให้อีกฝ่ายใจอ่อน วาโยถอนหายใจเบา ๆ อย่างเอือมระอา แต่พอเหลือบไปมองภูริที่กำลังจ้องเขาอยู่เช่นกัน ชายหนุ่มก็หน้าแดงน้อย ๆ แล้วรีบหลบสายตาทันที เพราะเมื่อคืนนี้ ถ้าเขาไม่หนีเข้าห้องตัวเองเสียก่อน  ก็ไม่แน่ใจว่าจะถูกภูริจับเขาแลกห้องให้มาอยู่ด้วยกัน และพาเข้าหอเป็นเพื่อนรุจหรือไม่กันแน่


   อีกด้านหนึ่งธีรัชที่เดินตามชานนไปทันที่ห้องพักของชายหนุ่ม ก็รีบจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วละล่ำละลักขอโทษเจ้าตัวยกใหญ่

   “คุณนนครับ อย่าโกรธผมนะครับ ผมขอโทษ ผมปากเสียเอง ยกโทษให้ผมเถอะนะครับ”

   ชานนเมื่อถูกอ้อนด้วยน้ำเสียงเช่นนั้น จึงหันกลับมามอง อีกอย่างเชฟหนุ่มเองก็ไม่ได้โกรธอะไรธีรัชเลยสักนิด เพียงแต่นึกอายมากกว่าที่ถูกล่วงรู้ความในใจของตนเข้าให้แบบนั้น

   “เอ่อ...คุณธีรัชรู้ได้ยังไงครับ ว่าผมคิดกับคุณแบบ...แบบนั้นด้วยเหมือนกัน”

   ชานนถามอย่างแปลกใจ เพราะเขาเองค่อนข้างมั่นใจว่าไม่ได้หลุดท่าทางอะไรน่าสงสัยออกไปแน่ ถึงแม้จะวางตัวสนิทสนมกับชายหนุ่มมากขึ้นกว่าเดิมนักก็ตาม

   “แหะ ๆ คือผมได้ยินคุณพูดเมื่อเสาร์ก่อน...ตอนผมเคลิ้มหลับเคลิ้มตื่นในครัวนั่นน่ะครับ”

   ธีรัชตัดสินใจบอกไปตามตรง และพอได้ยินดังนั้น ชานนก็หน้าแดงเข้มด้วยความอับอาย เขาพยายามจะหนีเข้าไปหลบหน้าอีกฝ่ายในห้อง แต่ธีรัชก็รีบแทรกขาขัดเข้าไประหว่างที่เชฟหนุ่มปิดประตู ทำเอาขาของเจ้าตัวโดนหนีบเอาเสียเต็มแรงจนต้องหลุดปากร้องด้วยความเจ็บ

   “อ๊ะ!” ชานนอุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นเช่นนั้น เขารีบเปิดประตูออกเพื่อดูขาของอีกฝ่าย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อธีรัชที่เล็งจังหวะไว้ดันกายแทรกตัวเข้ามาอยู่ในห้องอย่างรวดเร็ว

   “...แกล้งหลอกหรือครับ” ชานนถามอย่างเริ่มไม่ค่อยพอใจ แต่พอเห็นอีกฝ่ายยิ้มเจื่อน ๆ และรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ เขาจึงก้มลงมองขาของอีกฝ่ายที่มีรอยแดงจากการกระแทกอย่างเห็นได้ชัด

   “เจ็บจริง ๆ ด้วยสินะ คุณนี่มันดันทุรังจริง ๆ” ชานนเปรยบ่นแล้วประคองอีกฝ่าย ซึ่งธีรัชเองก็ยอมปล่อยให้เชฟหนุ่มประคองตนเองไปนั่งอย่างว่าง่าย จากนั้นจึงมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างตื่นเต้น เพราะเพิ่งเคยได้เข้ามาพักในห้องของชานนแบบนี้เป็นครั้งแรก

    “ห้องคุณนนเรียบร้อยเป็นระเบียบจังเลยนะครับ”

   ชานนชะงัก แล้วจึงก้มหน้าก้มตาตอบเรียบ ๆ

   “ติดเป็นนิสัยน่ะครับ เพราะโดนแม่ฝึกมาตั้งแต่เล็ก ๆ ให้จัดเก็บข้าวของให้เรียบร้อย”

   ธีรัชยิ้มเจื่อน ๆ เพราะชานนแม้จะพูดคุยเหมือนเดิม แต่กลับไม่ยอมสบตากับเขา แม้กระทั่งตอนที่อีกฝ่ายหยิบเอาเจลแผ่นแช่เย็นจากตู้เย็นขนาดเล็กในห้อง ออกมาประคบกับขาของเขาก็ตาม

   “ถ้ายังเจ็บอยู่ก็บอกนะครับ จะได้พาไปหาหมอ”

   “คุณนนจะพาไปหรือครับ...” ธีรัชลองหยั่งเชิงถามดู แม้จะมั่นใจว่าอุบัติเหตุที่ขาของเขา ยังไงก็ไม่น่าจะต้องถึงมือของหมอก็ตาม

   “...ถ้าคุณอยากให้ผมพาไป ก็ได้อยู่หรอกครับ” ชานนตอบเบา ๆ ทำให้คนฟังลอบถอนหายใจ แล้วจึงจับมือของอีกฝ่ายขึ้นเกาะกุมจนเชฟหนุ่มสะดุ้ง

   “คุณนนครับ...ผมขอโทษที่รู้ทั้งรู้อยู่แล้ว แต่กลับแกล้งทำเป็นเฉไฉ แถมยังไปเผลอหลุดปากให้คนอื่นรู้เข้าอีก...จริง ๆ ผมก็อยากสารภาพรักกับคุณนนตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่ผมมัวแต่ท่ามาก กะจะหาบรรยากาศโรแมนติกสารภาพรักให้คุณประทับใจ ...ไป ๆ มา ๆ ก็เลยมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้พูดสักที...”

   ชานนมองคนที่สารภาพความจริงต่อหน้าเขาเงียบ ๆ สีหน้าและแววตาจริงจังและจริงใจของธีรัชนั้นแสดงออกมาดังเช่นคำพูดของเจ้าตัว ทำให้ชานนต้องหลุดยิ้มน้อย ๆ ออกมาในที่สุด

   “งั้นตอนนี้ก็ได้โอกาสแล้ว...คุณไม่ลองจะพูดดูบ้างหรือครับ”

   ธีรัชนิ่งอึ้งก่อนจะเบิกตากว้าง บีบมือที่กำไว้แน่นขึ้นอย่างตื่นเต้น

   “จริงหรือครับ! ได้สินะครับ!”

    ชานนอมยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงแสร้งเปรยตอบ

   “อยากพูดก็เชิญตามสบายครับ ...แต่จะรับปากไหมนั่นมันอีกเรื่อง”

   ทีแรกธีรัชนั้นหน้าซีดด้วยความตกใจ แต่พอสังเกตเห็นรอยยิ้มของเชฟหนุ่มก็ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแกล้งพูดแหย่เขาเท่านั้น

   “โธ่! คุณนน! ผมใจหายวาบเลยนะครับ”

   “ไม่คิดว่าคุณธีรัชจะขวัญอ่อนขนาดนี้นี่ครับ” ชานนเปรยยิ้ม ๆ

   “ก็เคยขวัญกระเจิงมาแล้วตอนโดนคุณนนปฏิเสธนั่นล่ะครับ ...ถ้าโดนอีกครั้งคงต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่า กินน้ำใบบัวบกไปเป็นเดือน ๆ แน่”

   “แต่เท่าที่ดูแล้วถึงจะถูกปฏิเสธก็ไม่น่าจะหนักหนาขนาดนั้นหรอกนะครับ” ชานนแย้งกลับยิ้ม ๆ เพราะเห็นอีกฝ่ายดูเหมือนจะพูดกึ่งทีเล่นทีจริงเสียมากกว่า

   “ถ้าไม่รู้มาก่อนหน้านี้ว่าคุณนนก็เริ่มรู้สึกดี ๆ กับผมบ้างแล้ว ผมเองก็คงไม่ทำหน้าระรื่นต่อหน้าคุณแบบนี้หรอกครับ...คุณนนครับ รู้ไหมว่าคุณน่ะเข้ามามีอิทธิพลกับหัวใจของผมมากแค่ไหน ...ผมอยู่ต่อไปไม่ได้หรอกนะครับ ถ้าไม่มีคุณอยู่เคียงข้างน่ะ ...ต่อให้คุณไม่รักตอบ ผมก็ขอแค่ได้มองคุณยิ้มไปอย่างนี้เรื่อย ๆ  แค่นั้นผมก็พอใจแล้วล่ะครับ”

   ชานนรับฟังความในใจของชายหนุ่มตรงหน้านิ่งสักพัก แล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ตามมา

   “ผมไม่แน่ใจนะ ว่าจะเป็นคนรักที่ดีของคุณได้ขนาดไหน”

   “คุณนนก็เป็นคุณนนคนเดิมนี่ล่ะครับ ไม่ต้องเปลี่ยนเป็นแบบไหนหรอก เพราะผมรักคุณนนคนนี้มากที่สุดแล้ว”

   ธีรัชบอกพร้อมกับแย้มยิ้มอ่อนโยนจริงใจส่งให้อีกฝ่ายที่มองตรงมา ชานนยิ้มรับพร้อมกับชะโงกหน้าไปหอมแก้มคนพูดเบา ๆ จนอีกฝ่ายตกใจ

   “ถ้าอย่างนั้นหลังจากนี้พวกเราก็เป็นคนรักกันแล้วนะครับ”

   ธีรัชหน้าแดงแล้วรีบพยักหน้าหงึก ๆ ตอบรับ ก่อนจะปล่อยมือที่เกาะกุมมือของชายหนุ่มออก และเปลี่ยนมาเตรียมจะโอบรั้งร่างนั้นมากอดแทน ทว่าเจ้าตัวก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเชฟหนุ่มนั้นถามเขาพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม

   “แล้วตกลงระหว่างเรา คุณกับผม ใครจะเป็นรุกหรือรับกันล่ะครับ”

   “ง่า...คุณนน คือผมไม่เคยเป็นรับมาก่อน...แต่ว่าถ้าคุณนนกลัวเจ็บ...ผมก็จะลองพยายาม...” 

    ธีรัชเอ่ยตะกุกตะกัก แม้มันจะขัดต่อสถานภาพและความรู้สึกของเขาเพียงใด แต่เรื่องแค่นี้เทียบกับการที่ชานนยอมรับรักเขาแล้ว มันก็ไม่ได้ถึงกับหนักหนาจนเขาจะยอมรับไม่ได้แน่นอน

   “หึ ๆ ผมล้อคุณเล่นน่ะครับ สำหรับคู่รักแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าเรื่องสถานภาพก็คือ ความเข้าใจ และความซื่อสัตย์ต่อกันมากกว่า”

   ชานนบอกอีกฝ่ายพร้อมแย้มยิ้มอ่อนโยนให้ ทางด้านธีรัชชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะมีรอยยิ้มตามมา

   “ครับ...คุณนนครับ ผมรักคุณนะครับ”

   ธีรัชกระซิบและรั้งร่างของอีกฝ่ายเข้ามากอด โดยที่ชานนเองก็ปล่อยให้ชายหนุ่มทำตามที่อีกฝ่ายปรารถนาโดยไม่คิดขัดขืน แม้แต่ยามที่ใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นจะโน้มลงมาใกล้และประทับริมฝีปากของเจ้าตัวลงบนริมฝีปากของเขาก็ตาม

   “อือ...คุณนนครับ...อยากทำมากกว่านี้จังเลยครับ...”

   ชายหนุ่มที่ถอนริมฝีปากออกมาแล้วอ้อนต่อ ชานนยิ้มตอบรับทว่ากลับแกะมือปลาหมึกที่กำลังพยายามจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกเสีย

   “ไม่ได้ครับ...ไม่ใช่วันนี้ เพราะเดี๋ยวผมต้องออกไปซื้อกับข้าวมาเตรียมไว้เพิ่มอีก”

   “โธ่! ก็ไม่เห็นต้องทำให้เต็มยศแบบทุกครั้งก็ได้นี่ครับ หรือบอกคุณปวีร์ว่าไม่ต้องมากินที่นี่ก็ได้”

    ธีรัชอ้อนอย่างเสียดาย แต่คำพูดของเขาทำให้ชานนต้องอมยิ้ม

   “เอางั้นหรือครับ...งั้นผมจะได้บอกคุณปวีร์ให้ว่าคุณธีรัชบอกมาอย่างนี้นะครับ”

   ธีรัชสะดุ้งเฮือก แล้วรีบแย้งออกไปทันที

   “ดะ เดี๋ยวก่อนครับ...ง่า คิดอีกทีเปลี่ยนใจดีกว่าครับ”

   “หึ ๆ คุณปวีร์ไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอกครับ”

   ชานนบอกกับชายหนุ่มอย่างนึกขำ ทว่าคนฟังกลับยิ้มเจื่อน ๆ ส่งให้

   “เหอะ ๆ เขาไม่น่ากลัวเฉพาะกับคุณนนน่ะสิครับ... งั้นเอาเป็นว่าเดี๋ยวผมไปช่วยคุณจ่ายตลาดดีกว่า มีผู้ช่วยด้วยจะได้เสร็จไว ๆ เราจะได้มาจู๋จี๋กันต่อ...นะครับ...นะ” 

    ธีรัชอ้อนพร้อมกับทำตาใสซื่อ จนคนมองต้องอมยิ้ม เพราะรู้ดีว่านัยน์ตาใส ๆ แบบลูกหมาน้อยตรงหน้านั้น พร้อมที่จะเปลี่ยนเป็นหมาป่าได้ทุกเมื่อถ้าเขาอนุญาต

   “ไว้ถึงตอนนั้นถ้าว่างแล้ว ค่อยคิดอีกทีแล้วกันครับ”

   ชานนบอกเผื่อ ๆ เอาไว้ก่อน แต่แค่นั้นก็ทำให้คนฟังต้องยิ้มแก้มปริ และถือโอกาสชะโงกหน้าไปขโมยจูบเชฟหนุ่มอีกรอบ

   “รักคุณนนที่สุดเลยครับ”

   คนถูกบอกรักหน้าแดงนิด ๆ แล้วจึงแสร้งทำเป็นพยักหน้ารับรู้คล้ายไม่ใส่ใจ

   “ครับ ๆ งั้นก็ไปซื้อกับข้าวมาเพิ่มกันได้แล้วล่ะครับ เพราะขืนอยู่ที่นี่ต่อไปอีก ผมรู้สึกไม่ค่อยจะปลอดภัยพิกล”

   ธีรัชยิ้มเจื่อน ๆ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นจงใจพาดพิงเขาโดยตรง จากนั้นธีรัชจึงลุกขึ้นเตรียมจะเดินตามอีกฝ่ายไป แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเพราะรู้สึกเจ็บที่ขาเล็กน้อย ทว่าขณะที่เขากำลังจะกลบเกลื่อน ชานนก็หันมาเสียก่อน

     “เฮ้อ...ผมเองก็ลืมไป...งั้นคุณรออยู่ที่บ้านพักแล้วกันนะครับ เดี๋ยวผมไปซื้อเอง”

   “ไม่เอานะครับ! ผมจะไปด้วยอะ!”  ธีรัชรีบอ้อนแล้วทำตาใสซื่อ แต่คราวนี้ชานนไม่ใจอ่อนอีกแล้ว

   “ไม่ได้ครับ...และถ้ายังดื้อล่ะก็...จะลดความสัมพันธ์กลับไปเป็นคนรู้จักตามเดิมนะครับ”

   พอโดนขู่แบบนี้ธีรัชก็เงียบกริบ แล้วทำหน้าสลดจนคนมองนึกสงสาร

   “แล้วจะรีบไปรีบกลับนะครับ...” 

    ชานนบอกแล้วก็ชะโงกหน้าไปจูบแก้มอีกฝ่ายเบา ๆ ธีรัชนิ่งอึ้งก่อนจะแย้มยิ้มตามมา และยอมว่าง่ายอยู่โยงเฝ้าบ้านตามที่เชฟหนุ่มสั่งแต่โดยดี  ทว่าพอชานนออกจากห้อง เขาก็ต้องเจอกับสายตาสนอกสนใจหลายคู่มองตรงมา เชฟหนุ่มยิ้มเจื่อน ๆ เช่นเดียวกับพนักงานแต่ละคนที่ดันเผลอจ้องอีกฝ่ายอย่างลืมตัว 

   “ง่า...ผมขอตัวไปซื้อกับข้าวมาเตรียมไว้ก่อนนะครับ”

   “ครับ...แล้วธีล่ะครับ หมอนั่นไม่ไปช่วยคุณนนด้วยหรือครับ”

   ภูริถามถึงเพื่อนของเขา และสังเกตเห็นว่าชานนั้นหน้าแดงนิด ๆ ก่อนที่จะตอบคำถาม

   “คุณธีรัชประตูหนีบขาน่ะครับ ผมเลยให้พักที่ห้องของผม”

   คนอื่นรับฟังแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ส่วนวาโยแม้ว่าอยากจะรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นก็จริง แต่เขานั้นก็อยากตามไปช่วยชานนจ่ายตลาดมากกว่า และเมื่อวาโยขอติดตามเชฟหนุ่มไปด้วย ภูริจึงอาสาตามไปอีกคน โดยอ้างเหตุผลว่าจะไปช่วยกันถือ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไปเพื่อคอยกันไม่ให้มีหนุ่มหน้าไหน มายุ่งกับแฟนผู้น่ารักของเขาคนนี้ต่างหาก




ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4

   เมื่อเห็นชานนกับเพื่อนทั้งสองรับหน้าที่ไปจ่ายตลาดแล้ว ทางด้านกวินกับการินจึงเลือกอาสาเฝ้าบ้านพักแทน และเมื่อทั้งหมดจากไปแล้ว ทั้งคู่ก็ตรงไปที่ห้องพักของเชฟหนุ่มและรีบซักถามธีรัชเป็นชุด จนอีกฝ่ายแทบจะตอบไม่ถูกเลยทีเดียว

   “...ตกลงคุณธีรัชกับคุณนนก็เป็นแฟนกันเรียบร้อยแล้วสินะครับ...แหม น่าอิจฉาจัง”

    กวินที่รู้เรื่องทั้งหมดพึมพำตามมา เพราะชานนนั้นเป็นผู้ชายที่ถือว่าเพอร์เฟกต์ในฐานะพ่อบ้านพ่อเรือนคนหนึ่ง ที่ใครได้ไปไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงก็ถือว่าโชคดีมากทั้งนั้น

   “ไม่ต้องมาอิจฉาฉันหรอก นายก็มีคุณหนูนี่ อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง”

   ธีรัชแซวกลับ ทำให้คนเปรยบ่นหน้าแดงระเรื่อ ส่วนการินเองก็เช่นกัน ชายหนุ่มหน้าสวยทำปากอุบอิบบ่นพึมพำฟังไม่ค่อยออก แต่ธีรัชนั้นแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดชมเขาแน่นอน

   “แต่พูดก็พูดเถอะ...ฉันคิดว่าพอคุณนนยอมรับเป็นแฟนฉันแล้ว จะทำให้ฉันรู้สึกสงบลงบ้าง แต่มันก็ไม่เลย กลับยิ่งทำให้รักและอยากกอดมากยิ่งขึ้น จนแทบจะทนไม่ไหวด้วยซ้ำ”

   ธีรัชบ่นพึมพำแล้วทำหน้าตาใจลอย จนกวินเขินแทน

   “ผมเข้าใจความรู้สึกนั้นนะ...เรื่องอยากกอดน่ะ”

   ชายหนุ่มบอกแล้วชำเลืองมองคนข้างกายที่ก็หันมามองสบตาเขาโดยบังเอิญเช่นกัน การินหน้าแดงวาบแล้วสะบัดหน้าหนีอีกฝ่ายด้วยความเขินอาย

    “ใช่มะ...พอรักแล้วก็ทำให้อยากกอด  แต่ก็กลัวจะโดนว่าหื่น หรือหวังแต่จะฟันเขา ทั้งที่จริง ๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด”

   กวินพยักหน้าหงึก ๆ อย่างเห็นด้วย ทำให้การินชักจะไม่อยากอยู่ในห้องนี้ต่อ เนื่องจากเกรงว่าเรื่องที่ทั้งสองสนทนาจะเข้าตัวเข้าให้ เพราะตั้งแต่เมื่อคืน กวินก็ส่งสายตาและคำพูดเป็นเชิงอยากจะมีอะไรกับเขาให้รับรู้มาตลอด ซึ่งแม้การินเองจะต้องการเหมือนกัน แต่เขาก็อายเกินกว่าจะให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาเองก็คิดเช่นนั้น

   “ฉันออกไปรอข้างนอกดีกว่า ถ้าอามาจะได้เห็น”

   ชายหนุ่มหน้าสวยตัดบทแล้วจ้ำพรวดออกไป โดยที่กวินซึ่งยังไม่ทันได้ทักท้วงอะไร ถึงกับมองตามไล่หลังไปตาปริบ ๆ จนธีรัชที่มองอยู่หัวเราะเบา ๆ

   “รายนั้นเขาขี้อายนี่ นายเองก็อาศัยตื๊อแบบไม่มีคนนอกอยู่ร่วมสิ เดี๋ยวก็น่าจะใจอ่อนเองล่ะนะ”

   กวินยิ้มเจื่อน ๆ จากนั้นจึงขอตัวออกไปอยู่เป็นเพื่อนการิน เพราะธีรัชบอกว่าเขาอยากจะขอนอนพักเท้าอีกสักครู่ แต่จริง ๆ แล้วชายหนุ่มต้องการสำรวจห้องส่วนตัวของชานนให้มากกว่านี้ตามลำพังนั่นเอง

   “ถ้าขอกางเกงในคุณนนไปเก็บเป็นที่ระลึกไว้สักตัว จะโดนหาว่าโรคจิตไหมน้อ”

   ธีรัชพึมพำขณะเปิดตู้เสื้อผ้าของอีกฝ่ายสำรวจ แต่แล้วเขาก็ต้องสะดุ้งเฮือก หัวใจแทบตกไปอยู่ตาตุ่ม เมื่อได้ยินเสียงกระแอมเบา ๆ จากใครบางคนด้านนอก

   “ก็รู้นะว่าชอบเขาอยู่ แต่เล่นแอบเข้ามาในห้อง แถมยังทำตัวเหมือนพวกโรคจิตคิดขโมยกางเกงในเจ้าของห้องแบบนี้ มันก็มากเกินไปนะ”

   ธีรัชรีบหันขวับมาแล้วโบกไม้โบกมือปฏิเสธทันควัน

   “ไม่ใช่นะครับ! คุณเข้าใจผิดแล้ว! ที่ผมอยู่ในห้องนี้เพราะคุณนนบอกให้อยู่ต่างหาก อีกอย่างผมก็ไม่ได้คิดขโมยสักหน่อย ผมแค่อยากจะขอไปเก็บไว้เป็นที่ระลึก...เอ่อ ในฐานะแฟนกันก็เท่านั้น”

   ท้ายประโยคธีรัชหน้าแดงนิด ๆ ด้วยความเขิน ทว่าคนฟังนั้นชะงักเล็กน้อย เพราะยังไม่ได้รู้รายละเอียดทั้งหมด เขารู้จากการินแค่ว่า ชานน วาโย และภูริไปจ่ายตลาด ส่วนธีรัชอยู่ในห้องของชานน เขาจึงตรงมาดูว่าทำไมธีรัชถึงเข้ามาอยู่ในห้องของอีกฝ่ายได้นั่นเอง

   “ไหนลองเล่ามาให้ฟังหน่อยซิ...”

   ปวีร์กึ่งขอร้องกึ่งออกคำสั่ง ทำให้คนฟังกลืนน้ำลายลงคอ และเริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้ชายหนุ่มฟัง ซึ่งก็เท่ากับว่าวันนี้เขาพูดเริ่มเดิม ๆ เป็นครั้งที่สองแล้ว และเขามั่นใจว่าถ้ารุจกลับมา เขาก็คงต้องถูกบังคับให้เล่าให้ฟังซ้ำอีกรอบเป็นแน่

   “อืม...สรุปคุณนนก็ยอมใจอ่อนกับเธอจนได้ ...ช่วยไม่ได้แฮะ เรื่องความรักยังไงก็ห้ามกันไม่ได้...แต่ขอเตือนอะไรไว้อย่างนะ ว่าถ้าทำให้คุณนนเสียใจล่ะก็ ต่อให้เป็นเธอฉันก็ไม่ให้อภัยแน่ จำไว้ด้วยล่ะ”

   ปวีร์เอ่ยด้วยสีหน้าขรึมลงในท้ายประโยค ถ้อยคำที่ดูไม่เหมือนการขู่หรือแกล้งพูดอย่างที่เคยเป็น ทำให้คนฟังนิ่งเงียบ ก่อนจะพยักหน้าตามมาด้วยสีหน้าและแววตาจริงจัง

   “ครับ...ผมจะดูแลและซื่อสัตย์ต่อคุณนนคนเดียว และจะไม่ทำให้เขาต้องเดือดร้อนหรือเสียใจเด็ดขาด”

   ปวีร์จ้องหน้าอีกฝ่ายก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ ตามมา แล้วจึงเอื้อมมือไปขยี้ศีรษะของชายหนุ่มอย่างเอ็นดู

   “แล้วขาน่ะ ค่อยยังชั่วหรือยัง ถ้าไม่ดีขึ้นพรุ่งนี้จะพักก็ได้นะ”

   “ไม่แน่นอนครับ! พรุ่งนี้ผมได้เริ่มงานเป็นผู้ช่วยในครัววันแรกไม่ใช่หรือครับ!”  ธีรัชรีบแย้งทำให้ปวีร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ สักพักราเมศที่เห็นอีกฝ่ายหายเงียบไปนานจึงมายืนเตร็ดเตร่และชำเลืองมองว่าเกิดอะไรในห้องบ้าง ทำให้ปวีร์ต้องอมยิ้มน้อย ๆ แล้วลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปหาคนรัก

   “งั้นเธอก็พักในห้องนี้รอคุณนนกลับมาแล้วกัน ส่วนเรื่องกางเกงในนั่น ถ้าลองขอดี ๆ เขาก็คงยอมล่ะมั้ง”

   ธีรัชยิ้มเจื่อน ๆ ยิ่งเห็นราเมศขมวดคิ้วพร้อมจ้องเขาอย่างสงสัย ชายหนุ่มก็ยิ่งต้องทำเป็นเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วย เพราะกลัวจะโดนอีกฝ่ายว่าเขาเป็นโรคจิตเหมือนที่โดนปวีร์ว่าก่อนหน้านั้นนั่นเอง

   “ไม่ต้องไปจ้องเขาหรอกน่า คนกำลังมีความรักก็งี้ล่ะ นายกับฉันไปนั่งคุยกับพวกรินข้างนอกนั่นดีกว่า”

   ปวีร์บอกแล้วก็คล้องแขนราเมศออกไป ทำให้ธีรัชที่อยู่ในห้องต้องลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วนั่งรอให้ชานนกลับมาที่ห้องพักจนเผลอเคลิ้มหลับไป และมารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่มืออุ่น ๆ มาลูบไล้เส้นผมเขาเล่นอย่างอ่อนโยน

   “ตื่นแล้วก็ลืมตาสิครับ ไม่ต้องมาใช้มุกแกล้งนอนหลับเหมือนเดิมให้ผมขายหน้าซ้ำสองอีกหรอก”

   ชานนเปรยขึ้นพร้อมรอยยิ้มเมื่อเห็นหนังตาของอีกฝ่ายกระตุกนิด ๆ แต่ก็ยังคงไม่ยอมลืมตาขึ้นมามองเขาสักที

   “...โธ่ คุณนนล่ะก็ เพราะคราวที่แล้วผมกลัวคุณอายก็เลยไม่กล้าลืมตาต่างหากครับ”

   ธีรัชลืมตาจ้องเป๋งมองอีกฝ่ายแล้วรีบอ้อน ทำให้ชานนต้องสั่นศีรษะค่อย ๆ อย่างเอือมระอา แล้วจึงหันไปสนใจข้อเท้าของอีกฝ่ายที่รอยแดงเริ่มจางและไม่บวมอย่างที่คิดไว้

   “ดีขึ้นแล้วสินะครับ ค่อยยังชั่วหน่อย ผมซื้อเจลมาให้คุณทาด้วย ยังไงก็ทาเผื่อกันไว้ก่อนแล้วกันนะครับ”

   ชานนหยิบหลอดยาในถุงพลาสติกส่งให้อีกฝ่าย ซึ่งธีรัชก็รับมาไว้อย่างตื้นตันที่เห็นเชฟหนุ่มใส่ใจและเอาใจใส่ดูแลเขาเช่นนี้

   “ถ้าอย่างนั้นผมไปเตรียมของก่อนนะครับ”

   ชานนบอกหลังจากเห็นธีรัชทายาเรียบร้อย ทว่าคนที่นั่งบนเตียงกลับคว้าแขนเขาไว้ แล้วเริ่มอ้อนอีกครั้ง

   “ให้ผมไปช่วยด้วยนะครับ ผมไม่ได้เจ็บอะไรแล้ว”

    “เฮ้อ…ก็ได้ครับ แต่ถ้าเจ็บเมื่อไหร่ต้องบอกผม และไปนั่งพักทันทีนะครับ” ชานนบอกอย่างใจอ่อนเมื่อเห็นสายตาอ้อน ๆ ของอีกฝ่าย

   “รับทราบครับ! จะเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่คุณนนบอกทุกอย่างเลยครับ!”  ธีรัชบอกด้วยสีหน้าระรื่นดีใจเหมือนเด็ก ๆ จนชานนอดยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูไม่ได้

   “ดีจัง...ยิ้มบ่อย ๆ นะครับ ผมชอบรอยยิ้มของคุณนนที่สุดเลย”

   ชานนชะงักพลางยิ้มเขิน ๆ ก่อนจะรีบเลี่ยงเดินออกไปนอกห้อง โดยมีธีรัชเดินตามอีกฝ่ายมาต้อย ๆ จนคนอื่นที่เห็นต้องแอบขำ

   “ตามติดกันจริงนะ ...อ๊ะ จริงสิธี มานี่หน่อยสิ!”

   ปวีร์ที่เห็นเอ่ยแซว แล้วนึกเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเรียกพนักงานของเขามาหา ธีรัชมองอย่างงุนงง แต่ก็ยังคงเดินมาหาเจ้าตัวตามสั่งแต่โดยดี

   “มีอะไรหรือครับคุณวี”

   “อืม ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แค่อยากจะมาเตือนน่ะ ก็เรื่อง...”

   ท้ายประโยคปวีร์ยกยิ้มเจ้าเล่ห์ แล้วลากคอชายหนุ่มออกไปห่างกลุ่มก่อนจะกระซิบบางอย่างที่ชวนให้คนอื่นสงสัย ทว่าระหว่างปวีร์พูดธีรัชก็ตาเบิกกว้างตามไป แล้วจึงโพล่งดังขึ้นหลังจากอีกฝ่ายพูดจบ

   “ทำไมล่ะครับ! ไม่เห็นจะยุติธรรมเลย เรื่องพวกนี้มันเรื่องปกติของคนรักไม่ใช่หรือครับ จะมาห้ามกันได้ยังไง!”

   เสียงธีรัชดังพอควร ทำให้คนที่อุตส่าห์ดึงไปพูดกันลำพังถอนหายใจ เขาเหลือบไปมองชานนที่ตอนนี้หน้าแดงระเรื่อ เพราะพอจะเดาคำพูดนั้นออกได้เป็นอย่างดี ส่วนคนอื่น ๆ บางคนก็ทำหน้าเฉยเมย บางคนก็เบือนหน้าหนี และบางคนก็หน้าแดงก่ำเลยทีเดียว

   “ฉันไม่ได้ห้ามไม่ให้ทำเลยสักหน่อย แต่อยากให้ทำเรื่องพวกนั้นแค่เฉพาะคืนวันเสาร์ เพราะวันอาทิตย์มันเป็นวันหยุด เกิดเธอคึกเกินเหตุ งานการจะได้ไม่เสีย แต่ถ้าเธอจะเปลี่ยนสถานะเป็นฝ่ายถูกคุณนนกดแทน ถ้าเป็นแบบนั้น อยากจะทำวันไหน ตอนไหน ฉันก็จะไม่ห้ามเลย โอเคไหมล่ะ!”

   เมื่อเห็นว่าทุกคนรู้หมดแล้ว ปวีร์จึงพูดออกมาตรง ๆ ดัง ๆ จนชานนต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ และทำงานไปเรื่อย ๆ ทั้งที่ใบหน้าแดงระเรื่อเช่นนั้น   

   “แล้วถ้าผมไม่ทำรุนแรง หรือคึกเกินเหตุล่ะครับ...คุณวีพอจะผ่อนผัน ได้บ้างไหม”

   ปวีร์จ้องหน้าอ้อน ๆ อีกฝ่ายอย่างนึกขำ เขาเหลือบไปมองชานนก็เห็นว่าเชฟหนุ่มยังคงหันหลังไม่รู้ไม่ชี้ และยุ่งอยู่กับงานครัวอยู่เช่นเคย เจ้าตัวจึงหัวเราะเบา ๆ แล้วหันมาทางธีรัชอีกครั้ง

   “ถ้าอย่างนั้นก็ได้...แต่ถ้าคุณนนมาทำงานไม่ไหว ไข้กลับ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ทำให้เสียงาน ...ฉันจะหักเงินเดือนเธอ แล้วก็ห้ามให้เธอกอดเขาอีกเลยเป็นเวลาสองอาทิตย์ ...อ้อ  แล้วถ้าไม่เชื่อฟังกัน ฉันจะย้ายคุณนนกลับไปอยู่บ้านฉันเหมือนเดิม แล้วเปลี่ยนผู้ดูแลบ้านพักใหม่เสียเลย โอเคไหม”

   ธีรัชกลืนน้ำลายลงคอกับเงื่อนไขแลกเปลี่ยนสุดโหดของอีกฝ่าย ก่อนจะจำใจยอมพยักหน้าตอบรับ เพราะดูแล้วคงไม่มีทางเลือกอะไรอีกนอกจากนี้

   “อ้อ ไม่ใช่แค่ธีเท่านั้น ...คนอื่นก็เหมือนกัน ถ้ามัวแต่หมกมุ่นกับเรื่องส่วนตัวจนเสียงาน ก็จะได้รับโทษคล้าย ๆ กัน คือ หักเงินเดือนกับจับแยกที่พัก หวังว่าคงจะเข้าใจกันนะ”

   พนักงานคนอื่นที่เหลือพากันสะดุ้งไปตาม ๆ กัน ส่วนธีรัชพอเห็นว่ามีเพื่อนร่วมชะตากรรมเขาก็ยิ้มออก

   “เข้มงวดจังนะคุณเจ้าของร้าน”

   ราเมศเอ่ยแซว หลังจากที่ปวีร์มานั่งพักใกล้เขา ปวีร์เหลือบมองคนรัก แล้วจึงแย้มยิ้มเจ้าเล่ห์อีกครั้ง

   “นายก็ด้วยนะราเมศ ถ้าทำให้ฉันป่วยหนักอีก ฉันจะงดไม่ให้นายกอดสักสองอาทิตย์เหมือนกัน”

   ราเมศทำตาโต ก่อนจะขมวดคิ้วยุ่งตามมา เรียกเสียงหัวเราะจากคนร่วมโต๊ะคนอื่นดังขึ้นพร้อม ๆ กัน แม้แต่ชานนที่เตรียมอาหารกับปยุตยังอดหัวเราะด้วยไม่ได้ ก่อนที่เชฟหนุ่มจะสะดุ้งนิด ๆ ตามมา เมื่อธีรัชตรงเข้ามาใกล้แล้วโอบกอดเขาหลวม ๆ จากด้านหลัง

   “มีอะไรให้ผมช่วยได้บ้างครับคุณนน”

   ชานนลอบถอนหายใจ แล้วจึงหันมายิ้มน้อย ๆ พร้อมกับมีดที่ถืออยู่

   “ก่อนอื่นช่วยปล่อยมือก่อนครับ มันทำให้ผมทำงานไม่ถนัด...นะครับ”

   ธีรัชสะดุ้งเฮือกแล้วรีบปล่อยมืออีกฝ่ายทันที ทำเอาปยุตที่อยู่ข้าง ๆ ต้องอมยิ้ม ก่อนจะขยับตัวออกไป แล้วเรียกธีรัชให้มายืนแทนตน

   “คุณธีรัชมาช่วยคุณนนล้างผักทางนี้ดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะได้ไปเตรียมหมักเนื้อเอาไว้ก่อน”

   ธีรัชหันมาทางปยุต แล้วยิ้มพร้อมเอ่ยขอบคุณ แต่พอปยุตเดินเลี่ยงไปได้สักพัก ทั้งครู่ก็เห็นว่าทรงพลนั้นตามมาสมทบและยืนชวนอีกฝ่ายคุยอยู่ครู่หนึ่ง พ่อบ้านหนุ่มจึงกลับมาช่วยงานครัวต่อ

   “อาทิตย์นี้ก็ตามมาอีกแล้วนะครับเนี่ยขยันดีจัง”

   ธีรัชเอ่ยแซว ซึ่งปยุตก็เพียงแค่ยกยิ้มน้อย ๆ ไม่ได้มีปฏิกิริยาอันใด ทำให้คนแซวลอบถอนหายใจ แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า ทรงพลคงจะรักอีกฝ่ายมาก ขนาดมีงานยุ่งต้องรับผิดชอบ ยังเจียดเวลาพักผ่อนแวะมาหาปยุตอยู่ได้เรื่อย ๆ เช่นนี้

   “ผมโชคดีจังเลยนะครับที่ได้มาทำงานที่นี่  มีเพื่อนดี ๆ และก็ได้คนอย่างคุณนนมาเป็นแฟน ...จะมีสักกี่คนน้า ที่จะโชคดีอย่างผมเนี่ย”

   ธีรัชเปรยเพ้อเบา ๆ อย่างมีความสุข ทำให้คนถูกเอ่ยถึงอมยิ้มอย่างเอ็นดู และเมื่องานเตรียมอาหารเสร็จลง พวกเขาก็ได้พักกันสักช่วงหนึ่ง เพราะตอนนี้แต่ละคนก็กำลังนั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดกันอยู่อย่างเพลิดเพลิน ธีรัชนั้นดึงชานนให้ไปนั่งคุยในห้องของเชฟหนุ่ม ซึ่งชานนเองก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

   “คุณนนครับ...ผมมีความสุขจังเลย สุขจนกลัวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันจะเป็นแค่เพียงความฝัน และพอผมตื่นคุณก็ไม่ได้คิดอะไรกับผมเหมือนเคย”

   ธีรัชพึมพำแผ่วเบาพลางจ้องมองนัยน์ตาของอีกฝ่ายนิ่ง คล้ายดังจะให้เชฟหนุ่มช่วยยืนยัน ชานนแย้มยิ้มอ่อนโยนแล้วชะโงกหน้าไปจูบที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายแผ่วเบา ก่อนจะเอ่ยขึ้น

   “คุณไม่ได้ฝันหรอกครับ ...ผมรักคุณเหมือนที่คุณรักผม และตอนนี้พวกเราก็เป็นคู่รักกันจริง ๆ แล้ว”

   ธีรัชยิ้มกว้างตอบแล้วกอดร่างของเชฟหนุ่มแน่นสักพัก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ

   “แย่จังเลยนะครับ พอยิ่งอยู่ใกล้คุณนน ก็ยิ่งห้ามใจตัวเองได้ยากขึ้น ...สงสัยผมต้องฝึกฝนทำอาหารให้ใกล้เคียงฝีมือคุณนนให้ได้ในเร็ววันนี้แล้วล่ะ”

   ชานนขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่พอเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายเขาก็เอะใจ และเมื่อธีรัชเฉลยตามมา เชฟหนุ่มก็หน้าแดงระเรื่อด้วยความเขินทันที

   “ก็ถ้าผมฝีมือใกล้เคียงคุณ ผมกับคุณจะได้ทำโน่นนี่กันตามใจชอบ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเสียงานไงครับ ถึงคุณนนจะลุกไม่ขึ้นยืนไม่ไหว ผมก็ยังสามารถทำอาหารแทนคุณได้ยังไงล่ะ นี่ล่ะ ความฝันสูงสุดของผมในตอนนี้!”

   “เป็นความฝันที่ไม่เข้าท่าเลยครับ ...ถึงทักษะการทำอาหารของคุณจะทำให้คุณก้าวไปได้ถึงขั้นนั้น หรืออาจจะมีฝีมือแซงผมไปก็เถอะ แต่แรงจูงใจของคุณนี่ ใช้ไม่ได้จริง ๆ”

   ชานนบ่นอุบเบา ๆ ด้วยความเขิน ทำให้คนถูกบ่นหน้าสลด แล้วทำตาใสอ้อนอีกครั้ง

   “คุณนนไม่ชอบหรือครับ... ผมก็แค่อยากให้เรามีเวลาตามประสาคนรักให้มากขึ้นเท่านั้นเอง”

   ชานนถอนหายใจเฮือกใหญ่ ดูเหมือนว่าเขาจะแพ้ดวงตาใสซื่อของอีกฝ่ายเข้าให้เสียจริง ๆ แล้ว นี่ถ้าธีรัชลองขออ้อนอะไร เห็นทีเขาคงจะขัดได้ลำบากแน่ สงสัยคงต้องพยายามเตือนตัวเอง ให้เข้มแข็งกว่านี้ไม่งั้นก็คงต้องเสียเปรียบคนรักเด็กของเขาคนนี้อยู่วันยังค่ำแน่

   “...ผมไม่ได้ตำหนิอะไรจริงจังหรอกครับ แค่เสียดายความสามารถของคุณเท่านั้น ...และผมก็ดีใจนะครับ ที่คุณยึดผมเป็นเป้าหมายแบบนี้”

   แม้จะพยายามบอกตัวเองให้ใจแข็ง แต่เวลานี้เชฟหนุ่มคงต้องยอมปล่อยตามหัวใจตัวเองไปก่อน เพราะเวลาที่เขาได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายแย้มยิ้มอย่างยินดีเหมือนเด็ก ๆ มันก็ทำให้เขามีความสุขตามไปด้วยเสียทุกที

   “ส่วนคืนนี้...ถ้าคุณไม่รังเกียจ จะลงมานอนที่ห้องผมก็ได้นะครับ เพราะคุณรุจก็คงยังไม่กลับในคืนนี้ใช่ไหมล่ะครับ”

   ชานนเอ่ยชวนอย่างเคอะเขิน แต่คนถูกชวนเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง และจึงร้องตะโกนไชโยดัง ๆ ตามมา จนชานนและคนข้างนอกห้องตกใจไปตาม ๆ กัน

   “...เปลี่ยนใจตอนนี้ จะได้ไหมครับเนี่ย”

   ชานนแกล้งบอกกลบเกลื่อนความอาย ทำเอาธีรัชสะดุ้งโหยง

   “ไม่เอานะครับ! พูดแล้วพูดเลยห้ามเปลี่ยนคำด้วย ไม่งั้น... ผมจะร้องไห้นะครับ”

   อีกฝ่ายแสร้งทำตาสั่นเครือเหมือนจะร้องไห้จริง จนชานนสะดุ้ง ก่อนจะนึกขำตามมา

   “ขู่แบบนี้ ทำให้ผมขำมากกว่ากลัวนะครับ ...แต่เอาเถอะครับ ผมยอมแล้วก็ได้ ...รับรองไม่เปลี่ยนคำพูดแน่นอนครับ”

   ธีรัชเปลี่ยนจากหน้าตาสลดเป็นยิ้มกว้างทันควัน จนชานนนึกอยากจะหยิกแก้มคนรักเด็กของตนอย่างหมั่นไส้ขึ้นมาทันที

   “อ้อ...ผมลืมบอกไป ให้มานอนด้วย แต่แค่ให้นอนเฉย ๆ นะครับ ห้ามทำอย่างอื่น เพราะผมไม่อยากหยุดงานในวันที่มีพนักงานคนใหม่มาทำงานที่ร้าน”

   คนที่กำลังหน้าระรื่นสะดุ้งโหยง และรีบจะร้องประท้วง ทว่าเชฟหนุ่มก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปจากห้องเสียก่อน โดยทำเป็นไม่สนใจคนในห้อง  ทำเอาธีรัชขมวดคิ้วยุ่ง แต่สักพักก็ต้องถอนหายใจตามมา แล้วอมยิ้มน้อย ๆ กับตัวเอง

    ชายหนุ่มแอบสังเกตเห็นว่า ถ้าเวลาเขาอ้อนมาก ๆ แล้ว ชานนก็มักจะใจอ่อนเป็นส่วนใหญ่  ดังนั้นคืนนี้ถึงแม้ชานนจะปฏิเสธ แต่หากเขาลงทุนอ้อนเข้าให้แล้ว เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเชฟหนุ่มจะทนใจแข็งไปได้ถึงไหน

   “อายุน้อยกว่าบางทีมันก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะ...เพราะเวลาอ้อนเอาอะไรแล้ว ก็มักจะได้รับความเอ็นดูจากผู้ใหญ่อยู่เสมอนี่ล่ะนะ”

   ธีรัชพึมพำกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี แล้วจึงลุกเดินตามชานนออกไป และแล้วในคืนนั้น เขาก็ลงมานอนกับเชฟหนุ่มตามที่อีกฝ่ายชวน และเมื่อเช้าวันจันทร์มาถึง คนที่เคยตื่นตีสี่ตีห้าตามปกติ ก็นอนหลับยาวยันเกือบสองโมงเช้า แต่โชคดีที่ชานนยังลุกมาทำงานไหว ธีรัชจึงพ้นโทษที่ปวีร์วางเอาไว้

    หากแต่วันนั้นทั้งวันชายหนุ่มในฐานะผู้ช่วยพ่อครัว ก็ต้องรับงานหนักแทนชานนไปหลายอย่าง เพราะปวีร์ลงมาคุมงานเองถึงในครัวและกำชับให้เชฟหนุ่มรับหน้าที่แค่ปรุงรสเท่านั้น แม้ว่าชานนจะสงสารคนรักเพียงใด แต่อีกด้านเขาก็นึกขำและหมั่นไส้คนที่ทำให้เขาต้องเหนื่อยจนไม่ได้นอนเกือบทั้งคืนอยู่เหมือนกัน ชานนจึงยอมร่วมมือกับปวีร์ลงโทษอีกฝ่ายตลอดวันนั้นทั้งวันจนกระทั่งถึงเวลาปิดร้านเลยทีเดียว

   

…END…

ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
เหอะๆ ในที่สุดธีรัชก็ประสบความสำเร็จ

nemesis

  • บุคคลทั่วไป
อร๊ายยยยยยอยากอ่านต่อมะอยากให้จบเลยชอบอะ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
ธีรัชไม่ค่อยเลยนะ ชานนน่ารักมาก ๆ เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ maykiz

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกมากๆเลยค่ะ น่ารักจริงๆ อยากได้ตอนพิเศษของโยกับภูริบ้างจัง

ออฟไลน์ snack

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 951
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
โยกับการินน่ารักดี..

ออฟไลน์ aezac

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
ชอบคู่เมศกะปวีเป็นพิเศษ อยากอ่านจังงงงงง

สนุกมากค่า ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษค่ะ

ออฟไลน์ ArgèntaR๛

  • "ความสุข" แบ่งปันได้
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +166/-0
    • turelight's Fanpage
ไม่ได้เข้าบอร์ดนานมากเพราะงานยุ่ง
เข้ามาอีกทีนิยายใหม่ๆเพียบเลย

อ่านแล้วสนุกดีครับเรื่องนี้ :)
น่าสนใจดี   :L1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
แอบแวะมาแจ้งว่า หนังสือส่งเข้าโรงพิมพ์แล้วนะคะ ใครที่โอนรอบแรก (4ต.ค. - 4 พ.ย. 55) 

คาดว่าไม่น่าเกินวันอังคาร-พุธ ที่ 20 - 21 พ.ย. คงได้หนังสือกันครบทุกคนค่ะ เพราะกำหนดโรงพิมพ์พิมพ์เสร็จ ในวันพุธที่ 14 พ.ย. ถ้าเสร็จเช้า ปัดก็มีเวลาห่อ แพค ในวันนั้น (จะพยายามลุยห่อให้นะคะ) แต่ถ้าโรงพิมพ์เสร็จเย็น ปัดก็ต้องเลื่อนไปห่อวันพฤหัสที่ 15 พ.ย.แทน

ดังนั้นวันส่งก็อาจจะเป็นวันศุกร์ คนกทม. และปริมณฑล ถ้าไปรษณีย์ไม่เกเร ก็ควรจะได้ในวันเสาร์ ส่วนต่างจังหวัด ก็จันทร์ - อังคาร และอย่างช้าสุดก็พุธ  ซึ่งไม่เคยเห็นส่งช้าเกินไปกว่านี้ ยกเว้นเหมือนตอนที่เครื่องคัดแยกพัสดุที่ไปรษณีย์กลางเสีย ซึ่งคนที่สั่งซื้อก็ไม่ต้องกังวล เพราะปัดจะส่งเลขพัสดให้ท่านไปใช้เช็คติดตามได้ด้วยตัวเองในเน็ตค่ะ ^^

แล้วถ้าได้หนังสือจากโรงพิมพ์แล้วจะถ่ายรูปมาโชว์อีกทีนะคะ บอกไว้ก่อน เผื่อตกใจ ปกสีจัดจ้านมากค่ะ ปกขนมทั้งสองปกนั่นล่ะค่ะ -- แต่ก็สะดุดตาดีค่ะ หุ ๆ

ป.ล. สำหรับคนที่ผ่านล็อตแรก ยังโอนได้ถึง 10 ธ.ค. 55 นะคะ  อ้อ แล้วก็รีปริ้นท์ รอบนี้เปิดจองทุกเรื่องที่เคยพิมพ์ และเปิดจอง คุณตำรวจยอดรัก และคุณอาที่รักเป็นรอบสุดท้ายแล้วค่ะ หมดรอบนี้ ไม่รีแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-11-2012 11:44:26 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
พึงรุ้ว่ามีตอนพิเศษคู่นี้

คุณนนท์กินเด็ก โฮะๆ
ธีรัช ทำงานกะกลางคืนพอประมาณนะ
เดี๋ยวปวีร์สั่งแยกจะลำบากหัวใจเอาน่า

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
อ่านไปนึกภาพตามเป็นอนิเมะเลย เรื่องราวน่ารักมุกขำได้ตลอด นึกว่ากำลังอ่านการ์ตูนญี่ปุ่น
ถ้ามีร้านแบบนี้จริงๆ ในไทยละก็ คงกลายเป็นแหล่งชุมนุมของบอร์ดแน่

ออฟไลน์ Noi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-2
เข้ามารอตอนพิเศษคู่อื่นๆ :z1: :z1:

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
กรี้ดดดดดดดดดดดดน่ารักอะ :-[ :-[ :-[ :-[

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
หนังสือได้แล้วนะคะ ขอเวลาห่อสักวัน แล้วจะจัดส่งให้ พร้อมจะเมล์แจ้งรหัสพัสดุ ไว้เช็คในเน็ตผ่านอีเมล์ของผู้ซื้ออีกรอบนะคะ ^^








ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
รอหนังสืออย่างจดอ  อยากอ่านตอนพิเศษตอนอื่นๆแล้ว

 :กอด1:  :pig4:

ออฟไลน์ yuyie

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +92/-5
ตามมาจาก "เหยื่ออสูรกาย" ค่ะ

เขียนได้สนุกมาก อ่านรวดเดียวเลย

เพิ่งทราบว่าเป็นคนเดียวกับในเด็กดีนะคะ ตามอ่านผลงานมาหลายเรื่องแล้วค่ะ ทั้งที่นี่และเด็กดี

ชอบสำนวนการเขียนมาก  เขียนได้สนุก ติดงอมแงมเลยค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
ตามมาจาก "เหยื่ออสูรกาย" ค่ะ

เขียนได้สนุกมาก อ่านรวดเดียวเลย

เพิ่งทราบว่าเป็นคนเดียวกับในเด็กดีนะคะ ตามอ่านผลงานมาหลายเรื่องแล้วค่ะ ทั้งที่นี่และเด็กดี

ชอบสำนวนการเขียนมาก  เขียนได้สนุก ติดงอมแงมเลยค่ะ  :กอด1:

แวะเข้ามาปลื้ม ขอบคุณมากมายค่ะ  ^^ แต่เรื่องคาเฟ่ กับเรื่อง เหยื่อรักอสูรกาย นี่จะออกคนละโทนกันสักหน่อยค่ะ เรื่องนั้นดำเนินเรื่องฉับ ๆ ส่วนคาเฟ่เน้นเรื่อยเปื่อยแบบชีวิตประจำวันน่ะค่ะ

ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามผลงานกันมาตลอดนะคะ ดีใจมาก ๆ เลยค่ะ  จะพยายามพัฒนางานเขียนให้ดีขึ้นกว่าเดิมเรื่อย ๆ ไปค่ะ

------------------------------------------------------------
---------------------------------------------------------------

เพิ่มเติม ถึงคนสั่งหนังสือล็อตแรก    มีคนได้หนังสือหลายท่านแล้วนะจ๊ะ  ต่างจังหวัดก็อดใจรออีกนิด คาดว่าวันจันทร์ก็น่าจะเริ่มทยอยถึงมือผู้รับกันเกือบหมดแล้วค่ะ ยังไงก็ไม่น่าเกินวันพุธค่ะ ช้ากว่านี้ถือว่าผิดปกติแล้วล่ะค่ะ 

ยังไงก็หวังว่าคงจะสนุกกับตอนพิเศษที่เพิ่มเติมไปนะคะ ขอบคุณมาก ๆ สำหรับผู้ที่สนับสนุนเรื่องนี้ค่ะ

ออฟไลน์ nano

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 257
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
น่ารักทุกคู่เลยอะ  อยากให้มีตอนพิเศษอีก
ไกรอย่าติดแฟนมากนะเดี๋ยวกลับประเทศไม่ถูก555

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
แวะมาดันทิ้งทวนกันนักอ่านลืมที่จองไว้ลืม   ^^"

..
..
อ้อ อยากจะบอกว่าคนที่ซื้อล็อตแรกแล้วสังเกตว่าปกผิดพลาด ปัดจะมีของขอขมาเป็นมุงหลังคาตอนพิเศษเล่มเล็ก ๆ ที่เขียนเพิ่มขึ้นมาจากรวมเล่มส่งไปให้นะคะ ส่วนล็อตสองไม่มีจ้า เพราะจะไปให้เขาแก้ปกพรุ่งนี้สำหรับคนสั่งล็อตสองค่ะ--

..
..
ไหน ๆ ก็มาทั้งที เลยเอาตอนพิเศษในเล่มมาให้อ่านกันลืมกันค่ะ ^^

(อันนี้แปะที่บอร์ดฮาเร็ม แต่ไม่ได้แปะที่เล้า เลยนำมาแปะให้อ่านกันให้คลายคิดถึงค่ะ)


Miracle Café / Special
(ไกรสร- รุจ)



    ถ้าผ่านเที่ยงคืนของวันนี้ไปได้ ไกรสรก็จะสามารถยืดอกแสดงตัวตนเป็นคนรักกับรุจได้ในที่สุด วันนี้ทั้งวันตั้งแต่เช้าชายหนุ่มจึงยิ้มแย้มอารมณ์ดีตลอด แต่พอยิ่งใกล้เวลา เจ้าตัวก็กระสับกระส่ายนอนไม่หลับแทนเสียอย่างนั้น จนต้องขับรถมาหาใครบางคนถึงบ้านพัก ทั้งที่เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วก็ตาม

    “ฮัดเช่ย! คืนนี้หนาวชะมัดเลยแฮะ”

    ลมพัดเย็น ๆ และน้ำค้างยามดึกทำให้คนที่ออกมายืนพิงรถด้านหน้าต้องห่อกาย แม้จะไม่ค่อยมียุงเยอะอย่างที่คิด แต่อากาศเย็นทำให้เขาเลือกเปิดประตูรถเข้าไปนั่งด้านในแทน เจ้าตัวนั่งอยู่สักพัก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเคาะกระจกดังเบา ๆ จากด้านนอก

    “รุจ! มาได้ยังไงเนี่ย?”

     ไกรสรเปิดประตูรถของเขาเตรียมจะลุกออกมา ก่อนจะชะงัก เมื่ออีกฝ่ายกลับเปิดประตูอีกด้านแล้วก้าวเข้ามานั่งในรถข้างเขาแทน

    “ผมว่าผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์ แต่คิดว่าหูฝาด แต่พอได้ยินเสียงปิดประตูรถก็เลยออกมาดูอีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าเป็นรถคุณจอดอยู่”

    รุจตอบคำถามอีกฝ่ายเมื่อสักครู่ ทำให้ไกรสรต้องมองคนข้าง ๆ แล้วยิ้มน้อย ๆ

    “นอนดึกเหมือนกันนะเรา...เอ หรือว่า นอนไม่หลับเพราะคิดถึงฉัน”

    ชายหนุ่มแกล้งแซว แต่ก็ต้องชะงักเมื่ออีกฝ่ายหันมายิ้มหวาน

    “ครับ...คิดถึง... คุณเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือครับ”

    ไกรสรกลืนน้ำลายลงคอ เขาเหลือบมองนาฬิกาที่ใกล้จะเดินถึงเวลาเที่ยงคืนด้วยความอดทน จนรุจนึกขำ

    “ไม่คิดว่าจะลงทุนขับรถมาหาเลยนะครับ นี่ถ้าผมไม่ลงมาก็ตั้งใจจะเฝ้าอยู่อย่างนี้จนถึงเช้าหรือครับ”

    ไกรสรขมวดคิ้วยุ่ง แล้วถอนหายใจยาว ก่อนจะชะงักเมื่อมือของอีกฝ่ายเอื้อมมาลูบไล้แก้มของเขาแผ่วเบา

    “ต่อแต่นี้ไปก็คงต้องขอฝากตัวด้วยแล้วนะครับ”

    “แน่นอนอยู่แล้ว...ว่าแต่จับตัวได้หรือยังน่ะ”

    ไกรสรพึมพำตาก็เหลือบไปมองนาฬิกาติดรถที่ตอนนี้เป็นเวลายี่สิบสามนาฬิกา ห้าสิบหกนาที

    “อีกสี่นาทีเองนี่ครับ...เอาอย่างนี้ดีกว่า ระหว่างที่รอเวลาเราก็มาเตรียมการกันก่อน ดีไหมครับ”

    รุจเปรยตอบเสียงแผ่ว ทำให้ไกรสรขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างสงสัย แต่พอเห็นอีกฝ่ายปรับเบาะเอนนอนลงไป แล้วปลดกระดุมเสื้อรอ เจ้าตัวก็ต้องกลืนน้ำลายลงคอ แล้วจัดแจงขยับเบาะของเขาเช่นเดียวกัน ก่อนจะรอลุ้นให้เวลาถึงเที่ยงคืนโดยเร็ว และเมื่อเวลากลายเป็นศูนย์นาฬิกา ไกรสรก็พลิกกายขึ้นคร่อมและจูบไปทั่วใบหน้าและเรือนร่างของอีกฝ่ายอย่างเร่าร้อนราวกับคนกระหายอย่างหนัก

    “อา...คุณไกรสร...ผมรักคุณนะ”

    รุจกระซิบเสียงแผ่ว ยิ่งทำให้คนที่กำลังหลงใหลมัวเมาไปกับผิวกายของชายหนุ่มยิ่งคลั่งหนัก จนอยากจะจับหนุ่มน้อยบนเบาะร่วมรักด้วยกันเสียเดี๋ยวนั้น แต่เพียงสักพักเขาก็สู้ข่มทนชนะตัณหาของตัวเอง เพราะอยากให้ครั้งแรกระหว่างพวกเขาอ่อนโยนและนุ่มนวล ไม่ใช่เกิดจากความใคร่ที่สะสมมาเช่นตอนนี้

    “รุจ...ฉันรักเธอเหลือเกิน ยอดรักของฉัน”

    ไกรสรพึมพำกับซอกคอขาวของอีกฝ่าย รุจปรือตาขึ้นมามอง เมื่อไม่เห็นชายหนุ่มทำอะไรมากกว่านี้ เขาก็อมยิ้มน้อย ๆ แล้วก้มลงจูบเส้นผมของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกระซิบถาม

    “ไม่ทำหรือครับ...ต้องการไม่ใช่หรือ”

    “ไม่ล่ะ...อยากได้ใจจะขาดก็จริง แต่อยากให้โรแมนติกกว่านี้...ไว้วันหยุดที่จะถึง เราไปเที่ยวที่ไหนกันสองคนดีไหม”

    ไกรสรถามอีกฝ่ายพร้อมกับเงยหน้ามาจ้องมองคนรักของเขา ทางด้านรุจยิ้มหวานแล้วตอบกลับไป

    “แล้วแต่คุณสิครับ ก็เราเป็นแฟนกันแล้วนี่”

    “น่ารักจริง ๆ ...ไม่เสียแรงที่อดทนมาจนได้ถึงขนาดนี้เลยนะ”

    ไกรสรเอ่ยชมแล้วหอมแก้มอีกฝ่ายฟอดใหญ่ ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

    “บอกให้รู้ไว้ก่อน เผื่อจะเปลี่ยนใจตอนนี้... ผมน่ะ ขี้หึงนะครับ โดยเฉพาะกับคนที่รักมาก ๆ แล้วด้วย ถ้าไม่จำเป็นยิ่งไม่อยากให้ใครมาแตะต้องเกินเลยด้วยซ้ำ”

    คนฟังฉีกยิ้มกว้าง ไม่ได้นึกกลัว แต่กลับดีใจยิ่งขึ้นแทน

    “ดีสิ ...แต่ไม่ต้องห่วงนะ จะไม่ไปเจ้าชู้ที่ไหนอีกแล้วแน่”

    “ได้งั้นจริงก็ดีครับ...กลัวแต่ว่าพอกลับไปอยู่อเมริกาแล้ว เจอเนื้อนมไข่ล้อมรอบ ก็จะลืมอกแบน ๆ ทางนี้แทนเสียมากกว่า”

    รุจแกล้งแซว ทำให้คนฟังชะงักก่อนจะนิ่งเงียบไปสักพัก แล้วย้อนถาม

    “เธอไม่คิดจะไปอยู่ที่นั่นกับฉันด้วยกันหรอกหรือ”

    รุจเองพอได้ยินก็เงียบกริบ เขานิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

    “ผมอยากทำงานที่เมืองไทยนี่ครับ...แต่ผมก็ไม่คิดรั้งคุณไว้หรอกนะ เพราะผมรู้ว่าคุณชอบงานด้านนี้”

    พอรุจพูดจบพวกเขาก็นิ่งเงียบกันไปอีก จากนั้นเสียงถอนหายใจจากไกรสรจึงดังขึ้นเบา ๆ

    “ฉันเองก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไป มัวแต่คิดว่าจะชนะใจเธอได้ยังไง แต่ไม่คิดว่าหลังจากนั้นแล้ว หากเธอไม่ตามกลับไปด้วย แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดี”

    “ขอโทษนะครับที่เห็นแก่ตัว...แต่ผมยังอยากทำงานที่นี่ต่ออีกสักพัก ยังไงถ้าเวลาผ่านไป แล้วคุณยังรอผมอยู่ ผมก็จะตามไปนะครับ”

    รุจตอบอีกฝ่าย ก่อนจะเหลือบไปมองบ้านพักที่อยู่มาเกือบเดือนด้วยแววตาที่แสดงถึงความผูกพัน จนไกรสรมองแล้วก็ต้องคิดตัดสินใจบางอย่าง

    “งั้นอาทิตย์หน้าฉันจะกลับไปอเมริกาเลยแล้วกัน”

    รุจนิ่งเงียบแล้วพยักหน้ารับรู้ค่อย ๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเลือกกลับไวขนาดนี้ แต่เขาก็ไม่คิดจะรั้งอะไรไว้ เพราะรู้มาจากปวีร์ก่อนหน้านั้นแล้วว่า ไกรสรรักงานออกแบบ และทุ่มเทให้กับมันมากเพียงใด

    “แต่เดทวันอาทิตย์นี้เรายังไม่เปลี่ยนนะ ...อย่าลืมล่ะ”

    ไกรสรกระซิบแล้วจูบปากชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนจะกล่าวราตรีสวัสดิ์และเปิดรถเดินไปส่งอีกฝ่ายจนถึงทางเข้าบ้านพัก เฝ้ามองจนรุจกลับเข้าห้องไป จากนั้นเขาก็ตรงไปที่รถและขับกลับบ้านของตนด้วยเช่นกัน

   

    วันรุ่งขึ้นไกรสรไม่ได้มาเฝ้าชายหนุ่มตามปกติ แต่ฝากน้องสาวทั้งสองมาบอกว่า จะขอลาหยุดยาวจนถึงวันเสาร์ ซึ่งเขาจะมาที่ร้านและจะรอรุจเลิกงานและรับไปเที่ยวด้วยกันเลย

    “ทะเลาะอะไรกันหรือเปล่ารุจ เห็นพี่ไกรดูขรึม ๆ ผิดปกติ ทั้งที่วันนี้น่าจะดีใจที่ครบกำหนดสัญญาที่พนันไว้แท้ ๆ”

    ขวัญแก้วถามแคชเชียร์หนุ่มอย่างนึกห่วง แต่รุจนั้นกลับยิ้มน้อย ๆ แล้วสั่นศีรษะปฏิเสธ พร้อมกับบอกว่าพวกเขาไม่ได้ทะเลาะอะไร จนหญิงสาวต้องเลิกราถามไปเอง แม้จะยังนึกเป็นห่วงอยู่มากก็ตาม

     “อาทิตย์หน้านี้ เห็นปวีร์บอกว่าจะได้พนักงานใหม่ครบ และให้เริ่มเปลี่ยนหน้าที่กันตั้งแต่วันจันทร์เป็นต้นไป ...เห็นบอกว่าผู้ช่วยบาร์น้ำของพวกเราทั้งสามคน มีแต่หนุ่ม ๆ วัยละอ่อนทั้งนั้น ฉันชักอยากเจอไว ๆ แล้วล่ะสินะ”

    ขวัญแก้วเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นอย่างอื่นเพราะไม่อยากให้รุจต้องคิดมาก ซึ่งรุจก็ยิ้มน้อย ๆ ตอบ ขวัญแก้วชวนคุยโน่นนี่เรื่อยเปื่อย แต่พอมีลูกค้าเข้ามาทั้งคู่ก็หยุดคุยและตั้งอกตั้งใจทำงานต่อแทน

   

    พอทำงานหมดวันแต่ละคนก็เตรียมตัวกลับบ้านพัก รุจชะงักเมื่อมีเสียงเรียกเข้าจากมือถือ เขาก้มมองเบอร์ที่โทรมาแล้วกดรับหลังจากเสียงเรียกดังขึ้นอยู่สักพัก

    “คิดถึงจังที่รัก...คิดถึงฉันบ้างหรือเปล่าเอ่ย”

    น้ำเสียงปลายสายดูร่าเริงทำให้คนรับยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ยังแสร้งตอกกลับไปเรียบ ๆ

    “ถ้าคิดถึงทำไมไม่มาหาล่ะครับ...หรือพอเป็นแฟนกันแล้ว เลยหมดแรงจูงใจจะจีบต่อ”

    ปลายสายชะงักเงียบไป แล้วจึงเอ่ยขึ้นตามมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วลง

    “โกรธหรือรุจ...ขอโทษนะ พอดีไม่ว่างจริง ๆ แต่จะพยายามเคลียร์ให้เสร็จทันเดทของเราอาทิตย์นี้นะ”

    รุจอมยิ้มนิด ๆ แล้วจึงทำเป็นเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องอื่น

    “หรือครับ... จริงสิ คุณรู้ไหมว่าพนักงานใหม่ที่บาร์เป็นผู้ชายทั้งสามคน และอายุรุ่นราวคราวเดียวกับผมทั้งนั้น... ถ้าคุณยังหายเงียบไปแบบนี้ล่ะก็ ระวังผมจะหวั่นไหวเอานะ”

    “อะไรนะ! ไม่เคยเห็นแก้วกับตาบอกเลย ผู้ชายงั้นรึ มาทำงานตั้งแต่เมื่อไหร่ หน้าตาหล่อสู้ฉันได้ไหม แล้วเธอบอกเขาหรือเปล่าว่ามีแฟนแล้วน่ะ!”

    คนขี้หึงรีบถามเป็นชุด ทำเอารุจต้องหลุดหัวเราะออกไปอย่างนึกขำ ก่อนจะตอบกลับอีกฝ่าย

    “พวกนั้นยังไม่มาทำงานหรอกครับ ผมเองก็เพิ่งจะรู้จากคุณแก้ววันนี้เองด้วย ...ก็เลยอยากรู้ปฏิกิริยาของคุณบ้างว่าจะเป็นยังไง”

    ปลายสายเงียบไป ก่อนจะมีเสียงถอนหายใจยาวให้ได้ยินตามมา

    “เธอนี่นะ...หลอกฉันหรอกหรือ”

    “ไม่ได้หลอกสักหน่อยนะครับ พูดเรื่องจริงทั้งนั้น ...แต่พอได้ยินคุณหึงแบบนี้ค่อยหายน้อยใจหน่อย...เอาเป็นว่าเจอกันวันเดทนะครับ แค่นี้นะครับ”

    รุจเตรียมจะกดวาง แต่เสียงปลายสายก็ตะโกนแย้งขัดขึ้นทันที

    “เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่ง! เมื่อครู่ว่าอะไรนะ น้อยใจด้วยหรือ เป็นเพราะไม่เจอหน้าฉันหรือเปล่า!”

    “หึ ๆ คิดเอาเองสิครับ ...แค่นี้นะครับ อย่าทำงานหักโหมมากล่ะ ผมเป็นห่วงนะ”

    รุจบอกก่อนกดตัดสาย แถมยังปิดมือถือตามมา ทำเอาคนที่พยายามจะโทรกลับบ่นอุบกับตัวเอง แต่ก็อดยิ้มหน้าบานไม่ได้ เมื่อคิดถึงบทสนทนาเมื่อครู่ที่คนรักพูดกับตน

    “เล่นน่ารักแบบนี้ แล้วจะปล่อยให้คลาดสายตาได้ยังไงกันเล่า”

    ไกรสรเปรยบ่น พลางมองกองกระดาษดีไซน์เสื้อผ้าตรงหน้า ที่เขาตั้งใจจะออกแบบทิ้งท้ายไปขอแลกกับการลาออกจากร้านที่เขาทำงานและเป็นหุ้นส่วนอยู่ เขาเชื่อว่าเพื่อนสนิทซึ่งเป็นหุ้นส่วนของเขาจะต้องไม่ยอมง่าย ๆ ที่จะปล่อยเขามา ไกรสรจึงจำต้องขอขมาอีกฝ่ายเป็นดีไซน์เสื้อผ้ากว่าสามสิบชุดเป็นของขวัญลาจาก และอาจจะขอติดต่องานกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตแทน โดยหวังว่านั่นจะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันถูกตัดขาด เพราะถึงยังไงเขาและอีกฝ่ายนั้นก็ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทและร่วมธุรกิจด้วยกันมานานแล้ว

    “วันเสาร์เอางานไปทำที่ห้องของปวีร์ก็ได้วะ...อย่างน้อยพักกลางวันก็ยังได้เจอหน้ากันบ้างก็ยังดี ...จะได้ไม่น้อยใจใส่เราอีก”

    ไกรสรที่ตั้งใจจะลุยงานให้เสร็จ แล้วไปหารุจในตอนเย็นวันเสาร์ต้องเปลี่ยนแผนการ ชายหนุ่มพึมพำแล้วยิ้มกับตัวเองอย่างยินดีอีกครั้ง เมื่อรุจนั้นออกอาการงอน และน้อยอกน้อยใจเขาให้ได้เห็น นอกเหนือจากอาการเฉยเมยและเย็นชาไม่ค่อยดูดำดูดีเขาที่ได้เห็นอยู่เป็นประจำ

   


ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
    เช้าวันเสาร์ไกรสรนั้นตื่นแต่เช้า เพื่อตั้งใจจะแวะไปหารุจที่บ้านพัก หลังจากที่แทบจะปิดห้องทำงานไม่ยอมรับรู้โลกภายนอก จนขวัญแก้วกับขวัญตามาบ่นอุบให้รุจฟังอย่างเป็นห่วง แต่รุจบอกว่าอีกฝ่ายอาจจะมีงานด่วนต้องจัดการก็ได้ เพราะก่อนหน้านั้นก็ยังโทรมาหาเขาอยู่เลย นั่นจึงทำให้สองสาวเบาใจลงไปได้บ้าง

    “ดูพี่ไกรเขาสิตา พอมีแฟนแล้ว น้องสาวอย่างเราก็ไม่มีความหมาย ทำอะไรก็ไม่ยอมบอกเหมือนเคย”

    ขวัญแก้วเปรยประชด เพราะลองเลียบเคียงถามเรื่องที่พี่ชายปิดห้องทำงานเมื่อสองวันก่อน ทั้งที่เป็นช่วงพักร้อนของอีกฝ่ายแท้ ๆ แต่กลับไม่ได้รับคำตอบอะไรจากไกรสรเลย

    “ก็บอกแล้วไงว่าบอกไม่ได้ ขืนพวกเธอหลุดปากต่อหน้ารุจ ที่ฉันทนลำบากทำไปเพื่อเซอร์ไพรส์เขา มันก็ไม่มีความหมายน่ะสิ”

    ชายหนุ่มบอกกับน้องสาวของเขา อย่างไม่ค่อยใส่ใจอาการงอนนั้นนัก พอได้ยินดังนั้นขวัญแก้วกับขวัญตาก็ถอนหายใจเบา ๆ ไล่เลี่ยกัน แม้จะหมั่นไส้เพียงใด แต่พวกเธอก็ยังดีใจที่พี่ชายยอมหยุดอยู่ที่คนคนเดียว แทนที่จะเจ้าชู้ไปเรื่อย ๆ ได้สักที

    “ว่าแต่พวกเธอเตรียมตัวกันเสร็จหรือยังล่ะ เพราะเดี๋ยวพี่จะแวะไปซื้อดอกไม้ให้รุจเขาอีก”

    “เสร็จแล้วเจ้าค่ะ! ไปได้เดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ!”

    ขวัญแก้วเอ่ยรับคำแบบประชดประชันจนขวัญตาแอบหัวเราะ จากนั้นทั้งสามก็ขึ้นรถไปคันเดียวกัน โดยที่ไกรสรนั้นแวะซื้อกุหลาบส้มช่อใหญ่ไปฝากคนรักของเขา

    “กุหลาบส้ม หมายความว่ายังไงหรือคะ”

    ขวัญตาถามพี่ชายของเธออย่างสงสัย รุจยิ้มน้อย ๆ แล้วจึงตอบน้องสาวออกไป

    “มันหมายถึงว่า ฉันยังรักเธอเหมือนเดิมน่ะสิ ...เป็นการยืนยันว่าที่หายหน้าไปเพราะไม่ว่างจริง ๆ ไม่ได้หมดรักอะไรเลย เขาจะได้หายน้อยใจสักทียังไงล่ะ”

    “แต่แก้วไม่เห็นรุจเขาน้อยใจอะไรเลยนี่คะ ออกจะทำงานได้แฮปปี้ ยิ้มแย้มมีความสุข มากกว่าตอนพี่อยู่ด้วยซ้ำไป”

    ขวัญแก้วเอ่ยขัดทำให้คนเป็นพี่ชายชะงักแล้วหันมามองน้องสาวด้วยสายตาเขม่นนิด ๆ

    “ใครเขาจะแสดงออกให้คนนอกรู้ล่ะ เอาเป็นว่าพี่รู้กับรุจแค่สองคนแล้วกัน ว่าเขาน่ะเหงาและคิดถึงพี่ขนาดไหน”

    ขวัญแก้วลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะรับคำยานคางอย่างยอมแพ้ เพราะไม่คิดเลยว่าพี่ชายของเธอจะหลงตัวเองขนาดนี้มาก่อน นี่ถ้ารุจได้ยินเข้า คงจะรู้สึกเอือมระอาไม่แพ้กับเธอเลยทีเดียว

   

    และเมื่อถึงบ้านพัก ไกรสรก็เจอกับปวีร์เข้าพอดี ชายหนุ่มตรงเข้าไปขอดูชุดที่จะต้องใส่วันนี้ เพราะปวีร์นั้นปิดเขาไม่ยอมบอก แม้กระทั่งยามที่เขาเข้าไปเช็คในเว็บไซต์ที่เจ้าตัวทำไว้ ก็มีเพียงแค่ข้อความบอกให้ลูกค้าลุ้นเอาเอง และเตรียมเซอร์ไพรส์สำหรับเสาร์นี้เท่านั้น

    “ใจเย็น ๆ ครับพี่... เดี๋ยวก็ได้เห็นพร้อมกันอยู่ดีล่ะน่า”

    ปวีร์แกล้งถ่วงเวลา ทำเอาชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วยุ่ง แม้แต่สองสาวเองก็ถูกปิดเป็นความลับเช่นเดียวกัน ทว่าพวกเธอก็มั่นใจฝีมือของปวีร์ ว่าคงจะไม่ทำให้พวกเธอผิดหวังกับชุดในวันนี้เป็นแน่

    “โอ๊ะ ปยุตกับราเมศมาละ วันนี้ชุดค่อนข้างเต็มยศเลยต้องแพคอย่างดีสักหน่อย”

    ปวีร์บอกอย่างอารมณ์ดี โดยที่ราเมศได้แต่จ้องมองตอบตาปริบ ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่คิดจะช่วยพวกเขาแบกแต่อย่างใด

    “อ้าว เด็ก ๆ ลงมากันแล้ว พวกเธอมานี่สิ ชุดเสร็จแล้วนะ”

    ปวีร์บอกแล้วก็อมยิ้มนิด ๆ เมื่อเห็นบางคนนิ่วหน้ามาแต่ไกล

    “รับรองวันนี้ชุดมิดชิด เรียบร้อย ไม่มีโชว์เซ็กซี่เหมือนอาทิตย์ก่อนหรอกน่า”

    แต่ละคนนึกเอะใจเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นชุดแบบไหน ยังไงพวกเขาก็ต้องแต่งอยู่ดี จึงทำให้ทุกคนรับชุดมาเปิดดูอย่างเสียไม่ได้

    “ทักซิโด้สีขาว...อะไรกันครับเนี่ย”

    ภูริที่เปิดชุดดูเป็นคนแรกเอ่ยถามอย่างแปลกใจ พลางเหลือบมองเครื่องแบบของกวินที่เปิดเช็คชุดดูบ้าง และก็พบว่าชุดของอีกฝ่ายก็เหมือนกันกับของเขาด้วยเช่นกัน 

    “ Wedding Theme ยังไงล่ะ เข้าท่าไหม”

    ปวีร์บอกพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาคนถามนิ่งอึ้ง แต่พอหันไปมองวาโย แล้วนึกถึงสภาพอีกฝ่ายในชุดเจ้าสาว เขาก็แอบยิ้มน้อย ๆ ตามมา

    “อ้าว...ทำไมยังไม่เปิดชุดของตัวเองดูอีกล่ะ โย ริน”

    ปวีร์หันไปทางชายหนุ่มผู้น่ารักทั้งสอง วาโยนั้นรูดซิบถุงพลาสติกคลุมเสื้อไปเพียงครึ่งแต่พอเห็นลายลูกไม้ของชุดในถุงแวบ ๆ เขาก็หยุดมือในทันที ยิ่งพอได้เห็นชุดของภูริและกวิน รวมไปถึงธีมที่ปวีร์บอก เขาก็พอคาดเดาได้แล้วว่าชุดของตนเองจะเป็นชุดแบบไหน

    “ได้ใส่กางเกงแค่อาทิตย์เดียวเองหรือครับ...”

    วาโยโอดครวญ ทำเอาปวีร์ต้องหลุดหัวเราะอย่างเอ็นดู ส่วนการินที่สังหรณ์ไม่ดีเม้มปากนิ่ง เขาเองก็ยังไม่ได้เปิด แล้วมองดูชุดของเพื่อนคนอื่นก่อน แต่พอเจอเข้าแบบนี้เขาก็รู้สึกเสียวไม่แตกต่างจากวาโยเข้าแล้ว

    “ริน...เปิดสิ อยากเห็นอะ”

    กวินเข้ามาเซ้าซี้ และคาดหวังในสิ่งที่ไม่แตกต่างจากภูริหวังจากวาโยเท่าใดนัก การินจ้องมองคนรักตาปริบ ๆ แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรูดซิบถุงพลาสกติกออก และหยิบชุดในนั้นออกมาดู

    “ว้าว! ชุดเจ้าสาวอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ด้วย เยี่ยมไปเลย! อะ...เอ่อ ฉันก็แค่ชมเอง อย่าทำตาดุอย่างนั้นสิ”

    คนที่ตะโกนด้วยความยินดีรีบแก้ตัวเมื่อเห็นการินมองเขาด้วยแววตาวาววับ ส่วนวาโยพอเห็นชุดของเพื่อน เขาก็นึกปลงแล้วหยิบชุดตัวเองออกมาดูบ้าง ก่อนจะทำหน้าหงิกไม่แพ้การิน

    “ทำไมชุดเจ้าสาวถึงเป็นเดรสสั้นล่ะครับ”

    “เพราะถ้าเป็นเดรสยาวมันจะไม่สะดวกกับการเสิร์ฟไงล่ะ”

     ปวีร์ตอบทันควัน ทำให้วาโยชะงัก ก่อนจะก้มลงมองชุดของตัวเองอีกครั้ง มันเป็นเดรสขาวเปิดไหล่ข้างหนึ่ง บริเวณริมขอบเสื้อไปจนถึงแขนอีกข้างเป็นระบายจีบรอบ นอกจากนี้ตรงบริเวณอกยังมีฟองน้ำเสริมหน้าอกเย็บติดกับชุด ทำให้เวลาใส่แล้วดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ส่วนกระโปรงถูกออกแบบเป็นระบายชั้น ๆ ซ้อนกันหลายชั้น  กระโปรงด้านหลังจะยาวกว่าด้านหน้าเล็กน้อย ทำให้ดูเก๋และหวานขึ้นกว่าชุดกระโปรงแบบปกติที่ชายหนุ่มเคยใส่มา

    ส่วนทางด้านการินเองก็เป็นเดรสขาวเหมือนกัน เพียงแต่แบบของชายหนุ่มนั้นจะแตกต่างจากวาโยที่เน้นอ่อนหวาน  โดยจะเป็นชุดกระโปรงสายเดี่ยวเกาะอก ตรงบริเวณลำตัวเป็นผ้าลูกไม้โปร่งทำให้ดูเซ็กซี่นิด ๆ ตัวกระโปรงทำเป็นดอกกุหลาบประดับโดยรอบ ด้านหน้าจะสั้นเลยหัวเข่าขึ้นมาเกือบฝ่ามือและด้านหลังยาวกว่าด้านหน้าเล็กน้อย

    “แล้วทำไมผมถึงต้องโดนจับแต่งหญิงอีกรอบด้วยล่ะ!”

    การินโวยวายตามมา แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของผู้เป็นอาจับจ้องมองมายังตน

    “ก็พอรินแต่งหญิงก็ทำให้มีลูกค้าผู้ชายเข้าร้านเยอะขึ้นอีกนี่นา...และที่สำคัญ วินเองก็ชอบให้รินแต่งแบบนี้ด้วยไม่ใช่หรือ เห็นเสาร์ที่แล้วออกจะดีใจเวลาเห็นหลานแต่งตัวสวย ๆ ให้เห็นนี่นะ”

    กวินสะดุ้งเฮือกพลางกลืนน้ำลายลงคอ มองปวีร์อย่างไม่แน่ใจว่าเรื่องความรักของเขาและการินจะถูกเปิดเผยแล้วหรือไม่

    “ฮึ! ที่ยอมแต่งเพราะมันเป็นหน้าที่หรอกนะ”

    การินแสร้งทำประชดเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องระหว่างเขากับกวิน แต่ก็ค่อนข้างแน่ใจว่าผู้เป็นอานั้น น่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับความรักของเขามากพอสมควร



    จากนั้นทั้งหมดจึงนำเสื้อผ้าไปลองชุดมาให้ปวีร์ดู โดยไกรสรนั้นอยากตามไปช่วยรุจเปลี่ยนเสื้อผ้าถึงที่ห้องแต่ก็เกรงว่าจะโดนไล่ตั้งแต่ที่ขอเสียก่อน เขาจึงได้แต่เพียงมอบดอกกุหลาบช่อโตส่งให้อีกฝ่าย แล้วมองตามตาละห้อยไปจนสองสาวนึกขำ

    “โธ่! พี่ชายฉัน เป็นเอามากนะนั่น ...จริงสิ ปกติเมติดวีไม่ยอมห่าง แบบนี้ด้วยหรือเปล่าน่ะ”

    ขวัญแก้วหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ทำเอาคนถูกถามชะงักเล็กน้อย ก่อนจะแสร้งทำเป็นยิ้มแบบไม่รู้สึกรู้สาให้แทนคำตอบ ทว่าราเมศนั้นทำเป็นลุกเมินเดินหนีไปอีกทางแทน จนขวัญแก้วนึกหมั่นไส้

    “ฮึ! ใช่ซิ เรามันคนนอก บอกอะไรไม่ได้นี่นะ”

     ปวีร์หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ เพราะรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้โกรธเขาจริงจังแต่อย่างใด เพราะว่าพอพวกหนุ่ม ๆ ปรากฏตัวในชุดธีมแต่งงาน ทั้งคู่ก็หันไปให้ความสนอกสนใจและตื่นเต้นกับพวกเขาเหล่านั้นแทน

    อีกด้านหนึ่งไกรสรที่เฝ้ารอคอยรุจอยู่ พอได้เห็นคนรักในชุดทักซิโด้สีขาวแบบนี้ ชายหนุ่มก็ถึงกับตกตะลึง และยืนมองอึ้ง ๆ อยู่สักพักจนรุจต้องเอ่ยทักทายก่อน

    “เป็นอะไรไปครับ ผมแต่งออกมาแล้วดูตลกงั้นหรือ”

    “อะ...ปะ เปล่า แต่เธอดูดีมากเลย...นี่เป็นครั้งแรกนะ ที่ฉันเห็นผู้ชายใส่สูทแล้วดูดีจนอยากจะตรงเข้าไปกอดแบบนี้น่ะ”

    ไกรสรเอ่ยออกไปตามตรง ทำให้คนฟังแย้มยิ้มน้อย ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งคู่สบตากันอยู่อย่างนั้นจนคนรอบข้างรู้สึกตัว เสียงกระแอมจากใครหลาย ๆ คนจึงดังผสมปนเปกันไป จนคนทั้งสองชะงัก

    “ขัดจังหวะจริง ...งั้นไว้รอคืนนี้ค่อยมาสวีทกันต่อนะ จะได้ไม่มีพวกก้างขวางคอตามมาขัดอีก”

    ไกรสรหันมายิ้มหวานบอกกับรุจ ทำให้คนฟังเกิดนึกขำเสียยิ่งกว่าโรแมนติก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เพราะเกรงว่าคนสูงวัยกว่าตนจะน้อยใจอีก

    “เอ้า! มองกันเองจนพอใจแล้ว ก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วมากินข้าวกันต่อ เดี๋ยววันนี้ฉันต้องไปคุมคนมาตกแต่งร้านให้เข้าบรรยากาศธีมแต่เช้าด้วย”

    คนอื่นมองชายหนุ่มตาปริบ ๆ โดยเฉพาะราเมศนั้นแอบลอบถอนหายใจเมื่อเห็นคนรักฟุ่มเฟือยเกินความจำเป็นอีกครั้ง

    “ไม่ต้องมองกันแบบนั้นหรอกน่า เพราะหลังจากหมดโปรโมชั่นรวมเล่มครั้งแรกของพวกนาย โครงการต่อไปก็คืออัลบั้มรวมเล่มเฉพาะกิจในแต่ละธีมพร้อมบทสัมภาษณ์ในธีมนั้น ๆ แยกขายเป็นเล่ม ๆ ถ้าบรรยากาศร้านไม่เข้ากับชุด มันก็ดูขัดตาใช่ไหมล่ะ”

    ปวีร์ขัดพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนหนุ่ม ๆ แม้จะรู้เรื่องโปรโมชั่นกันก่อนหน้านั้นแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นอัลบั้มที่ว่าสักที เพราะปวีร์เริ่มเปิดให้นำใบเสร็จมาแลกซื้อกันได้ในวันนี้นั่นเอง

    “ฉันพิมพ์เผื่อไว้ 100 เล่ม แต่ก็ไม่คิดว่าจะมีคนใช้สิทธิ์แลกซื้อได้หมดนั่นหรอก ก็แค่สั่งเผื่อเอามาลงไว้ก่อนจะได้ไม่ต้องสั่งพิมพ์ทีละสิบยี่สิบเล่ม มันเสียเวลาไปเอาน่ะ...อย่างวันนี้ขายได้สักยี่สิบเล่มก็ถือว่าทะลุเป้ามากแล้ว เพราะโปรโมชั่นเรามีอีกเป็นเดือน ...อืม ว่าแต่พวกนายสนใจซื้อเก็บไว้ไหมล่ะ ฉันคิดราคาโรงพิมพ์แบบไม่บวกให้เลยนะ เอาไหม”

    “ง่า...ต้องจ่ายด้วยหรือครับ” กวินพึมพำถามเบา ๆ ทำให้ปวีร์หันกลับมามองแล้วตอบคำถามของชายหนุ่ม

    “ก็ต้องจ่ายสิ ของซื้อของขายนี่ ...อ้อ ของอัลบั้มรวมชุดแรกน่ะ มีภาพตัวอย่างอัลบั้มชุดว่ายน้ำที่สระของคุณอนุชิตแถมท้ายเล่มด้วยนะ  ส่วนอัลบั้มชุดว่ายน้ำจะทำมาแบบลิมิเตท ซึ่งมีจำนวนจำกัดแค่  69 เล่มเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย และไม่ได้ใช้สิทธิ์แลกซื้อเหมือนกับอัลบั้มรวม แต่จะใช้เป็นสั่งจอง โอนก่อน แล้วค่อยพิมพ์แจกให้ลูกค้า เพื่อกันเบี้ยวทีหลังน่ะ”

    คนฟังคนอื่นเงียบกริบไปตาม ๆ กัน เพราะไม่คิดว่าตนจะโดนแอบถ่ายด้วยแบบนี้ ยกเว้นคนที่รู้เรื่องราวอยู่ก่อนแล้วที่พากันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ บ้างก็นึกเห็นใจคนถูกแอบถ่ายอยู่ไม่น้อย

    “ง่า...แพงมากไหมครับ ทั้งชุดรวมเล่ม กับชุดว่ายน้ำนั่นด้วย”

     กวินเลียบ ๆ เคียง ๆ ไปสอบถามปวีร์ พอได้ยินปวีร์บอกราคา ชายหนุ่มก็นิ่งคิดแล้วบอกออกไป

    “หักกับเงินเดือนแทนเลยได้ไหมครับ ผมจองไว้ทั้งสองชุดเลยครับ”

    พอได้ยินกวินพูดแบบนั้น การินที่อยู่ใกล้ ๆ ก็นิ่วหน้าแล้วย้อนถาม

    “นายจะซื้อมาเก็บทำไม ...อย่าบอกนะว่าอยากระลึกความหลังน่ะ”

    การินจ้องคนรักเขม็ง เพราะคิดว่าอีกฝ่ายอยากเก็บอัลบั้มไว้เพราะอยากดูรูปของวาโยในชุดว่ายน้ำ ก่อนหน้านั้น 

    “บ้ารึ! ฉันก็แค่อยากเก็บดูภาพในอดีตของพวกเราทุกคน...แล้วก็นายด้วยน่ะ”

     ท้ายประโยคกวินกระซิบกับอีกฝ่าย ทำให้การินหน้าแดงและเลิกซักต่อ ส่วนทางด้านภูริเองก็นิ่งคิด แล้วเดินไปบอกปวีร์หน้าตาเฉยว่าขอเผื่อตนด้วยอัลบั้มละ 1 ชุด ส่วนวาโยนั้นอยากได้เก็บไว้เหมือนกัน แต่แค่หักหนี้แต่ละเดือนเขาก็แทบไม่เหลือเก็บไว้ใช้จ่ายส่วนตัวแล้วด้วยซ้ำ

    “หวังว่าคุณไกรสรคงจะไม่สั่งเผื่อไว้แล้วใช่ไหมครับ”

    รุจที่เฝ้ามองอยู่หันไปแย้มยิ้มกับคนรักทำเอาไกรสรสะดุ้งแล้วแสร้งยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อน ซึ่งก็เรียกเสียงถอนหายใจจากคนถามขึ้นมาทันที

    “มีแต่พวกเราหรือครับ ไม่มีรูปแอบถ่ายในครัว หรือแอบถ่ายคุณนนตอนใส่ชุดว่ายน้ำบ้างหรือครับ”

    ธีรัชถามปวีร์อย่างจริงจัง จนปวีร์เกือบหลุดหัวเราะออกมา เจ้าตัวจึงดึงแขนชายหนุ่มออกมาห่างคนอื่นแล้วจัดแจงกระซิบบางอย่าง ธีรัชตาโต แล้วพยักหน้าตกลงทันที

    “โอเคเลยครับ เดี๋ยววันนี้จัดเต็มให้เอง!”

    ธีรัชบอกแล้วก็เดินฮัมเพลงกลับขึ้นไปเปลี่ยนชุดเป็นคนแรก เพราะอยากจะลงมาช่วยชานนเตรียมอาหารต่อ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้วยุ่งอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ซักเพราะปวีร์ไม่มีท่าทางจะเปิดเผยความจริงแต่อย่างใด และก็ต่างทยอยกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลงมากินอาหารเช้าด้วยเช่นกัน

   

    วันนี้ไกรสรหอบสมุดดีไซน์ปึกใหญ่ขึ้นไปที่ห้องของปวีร์ จึงทำให้เจ้าของห้องรับรู้ความจริงเรื่องที่ไกรสรตั้งใจจะขอกลับมาทำงานอยู่เมืองไทยแทน ปวีร์อมยิ้มนิด ๆ ด้วยความชื่นชมและมั่นใจแล้วว่า ไกรสรนั้นจะจริงจังกับพนักงานของเขาจริงอย่างที่เจ้าตัวเคยลั่นวาจาเอาไว้

    “วันนี้เห็นว่าจะขับรถไปเดทกันสองต่อสองใช่ไหมล่ะ  เอาเป็นว่าผมฝากดูแลเจ้าสาวให้ดี ๆ ด้วยแล้วกัน”

    ไกรสรเหลือบมองคนที่แซวเขานิด ๆ แล้วเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “คงไม่ได้เลือกธีมนี้ เพื่อฉันหรอกใช่ไหม

    ปวีร์หลุดหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยย้อนกลับไป

    “หลงตัวเองไม่เปลี่ยนเลยนะพี่... อืม แต่มันก็มีส่วนนิดหน่อยน่ะ ผมเห็นคนในครอบครัวแต่ละคนมีความสุข ผมก็อยากจะตอบแทนอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ คืนให้พวกเขาบ้าง... ก็หวังว่ามันจะเป็นกำลังใจให้พวกเขาแต่ละคู่ พร้อมจะสู้เคียงข้างกันและกันต่อไปวันข้างหน้าล่ะนะ”

    ไกรสรยิ้มน้อย ๆ ตอบ พลางหวนนึกถึงเรื่องบางอย่างก่อนที่เขาจะขึ้นมาด้านบนชั้นสองนี้

    “แต่ฉันว่านายทำร้ายจิตใจลูกค้าเราอย่างรุนแรงเลยนะนั่น ฉันเห็นแต่ละรายทำหน้าเสียดายกันแทบทั้งนั้น ...ถ้าวันนี้นายบอกว่า มีโปรถ่ายรูปคู่ทิ้งทวน รับรองแต่ละคนจะสั่งอาหารกินกันไม่อั้น จนเชฟนายทำไม่ทันเลยล่ะ”

    “ฮะ ๆ พี่ก็พูดเกินไป...” ปวีร์พูดยังไม่ทันขาดคำ เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น และพอเขารับก็เป็นเสียงขวัญแก้วที่โทรมาจากด้านล่างนั่นเอง

    “วีจ๋า...รู้ไหมว่าธีมของเธอเสาร์นี้ทำให้พวกเด็ก ๆ โดนลูกค้าบ่นกันแค่ไหน แต่ละคนบอกว่าเสียดายที่โปรโมชั่นเลิกแล้ว ไม่งั้นรับรองสั่งไม่อั้นเพื่อขอถ่ายรูปให้ครบพนักงานทั้งร้านเลยทีเดียว...”

    ปวีร์ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองไกรสรที่ยักไหล่ พร้อมกับยักคิ้วเป็นเชิงว่าบอกแล้วไหมล่ะส่งมา

    “ขนาดนั้นเลยหรือ ฉันคิดว่าเสาร์นี้จะโดนบ่นว่าธีมค่อนข้างเรียบง่ายเสียอีก... งั้นก็ช่วยฝากให้เด็กพวกนั้นปฏิเสธลูกค้าแบบอ่อนโยนนุ่มนวลแทนฉันด้วยแล้วกัน และถ้าช่วยเชียร์โปรใหม่นี้ให้ขายออกเยอะ ๆ ได้ ฉันจะแถมโบนัสพิเศษของเดือนนี้ให้ทุกคนด้วยล่ะนะ  อ้อ! ฝากบอกรุจด้วยล่ะ ว่าจะใช้กลยุทธ์อะไรก็เชิญตามสบาย งัดลูกอ้อนแม่ยกที่มาสั่งขนมกลับบ้าน ให้เต็มที่เลยนะ!”

    พอปวีร์พูดจบปลายสายก็รับคำด้วยน้ำเสียงร่าเริง ก่อนจะวางสายไป ทำเอาคนฟังมองตาปริบ ๆ พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

    “นายนี่มันน่ากลัวจริง ๆ ว่ะวี  ฉันชักอยากให้รุจลาออกจากร้านนายแล้วล่ะสิ”

    ปวีร์มองหน้าคนพูดแล้วยกยิ้มน้อย ๆ อย่างเป็นต่อ

    “แต่เพราะเขาไม่ยอมลาออก พี่เลยต้องยอมออกจากที่โน่นมาอยู่เมืองไทยแทนใช่ไหมล่ะ”

    “ฮึ! ใช่สิ ก็เขาชอบที่นี่มากจนตัดใจทิ้งลำบาก แล้วถึงเขาจะตามไปด้วยกันได้ แต่ต้องเศร้าเพราะคิดถึงพวกนาย ฉันก็ใจร้ายพรากไปไม่ลงเหมือนกัน  สำหรับฉัน อยู่ที่ไหนก็ออกแบบชุดได้ทั้งนั้นล่ะนะ”

    ไกรสรตอบอีกฝ่าย ทำให้ปวีร์อมยิ้มนิด ๆ อย่างชื่นชม

    “พี่นี่โคตรพระเอกเลย ถ้าผมเป็นรุจก็คงหลงรักเหมือนกันนะนั่น”

    ไกรสรยิ้มกว้างก่อนจะชะงัก เมื่อคนที่เปิดประตูห้องเข้ามาและได้ยินเข้านั้นเงียบกริบ และมองทั้งคู่ด้วยแววตาเอาเรื่อง

    “แหม! ฉันอยากให้รุจเขาหึงฉันได้ครึ่งสักแฟนนายจังว่ะวี เป็นแบบนั้นฉันคงปลื้มตายเลย”

    ไกรสรหันมาบอกกับปวีร์อย่างไม่สนใจราเมศที่ทำตาดุมองพวกเขา ส่วนปวีร์นั้นก็อมยิ้มน้อย ๆ พลางยักไหล่ จากนั้นไกรสรจึงปลีกตัวขอลงไปด้านล่าง และปล่อยให้คู่รักเคลียร์กันเอง โดยที่เขาไม่ขออยู่เป็นก้างขวางคอ

   

    วันนี้ลูกค้าก็ยังคงมากไม่แพ้เสาร์ที่แล้ว จนปวีร์นั้นนึกชมตัวเองที่ตัดสินใจไม่ผิดในการเพิ่มพนักงานใหม่ เพราะขืนปล่อยให้พนักงานประจำทำกันเองต่อไป  ไม่ใครก็ใครต้องมีการล้มหมอนนอนเสื่อกันไปก่อนแน่

    “วันนี้มีลูกค้าใช้สิทธิ์แลกซื้อไปแล้ว 45 เล่ม  แต่เท่าที่ดูนี่คงจะมีมาเพิ่ม เพราะแต่ละคนก็อยากได้เป็นสมบัติส่วนตัว มากกว่าแชร์กันดูเฉย ๆ ล่ะนะ”

    ขวัญแก้วรายงานไปตามสภาพที่ได้เห็นตลอดทั้งวัน และวันนี้ที่ทำให้ยอดขายพุ่งกระฉูดเกินกว่าที่ปวีร์คาดคิดไว้  ก็เพราะในช่วงเย็น ธีรัชนั้นออกมาโชว์ร้องเพลงรักโรแมนติกกล่อมลูกค้าที่ทานอาหารกันอยู่ในร้าน จนแฟนคลับของชายหนุ่มโต๊ะหนึ่งที่มีกันสี่คน ถึงกับสั่งอาหารเพิ่ม และแยกกันใช้สิทธิ์แลกซื้ออัลบั้มติดมือไปคนละเล่มเลยทีเดียว

    “สงสัยพี่วีต้องพิมพ์เพิ่มแล้วล่ะค่ะ” ขวัญตาเปรยบอกพร้อมรอยยิ้ม ทำให้คนฟังยิ้มตอบ

    “พี่ว่ารอใกล้ ๆ หมดก่อนดีกว่า วันพรุ่งนี้อาจจะขายไม่ออกก็ได้นะ ขืนพิมพ์มาก่อน ก็ทุนจมพอดี”

    ขวัญตายิ้มตอบอย่างเข้าใจ ส่วนขวัญแก้วไม่ได้คิดอย่างนั้น ดูจากปฏิกิริยาของบางโต๊ะที่ใช้การจับสลากเพื่อแย่งสิทธิ์ในการครอบครองอัลบั้มแล้ว เธอมั่นใจว่าคนที่พลาดไป จะต้องมาที่ร้านอีกครั้งและใช้สิทธิ์แลกซื้อเป็นสมบัติเฉพาะของตัวเองอย่างแน่นอน

    “พวกเราจะอยู่กินข้าวมื้อค่ำกับเขาด้วยไหมรุจ”

    ไกรสรที่รอจนร้านเลิกหันไปถามคนรักของเขา รุจนั้นยิ้มน้อย ๆ ตอบ เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายอยากอยู่กับเขาสองต่อสองมากเพียงใด

    “แล้วแต่คุณสิครับ...ผมตามใจคุณอยู่แล้ว”

    พอได้ยินอีกฝ่ายตอบชายหนุ่มก็แทบจะยิ้มแก้มปริด้วยความยินดี ทำเอาปวีร์ที่เห็นต้องแอบขำ

    “ตามสบาย เอ้า! พวกเรามาส่งเจ้าบ่าวเจ้าสาวไปขึ้นรถกันหน่อยเร็ว!”

    ขาดคำของปวีร์แต่ละคนก็หันมามองกันเป็นตาเดียว ไกรสรยิ้มแป้นหน้าตาชื่นมื่นอย่างไม่อายใคร ส่วนรุจก็ลอบถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรมากนัก

    “จะไปค้างกันที่ไหนคะพี่ ...เผื่อจะแอบสโตกเกอร์ตามไป”

    ขวัญแก้วแกล้งแซวพี่ชายของเธอ ขณะที่นึกสนุกเดินมาส่งทั้งคู่ขึ้นรถเช่นเดียวกับคนอื่น

    “ไม่มีทาง รับรองว่าคืนนี้จะไม่ให้ใครขัดตอนเข้าหอแน่”

    รุจเหลือบมองคนพูดอย่างเอือมระอา แล้วก็ชะงักนิด ๆ เมื่อเห็นวาโยมองเขาคล้ายจะพูดอะไรสักอย่าง

    “มีอะไรหรือโย”  รุจถามรุ่นน้องของตน อีกฝ่ายหน้าแดงและมีท่าทางเอียงอาย ก่อนจะเอ่ยตอบออกมาเสียงแผ่ว

    “ผม...เอ่อ...ขออวยพรให้คุณรุจมีความสุขในคืนนี้นะครับ”

    คนอื่น ๆ เงียบกริบ และก็ต่างหันไปกลั้นหัวเราะ แม้แต่ภูริยังอมยิ้มและดึงร่างเล็กมากอดอย่างเอ็นดู ส่วนรุจนั้นยิ้มอ่อนโยนให้อีกฝ่ายแล้วชะโงกหน้าไปหอมแก้มวาโยเบา ๆ

    “ขอบใจ แต่แอบเสียดายนิด ๆ ที่คนเข้าหอด้วยไม่ใช่นายนะ”

    แค่นั้นเองวาโยก็หน้าแดงก่ำ ส่วนไกรสรหน้าหงิกและตัดบทสนทนาโดยการดึงตัวว่าที่เจ้าสาวเขาขึ้นรถไปก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ  ส่วนภูริก็กอดวาโยแน่นจนรุจที่หันมาเหลือบมองแอบขำ

    “...หวังว่าคืนนี้คงจะมีคนเข้าหอเป็นเพื่อนฉันบ้างนะ โชคดีล่ะ”

    รุจเปรยดัง ๆ แล้วโบกมือค่อย ๆ ก่อนจะขึ้นรถจากไป ทำให้คนที่ได้ยินต่างหน้าแดงบ้าง ครุ่นคิดหนักบ้าง ส่วนสาว ๆ ก็หัวเราะคิกคักกันไปมา จากนั้นพวกเขาจึงกลับเข้าไปในร้าน เพื่อทานมื้อค่ำร่วมกันต่อ

   

... END ...
สงวนสิทธิ์ของฉากเข้าหอ (ในแต่ละคู่)  ไว้สำหรับรวมเล่มโดยเฉพาะนะคะ
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-12-2012 10:01:36 โดย Xenon »

ออฟไลน์ ormn

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3925
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +324/-8
    • http:///uc.exteenblog.com/riko-tomo/images/23213506_1208714389_3598161_Okane_ga_Nai_v01_ch01_pg002__Cover.jpg
:-[ :-[ :-[ :-[ :-[น่ารักอะทั้งรุจการินและวาโย :กอด1: :กอด1: :กอด1:


ปล.คุญปวีร์ยังเจ้าเลห์ไม่เปลี่ยนเลย :z1: :z1: :z1: :z1:

ออฟไลน์ kasarus

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
อยากไปทำงานร้านนี้จริงๆ จะได้มีคู่กับเค้าบ้าง

ออฟไลน์ Monkey D lufy

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +245/-4
อ่านรวดเดียวจบ

น่ารักมากเลย

ไม่มีเปิดจองอีกรอบหรอค่ะ  อยากได้อ่ะ  อิอิ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด