ตอนที่ 8 ไม่มีอะไรอยู่ในกอไผ่
ตอนนี้เราทั้งห้าคนกำลังรออาหารที่ทยอยยกมาส่งที่โต๊ะครับ พี่ๆ เค้าสั่งอาหารมามากมายหลายอย่าง จนผมแทบไม่ต้องสั่งอะไร เสียงพูดคุยที่โต๊ะอาหารดังลั่นไม่สนใจแขกโต๊ะอื่นที่อยู่ในร้าน เราเลือกร้านที่อยู่ใกล้โรงแรมและหรูพอควรครับ เพราะร้านที่จะทานพี่ทิวาเป็นคนเลือก ที่นี่เป็นร้านอาหารทะเลวิวทิวทัศน์ที่ร้านจึงเน้นตกแต่งบรรยากาศให้เข้ากับสถานที่ครับ พวกเราเลือกนั่งโต๊ะตรงชานที่ยื่นออกมาเพื่อรับลมทะเลและกลิ่นอายของทะเล มันทำให้รู้สึกสดชื่นจริงๆ ครับ
“พี่ตักให้นะครับ ^^”
“ขอบคุณครับพี่กรณ์”
“เออ....กรูลืมบอกมึงไปเลยว่ะ เรื่องไอ้โจที่กรูเจอมันเมื่อสามวันก่อน มันบอกว่าถ้ายังไงให้มึงโทรไปหามันหน่อย”พี่ดินพูดพลางตักข้าวใส่ปาก ผมเหลือบมองพี่ทิวาที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็เห็นว่าพี่เค้าไม่ยักพูดอะไร เอาแต่มองก้ามปูที่อยู่ในจานแล้วเขี่ยไปมา
“เฮ้ย! กรูก็เจอมันเหมือนกัน แต่ไม่ยักถามถึงมึง แม่งเห็นมากับใครก็ไม่รู้หน้าตากวนตรีนว่ะกรูเลยไม่ได้พูดอะไรกับมันมาก”พี่กรณ์พูดขึ้นใส่อารมณ์
“ช่างมัน กรูไม่อยากเจอมันแม่งคนอะไรน่ารำคาญ”ผมไม่รู้ครับว่าพี่เค้าพูดถึงใครเรื่องอะไรกัน แต่ไม่ใช่เรื่องของผมนี่ครับ
“ก็มึงเป็นฝ่ายเข้าหามันก่อน ใครไม่คิดก็บ้าแล้ว”พี่วัชพูดขึ้นก่อนจะยกน้ำในแก้วขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าระอา
“กรูไม่ได้จริงจัง แล้วกรูก็บอกมันแล้วว่ากรูเอามันครั้งเดียวแล้วต่างคนต่างอยู่”
เคร้ง! เสียงช้อนกับส้อมในมือผมหล่นลงกระแทกกับจานครับ พี่ๆ หันมามองผมกันเป็นตาเดียว ผมไม่ได้ตั้งใจจะให้มันหล่นหรอกครับแต่เพราะสิ่งที่พี่ทิวาพูดมันทำให้มือไม่ของผมมันไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด ผมรู้สึกตกใจนิดหน่อยกับคำพูดของพี่ทิวาครับ
“ขอโทษครับ”ผมเก็บช้อนและส้อมมาถือไว้ในมือแล้วกินต่อ
“ไม่ได้เป็นอะไรใช่มั้ย?”พี่วัชหันมาถามผม ผมส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วจัดการอาหารในจาน แต่ในใจกับร้อนรุ่มอยู่เนืองๆ
“แกะให้กรูหน่อย”ก้ามปูที่อยู่ในจานพี่ทิวาถูกตักมาใส่จานให้ผม แล้วออกคำสั่งให้ผมแกะให้
“ครับ”
“ไอ้ทิวา กรูขอบอกอะไรมึงในฐานะเพื่อน ถ้ามึงจะทำอะไรก็ขอให้ปรึกษาพวกกรูบ้างมันจะได้ไม่เดือดร้อนมาถึงพวกกรู พวกกรูตามล้างตามเช็ดสิ่งที่มึงทำได้ไม่หมดหรอก”
“เออ! มึงพอใจยังไอ้วัช”
“ให้มึงทำได้อย่างพี่พูดแล้วกัน -O-”
“ไอ้วัชมันก็พูดถูกของมัน แม่งมึงสร้างเรื่องได้ตลอดแหละ จนกรูจะเอาไปทำหนังได้สักเรื่องแล้ว”พี่ดินพูดประชด
“มึงพูดอย่างกับพวกมึงดีตาย!”
“เออ! หรือมึงคิดว่าไอ้โจดีกว่าพวกกรูก็ตามใจ ได้แล้วทิ้งแม่งสันดานนะมึง”พี่กรณ์ใช้ช้อนชี้หน้าด่าพี่ทิวา แล้วก็โดนพี่ทิวาเขวี้ยงแตงกวาใส่
ครืดดดดด!
“ขอโทษนะครับ! เอ่อ...ผมขอตัวเข้าห้องน้ำ”ผมแกะปูของพี่ทิวาเสร็จ ส่งคืนเจ้าของก่อนจะลุกพรวดจนเสียงครูดเก้าอี้ดัง
“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนรึเปล่า?”พี่วัชอาสาแต่ผมปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ แค่ห้องน้ำผมไปเองได้”
“มึงเป็นไรของมึง”พี่ทิวามองหน้าผมที่ยืนนิ่งก้มหน้างุด
“เปล่าครับ ขอตัวนะครับ”ไม่รู้ว่าทำไมผมต้องอารมณ์เสียขึ้นมาเฉยๆ ข้าวที่อยู่ในจานตั้งแต่เมื่อครู่แล้วผมแทบไม่ได้แตะเพราะรู้สึกอิ่มตื้อขึ้นมา เลยได้แต่นังแกะปูให้พี่ทิวาและฟังเรื่องบ้าบอที่พี่ๆ เค้าพูดกัน ผมไม่อยากรู้หรอกนะครับว่าใครจะทำอะไร กับใครที่ไหน เพราะฉะนั้นผมเลยไม่อยากนั่งฟังครับ มันไม่ใช่เรื่องของผมเลย
ซ่า! ผมวักน้ำเข้าปะทะกับหน้าแล้วเงยขึ้นมองกระจก เห็นเงาของตัวเองสะท้อนอยู่เบื้องหน้า ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมต้องหงุดหงิดกับเรื่องพวกนั้นด้วยทั้งๆ ที่มันไม่เกี่ยวกับผมเลยสักนิด พี่ทิวาจะไปทำอะไรทำไมผมต้องสนใจเพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยแม้แต่น้อย ผมมันก็แค่ผู้อาศัยบ้านพี่เค้าที่อยู่เปลืองน้ำเปลืองข้าวไปวันๆ ก็เท่านั้น แล้วทำไมผมถึงต้องคิดตัดพ้อตัวเองด้วยล่ะเนี่ย! (; ><)(>< ; )(; ><)(>< ; )
ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาจนถึงหกโมงเย็นแล้วครับ เราใช้เวลาเกือบครึ่งวันในการเดินสำรวจทะเลที่เรามาเที่ยวแวะดูของที่ระลึกโน่นนี้แต่ไม่ได้ซื้อเลยสักชิ้นครับ ตลอดทางพวกพี่ๆ พูดกันถึงเรื่องกิจกรรมอะไรสักอย่างที่ทางโรงแรมจัดขึ้นเห็นบอกว่าเป็นกิจกรรมที่มีเพียงปีละครั้งต้อนรับฤดูกาลที่กำลังจะมาถึงต้องจองบัตรไว้ล่วงหน้าถึงหนึ่งเดือนกันเลยครับ เพราะเค้ากำหนดจำนวนคนร่วมงาน แต่เพราะผมที่เกินมาหนึ่งคน ซึ่งพี่ๆ เค้าจองบัตรไว้ก่อนหน้านั้นแล้วผมเลยคิดว่าตัวเองคงไม่มีสิทธิ์เข้าครับแต่พี่กรณ์บอกว่าไม่มีปัญหาใช้เส้นเข้าได้เพราะพี่เค้ารู้จักกับลูกเจ้าของโรงแรมที่เป็นเพื่อนกัน จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากร่วมกิจกรรมอะไรพวกนี้หรอกครับสู้นอนหลับในเวลานอนไม่ดีกว่า เพราะได้ยินมาแว่วๆ จากพี่ดินว่างานมียาวถึงเช้าเลยทีเดียว และผมก็ไม่ได้ชอบทำกิจกรรมอะไรเลยด้วย ยิ่งเจอคนเยอะๆ ผมยิ่งไม่ค่อยชอบครับ มันวุ่นวาย เท่าที่ฟังมาผมยังไม่รู้เลยครับว่าเค้าทำอะไรกันบ้างทุกคนถึงได้ดูตื่นตัวกันขนาดนี้
“เดี๋ยวอีกสิบสิบนาทีมาเจอกันหน้าล๊อบบี้นะเว้ย อีกเดี๋ยวงานก็เริ่มขึ้นแล้ว กรูขอไปอาบน้ำแต่งตัวสักหน่อย หึๆ”พี่กรณ์พูดพลางกอดคอพี่ดินที่ยิ้มกว้างมองหน้าพี่กรณ์แล้วยักคิ้ว
“อืม....งั้นเดี๋ยวเจอกัน”พี่วัชตอบ
“ใครช้าโดนกระทืบ!”
“แม่งกรูว่ากระทืบคนพูดก่อนดีมั้ย....เอาฤกษ์เอาชัย”
“สัด! ไอ้กรณ์”พี่ทิวาสบถด่าพี่กรณ์ก่อนจะลากผมออกจากลิฟท์แล้วแยกย้ายกันเข้าห้องของตัวเอง
“มึงเป็นอะไรไม่พูดไม่จาตลอด”พี่ทิวาถามผมแต่ไม่ได้มองหน้าผมก่อนจะเปิดประตูเข้าห้อง ผมเดินเข้ามาติดๆ
“เปล่าครับ”
“ไปอาบน้ำกรูให้เวลาสิบห้านาที เดี๋ยวกรูต่อ”
“ผมไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนครับผมตอบเรียบๆ ก่อนนั่งลงที่เก้าอี้”มองพี่ทิวาที่กำลังหยิบกระเป๋าสะพายใบเล็กที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่อะไรมาเอามาโยนไว้บนเตียงก่อนจะรื้อเสื้อผ้าออกมา
“กูให้มึงยืม”พี่เค้าโยนเสื้อกับกางเกงให้ผม ผมคลี่ออกเห็นกางเกงสามส่วนกับเสื้อเชิตบางๆ ที่เหมาะกับใส่เที่ยวทะเล
“แล้วพี่จะใส่อะไรล่ะครับ แถมยังดูตัวใหญ่....”
“กูไม่เดินแก้ผ้าลงไปหรอก อย่าเรื่องมากมีอะไรให้ใส้ก็ใส่ไป หรือมึงจะแก้ผ้ากรูก็ไม่ว่า”
“ใส่ครับ”ผมลุกพรวดวิ่งหายเข้าห้องน้ำไปเลยครับ พูดทีเล่นทีจริงแบบนี้ผมเหงื่อตกหมดเลยครับ เพราะคนที่พูดคือพี่ทิวา
ผมใช้เวลาอาบน้ำและแต่งตัวไปด้วยสิบนาทีครับ กางเกงสามส่วนของพี่ทิวาผมใส่แล้วมันเป็นสี่ส่วนครับ สำหรับพี่ทิวาใส่แล้วถึงยาวแค่หัวเข้า แต่พอผมใส่มันยาวไปครึ่งค่อนหน้าแข้งผมเชียวครับ ส่วนเสื้อก็ใหญ่ไปนิดแต่ยังพอใส่ได้ครับถึงจะหลวมโคร่งอยู่บ้างก็ตามแล้วเอียงๆ เบี้ยวๆ นิดหน่อยก็เถอะแต่ถ้าขืนผมบ่นมากมีหวังคงไม่ได้ใส่สักชิ้นแน่ๆ
“ผมเสร็จแล้วครับ......พี่ต่อเลย”
“อื้ม….”ผมเปิดประตูผางออกมาจากห้องน้ำแบบไม่คิดอะไรแล้วก้มหน้าก้มตาบอกพี่ทิวาที่นั่งเปิดโทรทัศน์เลื่อนเปลี่ยนช่องทุกสองวินาที“มึงเสร็จแล้วลงไปก่อนได้ ไอ้สามคนมันรออยู่ข้างล่างแล้ว”
ผึบ! ผ้าขนหนูที่อยู่ในมือผมร่วงลงพื้นทันทีที่เห็นคนข้างหน้าที่ลุกขึ้นยืนปิดทีวีในขณะที่พันผ้าขนหนูผืนสั้นไว้แค่ผืนเดียวปิดท่อนล่างโผล่งท่อนบนที่อุกอาจเปิดเผยไม่แคร์สาธารณะชนอย่างผมเลยแม้แต่น้อย แถมพี่ทิวายังทำท่าบิดขี้เกียจจนผมแกรงว่าผ้าขนหนูผืนเล็กของพี่ทิวาจะหลุดลุ่ย มันทำให้ผมหันหลังให้แทบไม่ทันเลยครับ
“ผะผม ไปก่อนแล้วกันนะครับ!”
“เดี๋ยว!”
“อะไรครับ”ผมทำท่าจะเดินไปเปิดประตูแต่พี่ทิวากลับเอามือมาวางบนไหล่ผมเรียกตัวไว้ซะก่อน แล้วหมุนตัวผมให้หันไปประจันหน้า ผมสาบานนะครับว่าผมมองหน้าพี่เค้าไม่ได้มองอย่างอื่นจริงๆ ./////.
“มึงบอกกรูมาหน่อยดิ๊....ว่าอยู่บ้านใครอาบน้ำให้มึง”
“ผมอาบเองครับ ./////.”
“อาบน้ำเสร็จใครแต่งตัวให้มึง”
“ผมแต่งตัวเองครับ”
“หึ! กรูคิดว่าแม่มึงจ้างคนมาดูแลมึงหัวจรดตรีนซะอีก”
“หมายความว่ายังไงครับ....?”ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่พี่ทิวาพูดจริงๆ ครับ
“ก็แม่ง! กระดุมเสื้อมึงยังติดผิดแบบนี้จะให้กรูเชื่อได้ไงว่ามึงเคยอาบน้ำแต่งตัวเอง”
ห๊ะ! กระดุมเสื้อ! ทันทีที่พี่ทิวาบอกผมก็รีบก้มหน้ามาดูตัวเองอย่างตกใจก่อนจะพบว่ามันถูกติดคลาดเคลื่อนไปหมด ชายเสื้อมันเลยยาวไม่เท่ากัน และดูผิดรูปผิดทรงแปลกๆ นั่นเพราะว่าผมรีบและกล้วว่าตัวเองจะช้าผมถึงสะเพร่า แต่เรื่องอาบน้ำกับแต่งตัว ผมทำหมดเองตั้งแต่ห้าขวบจริงๆ นะครับ เชื่อผมเถอะ >////<
“ผม...ผม...”ไม่ทันที่ผมจะรีบแกะกระดุมเปลี่ยนใหม่ด้วยตัวเอง และผมก็กะว่าจะไปเปลี่ยนในห้องน้ำ มือพี่ทิวาก็เข้ามากระชากเสื้อผมแล้วเริ่มแกะกระดุมเม็ดแรกที่ติดผิดเลยพาลผิดไปทั้งแถว ไล่แกะไปเม็ดที่สอง เม็ดที่สามอย่างชำนาน เพียงพริบตาเดียวเสื้อก็ถูกแกะกระดุมหมดเผยให้ลมแอร์เย็นๆ สัมผัสผิวกายของผมจนรู้สึกขนลุกซู่ ผมรู้สึกอายพี่ทิวานิดๆ ครับเลยรีบกระชับเสื้อเข้าทีแล้วก้มหน้างุด ผมไม่รู้ว่าผมเป็นอะไรที่อยู่ดีๆ ก็รู้สึกหน้าร้อนฉ่าขึ้นมาเฉยๆ ปวดหัวก็ไม่ใช่ เป็นไข้ก็ไม่มี
“ผมติดกระดุมเองได้ครับ พี่ไปอาบน้ำเถอะครับ”
“กรูติดให้มึงเอง มึงจะได้ไม่ติดผิดอีก...”
“เอ่อคือผม...”
“อยู่นิ่งๆ ถ้าไม่อยากมีปัญหา”ผมยืนนิ่งแข็งทื่อเป็นหินแกรนนิตก่อนที่กระดุมทุกเม็ดจะเข้าที่เข้าทางได้อย่างสวยงาม พี่ทิวาติดกระดุมให้ผมเสร็จก็รีบเข้าห้องน้ำโดยไม่พูดจาอะไรครับ ผมมองตามแผ่นหลังกว้างอย่างใช้ความคิด....
ถ้าหากพี่เค้าทำตัวดีแบบนี้ตลอดก็เยี่ยมสิครับ...ผมจะจุดพลุฉลองเลย
“มากันครบแล้วงั้นก็ไปกันเถอะ! ^O^”พี่กรณ์กอดไหล่ผมแล้วเดินเร็วจี๋จนผมแทบก้าวตามไม่ทัน พวกพี่ๆ เค้าแต่งตัวได้คล้ายๆ กันเลยครับมีแต่ผมคนเดียวที่แปลกออกไปหน่อย แต่ผมยอมแปลกครับเพราะทั้งพี่กรณ์ พี่ดิน พี่วัชและพี่ทิวา พวกเค้าใส่กางเกงขาสั้นตัวเดียวเปลือยอกโชว์เนื้อหนังและกล้ามเนื้อหน้าท้องที่ฟิตหุ่นกันอย่างดีอย่างไม่มีอายเลยครับ แต่ถ้าเป็นผม คงไม่ไหวล่ะครับเอาไว้ใส่เดินในบ้านตัวเองซะดีกว่า ถูกแล้วล่ะครับที่พี่ทิวาให้เสื้อผมมาด้วย ถึงมันจะใหญ่ไปนิดหน่อยก็ตาม
“งานเค้าจะจัดที่ไหนกันเหรอครับ”ผมถามพี่กรณ์ที่เริ่งร่าที่สุดในกลุ่มและอยู่ใกล้ผมที่สุด
“จัดที่หาดส่วนตัวของทางโรงแรมน่ะ รับรองเลยนะว่างานนี้มาไม่เสียเที่ยวแน่นอน ปีที่แล้วพวกพี่ก็มาสนุกมากๆ แถมสาวๆ ในชุดบีกินนี้ก็มีเพียบอีก หึๆ ๆ ^,,^ ดูกันแทบตาลาย”
“-_-; คะครับ”
ในที่สุดพวกเราก็มาถึงทางเข้าหน้างาน ซึ่งเป็นทางลงไปยังชายหาด ทางเข้ามีซุ้มประตูลูกโป่งสีฟ้าขาวและพนักงานทางโรงแรมมายืนต้อนรับพร้อมแขวนดอกไม่ที่เป็นพวงมาลัยให้ห้อยคอมันคือดอกกล้วยไม้สีขาวครับไม่ได้มีกลิ่นหอมแต่ก็สวยงาม ตอนนี้ผมเข้ามาในงานแล้วก็ต้องพบกับสิ่งที่สุดตาเป็นอย่างแรกเลยก็คือแก้วไวน์ที่เรียงกันเป็นเจย์ดีย์ตั้งสูงท่วมหัวจนผมเองต้องเงยหน้าขึ้นไปมองยอดแก้วใบสุดท้ายอย่างตะลึง ในงานมีบริกรชายที่แต่งชุดเข้ากับบรรยากาศทะเลเดินกันให้ควั่กไปทั่วทั้งหาด แถมในมือยังมีเครื่องดืมสีอำพันนานับชนิดใส่แก้วรูปทรงแตกต่างกัน ดูแล้วสวยงามดีครับ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้มาเจอบรรยากาศแบบนี้ เหมือนที่พี่กรณ์พูดไว้ก่อนหน้านี้เลยครับว่ามีสาวๆ ใส่ชุดบีกินนี่เพียบจริงๆ ทูพีช วันพีชก็มีครับแต่บางคนก็ใช้ผ้าพันเอวเอาไว้ดูไม่น่าเกลียด
“มึงจะปล่อยได้ยัง มันเดินเองได้ไม่ต้องไปประคองมัน”พี่ทิวาพูดพลางเดินกระแทกผ่ากลางระหว่างผมกับพี่กรณ์
“กินน้ำหน่อยมั้ยเดย์”
“อ่ะ...ขอบคุณครับพี่วัช”ผมรับน้ำผลไม้ในมือพี่วัชมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณ พี่วัชยิ้มน้อยๆ แต่กระชากใจให้ผมจะหันไปคุยกับพี่ดินที่กำลังโม้ควันขโมงกับใครสักคนนึง ผมเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้เลยเรียกพี่วัชไว้
“พี่วัชครับ!”
“......มีอะไรเหรอ?”พี่วัชเลิกคิ้วสูงอย่าสงสัย ก่อนที่ผมจะชวนพี่วัชให้ออกมาจากวงสนทนาที่คุยกันเสียงดัง โดยพี่กรณ์ยังคงคุยอย่างใส่อารมณ์อยู่กับพี่ทิวา
“คือผม....”ผมมีสิ่งที่อยากพูดอยู่ในใจแล้วครับแต่มันคัดสรรค์ออกมาเป็นประโยคไม่ถูก
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ พี่ไม่บอกใครหรอกนะ ^^”พี่วัชยิ้มอีกแล้วครับ ทำให้ผมไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนอยู่กับใครบางคนเลยและหลายครั้งที่แอบเหลือบไปมองแผงอกขาวเนียนที่แน่นไปด้วยเนื้ออย่างจงใจไม่ให้เจ้าตัวรู้
“พี่วัชรู้จักกับพี่ทิวานานแล้วเหรอครับ”
“ก็นานมาจนพอจะรู้นิสัยใจคอมันเลยล่ะ”
“เหรอครับ...”
“ที่เดย์เห็นมันเป็นแบบนี้น่ะ สันดานมันจริงๆ แล้วล่ะ^^”
“=O=;”ถึงนิ่งเงียบแต่พี่วัชก็แอบร้ายเหมือนกันนะครับ เค้าเรียกว่าเสือซุ่มรึเปล่าครับเนี่ย
“มันเป็นแบบนี้พี่เลยคบมันมาได้จนถึงปัจจุบัน เพราะมันไม่เคยมีความลับกับเพื่อนในกลุ่ม....ทิวามันเป็นคนคิดน้อย สันดานถ่อย ปากหมา สร้างเรื่อง นิสัยส้นตรีน....แต่ใช่ว่ามันจะไม่มีอะไรดีหรอกนะ สิ่งหนึ่งที่พวกพี่นับถือมันคือมันรักเพื่อน ไม่ทิ้งเพื่อน ให้เต็มร้อยกับคนที่มันรักและเชื่อใจถึงที่สุด”
ข้อดีพี่ทิวาน้อยจังเลยครับ -__-;
“พี่วัชครับ....ขอบคุณนะครับ”
“หืม....เรื่องอะไร”
“ก็พี่วัชให้อันนี้กับผม ผมไม่รู้ว่าพี่วัช....เอ่อ...”ผมควักยาหม่องที่พี่วัชให้ขึ้นมา มีบางอย่างที่ผมไม่กล้าพูดแต่ดูเหมือนพี่วัชจะเข้าใจ
“ไม่ต้องพูดอะไรหรอก แต่พี่ขอพูดอะไรอีกสักนิดนะ สำหรับทิวาแล้วเดย์เป็นคนแรกที่มันใช้กำลังและไม่บอกทุกคนให้รู้”ผมควรจะยินดีหรือครับ T^T“แต่พี่คิดว่ามันน่าจะมีอะไรบางอย่างถึงทำให้มันบ้าขนาดนี้ แต่ยังไงถ้าเดย์มีปัญหาล่ะก็ พี่ให้คำปรึกษาได้เสมอ ไม่ใช่เฉพาะพี่ แต่ทุกคนที่เดย์ไว้ใจ ^^”
“ครับ....งั้นผมขอให้พี่กลับคืนนะครับ เพราะผมไม่อยากใช้มันอีกแล้วล่ะครับ”ผมพูดเชิงขำขันก่อนที่พี่วัชจะยืนมือมารับยาหม่องในมือผม เราหัวเราะอย่างสนุกเพราะรู้สึกผ่อนคลาย ไม่มีอะรมาบีบคั้นให้เครียด แต่! ช่วงจังหวะนั้นเอง
“คนอื่นเค้าหากันให้วุ่น มาทำเรื่องบ้าๆ อะไรกันอยู่ที่นี่ฮะ!”
“พี่ทิวา O_o”
“มึงมานี่กับกรู!”จู่ๆ พี่ทิวาก็กระชากแขนผมในขณะที่ผมกำลังยืนค้างในท่ายื่นยาหม่องให้พี่วัชส่วนพี่วัชก็กำลังรับมันจากมือของผม นั่นคงไม่ได้หมายถึงการเข้าใจผิดหรอกนะครับ
“ทิวามึงจะทำอะไรน้องเค้า....”สายตาพี่วัชมองลอดผ่านเลนล์แว่นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์พร้อมกับคว้าท่อนแขนของผมไม่ให้พี่ทิวาลากไปตามอำเภอใจ
“ปล่อยเดี๋ยวนี้ไอ้วัช ถ้ามึงไม่อยากมีเรื่องกับกรู”เสียงพูดของพี่ทิวาไม่ได้ตะตอกหรือตะโกน แต่ตรงกันข้ามมันกลับเย็นเยือกจนน่ากลัวกว่าที่เป็นนัก ผมควรทำยังไงดี?
ในที่สุดตอนที่ 8 ก็ได้มาลงสักทีฮับ รอนานกันรึเปล่า (ใครรอฟะ!!>>>>เสียงโห่มาแต่ไกล
)
เพราะข้าพเจ้าติดภารกิจหลายอย่างที่ต้องทำเลยไม่ได้มาอัพให้
เมื่อวานนี้ก็พาเจ้าน้องชายไปสอบเข้า ม.1 เด็กสอบแข่งขันยังเยอะได้อีก
มันจะสอบได้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับมันแล้วล่ะ ตอนเช้าก็อุตส่าห์เจียดเงินในกระเป๋าสองร้อย
เลี้ยงติ่มซำให้มัน ไม่รู้ว่าติ่มซำของข้าพเจ้าจะสูญเปล่ารึไม คงต้องติดตาม
o18แล้วมาพบกันตอนที่ 9 อีกนะฮับ ขอบคุณทุกรีที่ติดตามกัน