Lv.พิเศษ พจนินท์สไตล์ 1
‘อติวิชญ์’ คือชื่อของผม ชื่อเล่นว่าติน บางคนเรียกตินติน ส่วนคำว่าตินน้อยผมขอสงวนให้แม่วัตผมเรียกคนเดียวเท่านั้น เข้าใจตรงกันนะ
ครอบครัวผมค่อนข้างพิเศษเพราะมีแม่เป็นผู้ชาย มีพี่เป็นแมวสองตัว กับเพื่อนบ้านที่เป็นญาติกันแบบงงๆ มันค่อนข้างจะซับซ้อนสักหน่อย ด้วยความที่แม่ผมตั้งท้องไม่ได้ เลยให้แม่ลินเป็นคนตั้งท้องผม ด้วยเหตุนี้ผมเลยมีสายเลือดเดียวกับวิเด็กสาวข้างบ้าน
ชื่อเสียงเรียงนามสมาชิกในบ้านก็มี แม่วัต ชื่อเต็มไม่บอกหวง พ่อกล ชื่อเต็มไม่บอก เพราะผมไม่ได้ใส่ใจจำ พี่นาย(ท่าน) กับพี่ขุน(พล)
เวลาส่วนใหญ่ในชีวิตประจำวันของผมจะอยู่กับแม่ตลอด ยกเว้นเวลาที่ผมเข้ามหา’ลัยกับเวลาเที่ยวตามประสาวัยรุ่นอย่างวันนี้…
สามหนุ่มสามมุมในชุดนักศึกษาดึงเสื้อออกนอกกางเกงกำลังเดินทอดน่องอยู่ในห้างมีชื่อ ด้วยใบหน้าที่โดดเด่นทำให้ดึงสายตาได้ไม่ยาก ถ้าเป็นชายก็จะมองด้วยความอิจฉา อยากพุ่งเข้ามาฆ่าทิ้งเพื่อลดจำนวนคู่แข่งลง ถ้าเป็นหญิงก็จะยิ้มหวานให้ บางคนใจกล้าเดินมาทักทายถามชื่อขอเบอร์ ก่อนจะถูกลูกพี่ของกลุ่มอย่างนายตินไล่ไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ฉันไม่สนคนที่ไม่เหมือนแม่ตัวเองหรอกนะ”
เกิดเดธแอร์ชั่วขณะ สองเพื่อนกุมขมับนึกปลงกับความเป็นลูกแหง่ระยะสุดท้ายแม้จะอายุเกือบยี่สิบแล้วก็ตาม ส่วนพี่หญิง หากไม่อ้าปากค้างก็จะด่าตอกหน้ากลับว่า
“ไอ้ลูกแหง่เอ๊ย กลับไปนอนกินนมแม่ไป๊! หน้าตาดีซะเปล่า สมองนิ่มชะมัด”
ว่าตัวเองตินเฉยๆ แต่พาดพิงถึงแม่ น่องตินไม่ยอม!
“แม่คือผู้มีพระคุณต้องให้ความเคารพรัก ผู้หญิงอย่างเธอเอาแต่วิ่งหาผู้ชายไปวันๆ ที่ฟันแล้วทิ้ง สุดท้ายพอท้องก็ซบซานกลับบ้านให้แม่เลี้ยงหลาน ส่วนตัวเองพล่านไปหาผู้ชายต่อ นั่นคือดีแล้วใช่ปะ” เอียงคอเลิกคิ้วถาม ฝ่ายผู้หญิงได้แต่อ้าปากพะงาบๆ จะกรี๊ดก็กรี๊ดไม่ออก ถ้าด่าก็เกรงว่าจะโดนตอกหน้ากลับหนักกว่าเดิม สุดท้ายสองเพื่อนเกลอจึงลากนายตินให้ห่างจากบริเวณนั้นโดยไว ปากขอโทษขอโพยหญิงสาวที่เข้ามาตอแยผิดคน
‘ธี’ ชายร่างสูงโปร่ง ผิวสองสีทางฝั่งซ้ายถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังลากเพื่อนหลุดมาจากเป้าสายตาได้ ผู้ชายที่กล้าไปยืนด่าผู้หญิงแบบนั้นคงมีไม่เยอะนักหรอก แถมหน้าตาดีทั้งคู่ จะตกเป็นเป้าสายตาก็ไม่แปลก
“นายนี่นะ ไม่ต้องปากหมาเหมือนคำสาปในเกมก็ได้ แล้วนั่นก็ผู้หญิง อย่างน้อยก็ควรพูดจาดีๆ สิ” ธีสุดแสนจะเอือมเพื่อน
“ดีมาดีตอบ แย่มาก็สวนกลับ ฉันผิดตรงไหน” เจ้าหมาทำตาใส
‘เหยี่ยว’ เพื่อนสนิทอีกคนที่อยู่ฝั่งขวาหัวเราะ หึๆ
“ถ้าแม่นายรู้ว่านายพูดกับผู้หญิงแบบนี้จะเป็นไงนะ” ได้ยินแบบนั้นนายตินหันขวับ จ้องเขม็งใส่เพื่อนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แม่ผู้แสนใจดีมีเมตตา(?) ทั้งกายและใจ หากรู้ว่าลูกชายสุดที่รักปากเสียใส่ผู้หญิงไร้ทางสู้ คงไม่ต้องเดาว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง แม่วัตเป็นบุคคลที่สรรหาวิธีลงโทษได้โหดเหี้ยมที่สุด ให้ตีดุด่าเสียยังจะดีกว่า
“นกแล้วอย่าพาลเหยี่ยว อันที่จริงบ้านนายอาจจะโดนคำสาปนะ ชื่อนกก็นกกันทั้งบ้านไม่ใช่รึไง” ตินหรือจะยอมน้อยหน้าสวนกลับแบบไม่อ่อนข้อ กลับเป็นเหยี่ยวที่ขมวดคิ้วแยกเขี้ยวใส่แทน
เหยี่ยวเป็นลูกของลุงอินทรี วีรกรรมของพวกผู้ใหญ่ผมรู้แทบทุกอย่าง เพราะพวกเขาชอบเอาเรื่องเก่าๆ มาเล่า อย่างล่าสุดผมรู้มาว่าลุงอินทรีเคยแห้วกับลุงวิน ส่วนอาทัตก็แห้วกับแม่ผม เจ้าเหยี่ยวเองก็ไม่น้อยหน้าอากับลุง ไปจีบสาวแต่สาวดันมาชอบผมเลยโดนเมินตามระเบียบ มันคงเคืองถึงได้พาลผมเมื่อครู่ ทั้งที่ผมก็ไม่สนใจผู้หญิงคนนั้นแท้ๆ
ผมรู้จักเหยี่ยวในเกม ตอนอาทัตเข้าปาร์ตี้เดียวกับแม่วัตของผมแล้วพามาแนะนำ เพราะเห็นว่าอายุพอๆ กัน ส่วนธีเป็นเพื่อนที่เจอตอนเรียนมหา’ลัย พวกเราเล่นเกมด้วยกันมาตลอด มีวิอยู่ในกลุ่มด้วยเป็นปาร์ตี้สี่คน
วันนี้มีโอกาสได้มาเดินเที่ยวเล่น ขาดก็แต่วิที่ติดลุงไวไว แค่ลุงไวไวบอกว่าว่างมารับก็สลัดพวกผมทิ้งกลับไปกับพ่อตัวเองเฉย โตๆ กันแล้วยังติดพ่ออยู่ ไม่ไหวเลยจริงๆ ยัยวิ
“เฮ้ย ฉันด่านายอยู่นะ มัวเหม่ออะไร” เหยี่ยวถึงกับโวย หลังด่ามันกลับแต่มันเอาแต่เดินตรงลิ่วไม่สนใครหน้าไหนจนพวกเขาต้องเร่งฝีเท้าตาม
ตินหันไปมองเพื่อนทำหน้าตายใส่ “อ้าวเหรอ โทษที พอดีอยู่โซนเกมเซ็นเตอร์แบบนี้เสียงมันดัง นายช่วยด่าใหม่ที”
ธีกับเหยี่ยวบอกได้คำเดียว...
ไอ้กวนประสาทเอ๊ย!!
ดูเหมือนว่าเชื้อติดเกมจากพ่อและแม่จะถูกส่งต่อให้ตินอย่างครบถ้วน พอเข้าห้างมาก็ตรงดิ่งมายังโซนเกมเซ็นเตอร์พอดี ถามว่าปกติมีพวกเกมดีๆ อย่างที่ลุงวินสร้าง แต่พวกนั้นมันต้องนอนเพื่อเข้าไปในเกม ต่อให้สมจริงแค่ไหนก็ไม่สู้เจอกันตัวเป็นๆ แล้วทำกิจกรรมร่วมกันมากกว่า
เกมเซ็นเตอร์แบบเหมาทั้งชั้นมีเครื่องเล่นมากมาย ตั้งแต่แบบย้อนยุคให้คนระลึกความหลังยันเครื่องเล่นใหม่ล่าสุดอย่างเจ้าเครื่องเต้น เป็นแท่นเหยียบเหมือนเวทีเล็กๆ แล้วสวมแว่นเต้นตามสัญลักษณ์ที่โผล่มาในอากาศ เหนือขึ้นไปจะเป็นจอฉายภาพจำลองของคนเล่นในรูปแบบที่เลือก รูปแบบพื้นฐานคือมนุษย์ชายหญิงสวมเสื้อผ้าธรรมดา ถ้าอยากได้ แว่นเล่นเกมคู่กับตู้เท่ๆ ชุดดีๆ ตัวละครแปลกๆ ก็ต้องจ่ายเงินจริงเพื่อซื้อของพวกนั้น ซึ่งดูเหมือนคนที่กำลังเล่นยังใช้ตัวละครพื้นฐานอยู่เลย
ที่น่าสนใจคือ คนนี้เล่นเกมเก่งมาก เต้นพลิ้วไหวตามจังหวะไม่มีพลาด ได้แต่คะแนนเพอร์เฟคตลอด ขนาดระดับกู้ดยังไม่มี ธีที่เป็นแฟนตัวยงของเกมนี้ถึงกลับเป็นฝ่ายลากผมกับเหยี่ยวเข้าไปดูหน้าคู่แข่ง(?) ติดแต่มีคนมุงเยอะ ต้องอาศัยส่วนสูงกับความหล่อในการเบิกทาง จงใจเข้าตรงจุดที่มีกลุ่มผู้หญิง
แค่เหยี่ยวกับธียิ้มให้แถมหน้านิ่งๆ ของติน พวกเธอก็แหวกทางให้อย่างง่ายดาย สามหนุ่มมายืนจังก้ามองคนเล่นฝีมือร้ายกาจ ธีกำหมัดไฟลุกเหมือนเวลาเจอคู่ต่อสู้สุดแกร่ง ส่วนผมกับเหยี่ยวตาโตอึ้งไปแล้ว
หนุ่มหน้าละอ่อนสวมเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดา แต่เรือนผมสีทองอ่อนกับชายเสื้อที่พลิ้วไหวไปตามจังหวะการเต้นช่างดึงดูดสายตาสุดๆ ยิ่งใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรเผยรอยยิ้มออกมายามได้คะแนนเพอร์เฟคแทบจะทำให้ทุกคนแถวนั้นตาพร่า ทั้งชายและหญิงหลายคนตั้งท่าอยากจะเข้าไปทำความรู้จัก ก่อนจะโดนจิตสังหารกดดันให้ล่าถอยจากชายหนุ่มอีกคนที่ยืนกอดอกนิ่งอยู่ข้างตู้เกม
บางคนโชคดีหน่อยสังเกตเห็นแหวนแต่งงานบนมือที่กำลังสะบัดออกท่าไปในอากาศ จึงไม่เข้าไปรับจิตสังหารเหล่านั้น ยิ่งพอเห็นแหวนคู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของหนุ่มหล่อแต่ท่าทางโหด ก็พากันกลืนน้ำลายเป็นแถว
พอจบเพลง สรุปคะแนนออกมาได้สกอร์สูงสุด ธีถึงเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีอีกคนยืนข้างตู้เกม พอเห็นปุ๊บก็มองเพื่อนข้างตัวปั๊บ
“ติน พี่นายเหรอ”
ผิวเข้ม เรือนผมสีน้ำเงินเข้ม ใบหน้าเรียบเฉยติดจะเย็นชาเหมือนเพื่อนตัวเองเปี๊ยบ
ผมกลอกตา “นั่นพ่อฉัน”
“ฮะ!? งั้นคนที่เล่นเกมอยู่คือเพื่อนพ่อนายสินะ” สมัยนี้เห็นคนหนุ่มกว่าอายุไม่ค่อยน่าแปลกใจเท่าไร ธีเลยยอบรับได้อย่างรวดเร็ว อีกอย่าง เหมือนกันซะขนาดนี้ หากไม่พี่ก็พ่อเท่านั้นแหละ
ที่ไหนได้ พอเจอคำตอบที่สองเล่นเอาเหวอ
“เปล่า แม่ฉันต่างหาก” ผมไม่สนท่าทางเอ๋อๆ ของธี เดินเข้าไปหาสองคนนั้นทันที มีเหยี่ยวที่ส่ายหัวอย่างระอาเพื่อนเดินตามหลังไปอีกคน ธีโดนทิ้งให้โดดเดี่ยวเลยรีบตามไปบ้าง
ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเทายิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดีหลังเห็นคะแนนรวมของตัวเองบนจอใหญ่ กระทั่งผมเดินเข้าไป เจ้าตัวถึงสะดุ้งโหยงวิ่งไปหลบหลังพ่อ ไม่เนียนสักนิด
“แม่มาทำอะไรที่นี่ครับ” สมัยนี้ไม่ถือว่าแปลกแล้วหากมีผู้ชายเป็นแม่ เพราะวิทยาการล้ำหน้าทางการแพทย์ ช่วยให้ผู้ชายสองคนมีลูกด้วยกันได้ผ่านวิธีทำเด็กหลอดแก้ว น่าเสียดายที่วิทยาการนี้มาช้าไป ไม่งั้นผมคงได้เป็นลูกพ่อแม่เต็มตัว
“แม่แค่...เอ่อ...” อ้ำอึ้งหลบสายตาแบบนี้ ชัวร์เลย แอบตามมาแหงๆ ก่อนหน้านี้ผมส่งข้อความไปบอกว่าจะกลับช้าเพราะมาเที่ยวห้างกับเพื่อน แม่วัตคงอยากตามติดชีวิตลูก ดูว่าผที่มนุษย์สัมพันธ์ติดลบเหมือนพ่อจะเที่ยวกับเพื่อนอีท่าไหน แล้วเผลอตัวมาเล่นเกมเพลินแหง
“รู้อยู่แล้วจะถามทำไม ฉันไม่คิดว่าตัวเองมีลูกชายโง่นะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างกับคุยกับคนที่ไม่รู้จัก ไม่ใช่ลูกตัวเอง ซึ่งผมชินแล้ว พ่อจะเสียงอ่อนเสียงหวานเฉพาะกับแม่เท่านั้นแหละ
“ผมไม่ได้คุยกับพ่อสักหน่อย อย่าแทรกสิครับ”
สองพ่อลูกแผ่รังสีสังหารราวกับมีสายฟ้าแล่นเปรี้ยงระหว่างทั้งคู่ วัตจำเป็นต้องออกมายืนกลางวงเพื่อห้ามปราบลูกชายและสามี
“พวกเราหลบจากตรงนี้ก่อนดีกว่า คนอื่นจะได้เข้ามาเล่นเกม ไว้ค่อยทะเลาะกันต่อนะ”
มันใช่เรอะ!
ประโยคที่ผุดขึ้นมาในใจของธีกับเหยี่ยว
สุดท้ายทุกคนก็พากันยกโขยงไปร้านไอสครีม ผู้ชายตัวสูงใหญ่ห้าคนเดินเข้าไปนั่งอยู่ในร้านช่างเป็นภาพที่เด่นสะดุดตาเสียไม่มี สองเพื่อนนั่งตัวเกร็งจากบรรยากาศและออร่าที่แผ่ออกมาจากหมาป่ารุ่นพ่อ ถึงงั้นก็ไม่มีใครกล้าขัดสักคน เพราะวัตผู้ยิ้มแย้มโลกสดใสเพียงหนึ่งเดียวเป็นคนเลือกร้านนี้เพราะอยากกิน หมาป่าพ่อลูกพากันตามใจ พวกเขาจะกล้าขัดได้ไง
หลังทุกคนสั่งไอสครีมเสร็จ แม่วัตเปิดบทสนทนาคนแรก
“เพื่อนๆ ของตินสินะ เหยี่ยวอารู้จักแล้ว อีกคนล่ะชื่ออะไร” ธีมัวแต่อึ้งกับน้ำเสียงทุ้มนุ่มน่าฟังแบบไม่มีเสียงเกมรบกวนเลยโดนเหยี่ยวศอกใส่เรียกสติ เพราะเจ้าขี้หวงสองคนหันมามองแล้ว ธีเพิ่งรู้ตัวถึงกับสะดุ้ง ยกมือเกาแก้มตอบเขินๆ
“ผมชื่อธีครับ”
“งั้นน้องธี เย็นนี้ว่างมั้ย พอดีบ้านอาจะจัดปาร์ตี้รับปีใหม่ เหยี่ยวก็มาด้วยนะ อาโทรบอกพ่อเราไว้แล้ว”
ธีพยักหน้าทั้งที่ยังงงๆ จัดปีใหม่เอาตอนเดือนสองเนี่ยนะ!?
ผมก็อยากตบบ่าเพื่อนแล้วอธิบายนะว่า นี่แหละ ‘พจนินท์สไตล์’ ขอแค่พอใจและไม่เดือดร้อนใคร บ้านผมก็พร้อมที่จะทำตามใจฉัน
อย่างตอนนั้นผมแค่เรียนจบมัธยม งานรับใบประกาศเล็กๆ นอกจากแม่ลินกับลุงวินที่มาแสดงความยินดีกับวิ ก็มีพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย ลุงวิน ลุงชินพร้อมใจกันมา โชคดีที่ผมได้ความหน้าหนาจากพ่อ ถึงจะอายก็ยังทนได้ยามคิดว่าเป็นเพราะพวกท่านรักผมมาก เลยดีใจกับก้าวเล็กๆ ของผม ไม่อยากจะนึกถึงตอนรับปริญญาว่ามันจะอลังการงานสร้างขนาดไหน
ส่วนเหยี่ยวขานรับเพราะตั้งใจไว้แบบนั้นอยู่แล้ว มันไม่ได้ตั้งใจมาหาเพื่อนอย่างผมหรอก แค่อยากมากินอาหารฝีมือแม่วัตเท่านั้นเอง ตอนนั้นมันมาเที่ยวบ้านพร้อมอาทัตกับอาน้ำ แม่ดีใจมาก นานๆ ทีมีเพื่อนมาหา เล่นทำอาหารซะเยอะแยะเรียกพวกลุงไวไวมากินด้วย จนกลายเป็นปาร์ตี้เล็กๆ ที่มีอาทัตกับพ่อผมเขม้นใส่กันตลอดงาน ส่วนอาน้ำพูดหัวเราะถามสูตรการทำจากแม่ผม โชคดีที่งานนี้อาทัตติดธุระไม่งั้นบรรยากาศงานเลี้ยงปีใหม่ ณ เดือนสอง คงจะอึมครึมน่าดู
“เยี่ยมเลย มีเพื่อนตินมาด้วยแบบนี้งานต้องสนุกมากขึ้นแน่ๆ กล เดี๋ยวก่อนกลับเราแวะซื้อของสดเพิ่มดีกว่า เด็กวัยกำลังโต ต้องกินเยอะๆ” แม่หันไปชวนพ่อที่ยิ้มละมุมตาหวานฉ่ำ จนไอสครีมที่เพิ่งมาเสิร์ฟแทบชิดซ้าย
“ได้สิ จะซื้อเท่าไหร่ก็ตามใจ เดี๋ยวฉันช่วยถือเอง”
มองพ่อแม่สวีทกันไม่อายฟ้าอายไอศกรีมที่กำลังละลายเยิ้ม ในฐานะลูกที่ดีก็ควรจะเปิดโอกาสให้พ่อแม่หวานกันเผื่อจะได้น้อง? โทษทีนะ พอดีผมเป็นลูกที่ดีกว่านั้น ยกเอาเก้าอี้ของตัวเองพร้อมถ้วยไอสครีมไปนั่งแทรกตรงกลาง พลางตักไอสครีมยื่นให้ถึงปาก
“รสนี้มาใหม่อร่อยนะ แม่ลองชิมดูสิ”
ลูกชายทำตัวน่ารัก ยิ้มเล็กๆ ชวนเอ็นดู วัตมีหรือจะปฏิเสธได้ ยอมกินไอศกรีมที่ลูกชายป้อน ปากก็ชมว่าลูกเข้าใจเลือก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มของพ่อหมาป่าฉายความไม่พอใจเล็กๆ จนเกิดเป็นศึกแย่งชิงความรักประจำวัน โดยมีพยานน่าสงสารสองคน กับวัตที่สุดแสนจะเบิกบานมีความสุข
TBC.