ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ
สรุปข้อสำคัญดังนี้
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม
5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง
ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0--------------------------------------------------------------------------------
จริงๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งส่งรวมเรื่องสั้นของอีกบอร์ดนึงแต่เผอิญพี่เค้าบอกยังหื่นไม่พอเลยเอามาลงให้ทุกคนในเล้าอ่านแทนค่ะ ฮะๆ
คิดว่าแบ่งซะสามตอนจบน่ะค่ะ ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านตอนแรกกันเลยค่ะ
------------------------------------------------------------------------------
Cupid Dart
ดลไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะได้มีโอกาสมาต่างประเทศเลยสักครั้งด้วยภาษาอังกฤษที่แค่งู ๆ ปลา ๆ กับท่าทางที่ถูกวิจารณ์มาแบบรักษาน้ำใจว่าดูมองโลกในแง่ดีหรือในแบบที่ปลาเพื่อนสนิทเคยแปลออกมาโดยไม่คิดเงินว่า
‘แทบจะแปะป้ายกลางหน้าผากว่าผมหลอกง่ายครับ!’
ที่ได้มีโอกาสมาเยือนประเทศอังกฤษเมืองผู้ดีนี้ได้ก็เพราะว่าผู้เป็นน้าได้ข่าวว่ามาดามโรสที่เป็นเจ้าของบ้านพักที่เคยอยู่คิดจะขายเธอจึงเดินทางมาเพื่อตกลงทำสัญญา ด้วยความที่ที่บ้านไม่อยากให้หญิงสาวเดินทางมาคนเดียวแต่ไม่มีใครว่างเลยโชคดีจึงตกกับดลนักศึกษาคนเดียวในบ้านที่เพิ่งปิดเทอมพอดี
“อ๊ะ! นั่นไงดลกระเป๋าพวกเรา” เสียงฝนน้าสาวคนสวยเรียกสติที่เริ่มหลุดลอยเพราะตื่นคนของดลให้กลับมายังสายพานที่มีกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่แล่นผ่านหน้าไป
ชายหนุ่มเอื้อมมือคว้ากระเป๋าสีน้ำตาลขนาดใหญ่ของน้าสาวก่อนแต่ก็แทบจะโดนลากตามสายพานไปด้วยถ้าไม่มีมือของใครบางคนเข้ามาช่วยยกลงมาเสียก่อน
“ขอบคุณครับ เอ่อ Thanks” ดลหันไปส่งยิ้มขอบคุณจนตาหยีแต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีผมสีน้ำตาลเข้มและนัยน์ตาสีควันบุหรี่ก็รีบเปลี่ยนเป็นภาษาสากลทันที
ในชั่วพริบตาที่สัมผัสกันทั้งสองรู้สึกถึงความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจ กระแสไฟฟ้าวูบวาบอ่อน ๆ แล่นผ่าน เหมือนมีบางอย่างดึงดูดไม่ให้เขาละสายตาจากนัยน์ตาสีเทาคู่นี้ได้
“ดลด๊ล มาช่วยน้าเอากระเป๋าเราลงก่อน!” ฝนตะโกนเรียกหลานชายขณะพยายามลากกระเป๋าสีฟ้าใบย่อมของอีกฝ่ายแต่ดูหนักเกินขาดลงมา
“โอ๊ะ! Thank you” หญิงสาวหันไปกล่าวขอบคุณให้ผู้ใจดีอีกหนึ่งคนที่มาช่วยไว้ก่อนจะชะงักกึกเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าที่มีแว่นกันแดดสีดำขอบเงินของคนตรงหน้าดูคุ้น ๆ ชอบกล
“Your welcome, rainy” ชายหนุ่มผมดำใบหน้าเอเชียยิ้มตอบแล้วถอดแว่นกันแดดเสียบกระเป๋าเสื้อเผยให้เห็นชายหนุ่มหน้าตาสะอาดสะอ้านเป็นมิตรคนหนึ่ง
“เจค!” ฝนแทบกรี๊ดออกมาเมื่อได้เจอเพื่อนร่วมบ้านชาวสิงคโปร์ที่ไม่ได้เจอกันเลยตั้งแต่เรียนจบ
ชายหนุ่มหัวเราะ กอดเพื่อนด้วยกิริยาสุภาพก่อนที่เขาจะเรียกร่างสูงที่มาช่วยดลยกกระเป๋าตะกี้ให้มาทำความรู้จักกัน
“นี่เพื่อนผมชื่อเควิน” เจคแนะนำตัวเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ ทั้งสองจับมือทักทายตามแบบสากล
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะเควิน ฉันฝนหรือจะเรียกว่าเรนนี่แบบเจคก็ได้ ดล ๆ มานี่เร้ว” ประโยคหลังเธอหันไปเรียกหลานชายที่ยืนเอ๋ออยู่เป็นภาษาไทย “นี่ดลหลานชายฉันเองค่ะ ดลนี่เจคเพื่อนของน้าสมัยเรียน”
“เอ่อ สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มเผลอตัวยกมือไหว้ตามแบบไทยเมื่อทราบว่าคนทั้งคู่อาวุโสกว่า ทำเอามือที่กำลังจะยกขึ้นของเจคชะงักกึก
“ดลจับมือไม่ใช่ไหว้” ฝนกระซิบบอกหลานชายเบา ๆ เท่านั้นเองเขาจึงนึกขึ้นได้รีบเอื้อมมือไปคว้ามือของเจคกลับมาเขย่าเต็มแรงแทนพร้อมกับหันไปส่งยิ้มจับมือกับเควินต่อ
“เจคมาทำอะไรที่นี่เหรอ?” หญิงสาวถามเพื่อน
“ผมมาเรื่องที่บ้านของมาดามโรสน่ะ”
“ว่าไงนะ?!” เธออุทาน “อย่าบอกนะว่าเจคจะมาซื้อบ้านหลังนั้น!”
“เรนนี่ก็ด้วย?” ชายหนุ่มอึ้งไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะมาด้วยเรื่องเดียวกันแบบนี้
ระหว่างที่สองเพื่อนเก่ากำลังพูดคุยกันก็ยังมีคนสองคนที่ยืนเงียบอยู่ข้าง ๆ เควินนั้นยืนล้วงกระเป๋ากางเกงยีนส์ด้วยท่าทางสบาย ๆ ขณะที่ดลกลับรู้สึกว่ามือไม้ดูเกะกะเก้งก้างไปเสียหมดเมื่อมีสายตาสีเทาคู่นี้เหลือบมองเป็นระยะ ๆ
“เอ่อ คุณมาจากที่ไหนเหรอ?” ดลตัดสินใจชวนคุยแก้เขินด้วยประโยคพื้นฐาน
“อเมริกา” เควินตอบด้วยรอยยิ้มจาง ๆ “คุณล่ะ?”
“ประเทศไทย” ดลอดจะยิ้มตามไม่ได้ แต่ทว่ารอยยิ้มไม่ช่วยอะไรในการต่อบทสนทนาเมื่อทั้งคู่กลับมาเงียบอีกครั้งเนื่องจากเควินก็ไม่เคยมาที่ไทยและไม่รู้จักด้วยส่วนดลถึงจะรู้จักอเมริกาแต่ก็ไม่เคยไปและไม่กล้าคุยต่อเพราะไม่รู้จะคุยอะไร
“ประเทศไทยอยู่ที่ไหน?” หนุ่มอเมริกันถามต่อเมื่อเห็นว่าเพื่อนดูจะยังคุยไม่จบ
“หา เอ่อ อะไรนะครับ” ดลหน้าซีดเพราะเมื่อครู่เขาไม่ได้ฟังว่าอีกฝ่ายพูดอะไรมาแต่เมื่อเควินทวนคำถามซ้ำอีกครั้งเขาก็พยักหน้าเข้าใจและอธิบายแบบง่าย ๆ ว่าอยู่ใต้จีน
“เอ่อ น้าฝนครับผมว่าพวกเราย้ายที่ก่อนดีกว่าไหมครับคนอื่นจะได้เข้ามาเอากระเป๋าสะดวก” ชายหนุ่มเดินไปกระซิบบอกน้าสาวเบา ๆ อย่างเกรงใจ
“นั่นสิ น้าลืมคิดไปเลย” ฝนอุทานก่อนจะชวนเจคให้เปลี่ยนที่ สุดท้ายทั้งสี่ก็มาจบลงที่ร้านกาแฟชื่อดังร้านหนึ่ง “พวกนายจะพักที่ไหนกันน่ะเจค?” เธอถาม
ดลนั่งมองน้าสาวตักวิปครีมเข้าปากด้วยความอยาก บนโต๊ะมีเพียงเขาคนเดียวที่ไม่ได้สั่งกาแฟดื่ม สองหนุ่มเลือกสั่งเอสเปรสโซ่ทั้งคู่ขณะที่ฝนเลือกลาเต้เพิ่มวิปครีมอย่างที่ชอบ ตัวดลเองจริง ๆ ก็ชอบทานเจ้าครีมเนื้อขาวเหมือนกันแต่เพราะต้องการเก็บเงินไว้ใช้จ่ายให้คุ้มค่าที่สุดด้วยไม่ต้องการรบกวนเงินของฝนที่ทำงานแล้วจึงพยายามประหยัดเต็มที่
“ยังไม่ได้จองโรงแรมเลย คิดว่าจะหาโรงแรมแถวนั้นพักเอาน่ะ” ชายหนุ่มตอบ
“ฉันกะจะพักที่บ้านมาดามโรสนะ เมลมาถามมาดามแล้วนะเธอตอบตกลงพวกนายจะมาด้วยกันก็ได้” ฝนชวนเพื่อน ถึงแม้เรื่องธุรกิจจะยังตกลงกันไม่ได้แต่ทว่ายังไงก็คือเพื่อน
หนุ่มสิงคโปร์หันไปปรึกษากับเพื่อนก่อนจะหันมาพยักหน้า “ตกลง”
เควินมองคนตรงหน้าที่สายตากำลังจับจ้องไปยังถ้วยกาแฟของหญิงสาวตาปรอย ท่าทางดลจะไม่รู้ตัวเลยว่าตนเองแสดงออกชัดแค่ไหนว่าอยากกินจนรับรู้ได้ชัดเจน
กิริยากลืนน้ำลายเมื่อฝนตักวิปครีมเข้าปากทำให้เขาเกือบหลุดขำ
...น่ารักดี...ชายหนุ่มคิดในใจ เสหยิบถ้วยกาแฟขึ้นมาจิบเพื่อไม่ให้ใครรู้
“ดลอายุเท่าไหร่เหรอ?” เจคหันไปถามชายหนุ่มอีกคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม
“ยี่สิบครับ”
“หน้าเด็กอีกคนแล้ว เรนนี่เองก็ยังดูไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสาม โอ๊ย!” เขาร้องเมื่อมือของฝนข้ามฟากมาหนีบเข้าที่ขา
“บอกกี่ครั้งแล้วยะว่าห้ามเผยแพร่อายุสุภาพสตรี!” เธอค้อนขวับ
เจคร้องอูย ลูบที่ขาเบา ๆ เคราะห์ร้ายที่วันนี้เขาใส่กางเกงผ้ามาทำให้อีกฝ่ายหยิกได้ง่ายขึ้นไปอีก เควินก็นั่งหัวเราะหึ ๆ ไม่ช่วยอะไรเลยอีกต่างหากส่วนดลก็นั่งยิ้มอย่างเดียว
หนุ่มไทยอมยิ้มเมื่อเห็นภาพการหยอกล้อกันของน้าและเพื่อน ถึงจะยังจับใจความไม่ค่อยทันแต่ก็พอรู้ว่าเจคคงจะพูดถึงเรื่องอายุของฝนเป็นแน่
หลังจากจิบกาแฟกันจนหมดแก้วทั้งหมดก็เคลื่อนขบวนโบกแท็กซี่ไปยังบ้านของมาดามโรส ภาพบ้านสีขาวขนาดสี่ชั้นอยู่ท่ามกลางดงไม้สีเขียว มีเถาดอกไม้สีชมพูสีม่วงดอกเล็ก ๆ ขึ้นแซมจนราวกับภาพวาด
“สวยจัง” ดลครางเป็นภาษาไทยแต่กระนั้นกระแสเสียงที่เต็มไปด้วยความชื่นชมก็ชัดเจนในความรู้สึกของเควินที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ จนอดจะพยักหน้าเห็นด้วยไม่ได้
“เพราะสวยอย่างนี้นี่เองนายถึงอยากได้มันนัก” เควินหันไปกล่าวกับเพื่อน
“ใช่ ทั้งฉันและเรนนี่...” เจคพึมพำ รู้สึกหนักใจกับเรื่องนี้พอควร
“มาดามโรส!” หญิงสาวสวมกอดหญิงชรารูปร่างอวบท่าทางใจดีคนหนึ่งที่เปิดประตูออกมาเมื่อได้ยินเสียงกริ่ง
“เรนนี่! อ้าวเจคมาด้วยหรือ” โรสกอดหญิงสาวชาวไทยด้วยความรักก่อนจะทักทายร่างสูงด้านหลัง เธอส่งยิ้มอบอุ่นเผื่อแผ่ไปยังผู้มาเยือนอีกสองคนที่เธอยังไม่รู้จัก
“แล้วนี่ใครกันจ๊ะเนี่ย”
“นี่ดลหลานชายของเรนนี่ค่ะมาดาม ส่วนนั่นเควินเป็นเพื่อนของเจคค่ะ บังเอิญพวกเราเจอกันที่สนามบินพอดี” หญิงสาวอธิบาย
“ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ มา ๆ เดินทางกันมาเหนื่อยๆเอาของไปเก็บแล้วลงมานั่งทานน้ำชากันดีกว่า ฉันอบคุกกี้ข้าวโอ้ตไว้ให้ด้วยรับรองว่ามีพอแน่ ๆ” โรสเดินนำเข้าบ้านด้วยท่าทางแข็งขัน “เรื่องห้องไม่ต้องห่วงฉันทำความสะอาดตลอดเพียงแต่ว่าหนุ่ม ๆ ต้องใส่ผ้าปูที่นอนเองนะจ๊ะเพราะเผอิญฉันเตรียมไว้ให้แค่เรนนี่กับดลเพราะไม่รู้ว่าพวกเธอจะมาด้วย”
เจคและเควินตอบอย่างสุภาพว่าไม่เป็นไรแล้วกล่าวขอบคุณหญิงอังกฤษ
“คุกกี้ของมาดามอร่อยอย่างนี้เลยดล รับรองว่าติดใจขอเบิ้ลแน่ ๆ” ฝนชูนิ้วโป้งให้หลานชาย
“น้ำหนักของน้าฝนเลยเพิ่มหลังกลับจากอังกฤษเพราะงี้สินะครับ” เขาแซวก่อนจะวิ่งหลบฝ่ามือของอีกฝ่ายที่จะตบลงมาพร้อมเสียงร้องว่าปากเสีย! ดังลั่น
ทางด้านสองหนุ่มที่ไม่รู้ภาษาไทยก็ได้แต่มองภาพน้าหลานวิ่งไล่กันที่สวนราวกับเด็ก ๆ ด้วยความขบขัน
“นี่คือเรนนี่คนนั้นของนายสินะเจค?” เควินหันไปถามเพื่อนขณะขนกระเป๋าเข้าไปในบ้านก่อน
“ใช่ คนนี้แหละ” หนุ่มชาวสิงคโปร์ยิ้มเศร้า ๆ พวกเขาขึ้นไปยังห้องที่มาดามโรสบอกให้ไปพัก เป็นห้องเล็ก ๆ ขนาดพอเหมาะสำหรับคนสองคนอยู่ได้โดยไม่อึดอัด ประกอบด้วยเตียงหลังเล็กแต่ยาวสองเตียง โต๊ะหนังสือสองโต๊ะ และตู้เสื้อผ้าสองตู้เท่านั้นโดยมาดามโรสบอกว่าจะนำผ้าปูที่นอนมาให้ทีหลังบนเตียงไม้จึงมีแต่ฟูกเปล่า ๆ ที่สีดูเก่า ๆ
ความลับที่มีน้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าเขาเคยแอบชอบหญิงสาวชาวไทยตอนมาเรียนต่อที่อังกฤษก่อนจะต้องพาหัวใจที่บอบช้ำกลับประเทศเมื่อฝนตัดสินใจคบหากับรุ่นพี่ชาวอังกฤษคนหนึ่งก่อนที่เขาจะได้สารภาพรักเสียอีก
“ไม่รู้ว่าจะยังคบกันอยู่รึเปล่านะ” เขาพึมพำกับตนเองแต่คนข้างกายกลับได้ยิน
“ก็ถามสิ ถ้ายังว่างก็ลุยจีบไปเลย” เควินยุเพื่อน
“จะดีเหรอ” เจคลังเล
“รึว่าจะรอให้ใครฉกไปก่อนอีกล่ะ อุตส่าห์ได้มาเจอกันทั้ง ๆ ที่แทบไม่มีโอกาสเลยแท้ ๆ ก็คว้ามันไปสิ” หนุ่มอเมริกันกล่าว “เผื่อจะได้ช่วยกันไว้”
เจคสะดุดกับประโยคหลังของเพื่อน เขาขมวดคิ้วเหลือบมอง “หมายความว่าไง?”
“ดลน่ารักดีนายว่าไหม?” เควินตอบด้วยประโยคคำถาม
“อย่าบอกนะว่า...” เจคตบหน้าผากตัวเอง เขาลืมไปได้ยังไงนะว่าเสป็คของเควินคือผู้ชายเอเชียหน้าตาท่าทางซื่อ ๆ แบบดลหลานของเรนนี่นี่แหละ!
“ใช่” เควินรับคำหน้าระรื่น
“อย่าได้ไหมเควิน ท่าทางของดลเขาไม่น่าจะใช่นะ” เจคพยายามห้ามเพื่อน เขากลัวว่าถ้าเกิดเจคไม่จริงจังแล้วทิ้งดลขึ้นมาเรนนี่จะพาลเกลียดเขาไปด้วย ดลเองก็ดูจะไม่ประสากับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ เขาไม่อยากให้เพื่อนทำเสียเด็ก
“แต่ถ้าเขาชอบฉันล่ะ?” ชายหนุ่มนึกถึงท่าทางขัดเขินของอีกฝ่ายตอนอยู่สนามบินและปฎิกิริยาทางเคมีระหว่างพวกเขา
“ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกที” เจคตัดบทแล้วเดินออกจากห้องนอนไป
สองน้าหลานหลังจากวิ่งไล่กันจนฝนเป็นฝ่ายวิ่งไม่ไหวก็หยุดพักก่อนจะเข้าบ้านไม่เห็นใครเธอจึงเดินไปห้องกินข้าวติดกัน เห็นมาดามโรสกำลังวางจานคุกกี้ลงบนโต๊ะไม้สำหรับกินข้าวสีน้ำตาลแก่ขนาดใหญ่สิบคนนั่งพอดี
“มัวแต่วิ่งเล่นกันหนุ่ม ๆ เขาก็เลยขึ้นห้องเก็บกระเป๋ากันหมดแล้วล่ะ เรนนี่พักห้องเดิมนะส่วนดลฉันจัดห้องฝั่งขวาให้” โรสกล่าว
ทั้งสองเอ่ยขอบคุณก่อนจะช่วยกันลากกระเป๋าหนักอึ้งของฝนขึ้นไปยังชั้นสองก่อน
“น้าฝนแบกอะไรมาเนี่ยหนักเป็นบ้าเลย” ชายหนุ่มบ่น
“ของจำเป็นทั้งนั้นแหละย่ะ อย่าบ่นมากน่า!”
เท่านั้นผู้เป็นหลานจึงปิดปากเงียบ เมื่อถึงห้องของหญิงสาวประตูห้องทางฝั่งซ้ายมือก็เปิดออกมาพอดี
“ห้องเดิมเลยเนอะเรนนี่” เจคยิ้มสดใส
“อื้ม นึกถึงเมื่อก่อนเลยเนอะ พวกเราชอบบังเอิญเปิดประตูมาเจอกันทุกที” ฝนส่งยิ้มตอบ
อันที่จริงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่ว่าหญิงสาวไม่รู้ว่าเจคน่ะรอจังหวะเปิดมาให้ได้เจอหน้าหวาน ๆ ของสาวไทยต่างหาก
“แล้วกระเป๋าของนายล่ะดล?” เควินเอ่ยทักเมื่อเห็นว่ามีเพียงกระเป๋าใบโตของฝนคนเดียว
“อยู่ข้างล่างครับ” ดลตอบ แอบอายกับสำเนียงไทยจ๋าของตัวเองหน่อย ๆ ในเมื่อมีคนสำเนียงดีสามคนมายืนใกล้ ๆ แบบนี้
“งั้นเราลงไปยกกระเป๋าของนายกัน ส่วนของเรนนี่ให้เจคเขาช่วยก็ได้” ไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้คิด เขาจับมือของดลลงบันไดไปทันทีทิ้งให้สองหนุ่มสาวยืนมองตาปริบ ๆ
“ผมเอาขึ้นไปเองก็ได้ครับเควิน” ดลบอกอย่างเกรงใจเมื่อร่างสูงคว้ากระเป๋าของเขาเดินขึ้นบันไดฉับ ๆ ราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักสักนิด
“ไม่เป็นไร นายพักห้องไหนล่ะ?” เควินตอบด้วยน้ำเสียงเรื่อย ๆ สบาย ๆ
“ห้องถัดจากเรนนี่ครับ” เขาเลือกเรียกชื่อน้าสาวอย่างที่เจคเรียกเพื่อความเข้าใจตรงกัน
“อืม” เควินทำเสียงรับรู้ ใจครุ่นคิดว่าจะจีบอีกฝ่ายดีหรือไม่ อันที่จริงตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากแค่แกล้งแหย่เพื่อนเล่นแต่พอเห็นท่าทางคัดค้านหัวชนฝาแบบนั้นก็ทำเอาฉุนอยากแกล้งขึ้นมาตะหงิด ๆ เสียแล้วสิแถม...ชายหนุ่มเหลือบมองคนด้านหลัง
...น่ารักดี...
แม้ว่าจะไม่ได้ดูหวานแต่ก็มีเค้าลางทำให้ดูอ่อนโยนมากกว่าคมเข้ม โครงหน้ารูปไข่ล้อมด้วยเส้นผมสีดำละเอียดตัดเป็นทรงซอยแบบเทรนด์เกาหลีดูนิ่มจนน่าจับว่าจะเหมือนกับขนของเจ้าเชอเชียร์แมวที่บ้านหรือไม่
“พวกนายคิดจะอยู่กันที่นี่กี่วันหรือ?” เขาตัดสินใจปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ บางทีเขาอาจจะอยากได้อีกฝ่ายมาเป็นน้องชายแทนก็ได้ใครจะรู้แต่ดูจากสัญชาตญาณความรู้สึกแล้ว...ท่าจะยาก ถ้าพี่น้องร่วมเตียงนี่ไม่แน่
“ประมาณสิบวันครับ” ดลตอบ
“อืม~ พวกฉันกะจะอยู่สักอาทิตย์เดียวเอง เสียดายจัง” เควินกล่าว ขณะที่ดลไม่ได้ตอบอะไร
“ขอบคุณครับ” หนุ่มผมดำเอ่ยเมื่อมาถึงหน้าห้องของเขา
“ไม่เป็นไร เอากระเป๋าไปวางแล้วลงไปทานคุกกี้กันดีกว่า เจ้าเจคอวดฉันนักหนาว่าอร่อยมากต้องลองลงไปพิสูจน์เสียหน่อย”
ดลหัวเราะ “เรนนี่ก็บอกกับผมเหมือนกันครับ”
“งั้นต้องยิ่งรีบลงไปใหญ่เลย ไม่งั้นสองคนนั้นอาจจะเผลอทานจนหมดแล้วก็ได้นะ” เควินขยิบตาทำเอานักศึกษาหนุ่มรู้สึกร้อนผ่าวที่หน้าขึ้นมา
“รอสักครู่นะครับ” หนุ่มไทยยกกระเป๋าผลุบหายเข้าไปในห้องไม่นานก่อนจะออกมาด้วยใบหน้าระเรื่อสดใส “ขอโทษที่ทำให้รอครับ”
“ไม่เป็นไร” เพียงมองก็รู้ว่าดลคงจะไปล้างหน้ามาเป็นแน่ ปอยผมด้านหน้ายังคงจับตัวเป็นก้อนเพราะน้ำอยู่เลย อืม แก้มแดงๆ เส้นผมเปียก...ก่อนที่ความคิดเจ้ากรรมจะเริ่มอกุศลไปไกลเสียงเรียกของอีกฝ่ายก็ปลุกชายหนุ่มจากภวังค์เสียก่อน
“ลงมาจนได้ มา ๆ สองคนนี้จะกินคุกกี้หมดจานแล้วนะเนี่ยรู้ไหม” โรสกวักมือเรียกเมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามา เธอนั่งอยู่ข้าง ๆ ฝนส่วนเจคอยู่ฝั่งตรงข้ามข้าง ๆ มีชั้นผ้าสีขาวพับเป็นระเบียบวางอยู่คาดเดาว่าน่าจะเป็นผ้าปูเตียงนั่นเอง ในมือของแขกทั้งสองมีคุกกี้อยู่ในมือทั้งคู่ กลางโต๊ะมีจานเซรามิกสีฟ้าใบใหญ่ใส่คุกกี้วางอยู่เหลือไม่ถึงสิบชิ้น
“กินไม่รอกันเลยนะ” เควินตบบ่านั่งข้างๆเพื่อนขณะที่ดลเดินไปนั่งข้าง ๆ น้าสาว
“เดี๋ยวฉันเอาคุกกี้มาเติมให้นะ น้ำชาล่ะพอไหม?” หญิงชาวอังกฤษกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“พอค่ะมาดาม” ฝนตอบหยิบกาน้ำชาทำจากกระเบื้องขาวลายดอกไม้สีชมพูมารินให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง
“อร่อยครับ” ดลที่หยิบคุกกี้ชิ้นใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นเด็กขึ้นมาชิมเอ่ยชม
“เป็นคุกกี้ข้าวโอ้ตที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยทานมาเลยครับมาดามโรส” เควินเสริม
“ขอบใจจ้ะ” เธออมยิ้มอย่างยินดี
“มาดามอยู่คนเดียวเหรอครับตอนนี้?” เจคเป็นผู้ถามขึ้น
“จ้ะ” หญิงชรามีสีหน้าเศร้าลงเล็กน้อย
“ขอโทษนะครับแต่ทำไมคุณถึงอยากจะขายบ้านหลังนี้ล่ะครับ?” หนุ่มอเมริกันถาม
“เควิน!” เจคอุทานเขาลืมบอกเหตุผลที่มาดามโรสอยากขายบ้านหลังนี้ทิ้งให้เพื่อนรู้เสียสนิท
“ไม่เป็นไรจ้ะเจค” โรสถอนหายใจ “วิลสามีของฉันเสียไปเมื่อเดือนก่อนจ้ะ ฉัน...ทนอยู่ในบ้านที่มีความทรงจำหลังนี้ไม่ได้ มันทรมานเกินไป”
ดลที่รู้เรื่องนี้จากน้าสาวอยู่แล้วเม้มริมฝีปาก เควินเอ่ยขอโทษเบา ๆ บรรยากาศเศร้าสร้อยเริ่มปกคลุมห้อง ทั้งเจคและฝนต่างตกอยู่ในความทรงจำในอดีตขณะที่เควินยังรู้สึกผิดอยู่ ในที่สุดหนุ่มไทยก็เป็นคนเอ่ยคนแรก
“ขอผมไปเคารพสุสานของเขาได้ไหมครับ?”
“ได้สิจ้ะ วิลคงดีใจที่มีคนมาเยี่ยม” โรสกล่าวยิ้ม ๆ
“งั้นบ่ายนี้พวกเราไปหาวิลกันก่อนแล้วกัน” ฝนเสนอ
“พวกเธอไปกันเองได้ไหม เผอิญเดี๋ยวจะมีช่างไฟมาซ่อมไฟในครัวตอนสองโมงน่ะจ้ะ” หญิงผมสีดอกเลาเอ่ยขอโทษทั้งสี่
“ได้ครับมาดาม” เจคตอบ
โรสบอกที่ตั้งของสุสานให้ทราบ ฝนเสนอให้ทุกคนพักผ่อนกันก่อนแล้วค่อยเจอกันตอนสิบเอ็ดโมงเพราะนี่เพิ่งจะเก้าโมงครึ่ง โดยมาเจอกันที่ห้องนั่งเล่น
เมื่อถึงห้องดลก็ล้มตัวลงนอนแผ่บนเตียงทันที จริง ๆ เขาทั้งง่วงทั้งเพลียอยากจะนอนพักแต่เพราะเป็นคนเอ่ยปากขอเลยไม่กล้าบอกใคร
“น้าฝนนี่สุดยอดเลยไม่มีเหนื่อยเลยรึไงน้า” เขาพึมพำ ชั่งใจว่าจะทำอะไรต่อไปดีแต่สุดท้ายร่างกายก็ทนฝืนไม่ไหวผล็อยหลับไปเสียอย่างนั้น
ทางด้านของเควินเองก็โดนเพื่อนซักเรื่องของดลเช่นกัน หนุ่มสิงคโปร์นั่งที่โต๊ะหนังสือขณะที่เควินนั่งพิงอยู่บนเตียงมือประสานไว้ที่ตัก
“ตกลงว่านายจะจีบดลจริงน่ะเหรอเควิน?”
“ทำไมล่ะ ตอนนี้ฉันก็โสดดลก็โสดไม่เห็นเป็นไร”
เจคเลิกคิ้ว “นายถามเขาแล้ว?”
“เปล่า”
นั่นปะไร! หนุ่มผมดำส่ายหน้าถอนหายใจ
“นายคิดจะทำอะไรกันเควิน นั่นหลานของเรนนี่นะ”
“แล้วไง? เขาอายุยี่สิบแล้วนะเจคไม่ใช่เด็ก ๆ”
“พนันกันไหมล่ะว่าเขายังเป็นเด็กจริง ๆ” จากที่คุยกันมาทำให้เจครู้สึกว่าดลนั้นยังดูอ่อนต่อโลกอยู่มาก ยิ่งเป็นหลานของหญิงที่ชอบทำให้เขายิ่งเกิดความรู้สึกเอ็นดูและต้องการปกป้อง
“นายก็จีบเรนนี่ไปส่วนฉันก็จะคอยกันดลแยกออกมาไม่ดีหรือไง?” เควินย้อน
คราวนี้หนุ่มสิงคโปร์ถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย
“มันคนละเรื่องกัน...”
“คนละเรื่องตรงไหนกัน ถ้าเกิดว่าเด็กมันไม่เล่นด้วยฉันสัญญาว่าจะไม่ฝืนใจมอมเหล้าเขาน่า” เควินยักไหล่ มือประสานกันเหนือศีรษะพิงพนักเตียง
“เออ” เจคถอนหายใจ “อย่างน้อยก็ให้แน่ใจก่อนเถอะว่าดลเขาเป็นเกย์เหมือนนายหรือเปล่า”
หนุ่มนัยน์ตาสีเทาหัวเราะ “พนันกันไหมล่ะว่าเขาใช่!”
ใช่...ดลเป็นเกย์ นั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทางบ้านของดลและฝนตัดสินใจให้เดินทางกันสองต่อสองได้ จริงอยู่ว่าทั้งสองเป็นญาติกันแต่จริง ๆ แล้วดลเป็นลูกติดมาจากทางสามีของน้ำพี่สาวของฝนดังนั้นตามหลักแล้วทั้งสองจึงไม่มีความผูกพันทางสายเลือดกันเลย
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่นัดกันสองหนุ่มจึงชักชวนลงไปข้างล่าง
“เอ ทำไมดลถึงยังไม่ลงมาล่ะเนี่ย” หญิงสาวบ่นเมื่อเห็นว่าทุกคนมาครบแล้วยกเว้นแต่หลานชายตนเองคนเดียว
“เดี๋ยวผมขึ้นไปตามให้เอง” เควินเสนอตัว
“ขอบคุณค่ะ” ฝนกล่าว
ชายหนุ่มเคาะประตูสองทีแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมาเขาจึงลองเคาะให้แรงขึ้นแล้วเรียกชื่อของดลอีกครั้ง...ได้ผล หนุ่มไทยเดินสะลึมสะลือมาเปิดประตูกล่าวว่า
“แป๊บนึงนะ” แล้วปิดประตูไป
เควินยืนเอ๋ออยู่หน้าห้องเล็กน้อยเพราะที่ดลพูดมาเมื่อครู่น่ะเป็นภาษาไทยแล้วเขาจะฟังออกได้ยังไงล่ะ!
“เอ่อ ขอโทษที่ทำให้รอครับ” หลังจากไปล้างหน้ามา ปรับสติสตังเปิดโหมดภาษาต่างประเทศเรียบร้อย ใบหน้าระเรื่อทั้งจากความร้อนของน้ำและความเขินอายของดลก็ค่อย ๆ โผล่ออกมาจากหลังประตู
“ไม่เป็นไร เจคกับเรนนี่รอพวกเราอยู่ข้างล่างแหนะ” หนุ่มอเมริกันกล่าวอย่างไม่ถือสา
“ครับ...”
TBC.
*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
ทิพย์โมบอร์ดนิยาย