[เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องยาว] Dear, My customer. รักลับๆ ของช่างตัดเสื้อ บทที่53 (จบ)p.24(6/1/63)  (อ่าน 98827 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
แมกซ์เอ๋ย จีบสาวแบบนี้ใครจะกล้าคุยด้วย

ศักดิ์ฐานะสูงก็เงื่อนไขเยอะเนอะ

อยากรู้ว่ากอร์ดอนเป็นอย่างไรบ้าง

ไม่ได้เงื่อนไขเยอะหรอกค่ะ นางซื่อบื้อ ฮ่าๆๆๆ

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
จีบได้คุกคามมากอะ 555555555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
แอนนาเบล เป็นอะไรมากกว่าครูสอนดนตรีหรือเปล่า
นางเก่งมาก สามารถอยู่ได้ตามลำพัง ใจแข็งด้วย
ไม่สนใจ ยศฐาบรรดาศักดิ์เลย

อุปนิสัยของคนต่างกันไปแต่ละคน
ลอร์ดแมกซ์ ก็เช่นกัน
แม้ดูเงียบขรึม เย็นชา พูดตรงๆ เหมือนคุกคาม
แต่คนอย่างนี้รักใครรักจริง ซื่อสัตย์ เอาใจช่วยแมกซ์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แมกซ์เป็นผู้ชายแบบที่เราชอบมากกกก ในเรื่องนอกจากกอร์ดอนก็มีแมกซ์นี่แหละที่รู้สึกว่าน่าคบจัง แต่คนแบบนี้ส่วนใหญ่จะนก แต่แมกซ์ไม่น่าจะนกหรอก ผู้ชายแบบนี้ต้องเจอผู้หญิงแบบแอนนี่แหละนะ ถึงจะคู่ควร


แอบกลัวคำพูดของลอร์ดบาธนิดหน่อย ไม่มีอะไรที่ได้อย่างใจไปซะหมดจริงๆนั่นแหละ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ลอร์ดแมกซ์ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัดอีกนะคะ
จีบหญิงได้ทื่อทึ่มสุดๆ
แต่ก็แอบได้ใจสาวล่ะนะ55555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ u_cosmos

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
ความตรงแด่วแน่วแน่ของลอร์ดแมกซ์น่าจะทำให้จีบแอนนาเบลได้ไม่ยาก เพราะแอนคงจะเจอผู้ชายมาจีบเยอะ แต่ตรงๆแบบนี้น่าจะมีไม่มาก

เห็นชื่อจอห์นนี่ทีไรรู้สึกหวานปนขมแปลกๆ
เห็นอุปสรรครำไร แล้วนี่รักกันมากทั้งคู่ด้วย
โอยยยย หวาดระแวงประหนึ่งเป็นตัวเราเสียเอง


ปล.แอบหลงรักลอร์ดจอร์จ เป็นผู้ชายที่น่ารักมาก จากเสือร้ายกลายเป็นลูกแมวเหมียว >< เค้าอยากมีน้องชายแบบนี้

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่30 ผิดหวัง

                วันรุ่งขึ้น กอร์ดอนมีอันต้องต้อนรับสุภาพบุรุษที่ไม่ได้มาตัดเสื้อที่ร้านเขา ลอร์ดจอร์จ เฟลตันโผล่มาที่ร้านกอร์ดอน เทเลอร์ก่อนเวลาน้ำชาเล็กน้อย ด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังอย่างที่สุด

                “กอร์ดอน นายรู้เรื่องแมกซ์แล้วหรือยัง?”

                “ลอร์ดแมกซ์ทำไมหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความสงสัย มิสซิสมาร์ธายกน้ำชากับของว่างมาวางให้พวกเขา

                “ขอบใจ โอ้ นี่ถ้วยชาที่จอห์นนี่ซื้อให้นายหรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันอุทาน “ว้าว สวยเหลือเชื่อ ไม่น่าเชื่อว่าเขาเป็นคนเลือกเอง” พูดจบเขาก็หัวเราะ กอร์ดอนมองฝ่ายนั้นอย่างสงสัยใคร่รู้

                “ตะกี้คุณพูดถึงลอร์ดแมกซ์ เขามีเรื่องอะไรหรือครับ?”

                “อ้อ เขาไม่มีเรื่องอะไรหรอก” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะเทนมลงไปในน้ำชา ใช้ช้อนคน แล้วยกขึ้นจิบ “ชาหอมดี ตะกี้ถึงไหนแล้วนะ?”

                “คุณกำลังพูดถึงเรื่องลอร์ดแมกซ์อยู่ครับ”

                “อ้อ ใช่ เมื่อวานเขาเชิญมิสเฮเก้นต์ไปกินมื้อเย็นที่เดอะ แกรนด์”

                “โอ...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันใช้ดวงตาสีม่วงจ้องอากัปกิริยาของช่างตัดเสื้อ “นายยังหึงเธออยู่หรือ?”

                กอร์ดอนสั่นศีรษะ “เปล่าครับ แต่ผมรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย คือผมไม่คิดว่าเขาจะเชิญเธอไปกินมื้อเย็นด้วยกัน”

                อีกฝ่ายผงกศีรษะ “ฉันก็เหมือนกัน ฉันเพิ่งพบเธอครั้งแรกเมื่อวานนี้ เธออาจจะไม่ใช่สาวสวยที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น แต่ฉันก็ไม่ปฏิเสธว่าบุคลิกและท่าทางของเธอน่าสนใจมาก เธอดู... ลึกลับอยู่หน่อยๆ”

                “พวกคุณไปด้วยกันหรือครับ?”

                “ใช่ เราสามคน จอห์นนี่ด้วย”

                “อา...”

                “คือเราไม่ได้ตั้งใจจะไปขัดคออะไรแมกซ์หรอกนะ” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันแก้ตัว “เราคิดว่าเธอคงไม่มาตามนัด เลยตั้งใจจะไปกินมื้อเย็นเป็นเพื่อนเขาเพื่อไม่ให้เขาต้องโดดเดี่ยวเปลี่ยวเอกา นายก็รู้ว่าวิธีการมีปฏิสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าของแมกซ์ค่อนข้างมีปัญหานิดหน่อย”

                “.....”

                “เขาค่อนข้างเป็นคนตรงไปตรงมา อันที่จริงแล้วฉันกล้าพูดว่าเขาตรงไปตรงมาเกินไปจนดูน่ากลัวในสายตาคนนอก และดูน่าสงสารในสายตาของเพื่อนเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “ฉันกับจอห์นนี่เคยคิดว่า ถ้าแมกซ์จะจีบผู้หญิงสักคน เขาคงจะประสบความสำเร็จในการขู่ให้เธอกลัว มากกว่าที่จะทำให้เธอประทับใจ เราคิดว่าเขาคงจะได้แต่งงานกับเลดี้โชคร้ายสักคนที่ไม่มีทางเลือกถึงต้องมาเป็นภรรยาของเขา ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนไม่ดีหรอกนะ แต่คงไม่มีผู้หญิงคนไหนทนความเถรตรงและทื่อมะลื่อของเขาได้หรอก”

                เขาเว้นจังหวะและจิบชาอีกครั้ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองช่างตัดเสื้อ “ฉันไม่ได้มานี่เพื่อจะนินทาเพื่อนตัวเอง แต่ฉันจะมาขอให้นายช่วย มิสเฮเก้นต์เป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก เธอไม่กลัวแมกซ์ ไม่แสดงท่าทางขยาดหรือไม่อยากเข้าใกล้เขาอย่างผู้หญิงคนอื่นๆ เธอมองเขาด้วยสายตาที่อ่อนโยนและเป็นมิตร ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมากสำหรับผู้หญิงที่ได้พบผู้ชายซึ่งเอาแต่ถามประวัติของเธอเหมือนตำรวจ ฉันพอเข้าใจแล้วว่าทำไมนายกับเขาถึงได้ตกหลุมรักเธอ”

                “อ้อ ครับ... เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น” กอร์ดอนพูดพลางยิ้ม “จนถึงตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกชอบเธอมาก”

                “อืม... ฉันไม่รู้ว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้นบ้างระหว่างพวกเขา เพราะจอห์นนี่สะกิดให้ฉันออกมาก่อน แต่ฉันอยากให้นายช่วยแมกซ์ ด้วยวิธีไหนก็ได้ ให้เขาน่าสนใจในสายตามิสเฮเก้นต์มากขึ้น นายอาจจะเล่าเรื่องดีๆ ของเขาให้เธอฟัง อืม... ไม่รู้สิ จัดการตามที่นายเห็นสะดวกเลย ฉันอยากให้พวกเขาได้ลองคบหากัน เธอน่าจะเข้ากับแมกซ์ได้ดี”

                กอร์ดอนพยักหน้า “ผมจะลองดูครับ พักนี้ผมไม่ค่อยได้ออกไปดื่มเลย”

                “ฉันรู้ว่านายงานยุ่งมาก จอห์นนี่ก็บอกไว้แบบนั้น แต่... ฝากด้วยนะ และไม่ต้องบอกจอห์นนี่ว่าฉันมาขอร้องนายล่ะ เขาคงได้บีบคอฉันแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า ก่อนจะดื่มชาจนหมดถ้วย แล้วลุกขึ้น “ชาอร่อยมาก ขอบใจกอร์ดอน ฉันไปก่อนล่ะ”

                “ครับ โชคดีครับ”

-------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์แต่งตัวด้วยชุดทักซิโดส์ตัวหรู สวมหมวกทรงสูงและถือไม้เท้าที่มีหัวทำจากทองคำฝังบุษราคัมล้อมด้วยเพชรหนักห้าสิบกะรัต ทันทีที่ก้าวลงจากรถม้า ผู้จัดการเดอะ แกรนด์ก็รีบวิ่งมาต้อนรับเขาทันที

                 “วันนี้ผมมีแขกสำคัญ พวกเขาจะมาพร้อมจดหมายเชิญ ผมอยากให้คุณจัดห้องส่วนตัว สำรับสำหรับสามที่ และเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เข้าใจใช่ไหม?”

                “ครับ วางใจได้เลยครับท่านลอร์ด เรารักษาความลับลูกค้าเสมอ” ผู้จัดการภัตตาคารที่มีชั้นบนเป็นโรงแรมหรูบอกเขา ก่อนจะเดินนำท่านเอิร์ลไปยังห้องรับประทานอาหารที่ถูกจัดแยกไว้ต่างหาก พนักงานเลิกม่านลง ขณะที่ลอร์ดหนุ่มนั่งลงบนโต๊ะยาวด้านใน ช้อนส้อมและจานถูกนำออกจนเหลือเพียงสามที่ ไวน์ขาวสำหรับดื่มก่อนมื้ออาหารถูกนำมาเสิร์ฟ

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์จิบไวน์พลางนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นภายในสัปดาห์ที่ผ่านมา และเรื่องที่เขาควรจะทำต่อไป หลังจากนั้นอีกราวสิบห้านาที เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน ก็ปรากฏตัวขึ้น เธอสวมชุดกระโปรงสีน้ำตาล และสวมหมวกที่มีตาข่ายคลุมหน้า ที่มาด้วยกันคือชายหนุ่มอายุราวสามสิบเศษ รูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำสนิท ดวงตาเป็นสีน้ำตาลเข้ม เขาสวมทักซิโดส์ที่ตัดเย็บมาเป็นอย่างดี และห้อยสายนาฬิกาที่ทำจากทองคำเส้นเล็กๆ ถือไม้เท้าที่มีหัวทำจากเงินดุนลาย

                ทั้งสองโค้งให้ลอร์ดหนุ่ม ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะเชิญให้พวกเขานั่งลง

                “สายัณห์สวัสดิ์”

                “สายัณห์สวัสดิ์” ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นต่อ

                “จอห์น นี่เบนจามินค่ะ”

                “เบนจามิน ดอว์สันครับ” ฝ่ายนั้นพูดพลางส่งยิ้มอย่างเป็นมิตรให้เขา เบนจามิน ดอว์สันดูเป็นผู้ชายท่าทางอบอุ่นและอ่อนโยน ในความคิดแรกเมื่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้เห็นเขา แต่ภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั้นมีบางอย่างที่ทำให้ลอร์ดหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจ ถึงอย่างนั้นเขาก็คลี่ยิ้มตอบไป

                “ผมคือลอร์ดโทรว์บริดจ์ แคทเธอรีนคงเคยเล่าเรื่องผมให้คุณฟังบ้างแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ขณะบริกรนำไวน์ขาวมารินให้ผู้มาใหม่ทั้งสอง

                “ครับ เธอชื่นชมคุณมากทีเดียว” มิสเตอร์ดอว์สันพยักหน้า “ผมเองมีโอกาสได้ไปดูการชกมวยของคุณเมื่อเดือนก่อนด้วย น่าประทับใจมากครับ”

                “งั้นหรือ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยกริมฝีปากเล็กน้อย อีกฝ่ายพูดขึ้นต่อ

                “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่คุณให้เกียรติเชิญพวกเรามาที่นี่ในวันนี้”

                “ผมก็ดีใจที่คุณมา” ลอร์ดหนุ่มว่า “ผมถามได้ไหมว่าพวกคุณพบกันที่ไหน?”

                “บนเรือครับ” มิสเตอร์ดอว์สันตอบเขา ก่อนจะหันหน้าไปหาเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน “เราเจอกันบนเรือ ตอนที่เธอนั่งกลับมาจากกรีซเมื่อหกเดือนก่อน เราสนิทกันอย่างรวดเร็วมาก แคทเธอรีนเป็นสุภาพสตรีที่น่ารักจับใจผมมาก”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนยิ้มให้เขาอย่างเขินอาย ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “อืม... แต่ดูแล้วคุณไม่เหมือนคนกรีกเลยนะ สำเนียงคุณเหมือนคนอเมริกัน”

                “อ้อ ครับ ผมเป็นคนอเมริกัน ผมไปทำธุรกิจที่กรีซ เราต้องมองการการลงทุนใหม่ๆ เสมอ คุณคิดว่างั้นไหมครับ?”

                “อ้อ ใช่ ผมเองก็มีเพื่อนคนหนึ่งชอบทำธุรกิจเหมือนกัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ว่าแต่คุณอยู่เมืองไหนหรือ? ที่อเมริกาน่ะ?”

                “ชิคาโก้ครับ คุณคงแปลกใจว่าทำไมผมไม่ทำธุรกิจอยู่ที่นั่น” มิสเตอร์ดอว์สันพูดต่อ “ที่นั่นมีแต่พวกอันธพาล ผมคิดว่าการออกมาหาโอกาสนอกประเทศปลอดภัยและน่าสนใจกว่า”

                “อืม... ผมเห็นด้วยว่าชิคาโก้เต็มไปด้วยอันธพาล” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “คุณเกิดและโตที่นั่นเลยหรือ?”

                “ครับ คุณเองก็เคยไปอเมริกาเหมือนกันใช่ไหมครับ”

                “ใช่ ผมเพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่เดือนนี่เอง อาผมทำเหมืองอยู่ที่นั่น” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “คุณล่ะ ตอนนี้ทำธุรกิจอะไรอยู่”

                “เกี่ยวกับการซื้อขายทองคำครับ เราเรียกมันว่าอนุพันธ์” มิสเตอร์ดอว์สันอธิบาย “มันเป็นการซื้อขายราคาทองคำล่วงหน้า ไม่ใช่ตัวทองคำจริงๆ คุณก็ทราบว่าช่วงนี้สถานการณ์ทางการเมืองไม่ค่อยมั่นคง ทองคำจึงเป็นที่จับตามองมาก”

                “อืม ผมเคยได้ยินเพื่อนที่ทำธนาคารพูดถึงเรื่องอนุพันธ์อยู่เหมือนกัน ท่าทางคุณเป็นคนชอบเสี่ยงโชคเสี่ยงดวงนะ”

                อีกฝ่ายหัวเราะเขินๆ “ผู้ชายอย่างเราก็ต้องเสี่ยงเป็นธรรมดานั่นแหละครับ ไม่งั้นก็คงไม่มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น”

                “จริงของคุณ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า เขาหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา “ขอดื่มให้กับการพบกันครั้งแรกของเรา มิสเตอร์ดอว์สัน ผมหวังว่าธุรกิจของคุณคงจะรุ่งเรืองและมั่นคงได้ในเร็ววัน หากมีอะไรที่ผมช่วยได้ขอให้บอกแล้วกัน ผมอยากให้แคทเธอรีนมีความสุข เธอเป็นเพื่อนที่ดีของผม”

                เลดี้แคทเธอรีน แบรนดอนคลี่ยิ้ม “ขอบคุณค่ะจอห์น”

                “เช่นกันครับท่านลอร์ด”

---------------------------------------

                พวกเขากินมื้อค่ำ ดื่มไวน์หลังอาหาร และคุยเรื่องสัพเพเหระอยู่จนเกือบสามทุ่ม จึงแยกย้ายกันกลับ ขากลับลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่งให้โอลิเวอร์ขับรถม้าไปยังคฤหาสน์สามเส้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์

                “ผมคิดว่าคุณจะแวะที่ร้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเสียอีก” โอลิเวอร์พูดพลางยิ้ม ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่

                “ฉันอยากแวะหรอก แต่ฉันมีเรื่องสำคัญต้องคุยกับแมกซ์ตอนนี้เลย”

                “ตกลงครับ”

                คฤหาสน์สามเส้าดูวังเวงเมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดของยามค่ำคืน รถม้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์แล่นผ่านประตูรั้ว พุ่มไม้เขาวงกตที่รายล้อมอยู่รอบๆ ดูสูงและดำทะมึนเหมือนกำแพง คบไฟถูกจุดไว้เป็นระยะ เมื่อถึงด้านหน้าคฤหาสน์ เขาก็พบว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยืนรออยู่แล้ว

                “โอ... แมกซ์ นายกำลังซ้อมดาบอยู่หรือ?” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถามขึ้นทันทีหลังลงจากรถม้า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า

                “ใช่ ฉันกำลังช่วยคนสวนแต่งทรงพุ่มไม้อยู่”

                เขาพูดจบก็บุ้ยหน้าไปยังต้นไม้ที่อยู่ในกระถาง ซึ่งบัดนี้ทรงพุ่มของมันถูกแต่งให้เป็นทรงครึ่งวงกลมสวยงาม ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม

                “นายเป็นคนสวนที่ไม่เลวเลย”

                “ว่าแต่นายเถอะ มาทำอะไรที่นี่ป่านนี้ นี่มันสามทุ่มกว่าแล้วนะ” เขาเก็บดาบ พลางล้วงนาฬิกาพกออกมาดู ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถอนหายใจ

                “ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วย ฉันรู้สึกว่าต้องพูดเรื่องนี้กับนายเดี๋ยวนี้เลย”

                “นายมาจากไหน?” อีกฝ่ายถาม พลางเดินนำเพื่อนเข้าไปในคฤหาสน์ “นายแต่งตัวเป็นทางการมาก นัดกินข้าวกับผู้ใหญ่มาหรือ?”

                “เปล่า” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ปฏิเสธ เขาส่งโอเวอร์โค้ทให้คนรับใช้เอาไปแขวน “ฉันเพิ่งกลับจากกินมื้อเย็นกับแคทเธอรีนและคนรักของเธอ”

                “หา?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าประหลาดใจ “คนรักของแคทเธอรีน?”

                “ใช่” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “แคทเธอรีนมีคนรักอยู่แล้ว และฉันขอให้เธอพาเขามาพบฉัน”

                “โอ... ทำไมล่ะ? คนรักของเธอเกี่ยวอะไรกับนาย”

                “ฉันอยากจะส่งเสริมพวกเขา” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า พวกเขานั่งลงบนเก้าอี้รับแขกภายในห้องรับแขกเล็กของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ แม้แต่ในช่วงเวลาที่อยู่คฤหาสน์เพียงคนเดียว ลอร์ดหนุ่มก็ยังเคยชินกับการใช้ห้องเล็กเสมอ

                “แคทเธอรีนเป็นเพื่อนที่ดีกับฉัน ฉันอยากช่วยเธอ แต่คนรักของเธอเป็นคนสามัญธรรมดา เขาเป็นชาวอเมริกัน”

                “อ้อ... พ่อแม่เธอคงไม่ปลื้มเท่าไหร่” อีกฝ่ายพูดต่อให้ “เขามีหน้าที่การงานเป็นหลักเป็นเรื่องไหม?”

                “นั่นแหละที่ฉันอยากให้นายช่วยสืบ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันเพิ่งได้คุยกับเขา ดูเผินๆ แล้วเขาดูเป็นคนดีน่าเชื่อถือทีเดียว เป็นผู้ชายในแบบที่ผู้หญิงจะต้องหลงรัก หน้าตาดี มีมารยาท สายตาเรียบร้อยไม่กะลิ้มกะเหลี่ย รู้จักเจรจาพาที ฉันค่อนข้างประทับใจเขา แต่มีบางอย่างที่ฉันไม่ค่อยสบายใจนัก เขาชื่อเบนจามิน ดอว์สัน พักอยู่ที่โรงแรมคาเฟอร์เทีย ใกล้กับสถานีคิงครอส”

                “ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องตรวจสอบเขาดู” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “สัญชาตญาณการมองคนของนายมักจะเชื่อถือได้เสมอ ไมกี้ยังเคยพูดกับฉันว่า ถ้านายมาทำงานร่วมกันกับเรา พ่อคงปลื้มใจมาก”

                “โอ... ฉันไม่ปลื้มงานของพ่อนายหรอก เขาเองก็ไม่ค่อยปลื้มฉันด้วย” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ก่อนจะพูดต่อ “แล้วเรื่องนายกับมิสเฮเก้นต์เป็นไงบ้าง?”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มีสีหน้าลำบากใจ “คือ... ฉันไม่ค่อยเข้าใจเธอเท่าไหร่?”

                “อ้าว ทำไมล่ะ? เธอไม่เล่นด้วยกับนายหรือ?”

                “ไม่เชิงหรอก” อีกฝ่ายตอบเขา “เธอไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจฉัน ไม่ได้แสดงอาการไม่ชอบใจ แต่เธอไม่ยอมเปิดช่องให้ฉันสานความสัมพันธ์ต่อ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้าเพื่อนรัก ก่อนจะยกมือตบไหล่เป็นเชิงปลอบใจ “เธออาจจะพยายามปฏิเสธนายอ้อมๆ ก็ได้”

                “โอ... งั้นคงเป็นการปฏิเสธที่สุภาพนุ่มนวลมากเท่าที่ฉันเคยได้รับมา” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “แต่ฉันไม่คิดว่าเธอปฏิเสธหรอก”

                “อืม... แล้วนายจะทำไงต่อ?”

                อีกฝ่ายเม้มปาก “ฉันจะไปพบเธอที่คฤหาสน์ของลอร์ดวู้ดฟอร์ด อย่างน้อยๆ แม้เธอจะไม่มีใจให้ฉันเลย แต่โรเบิร์ตและพ่อของเขาควรจะได้รู้ว่าเธอเป็นคนรู้จักของฉัน”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า “การไปของนายก็เป็นการปกป้องเธอ ฉันเห็นด้วยว่ามิสเฮเก้นต์ดีเกินกว่าจะตกเป็นเหยื่อของผู้ชายอย่างโรเบิร์ต อันที่จริงแล้ว นายควรจะสืบเรื่องของเธอด้วย”

                “โอ... ฉันไม่อยากจะใช้คนสืบเรื่องของผู้หญิงที่ตัวเองสนใจหรอก” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ “ฉันอยากจะสืบเรื่องเธอด้วยตัวเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยิ้มให้เพื่อนของเขา “อย่างนั้นนายคงต้องพยายามหน่อย ระวังอย่าให้เธอรู้สึกว่านายกำลังคุกคามเธอก็พอ”

                “ฉันจะพยายาม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า

-------------------------------------

                วันรุ่งขึ้น ราวบ่ายสองโมง เดอะ เรด ชิมนีย์ ก็มีโอกาสได้ต้อนรับแขกที่ไม่คาดคิด ลอร์ดวู้ดฟอร์ดมีสีหน้าประหลาดใจระคนตกใจมาก เมื่อเห็นรถม้าคันใหญ่ที่มีตราของคฤหาสน์สามเส้าแล่นเข้ามาในอาณาบริเวณของเขา

                “สวัสดีตอนบ่ายครับ ท่านลอร์ด คุณมีเรื่องอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?” ไวส์เคาน์แห่งวู้ดฟอร์ดเดินเข้ามาพบแขกของเขาที่ห้องรับแขก และพูดด้วยท่าทางติดจะเป็นกังวลเล็กน้อย เขาเป็นชายวัยราวห้าสิบเศษ รูปร่างเล็ก ผมสีน้ำตาลอ่อน ไว้หนวด และแต่งตัวดีเฉกเช่นที่ขุนนางควรจะทำ

                “ผมแวะมาเยี่ยมโรเบิร์ต ช่วงนี้เขาเป็นไงบ้าง?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาสวมเสื้อสูทสีน้ำตาลเข้ม สวมหมวกฮอมเบิร์กสีน้ำตาล และถือไม้เท้าที่มีหัวทำจากอำพันก้อนเดียวกับที่ลอร์ดฟาริงดอนได้ให้เขาเอาไว้

                “เขาทำตัวดีขึ้นมากครับ เรื่องเมื่อคราวก่อนทำให้เขาเข็ดหลาบ” ลอร์ดวู้ดฟอร์ดรีบกล่าว “ผมแน่ใจว่าเขาจะไม่ทำเรื่องลำบากอีก แน่นอนว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้น”

                “แล้วเขาอยู่ไหนล่ะ?”

                “เขาไม่อยู่หรอกครับ ผมเพิ่งใช้ให้เขาออกไปธุระ”

                “งั้นหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยักหน้า เขากวาดตาสีฟ้าซีดมองลอร์ดวู้ดฟอร์ดรอบหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ “เพื่อนผมคนหนึ่งทำงานที่นี่ คุณคงรู้จักเธอ มิสเฮเก้นต์”

                ลอร์ดวู้ดฟอร์ดเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะรีบพยักหน้า “อ้อ ครับ เธอเป็นครูสอนดนตรีที่น่ารักมาก ลูกสาวผมติดเธอแจทีเดียว”

                “ลูกสาวคุณคงโตขึ้นเยอะแล้วจากที่ผมเคยมาเยี่ยมเมื่อคราวก่อน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า เขาวางไม้เท้าเอาไว้ข้างตัว และลอร์ดวู้ดฟอร์ดก็เอาแต่จับจ้องมันอยู่ตลอดเวลา

                “คุณมีปัญหาอะไรกับไม้เท้าผมหรือ?”

                คนถูกถามรีบสั่นศีรษะ “เปล่าครับ ผมแค่แปลกใจที่คุณเปลี่ยนไม้เท้าใหม่”

                “อ้อ ใช่ มันเป็นของขวัญ จากพี่ชายผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “เขากลับมาแล้ว”

                “โอ ครับ ผมยินดีที่เขากลับมาลอนดอนอีกครั้ง” ลอร์ดวู้ดฟอร์ดว่า ด้วยท่าทางพยายามปั้นสีเต็มที่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องเขา

                “ผมผิดหวังมากที่ไม่ได้พบโรเบิร์ตอย่างที่ตั้งใจ คุณคงไม่มีปัญหาอะไรที่จะบอกเขาถึงการมาเยี่ยมเยียนของผม และแน่นอนว่าผมจะหาโอกาสมาพบเขาอีก”

                “โอ แน่นอนครับ ผมแน่ใจว่าเขาคงยินดีที่จะพบคุณ” ลอร์ดวู้ดฟอร์ดว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เหลือบดูนาฬิกาเรือนใหญ่ที่ตั้งอยู่ในห้อง

                “มิสเฮเก้นต์จะเลิกงานกี่โมง มันคงดีกว่าถ้าผมจะรับตัวเธอกลับไปเลย ผมมีเรื่องต้องคุยกับเธอสักเล็กน้อย”

                ลอร์ดวู้ดฟอร์ดมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด “เธอเลิกงานสี่โมงครับ ผมไม่ทราบมาก่อนว่าเธอเป็นเพื่อนกับคุณ แต่ผมขอยืนยันว่าเบอร์ตี้... เอ่อ... โรเบิร์ตลูกผม ได้ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองใหม่แล้วตั้งแต่เรื่องครั้งนั้น”

                “ผมคิดว่าเวลาจะพิสูจน์เรื่องที่คุณพูดได้ดีที่สุด”

----------------------------------------------

                มิสเฮเก้นต์มีสีหน้าแปลกใจมากเมื่อเห็นลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์รออยู่ที่ห้องรับแขก

                “โอ... ดูว์เมอรี่บอกดิฉันว่ามีเพื่อนมารอพบ ดิฉันไม่คิดว่า...”

                “อืม... ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกคุณล่วงหน้า” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “พอดีผมมีธุระจะต้องคุยกับคุณ”

                “งั้นหรือคะ...”

                “มันคงจะสะดวกกว่า ถ้าเราคุยเรื่องนี้กันบนรถของผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นต่อ ก่อนจะผุดลุกขึ้น เขาโค้งให้ลอร์ดวู้ดฟอร์ด “ผมคงต้องขอตัว”

                “เชิญเลยครับ”

                มิสเฮเก้นต์เดินตามหลังลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ออกมาจากคฤหาสน์ เดอะ เรด ชิมนีย์ โดยมีลอร์ดวู้ดฟอร์ดตามมาส่งตามมารยาท ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สั่งให้คนขับรถเปิดประทุนรถม้าออก แล้วเชิญมิสเฮเก้นต์ขึ้นไปนั่ง

                “คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือคะ?” หญิงสาวถามขึ้นหลังจากรถม้าแล่นออกมาแล้ว ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอ ก่อนจะสั่นศีรษะ

                “เปล่า ผมอ้างไปแบบนั้น เพราะนึกเหตุผลอื่นที่จะดึงตัวคุณมาไม่ออกน่ะ”

                “โอ...” มิสเฮเก้นต์มองเขาอย่างพิศวง ก่อนจะหัวเราะ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ขยับตัวอย่างประหม่า

                “อันที่จริงผมตั้งใจจะมาพบโรเบิร์ต แต่แย่หน่อยที่เขาไม่อยู่”

                “งั้นหรือคะ” มิสเฮเก้นต์ยิ้มออกมา “คิดว่าคุณตั้งใจจะมาพบดิฉันเสียอีก”

                “นั่นก็ด้วย!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์โพล่ง ก่อนจะรีบพูดต่อ “คืออันที่จริงผมคิดว่าไหนๆ ก็มาแล้ว รอพบคุณเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว”

                มิสเฮเก้นต์มองเขาอึดใจใหญ่ “คุณกับมิสเตอร์เดอ เนเลีย มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีต่อกันนักหรือคะ?”

                “เปล่า” อีกฝ่ายปฏิเสธ “ผมกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันเลย ไม่ใช่ทั้งมิตร ไม่ใช่ทั้งศัตรู”

                “คุณไม่ได้รู้จักกับเขาเป็นการส่วนตัวหรือคะ?”

                “ไม่ ผมรู้จักกับเขาในระดับที่ผมควรรู้จักเท่านั้น” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบ ก่อนจะพูดต่อ “เราอย่าคุยถึงเรื่องเขาเลย เขาไม่ใช่ผู้ชายที่มีส่วนดีอะไรให้น่าพูดถึงนักหรอก”

                มิสเฮเก้นต์หัวเราะชอบใจ “จริงของคุณค่ะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอ หัวใจของเขาพองโตเมื่อเห็นว่าเธอกำลังยิ้มและหัวเราะให้เขา

                “มิสเฮเก้นต์ คุณรังเกียจผมไหม?”

                “โอ...” ฝ่ายนั้นเบิ่งตากว้าง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ท่านลอร์ด ดิฉันไม่ได้รังเกียจคุณเลย”

                “งั้น... ถ้าผมจะขอโอกาส...” เขาหน้าแดงด้วยความประหม่า “ขอโอกาสคบหาดูใจกับคุณ คุณจะให้เกียรติคบกับผมไหม?”

                ใบหน้าของมิสเฮเก้นต์ปรากฏสีเลือดฝาดอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบเบือนหน้าไปทางอื่น ขณะที่ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ใจเต้นแรงด้วยความยินดี

                “คุณ... จะให้เกียรติคบกับผมใช่ไหม?”

                มิสเฮเก้นต์ใช้เวลานานหลายนาที กว่าจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติและหันกลับมาพูดกับลอร์ดหนุ่มอีกครั้ง “ดิฉันเกรงว่าจะไม่ได้ค่ะ”

                “.....”

                “ไม่ใช่ว่าดิฉันรังเกียจคุณ ดิฉันไม่เคารพเกียรติของคุณ คุณเป็นสุภาพบุรุษผู้ดีพร้อมในทุกด้าน แต่เชื่อเถอะค่ะว่าดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่สมควรได้รับเกียรตินี้ ดิฉันไม่สมควรแม้แต่จะได้นั่งรถร่วมกับคุณ ได้สนทนากับคุณเสียด้วยซ้ำ”

                “โอ... ทำไมล่ะ คุณมีข้อขัดข้องอะไรหรือที่ทำให้ไม่อาจคบกับผมได้ ปูมหลังของคุณมีปัญหางั้นหรือ? บอกผมมาเถอะ ผมช่วยแก้ไขให้คุณได้ คุณเป็นผู้หญิงที่ทำให้ผมประทับใจมาก ผมไม่เคยประทับใจใครเท่าคุณมาก่อนเลย”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “มันสายไปแล้วล่ะค่ะ คุณไม่อาจช่วยอะไรดิฉันได้หรอก เลิกสนใจดิฉันเถอะค่ะ วันหนึ่งข้างหน้า คุณจะรู้เองว่าดิฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คู่ควรกับคุณเลยแม้แต่นิดเดียว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธอด้วยสายตารวดร้าว “คุณจะไม่ให้โอกาสผม... ไม่ให้โอกาสตัวคุณเองแม้แต่นิดเลยหรือ?”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์ผงกศีรษะ ความเงียบเข้าครอบงำคนทั้งคู่ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จับจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ทั้งผิดหวังทั้งไม่เข้าใจในเหตุผล ขณะที่อีกฝ่ายเสมองไปข้างทาง

                บรรยากาศของท้องทุ่งที่รอการเก็บเกี่ยวท่ามกลางแสงแดดยามบ่ายช่างอบอุ่น สายลมที่พัดมาต้องผิวกายให้สัมผัสที่อ่อนโยน ชวนให้นึกถึงบรรยากาศอันละมุนของความรัก แต่ทว่าบนรถม้าเปิดประทุนคันใหญ่ที่กำลังแล่นอยู่ กลับมีเพียงความเงียบงันอันแสนจะน่าอึดอัด


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ในที่สุด มิสเฮเก้นต์ก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ดิฉันเคยมีน้องสาวอยู่คนหนึ่งค่ะ”

                “....” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องเธอด้วยความสนใจทันที

                “เธอเป็นเด็กสาวที่แสนไร้เดียงสา เป็นลูกติดของพ่อเลี้ยงดิฉัน เราไม่มีความเกี่ยวข้องกันด้านสายเลือดเลย แต่พวกเรารักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ เธออ่อนกว่าฉันสองปี ถ้าตอนนี้เธอยังอยู่คงจะอายุยี่สิบปีแล้ว”

                สายตาของเธอทอดไปยังอดีตที่ไม่อาจหวนคืน สายลมจากการวิ่งของรถพัดปอยผมสีแดงของเธอไล้ไปตามพวงแก้ม ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ห้ามตัวเองหลายครั้งไม่ให้ยื่นมือไปเกี่ยวผมให้เธอ ระหว่างนั้นมิสเฮเก้นต์เล่าเรื่องของเธอต่อด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

                “เธอมีผมสีทองอย่างแสงแดดยามเช้า มีดวงตาสีฟ้าสดใสเยี่ยงท้องฟ้าในเวลากลางวัน มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ทำให้ทุกคนสดชื่น บางทีฉันก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าเธอยังมีชีวิตอยู่ พวกเราคงมีความสุขกันมาก”

                “เกิดอะไรขึ้นกับเธอหรือ?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถามออกมา มิสเฮเก้นต์หันมามอง ก่อนจะยิ้มเศร้าๆ

                “เธอฆ่าตัวตายค่ะ... เมื่อสี่ปีก่อน ตอนนั้นเธอเพิ่งอายุแค่สิบหกปี”

                “โอ... ผมเสียใจด้วย”

                มิสเฮเก้นต์ผงกศีรษะ “มีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตเธอ เขารูปหล่อ ร่ำรวย เธอคลั่งไคล้เขามาก แต่แล้ววันหนึ่งเธอก็รู้ตัวว่าเธอรักเพื่อนชายที่เธอสนิทด้วยต่างหาก ดิฉันคิดว่าพวกเขาคงไปด้วยกันได้ดี เธอยังอายุน้อย ส่วนเขาเองก็อายุรุ่นราวคราวเดียวกับดิฉัน พวกเขารักกันอย่างบริสุทธิ์และซื่อเสียจนน่าสงสาร ชายผู้ร่ำรวยที่เธอเคยคลั่งไคล้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกเขา ด้วยความซื่อ พวกเขาเชื่อทุกอย่างที่ชายคนนั้นพูด แต่แล้วมันก็เป็นไปในทางตรงกันข้าม ชายคนนั้นล่อลวงน้องสาวดิฉัน ย่ำยีเธออย่างไม่ให้เกียรติ เขาทำราวกับเธอเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่ต้องตกเป็นของเขา น้องสาวของดิฉันไม่อาจทนทานความต่ำช้าและเหยียดหยามเช่นนี้ได้ เธอตัดสินใจฆ่าตัวตายโดยการกระโดดแม่น้ำ ตำรวจพบศพเธอในอีกสองวันถัดมา ไม่มีจดหมายลาตาย ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่ดิฉันเชื่อว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน เพื่อนชายของเธอก็คิดเช่นเดียวกัน แต่เขาอารมณ์ร้อนและมุทะลุ เขาเดินทางไปหาชายชั่วคนนั้น และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย”

                “......”

                “ท่านลอร์ดคะ” มิสเฮเก้นต์ใช้ดวงตาสีน้ำตาลของเธอจ้องมายังเขาแน่วนิ่ง “คุณไม่ใช่ผู้ชายคนแรกที่แสดงความสนใจต่อตัวดิฉัน แต่คุณเป็นคนแรกที่ดิฉันรู้สึกจากใจจริง ว่าดิฉันไม่คู่ควรแม้แต่จะได้นั่งรถร่วมกับคุณ ได้โปรดตัดใจเสียเถอะค่ะ สักวันหนึ่งคุณจะรู้ว่าดิฉันนั้นไม่คู่ควรจริงๆ และคุณจะรู้สึกละอายแก่ใจที่ให้เกียรติผู้หญิงเช่นดิฉันมากมายถึงเพียงนี้”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เม้มปากด้วยความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก เขามองหน้ามิสเฮเก้นต์อย่างไม่เข้าใจ “ทำไมล่ะ แค่เพราะน้องสาวคุณถูกผู้ชายที่ร่ำรวยคนหนึ่งล่อลวงและย่ำยี คุณจึงตีค่าว่าผู้ชายร่ำรวยทุกคนเป็นคนเลวอย่างนั้นหรือ?”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ “ไม่ค่ะ ไม่ใช่คุณ คุณเป็นสุภาพบุรุษที่ซื่อตรงอย่างน่านับถือ และดิฉันมีความรู้สึกประทับใจคุณจากใจจริง แต่เชื่อดิฉันเถอะค่ะว่าดิฉันไม่คู่ควรกับคุณไม่ว่าจะด้วยแง่ไหนก็ตาม ได้โปรดเถอะค่ะท่านลอร์ด เพื่อเกียรติของตัวคุณเอง คุณไม่ควรจะพบดิฉันอีกแม้เพียงครั้งเดียว”

                “ไม่” อีกฝ่ายสวนทันควัน “ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้พบกันอีก จนกว่าคุณจะบอกผมตรงๆ ว่าคุณรังเกียจผม ว่าผมไม่คู่ควรกับคุณ”

                มิสเฮเก้นต์มองเขาด้วยดวงตาสีน้ำตาลที่สั่นระริก เธอเผยอริมฝีปาก แต่คำพูดกลับไม่ยอมหลุดออกมา ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ดึงมือเธอมากุมไว้

                “ได้โปรดเถอะ ให้โอกาสผมสักครั้ง ให้พวกเราได้ทำความรู้จักกันมากกว่านี้ ให้ผมได้แสดงให้คุณเห็นว่าคุณมีความหมายกับผมเพียงไหน”

                มิสเฮเก้นต์สั่นศีรษะ เธอดึงมือออก และเบือนหน้าไปทางอื่น “ไม่ค่ะ นี่จะเป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของเรา”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเธออย่างนิ่งงัน พวกเขาทั้งคู่เงียบกันไปอึดใจใหญ่ๆ ก่อนที่มิสเฮเก้นต์จะพูดขึ้นอีกครั้ง

                “กรุณาส่งดิฉันกลับเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นก็ให้ดิฉันลงเสียตรงนี้เลย”

---------------------------------------
                ท้ายที่สุด ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็สั่งให้คนขับรถม้าขับกลับมาส่งมิสเฮเก้นต์ที่บ้านพัก แน่นอนว่าตลอดทางพวกเขาไม่ปริปากพูดอะไรกันอีกเลย ลอร์ดหนุ่มเอาแต่ก้มหน้าเงียบ ส่วนหญิงสาวก็เอาแต่หันมองข้างทาง ทุกอย่างระหว่างพวกเขามีเพียงความเงียบงัน กระทั่งถึงหน้าบ้านของมิสซิสเมอร์สัน

                “โอ... ว้าว ผมไม่คิดว่าคุณจะมากับเขาได้”

                ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้านหลังนั้น เขาแต่งตัวด้วยชุดสูทสีน้ำเงินโก้เก๋ ในมือถือกุหลาบสีแดงช่อใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาดูเข้ากับผมสีน้ำตาลที่ตัดสั้น รอยยิ้มของเขามีเสน่ห์อย่างที่ใครเห็นก็ต้องไม่มีวันลืม เขาคลี่ยิ้มและมองไปยังสองหนุ่มสาวที่นั่งกันอยู่บนรถ มิสเฮเก้นต์อุทานด้วยความตกใจ

                “โรเบิร์ต ทำไมคุณถึงได้...”

                “ผมสิต้องเป็นฝ่ายถามคุณ” โรเบิร์ต เดอ เนเลียพูดพลางฉีกยิ้มกว้างกว่าเดิม “ทำไมคุณถึงนั่งรถมากลับท่านลอร์ดคนนี้ได้ โอ้ สายัณห์สวัสดิ์ครับลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ผมแปลกใจมากเลยที่ได้พบคุณในสถานการณ์แบบนี้”

                “แต่ผมไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบด้วยสีหน้าแข็งทื่อ “สายัณห์สวัสดิ์โรเบิร์ต ท่าทางสบายดีนะ”

                “แน่นอน ผมสบายดีมาก ทั้งหมดต้องขอบคุณคุณนั่นแหละ” มิสเตอร์เดอ เนเลียพูด มิสเฮเก้นต์รีบเปิดประตูลงจากรถม้า ตรงมาหาเขาทันที

                “โอ... คุณไม่ควรจะมาที่นี่”

                “ทำไมล่ะ? มันผิดตรงไหนที่ผมจะมาหาคนรักของผม” ชายหนุ่มว่า เขายกมือหญิงสาวขึ้นมาจูบ “ใจคอคุณจะให้ผมรอเจอคุณที่บ้านอย่างเดียวหรือ? ไม่เอาน่าแอน คุณก็รู้ว่าผมหลงคุณจนจะบ้าอยู่แล้ว”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์จ้องพวกเขาทั้งสองคนเขม็ง ด้วยสีหน้าแข็งทื่อราวกับรูปสลัก มิสเฮเก้นต์หันไปมองเขา และพูดต่อด้วยสีหน้าลำบากใจ

                “ท่านลอร์ดคะ คือดิฉันไม่ได้ตั้งใจ...”

                “ผมเข้าใจ ผมเข้าใจเหตุผลของคุณแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดขึ้นทันที “ผมหวังว่าพวกคุณทั้งคู่จะไปด้วยกันได้ดี แน่นอนว่าผมคงไม่อาจพูดอะไรมากกว่านี้ได้.... ลาก่อน มิสเฮเก้นต์ ลาก่อนโรเบิร์ต”

                “ลาก่อนครับ แหม... ผมคิดว่าคุณจะอยู่กินมื้อเย็นกับเราเสียอีก ผมอยากรู้มากกว่าคุณรู้จักกับแอนได้ยังไง ท่าทางคุณไม่น่ารู้จักกับเธอได้”

                “เป็นธุระเกี่ยวกับงานของผม” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบสั้นๆ ก่อนจะสั่งคนขับรถม้าให้ขับออกไปทันที มิสเตอร์เดอ เนเลียหันมาหาคนรักของเขา

                “ผมไม่ยักรู้ว่าคุณรู้จักกับเขาด้วย คุณนี่เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ”

                “โอ... ฉันรู้จักกับเขาโดยบังเอิญน่ะค่ะ” มิสเฮเก้นต์ตอบ อีกฝ่ายมองเธอยิ้มๆ

                “เขาพยายามจีบคุณหรือ? ท่านชายใจหินคนนั้นน่ะ”

                “อะไรนะคะ?”

                “ผมคิดว่าเขาพยายามจีบคุณนะ แล้วคุณไม่ได้บอกเขาหรือว่าเรากำลังคบกันอยู่ ดูเหมือนเขาจะผิดหวังทีเดียว” พูดจบเขาก็หัวเราะในคอ มิสเฮเก้นต์มองหน้าเขา

                “คุณเรียกเขาว่าอะไรนะคะ?”

                มิสเตอร์เดอ เนเลียเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ “ผมเรียกเขาว่าท่านชายใจหิน... มีอะไรหรือ?”

                “โอ... คุณเรียกเขาลับหลังแบบนี้หรือคะ?”

                มิสเตอร์เดอ เนเลียยักไหล่ “ไม่ใช่แค่ผม ใครๆ ก็เรียกเขาลับหลังแบบนี้ทั้งนั้น ถ้าคุณรู้ว่าเขาเป็นใครน่ะนะ พี่ชายเขายังถูกเรียกว่าท่านชายเหมันต์เลย พวกเขาสองพี่น้องค่อนข้างเป็นคนที่มีอิทธิพลอยู่ อันที่จริงแล้วผมพูดได้ว่าเป็นตัวพี่ชายของเขา ส่วนเขาเอง... เอาล่ะ นี่ไม่ใช่เวลาที่ผมจะมานินทาชายอื่นให้คนรักฟัง ผมมาเพื่อชวนคุณไปกินมื้อเย็น และผมหวังว่าคุณจะไม่ปฏิเสธคำเชิญของผม”

                มิสเฮเก้นต์ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มให้เขาอย่างหวานชื่น “แน่นอนค่ะ”

-----------------------------------

                กอร์ดอนตัดสินใจว่าเขาจะแวะไปที่บาร์บีช็อต เผื่อเจอมิสเฮเก้นต์ จะได้ช่วยพูดเรื่องที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมาขอร้องไว้ เขารู้สึกว่าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เป็นผู้ชายที่ดีมากคนหนึ่ง และยินดีอย่างยิ่งที่จะสนับสนุนให้เขาคบหากับมิสเฮเก้นต์ แต่ทว่าเขายังไม่ทันจะได้หยิบเสื้อโค้ทขึ้นมาสวม รถม้าคันใหญ่ก็แล่นมาจอดที่หน้าร้านของเขา เดวิดรีบวิ่งไปเปิดประตูให้ผู้มาเยือนทันที

                “โอ... สายัณห์สวัสดิ์ครับท่านลอร์ด คุณมีธุระอะไรให้ผมรับใช้หรือครับ?”

                สีหน้าของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ไม่สู้ดีนัก เขาปฏิเสธที่จะถอดเสื้อโค้ทส่งให้เดวิด “ฉันมาเพื่อบอกนายว่า ฉันไม่อาจรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับนายได้”

                “อะไรนะครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความแปลกใจ อีกฝ่ายจึงพูดขึ้นต่อ

                “ฉันไม่อาจเหนี่ยวรั้งมิสเฮเก้นต์เอาไว้ให้พ้นจากมือโรเบิร์ต เดอ เนเลียได้”

                “โอ...” อีกฝ่ายคราง ก่อนจะพูดต่อด้วยท่าทางวิตก “แล้วจะทำอย่างไรต่อดีครับ ผมไม่อยากให้แอนไปกับคนไม่ดีแบบนั้น คุณช่วยอะไรเธอไม่ได้เลยหรือ?”

                “เธอตกลงคบกับเขาแล้ว” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตอบเสียงพร่า “เธอรักเขา ฉันไม่อาจห้ามเธอได้”

                “แต่...”

                “ฉันหวังว่าโรเบิร์ตจะปรับปรุงตัว บางทีเขาอาจจะรักเธอจริงๆ ก็ได้”

                กอร์ดอนเงยหน้ามองเขา “แล้ว... คุณล่ะครับ?”

                ฝ่ายนั้นเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะถอนหายใจออกมา “ฉันไม่เป็นอะไรหรอก ขอโทษด้วยนะที่ฉันทำอย่างที่พูดไม่ได้”

                “ไม่เป็นไรครับ ผมรู้ว่าเรื่องแบบนี้ห้ามกันไม่ได้” กอร์ดอนว่า ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองเขา ก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง

                “ลาก่อนกอร์ดอน”

                “ลาก่อนครับ”

-------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์กลับมาที่คฤหาสน์และตรงไปยังบาร์เครื่องดื่มทันที เขาไล่คนรับใช้ออกไปจากห้องทั้งหมด และผสมเหล้าให้ตัวเองแก้วแล้วแก้วเล่า

                ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของมิสเฮเก้นต์ยังคงปรากฏชัดอยู่ในห้วงสำนึกของเขา หัวใจของเขายังจดจำว่ามันรู้สึกดีเพียงไหนตอนได้เห็นภาพนั้น และตอนนี้มันรู้สึกแย่เพียงไหนเมื่อได้เห็นภาพเธอกับผู้ชายอีกคน

                ลอร์ดหนุ่มซบหน้าลงกับฝ่ามือ เขาเพิ่งพบกับมิสเฮเก้นต์เพียงสามครั้งเท่านั้น และทั้งสามครั้งเขาแทบไม่ได้เสวนาอะไรกับเธอเลย เขารู้จักเธอน้อยมาก แต่ความประทับใจที่เขามีต่อเธอนั้นช่างมากมายเหลือคณา เขารู้สึกเจ็บปวดที่ถูกเธอปฏิเสธครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาไม่คาดคิดเลยว่าการที่ได้เห็นเธอรักอยู่กับคนอื่นจะทำให้เขาเจ็บปวดได้มากมายถึงเพียงนี้

                ที่เจ็บปวดเหนือกว่าสิ่งอื่นใด คือเขาไม่คาดคิดว่าเธอจะคบหาอยู่กับคนซึ่งไม่คู่ควรกับเธอเลยในสายตาของเขา โอ... โรเบิร์ต เดอ เนเลียที่แสนต่ำช้า ถ้าเขาเปิดเผยเรื่องของผู้ชายคนนั้นให้เธอรู้ เธอคงจะตีตัวออกห่างจากหมอนั่นทันที แต่มันช่างเป็นเรื่องอันน่าละอาย ที่เขาจะใช้ความลับของคนอื่นมาเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้มีโอกาสคบหากับผู้หญิงที่ตัวเองสนใจ และอีกอย่าง ก็ตัวเขาเองไม่ใช่หรอกหรือ ที่เป็นคนช่วยเก็บงำความลับนั้นไว้

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถอนหายใจแรง เขาเงยหน้าขึ้นและหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบสงัดในยามโพล้เพล้ ชายหนุ่มค้นพบว่า เขาไม่อาจทนความอ้างว้างในคฤหาสน์อันใหญ่โตนี้ได้เลย

                เขาออกจากคฤหาสน์อีกครั้ง สั่งคนขับรถม้าให้ขับตรงไปยังแหล่งเริงรมย์ที่ใหญ่โตที่สุดของเมือง

-----------------------------------

                วันรุ่งขึ้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีอันต้องแปลกใจแต่เช้า เมื่อลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งรถม้ามาหาเขาที่คฤหาสน์ด้วยท่าทางเร่งร้อน เจ้าตัวไม่ยอมถอดแม้กระทั่งเสื้อโค้ท ตอนที่เขาเดินเข้าไปพบในห้องรับแขก

                “จอห์นนี่ ฉันว่าแมกซ์ต้องเกิดเรื่อง เขาไม่อยู่ที่คฤหาสน์เมื่อคืนนี้”

                “นายรู้ได้ไง?” อีกฝ่ายย้อนถาม ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้นมาอย่างขัดใจ

                “ก็ฉันเพิ่งไปหาเขามาน่ะซี่ คนรับใช้บอกว่าเขาออกไปที่ร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”

                เพื่อนของเขาเลิกคิ้ว “แล้วไง แมกซ์เป็นผู้ชายนะจอร์จ เขาไปที่นั่นก็ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกอะไรเลย”

                “แปลกสิ” อีกฝ่ายว่า “เพราะหลังจากนั้นฉันไปหากอร์ดอน เขาบอกว่าแมกซ์ไปพบเขาเมื่อคืน เห็นว่าเขาผิดหวังจากมิสเฮเก้นต์”

                “หา!”

                “นี่ไม่ใช่เวลามานั่งตกใจนะจอห์นนี่ แมกซ์ของเราเพิ่งอกหัก เขาเพิ่งค้นพบว่ามิสเฮเก้นต์กำลังคบหาอยู่กับโรเบิร์ต”

                “โอ้ ให้ตาย!” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องออกมา “ฉันไม่คิดว่ามิสเฮเก้นต์จะคบหากับผู้ชายแบบนั้น”

                “แต่กอร์ดอนบอกว่าแมกซ์เห็นกับตา โอ้ จอห์นนี่ ฉันน่ะชอบร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันมาก แต่ฉันไม่เห็นด้วยเลยที่เพื่อนผู้มีเกียรติของเราจะไปขลุกอยู่ที่นั่นหลังจากเขาอกหัก แมกซ์ไม่ควรจะทำตัวเองให้ดูตกต่ำแบบนั้น”

                “งั้นเราต้องรีบไป” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ผุดลุกขึ้น เขาเรียกหาเสื้อโค้ท ก่อนจะออกไปด้วยกันกับลอร์ดจอร์จ เฟลตัน

-----------------------------------

                ร้านของเฮเลน่า แอนเดอร์สันเป็นตึกสูงสามชั้นสี่คูหา มันคึกคักมากในยามค่ำคืน แต่ในช่วงกลางวัน ที่นี่จะเงียบเหงาและเฉื่อยชาราวกับแมวเซา ถึงอย่างนั้น สองหนุ่มก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี เพราะลอร์ดจอร์จ เฟลตันเคยเป็นลูกค้าระดับพิเศษมาก่อน

                “โอ อรุณสวัสดิ์ค่ะลอร์ดจอร์จ ดิฉันไม่พบเห็นคุณเสียนานเลย” เฮเลน่า แอนเดอร์สันลงมาพบพวกเขาด้วยตัวเอง เธอเป็นหญิงวัยสามสิบเศษ ที่แต่งหน้าจัดและมีจริตมารยาอย่างของผู้หญิงกลางคืน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยิ้มให้เธอ

                “อรุณสวัสดิ์ ผมมาตามหาเพื่อนคนหนึ่ง แมกซ์ เมอร์เรย์ ผมไม่แน่ใจว่าเขาใช้ชื่อนั้นตอนมาที่นี่หรือเปล่า?”

                “โอ... คุณคงหมายถึงมิสเตอร์เมอร์เรย์ เขาอยู่กับลอร์ร่าค่ะ ดิฉันจะให้คนขึ้นไปตามเขา”

                “ไม่ เราจะขึ้นไปหาเขา” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูด “นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าคุณให้คนไปตาม เราเกรงว่าเขาอาจจะไม่ยอมลงมาพบกับเรา”

                “โอ... แต่มันเป็นมาตรฐานของที่นี่ ดิฉันให้พวกคุณขึ้นไปพบกับเขาเลยไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงก็ต้องให้คนไปเรียกก่อน”

                “งั้นผมจะรอ แต่ถ้าเขาไม่ลงมา คุณต้องให้พวกเราขึ้นไป” ลอร์ดหนุ่มว่า “เฮเลน นี่มันเป็นเรื่องสำคัญมากนะ สำคัญมากๆ”

                เฮเลน่า แอนเดอร์สันมองเขาอึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ทราบแล้วค่ะ”

                เธอหันไปสั่งความเด็กรับใช้สาว หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เจ้าหล่อนก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมา “ท่านสุภาพบุรุษคนนั้นยังไม่ตื่นเลยค่ะ ลอร์ร่าบอกว่าเขาเมามาก”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์มองหน้ากัน ขณะที่เฮเลน่า แอนเดอร์สันพูดขึ้น “ดิฉันคิดว่าพวกคุณควรจะปล่อยให้เขาได้พักที่นี่ มันไม่เป็นการดีเลยที่จะปลุกเขาทั้งๆ ที่เจ้าตัวยังเมาแบบนั้น”

                “โอ... ดี ผมว่าดีแน่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “เพราะผมยังไม่เคยเห็นใครสร่างเมาเพราะค้างอยู่ที่นี่มาก่อนเลย เราจะพาเขากลับไป”

----------------------------------------------


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์นอนหมดสภาพอยู่บนเตียงในตอนที่ลอร์ร่าเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนอย่างสมเพช ก่อนจะเดินตรงไปตบแก้มฝ่ายนั้น

                “เฮ้ แมกซ์ ตื่นได้แล้ว มาดูสิว่านายแย่แค่ไหน”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พยายามปัดมือเขาออก “หุบปากน่าจอร์จ ฉันไม่ต้องการพบนายกระทั่งในฝันหรอก”

                “โอ้...” เพื่อนของเขาลากเสียง เขาหันไปสั่งหญิงสาวที่ยืนงุนงงอยู่ในห้อง

                “ไปเอาถังใส่น้ำมาให้ฉัน”

                “แต่...”

                “ไปเอามาสิ!”

                “ค่ะ” เธอรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปมองลอร์ดจอร์จ เฟลตันอย่างเป็นกังวล

                “โอ จอร์จ เราควรจะปล่อยแมกซ์เอาไว้แบบนี้ เขาเพิ่งอกหักนะ นายจะไม่ให้เวลาเขาทำใจเลยหรือ?”

                “ฉันให้แน่” อีกฝ่ายตอบเขา “แต่ไม่ใช่ในที่แบบนี้ ถ้าเขามาที่นี่อย่างคนอารมณ์ปกติ ฉันจะไม่ทำแบบนี้กับเขาเลย เชื่อฉันเถอะจอห์นนี่ นี่ไม่ใช่ที่ที่เหมาะสำหรับคนอกหักหรอก”

                ลอร์ร่าหิ้วถังน้ำมาให้เขาหลังจากนั้น ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยกมันสาดใส่เพื่อนอย่างไม่เกรงใจ คราวนี้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เด้งตัวขึ้นจากเตียงทันที

                “โอ๊ย! นี่มันเกิดบ้าอะไรกัน!” เขาตะคอกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเบิ่งตาค้าง “จอร์จ นายมานี่ได้ไง!”

                “พวกเรามาพานายไปสงบสติอารมณ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดด้วยสีหน้าถมึงทึง “ไปใส่เสื้อผ้า แมกซ์ นายควรได้เห็นสภาพของตัวเองว่ามันน่าอายมาก”

                “....”

                “ได้โปรด แมกซ์” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดขึ้นต่อ “โลกนี้ต้องการนาย และนายไม่ควรจะมาขลุกอยู่ในที่แบบนี้ ใส่เสื้อผ้าเสีย แล้วไปกับพวกเรา”

                ในที่สุดลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็ยอมลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า ด้วยอาการของคนเมาค้างอย่างเห็นได้ชัด เขามองลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างงงๆ ตอนที่ทั้งสองคนช่วยกันพยุงเขาลงมา

                “พวกนายไม่ต้องทำเหมือนฉันเดินเองไม่ได้หรอก”

                “ฉันรู้ว่านายเดินเองได้แมกซ์ แต่มันจะเร็วกว่า ถ้าพวกเราช่วยกันเดิน”

                พวกเขาช่วยกันดันตัวเพื่อนรักขึ้นไปบนรถม้า และสั่งให้คนขับขับไปที่คฤหาสน์สามเส้า พวกคนรับใช้ดูแปลกใจที่เห็นนายน้อยของพวกเขาลงมาจากรถม้าโดยที่ต้องใช้เพื่อนพยุงถึงสองคน ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเรียกหามาทิลดาทันที

                “โอ... นายน้อยแมกซิมิลเลี่ยน เกิดอะไรขึ้นกับเขาคะ?” หญิงวัยห้าสิบเศษอุทานด้วยความตกใจ เธอเป็นแม่บ้านประจำคฤหาสน์สามเส้า และยังเป็นแม่นมของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์อีกด้วย ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเธอแล้วถอนหายใจ

                “เขาเผชิญมรสุมหัวใจ” ลอร์ดหนุ่มว่า “เขาต้องการการดูแลอย่างดี ผมคิดว่าคุณคือคนที่น่าจะดูแลเขาได้ดีที่สุด”

                “ค่ะ” มาทิลดาพยักหน้า แล้วลูบศีรษะนายน้อยของเธอด้วยความสงสาร “โอ... นายน้อยของดิฉัน ผู้หญิงร้ายกาจที่ไหนกันหนอที่ทำกับเขาแบบนี้ได้”

                “อย่าพูดถึงเธอให้เขาได้ยิน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันว่า “อย่าพูดเรื่องผู้หญิงกับเขาเด็ดขาด คุณต้องให้เขาดื่มน้ำมากๆ ให้เขาสร่างเมา ผมกับจอห์นนี่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเขาคืนนี้ เรารู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่ค่อนข้างแย่ในชีวิตของผู้ชายคนหนึ่ง”

                “อา... จอร์จ ฉัน...” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ครางขึ้นมา “ฉันไม่ได้เตรียมตัวจะมาพักค้าง”

                “ฉันจะยกเลิกนัดกับมาร์กาเร็ต” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันประกาศ “ฉันจะกลับบ้านไปบอกแม่ว่าฉันจะมาค้างที่นี่ แมกซ์ต้องการพวกเรานะจอห์นนี่ ใจคอนายจะทิ้งเขาให้อยู่ตัวคนเดียวอย่างนี้หรือ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเพื่อนรักอยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ตกลงจอร์จ ฉันจะไปบอกพ่อกับแม่ว่าจะมาค้างที่นี่เป็นเพื่อนเขา”

-------------------------------------

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์สร่างเมาแล้ว ตอนที่เพื่อนรักทั้งสองกลับมาที่คฤหาสน์ของเขาอีกครั้งพร้อมของใช้ส่วนตัวสำหรับค้างคืน แต่อารมณ์ของเขายังไม่สู้ดีนัก ชายหนุ่มค้นพบว่าเขาปวดหัวอย่างหนัก และยังรู้สึกหงุดหงิดมากอีกด้วย

                “พวกนายควรจะปล่อยฉันเอาไว้ที่นั่น” เขาพูดขณะใช้ผ้าชุบน้ำเย็นซึ่งคนรับใช้เอามาให้ประคบศีรษะ ลอร์ดหนุ่มนั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวที่วางอยู่ในห้องรับแขก ลอร์ดจอร์จ เฟลตันที่นั่งมองเขาอยู่ฝั่งตรงข้ามลุกพรวดขึ้นทันที เขาหันไปหาคนรับใช้

                “มีกระจกสักบานไหม?”

                “ครับ?”

                “ไปยกมาให้ฉัน”

                ไม่นานนักกระจกแบบตั้งพื้นบานหนึ่งก็ถูกยกเข้ามาในห้อง ลอร์ดจอร์จ เฟลตันสั่งให้คนรับใช้ตั้งมันตรงหน้าลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ก่อนจะพูดอย่างมีอารมณ์

                “ดูสิ แมกซ์ ดูสภาพของนาย นายคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน? หนุ่มน้อยอายุสิบหกที่วิ่งเล่นอยู่บนถนนหรือ? นายเป็นลูกชายของมาร์ควิสนะ โอ้ ให้ตาย นายเป็นลอร์ด นายเป็นสุภาพบุรุษ ฉันไม่ได้ห้ามไม่ให้นายเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่นายไม่ควรจะไปแสดงความอ่อนแอให้ผู้หญิงกลางคืนพวกนั้นได้เห็น มันทุเรศ ทุเรศมากๆ นายมีสมองบ้างไหม?”

                “โอ้...” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง เขายกมือขึ้นปิดหน้า “นายไปไกลๆ เลยจอร์จ!”

                “ไม่ จนกว่านายจะจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเสียงเฉียบ เขาเดินไปดึงใบหน้าของเพื่อนรักขึ้นมา “นายมองตัวเองซี่ นายกำลังทำบ้าอะไรอยู่ ฉันรู้ว่านายอกหัก แต่นายทำอะไรกับตัวเอง? นายพยายามแค่ไหนที่จะทำให้ตัวเองกลายเป็นสุภาพบุรุษผู้เพียบพร้อม แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? นายไปเมาหยำเปต่อหน้าผู้หญิงกลางคืนพวกนั้น ฟูมฟายใส่พวกเธอ โอ้ ให้ตาย แมกซ์ นายทำอย่างกับว่านายไม่มีเพื่อนอยู่บนโลก นายเห็นหัวพวกเราบ้างไหม!”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจก เขาเห็นชายคนหนึ่งที่ดูราวกับว่าสูญเสียทุกอย่างในชีวิต และเห็นภาพสะท้อนของเพื่อนอีกสองคนอยู่ด้านหลัง

                “โอ พระเจ้า นี่ฉันทำบ้าอะไรลงไป” ลอร์ดหนุ่มคราง เขาซบหน้าลงกับฝ่ามืออีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยื่นมือไปตบไหล่เขาเป็นเชิงให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปสั่งคนรับใช้ให้ยกกระจกไปเก็บ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถอนหายใจ เขานั่งลงข้างๆ เพื่อนรัก แล้วกอดไหล่ของอีกฝ่ายเอาไว้

                “นายเป็นเพื่อนรักเรานะแมกซ์ มีอะไรก็มาบอกกันซี่”

                “ใช่ นายมีพวกเราอยู่นะ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วนั่งลงข้างเขา “ฉันกับจอร์จอาจจะไม่ใช่สาวสวย แต่พวกเราอยู่ข้างนายนะ”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มออกมาได้ในที่สุด “ขอบใจจอร์จ... ขอบใจนะจอห์นนี่”

--------------------------------

                คฤหาสน์สามเส้ายังคงดูอึมครึมท่ามกลางบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ทว่าภายในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ในปีกหนึ่งของคฤหาสน์ อันเป็นที่พักส่วนตัวของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ กลับให้บรรยากาศที่พิลึกพิลั่นกว่าบรรยากาศข้างนอกมาก

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และลอร์ดโทรว์บริดจ์ผลัดกันอ่านบทกวีของนักประพันธ์ผู้เลื่องชื่อ ขณะที่เพื่อนของเขาใช้ผ้าชุบน้ำเย็นโปะศีรษะเพื่อบรรเทาอาการปวด

                “โอย... ยิ่งฟังพวกนายเท่าไหร่ ฉันยิ่งรู้สึกปวดหัวมากเท่านั้น ทำไมพวกนายไม่ทำอะไรที่มันสนุกสนานกว่านี้”

                “ทำอะไร เล่นรักบี้หรือ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันย้อนถาม “หัวของนายหายดีพอจะไปเล่นกับพวกเราหรือยังล่ะ?”

                “โอ้ จอร์จ นายแกล้งฉันใช่ไหม?” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “นายเป็นนักเปียโนไม่ใช่หรือ? ทำไมนายไม่เล่นเปียโนดีๆ สักเพลง หัวฉันอาจจะรู้สึกดีขึ้นกว่านี้ก็ได้”

                “เออ จริงด้วย ฉันลืมไปสนิทเลย” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดเหมือนเพิ่งนึกได้ “แต่เราต้องยกเปียโนเข้ามาที่นี่ใช่ไหม? หรือเราต้องยกนายไปหาเปียโน?”

                “ฉันเดินได้!” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดเสียงแข็ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา

                “เอาล่ะจอร์จ พวกเราจะไปฟังนายเล่นเปียโนที่ห้องดนตรีกัน”

                ห้องดนตรีของคฤหาสน์สามเส้าไม่กว้างมากนัก มีแกรนด์เปียโนสีดำหลังหนึ่งวางอยู่ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งปุลงหน้าเปียโน ขณะที่เพื่อนของเขาอีกสองคนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา

                “เอาล่ะ นายอยากฟังอะไร แมกซ์ โมซาร์ต โชแปง บราห์ม หรือว่าบาค?”

                “เบโธเฟน” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพยักหน้า

                “ตกลง งั้นสเตราส์”

                ได้ยินเสียงลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์คราง “ไม่เอาสเตราส์ นายพูดไม่เข้าใจหรือ?”

                “ไม่เอาเบโธเฟน” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดพลางลอยหน้าลอยตาดีดเปียโน พอโน้ตชุดแรกดัง ลอร์ดโทรว์บริดจ์ก็ลุกขึ้นทันที

                “เดี๋ยวจอร์จ เพลงนี้นายต้องไม่เล่นคนเดียว”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันหัวเราะ ขณะที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ลากเก้าอี้ไปนั่งข้าง พวกเขาสบตากัน ก่อนจะหัวเราะคิกคัก แล้วเริ่มเล่นเปียโนอีกครั้ง

                เสียงเพลง TRITSCH-TRATSCH POLKA (https://www.youtube.com/watch?v=JNoZTphkiTw) ดังขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถึงกับยกศีรษะขึ้นมาจากโซฟา “โอ้ให้ตาย พวกนายนี่มัน...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และลอร์ดโทรว์บริดจ์ หัวเราะไปพลางเล่นเปียโนสี่มือไปพลาง เพราะทำอย่างนั้นพวกเขาจึงเล่นพลาดไปหลายโน้ต แต่ก็ทำให้ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยิ้มออกมาได้

                “เพลงอะไรต่อดี จอห์นนี่” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามขึ้น หลังจากพวกเขาเล่นเพลงจบ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่หัวเราะจนหน้าแดงเสนอขึ้น

                “BADINERIE”

                “ไม่เอาบาค” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันขัดอีก “ฉันเกลียดบาค”

                ว่าแล้วเขาก็ไล่นิ้วลงไปบนคีย์เปียโน ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “ให้ตายจอร์จ ฉันเกลียดนาย”

                เพลง Sonata KV 521 (https://www.youtube.com/watch?v=KiOpnnmrdHw) ของโมซาร์ตดังขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ถึงกับชี้นิ้วไปที่เพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะหัวเราะทั้งที่ยังปวดศีรษะอยู่

                “พวกนายลำเอียง ถ้าเพลงต่อไปไม่ใช่สี่มือของเบโธเฟนล่ะก็… ฉันจะเล่นงานนาย จอร์จ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันยักไหล่ พวกเขาเล่น Sonata KV 521 จนครบทั้งสามท่อน ก่อนที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันจะตอบรับเสียงเรียกร้องของลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ ด้วยการดีด Suit for Orchestra No.2 in B minor BWV 1067 ท่อนที่ 5 ของบาค ที่มีชื่อว่า BADINERIE (https://www.youtube.com/watch?v=XUMdXAygbYg) ขึ้นมาแทน

                “โอ้” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ร้องขึ้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบเล่นโน้ตต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ตะกายขึ้นมาจากโซฟา

                “พวกนายแกล้งกันนี่!”

                เสียงหัวเราะและเสียงเปียโนดังก้องไปทั่วคฤหาสน์ แข่งกับเสียงเม็ดฝนที่ตกกระหน่ำอยู่ด้านนอก

--------------------------------------------------
(จบตอน)
*** ความรักของลอร์ดแมกซ์นี่เกิดขึ้นและสิ้นสุดอย่างเร็วมาก ไม่สิ นี่มันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น 5555+ :hao6:

เขียนมาทั้งหมดทั้งมวล ปรากฏว่าเราโดนจอร์จจี้แย่งซีนในนาทีสุดท้าย รับประกันเลยว่าถ้าเรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ สามพระหน่อของเราจะต้องถูกจิ้นเป็นอย่างแรก ฮ่าๆๆ โอย แค่ดิฉันมโนว่าผู้ชายล่ำๆ สองคน เดินเกี่ยวมากับผู้ชายหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยอีกคน แหม... จอร์จคงรับศึกหนัก (ไม่ใช่ล่ะ)

ที่จริงประเด็นสำคัญของตอนนี้ที่ตั้งใจจะเขียนคือเรื่องการพบกันของจอห์นและคนรักของแคทเธอรีนต่างหาก แต่มันก็สั้นจุ๊ดจู๋จนดูไม่ใช่เนื้อหาหลักเลยสักนิด (บ่นอะไรเนี่ย)

ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

ปล. คิดถึงกอร์ดอนเบาๆ พักนี้ไม่มีบท งานตัดเสื้อที่ร้านช่างแสนวุ่นวาย :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2017 16:16:08 โดย juon »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ nutiez

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านฝั่งแมกซ์กับแอนนาเบลแล้วก็คิดว่าที่สาวเค้าปฏิเสธเพราะมีแผนอะไรรึเปล่า เดาเล่นๆว่าโรเบิร์ตเป็นหนุ่มร่ำรวยที่ทำให้น้องสาวฆ่าตัวตาย เธอเลยกลับมาแก้แค้น เธอถึงบอกว่าตัวเองไม่คู่ควรกับแมกซ์ อะไรประมาณนี้ เริ่มเพ้อไปไกลแล้วค่ะ 5555

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
ลอร์ดจอร์จแย่งซีนทุกคนเลยค่ะ
แย่งซีนแฟนแคทไม่พอยังไปแย่งซีนคนอกหักด้วยอีก

ที่แอนไม่รับรักแมกซ์เราว่ามีเหตุนะ อาจจะเป็นเพราะโรเบิร์ตอะไรนั่นคือคนที่ทำน้องสาวเธอตายก็ได้
เธอเลยมาแก้แค้นไรงี้ไง
เดาส่งไปเรื่อยค่ะ55555

รู้สึกนะคะว่าลอร์ดจอร์จนางคีบลุคคนไม่เอาอ่าวลอยไปลอยมาตั้งแต่ต้นเรื่องเลยนะ
แต่พอมีปัญหาอย่างเรื่องมากาเร็ตที่พอนางยอมรับใจตัวเองได้ทั้งคู่ก็กลายเป็นคู่ที่น่าอิจฉากว่าใคร
แล้วยังมาเรื่องแมกซ์นี่อีกที่จอร์จดั้งด้นไปดึงแมกซ์กลับมา
คือดูเป็นคนไม่ได้เรื่องที่ได้เรื่องกว่าใครตลอดเลย
ทำให้มาคิดๆว่าแล้วจอห์นล่ะ คนที่ได้เรื่องกว่าใครได้เรื่องมาตลอด
พอถึงเวลาจริงๆจะยังได้เรื่องอยู่ไหม? แล้วนี่ยิ่งมีเรื่องแคทมาด้วยแล้วยิ่งรู้สึกใจคอบ่ดี
เป็นห่วงกอร์ดอนกลัวนางเสียใจกับผลพวงจากเรื่องนี้

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
แอนจะแก้แค้นให้น้องสาวหรอ???

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
สามหน่อนี้อยู่ด้วยกันแล้วน่ารักจัง
จอร์จคือคนที่รับความรู้สึกของเพื่อน ๆ ได้ไวและใส่ใจเสมอ

เดาเหมือนหลาย ๆ คนว่า โรเบิร์ตต้องเป็นคนที่ทำร้ายน้องสาวของแอนนาเบลแน่เลย

มิสเตอร์ดอว์สัน (นี่มาจากไททานิกหรือเปล่า? อิอิ) น่าจะหวังจับแคทเพื่อยกฐานะของตัวเองแน่เลย
คิดถึงกอร์ดอนแล้ว

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
สงสารแมกซ์ แต่ก็ให้รู้ว่า เป็นคนที่มีเพื่อนรักมากคนหนึ่ง

ออฟไลน์ G-NaF

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 820
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
สงสารลอร์ดแมกซ์ แต่เราก็คิดว่าแอนอาจจะมีเหตุมากกว่านี้และแอนไม่น่ารักผู้ชายคนนั้น

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดูท่า ทั้งดอว์สัน กับโรเบิร์ต จะมีปัญหาทั้งคู่
ไม่ใช่มิสเฮเก้นต์ กำลังปฏิบัติการณ์ล้างแค้นอยู่นะ
ในเมื่อกฎหมายเอื้อมไม่ถึง ก็ลงมือเองดีกว่า

เพื่อนรักเพื่อนสนิทสามหน่อ ดูแลช่วยเหลือกันดีจริงๆ
หวังว่าแมกซ์ จะสมหวังนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ ChabaSri

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 602
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
แมกซ์จ๋าถ้าอกหักก็มารักกับเราเถอะ เรารักเธอ

ทำไมถึงบอกว่าตัวเองไม่คู่ควรนะ ในโลกนี้ไม่มีใครไม่คู่ควรกับความรักหรอกนะแอน


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
Dear, My customer.

ตอนที่31 เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์


                กอร์ดอนไม่ได้ข่าวจากท่านลอร์ดทั้งสามอีกเลย หลังจากที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันนั่งรถมาหาเขาในเช้าวันเสาร์ ด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวที่ตัวเองเคยหลงรัก ช่างตัดเสื้อจึงตัดสินใจไปหาเธอยังที่พักในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ มิสซิสเมอร์สันจำเขาได้ในทันทีและเปิดประตูต้อนรับเขาอย่างยินดี

                “สวัสดีตอนบ่ายครับ ผมมาพบแอน ไม่ทราบว่าเธออยู่หรือเปล่า?” กอร์ดอนเอ่ยทักหญิงเจ้าของบ้าน มิสซิสเมอร์สันพยักหน้า

                “ค่ะ เราเพิ่งกลับมาจากโบสถ์ เธอต้องยินดีมากแน่ที่คุณมาพบ” พูดจบเธอก็เดินนำกอร์ดอนขึ้นไปยังห้องชั้นบน ก่อนจะเคาะประตูเรียกหญิงสาว

                “แอน มิสเตอร์โอเดนเบิร์กมาหาเธอแน่ะจ้ะ”

                หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ มิสเฮเก้นต์ก็เปิดประตู

                “สวัสดีตอนบ่ายค่ะ กอร์ดอน”

                “สวัสดีตอนบ่าย ผมเข้าไปคุยด้านในได้ไหม?”

                “อ๋อ ได้สิคะ เชิญเลยค่ะ” เธอเปิดประตูและเชิญเขาให้นั่งลงที่เก้าอี้นวมหน้าเตาผิง มิสซิสเมอร์สันจึงกลับลงไปชั้นล่าง

                “ผมรู้สึกว่าเราไม่ได้พบกันนานมาก” ช่างตัดเสื้อเอ่ยปากขึ้น ขณะที่หญิงสาวนั่งลงตรงข้ามเขา มิสเฮเก้นต์พยักหน้า

                “ค่ะ ท่าทางเหมือนงานที่ร้านคุณจะยุ่งมาก ฉันไม่เห็นคุณไปที่บาร์มาหลายวันแล้ว”

                “ใช่ งานที่ร้านผมยุ่งจริงๆ” กอร์ดอนยอมรับ ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ห้อง

                “โอ... คุณเตรียมจะย้ายที่อยู่หรือ?” เขาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามีหีบหลายใบวางซ้อนกันอยู่ แล้วข้าวของหลายอย่างในห้องดูร่อยหรอลงไป

                “ไม่ใช่หรอกค่ะ มอลลี่น่ะค่ะ” มิสเฮเก้นต์ตอบเขา “ฉันคงยังไม่ได้บอกคุณว่าเธอกำลังจะแต่งงานในวันศุกร์นี้แล้ว”

                “อ้อ... อย่างนั้นหรือ ผมยินดีกับเธอด้วย” กอร์ดอนว่า “แล้วนี่เธอไม่อยู่หรือ?”

                “ค่ะ เธอไปที่บ้านของคู่หมั้นเธอ”

                กอร์ดอนพยักหน้า ก่อนจะเงยหน้ามองหญิงสาว “แอน ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณ มันเป็นเรื่องสำคัญมาก”

                “เรื่องอะไรหรือคะ?”

                “เกี่ยวกับมิสเตอร์เดอ เนเลีย”

                อีกฝ่ายเลิกคิ้วขึ้นสูง “โอ... ลอร์ดแมกซ์เล่าให้คุณฟังหรือคะ?”

                “ใช่ แต่เขาไม่ได้เล่าเรื่องส่วนตัวของคุณเพราะเขาคิดไม่ดีกับคุณนะ” กอร์ดอนรีบพูดขึ้นต่อ “เขาเคยบอกผมเรื่องมิสเตอร์เดอ เนเลีย ตอนที่มาคุยเรื่องคุณ และเขาบอกผมว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้คุณโดนผู้ชายไม่ดีคนนั้นหลอก เขาแค่มาบอกผมว่า เขาไม่อาจทำอย่างที่เขาพูดได้ ผมคงรู้สึกผิดมาก ถ้าการพูดเรื่องนี้ทำให้ลอร์ดแมกซ์ถูกเข้าใจผิดว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ ผมกล้ายืนยันว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่ดีคนหนึ่ง แต่ผมต้องมาเตือนคุณอีกครั้ง เพราะผมห่วงคุณเหลือเกิน แอน”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์นิ่งไปพักใหญ่ๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา เธอยิ้มให้ช่างตัดเสื้อ

                “คุณวางใจเถอะค่ะ ฉันไม่ได้ถูกโรเบิร์ตหลอก ฉันรู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่              ขอบคุณในความหวังดีของคุณและลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ด้วยนะคะ”

                “....”

                ทั้งสองเงียบไปอีกอึดใจ ก่อนที่กอร์ดอนจะพยักหน้า “ตกลง แอน ผมเคารพการตัดสินใจของคุณ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา คุณต้องบอกผมนะ ผมยินดีจะช่วยเหลือคุณทุกอย่าง คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่งของผมเลย”

                แอนนาเบล เฮเก้นต์พยักหน้า “ขอบคุณค่ะกอร์ดอน ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้รู้จักกับคุณ”

-----------------------------------------

                ด้วยผลแห่งความพยายามของลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็กลับมาเป็นปกติอย่างที่เขาควรจะเป็นอีกครั้งในเช้าวันจันทร์ ทันเวลาต้อนรับการมาของบารอนคนหนึ่ง ซึ่งมาหาเขาที่คฤหาสน์ด้วยอาการของคนสิ้นไร้หนทางอย่างที่สุด

                เนื่องจากนี่เป็นกิจการภายในของตระกูลเมอร์เรย์ที่ถือเป็นความลับอย่างมาก จึงได้เวลาที่ลอร์ดจอร์จ เฟลตันและลอร์ดโทรว์บริดจ์จะต้องกลับไปที่คฤหาสน์ของตัวเอง

                ทันทีที่กลับถึงคฤหาสน์ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ถูกลอร์ดบาธเรียกตัวไปพบทันที เขาถูกสั่งให้เป็นตัวแทนไปร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์ที่มิลตัน ซึ่งจะจัดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากลอร์ดบาธติดประชุมด่วน อันเป็นผลเนื่องมาจากการพิจารณากฎหมายฉบับใหม่ และเรื่องราวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มอนาคิสที่กำลังเป็นประเด็นกันอยู่

                “พ่อแน่ใจว่าท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์จะต้องดีใจที่แกไปร่วมงาน” ลอร์ดบาธพูดขึ้นต่อหลังจากนั้น “ท่านเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นกีฬามาก โดยเฉพาะรักบี้ และท่านก็มีลูกสาวที่สวยมากทีเดียว”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หัวเราะออกมา “นี่พ่อคงไม่ได้ตั้งใจส่งผมไปให้ท่านดยุกดูตัวใช่ไหมครับ?”

                ลอร์ดบาธยักไหล่ “แน่นอนจอห์น ถ้าพ่อตั้งใจแบบนั้นพ่อคงต้องบอกแกล่วงหน้าแล้ว ประเทศเรากำลังเผชิญปัญหารอบด้าน ทุกอย่างกำลังประดังประเดเข้ามา แต่พ่อเชื่อว่าพวกเราจะช่วยให้มันผ่านพ้นไปได้ เอาล่ะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมกระเป๋า เผื่อเสื้อผ้าไปหน่อยก็ได้ เพราะฝนอาจจะตก”

                “โอ... ผมนัดเพื่อนๆ ซ้อมรักบี้กันวันนี้ ผมคงต้องไปบอกพวกเขาก่อน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า ลอร์ดบาธมองหน้าเขา

                “ก็เขียนจดหมายทิ้งไว้สิ จอร์จคงช่วยแกเรื่องนี้ได้หรอก รถไฟจะออกตอนบ่ายสอง พ่ออยากให้แกรีบเตรียมตัว หวังว่าแกจะหยิบเสื้อผ้าตัวที่ดีที่สุดในกระเป๋าไป พ่อจะให้โอลิเวอร์ไปกับแกด้วย”

                “ครับ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและจัดกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางทันที เขากับโอลิเวอร์ขึ้นรถม้าที่มีคนรับใช้อีกคนเป็นคนขับ มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ ระหว่างทางลอร์ดหนุ่มก็พูดขึ้น

                “ฉันคิดว่าเราควรจะแวะที่ร้านของกอร์ดอนก่อน ยังพอมีเวลา”

                โอลิเวอร์หยิบนาฬิกาพกของเขาขึ้นมาดู “ผมว่าอย่าเลยครับ ไปกลับร้านของมิสเตอร์โอเดนเบิร์กใช้เวลามาก อีกอย่างถนนที่นั่นค่อนข้างแคบ ถ้าเกิดมีเหตุขึ้นมาคุณจะพลาดรถไฟเอาได้”

                “โอ... แต่ฉันไม่ได้พบเขามาหลายวันแล้ว และอาจจะไม่ได้ไปกินมื้อเย็นกับเขาในวันพุธด้วย” ลอร์ดหนุ่มพูดอย่างเป็นกังวล “ฉันไปโดยไม่บอกเขาไม่ได้หรอก”

                “แต่ลอร์ดจอร์จรู้เรื่องการไปของคุณแล้วนี่ครับ เขาคงจะบอกมิสเตอร์โอเดนเบิร์กเอง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มีท่าทีลังเลใจ ในที่สุดเขาก็พูดออกมา “ฉันจะส่งโทรเลขถึงเขาที่สถานีรถไฟ ยังไงฉันก็ต้องบอกเขาก่อน”

                “อย่างนั้นคุณต้องระวังถ้อยคำที่ใช้ให้ดีครับ อย่าให้มันสื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคุณ”

                ลอร์ดหนุ่มพยักหน้า “ฉันจะบอกเขาว่าฉันต้องไปมิลตันด่วน ที่เหลือจอร์จคงพอช่วยอธิบายได้หรอก”

                “ดีครับ”

-----------------------------------

                เลดี้บาธเดินเข้ามาหาสามีของเธอ หลังจากที่ลูกชายและคนรับใช้นั่งรถม้าออกไปแล้ว

                “ที่รักคะ ทำไมคุณไม่บอกลูกไปตรงๆ เลยล่ะคะ ว่าท่านดยุกระบุมาในจดหมายเชิญว่าเป็นเขา”

                ลอร์ดบาธถอนหายใจ “เพราะผมแน่ใจว่า ถ้าบอกเขาไปแบบนั้น เขาจะไม่เต็มใจและหาเรื่องบ่ายเบี่ยงไม่ไปน่ะสิ”

                เลดี้บาธพยักหน้า “ก็จริงของคุณค่ะ แต่จอห์นคงรู้สึกไม่ดีนักถ้าเขารู้ความจริงว่าคุณหลอกเขา”

                “ผมมีประชุมจริงๆ” ลอร์ดบาธว่า “ผมไม่ได้หลอกลูก ผมแค่ไม่ได้บอกว่าท่านดยุกระบุมาว่าต้องเป็นเขาเท่านั้นเอง”

                เลดี้บาธถอนหายใจบ้าง “ฉันชอบแคทเธอรีนออกค่ะ ลูกสาวของท่านดยุกเคมบริดจ์เป็นคนแบบไหนก็ไม่รู้”

                “ได้ยินมาว่าเธอสวยมาก และชอบเล่นกีฬาด้วย ไม่แน่ว่าเธออาจจะเข้ากับจอห์นได้ดีกว่าแคทเธอรีน” ลอร์ดบาธว่า ก่อนจะบีบมือภรรยา

                “ลูกเราเพิ่งจะอายุยี่สิบสี่ เขายังมีเวลาอีกมากในการเลือกเฟ้นภรรยาสักคน ผมอยากให้เขาเลือกคนที่เข้ากันได้ดีและเหมาะสมกับเขาที่สุด”

---------------------------------------

                กอร์ดอนรู้สึกใจหายเมื่อได้รับโทรเลขจากลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่าเจ้าตัวต้องไปมิลตันด่วน โดยไม่มีการชี้แจงสาเหตุอะไรเพิ่มเติม แม้ว่าเขาจะพอเดาได้ว่าเจ้าตัวคงจะไปด้วยสาเหตุสำคัญ แต่ด้วยระยะทางทำให้เขาแน่ใจว่านอกจากเขาจะไม่ได้พบฝ่ายนั้นในตอนเย็นที่สนามรักบี้วันนี้แล้ว เขาอาจจะไม่ได้เจอฝ่ายนั้นที่สโมสรในวันพุธนี้อีกด้วย

                “อ้าว มิสเตอร์โอเดนเบิร์ก คุณไม่ไปสวนแบตเตอร์ซีแล้วหรือครับ?” เดวิดถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นนายจ้างยังคงนั่งเก็บรายละเอียดเสื้ออยู่ในห้องตัดเย็บ หลังจากเลยเวลาเลิกงานมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว กอร์ดอนพยักหน้า

                “เปลี่ยนแผนแล้วน่ะ ฉันคิดว่าคืนนี้จะไปดูโอเปร่า เห็นว่าที่โรงละครอัลแฮมกำลังเล่นเรื่องขลุ่ยวิเศษ*อยู่” (*เยอรมัน: Die Zauberflöte, อังกฤษ: The Magic Flute โอเปร่าขนาด2องค์ ที่ประพันธ์ดนตรีโดย โวฟกัง อามาเดอุส โมซาร์ท และบทร้องโดยเอมานูเอล ชิคาเนเดอร์ เป็นโอเปร่าที่มีเนื้อร้องเป็นภาษาเยอรมัน)

                “อ๋อ ลอร์ดโทรว์บริดจ์ชวนคุณไปดูใช่ไหมล่ะครับ” เดวิดพูดยิ้มๆ “ผมก็ว่าล่ะว่าใครส่งโทรเลขมาหาคุณ แต่เขาแปลกนะครับที่ใช้วิธีโทรเลขมาชวนไปดูโอเปร่า”

                “เปล่า” กอร์ดอนปฏิเสธ “เขาโทรเลขมาบอกว่าเขามีเรื่องต้องไปมิลตันด่วน”

                “อ้าว” เดวิดมีสีหน้าแปลกใจกว่าเดิม “เขาไปมิลตันหรือครับ? ไปหลายวันรึเปล่าครับ?”

                “ไม่รู้สิ คงจะหลายวันล่ะมั้ง”

                เดวิดมองนายจ้างของเขา “เพราะงั้นคุณเลยไม่ไปสวนแบตเตอร์ซี เพราะวันนี้ท่านลอร์ดคงไม่ได้ไปสินะครับ”

                “อืม”

                “แต่ท่านลอร์ดนี่ก็แปลกนะครับ ไปมิลตันต้องโทรเลขมาบอกคุณด้วย เขาทำอย่างกับว่าที่บ้านเขาไม่มีคนคอยรับเสื้อผ้าเขางั้นแหละ”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “นั่นสิ เขาคงกลัวฉันจะเอาเสื้อไปส่งเก้อล่ะมั้ง”

                จู่ๆ เด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมา จนอีกฝ่ายต้องหันไปมอง “ทำไมต้องถอนหายใจแบบนั้นล่ะ”

                “ผมกำลังคิดน่ะครับ ว่าถ้าคุณมีน้องสาวหรือลูกสาวสักคน เธอคงได้เป็นภรรยาของลอร์ดโทรว์บริดจ์แล้ว เขาเทียวเวียนมาที่นี่อยู่บ่อยๆ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุสำคัญอะไรเลย นี่ถ้ามีผู้หญิงสักคนในร้านเรานะครับ ผมฟันธงเลยว่าเขามาจีบเธอแน่นอน”

                กอร์ดอนหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม “ร้านเราก็มีมิสซิสมาร์ธาแล้วไง”

                “แหม... ไม่เอามิสซิสมาร์ธาสิครับ เอาที่เป็นสาวหน่อย”

                “ใครดีล่ะ?”

                เดวิดทำหน้าคิดหนัก “อืม... ก็คุณไงครับ ถ้าคุณเป็นผู้หญิง เขาต้องขอคุณแต่งงานแน่”

                กอร์ดอนยักไหล่ “เสียใจด้วยนะที่ฉันเป็นผู้ชาย แถมฉันก็อายุตั้งสามสิบหกแล้ว ถึงเป็นผู้หญิงก็ไม่มีใครมาขอแต่งงานแล้วล่ะ”

                เดวิดหัวเราะออกมา “ผมคิดว่าคุณจะโกรธเสียอีก ที่ผมแซวแบบนี้ แต่ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ นะครับ ผมว่าลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะอยากจะสนิทกับคุณมาก”

                “ตอนนี้เขาก็สนิทกับฉันพอสมควรแล้วล่ะ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะวางเสื้อในมือลง “เธออยากไปดูโอเปร่าด้วยกันไหม?”

                “ให้ผมไปด้วยหรือครับ?” เดวิดพูดด้วยความตื่นเต้น กอร์ดอนพยักหน้า

                “อืม เผื่อว่าไปดูแล้วจะได้เลิกเพ้อเจ้อเรื่องฉันกับลอร์ดโทรว์บริดจ์น่ะ”

                “แหม... คุณนี่เข้าใจประชดนะครับ” เดวิดหัวเราะคิกคัก “ถ้าผมแซวเรื่องนี้แล้วคุณจะประชดแบบนี้อีก ผมจะแซวให้หนักเลย”

                “งั้น... ก็อยู่บ้านเฝ้าร้านแล้วกันนะ” กอร์ดอนว่า ก่อนจะลุกเดินออกไป เดวิดรีบเดินตามเขาออกไปทันที

                “โธ่... มิสเตอร์โอเดนเบิร์กคร้าบ... ผมขอโทษ”

-----------------------------------

                แม้จะไม่ได้ไปดูการซ้อมในเย็นวันจันทร์ แต่กอร์ดอนก็ไปที่สนามแบตเตอร์ซีในเย็นวันพุธ แน่นอนว่าไม่มีแม้แต่เงาของลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ไง กอร์ดอน ฉันดีใจที่นายมาดูการซ้อม” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเดินมาทักเขาหลังจากเสร็จจากการซ้อมแล้ว “การไม่มีจอห์นนี่ทำให้ทุกอย่างดูน่าเบื่อลงไปมาก แต่พวกเราค่อนข้างชินแล้ว เพราะก่อนหน้านี้เขาก็หายตัวไปตั้งสามปี”

                กอร์ดอนยิ้มให้ฝ่ายนั้นก่อนจะทักตอบ “เขาคงไปหลายวันสินะครับ”

                “น่าจะหลายวัน ได้ยินว่าลูกสาวของท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์สนใจในตัวเขามาก ฉันแน่ใจว่าจอห์นนี่จะต้องถูกขอร้องให้อยู่ต่อมากกว่าที่เขาคิดว่าควรจะอยู่”

                “โอ...”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันรีบพูดต่อทันที “แต่นายไม่ต้องกังวลไป จอห์นนี่ไม่ใช่คนอ่อนไหวง่าย เขาเป็นคนที่หนักแน่นมั่นคงเสมอ ฉันคิดว่านายควรวางแผนรับมือตอนเขากลับมาดีกว่า เขาคงคิดถึงคนรักของเขาแทบขาดใจเลยล่ะ”

                กอร์ดอนหน้าแดง เขารีบพูดแก้ตัว “ผมไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้น...”

                “ใช่ ฉันก็เห็นอยู่ว่านายคงไม่ทันคิด” ลอร์ดหนุ่มมองเขาพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ “นี่ กอร์ดอน ฉันมีแผนจะทำให้จอห์นนี่แปลกใจตอนที่เขากลับมา นายอยากจะฟังมั้ย? แต่เรื่องนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากนายด้วยนะ”

                “ยังไงหรือครับ?” กอร์ดอนถามด้วยความสนใจ ลอร์ดจอร์จ เฟลตันเลยขยับมากระซิบข้างหูเขา ช่างตัดเสื้อทำตาโต สลับกับขมวดคิ้ว

                “ว่าไง นายตกลงจะร่วมแผนนี้ไหม?”

                “แต่... มันจะดีหรือครับ? ผมเป็นผู้ชาย ถ้าเกิดมีใครจับได้ขึ้นมา เรื่องมันจะไม่ยิ่งยุ่งหรือ?”

                “ไม่ยุ่งหรอก เราก็บอกเสียว่ากำลังเล่นปลอมตัวแบบเชอร์ลอก โฮล์มไง ฉันว่าน่าสนุกจะตาย ไม่แน่นะ ฉันอาจจะลองปลอมตัวกับนายด้วย น่าสนุกดี”

                กอร์ดอนค่อยยิ้มออกมาได้หน่อย “นั่นสินะครับ”

                “แปลว่านายตกลงสินะ”

                ยังไม่ทันที่ช่างตัดเสื้อจะได้พูดอะไรต่อ ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ก็เดินเข้ามา “ไง กอร์ดอน พวกนายคุยอะไรกันอยู่ จอร์จหลอกให้นายทำอะไรไม่ดีอีกแล้วล่ะสิ”

                ลอร์ดจอร์จ เฟลตันมองเพื่อนรักอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันไม่ได้หลอกกอร์ดอน นายพูดอะไรน่ะแมกซ์”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ยักไหล่ “ถ้านายไม่ได้หลอกอะไรเขา งั้นนายก็เล่ามาสิว่าคุยอะไรกับเขาอยู่”

                “ฉันไม่ยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้นายชอบสอดเรื่องคนอื่นแล้ว”

                “เปล่าเลย ฉันแค่ลองเลียนแบบนายน่ะ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูด ก่อนจะเดินมาหากอร์ดอน แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ฉันน่ะไม่อยากยุ่งเรื่องของพวกนายสองคนหรอกนะ แต่สีหน้าจอร์จเมื่อตะกี้มันไม่น่าไว้ใจมากๆ ถ้านายเป็นผู้หญิงฉันคงรีบเตือนให้ถอยห่างจากเขาทันที”

                กอร์ดอนหัวเราะออกมา “เขาทำหน้าแบบไหนหรือครับ?”

                “โอ... ฉันคงเลียนแบบไม่ได้หรอก มันเป็นหน้าแบบเฉพาะของจอร์จน่ะ”

                “แมกซ์!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันพูดออกมาอย่างเหลือทน “เอาหูนายมานี่เลย ถ้านายอยากรู้ ฉันจะเล่าให้ฟังเอง”

                ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์เอียงหูไปหาเพื่อนรักทันที พอฟังจบ เขาก็หันไปมองกอร์ดอน

                “นายเห็นด้วยใช่ไหม?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันถามอย่างคาดคั้น “นายต้องเห็นด้วยกับฉันสิแมกซ์”

                “ไม่รู้สิ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ทำหน้าคิดหนัก “ฉันคิดว่านายไม่ควรให้กอร์ดอนทำแบบนั้นคนเดียว นายควรจะทำเป็นเพื่อนเขาด้วย”

                “อ๋อ แน่นอน ฉันจะทำเรื่องนั้นเป็นเพื่อนเขา ฉันเลือกชุดไว้แล้ว ฉันอาจจะแต่งเป็นตาแก่สักคน”

                “ไม่” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ปฏิเสธทันที “นายต้องแต่งแบบกอร์ดอน”

                “อะไรนะ?” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องขึ้น ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์พูดย้ำ

                “นายให้กอร์ดอนแต่งเป็นอะไร นายก็จะต้องแต่งแบบเขา” พูดจบเขาก็รีบหันไปหาช่างตัดเสื้อ “นายอย่ารับปากเขานะ จนกว่าเขาจะรับปากว่าจะแต่งเป็นเพื่อนนาย”

                “โอ้ แมกซ์!” ลอร์ดจอร์จ เฟลตันร้องออกมาอย่างขัดใจ “นายจะไปเป่าหูกอร์ดอนแบบนั้นไม่ได้ ถ้าฉันแต่งเหมือนเขา มันก็ประหลาดน่ะสิ ที่สำคัญ ฉันต้องเดินคนเดียวด้วยนะ ไม่เอาหรอก”

                “ฉันจะเดินเป็นเพื่อนนายเองจอร์จ” ลอร์ดแมกซ์ เมอร์เรย์ว่า “ฉันจะเป็นชายหนุ่มผู้เสียสละคนนั้นเอง”

---------------------------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินทางถึงคฤหาสน์ของท่านดยุกแห่งเคมบริดจ์ก่อนเวลาหกโมงเย็นเล็กน้อย เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ บุตรสาวคนเล็กของท่านดยุกแสดงความสนใจในตัวเขาอย่างเปิดเผย เธอเพิ่งจะอายุครบยี่สิบปีเต็ม เป็นสาวสวยผมลอนสีน้ำตาลแดง รูปร่างทะมัดทะแมงอย่างนักกีฬา เธอสวมชุดสวยลงมาพบเขาทันทีที่เห็นว่ารถม้าซึ่งไปรับเขาที่สถานีรถไฟเข้ามาในคฤหาสน์ และบอกเขาถึงความประทับใจที่เธอมีต่อเขาจากข่าวเรื่องการชกมวย

                “โอ... สายัณห์สวัสดิ์ค่ะ ลอร์ดจอห์น โทรว์บริดจ์ ฉันดีใจเหลือเกินที่คุณให้เกียรติมาตามคำเชิญของท่านพ่อ ฉันมีโอกาสได้ไปชมการชกมวยของคุณ มันเป็นไฟต์ที่วิเศษมากค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ทวนคำของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ในใจ และรู้ตัวทันทีว่าเขาถูกหลอกให้มา ท่านดยุกไม่ได้เชิญพ่อของเขา แต่เจาะจงเชิญตัวเขาต่างหาก

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินนำเขาเข้าไปภายในคฤหาสน์ เขาได้รับเกียรติให้ร่วมโต๊ะรับประธานอาหารเย็นกับท่านดยุกและภริยา รวมถึงบรรดาลูกๆ ทั้งสามคนของเขา ดยุกเคมบริดจ์สั่งให้จัดห้องที่ดีที่สุดให้เขา หลังมื้ออาหารเย็น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ชวนเขาไปเดินเล่นด้วยกันในสวน

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ค้นพบว่า ถ้าเขาจะมีน้องสาวสักคน คงจะมีนิสัยและลักษณะท่าทางเหมือนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์นี่แหละ

                พวกเขาคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ มากมาย และสนิทกันอย่างรวดเร็วภายในค่ำคืนเดียว เช้าวันรุ่งขึ้น ในงานวันเกิดของท่านดยุก เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกซ์ก็แสดงให้ทุกคนเห็นว่าเธอไม่ต้องการมีปฏิสัมพันธ์กับชายใดนอกจากท่านเอิร์ลหนุ่มแห่งโทรว์บริดจ์ซึ่งเดินทางมาจากลอนดอนคนนั้น แน่นอนว่าเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับหนุ่มๆ หลายคนเป็นอันมาก หนึ่งในนั้นคือลอร์ดเซลบี ลูกชายของท่านเอิร์ลแห่งบาร์ลบี ซึ่งได้รับเชิญมาร่วมงานเลี้ยงเช่นกัน

                “ไง จอห์น ฉันไม่ยักรู้ว่านายได้รับเชิญมาร่วมงานนี้ด้วย นายมาเป็นตัวแทนพ่อนายหรือ?” ลอร์ดเซลบีเดินเข้ามาทักทายลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่หน้าคอร์ทเทนนิส ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาแล้วยักไหล่

                “เปล่า ท่านดยุกเชิญฉัน ไง แพตทริก ฉันไม่ยักเจอนายบนรถไฟเมื่อวาน”

                “ฉันมาถึงนี่ตั้งแต่วันอาทิตย์” ลอร์ดเซลบีว่า ก่อนจะขยับมากระซิบ “นายหยุดทำตัวติดกับอเล็กซานดร้าที นายมีเลดี้แคทเธอรีนอยู่แล้วนี่”

                ยังไม่ทันที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์จะได้ตอบอะไร เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็เดินมาหาพวกเขาทั้งสองคน “โอ้ คุณรู้จักกับแพตทริกด้วยหรือคะจอห์น? ฉันเอาน้ำมาให้ค่ะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์หันไปรับแก้วน้ำมาจากมือเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ “ความจริงแล้วคุณสั่งให้คนรับใช้เอามาให้ผมก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากถือมาเองเลย”

                “ก็ฉันอยากให้คุณเองกับมือนี่คะ” หญิงสาวพูดก่อนจะยิ้มหวานให้เขา ลอร์ดเซลบีกระแอมไอขึ้นมา

                “อเล็กซานดร้า ผมเองก็หิวน้ำเหมือนกัน”

                “อ๋อ ฉันจะบอกให้คนเอามาให้คุณนะคะ”

                ลอร์ดเซลบีถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง เขามองลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างขุ่นเคือง ขณะที่เลดี้อเล็กซานดร้าพูดอย่างอารมณ์ดี

                “ฉันไม่รู้มาก่อนว่าพวกคุณสองคนรู้จักกัน อันที่จริงแล้วคงเพราะจอห์นไม่เคยมางานวันเกิดของท่านพ่อมาก่อน ฉันนี่พลาดจัง ทำไมถึงไม่บอกให้ท่านพ่อชวนคุณแต่แรกนะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์คลี่ยิ้ม “งั้นแสดงว่าแพตทริกคงมาประจำ”

                “อ๋อ แน่นอนค่ะ เขามาทุกปี สักห้าปีได้แล้วเนอะที่คุณมางานวันเกิดของคุณพ่อ” เธอหันไปมองลอร์ดเซลบีแว้บหนึ่ง “พอดีว่าเขาเป็นเพื่อนกับเจเรมน่ะค่ะ”

                “หืม?”

                ยังไม่ทันที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะได้อธิบายอะไรต่อ เจ้าของชื่อก็เดินตรงเข้ามา

                “ไง อเล็กซี่ ฉันคิดแล้วว่าเธอจะต้องอยู่แถวๆ คอร์ทเทนนิสนี่”

                “ว้าว เจเรม ฉันคิดว่านายจะไม่มาเสียแล้ว”

                “ฉันไม่มีทางพลาดงานวันเกิดของท่านลุงสุดที่รักหรอก”

                ทั้งสองคนทักทายกันอย่างสนิทสนม ก่อนที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะหันมาแนะนำเขาให้กับลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “นี่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดค่ะ พวกเราเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน”

                “ไง จอห์น” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดทักอีกฝ่ายยิ้มๆ “นึกอยู่เหมือนกันว่าอเล็กซี่จะต้องเชิญนาย แต่ก็ผิดคาดนะที่นายยอมมา”

                “ไง เจเรมี่ ฉันก็คิดๆ อยู่ว่าน่าจะได้เจอนายที่นี่”

                “อ้าว พวกคุณรู้จักกันอยู่แล้วหรือคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พูดด้วยความแปลกใจ ทั้งสองคนพยักหน้า ก่อนที่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดจะพูดขึ้นต่อ

                “ใครๆ ในลอนดอนก็ต้องรู้จักจอห์นกันทั้งนั้นแหละ เขาเป็นลอร์ดหนุ่มที่มีชื่อเสียงมาก ใช่ไหมจอห์น?”

                “ไม่ขนาดนั้นหรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “มันก็แค่คำร่ำลือ”

                เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดหรี่ตามองเขา แล้วยิ้มที่มุมปาก “นายกับแคทเธอรีนเป็นไงบ้าง?”

                ลอร์ดเซลบีรีบสมบททันที “นั่นสิจอห์น นายกับแคทเธอรีนไปถึงไหนกันแล้ว”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เบิ่งตามองลอร์ดโทรว์บริดจ์ “แคทเธอรีนคือใครหรือคะ?”

                “อ๋อ เพื่อนคนหนึ่งของผม” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ผมสนิทกับเธอมาก เธอเป็นสาวสวยที่ชาญฉลาดทีเดียว พวกเราดื่มชากันทุกบ่ายวันอังคาร”

                “เธอเล่นกีฬาเก่งรึเปล่าคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถามด้วยสีหน้าหงุดหงิดเล็กๆ ลอร์ดโทรว์บริดจ์สั่นศีรษะ

                “ผมไม่ทราบ เธอไม่เคยแสดงออกว่าชอบเล่นกีฬา แต่เธอชอบเล่นเปียโน พวกเราเคยเล่นด้วยกันหนหนึ่ง”

                “โอ... คุณชอบผู้หญิงที่เล่นดนตรีเก่งหรือคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หน้าสลด “แต่ฉันเล่นไม่เก่งเอาเสียเลยค่ะ ฉันคงต้องหาคนช่วยสอน”

                “ผมพอจะสอนให้คุณได้” ลอร์ดเซลบีเสนอตัวขึ้นมา แต่หญิงสาวทำเป็นไม่ได้ยิน เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดขำพรวดออกมา เขาหันไปหาลอร์ดเซลบีและลอร์ดโทรว์บริดจ์

                “ไหนๆ พวกนายก็มาอยู่กันตรงนี้แล้ว ฉันคิดว่าพวกนายน่าจะเล่นเทนนิสกันสักเกม ยกเว้นว่านายจะเหนื่อยจนไม่มีแรงจะเล่นต่อแล้วน่ะนะจอห์น”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ยักไหล่ “ฉันยังเล่นได้อีกยาว นายควรถามแพตทริก ว่าเขาเต็มใจเล่นกับฉันหรือเปล่า?”

                “อ๋อ แน่นอนจอห์น ฉันจะเล่นเทนนิสกับนาย” ลอร์ดเซลบีว่า จากนั้นทั้งสองคนก็หยิบแร็กเก็ตแล้วไปยืนคนละฟากของสนาม เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดให้สัญญาณเริ่มการแข่งกัน

                “โอ้ ฉันนึกอยู่แล้วเชียวว่าเขาต้องออมมือให้” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ร้องออกมาหลังจากทั้งสองหนุ่มผลัดกันตีโต้ลูกสักหลาดไปมา

                “เธอหมายถึงใคร จอห์นหรือ?”

                “ใช่” หญิงสาวพยักหน้า “เขาตีแพ้ฉันไปตั้งสามเกม ฉันคิดแล้วเชียวว่าเขายังไม่เอาจริง” เธอพูดพลางแสร้งทำหน้าโมโห แต่มุมปากกลับปรากฏรอยยิ้มนิดๆ เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดมองลูกพี่ลูกน้องของเขา แล้วถอนหายใจ

                “นี่... อเล็กซี่ เธอน่ะหลงเขาออกนอกหน้ามากนะ รู้ตัวรึเปล่า ฉันได้ยินว่าเธอไม่ยอมเสวนากับสุภาพบุรุษคนไหนเลย นอกจากเขา”

                “โอ้ เจเรม นายก็รู้ว่าฉันไม่เคยประทับใจชายคนไหนเลย จนกระทั่งฉันได้เห็นการชกมวยของเขา โอ้ ดูสิ ท่าทางเขาช่างสง่างามสมชายชาตรีเหลือเกิน” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มองลอร์ดโทรว์บริดจ์ที่กำลังเล่นเทนนิสอยู่ในสนามอย่างหลงใหล “เขาต้องเป็นชายที่พระเจ้าสร้างมาเพื่อคู่กับฉัน”

                “มั่นใจไปหน่อยมั้ง” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “เขากำลังคบหาอยู่กับเลดี้แคทเธอรีน แบรนดอน เธอเป็นสุภาพสตรีที่น่ารักอ่อนหวาน และสวยขนาดที่ใครเห็นก็ต้องมองเหลียวหลัง”

                “เธอสวยกว่าฉันอีกหรือ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถาม เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดกวาดตามองลูกพี่ลูกน้องของเขา

                “พวกเธอสวยกันคนละแบบ” เขาว่า เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ร้องอย่างขัดใจ

                “เป็นคำตอบที่แย่มากของพวกผู้ชาย” เธอว่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่ฉันไม่สนใจหรอก เธอจะสวยขนาดไหน ตราบใดที่พวกเขายังไม่แต่งงานกัน นั่นก็หมายความว่าฉันยังมีสิทธิ์”

                “โอ้... ให้ตาย” บารอนหนุ่มคราง “ทำไมเธอจะต้องสนใจผู้ชายที่หยิ่งยโสโอหังอย่างจอห์นด้วย”

                “ฉันไม่เห็นว่าเขาจะหยิ่งยโส หรือโอหังตรงไหนเลย เขาถ่อมตัวออกจะตาย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า

                “โอ... ถ้าเธอรู้จักเขาดี เธอจะต้องไม่พูดแบบนี้แน่”

                หญิงสาวหันมามองญาติผู้พี่ของเธอทันที “นายรู้จักเขาดีหรือ เจเรม? ไหนเล่ามาสิ ว่าเขาเป็นยังไง แล้วทำไมนายถึงไม่ยอมบอกฉันแต่แรกว่านายรู้จักเขา ฉันเขียนจดหมายถามนายเรื่องเขาไปตั้งเยอะ แต่นายกลับตอบเหมือนไม่รู้จักเขาเลย”

                “เพราะฉันไม่อยากอ่านคำพร่ำพรรณนาที่เธอเขียนถึงเขาน่ะสิ” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดตอบ ก่อนจะพูดต่อ “ฉันกล้าพูดได้เลยว่าเขาคือลอร์ดหนุ่มที่โอหังที่สุดในลอนดอน เขาไม่เคยก้มหัวให้ใคร ถ้าเขาอยากได้อะไร เขาจะต้องได้ และเธอจะไม่มีวันได้ยินคำว่า “ได้โปรด” หลุดออกมาจากปากเขาอย่างเด็ดขาด”

                “โอ... ฟังดูฉันยิ่งรู้สึกว่าเขาช่างเป็นสุภาพบุรุษที่น่าปลื้ม” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ฉันยังไม่เห็นเลยว่าเขามีส่วนไม่ดีตรงไหน”

                “ให้ตาย...” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดคราง “เขาคงจะดูเป็นอย่างนั้นในสายตาสาวๆ แบบเธอ แต่ไม่ใช่ในสายตาของเพศเดียวกันหรอก”

                “แสดงว่านายริษยาเขา เขาเก่งมากใช่ไหม นอกจากเขาจะชกมวยเก่งแล้ว เขายังเล่นเทนนิสเก่ง แล้วเขายังได้เป็นตัวแทนคัดเลือกคนไปแข่งรักบี้การกุศลต่อหน้าเจ้าชาย โอ... ฉันก็เข้าใจหรอกนะว่าหนุ่มๆ คนอื่นคงจะริษยาเขาเป็นธรรมดา เขามีทุกอย่างที่สุภาพบุรุษควรจะมี ถ้าฉันได้รักกับเขา ฉันคงมีความสุขมาก”

                เซอร์เจเรมี่ ตัดสินใจไม่เล่าเรื่องที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์เดินดุ่มๆ เข้าไปถล่มพวกเขาที่สโมสรฟันดาบ เพราะเกรงว่านอกจากจะไม่อาจทำให้ลูกพี่ลูกน้องสาวของเขาไม่ประทับใจในตัวเอิร์ลหนุ่มแล้ว เผลอๆ เธอจะยิ่งคลั่งไคล้เขามากกว่าเก่า

                “งั้นขอให้เธอโชคดีกับเขาแล้วกัน” บารอนหนุ่มพูด แล้วเตรียมจะเดินออกไป เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เรียกตัวเขาไว้

                “เดี๋ยวสิ เจเรม อย่าเพิ่งไป”

                “อะไรอีกล่ะ ฉันไม่อยากอยู่ฟังเธอเพ้อถึงจอห์นหรอกนะ”

                “โอ้ นายจะต้องอยู่” หญิงสาวว่า ก่อนจะพูดต่อ “นายจะต้องมาตีเทนนิสคู่กับแพตทริก ฉันจะได้ตีคู่กับจอห์นไง”

                “ทำไมเธอไม่ไปตีคู่กับแพตทริก” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “เธอจะได้รู้ไงว่าเธอตีเทนนิสเก่งกว่าจอห์นรึเปล่า”

                “ฉันไม่จับคู่กับแพตทริกหรอก เขาปวกเปียกจะตาย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ว่า “ดูสิ ขนาดลูกง่ายๆ แบบนั้นเขายังรับไม่ได้เลย ถ้าเป็นฉันยืนอยู่ตรงนั้นนะ...”

                “งั้นเธอก็ควรจับคู่กับเขา” ญาติของเธอย้ำ “เธอจะได้รู้ว่าเธอเก่งกว่าแพตทริกอย่างที่ปากพูดหรือเปล่า? ฉันกลัวแต่ว่าเธอจะปวกเปียกกว่าเขาอีกน่ะซี่”

                “ไม่มีทาง!” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เชิดหน้า “ก็ได้ ฉันจะจับคู่กับแพตทริก นายเองก็บอกจอห์นด้วยล่ะว่าอย่าออมมือ ฉันจะโกรธมากถ้าเขายังทำเหมือนว่าฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่ง”

                “ได้ ฉันจะบอกเขาให้ แต่ฉันคิดว่าเธอคงจะเปลี่ยนใจหลังจากนั้นไม่นานหรอก”

----------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์เลิกคิ้วเมื่อเซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ด มาพูดกับเขาเรื่องตีเทนนิส เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จึงพูดเสริมขึ้น

                “จอห์น ฉันไม่อยากให้คุณมองฉันเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ ฉันเองก็เป็นนักกีฬาคนหนึ่ง ในฐานะนักกีฬาด้วยกัน คุณควรจะเล่นกับฉันได้เต็มที่”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเธออยู่อึดใจ ก่อนจะพยักหน้า “ก็ได้อเล็กซานดร้า ผมจะพยายามทำให้เต็มที่”

                ทั้งสี่คนหันมาประจันหน้ากันคนละฟากของคอร์ทเทนนิส โอลิเวอร์ถูกเรียกมาเป็นกรรมการ ฝ่ายของลอร์ดโทรว์บริดจ์ได้เริ่มเสิร์ฟก่อน เพราะชนะการทายเหรียญ ลอร์ดหนุ่มส่งลูกให้บารอน

                “นายเสิร์ฟเถอะ”

                “เห็นแก่พระเจ้า จอห์น” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดพูดกับเขา “นายควรจะเสิร์ฟลูกนี้ และต้องเสิร์ฟใส่อเล็กซี่ด้วย เธอจะได้รู้ว่านายไม่ได้ออมมือ”

                “โธ่ นายจะบ้าหรือ เธอเป็นผู้หญิงนะ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ต่อให้เธอเก่งยังไง เธอก็เป็นผู้หญิงอยู่ดี”

                “ระวังนะจอห์น ถ้าเธอได้ยินนายพูดแบบนี้ เธอจะต้องเอาแร็กเก็ตหวดหน้านายแน่ เอาลูกไป แล้วแสดงให้เธอเห็นว่านายให้เกียรติเธออย่างนักกีฬาคนหนึ่ง”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์มองเขาอยู่อึดใจ ก่อนจะยื่นมือไปรับลูกเทนนิส

                ฟุ่บ!

                ก่อนที่เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จะทันได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร โอลิเวอร์ก็ขานคะแนนให้ฝั่งของลอร์ดโทรว์บริดจ์ เธอเงยหน้ามองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ลอร์ดหนุ่มรับลูกเทนนิสที่คนรับใช้โยนมาให้ แล้วเสิร์ฟอีกครั้ง

                ฟุ่บ!

                ลูกตกกระทบพื้นท้ายคอร์ทและกระดอนออกไปอย่างรวดเร็ว เร็วจนเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ไม่ทันได้ขยับแร็กเก็ตด้วยซ้ำ

                โอลิเวอร์หมุนเข็มนาฬิกาไปที่เลขหก ลอร์ดเซลบีพูดขึ้น “อเล็กซานดร้า ผมจะไปรับลูกเสิร์ฟแทนคุณเอง”

                “ไม่ ฉันจะรับเอง” หญิงสาวพูดเสียงแข็ง “ฉันจะต้องรับให้ได้”

                “เอาให้เต็มที่ จอห์น” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “ฉันแน่ใจว่าอีกสองลูกอเล็กซี่จะต้องยอมแพ้”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์ขมวดคิ้วอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เขาก็ยังคงเสิร์ฟลูกแรงเหมือนเดิม

                พล็อก!

                “โอ๊ย!”

                คราวนี้เลดี้อเล็กซานดร้ารับลูกได้ทัน แต่ด้วยความแรงทำให้แร็กเก็ตกระเด็นออกจากมือของเธอ หญิงสาวเสียหลักหงายหลังลงไปบนพื้นหญ้า ลอร์ดเซลบีรีบถลันเข้าไปประคองเธอทันที

                “เป็นอะไรรึเปล่า”

                เธอพยายามปัดมือลอร์ดหนุ่มออกอย่างสุภาพ แต่เมื่อเห็นลอร์ดโทรว์บริดจ์วิ่งหน้าตื่นเข้ามา เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็ร้องโอดโอยขึ้นมาทันที

                “โอย... ฉันเจ็บเหลือเกินค่ะ คิดว่าข้อมือคงเคล็ด”

                “โอ... ผมขอโทษ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดเต็มที่ เขาตะโกนสั่งให้โอลิเวอร์ไปตามหมอ ก่อนจะขยับเข้าไปประคองตัวเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ขึ้นมา

                “โอ... ฉันเจ็บขาเหลือเกิน” เธอครวญคราง สีหน้าของลอร์ดโทรว์บริดจ์เคร่งเครียดกว่าเดิม

                “คุณลุกไหวไหม?”

                หญิงสาวรีบสั่นศีรษะทันที ลอร์ดเซลบีรีบพูดขึ้น “งั้นผมจะประคองคุณไปเอง”

                “โอ้ จอห์น... ได้โปรดช่วยฉันด้วยค่ะ ฉันเจ็บเหลือเกิน คิดว่าคงจะเดินไม่ไหวค่ะ” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงของลอร์ดเซลบี เธอเงยหน้าขึ้นมองลอร์ดโทรว์บริดจ์อย่างอ้อนวอน

                “งั้นเดี๋ยวผมจะอุ้มคุณไป”

                รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของหญิงสาว ในตอนที่ลอร์ดโทรว์บริดจ์ช้อนตัวเธอขึ้นมาจากพื้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์โอบมือรอบคอของเขา แล้วพิงศีรษะเข้ากับซอกไหล่ของชายหนุ่มอย่างออดอ้อน

                “ขอบคุณนะคะจอห์น คุณช่างใจดีเหลือเกิน”

                ลอร์ดเซลบีโกรธจนหน้าแดง ขณะที่เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดได้แต่ถอนหายใจ

--------------------------------------


ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
                หมอถูกตามตัวมาหลังจากนั้นไม่นาน เขาเข้าไปดูอาการของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ที่นอนอยู่บนเก้าอี้ยาวตรงระเบียงชั้นล่างของคฤหาสน์ และลงความเห็นว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก เต็มที่ก็แค่เคล็ดเล็กน้อย หลังจากพยายามใช้สายตาบีบคั้นหมอหนุ่มผู้แสนซื่ออยู่นาน เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็จำต้องยอมรับอย่างอายๆ ว่าเธอคงตกใจเกินไปจึงทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าที่ควรจะเป็น ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงออกความเห็นว่าเธอควรจะพักสักครู่ จากนั้นเขาก็รีบชวนเซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดและลอร์ดเซลบีออกไป แต่ฝ่ายหลังไม่ยินยอม พวกเขาจึงออกกันมาแค่สองคน

                “โอ้ ให้ตาย เจเรมี่ งานนี้นายต้องช่วยฉัน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์กระซิบบอกบารอนหนุ่ม “ญาติของนายพยายามจะปั่นหัวฉัน”

                “เธอเป็นเลดี้ และเธอเป็นลูกสาวของท่านลุงฉัน” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า “นายควรจะให้เกียรติเธอหน่อย เพราะเธอคลั่งไคล้นายมาก”

                “ฉันให้เกียรติเธอเต็มที่อยู่แล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันบอกนายได้ว่าฉันรู้สึกดีกับเธอมาก ในแง่น้องสาว เธอเป็นน้องสาวที่น่ารักมากในสายตาฉัน ถ้าฉันมีน้องสาวอย่างเธอสักคนอยู่ที่บ้านคงเป็นเรื่องน่าสนุกไม่น้อย แต่ฉันจะไม่คิดกับเธอในแง่อื่น”

                “งั้นนายควรจะบอกเธอไปตรงๆ” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดว่า ลอร์ดโทรว์บริดจ์จ้องหน้าเขา

                “นายคิดว่าฉันไม่ได้พูดงั้นหรือ ฉันบอกเธอไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าฉันรู้สึกดีกับเธอมาก ในแง่ของน้องสาวคนหนึ่ง แล้วดูสิวันนี้เกิดอะไร เธอแกล้งให้ฉันอุ้มเธอขึ้นมา โอ... ถ้าเธอบอกฉันตรงๆ ฉันคงจะโมโหน้อยกว่านี้ ฉันไม่ชอบโดนหลอก เจเรมี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้หญิงที่ฉันไม่ได้รัก”

                “รู้อะไรมั้ย?” เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดจ้องตอบ “นายนี่เป็นผู้ชายที่ตรงไปตรงมาจนน่าต่อย แต่ฉันยอมรับความจริงใจของนาย อย่างน้อยๆ นายก็มาพูดเรื่องนี้กับฉันตรงๆ ได้... ฉันจะพยายามช่วยนาย แต่ฉันไม่รับประกันหรอกนะ อเล็กซี่เป็นผู้หญิงที่จริงจังกับสิ่งที่เธอต้องการมาก เธอจะไม่ยอมปล่อยมือจากอะไรง่ายๆ นายอาจจะต้องทนๆ เอาหน่อย ก็แค่วันนี้สักวัน พรุ่งนี้นายก็อ้างธุระด่วนจับรถไฟกลับลอนดอนเลย”

                “ตกลง ฉันจะอดทนกับเธออย่างเต็มที่”

-------------------------------------

                ทว่าในเช้าวันรุ่งขึ้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์กลับป่วยขึ้นมาจริงๆ เธอไข้ขึ้นสูงและเพ้อถึงแต่ชื่อของลอร์ดหนุ่ม หมอที่มาตรวจอาการลงความเห็นว่า คงจะเกิดจากการที่เธอพักผ่อนน้อย และตากแดดกับออกแรงมากเกินไป สาวใช้แอบมาเล่าให้ลอร์ดโทรว์บริดจ์ฟังหลังจากนั้นว่า คืนวันเสาร์ที่มีฝนตกหนัก เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์เดินฝ่าฝนออกไปท่ามกลางความมืด เพื่อให้แน่ใจว่าแปลงดอกไม้ที่เธอเตรียมไว้ต้อนรับเขาจะไม่ถูกฝนตีจนพินาศ และเธอยังตื่นเต้นจนนอนไม่ค่อยหลับติดกันมาหลายคืน เมื่อได้รู้ว่าลอร์ดหนุ่มตอบตกลงจะมาตามคำเชิญ

                ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวล ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงไม่อาจกลับมายังลอนดอนตามความตั้งใจเดิมได้ เขาสั่งให้โอลิเวอร์ไปส่งโทรเลขสามฉบับ ฉบับแรกส่งถึงลอร์ดบาธพ่อของเขา ฉบับต่อมาส่งถึงลอร์ดจอร์จ เฟลตัน และฉบับสุดท้ายส่งถึงกอร์ดอน โอเดนเบิร์ก ทั้งหมดมีเนื้อหาอย่างเดียวกัน คือเขาไม่สามารถกลับไปตามกำหนดเดิมได้ แต่จะพยายามกลับไปให้เร็วที่สุด

                เขาอยู่ให้กำลังใจเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อย่างใกล้ชิด สลับกับเซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ด และลอร์ดเซลบี (ซึ่งเซอร์เจเรมี่พยายามหาข้ออ้างต่างๆ นานา เพื่อช่วยให้เขาได้อยู่ใกล้ชิดกับเลดี้อเล็กซานดร้าในช่วงเวลาวิกฤติ) แน่นอนว่าเขาคิดถึงช่างตัดเสื้ออย่างสุดหัวใจ ในคืนวันพุธ หลังจากเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หลับลงแล้ว เขาก็ออกมายืนสูบบุหรี่ที่ระเบียงห้องพัก พลางคิดถึงสีหน้าและแววตาของช่างตัดเสื้อ และสงสัยว่าตัวเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่

                “คุณดูเหม่อจังเลยนะคะ”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์สะดุ้ง เขาหันไปมองเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ ซึ่งนอนป่วยและเพ้อด้วยพิษไข้มาถึงสองวันแล้ว หญิงสาวกำลังลืมตามองเขา แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนแรง

                “ฉันดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นคุณนั่งอยู่ตรงนี้ ฉันไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหมคะ? ที่นั่งอยู่นี่เป็นคุณจริงๆ ใช่ไหมจอห์น”

                “แน่นอน ผมเอง” ลอร์ดโทรว์บริดจ์จับมือของเธอขึ้นมาบีบ แล้วยิ้ม “คุณรู้สึกดีขึ้นหรือยัง?”

                “โอ... ฉันยังรู้สึกมึนๆ อยู่ค่ะ เหมือนว่าฉันฝันร้ายนานมาก”

                “คุณไม่ได้สติอยู่ตั้งสองวันแน่ะ” เขาบอกเธอ “ทุกคนเป็นห่วงคุณมาก ทั้งท่านดยุก ท่านดัชเชส เจเรมี่ แล้วก็แพตทริก เขากินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว”

                “แล้วคุณล่ะคะ?” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ถามเขา “ห่วงฉันหรือเปล่า?”

                “แน่นอน ไม่งั้นผมจะนั่งอยู่ตรงนี้หรือ?”

                เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจ ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดต่อ “คุณอยากได้อะไรไหม? น้ำดื่ม? หมอ? เดี๋ยวผมจะตะโกนให้คนไปตามมาให้”

                “ฉันอยากดื่มน้ำค่ะ” หญิงสาวบอกเขา ลอร์ดหนุ่มจึงเดินไปรินน้ำใส่แก้ว แล้วช่วยพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้นมานั่ง และประคองแก้วเอาไว้ระหว่างที่เธอดื่มน้ำจากมัน

                “ขอบคุณค่ะ” เธอพูดและเอนตัวลงอีกครั้ง ลอร์ดโทรว์บริดจ์วางแก้วน้ำลงบนโต๊ะ

                “ผมจะไปตามท่านดยุกกับท่านดัชเชส พวกเขาคงดีใจมากที่คุณได้สติแล้ว”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ดึงขากางเกงของเขาเอาไว้ ก่อนจะช้อนตามองเขาอย่างอ้อนวอน “ให้ฉันได้คุยกับคุณแบบนี้อีกสักครู่ได้ไหมคะ?”

                “ได้สิ” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ตอบและหันกลับมาหาเธออีกครั้ง เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พยายามยื่นมือขึ้นมา ลอร์ดหนุ่มจึงกุมมือของเธอเอาไว้ หญิงสาวยิ้มออกมาอีกครั้ง

                “โอ... ฉันไม่คิดเลยว่าจะมีผู้ชายที่ทำให้ฉันหลงใหลได้มากถึงเพียงนี้” เธอพูด และหน้าแดงขึ้นมา “ฉันไปดูการชกของคุณเพียงเพราะคำชวนของเพื่อนแท้ๆ แต่พอฉันเห็นคุณบนเวทีนั่น ฉันก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่าฉันได้พบกับสุภาพบุรุษที่แท้จริงแล้ว”

                “คุณมองผมดีเกินไปแล้ว” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดยิ้มๆ “ผมก็แค่ผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ที่ชอบทำเรื่องตื่นเต้นไปเรื่อยเท่านั้นเอง”

                หญิงสาวมองเขาอย่างปลาบปลื้ม ก่อนจะถอนหายใจยาว “เธอสวยมากไหมคะ?”

                “หืม?”

                “คนรักของคุณน่ะค่ะ”

                “โอ...”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์บีบมือของเขา “แสดงว่าคุณมีคนรักอยู่แล้วจริงๆ” เธอถอนหายใจอีกครั้ง “เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนคะ?”

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์นิ่งไปพักใหญ่ๆ “เธอ... สวยมาก สวยที่สุดในสายตาผม... เธอคือทุกอย่างที่พระเจ้าสั่งให้ผมรัก”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์มองเขาเงียบๆ “เธอคือคนที่คุณคิดถึงเมื่อครู่สินะคะ คุณพบกับเธอนานหรือยังคะ?”

                “ตั้งแต่วันแรกที่ผมกลับมาจากอเมริกา” ลอร์ดหนุ่มว่า “มันเป็นการพบกันโดยบังเอิญ ผมรักเธอหมดหัวใจตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็นเธอ”

                “โอ...” น้ำตาใสๆ ไหลซึมออกมาจากหางตาของหญิงสาว ลอร์ดโทรว์บริดจ์ใช้มือเช็ดมันเบาๆ

                “ผมต้องขอโทษที่ทำให้คุณผิดหวัง แต่ผมไม่ต้องการให้ความหวังที่ไม่มีทางเป็นไปได้กับคุณ”

                น้ำตาไหลหลั่งออกมาจากดวงตาสีเขียวคู่สวยของเธอ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์สูดหายใจลึก เธอใช้ความพยายามอย่างมากในการสะกดกลั้นอาการสะอึกสะอื้น ลอร์ดโทรว์บริดจ์บีบมือเธอเอาไว้

                “ผมไม่ควรพูดเรื่องนี้ให้คุณฟังเลย คุณเพิ่งฟื้นจากไข้แท้ๆ”

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ในที่สุด เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ก็เค้นคำพูดออกมาได้ เธอสูดหายใจอยู่อีกครั้งสองครั้ง “ฉันเป็นคนถามคุณเอง ที่จริงฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่เราคุยกันแล้วค่ะว่าคุณต้องมีคนรักอยู่แล้ว”

                “....”

                “จอห์นคะ มันอาจจะเป็นคำขอที่น่าละอายมาก ฉันรู้ว่าตัวเองคงเป็นผู้หญิงที่ไร้ยางอายในสายตาของคุณ แต่ฉันอยากใช้สิทธิ์ในฐานะผู้ป่วย ขอให้คุณปฏิบัติกับฉันเหมือนว่าฉันเป็นคนรักของคุณ จะได้หรือเปล่าคะ?”

                “โอ...”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์รีบพูดขึ้นต่อ “ได้โปรดเถอะค่ะ แค่เพียงชั่วคราว ฉันอยากรู้ว่าการได้เป็นคนที่คุณรักนั้นมีความสุขขนาดไหน แค่วันเดียวก็ยังดี”

                “แต่คุณจะเป็นแค่ตัวแทนของคนอื่น”

                “ไม่เป็นไรค่ะ ขอแค่คนที่รักเป็นคุณก็พอ”

-----------------------------

                ท่านดยุกและท่านดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ดีใจมากที่ลูกสาวคนเล็กของพวกเขาฟื้นจากไข้ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์บอกพวกเขาถึงเรื่องที่เธอร้องขอต่อลอร์ดโทรว์บริดจ์ ในตอนแรกท่านดยุกไม่เห็นด้วย ท่านมองว่ามันเป็นการเสียเกียรติที่บุตรสาวของท่านจะถูกใช้เป็นตัวแทนของผู้หญิงคนอื่น แต่ท่านดัชเชสพยายามรบเร้าด้วยความสงสารบุตรสาว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงช่วยรับรองว่าจะไม่มีการเกินเลยกันทางด้านร่างกาย เขาจะปฏิบัติต่อเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์อย่างเดียวกับที่สุภาพบุรุษจะปฏิบัติอย่างให้เกียรติต่อสตรีที่พวกเขารัก ท้ายที่สุดท่านดยุกก็ยอมใจอ่อน แต่ท่านกำชับว่าเรื่องทั้งหมดจะต้องเป็นความลับ และทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงวันเดียวเท่านั้น

                ลอร์ดเซลบีโมโหมากเมื่อรู้เรื่อง แต่ทว่าหลังจากได้เห็นสีหน้าที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของเลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ เขาก็ยอมที่จะย้ายออกไปพักที่โรงแรมเป็นการชั่วคราว เพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนเห็นภาพบาดตาบาดใจระหว่างหญิงสาวที่เขาหลงรัก กับผู้ชายที่เขาไม่ชอบขี้หน้าเอามากๆ เซอร์เจเรมี่ ไฮฟอร์ดจึงตามออกไปด้วย

                เช้าวันรุ่งขึ้น เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์แต่งตัวด้วยชุดสีเหลืองสดใส เธอใช้เวลาแต่งหน้าทำผมอยู่นานเพราะอยากจะให้ตัวเองดูสวยที่สุด เมื่อเธอเปิดประตูห้องออกมา ก็พบลอร์ดหนุ่มยืนรออยู่แล้วในชุดสูทสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งทำให้เขาดูหล่อเหลามากในสายตาของเธอ

                “คุณสวยมาก” ลอร์ดโทรว์บริดจ์พูดแล้วยกมือของเธอขึ้นมาจูบ ก่อนจะจูงมือหญิงสาวลงไปชั้นล่าง พวกเขานั่งกินมื้อเช้าด้วยกันสองคน คุยกันถึงเรื่องสัพเพเหระทั่วๆ ไป ระหว่างนั้นลอร์ดโทรว์บริดจ์กุมมือเธอเอาไว้ตลอดเวลา

                หลังกินมื้อเช้าเสร็จ พวกเขาก็ออกไปเดินเล่นในสวน โดยคล้องแขนกันเหมือนคนรัก ลอร์ดโทรว์บริดจ์บอกให้เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์พาเขาไปชมแปลงดอกไม้ที่เธออุตส่าห์ฝ่าฝนออกไปดูแลมัน ซึ่งเธอเคยพาเขาไปดูมาแล้วในเย็นวันจันทร์

                พวกเขาชมสวนกันจนใกล้เที่ยง จึงกลับเข้ามาพักดื่มชาและกินของว่างด้านในคฤหาสน์ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ชวนเขาไปที่ห้องดนตรี และขอให้เขาช่วยสอนเปียโนให้ ทั้งสองคนเล่นดนตรีด้วยกันจนกระทั่งตกเย็น จึงพากันนั่งรถม้าเปิดประทุนออกไปชมธรรมชาติของทุ่งหญ้าและหุบเขาที่ตั้งอยู่ทางเหนือของคฤหาสน์ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ซุกตัวลงกับอกของลอร์ดหนุ่มอย่างออดอ้อน และเจ้าตัวก็โอบไหล่เธอเอาไว้ตลอดเวลา พวกเขาลงเดินเล่นกันบนทุ่งหญ้าใกล้เนินเขา ลอร์ดโทรว์บริดจ์เด็ดอกหญ้าเล็กๆ ดอกหนึ่งมาแซมไว้บนเรือนผมของเธอ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จึงเด็ดดอกหญ้าอีกดอกมาเสียบไว้ที่อกเสื้อของเขา ทั้งสองคนเที่ยวเล่นกันจนล่วงเข้าเวลาเย็น จึงกลับมาที่คฤหาสน์ และกินมื้อค่ำร่วมกันอีกครั้ง จากนั้นพวกเขาทั้งสองก็ย้ายกันไปนั่งที่ห้องนั่งเล่น เธอขอให้เขาเล่าเรื่องที่อเมริกาให้ฟัง พวกเขาคุยกันอยู่จนถึงสามทุ่ม ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงแนะนำให้เธอเข้านอนเสีย

                “วันนี้ช่างดีเหลือเกินค่ะ ฉันไม่อยากให้มันจบลงเลย” เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หันมาพูดกับลอร์ดโทรว์บริดจ์ ในตอนที่เขาเดินมาส่งเธอที่หน้าประตูห้องนอน ลอร์ดหนุ่มคลี่ยิ้มให้เธอ

                “คุณต้องพักผ่อน คุณเพิ่งฟื้นจากไข้นะ ผมคงเสียใจมากถ้าเรื่องวันนี้ทำให้คุณล้มป่วยอีก”

                “โอ... ไม่หรอกค่ะ ปกติแล้วฉันเป็นผู้หญิงที่แข็งแรงมาก” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเชื่อมั่น ลอร์ดหนุ่มหัวเราะ

                “ผมจะเชื่อคุณแล้วกัน”

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์ชม้อยตามองเขาแล้วขบริมฝีปากอย่างเขินๆ “จอห์น ก่อนนอนคืนนี้ คุณจูบราตรีสวัสดิ์ฉันได้ไหมคะ?”

                “....” ลอร์ดโทรว์บริดจ์อึ้งไปพักหนึ่ง ก่อนที่เจ้าตัวจะคลี่ยิ้มออกมา “ได้สิ” จากนั้นเขาก็ก้มลงจูบศีรษะของหญิงสาวเบาๆ

                “ราตรีสวัสดิ์ ท่านหญิงของผม”

                “ระ... ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

                แม้ไม่ใช่จูบอย่างที่เธอแอบคาดหวัง แต่มันก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมา ถึงประตูจะปิดลงแล้ว แต่หัวใจของหญิงสาวยังคงเต้นอื้ออึงอยู่ในอก เธอรีบหันไปหาสาวใช้

                “โอ... เรจิน่า ช่วยดึงสายรัดคอร์เซ็ตออกให้ฉันที ฉันคิดว่าตัวเองจะเป็นลมแล้ว”

-------------------------------------

                ลอร์ดโทรว์บริดจ์กลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเดินไปที่ระเบียงและหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ แต่สูบไปได้ไม่กี่ครั้ง เจ้าตัวก็เปลี่ยนใจดับบุหรี่ แล้วล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งขึ้นมา

                “โอ... ยอดรัก ผมคิดถึงคุณเหลือเกิน”

                เขาก้มลงจูบผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเบาๆ

---------------------------------------

                เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์หายดีเป็นปกติในวันถัดมา เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์จึงลากลับ โดยให้เหตุผลว่าเขายังมีภาระในการซ้อมและคัดตัวนักรักบี้ในงานการกุศลที่จะจัดในฤดูใบไม้ร่วงนี้ เลดี้อเล็กซานดร้า เลนนิกส์จึงขอให้เขาถ่ายภาพร่วมกับเธอ และมาส่งเขาด้วยตนเองที่สถานีรถไฟในช่วงเย็น เธอยังมอบผ้าเช็ดหน้าไว้ให้เขาผืนหนึ่ง ลอร์ดหนุ่มจึงให้ผ้าเช็ดหน้าของเขากับเธอไป

                “เลดี้อเล็กซานดร้าเป็นผู้หญิงที่เปิดเผยมากเลยนะครับ” โอลิเวอร์พูดขึ้นหลังจากที่รถไฟออกจากสถานีแล้ว ลอร์ดโทรว์บริดจ์พยักหน้า

                “อืม ฉันชอบเธอนะ ในฐานะน้องสาว ฉันอยากจะมีอย่างเธอสักคน”

                คนรับใช้หัวเราะ “นายหญิงคงต้องปวดหัวมากทีเดียว เหมือนเธอมีลูกชายสองคน”

                อีกฝ่ายคลี่ยิ้มออกมา “เธอเองก็ทำฉันปวดหัวมาก นี่เธอรั้งฉันเอาไว้ได้ตั้งเกือบสัปดาห์แน่ะ เธอคงเป็นผู้หญิงคนแรกที่ประสบความสำเร็จในการทำแบบนี้”

                “นั่นสิครับ ว่าแต่คุณไม่โทรเลขบอกนายท่านหรือครับว่าคุณจะกลับวันนี้ เขาจะได้ส่งรถม้ามารับเรา”

                “ไม่ ฉันอยากแวะร้านของกอร์ดอนก่อน เราจะเรียกรถม้ารับจ้างกันไป”

                “อ้อ ครับ... แล้วคุณเตรียมคำแก้ตัวกับนายท่านเรื่องนี้ไว้หรือยังครับ?”

                “แน่นอน” ลอร์ดโทรว์บริดจ์ว่า “ฉันจะบอกพ่อว่าฉันอยากทำให้เขาประหลาดใจ ฉันแน่ใจว่ามันจะได้ผล ทั้งพ่อกับแม่ต้องประหลาดใจมากแน่ที่ฉันจะโผล่ไปที่บ้านในคืนนี้”

------------------------------------
(จบตอน)
** ตอนที่แล้วลืมกรี๊ดจอร์จ ว่าถ้าไม่รักจอร์จแล้วจะรักใคร แต่ตอนนี้จอร์จก็โดนตัวละครใหม่ออกมาขโมยซีนไปสิ้น 5555+ อเล็กซานดร้าเหมือนออกมาเพื่ออกหักแบบเดียวกับไมครอฟต์ ตอนแรกเราคิดว่านางจะเป็นสาวที่ดูน่าหมั่นไส้กว่านี้ แต่เขียนไปเขียนมา เราพบว่านางกลับน่ารักกว่าที่คิดมาก ตอนนี้เป็นการเปิดตัวที่อลังการงานสร้างของนางมาก และนางคงจะทำให้เรื่องนี้สนุกเข้าไปอีกในอนาคต (อุปสรรค์ของจอห์นกับกอร์ดอนที่มีอยู่ยังไม่มากพอ!!<<  :z6:)

พักเรื่องรักของตาแมกซ์ มาเจอกับเรื่องรักๆ ของตาจอห์น 555+ เราคิดว่าอเล็กซานดร้าเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่มาก เธอน่ารัก เธอก๋ากั่น เธอสปอตเกิร์ล ถ้ามาอยู่ในสมัยนี้คือสตรีพิมพ์นิยมที่ชายหนุ่มจะต้องชอบ และก็เป็นสตรีที่มีโอกาสขึ้นคานสูงเพราะความเรื่องมากและมั่นใจในตัวเองอีกเช่นกัน ฮ่าๆๆ

โอ๊ย ทำไมนิยายวายต้องมีตัวร้ายเป็นผู้หญิง!!! :katai1: ไม่นะ อเล็กซี่ไม่ใช่นางร้าย นางออกจะน่ารักและแสบมาก ฮ่าๆ

ตอนหน้าจอห์นกับกอร์ดอนจะกลับมาให้หายคิดถึงค่ะ
 :mew1:

ปล. นี่เรายังไม่ได้บอกใช่ไหมคะ? ว่าแก้ยศเจเรมี่เป็นเซอร์ และตำแหน่งคือบารอน (คือแก้หลายดราฟจนจำไม่ได้ว่าเคยบอกไปหรือยังค่ะ  :mew5:)

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
คิดถึงเวลาจอห์นกับกอร์ดอน
ตอนอยู่ด้วยกัน
นานมากแล้วนะ
คิดถึงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ทำไมจอห์นไม่บอกก่อนจะกลับมา
กอร์ดอนแต่งตัวไม่ทันนะ
อยากเห็นว่าจะสวยขนาดไหน

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
เอล็กซี่นี่ผีมากจริงๆ เห้ออออ
นางเอาแต่ใจตัวเองมากไปง่ะะะะะ

ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
อ่านแล้วเราปวดใจจจจจ ทำไมจอห์นถึงไม่สามารถแสดงความรักต่อกอร์ดอนเปิดเผยแบบคนอื่นได้ทั้งๆที่เธอเหล่านั้นไม่ใช่ตัวจริงสักคนนนน ฮือออออออ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เลดี้อเล็กซานดร้า เปิดเผยมาก
รัก ลุ่มหลง จอห์น แบบชัดเจนมาก

จอห์น รักมั่นกอร์ดอนสุดๆ ชอบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ไม่ใจอ่อน วอแว กับหญิงเลย คิดถึงการ์ดอนสุดๆ
แถมบอกว่ามีคนรัก รักสุดๆด้วย จอห์นชัดเจนมาก  :heaven
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     


ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
ไม่โอเคเลย

ขัดใจที่จอห์นยอมตามใจอเล็กซี่
กลัวว่ากอร์ดอนจะได้รู้เรื่องนี้จากปากของแพทริกไม่ทรงใดก็ทางหนึ่ง

ฉันไม่โกรธอเล็กซี่นะ เธอย่อมทำในสิ่งที่เธอปราถนา แต่การร้องขอแบบนี้ก็ดูจะเป็นการลดคุณค่าของตัวเองมากไปหน่อย

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อย่าดราม่ามากนะ ช่วงนี้เราอ่อนแออยู่
กลัวใจจะรับไหว โทษคนเขียนเลยละ
:ling3:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด