เรามาแล้วนะคุณ Monet!!
อย่าหงอยเหงา อย่าอ้างว้างหรือเดียวดายนะคะ
ถึงเราจะเป็นพวกนาน ๆ มาเมนท์ที แต่เราติดตามทุก ๆ บทตลอด ๆ
ตอนล่าสุดนี้ทำให้เราเข้าใจแจ่มแจ๋วเลยว่าทำไมต่อมันถึงหลง และตกหลุมปิได้ในท้ายที่สุด
เพราะปิน่ารักจริง ๆ ทั้งนิสัย ทั้งหน้าตา... เป็นเราเราก็คงชอบแกล้งปิเหมือนกัน
อ่านทุก ๆ ตอนที่ต้องเล่าเรื่องปิทีไร เรารู้สึกเหมือนปิเป็นลูกแมวตัวขาวขนปุย ๆ ขี้อ้อน ๆ คอยมาเดินพันแข้งพันขาอยู่ใกล้ ๆ พอจะไล่ มันก็ไม่ยอมไป แค่อาจจะทำท่าจ๋อยนิดหน่อย แต่เดี๋ยวสักพักก็กลับมาคลอเคลียใหม่อยู่ดี
คือ ถ้าต่อคิดอะไรกับต้องจริง ๆ เราว่ามันอาจจะเป็นผลมาจากความคลุมเครือเพราะรู้สึกปลื้มที่ต้องคอยดูแลและทำดีด้วยสารพัด ซึ่งตีคู่มากับความชื่นชมในตัวพี่ชายต่างมารดาผู้ที่เติบโตมาพร้อม ๆ กัน แต่ดันมีคุณสมบัติโน่นนี่ที่ดีงามจนต้องมองตามหลังเต็มไปหมด
แต่กับปิ... เราว่ามันคือการเติมเต็มความรู้สึกของการได้กลายเป็นที่พึ่งพิงของใครสักคน มันคือการสร้างความเชื่อมั่นและรากฐานของการเป็นผู้ใหญ่ และคือการผ่านปัญหาเดียวกัน (bullying) ไปพร้อม ๆ กับอีกฝ่าย (แม้จะอยู่คนละขั้วอำนาจก็เถอะ) แน่นอน... ความเห็นอกเห็นใจ และรู้ซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายย่อมมีมากกว่าตอนอยู่กับต้องอยู่แล้วล่ะ
อย่างไรก็ดี เราจะรออ่านตอนต่อ ๆ ไปเรื่อย ๆ นะคะ ดีใจมากเลยที่รู้ว่าเรื่องนี้เขียนจบแล้ว
และถ้าคุณ Monet ยังสนุกกับการเขียนอยู่ จะเจอเราคอยติดตามเป็นเงาแน่ ๆ ค่ะ (ถ้าเรื่องมันไม่โหดร้ายจนเกินไปนะคะ - แหม่... กล้าพูด ทีเรื่องต้องเก้ายังผ่านมาได้เลยนี่หว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า)
อ้อ! HBD ต้องด้วยค่ะ ขอให้เลิกซึน ขอให้ได้กินเก้าเท่าที่ต้องการ และขอให้ต้องมีความสุขมาก ๆ ไปทุก ๆ วันเลยนะ
เป็นกำลังใจให้นะคะคุณ Monet!
ปล. แอบใช้พื้นที่ตรงท้ายนี้หวัดดีคุณ broke-back ด้วยค่ะ เราชอบอ่านกลอนของคุณมากเลย คนอะไรเก้งเก่ง เมนท์นิยายเป็นกลอนตลอด ๆ (นี่คุณติดอยู่ในรายชื่อนักอ่านในดวงใจเราไปแล้วนะคะ... รู้ตัวไหม? - ไม่ได้ยอนะเอ้อ เราว่าบทกลอนของคุณสะท้อนความใส่ใจต่อนิยายที่ได้อ่านดีอ่ะค่ะ ^^)