อรุณสวัสดิ์ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านและกดคะแนนให้นะครับ ไม่นึกว่าจะถึง 300 ก็เลยมาโพสคดีรักภาคสอง แล้วครับ
ภาคนี้ไปช้าๆ แบบรถขายโอ่ง หรือแบบละครช่อง 7 นะครับ แบบว่าไม่มีสต๊อค ถ่ายละครไปก็ออกอากาศไป
ตอนนี้กำลังทำต้นฉบับคดีรักภาค 1 ส่งโรงพิมพ์วันพฤหัสบดีนี้ แล้วคงพิมพ์เสร็จภายในสิ้นเดือน ใครอยากซื้อเป็นของขวัญวาเลนไทน์ก็จะได้บุญมากมาย
ใครที่จะรออ่านฟรีก็ได้นะครับ แต่มีข้อแม้ว่าต้องแก้ผ้าอ่านด้วยกันบนเตียง
ทั้งหมด 400 หน้าเต็มๆ ราคาขายก็ 250 แพงไปรึเปล่านี่ แต่ไปเดินๆ ดูตามร้านซีเอ็ดและิบีทูเอสแ้ล้วก็เห็นว่าราคาประมาณนี้
ซื้อ 1 เล่ม แถมลายเซ็น
ซื้อ 2 เล่ม แถมลายเซ็น 2 ลาย
ซื้อ 3 เล่ม แถมกายผู้เขียน
ซื้อ 4 เล่ม แถมหัวใจผู้เขียน
ซื้อ 5 เล่ม แถมทั้งกายทั้งใจ
1 -
อนุภาพวางปากกาลงบนโต๊ะ เอนตัวพิงเกาอี้นวมตัวใหญ่ สูดลมหายใจลึกๆแล้วปิดเปลือกตาลง กอดสมุดแนบอก มือลูบไล้กระดาษเนื้อดีที่เขาใช้บันทึกเรื่องราวประจำวัน บนหน้าแรกของสมุดเล่มนั้นลายมือสวยงามเป็นระเบียบเขียนว่า
...เราไม่สามารถย้อมเวลากลับไปแก้ไขอดีตได้ เพราะอดีตผ่านมาแล้ว แต่เราทำปัจจุบนให้ดีได้ เพราะแท้ที่จริง ปัจจุบันก็คืออดีตของอนาคตนั่นเอง และเมื่อเราไปถึงอนาคนแล้ว ก็จะไม่ต้องมองย้อมกลับมาด้วยความเสียดายว่า...อดีตทำไมปวดร้าวเช่นนี้...
ทุกคืนที่เขานั่งเงียบอยู่ในห้องทำงาน หยิบสมุดขึ้นมาจดบันทึกเรื่องราวประจำวัน หากภาพในอดีตกลับผุดขึ้นมาในห้วงความคิดคำนึงทุกคราว...ชัดเจนจนดูราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นมาเมื่อไม่กี่เดือน ทั้งที่เรื่องราวเหล่านี้...เรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ได้เกิดขึ้นมากว่าสิบปีแล้ว
...สิบปีแห่งความรักที่เขาได้เลือก...
...สิบปีที่คนที่เขาเคยรักหลายคนได้จากไป และสิบปีที่ความรักเขาได้เพิ่มพูนขึ้นมาทดแทน...
...เขาเคยคิดว่าอยากจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต แต่ทว่า...หลายปีที่ผ่านมา เขาไตร่ตรองแล้วว่า...จะเป็นการดีกว่าที่จะดำรงชีวิตอยู่กับปัจจุบัน...ปัจจุบันที่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิต...
อธิคมเดินเข้ามาในอาเบดีนซ์ ร้านอาหารหรูหราชั้นบนสุดของโรงแรมสูงริมแม่น้ำเจ้าพระยา กระจกใสเกือบรอบด้านเผยให้เห็นทิวทัศน์สวยงามของโค้งน้ำที่สะท้อนแสงสีทองของอาทิตย์อัสดง นายตำรวจหนุ่มหยุดยืนกวาดสายตามองหาอนุภาพแต่ไม่เห็น พนักงานเดินเข้ามาต้อนรับแล้วนำไปยังโต๊ะที่จองไว้แล้ว
อนุภาพยังเดินทางมาไม่ถึง อธิคมอยากจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรถามคนรัก แต่กลัวว่าจะถูกดุที่โทรไปเร่ง ชายหนุ่มจึงนั่งรอที่โต๊ะติดกับกระจกมองออกไปเห็นธรรมชาติสวยงาม มองสิ่งต่างๆ รอบตัวพร้อมปล่อยใจให้ลอยละล่อง
วันนี้เป็นวันครบรอบหนึ่งปีที่เขาเป็นแฟนกับอนุภาพ แต่ก่อนที่จะตกลงกันได้ทั้งสองเถียงกันเล็กน้อยเรื่องความถูกต้องของ 'เวลา'
…
อนุภาพบอกว่าควรนับครบรอบหนึ่งปีตั้งแต่วันแรกที่พบกันแต่อธิคมแย้งว่า "ขอนับตั้งแต่วันที่คุณเสียตัวให้ผมดีกว่า...โอ๊ย"
นายตำรวจถูกชกเข้าที่ต้นแขนเพราะปากอดที่จะยั่วเย้าไม่ได้
"เราฉลองครบรอบหนึ่งปีของความรักของเรานะครับคุณนุ ผมจำได้ว่าคืนนั้นเป็นครั้งแรกที่คุณบอกรักผม...แล้วคุณก็ไม่ค่อยพูดอีกบ่อยๆ ผมเสียอีกพูดทุกวัน วันละหลายครั้ง"
"แสดงว่าก่อนหน้านั้นสารวัตรไม่ได้รักผมเหรอ"
"รักสิ รักมาตั้งนานก่อนที่จะได้เผด็จศึกคุณอีก...อ๊ะ อ๊ะ อย่านะ อย่าตีผมอีกนะ ไม่งั้นเดี๋ยวเจอดี" นายตำรวจหนุ่มพูดเสร็จแล้วรีบขยับตัวออกห่าง
"ก็พูดดีๆ สิ ผู้กองก็กวนผมอยู่เรื่อย"
"อยากรู้ไม๊ว่าผมเริ่มรักคุณนุตอนไหน" อธิคมทำตากรุ้มกริ่ม
"ตอนถอดเสื้อผ้าผมมั๊ง" ชายหนุ่มเมินหน้าหนีไปมองทางอื่น "อย่างผู้กอง ถ้าไม่ได้ขึ้นเตียงก็คงไม่รัก"
"โธ่ที่รัก อย่าดูถูกกันยังงี้สิครับ" สารวัตรหนุ่มโอดครวญ "ผมจำวันที่แน่นอนไม่ได้ แต่คิดว่าเป็นตอนที่...อืม..." อธิคมทำท่าคิด "ตอนที่เราไปยืนดูดาวตกด้วยกัน"
อนุภาพยิ้มบางๆ
"แล้วคุณนุล่ะ รักผมตอนไหน"
"ไม่บอก" อนุภาพอมยิ้ม อยากแกล้งให้อธิคมร้อนใจ "ถามอยู่ได้ตั้งหลายครั้ง ไม่เบื่อหรือยังไง"
"ก็คุณนุไม่ยอกบอกผมซักที"
"เอาไว้ให้ผู้กองทำตัวดีๆ แล้วผมจะบอก"
"ผมทำตัวดีมาตลอดคุณนุก็เห็น พยานก็มี ไปถามธงรบดูสิ”
"ผู้กองธงรบเป็นเพื่อนสนิทกับสารวัตร อาจจะเข้าข้างกัน แล้วอีกอย่าง ผู้กองธงรบก็ท่าทางน่าเชื่อถือนักนี่" อนุภาพเอียงหน้า
"โธ่ คุณนุ" อธิคมนึกว่าหากธงรบมาได้ยินอนุภาพก็คงสะดุ้ง "ปีกว่าๆ นี่คุณนุไม่เห็นบ้างเลยหรือว่าผมเป็นคนดีขนาดไหน" นายตำรวจหนุ่มอดีตคนเคยเจ้าชู้อ้อน
"อย่าเพิ่งดีแตกก็แล้วกัน" อนุภาพหันมามองหน้าคนตัวใหญ่ที่นั่งคลอเคลียอยู่ข้างๆ
"ไม่ครับ รับรองว่าไม่ดีแตก คุณนุเชื่อใจผมสิ" แววตาอธิคมมุ่งมั่น
"สัญญานะ" อนุภาพเสียงเข้ม
"สัญญาสิครับ ไม่รู้เหรอว่าผมรักคุณนุมากขนาดไหน หัวใจก็ควักเอาออกมาให้ได้เลยนะ"
อนุภาพกรอกตา ถอนหายใจ...อธิคมปากหวานได้แทบทุกวัน
"ขอให้จริงเถอะ ผมจะคอยดู ถ้าผิดสัญญาจะควักออกมากลับมือ เอามาสับให้ละเอียด"
"โหดร้าย"
"ก็อยากท้าเองนี่"
…
อธิคมอมยิ้มอยู่คนเดียวเมื่อคิดถึงตอนที่หยอกเย้ากับอนุภาพ ปีกว่าๆ ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เขามีความสุขที่สุด ทั้งสองมีโอกาสได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าเดิม แม้งานของทั้งคู่จะยุ่งแต่ก็ยังพยายามหาเวลาที่จะพบกับและทำตัวเป็นคู่รักที่เพื่อนๆ ต่างก็อิจฉา
พลับความคิดของอธิคมก็สะดุดเมื่อสายตามองไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงเพรียว ผิดขาวสะอาด ผมตัดสั้นจัดแต่งทรงเนี๊ยบทันสมัย
“ศรุต”...ศรุตอีกแล้ว เจอกันสองครั้งภายในหนึ่งอาทิตย์
เจอโจทย์เก่า อธิคมรีบก้มหน้า กลัวศรุตเห็น เขาไม่อยากให้ศรุตเดินเข้ามาทักเหมือนครั้งที่แล้ว ระแวงไปหมดว่าจะทำให้อนุภาพหึงหวง หรืออาจเข้าใจผิดว่าเขายังไม่เลิกเจ้าชู้
โชคไม่เข้าข้างนายตำรวจหนุ่มเมื่อศรุตมองเห็นอธิคม ชายหนุ่มยิ้มแล้วลุกเดินเข้ามาหา
“สวัสดีครับสารวัตร เจอกันอีกแล้ว”
อธิคมเงยหน้าขึ้น ยิ้มแหยๆ “สวัสดีครับ ศรุต เอ่อ...มาทานข้าวเหรอครับ”
ศรุตพยักหน้าแล้วเติมว่า “คนเดียวครับ”
“ดีครับ จะได้ไม่มีใครแย่งทาน”
ศรุตนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม มองหน้าอธิคมนิ่ง “ไม่คิดว่าจะเจอพี่คมอีก โลกกลมจังเลยนะครับ”
“ครับ กลมจริงๆ เหมือนลูกบอล อยากเอาไปเตะเล่น” อธิคมยิ้มบางๆ ทั้งที่จริงอยากให้โลกเป็นสี่เหลี่ยม หรือหกเหลี่ยมด้วยซ้ำ จะได้จะแอบหลบอยู่ตามมุมต่างๆ
“พี่คมไม่เห็นรับโทรศัพท์ผมเลย ไม่โทรกลับด้วย ผมโทรไปตั้งหลายครั้ง”
อธิคมเลิกคิ้ว คิดหาคำตอบ
...อะไรกัน ครั้งที่แล้วที่เจอกันบอกไม่ให้โทรมา ศรุตก็ทำท่าเข้าใจ แต่ทำไมยังไม่ยอมเชื่อ... นายตำรวจหนุ่มกลัวอนุภาพจะรู้เรื่อง สงสัยว่าเป็นเบอร์โทรศัพท์ของใคร เดี๋ยวก็งอนอีก แต่โชคดี อนุภาพไม่เคยแตะโทรศัพท์เขาเลย แทบทุกวันเขาต้องคอยลบเบอร์เรียกเข้าแปลกในเครื่องให้เหลือเฉพาะเบอร์โทรที่บันทึกเอาไว้ในความจำของสมุดโทรศัพท์มือถือ
“พอดีช่วงนี้ยุ่งครับ มีคดีหลายคดี ตอนนี้โจรขโมยมันชุมจริงๆ ทำงานไม่ได้หยุดหย่อน”
“แต่ก็ยังมีเวลามาดินเนอร์...แต่คงไม่มาทานคนเดียวเหมือนผมหรอกใช่ไม๊ครับ คนอย่างพี่คมคงไม่เคยอยู่คนเดียว” ศรุตพูดยิ้มๆ
“โธ่ คนเรามันก็ต้องมีเวลาทานข้าวบ้างสิครับ” อธิคมยิ้ม...ไม่รู้สึกตัวว่ารอยยิ้มอันมีเสน่ห์ของตนเป็นอาวุธประจำกายที่หลอมละลายใครต่อใครได้ไม่ยาก
ศรุตจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของนายตำรวจหนุ่ม อดเสียดายไม่ได้...เวลาของเขากับอธิคมสั้นเหลือเกิน...เวลาของอธิคมกับใครๆ ช่างสั้นเสมอ...เขารู้ดีถึงความจริงข้อนี้ แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะหยุดนึกฝันว่า สักวันหนึ่ง เขาอยากจะได้เวลาของอธิคมที่ยาวนานมากกว่าเดิม มากกว่าใครๆ แม้กระทั่งคนที่อธิคมแนะนำว่าเป็นแฟน...
...แฟนหรือ...อธิคมจงใจพูดหรือเปล่า...คนอย่างสารวัตรอธิคมนั่นหรือจะมีแฟน...หรือถ้าบอกว่าเป็นแฟน ก็คงเป็นคนใหม่ที่เขาเพิ่งคบ...เวลาที่ให้กับแฟนคนนี้จะยาวนานแค่ไหน...หนึ่งเดือน...หรือเกือบสองเดือนเหมือนเขา...
“มีเวลาทานข้าว แต่ไม่มีเวลาโทรหาคนเคยรู้จักกัน หรือว่าที่พี่คมไม่รับเพราะกลัวผมจะโทรไปตื๊อ” ศรุตยังพูดหน้ายิ้มๆ เหมือนล้อเล่น...เขารู้ว่าอธิคมชอบคนอารมณ์ดี ไม่ชอบให้แสดงท่าทางฉุนเฉียว...แต่ครั้งที่แล้วที่เขาเห็นคนที่อธิคมยอมรับว่าเป็น ‘แฟน’...ผู้ชายคนนั้นใบหน้านิ่งเรียบ เยือกเย็น...
...สารวัตรอธิคมเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้พบกันสองปี คนๆ เดิมจะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวหรือ...ไม่มีทาง
...คนเจ้าชู้ ยังไงก็เป็นคนเจ้าชู้...ไม่มีทางเปลี่ยนไปได้หรอก...อาจจะเปลี่ยนรสนิยมชั่วครั้งชั่วคราว แต่ท้ายสุด ก็ต้องกลับมาทำในสิ่งที่เขาชอบ...สิ่งที่ฝังอยู่ในตัวเขามานานจนกลายเป็นตัวตนของเขาไปแล้ว...
“เปล่าไม่ได้คิดอย่างนั้น เพียงแต่พี่กลัวว่า...”
“แฟนจะเข้าใจผิด” ศรุตแทรก “ไหนบอกว่าไม่ค่อยขี้หึงไงครับ”
ศรุตยังจำได้อีก “งั้นก็เหอะ ประวัติพี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไม่อยากให้เขาคิดมาก”
“แสดงว่าพี่คมเปลี่ยนแปลงตัวเอง” ศรุตไม่อยากจะเชื่อ คนอย่างอธิคมจะเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ เจ้าเล่ห์สิไม่ว่า...
ศรุตคิดว่าอธิคมพยายามลื่นไหลไปตามเรื่อง ชายหนุ่มเห็นว่าเป็นการท้าทาย...อดคิดไม่ได้...ลองจับปลาไหลดูสักครั้ง...ดูสิว่าจะเกินความสามารถของเขาหรือเปล่า...ในตลาดหุ้นเขาก็ถือว่าเขี้ยวคนหนึ่งเหมือนกัน เรื่องอะไรก็ทำได้ ประสบความสำเร็จมาแล้วทั้งนั้น...ผู้ชายคนเดียว...จะเกินความสามารถเชียวหรือ...
“ผมอิจฉาแฟนใหม่พี่คมจังเลย เขามีอะไรดีถึงทำให้พี่คมคิดจะเลิกเจ้าชู้”
“ไม่ได้คิด เลิกแล้วจริงๆ”
“พี่คมก็นี่กระไร คบผมแค่เดือนกว่าๆ ไม่น่ารีบทิ้งผมเลย ผมมีอะไรไม่ดีตรงไหนหรือครับ”
อธิคมนึก...ศรุตมีอะไรไม่ดีตรงไหน เขาหาข้อบกพร่องไม่เจอ จะว่าไปคนที่เขาเคยคบมาก็ไม่มีใครมีข้อบกพร่องอะไรจนทนไม่ได้ เพียงแต่ว่าทุกคนขาดอะไรสักอย่างที่เขาบอกไม่ถูก...อะไรคล้ายๆ แม่เหล็กที่ดึงดูดเขาให้เข้าหาเหมือนที่เขารู้สึกกับอนุภาพ
“โธ่ อย่าพูดยังงั้นสิครับ พี่ไม่ได้ทิ้ง เพียงแต่ว่า...”
“เพียงแต่ว่าเบื่อแล้ว เลยไปหาคนใหม่”
...เอ๊ะ ยังไงกัน...ศรุตนี่ขยันแทรกจริงๆ พูดยังไม่ทันจะจบความ...
“อย่าคิดยังงั้นสิ คิดแต่เพียงว่า เราได้ใช้เวลาดีๆ อยู่ด้วยกันตั้งเดือน แล้วหลังจากนั้นก็ถึงเวลาเรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ๆ” นายตำรวจหนุ่มส่งยิ้ม
“ผู้ชายเจ้าชู้ก็พูดยังงี้กันทุกคน” ศรุตยิ้ม ไม่มีทีท่าว่าจะลุกไปไหน
“บอกแล้วไง พี่เลิกเจ้าชู้แล้ว”
“พี่คมมาคนเดียวหรือครับ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง
“เปล่ามาคนเดียวครับ กำลังรอ...คุณนุ” ท้ายประโยคสายตามองไปเห็นอนุภาพกำลังเดินเข้ามา อธิคมพึมพำชื่อของคนรักเบาๆ
ศรุนหันตาม...ชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวขาวสะอาดสะอ้าน ท่าทางนิ่งๆ เดินตัวตรงเหมือนหุ่น สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอ่อน ทับด้วบสูทลำลองสีตำ กางเกงสีกากี
...แฟนของอธิคม...คนที่เขาเห็นในร้านอาหารบลูเอเลเฟ่นเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว...
“กำลังรอแฟนนี่เอง งั้นผมขอตัวไปก่อนนะครับ เดี๋ยวแฟนหึง” ศรุตยิ้ม แล้วลุกขึ้น
“ไม่ต้องรีบก็ได้ครับ รอทักทายเขาก่อนก็ได้ คุณนุไม่หึงขนาดจนพี่คุยกับใครไม่ได้ขนาดนั้นหรอก” อธิคมกัดฟัน...ใครว่า...อนุภาพขี้หึงจะตาย...หึงเงียบ...ไม่แสดงอาการ...แต่สายตาพิฆาตคู่นั้นสิ...เอาเรื่อง
“จริงหรือครับ แต่ผมมองออกนะว่าเขาหึงสารวัตรมาก ไม่รอทักหรอกครับ ผมไปก่อน พี่คมจะได้สบายใจ ยินดีที่ได้เจออีกนะครับ” ศรุตมองออก...อธิคมที่เคยลื่นไหล เมื่อเห็นชายหนุ่มที่เคยบอกเขาว่าเป็นแฟน นายตำรวจหนุ่มดูยุกยิกชอบกล...
ศรุตชักเริ่มสนุก...
อนุภาพเดินเข้ามาใกล้จะถึงแล้ว ทันมองเห็นว่ามีชายหนุ่มหน้าตาดีลุกขึ้นจากโต๊ะที่อธิคมนั่งอยู่ กระถางต้นไม้บังนายตำรวจหนุ่มทำให้เขามองไม่เห็นว่าอนุภาพมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
ชายหนุ่มหยุดยืนชั่วครู่ ก่อนเดินเข้ามาใกล้...ให้อธิคมมีเวลาหายใจสักนิด...
“สารวัตรมารอนานแล้วหรือครับ ขอโทษนะ ผมมาช้า”
“รอไม่นานหรอกครับ ผมก็เพ่งมาถึง นั่งไม่ทันก้นร้อน” ที่จริงร้อนตัวต่างหาก
“จริงเหรอครับ นึกว่าจะรอจนเบื่อ” อนุภาพยิ้ม “เอแต่ว่าผู้กองคงไม่เบื่อหรอกใช่ไม๊ครับ เห็นมีคนคุยด้วยแก้เบื่อทุกทีเวลาไปร้านอาหาร”
...อนุภาพอดกระทบกระเทียบไม่ได้...ชายหนุ่มที่เพิ่งลุกไปเมื่อครู่น่าจะเป็น ‘อดีต’ คนใดคนหนึ่งของอธิคม...ต้นอาทิตย์ที่แล้วก็นิตินัย กลางอาทิตย์ก็จักรินทร์ ปลายอาทิตย์ก็ศรุตที่ทำงานตลาดหุ้น อาทิตย์นี้ก็อีกคน...เด็กเก่าๆ ของอธิคมทำไมเยอะแยะ เด็นไปเดินมากันอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ไปไหนก็เจอ...
“เขาเข้ามาทักผมเอง อุตส่าห์นั่งก้มหน้าแล้ว”
“ใครครับ เมื่อกี้ผู้กองไม่ได้นั่งอยู่คนเดียวเหรอ” อนุภาพทำท่าทางแปลกใจ ไม่รู้ไม่เห็นอะไร
“ก็คุณนุบอกว่าผมมีคนคุยแก้เบื่อ ก็นึกว่าจะอยากรู้”
“เปล่า ผมพูดไปยังงั้น สรุปแล้วเมื่อกี้ผู้กองนั่งอยู่กับใครเหรอครับ”
“อย่ามาทำไก๋ เห็นก็บอกมาเถอะ แล้วกำลังงอนใช่ไหมล่ะ ผมรู้หรอก คุณนุเรียกผมว่าผู้กองตั้งหลายครั้ง” อธิคมทำหน้ารู้ทัน...จำได้ไม่เคยลืม...เวลาอนุภาพไม่พอใจมักจะเรียกเขาว่าผู้กอง แทนที่จะเรียกว่าสารวัตร
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ ทำไงได้ คนรูปหล่อร้ายกาจเสน่ห์แรงก็ต้องมีคนเข้ามาหาเป็นธรรมดา”
“ผมก็ว่างั้น” อธิคมเออออ “สรุปแล้ว คุณนุก็อย่าคิดมากนะครับ”
นายตำรวจหนุ่มโน้มตัวเข้ามาใกล้ ทำตาหวานซึ้ง “ผมมีคุณนุคนเดียว ไม่เคยคิดที่จะเหลียวมองใครเลย แต่ผมห้ามคนอื่นๆ ไม่ให้เหลียวมามองผมไม่ได้นะ”
“ผู้กองสั่งอาหารหรือยังครับ” อนุภาพเปลี่ยนเรื่อง
“ทำไมยังเรียกผู้กองอีก ยังงอนอยู่อีกเหรอ”
“เปล่า” อนุภาพถอนหายใจที่คนขี้อ้อนยังไม่ยอมหยุด “เพียงแต่มันถนัดกว่าที่จะเรียกสารวัตร”
“จริงนะ...เดี๋ยวผมจะรีบทำผลงานให้ได้เลื่อนยศหนีจากการเป็นสารวัตรเร็วๆ จะได้เรียกผมว่าผู้กำกับ”
“ยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ยาวสามพยางค์ยิ่งกว่าสารวัตร”
“ถ้างั้นจะไปขอให้เขาลดยศมาเป็นร้อยตำรวจโท จะได้เรียกสั้นๆ ว่า หมวด”
อนุภาพอดยิ้มไม่ได้ คุยกับอธิคมไม่เคยจะจบสิ้นเสียที บางทีก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกับเขาได้เป็นนานสอนนาน
“สารวัตรอธิคมครับ ผมหิวข้าวแล้ว เราสั่งอาหารกันเถอะ คุณยังไม่ได้สั่งใช่ไม๊”
“เรียกที่รักบ้างสิ” อธิคมไม่สนใจ
“ที่จริงมาก่อน น่าจะสั่งรอเอาไว้ ผมมาถึงจะได้ทานเร็ว”
“น่านะ คุณนุ เรียกผมว่าที่รักให้ได้ยินซักครั้งเถอะ” นายตำรวจหนุ่มยังเซ้าซี้
“งั้นผู้กองให้ผมสั่งนะ” อนุภาพหันไปโบกมือให้บริกร
“โธ่ คุณนุ” อธิคมเอนตัวพิงเก้าอี้งอนๆ ทำหน้ามุ่ย
“ผู้กองไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ อายุปูนนี้แล้ว มาทำงอนเป็นเด็กๆ”
“เดี๋ยวคืนนี้ไม่ให้นอนด้วย” อธิคมยังไม่ยอมหยุด
บริกรเดินเข้ามาที่โต๊ะ การสนทนาต้องพักไว้ก่อน อนุภาพสั่งอาหารแต่ละอย่างพร้อมหันหน้าไปยังอธิคม อีกฝ่ายเอาแต่พยักหน้าเห็นด้วย
บริกรเดินจากไป อนุภาพหันหน้ามองไปรอบๆ พบว่าชายหนุ่มที่ลุกจากโต๊ะอธิคมนั่งอยู่ไม่ไกล กำลังทานอาหารคนเดียว หน้าตาคุ้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนซักแห่ง...
“ถ้าไม่ให้นอนด้วย ผมก็จะไปนอนกับคนอื่นก็ได้” อนุภาพพูดลอยๆ ยังมองสิ่งต่างๆ รอบตัว
“ลองดูสิ ผมจะตามไปกระชากออกมา แล้วฆ่าผู้ชายคนนั้นซะ” อธิคมโน้มตัวเข้ามาใกล้ ทำเสียงจริงจัง
“ก็ผู้กองไม่ให้ผมนอนด้วยนี่นา ผมก็ต้องไปหาความอบอุ่นที่อื่น” อนุภาพล้อเล่นด้วย
อธิคมยิ้มกว้าง รู้ว่าชายหนุ่มกำลังยั่วเย้าเขา “ถ้างั้นคืนนี้ผมจะให้ความอบอุ่นเต็มที่” อธิคมเอื้อมมือมาจับมือชายหนุ่ม อนุภาพพยามดึงมือหนี กลัวคนเห็น
“คุณนุ อย่าสิ”
“ผู้กองไม่เอานะ ประเจิดประเจ้อ อายเค้า”
“คุณนุครับ คืนนี้นอนที่บ้านผมนะ ฉลองครบรอบหนึ่งปีของเรา คุณนุไปค้างบ้านผมซักครั้งเถอะ ผมไม่อยากนอนคนเดียว” อธิคมทำตาซึ้ง เสียงจริงจัง
“ทำยังกับว่าไม่เคยนอนด้วยกัน”
“เคย แต่ว่าคุณนุไม่ยอมไปนอนที่บ้านผมซักที”
“แสดงว่าสารวัตรไม่ชอบนอนที่บ้านผม”
“ไม่ใช้อย่างนั้น ชอบสิครับ ชอบจะตาย อยากจะนอนทุกคืน แต่ผมอยากให้คุณนุไปนอนบ้านผมบ้าง หรือไม่ก็เราก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย”
อนุภาพมองตาอธิคมนิ่ง พยายามค้นหาว่าเขาต้องการอย่างนั้นจริงหรือเปล่า...สายตาของอธิคมแน่วแน่...ไม่มีแววล้อเล่น
ชายหนุ่มอึกอัก ยังไม่มั่นใจว่าจะให้ความสัมพันธ์ไปไกลถึงขนาดนั้น อนุภาพก้มหน้า ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
“ผมรู้ มันตอบยาก แต่ผมอยากให้เราอยู่ด้วยกันจริงๆ นะครับ เหมือนคนที่แต่งงานกัน แล้วใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน” อธิคมละมือออกจากมือของอนุภาพ ล้วงเข้าไปในเสื้อสูท
อนุภาพกลั้นหายใจ...สารวัตรอธิคมจะทำอะไร...
อธิคมล้วงกล่องกำมะหยี่เล็กๆ สีน้ำตาลออกมา...มองอนุภาพด้วยแววตาเปี่ยมรัก ชายหนุ่มยังก้มหน้าอยู่อย่างเคย...
“คุณนุ เข้าโหมดนิ่งเงียบอีกแล้ว” อธิคมล้อ “จะให้ผมเชยคางขึ้นมาไม๊ครับ”
“บ้า” อนุภาพอุบอิบ เงยหน้าขึ้นมาสบตาอธิคมที่ทำตากรุ้มกริ่มมองอยู่
“สารวัตรจะทำอะไร อายคนเขาบ้าง”
“งอหมั้นไว้ก่อนนะ” อธิคมดันกล่องนั้นมาข้างหน้า
อนุภาพรีบคว้าเอาไว้ กลัวว่าสารวัตรมือปราบจะทำอะไรไม่อายประชาชนรอบข้าง สวมแหวนใส่นิ้วเขาอย่างที่เขากลัว
“เปิดดูซะหน่อยสิครับ”
“ผู้กอง อายคนเขาบ้างนะ ถ้าไม่อาย ผมอาย” อนุภาพหันไปมองรอบข้าง แม้เห็นว่าไม่มีใครสนใจแต่ก็อดรู้สึกประดักประเดิดไม่ได้
“อายทำไม คนเขารักกัน ใครมายุ่ง ผมจะจับเข้าคุกให้หมดเลย” อธิคมยักไหล่
อนุภาพเปิดกล่องกำมะหยี่ช้าๆ แหวนวงเล็กส่องประกายระยิบระยับต้องแสงไฟ ชายหนุ่มเงยหน้ามองผู้มอบให้
“ของจริงหรือเปล่าครับ” ถามเสียงเรียบ
“โธ่ คุณนุ ทำเสียบรรยากาศหมดเลย” อธิคมขมวดคิ้ว ส่ายหน้า...อยากกระโดดเข้าขย้ำคนช่างแกล้งที่ทำหน้านิ่งอยู่ตรงหน้า
“ก็ไม่เห็นต้องซื้ออะไรแพงขนาดนี้”
“คุณนุครับ ไม่รู้เหรอว่าผมรักคุณขนาดไหน ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุด ให้รู้ว่าคุณมีค่าต่อผมมาก ก็เลยให้เพชรเป็นตัวแทน” อธิคมเสียงจริงจัง “พอแหวนแต่งงาน จะให้เม็ดใหญ่กว่านี้”
อนุภาพก้มลงมองแหวนนิ่งอยู่ชั่วครู่ แล้วเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยว่า “สารวัตรรู้ไม๊ครับว่าผมอยากได้อะไรมากที่สุด”
“รู้สิ หัวใจของผมไง” อธิคมตอบทันที “ให้ไปแล้วทั้งใจ จะเอาชีวิตด้วยก็ให้ได้”
“พูดเล่นอีกแล้ว” อนุภาพยิ้ม มองตาอีกฝ่ายนิ่งอยู่ชั่วครู่จึงพูดขึ้นว่า “ขอบคุณสารวัตรมากนะครับที่ทำให้ผมถึงขนาดนี้ ผมรู้ว่าสารวัตรทำให้ผมมากเหลือเกิน แต่อยากให้รู้ไว้ว่า สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุดคือความรักที่จริงจัง มั่นคง มันเป็นสิ่งเดียวที่ผมต้องการ ผมคงทนไม่ได้หากความรักที่ได้ต้องถูกแบ่งให้คนอื่น เพราะเมื่อผมติดสินใจรักกับสารวัตรแล้ว ก็หมายความว่าผมมั่นใจแล้ว”
อนุภาพพูดยาว...ซึ่งไม่บ่อยที่อธิคมจะได้ยินชายหนุ่มพูดยาวขนาดนี้
“ผมรักคุณนุคนเดียว หัวใจของผมเป็นของคุณนุคนเดียว”
“กายด้วย ไม่ใช่หัวใจอย่างเดียว” อนุภาพเสียงเข้ม
“ครับผม ท่านผู้กำกับ” อธิคมทำตาเจ้าชู้ “เพื่อเป็นการยืนยัน คืนนี้ขอพลีกายให้คุณนุทั้งคืน...ที่บ้านผมนะ...นะครับ”
“เมื่อไหร่อาหารจะมาซะที” อนุภาพหันไปมองบริกร ทิ้งให้อีกฝ่ายพ่นลมหายใจอย่างขัดใจ
“ทุกทีเลยคุณนุ”
เดี๋ยะมีต่อ...