ต่อจากด้านบน
“ไงคุณหนูด้วง พร้อมจะมาเป็นเมียพี่สามารถรึยัง” สามารถเดินมาหยุดตรงหน้าหนุ่มน้อยที่นั่งเอาหัวพิงเสาด้วยท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
“ลุงเคยไปตรวจร่างกายไหมฮะ” หนูด้วงเงยหน้าขึ้นมาถาม คนถูกถามสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อถูกเรียกว่าลุง
“กลัวติดโรครึไง”
“ก็กลัวนิดหน่อย ถ้าลุงปล้ำหนูแล้วจะฆ่าหนูทิ้งเลยรึเปล่า ถ้าฆ่าเลยหนูก็ไม่ห่วง”
“ก็ถ้ามึงทำให้กูถึงสวรรค์ กูอาจจะไว้ชีวิตมึงก็ได้
“ว้า งั้นหนูคงตายแน่ๆ”
“......”
“เพราะต่อให้หนูงัดลีลามาร้อยแปดพันท่า ลุงก็ตกนรกอยู่ดี บันไดสวรรค์ก็ไม่ได้เห็น”
“ปากดีนักนะมึง” สามารถเอื้อมมือจะตบหน้าของหนูด้วง แต่โทรศัพท์ดังขึ้นมาก่อนจึงลดมือลงด้วยความขัดใจ
“ครับๆ ส่งเรือมาแล้วเหรอครับ คุณจะให้คนมารับผมกี่คน ผมไม่อยากให้เอิกเกริก ครับๆ แน่นอนครับ สินค้าไม่บุบสลาย” สามารถวางสายก่อนจะหันกลับมาแล้วเอาโทรศัพท์เชยคางของหนูด้วงขึ้น “โชคดีของมึงนะที่พรรคพวกมิสเตอร์คิมจะเอามึงไปขายต่อ ไม่งั้นกูจะตบให้ปากแตกเลย”
“ลุงๆ”
“อะไรอีก”
“จะเอาหนูไปขายแล้วให้หนูโทรมแบบนี้เหรอฮะ หนูขอล้างหน้าตบแป้งให้ดูดีกว่านี้ได้ไหมฮะ”
“มึงคิดว่าตลกเหรอ”
“ไม่คิดหรอกฮะ ถ้าตลกลุงคงหัวเราะไปแล้ว แต่หนูพูดจริง หนูซีเรียสนะ หนูไม่อยากดูไม่ดี”
“หึ ทำเป็นตลก มึงคิดจะถ่วงเวลากูสินะ คิดว่าไอ้พญาจะมาช่วยมึงได้เหรอ หรือคิดว่าไอ้โอบอุ้มจะมาช่วย โน้น กูให้เพื่อนกูไปลักพาลูกแฝดของมันแล้ว มึงคิดว่ามันจะเลือกใคร มึงหรือลูก”
หนูด้วงยอมรับว่าตกใจเรื่องที่สามารถให้คนไปลักพาตัวน้องแฝด คิดว่ามันคงไม่ได้บอกเรื่องนี้กับดาวเรืองก่อน ดาวเรืองถึงไม่ได้บอกถึงแผนการนี้ แม้ในใจนึกห่วงและภาวนาให้พี่โอบปกป้องน้องแฝดให้ได้ แต่หนูด้วงก็ต้องแสร้งแสดงท่าทีว่าไม่กังวลอะไรให้สามารถเห็น
“หนูไม่ได้คิดจะถ่วงเวลาหรอกฮะ บอกไปลุงก็คงไม่เชื่อ แต่หนูก็จะบอกลุง ถ้ามารู้ทีหลังจะได้ไม่ผิดหวัง”
“กูจะฟังนิทานที่มึงเล่าดูสักรอบ ไหนๆ ก็ต้องรอคนของมิสเตอร์คิมอยู่แล้ว”
“หนูเป็นลูกที่เกิดจากแม่เรืองกับหลวงพ่อ หนูไม่ใช่ลูกหลานของตระกูลภูมิเทพ หนูเองก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้จนกระทั่งแม่เรืองตัดสินใจบอกความจริง หนูคิดว่าแม่เรืองโกหกเลยไปตรวจดีเอนเอ สุดท้ายมันก็คือเรื่องจริง แม่เรืองให้หนูเก็บความลับนี้ไว้เพราะอยากให้หนูช่วยให้แม่เรืองได้กลับไปอยู่ในตระกูลภูมิเทพ”
“แสดงดีจนกูเกือบเชื่อ” สามารถแค่นยิ้ม
“ทุกคนรู้เรื่องนี้กันมาพักใหญ่แล้วฮะ คุณตาถึงเปลี่ยนใจยกโรงแรมให้น้าเยีย ส่วนยุง เอ่อ..หนูหมายถึงน้าพญาก็ให้ทนายทำเรื่องยกตลาดและทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้คนรักของเขา ลุงไม่แปลกใจเลยเหรอฮะว่าทำไมไม่มีใครมาตามหาหนูเลย ถ้าหนูสำคัญจริง ลุงจะมาเอาตัวหนูไปง่ายๆ เหรอฮะ ถ้าจะมีคนตามหนูก็คงมีแต่พี่โอบ เราเป็นแค่คนอื่นสำหรับคนในภูมิเทพเหมือนกันถึงได้เห็นใจกัน เรากำลังจะหนีไปด้วยกันอยู่แล้ว”
“มึงหลอกกู” สามารถยังคงไม่อยากจะเชื่อ แต่เมื่อตรองดูก็พบว่าไม่มีการตื่นตัวทางฝั่งของพญามาให้ได้ยินเลย ซึ่งถ้าหนูด้วงสำคัญจริงๆ ป่านนี้ทั้งคนของไอ้พญาและตำรวจคงวิ่งวุ่นกันรอบเกาะ รวมถึงด้านหลังของเกาะที่ตัวเองมาหลบซ่อนตัวอยู่นี่ด้วย แถมตอนไปค้นบ้านของโอบอุ้ม บ้านนั้นแทบไม่มีของมีค่าอะไรเลยนอกจากใบเกิดของเด็กแฝด สมุดบัญชีที่มีอยู่เล่มเดียวก็มีเงินแค่ไม่กี่หมื่นเท่านั้น
“หนูถึงอยากดูดี อย่างน้อยถ้าลุงขายหนูให้กับเศรษฐี หนูจะได้ไม่ต้องลำบาก หนูอาจจะต้องส่งเงินมาให้พี่โอบ พี่โอบมีแต่ตัว น่าสงสาร อ่อ...แล้วหนูก็ไม่อยากเป็นโรคด้วย เดี๋ยวราคาจะตก”
“มึงอยู่เงียบๆ เดี๋ยวกูมา” สามารถเดินออกจากห้องด้วยความหงุดหงิด
“ถ้าลุงจะไปข้างนอก ฝากซื้อลิปมันด้วยนะฮะ หนูไม่อยากปากแห้ง” หนูด้วงตะโกนไล่หลังไป เมื่อเห็นสามารถเตะประตูดังโครมก่อนจะเดินหายไปถึงได้พรูลมหายใจออกมา
หนูด้วงรีบลุกขึ้นแล้วถอดกุญแจมือออก แค่กุญแจมือเก่าๆ สะเดาะนิดเดียวก็หลุดออกจากข้อมือแล้ว หนูด้วงเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากบรรดาลูกน้องของยุงพญา เมื่อเป็นอิสระจากกุญแจมือขึ้นสนิมก็รีบไปหาดาวเรืองที่นอนหมดสติอยู่บนเตียง เห็นสภาพของดาวเรืองแล้วหนูด้วงอดใจหายไม่ได้
“แม่เรือง เราต้องไปกันแล้วฮะ แม่เรือง” หนูด้วงปลุกดาวเรือง แต่อีกฝ่ายดูอ่อนแรงและไม่ได้สติ พยายามปลุกอยู่พักใหญ่จนไม่ได้สังเกตว่าสามารถเดินกลับเข้ามาแล้ว
“กูว่าแล้ว” เสียงของสามารถทำเอาหนูด้วงสะดุ้งสุดตัว “มันคงตื่นหรอก กูให้มันกินยากล่อมประสาทไปหลายเม็ด กลัวมันหวงมึงจนสติแตกตอนที่กูจะเอามึง”
“อย่าเข้ามานะ” หนูด้วงวางดาวเรืองลงและรีบลุกขึ้นยืน
“จะเอาอะไรมาสู้กูเหรอครับคุณหนูด้วง ไหนล่ะอาวุธ” สามารถยิ้มเหี้ยมเกรียมพร้อมกับสาวเท้าเข้ามาหา
“หนูไม่ได้หลอกลุงนะเรื่องที่หนูเป็นลูกแม่เรือง”
“กูเชื่อมึงก็ได้ เมื่อกี้สายข่าวกูบอกว่าไม่มีใครตามหาตัวมึง ไม่มีใครสนใจเลยว่ามึงหายตัวไป ยอมรับว่าหงุดหงิดมาก แต่กูเป็นพวกคิดบวก ไหนๆ ก็ทำให้ไอ้พญาเจ็บปวดไม่ได้ อย่างน้อยชีวิตกูจะมีมึงคอยสนองตัณหาก็ไม่เลวเหมือนกัน คิดเสียว่าไอ้พญาฟูมฟักมึงมาเพื่อให้มึงมาเป็นเมียของกู”
“ก็ได้ก็ได้ เฮ้อ” หนูด้วงถอนหายใจ ยกมือขึ้นทั้งสองข้าง “หนูยอมแล้ว แต่ว่า...”
“อะไรอีก” สามารถมองหนูด้วงด้วยความระแวง ไม่รู้ว่าไอ้เด็กนี่จะมาไม้ไหนอีก ท่าทางมันฉลาดไม่เบา
“บอกหนูหน่อยเถอะ พี่โอบเป็นลูกใคร ลุงไปลักพาตัวพี่โอบมาจากไหน แล้วลุงลักพาเด็กมาตั้งหลายคน ทำไมไม่มีใครจับลุงได้เลย โคตรฝีมือเลยฮะ แล้วล่าสุดลุงไปค้นบ้านพี่โอบ ลุงต้องการอะไรฮะ แล้วลุงเคยฆ่าคนตายไหม ตอนฆ่ามันสนุกไหม มันมีบางครั้งเหมือนกันนะฮะที่หนูอยากลองใช้มีดคมๆ เฉือนเนื้อสดๆ”
“รำคาญโว้ย ถามมากชิบหาย กูไม่เล่า”
“ถ้าลุงยอมเล่า หนูยินดีจะตอบแทนลุงให้สาสมเลยนะ เห็นหนูเด็กๆ แบบนี้ หนูแซบลืมสุดๆ ทั้งกัด” หนูด้วงทำท่างับลมประกอบ “ทั้งข่วน” จากนั้นก็กางมือขึ้นมาแล้วข่วนอากาศให้อีกฝ่ายดู “ทั้งขยำ ลุงชอบแรงๆ ไม่ใช่เหรอฮะ” หนูด้วงพูดจบก็กัดริมฝีปาก สามารถหอบหายใจแรงๆ เพราะความร้อนแล่นพล่านให้กับท่าทางยั่วยวนของคนตรงหน้า
“ให้มันจริง กูยอมเล่าให้ฟังก็ได้ ถ้ามึงมีลูกเล่นกูจะฆ่าอีดาวเรืองต่อหน้ามึงให้ดู”
สามารถเริ่มเล่าทุกอย่างให้หนูด้วงฟังอย่างออกรส อำนาจบารมีในอดีตเป็นสิ่งที่เขายังคงโหยหา เขาเป็นถึงมือขวาของนักการเมืองดัง เขาทำเงินส่งส่วยให้มันปีละไม่น้อย แลกกับการปิดหูปิดตาของเจ้าหน้าที่รัฐและคนในท้องถิ่น ไม่มีใครกล้าหือกับไอ้สามารถคนนี้ แต่เพราะไอ้พญายื่นมือเข้ามายุ่งเขาถึงถูกนายไล่ออก ไม่มีใครอยากมีปัญหากับผู้ทรงอิทธิพลของจังหวัด จากที่เคยมีอำนาจกลายเป็นแค่เศษสวะสังคม ยิ่งเล่าเรื่องในอดีตก็ยิ่งเหมือนได้ย้อนกลับไปยิ่งใหญ่ ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองได้พรั่งพรูคำสารภาพออกมาจนหมดสิ้น จนสายตาเหลือบไปเห็นตุ๊กตามนุษย์ต่างดาวตัวหนึ่งที่วางอยู่บนเตียง หน้าตาเหมือนตุ๊กตาที่น่าเกลียดของดาวเรือง แต่ตัวนี้ดูใหม่กว่า ดูทันสมัยกว่า เขาจึงเริ่มเอะใจ
“ตุ๊กตาตัวนี้มันมาตั้งแต่เมื่อไหร่” สามารถเดินมาหยิบดู จนจู่ๆ มีแสงแฟลชสว่างวาบขึ้นเขาถึงได้โยนมันทิ้งไป “มึงมันไว้ใจไม่ได้จริงๆ กูจะไม่ใจดีกับมึงอีกแล้วไอ้เด็กเปรต”
สามารถกระโจนเข้าหาหนูด้วงด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่ยังไม่ทันจะถึงเป้าหมาย ประตูสังกะสีถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วเนื่องจากแรงถีบ คอเสื้อของมันถูกกระชากจากทางด้านหลังจนมันหงายหลังไปกองกับพื้น
“พวกมึงเป็นใคร” สามารถพยายามจะลุกขึ้นแต่ถูกเท้าของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่เหยียบไว้ที่อก แค่เท้าข้างหนึ่งที่เหยียบไม่ทำให้เขาหมอบราบเท่ากับปืนที่เล็งมาทางเขาถึงสามกระบอก
“มึงจำเอาไว้ให้ดี แกงค์เดอะซู ฆ่าไม่ได้ หยามไม่ได้ ทำอะไรอะไรก็ไม่ได้ทั้งนั้น” คนที่เหยียบอกสามารถพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“เจ๋งอะสิงโต” เม่นชมเพื่อนรักที่ทำท่าขึงขังจนดูน่ากลัว
“มันใช่เวลาชมกันเองไหม” ชายหนุ่มหน้าตี๋อีกคนถามพลางถอนหายใจ
“เอาน่ะตี๋น้อย นานๆ ที แล้วยังไงต่อดีสิงโต” เม่นหันไปพูดกับเพื่อนใหม่ก่อนจะหันมาถามสิงโต
“ใส่กุญแจมือมัน ตำรวจกำลังมา หลักฐานมีครบแล้ว”
“หลักฐานอะไรของมึง กูไม่ได้ทำอะไร อีดาวเรืองต่างหากที่ทำ” สามารถโยนความผิดให้คนที่นอนไม่ได้สติอยู่บนเตียง
“ไม่ทันแล้วลุง ที่ลุงเล่ามาทั้งหมดถูกอัดเก็บเอาไว้หมดแล้ว ใช่ไหมสิงโต” หนูด้วงถามเพื่อน
“อืม นกฮูกกับน้องเกลโหลดไฟล์ผ่านน้องด้าวไว้หมดแล้ว ดีนะ ตรงนี้สัญญาณเน็ตดีมาก ตอนนี้ไฟล์คงถึงมือตำรวจแล้ว”
“เดี๋ยวพวกของกูก็จะมาแล้วไอ้เด็กน้อย ตำรวจคงมาช่วยพวกมึงไม่ทันหรอก สงสัยอยากตายหมู่” สามารถขู่
“ลุง พรรคพวกมิสเตอร์คิมอะไรนั่นมันไม่มีจริง ถูกนายพญาล้างบางหมดแล้ว คนที่คุยโทรศัพท์กับลุงน่ะผมเอง เรือที่ว่าจะมารับมีแต่เรือแจว ลุงแจวไหวไหม” ตี๋น้อยถามเสียงเยาะ
“พวกมึง! หลอกกู!”
“เม่น ใส่กุญแจมือมัน” สิงโตสั่งเพื่อนรักเพราะไม่อยากให้สามารถเป็นอิสระนาน
ระหว่างที่เม่นกำลังดันตัวของสามารถให้ลุกขึ้น ฝ่ายนั้นใช้ศอกถองเข้าที่ท้องอย่างแรงจนเม่นหงายหลังไป จากนั้นสามารถก็รีบลุกแล้วใช้แรงที่มีผลักตี๋น้อยให้ล้มลง สิงโตเงื้อหมัดไปชกหน้าสามารถจนฝ่ายนั้นเซ แต่มันก็สวนกลับจนสิงโตถึงกับเป๋ไปเหมือนกัน
“หยุดนะ ไม่หยุดจะยิง” ตี๋น้อยลุกขึ้นมาถือปืนขู่
“ยิงกูเลย” สามารถวัดใจ แต่สุดท้ายเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายลั่นไกจึงรู้ว่าปืนนั้นไม่ใช่ของจริง เขากระโจนเข้าหาแล้วสวนหมัดใส่จนตี๋น้อยล้มลงไปกองกับพื้น
“ตี๋น้อย ไอ้เหี้ย!” สิงโตเห็นตี๋น้อยเจ็บก็ใจหาย ยิ่งเห็นเลือดออกที่มุมปากฝ่ายนั้นจึงสบถออกมา
“กูเจ็บจะตายอยู่แล้วยังมาด่ากูอีก ไอ้เหี้ยสิงโต” ตี๋น้อยด่าสิงโตกลับ
“กูไม่ได้ด่ามึง กูด่ามัน” สิงโตส่ายหน้าอย่างระอา
“แต่มึงมองหน้ากู”
“เจ๋ง เถียงกันจนไอ้เลวนั่นวิ่งหนีไปแล้ว” เม่นตะโกนแทรกเมื่อเห็นสามารถกำลังวิ่งหนีไป
“เฮ้ย ตามไป เร็ว” สิงโตเห็นแล้วจึงรีบวิ่งตามไป
ด้วยชั้นเชิงนักเลงเก่าทำให้สามารถรับมือจากการถูกรุมได้ มันหนีหลุดออกมาจากวงล้อมของเพื่อนหนูด้วงได้สำเร็จ ถึงจะสะบักสะบอมเพราะแรงหมัดของสิงโตไม่ใช่เบาๆ แต่ก็ถือว่าโชคดียังเป็นของมันที่สามารถหนีได้ทันก่อนที่ตำรวจจะมา มันนึกเจ็บใจที่ถูกเด็กวัยลูกหลอกจนเกือบเอาตัวไม่รอด มันนึกสาบานในใจว่าถ้ามันตั้งหลักได้เมื่อไหร่ มันจะเอาคืนให้หมดทุกคน
……
ดาวเรืองลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว ที่แขนถูกให้น้ำเกลืออยู่ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องก็เห็นว่าห้องที่พักรักษาอยู่มันดูหรูหราที่สุด หรูหรากว่าห้องที่ตัวเองเคยพักอาศัยมาตลอดชีวิต แสงสว่างจากไฟบนเพดานทำให้เธอต้องกระพริบตาอยู่หลายรอบ จนรู้สึกว่ามือตัวเองถูกสัมผัสจากใครบางคนถึงได้หันมาโฟกัสที่เจ้าของมือแทน
“แม่เรือง หิวน้ำไหม”
เป็นหนูด้วงนั่นเอง เธอพยักหน้าให้เพราะรู้สึกว่าคอแห้งผากไปหมด ถ้าได้ดื่มน้ำคงช่วยให้ดีขึ้น
“แม่เรืองหลับไปตั้งนาน แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะฮะ” หนูด้วงวางแก้วน้ำบนโต๊ะก่อนจะเดินมาประคองดาวเรืองให้ลุกขึ้นมานั่ง จากนั้นถึงส่งแก้วน้ำให้อีกฝ่ายดื่ม
“ไอ้สามารถล่ะ” ดาวเรืองถามเมื่อรู้สึกดีขึ้น
“มันหนีไปได้”
“แล้วหนูด้วง...” ดาวเรืองพยายามสำรวจหนูด้วง แต่แล้วตัวเองต้องเป็นฝ่ายนิ่วหน้าเพราะยังรู้สึกเจ็บจากการถูกทารุณกรรมทางเพศด้วยความรุนแรง
“หนูปลอดภัย ทำไมแม่เรืองต้องให้มันทำแบบนั้น มันไม่จำเป็นเลย” หนูด้วงถามด้วยความสะเทือนใจ ตามแผนที่วางเอาไว้หนูด้วงไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้
“ไม่ต้องรู้สึกผิด ฉันเต็มใจ”
“แม่เรือง...”
“ฉันอยากพัก” ดาวเรืองส่งแก้วน้ำคืนก่อนจะนั่งหลับตาเงียบๆ
“แม่เรือง” หนูด้วงยังคงเรียกอีกฝ่าย น้ำตาคลอเพราะรู้สึกผิด ร่องรอยเขียวช้ำที่ปรากฏบนใบหน้าและตามตัวของดาวเรืองดูคล้ำกว่าเดิม เพราะแผนโง่ๆ ของตัวเองทำให้ผู้หญิงคนนี้ต้องมารับเคราะห์
“ฉันไม่ได้ทำเพื่อหนูด้วง” ดาวเรืองถอนหายใจก่อนจะยอมพูดทั้งที่หลับตา “ฉันเคยสั่งให้คนไปข่มขืนพยงค์ ถึงจะไม่สำเร็จแต่ฉันเคยอยากให้มันเกิดขึ้น มันสมควรแล้วที่ฉันจะโดนบ้าง คนอย่างฉัน...” แม้เสียงจะสั่นเทาแต่น้ำตาของเธอกลับไม่ไหลสักหยด คำว่า ‘ตามแต่สมควร’ จากนายหัวพยนต์ยังคงดังอยู่ในหัว มันสมควรแล้วไงกับสิ่งที่พ่ออยากให้เกิดขึ้น
“แม่เรืองสัญญาแล้วว่าจะลืมเรื่องเก่า” หนูด้วงบีบมือของดาวเรือง สัมผัสได้ว่ามือเย็นเยียบของฝ่ายนั้นสั่นเทา
”ยังเชื่อคำสัญญาอีกเหรอ เด็กโง่” ดาวเรืองดึงมือของตัวเองออกจากการถูกจับกุม เธอไม่สมควรได้รับความรักจากเด็กคนนี้
‘ฉันไม่รู้เธอแบกรับอะไรไว้มากมาย เหมือนคล้ายๆ เธอปวดร้าวที่ข้างใน แต่ฉันรับรู้ถึงความกดดัน ที่เธอกลั้นน้ำตาเอาไว้
ดูเหมือนเธอไม่ยอมให้ใคร มองว่าอ่อนแอ’
ดาวเรืองลืมตาขึ้นเมื่อจู่ๆ หนูด้วงร้องเพลงออกมา เด็กน้อยที่เธอทำร้ายในวันนั้นเป็นคนที่อยู่เคียงข้างเธอ อยู่กับเธอในวันที่ไม่มีใครต้องการ
‘จำได้ไหมวันแรกที่เธอเกิดมา เธอร้องไห้ มันสื่อความหมาย ว่าเธอจะก้าวต่อไป ในโลกใบนี้ ใช่ไหม’
เธอหลับตาลงอีกครั้ง เนื้อเพลงที่หนูด้วงร้องมันทำให้เธอสะเทือนใจ เธอไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็นอีกแล้ว ถึงเธอจะโหยหาความรัก แต่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ของเธอ ที่ของเธอคือในคุก ถ้าจะต้องร้องไห้ก็ควรไปร้องที่นั่น
จะว่าไปตั้งแต่เกิดมา เธอก็เหมือนอยู่ในคุกที่แม่จับขังเอาไว้ คุกที่คำว่านายท่านคือคำที่เรียกพ่อ คุกที่แม่สั่งให้คอยเอาใจและเดินตามหลังคุณหนูพยงค์ทั้งที่เป็นคนเสมอกัน คุกที่ต้องอยู่ให้ได้และอยู่ให้เป็น แม่เป็นคนเดียวที่เป็นกำลังใจให้เธอทนอยู่ในคุกที่น่าอึดอัดได้ แต่คนเดียวคนนี้ก็มอบคำว่า ‘เธอเป็นลูกของชู้’ จนเป็นตราบาปในหัวใจมาโดยตลอด ก็เหมาะแล้วที่เธอควรจะอยู่ในคุกที่ขังตัวเธอออกจากคนทั้งโลก
‘อยากจะร้อง ร้องเลย ร้องไห้ ร้องออกมา เธอจงเสียน้ำตาเพื่อเป็นการระบาย โลกใบนี้วกวน ทุกๆ คนก็เคยร้องไห้ ให้หยดน้ำตาสื่อความหมายให้เธออีกที ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว’
สุดท้ายแล้วความอดกลั้นที่พยายามฝืนก็สิ้นสุด น้ำตาที่ไหลลงมาสะท้อนให้เห็นความพ่ายแพ้ เธอพ่ายแพ้ให้กับเด็กน้อยที่เธอทั้งรักทั้งชัง มือที่ถูกจับกุมอีกครั้งถ่ายเทความอบอุ่นอย่างที่เธอไม่เคยได้รับ และไม่สมควรได้รับ มือที่เคยตบตีเด็กน้อยไม่สมควรได้รับการปลอบโยน
‘เธอบอกฉันว่าไม่มีใครเข้าใจหรอก ไอ้ความช้ำชอกที่เธอต้องเจอ แต่เธอรู้บ้างไหม ไม่ว่าใครๆ ก็ต้องเคยน้ำตาล้นเอ่อ แม้จะดูว่าเขาเลิศเลอ แค่ไหนก็ตาม’
“ขอโทษ ฉันขอโทษ” ดาวเรืองพูดพลางสะอื้น หนูด้วงเดินเข้ามาเช็ดน้ำตาให้ก่อนจะสวมกอด
เป็นครั้งแรกที่เธอยอมกอดหนูด้วงกลับ เธอยอมแล้ว ยอมอ่อนแอให้เด็กคนนี้ได้เห็น ยอมให้เห็นจิตใจที่ผุพังของเธอ เพราะเธอไร้เรี่ยวที่จะเข้มแข็งอีกต่อไป ไม่มีแรงแม้แต่จะเกลียดใครสักคน
“แม่เรือง แค่หนูคนเดียวพอไหมฮะ แค่หนูที่อภัยให้แม่เรือง เข้าใจแม่เรือง แค่หนูได้ไหมฮะ ไม่ต้องสนใจคนทั้งโลก ไม่ต้องสนใจอดีต หนูจะรักแม่เรืองให้มากๆ จะดูแลแม่เรือง ขอแค่แม่เรืองเปิดใจให้โอกาสหนูเท่านั้นเอง”
“ฉันไม่สมควรจะได้รับ”
“ไม่มีใครไม่สมควรที่จะได้รับความรักหรอกฮะ”
“ทำไมหนูต้องดีกับฉันขนาดนี้ ทำไม”
“ก็หนูเป็นผู้วิเศษ” หนูด้วงพูดแล้วหัวเราะ ดาวเรืองเองก็หลุดหัวเราะทั้งน้ำตาเมื่อได้ยิน “หนูไม่อยากให้ใครเกลียดหนู อย่าเกลียดหนูได้ไหมฮะ” หนูด้วงยอมพูดความจริงออกมา การถูกเกลียดมันน่ากลัวสำหรับหนูด้วงที่สุดแล้ว
“อยากเกลียด” ดาวเรืองพูดจบหนูด้วงก็หน้าเสีย “แต่ก็เกลียดไม่ลง ใครจะเกลียดลง”
“หนูรวยมากๆ หนูจะเลี้ยงแม่เรืองเอง เป็นแม่ของหนูอีกคนนะฮะ” หนูด้วงกระชับกอดอีกฝ่ายก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความดีใจเมื่อดาวเรืองพยักหน้าให้แทนคำตอบ
การถูกรักมันดีเสมอ โดยเฉพาะถ้าความเกลียดถูกกำจัดไปด้วยมันดีที่สุด
“เด็กโง่ ต้องอวดว่ารวยด้วยเหรอ แม่กินง่ายหรอกนะ” ดาวเรืองเองก็กระชับกอดหนูด้วงจนแน่น
สิ่งที่เธอต้องทำคือเลิกโหยหาความรักจากคนที่ไม่มีให้เธอเสียที แล้วหันมาเห็นคุณค่าของโอกาสและความรักจากคนที่เต็มใจมอบมันให้เธอ
‘อยากจะร้อง ร้องเลย ร้องไห้ ร้องออกมา เธอจงเสียน้ำตาเพื่อเป็นการระบาย โลกใบนี้วกวน ทุกๆ คนก็เคยร้องไห้ ให้หยดน้ำตาสื่อความหมายให้เธออีกที ว่าเธอคนนี้ยังสู้ไหว’
โปรดติดตามตอนต่อไป
ใครน้ำตาไหลบ้างตอนนี้ ยกมือขึ้น
ตอนนี้จะสลับฉากเยอะหน่อยนะคะ ใกล้จบแล้วตัวละครต้องออกมากันหน่อย แหะๆ
ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะพี่จ๋าน้องจ๋า
...รัก...