ธาวิน ♥ ฟูจิ [1]
[ฟูจิ part]
ผมกำลังนั่งดูไลฟ์สดของพี่เติมเต็มอยู่ ไม่คิดว่าพี่มันจะหวานได้ขนาดนี้ หวานตั้งแต่ที่ผมเห็นพี่มันโพสต์รูปคนเก่งลงพร้อมแคปชั่นน้ำตาลเกาะ แถมยังขอเป็นแฟนโดยมีคนในโซเชียลเป็นพยาน ยอมใจเลยครับ ไม่รู้ว่าถ้าไอ้คนเก่งมันมารู้ทีหลังว่าพี่เติมเต็มเล่นไลฟ์สดไปด้วย มันจะพูดว่ายังไงบ้าง ดีใจกับมันด้วยจริงๆครับ ที่ความพยายามของมันไม่สูญเปล่า
ต่างจากผมที่ต่อให้พยายามมากแค่ไหนก็คงไม่มีทาง ก็เลยไม่อยากจะพยายามมันเท่าไหร่
ไม่รู้ว่าพี่ธาวินได้ดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มมั้ย ถ้าผมเดา ผมว่าพี่เขาน่าจะดูอยู่แน่นอน ไม่รู้จะเสียใจมากหรือเปล่า
fujiz : พี่
ผมลองทักไปหาพี่ธาวินมันดู
wintha : ว่า
fujiz : ทำไร
fujiz : กินไรยัง
wintha : กินแล้ว
wintha : มึงอะ
wintha : อย่าบอกว่ายัง
ผมอมยิ้มออกมานิดๆ ผมชอบเวลาที่พี่มันดุผม เพราะมันดูเหมือนพี่มันเป็นห่วงผม
ผมกำลังพิมพ์ตอบแต่พี่มันโทรเข้ามาก่อน
(ถามไม่ตอบ)
พอผมกดรับสายประโยคแรกก็มาเลยครับ
"กำลังจะพิมพ์"
(แล้วยังไง กินหรือยังไม่กิน)
"กำลังจะลงไปกินข้าวเนี่ย" ผมบอกตามจริง ผมปิดประตูห้องแล้วก็มายืนรอลิฟท์
(กินดึกว่ะ)
ผมกำลังจะพูดว่ามัวแต่ดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มอยู่ แต่กลัวพี่มันไม่โอเคผมเลยไม่พูดออกไป
(กินข้าวไหน) พี่ธาวินมันถามผม
"ร้านลุงข้างหอ"
(อืม เดี๋ยวไปหา)
พอพูดเสร็จ พี่มันก็วางสายไปเลย
ผมสั่งข้าวรอไม่นานพี่ธาวินก็เดินเข้ามาที่ร้าน
"สั่งยัง"
"สั่งแล้วครับ"
พี่มันแค่พยักหน้าแล้วก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมอยากจะถามพี่มันเรื่องไลฟ์ของพี่เติมเต็มแต่ผมไม่กล้า
"ไอ้เต็ม แม่งกล้าชิบหาย ไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนอย่างมันจะทำอะไรแบบนี้"
แต่แล้วพี่ธาวินมันก็เป็นคนพูดขึ้นมาก่อน
"พี่ก็ดูพี่เต็มไลฟ์เหรอ"
"ดูกันทั้งคณะวิศวะ แม่งคิดได้ไงวะ คนเก่งหน้าบานไปแล้วป่านนี้" พี่มันพูดขำๆ และมันก็ทำให้ผมงง พี่มันบอกว่าจะจีบไม่ใช่เหรอทำไมดูไม่เสียใจ
"แล้วพี่ไม่เสียใจเหรอ ที่เขาเป็นแฟนกัน พี่ชอบคนเก่งมันไม่ใช่เหรอ"
ผมเห็นพี่ธาวินมันชะงักมือที่กำลังสไลด์หน้าจอมือถืออยู่
"ก็เสียใจบ้าง แต่ไม่ว่ายังไงคนเก่งก็คงไม่สนใจกูอยู่แล้ว"
พี่ธาวินตอบมาแบบนี้ แต่เอาจริงเลยนะตั้งแต่วันที่พี่มันบอกว่าจะจีบคนเก่ง ผมยังไม่เห็นพี่มันทำอะไรเลย
"พี่ไม่กินอะไรหน่อยเหรอ" ผมถามพี่มันตอนที่ข้าวที่ผมสั่งมาเสิร์ฟเรียบร้อยแล้ว
"ไม่ล่ะ กูอิ่มแล้ว"
พี่ธาวินก็เป็นแบบนี้แหละ ชอบมานั่งอยู่เป็นเพื่อนผมเวลาที่ผมมานั่งทานข้าวคนเดียว ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ต้องมา ถึงแม้ว่าคอนโดของพี่เขาจะไม่ไกลมาก (อยู่ละแวกเดียวกันกับคอนโดของพี่เติมเต็ม)
"กูกลัวมึงเหงา"
เป็นเหตุผลที่พี่ธาวินมันเคยบอกผม บางทียิ่งมีพี่มันมานั่งอยู่ด้วยผมก็อาจจะยิ่งเหงาก็ได้
"ผมถามอะไรพี่หน่อยสิ"
พี่มันเงยหน้าจากมือถือมาแล้วมองหน้าผมเหมือนบอกให้ถามได้
"พี่เคยบอกว่าพี่ไม่ได้ชอบผู้ชายแล้วทำไมพี่ถึงจะจีบคนเก่งมันล่ะ"
ผมอยากถามคำถามนี้มาตั้งแต่วันที่พี่ธาวินบอกจะจีบคนเก่งแล้ว
"ก็ไม่ได้ชอบผู้ชายแต่กับบางคนมันก็อาจจะเป็นข้อยกเว้น อีกอย่างกูเคยบอกมึงแล้วนี่ว่าคนเก่งมันก็น่ารักดี"
ผมแค่พยักหน้ารับรู้แล้วนั่งทานข้าวต่อ แต่รู้สึกมันอิ่มๆยังไงก็ไม่รู้สิ ผมไม่น่าถามคำถามที่ทำให้ตัวเองรู้สึกแย่เลยจริงๆ...ให้ตายเถอะ
"อย่าบอกว่าอิ่มแล้ว" พี่มันถามตอนเห็นผมรวบช้อนและดื่มน้ำ
"ครับ"
"กินอย่างกับมดดม เดี๋ยวก็ปวดท้องอีก"
"อิ่มแล้วจริงๆพี่"
พี่มันมองหน้าผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจ
"ถ้ากูรู้ว่าคำตอบของกูทำให้มึงกินข้าวไม่ลง กูจะไม่ตอบและต่อไปมึงเองก็อย่ามาเสือกถามอะไรแบบนี้อีก"
คำพูดของพี่ธาวินทำให้ผมพูดอะไรไม่ออกเลย พี่มันไม่ผิดหรอก เป็นความผิดของผมเองเพราะตอนที่เรากลับมาคุยกันอีกครั้งเมื่อสองสามปีที่แล้ว พี่มันบอกว่ามันจะลืมเรื่องที่ผมเคยพูด และขอให้เราสองคนไม่พูดถึงเรื่องอะไรทำนองนั้นอีก และเป็นพี่น้องกันเหมือนเดิม
ผมเองก็ไม่อยากให้พี่มันอารมณ์เสียมากไปกว่านี้ ผมก็เลยนั่งทานข้าวต่อโดยที่พี่มันนั่งมองผมไปเงียบๆ
"ฟูจิ" ผมมองตามเสียงที่เรียกชื่อ พอหันไปมองก็เห็นเป็นรุ่นพี่ปีสาม คณะสถาปัตย์
"อ้าว สวัสดีครับพี่เอิร์ธ" ผมเอ่ยทักทาย
"กินข้าวซะดึก"
"ครับ แล้วพี่เอิร์ธมาทำอะไรแถวนี้"
"เอาชีทมาให้รุ่นน้อง"
"อ๋อ ครับ"
"งั้นพี่ไปล่ะ ไว้เจอกัน"
พี่เอิร์ธพูดเสร็จก็เอามือมาขยี้ผมของผมเบาๆ
พอพี่เอิร์ธเดินห่างออกจากโต๊ะไปแค่แป๊ปเดียวเท่านั้น
"ทำไมต้องให้มันลูบหัวว่ะ"
ผมไม่แน่ใจว่าพี่เอิร์ธจะได้ยินที่พี่ธาวินพูดมั้ย เพราะพี่มันก็พูดเสียงดังและพี่เอิร์ธก็เพิ่งเดินออกไป ผมหันไปมองตามหลังพี่เอิร์ธ แต่พี่เขาไม่ได้มองกลับมา หวังว่าจะไม่ได้ยิน
"พี่เสียงดังทำมั้ยเนี่ย"
"มึงยังไม่ตอบกูเลยว่าให้มันลูบหัวทำไม"
"พี่เขาก็ทำแบบนี้ประจำ"
"อะไรนะ!ทำเป็นประจำ"
"........"
"มึงแน่ใจนะว่าเขาเป็นแค่รุ่นพี่"
"พี่ถามแปลกจัง"
"อย่าให้กูรู้ทีหลังล่ะกัน"
พี่มันบ่นๆออกมาตามประสามัน เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมกับมันทะเลาะกันบ่อย แต่อย่าใช้คำว่าทะเลาะดีกว่าเพราะมีแค่พี่มันที่หงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว มันบอกว่าผมเป็นผู้ชายไม่ควรที่จะมีผู้ชายมาทำอะไรแบบนี้ มาแตะเนื้อตัวแบบนี้
และพี่มันเคยบอกว่าจะให้ผมเป็นผู้ชายเต็มตัวให้ได้ และผมก็เคยบอกมันไปแล้วว่า ผมก็เป็นผู้ชายเต็มตัวแค่ผมชอบพี่มันเท่านั้น ไม่ใช่ชอบใครก็ได้ที่เป็นผู้ชาย แต่พี่มันบอกเกย์ก็คือเกย์ ผิดหวังจากผู้ชายอีกคนก็อาจจะไปรักกับผู้ชายอีกคนก็ได้ ผมก็เลยขี้เกียจอธิบายอะไรอีก แล้วแต่พี่มันจะคิดแล้วกัน
มักจะมีรุ่นพี่บางคนมาทำแบบนี้กับผมแบบที่พี่เอิร์ธทำก็จริง แต่ผมว่าสมัยนี้การทำแบบนี้กับผู้ชายด้วยกันมันคงจะไม่ได้หมายถึงเขามาชอบเราแบบชู้สาวหรอก รุ่นพี่บางคนก็ทำคงเพราะความเอ็นดูมากกว่า
ผมตัวสูงพอๆกับคนเก่ง แต่ถ้าเทียบหน้าตาแล้วคนเก่งมันหน้าตาน่าเอ็นดูกว่าผมเยอะ และถ้าเทียบกันจริงๆ พวกรุ่นพี่ชอบถึงเนื้อตัวคนเก่งมากกว่าผมอีก
"ไอ้นี่มันเรียนวาดรูปไม่ใช่เหรอ คนละคณะ รู้จักมันได้ไง"
"พี่เขาเรียนสถาปัตย์ ไม่ใช่วาดรูป"
"มันก็วาดรูปนั่นแหละ แล้วยังไง รู้จักมันได้ไง"
"รูมเมทของส้มส้มเป็นน้องสาวพี่เอิร์ธ ส้มส้มมันพารูมเมทมากินข้าวด้วยบ้างเลยได้เจอพี่เอิร์ธด้วย"
พี่ธาวินถอนหายใจแรงและนั่งกอดอกมองผมอย่างไม่สบอารมณ์
"พี่หงุดหงิดอะไร"
"หงุดหงิดมึงนั่นแหละ"
ผมถอนหายใจออกมาบ้าง เป็นแบบนี้ประจำครับเวลาที่มีผู้ชายมาทำแบบนี้กับผม ไม่รู้ทำไมพี่มันถึงได้รังเกียจเกย์มากมาย แต่จะว่ามันรังเกียจเกย์ก็ไม่ใช่เพราะพี่มันก็บอกว่าชอบคนเก่ง
ผมไม่เข้าใจพี่มันเลย
ผมนั่งทานข้าวจนเสร็จและเดินไปจ่ายเงิน เดินกลับมาเห็นพี่มันยืนรออยู่หน้าร้านข้าว
"พี่กลับเลยมั้ย" ผมถาม
พี่มันไม่ได้ตอบอะไรแต่พี่มันเดินไปทางเดินที่จะไปหอพักผม ผมก็เลยเดินตามไป พอถึงหน้าหอผมก็มองเห็นรถพี่ธาวินจอดอยู่
"เอากุญแจรถลงมาหรือเปล่า" พี่ธาวินถาม
"เปล่าครับ พี่จะใช้รถเหรอ"
"ว่าจะเอารถไปตรวจสภาพ มันถึงกำหนดแล้ว"
รถคันที่ผมใช้อยู่เป็นรถของพี่ธาวินไม่ใช่รถของผมหรอกครับ พี่มันให้ผมเอารถคันนี้มาใช้หลังจากที่เข้ามาเรียนที่นี่ได้ประมาณสองอาทิตย์ ตอนแรกผมก็ปฏิเสธแต่ก็มีปากเสียงกันไปหลายครั้ง ผมก็เลยตัดความรำคาญ
"แล้วพี่จะขับกลับยังไงสองคัน ให้ผมขับไปส่งมั้ย"
"ใครจะขับสองคันกลับว่ะ ก็เดี๋ยวกูขับฟอร์จูนเนอร์กลับ ส่วนบีเอ็มก็จอดไว้นี้ให้มึงใช้"
"ไม่เอาหรอก รถแพง เผื่อขับไปชนอะไรขึ้นมา เดี๋ยวผมขับไปส่งดีกว่า"
"ที่ผ่านมาเคยชนรึไง เอาตามนี่ ขึ้นไปเอากุญแจรถมา"
พี่ธาวินเดินไปเปิดประตูและนั่งรอบนรถบีเอ็มของตัวเอง ผมก็เลยต้องเดินกลับขึ้นไปเอากุญแจรถบนห้อง
ใช้เวลาไม่นานผมก็เอากุญแจรถมาให้พี่ธาวิน พี่มันก็เดินลงจากรถบีเอ็มและปิดล็อครถเรียบร้อยก่อนยื่นกุญแจให้ผม
"พรุ่งนี้อย่าให้เห็นว่าไปเรียนด้วยวิธีอื่นๆที่ไม่ใช่ขับรถคันนี้ไป"
"รู้แล้วๆ"
พี่ธาวินปลดล็อครถฟอร์จูนเนอร์ และเปิดประตูไปนั่งฝั่งคนขับ แต่ผมเพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่ามีหนังสือเรียนอยู่บนรถ ผมเลยรีบเดินไปเคาะกระจกรถก่อนพี่ธาวินจะขับออกไป
ก๊อก ก๊อก
พี่ธาวินลดกระจกลงมา
"อะไร"
"มีหนังสืออยู่เบาะหลัง"
พี่ธาวินเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่วางอยู่ที่เบาะรถด้านหลังมาให้
"ทำไมเอาไว้บนรถว่ะแทนที่จะเอาไว้อ่าน"
"บ่นๆ ทำอย่างกับพี่ไม่เคยทำ"
ผมรับหนังสือมาจากพี่ธาวินแต่พี่มันไม่ยื่นให้ธรรมดา พี่มันยื่นมาพร้อมกับผลักหัวผมเบาๆทีหนึ่ง
"ย้อนๆ ขึ้นห้องได้แล้ว"
ผมเบะปากให้พี่มัน แล้วก็เดินหันหลังมาเพื่อจะขึ้นหอ พอหันหน้ากลับไปมองอีกทีก็เห็นพี่มันจะไม่ขับรถออกไป ผมเลิกคิ้วมองด้วยความแปลกใจ พี่มันก็ชี้นิ้วส่งสัญญาณประมาณว่าให้ขึ้นห้อง ผมก็แค่พยักหน้าแล้วก็เดินขึ้นหอ ไม่ได้หันไปมองพี่มันอีก
หลังจากวันที่คนเก่งมันมีแฟนเป็นตัวเป็นตน ผ่านมาก็เกือบสองอาทิตย์แล้วครับ ผมว่าเป็นช่วงเวลาที่คนเก่งมันจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ พี่เติมเต็มแสดงออกชัดเจนสุดๆว่าโคตรจะรักมัน ถึงคนเก่งมันจะบอกว่าพี่เติมเต็มไม่เคยพูดว่ารักมันก็เถอะ แต่ถ้าคนนอกอย่างผมมอง มองมาจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าพี่เติมเต็มโคตรรักมันเลย
เฮ้อ.....อดอิจฉามันนิดๆไม่ได้
วันนี้ผมขับรถกลับมาที่บ้านครับ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันครบรอบวันตายของพ่อกับแม่ผม ผมก็เลยจะมาทำบุญถวายสังฆทานให้พ่อกับแม่ และจะไปทำความสะอาดที่เก็บอัฐิของท่านด้วย
ถ้าไม่จำเป็นผมไม่ค่อยอยากกลับมาที่บ้านสักเท่าไหร่เพราะที่นี่ไม่มีใครรอผมอยู่ ไม่มีกับข้าวอร่อยๆไว้รอผม ไม่มีใครที่อยู่รอชื่นชมความสำเร็จของผม และยิ่งกลับมาที่นี่ผมก็ยิ่งคิดถึงพ่อกับแม่
แต่ที่นี่ก็เป็นที่เดียวที่ผมปล่อยโฮได้ไม่ต้องกลัวว่าใครจะเห็น
ถึงผมไม่ได้กลับมาบ้านบ่อยนัก แต่บ้านผมก็ยังสะอาดไม่มีฝุ่นอยู่เสมอ นั่นก็เพราะพี่ธาวินมันให้คนมาคอยทำความสะอาดที่บ้านผมประมาณอาทิตย์ละสองครั้ง ตั้งแต่ช่วงที่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งผมเคยบอกพี่มันแล้วว่าไม่ต้อง แต่พี่มันก็พูดว่าแม่ผมคงจะไม่ชอบที่เห็นบ้านสกปรก
ผมก็เลยพูดอะไรไม่ออกเพราะก็จริงอย่างที่พี่มันพูด แม่ผมเป็นคนที่รักความสะอาดมากๆ
ผมขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวบนห้องก่อนที่จะเดินลงมาข้างล่าง ผมกำลังจะคิดว่าจะออกไปหาอะไรทานข้างนอก แต่ก็ต้องชะงักเพราะเจอใครบางคนนั่งอยู่ที่ห้องรับแขก
"พี่วิน มาได้ไงเนี่ย"
"ขับรถมา"
"ไม่ หมายถึงพี่เข้ามาได้ไง" พอถามเสร็จก็นึกขึ้นมาได้ว่าพี่มันมีกุญแจบ้าน และท่าทางชะงักของผมก็ทำให้พี่มันพยักหน้าว่าผมเข้าใจถูกแล้ว
"พี่รู้ได้ไงว่าผมอยู่บ้าน"
"กูรู้ว่ามึงต้องกลับมาที่นี่ช่วงนี้ทุกปีอยู่แล้ว"
คำพูดของพี่ธาวินทำให้ผมรู้สึกมีก้อนสะอื้นมาจุกอยู่ที่คอ พี่มันจำได้
"กินอะไรหรือยัง"
"กำลังจะออกไปหาอะไรกินครับ"
"งั้นไปกัน"
พี่ธาวินลุกขึ้นเดินนำผมออกไปจากบ้าน ผมก็เลยเดินตามออกไปก่อนจะปิดประตูบ้านไว้ พี่ธาวินไปนั่งรอผมอยู่บนรถเรียบร้อย หลังจากปิดประตูรั้วเสร็จผมก็เดินไปขึ้นรถ แล้วพี่ธาวินก็ขับออกไป
พี่ธาวินพาผมมาทานข้าวที่ร้านอาหารที่อยู่ในตัวเมือง ช่วงหัวค่ำแบบนี้คนกำลังเยอะ หลังจากที่พี่ธาวินสั่งอาหารเรียบร้อย พี่มันก็หยิบมือถือขึ้นมาเล่น ผมกำลังจะหยิบมือถือขึ้นมาบ้าง แต่ปรากฏว่าไม่เจออยู่ในกระเป๋ากางเกง
"เป็นไร"
"สงสัยผมจะลืมมือถือไว้ที่บ้าน"
ในเมื่อไม่มีมือถือผมก็เลยเลือกมองไปรอบๆร้านแทนเพื่อรอเวลาที่อาหารจะมาเสิร์ฟ
"ไอ้เต็มแม่ง ดูมันไลฟ์อีกแล้ว แล้วแฟนมันไม่รู้ว่ามันไลฟ์ พอรู้เท่านั้นแหละโดนงอนเลย แล้วคราวนี้มันต้องง้อแฟนผ่านไลฟ์"
พี่ธาวินพูดขำๆ
"ดูป่ะ"
พี่ธาวินถามผมแต่ผมยังไม่ได้ตอบ พี่มันก็ขยับเก้าอี้มานั่งข้างผมและยื่นมือถือให้ดูด้วยกัน ไหล่ของผมแนบชิดกับไหล่ของพี่ธาวิน ใจผมมันเต้นแรงขึ้นทันที ผมนั่งดูไลฟ์ของพี่เติมเต็มแต่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในไลฟ์พูดอะไรหรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะใจผมมันมัวแต่นึกถึงความใกล้ชิดที่คนข้างๆมีให้
"พี่วิน" มีเสียงผู้หญิงเรียกพี่มัน
"อ้าว มิ้นต์" พี่ธาวินหันไปทักผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะที่เรานั่งกันอยู่
"กลับมาไม่เห็นบอกมิ้นต์เลย"
"พี่เพิ่งมาถึง"
"แล้วคืนนี้ พี่วินว่างหรือเปล่าคะ" ผู้หญิงที่ชื่อมิ้นต์ส่งสายตาที่ลึกซึ้งให้พี่มันตอนที่พูดว่า...คืนนี้
"ไว้พี่โทรหาอีกทีดีกว่าตอนนี้เพิ่งจะหัวค่ำเอง" พี่ธาวินตอบไปแบบนั้น ผู้หญิงคนนัันก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง
อาหารที่เราสั่งมาเสิร์ฟพอดี พี่มันก็เลยกลับไปนั่งตามเดิม ผมรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิดมากครับ ไม่น่าออกมาทานข้าวกับพี่มันเลย น่าจะบอกว่าไม่หิวหรือบอกว่าทานแล้ว เพราะทุกครั้งที่ออกมาทานข้าวด้วยกันหรือไปไหนด้วยกันมักจะมีผู้หญิงมาทักพี่มันแบบนี้บ่อย และพี่มันก็ออกไปกับเขาเป็นประจำ
"พี่จะไปกับเขาเลยก็ได้นะ ผมกลับเองได้"
พี่มันชะงักช้อนที่กำลังตักข้าวอยู่
"กูบอกเหรอว่ากูจะไป อย่ามาทำรู้เยอะ"
"เดี๋ยวพี่ก็ต้องไป"
"ไอ้ฟูจิ!"
พอพี่มันเรียกผมแบบนี้ทีไร ผมรู้แล้วว่าผมต้องหยุด
เราต่างคนก็ต่างนั่งทานข้าวกันไปเงียบๆ จนทานเสร็จเรียบร้อย พอพี่ธาวินจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินมาที่รถกัน พอมาถึงที่รถผมก็หันไปบอกพี่ธาวิน
"พี่วิน ผมขอไปเดินเล่นที่สวนตรงใกล้ๆนี่นะ พี่กลับเลย เดี๋ยวผมกลับเอง"
"จะไปทำไมวะ มันเริ่มมืดแล้ว ถ้าไม่กลับกับกูมึงจะกลับยังไง สองแถวก็หมดแล้ว"
"กลับวินมอไซค์ไง"
"จะไปให้ได้ว่างั้น"
ผมพยักหน้า
"ดื้อชิบ"
พี่มันเปิดประตูรถ และผมคิดว่าพี่มันคงจะขึ้นรถแล้วขับออกไป
"ขึ้นรถ"
ผมยืนงงอยู่สักพัก แล้วพี่มันก็เรียกผมซ้ำให้ขึ้นรถ
"กูบอกให้ขึ้นรถ"
ผมก็เลยจำต้องขึ้นรถเพราะพอพี่มันเสียงดังก็เริ่มมีคนมอง ผมคงไม่ได้ไปเดินเล่นที่ไหนแล้วล่ะ เพราะพี่ธาวินมันพาผมขับรถมาจนถึงปากซอยทางเข้าบ้านผมแล้ว
ขับเข้าซอยมาแค่ไม่นานพี่ธาวินมันก็จอดรถ
"รอในรถ ไปเอาของแป๊ป"
ผมมองออกไปเห็นว่าพี่ธาวินจอดรถอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเอง ตรงทางเข้าจะเป็นร้านวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นกิจการของที่บ้านพี่มันครับ ส่วนบริเวณด้านหลังถัดจากร้านมาก็จะเป็นบ้านสามหลังที่สร้างอยู่ในบริเวณพื้นที่เดียวกัน
ผ่านไปประมาณสิบนาทีพี่ธาวินก็เดินกลับมาที่รถ พี่ธาวินเปิดประตูด้านหลังและผมเห็นพี่มันวางกระเป๋าเสื้อผ้าไว้บนเบาะ
"พี่จะไปไหน"
เพราะเห็นกระเป๋าเสื้อผ้า ผมเลยถามทันทีที่พี่ธาวินขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ
"ไปส่งมึงที่บ้านไง"
ผมไม่ถามอะไรต่อเพราะผมเดาเอาว่าหลังจากไปส่งผมพี่ธาวินคงจะไปหาผู้หญิงสักคน อาจจะเป็นผู้หญิงที่เจอที่ร้านอาหารเมื่อกี้นี้ก็ได้
แต่ปกติถึงพี่มันจะไปหาผู้หญิงแต่พี่มันก็ไม่เคยหอบเสื้อผ้าไปด้วย...หรือเปล่าว่ะ
ไม่ถึงสิบนาทีรถของพี่ธาวินก็มาจอดที่หน้าบ้านผม ผมกำลังจะหันไปบอกขอบคุณ แต่พี่มันพูดขึ้นมาก่อน
"ลงไปเปิดประตูรั้วสิ"
ผมยังงงๆอยู่ครับ แต่ก็ลงจากรถไปเปิดประตูรั้วให้
หลังจากเปิดประตูรั้วเสร็จผมวิ่งกลับมาหาพี่ธาวินที่รถ
"พี่วินจะเอารถมาจอดในบ้านเหรอ" ผมถาม
"ใช่ ทำไม"
"รอแป๊บหนึ่งนะ ผมขอเลื่อนรถก่อน" ผมบอกพี่ธาวินเพราะรถฟอร์จูนเนอร์ที่ผมขับมาจอดในบ้านก่อนหน้านี้มันขวางอยู่ ผมรีบวิ่งเข้าไปไขกุญแจประตูบ้านและวิ่งไปหยิบกุญแจรถออกมา ก่อนจะขึ้นไปขับและเคลื่อนรถออกเพื่อให้รถของพี่ธาวินเข้ามาจอดได้
ผมลงจากรถหลังจากดับเครื่องยนต์และล็อครถเรียบร้อยมายืนมองดูพี่วินที่จอดรถเสร็จแล้ว เปิดประตูด้านหลังแล้วถือกระเป๋าเสื้อผ้าลงมา
"พี่จะนอนนี่เหรอ"
"ใช่ ไปปิดประตูรั้วไป" พูดเสร็จพี่ธาวินก็เดินเข้าไปในบ้าน ผมก็เลยรีบวิ่งไปปิดประตูรั้ว ก่อนจะวิ่งตามพี่ธาวินเข้าไปในบ้าน
"ทำไมพี่จะนอนนี่ล่ะ"
"ถามอะไรเยอะแยะวะ"
"ก็คนมันสงสัยนี่หว่า"
"พรุ่งนี้ก็จะพามึงไปทำบุญแต่เช้าไง"
ผมพยักหน้ารับรู้ อย่างน้อยผมก็โล่งใจที่พี่มันไม่ได้จะหอบเสื้อผ้าไปนอนกับผู้หญิงคนไหน
"อีกอย่างกูรู้ว่ามึงไม่อยากอยู่คนเดียว....ในช่วงเวลาแบบนี้ กูก็เลยคิดว่ากูอยู่เป็นเพื่อนมึงดีกว่า ดีกว่าให้มึงไปเดินเรื่อยเปื่อยอยู่ข้างนอก"
พี่มันพูดเสร็จก็เดินขึ้นไปข้างบน และได้ยินเสียงตะโกนลงมาว่า
"กูนอนห้องมึงนะ"
ผมใช้มือจับลงที่หน้าอกด้านซ้ายมือของตัวเอง มันเต้นแรงจนจะทะลุออกมา ผมไม่รู้ว่าพี่มันรู้ได้ยังไงว่าผมคิดอะไรอยู่ พี่มันรู้ได้ยังไงว่าผมกลัว ผมอ้างว้าง ในการที่ต้องอยู่คนเดียวในช่วงเวลาแบบนี้
แต่เรื่องที่พี่มันยังไม่รู้ก็คือ พี่มันไม่เคยรู้ว่าผมไม่เคยตัดใจจากพี่มันได้เลย
และยิ่งพี่มันใจดีกับผมแบบนี้
ผมยิ่งตัดใจไม่ลง
TBC.
เอาคู่รองมาเปิดตัวแบบสั้นๆนะคะ