บทที่7
“ไอซี เมื่อกี๊กูเจอพี่บูมหน้าตึกคณะ เค้าถามหามึงอ่ะ เห็นบอกมีงานให้มึงช่วยเป็นพีอาร์งานไรซักอย่าง” ไอนิลสะกิดผมที่กำลังนอนฟุบโต๊ะ รออาจารย์มาสอน
“อ่อ เออ สงสัยเรื่องค่ายสร้างมหาลัย เจ๊ช่าบอกกูละ...เจ๊จะให้ช่วยโปรโมตค่าย พวกมึงไปกับกูมั้ย”
“ชั้นอยากไปป ถ้าแกไป ชั้นจะชวนรูมเมทชั้นไปด้วย” ไอเปิ้ลครับ มันพยายามจะแนะนำเมทมันให้ผมมาตั้งแต่หลังประกวดดาวเดือนคณะ แต่จนตอนนี้ผมยังไม่เคยได้คุยกับริน รูมเมทมันเลย เจอกันทีไรรินก็เอาแต่ยิ้มหน้าแดง ไม่พูดไม่จา ผมเลยไม่รู้จะคุยอะไรกับเธอ
“กูไม่ได้หวะ ชนกันกับงานวันเกิดย่ากู ชิ่งไม่ได้ เดี๋ยวย่าตัดกูออกจากกองมรดก” ไอนิลทำหน้าเซ็ง
“มึงอ่ะ?” ผมหันไปถามไอภูมิ
“ค่ายสร้างมหาลัยหรอวะ? กูอยากไปของคณะหวะ ของมหาลัยกูไม่รู้จักเด็กคณะอื่น ไปคงไม่สนุก”
“มึงไม่รู้อะไร มึงต้องไปแบบไม่รู้จักใครนี่แหละถึงจะสนุก เดี๋ยวไปก็รู้จักกันเองอ่ะ ได้คอนเนคชั่นเพิ่มด้วย” ผมพยายามกล่อมมัน
“มึงนี่ทำตัวสมเป็นพีอาร์ค่าย แต่งานนี้กูบายหวะ กูขี้เกียจด้วย”
“สัด ทำเป็นเล่นตัว เดี๋ยวกูเจอสาว กูจะเงียบไว้คนเดียว”
“Kเถอะ ต่อให้ผมไปกับคุณ สาวก็ไม่สนผมอยู่แล้ว”
“ผมถือว่าผมชวนมึงละนะไอคุณภูมิ มาโวยวายทีหลังไม่ได้นะ” มันเว่อครับ ไอภูมินี่หญิงติดมันไม่น้อยเลย มันตัวไม่สูง แต่หุ่นมันดี แต่งตัวเก่ง ยิ่งมันไถข้าง โชว์หูที่เจาะข้างละ2-3รู ยิ่งเท่
.
.
.
“ไอซี มึงไปกับกู ไปช่วยพวกกูแจกแผ่นพับค่ายหน้าโรงอาหารหน่อย พวกกูจะไปตั้งกล่องเรี่ยไร” ไอพี่บูมเข้ามาลากคอผมทันทีที่เลิกคลาส ผมเลยลากพวกไอนิลมาด้วยอีกที
ผมยืนแจกแผ่นพับไป ทักคนนั้น ชวนคนนี้ไปเรื่อยเปื่อย แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็นไอคินมาแต่ไกล มันเดินมากับเพื่อนมันอีก4คน...หลังจากคืนนั้นผมเจอมันบ้างแต่แทบไม่ได้คุยกันหรอกครับ เพราะผมชอบเจอมันใต้หอตอนเช้าๆ ซึ่ง”เช้า”ของผม หมายถึงอีก10นาทีจะถึงเวลาเข้าเรียน เลยได้แค่ทักทายกันนิดๆหน่อยๆ
“ไอคินๆ ไปค่ายสร้างมหาลัยกับกูเปล่า?” ผมตะโกนชวนมัน
มันเดินทอดน่องเข้ามากับเพื่อนมัน “ที่ไหนวะ”
“เชียงใหม่ ไปไม่กี่วันหรอก สร้างห้องน้ำ ไปมั้ย?”
“กูขอดูก่อน ไม่รู้ลางานได้มั้ย เดี๋ยวกูมาบอก”
“มึงทำงานด้วยหรอวะ?”
“เออ กูร้องเพลงอยู่ร้านพี่โจ้”
“เออ เอาไงบอกกูละกัน รีบๆนะ ค่ายกูฮอต เดี๋ยวคนเต็ม”
“งั้นมึงเอาเบอร์มึงมา เดี๋ยวกูแอดไลน์ไป พี่โจ้ว่าไงกูจะได้ไลน์บอกมึง”
“เออ” ผมให้เบอร์มันไป แล้วเดินกลับไปหาพวกไอนิล
.
.
“ไอซี มึงไปสนิทกับไอคินตอนไหนวะ” ไอนิล ไอขี้เสือก
“ตั้งแต่กูไปถ่ายสปอตอ่ะ”
“มันนิสัยดีมั้ยวะ?”
“ดี? คือยังไงวะ กูไม่รู้หวะ”
“ก็ดีแบบ เป็นคนดีมั้ย ข่าวลือมันจริงมั้ย ไรงี้” คราวนี้มันกระซิบถาม
“ก็คงไม่มีใครเกิดมาเป็นคนดี100%หรือชั่ว100%ป้ะวะ มันอยู่ที่มึงนิยามคำว่า”ดี”ยังไง กับมันแสดงด้านไหนใส่มึง..แต่เท่าที่กูเห็น มันก็ดีมั้ง”
“มึงแม่ง ชอบพูดจากำกวม ไม่ตอบกู สัด”
“ก็มึงมันขี้เสือก กูเห็นมึงอยากรู้แล้วกูสนุก” ผมขำ
[ NAKIN added you as friend ]
KIN: กูเอง
Z: เออ กูรู้แล้ว
:มึงถามพี่โจ้แล้ว?
KIN: ยัง เดี๋ยวกูค่อยถามคืนนี้
Z: อ่าว แล้วมึงจะพิมพ์มาทำเหี้ยไรเนี่ย
KIN: ทักทาย
Z: ควาย
(22.43)
KIN: กูไป ลงชื่อให้กูด้วย
Z: K
KIN: ด่ากูไม?
Z: ด่าKไร? กูบอกว่าโอเค
KIN: นี่ไง มึงด่ากูละ
Z: ไอควาย ไอเหี้ย ไร้สาระสัด เสียเวลาเล่นเกมส์กูจริงๆ
: นี่ แบบนี้ ถึงจะเรียกว่าด่า
KIN: 5555 ฝันดีมึง
Z: กูบอกว่ากูเล่นเกมส์อยู่ ฝันดีไรของมึง
KIN: 55555
นี่ผมคิดผิดหรือคิดถูกวะ ที่ไปชวนมัน แม่งปัญญาอ่อนผิดกับภาพลักษณ์ชิบหาย
วันเดินทาง พวกผมทั้งหมดไปเชียงใหม่ด้วยรถไฟ ช่วงแรกๆก็สนุกดีครับ ทักทายคุยกันเสียงดังสนั่น แต่พอเดินทางไปได้ซักพัก แต่ละคนก็แบตหมด จากที่เดินคุยกันให้วุ่น ก็เริ่มหามุมนั่งงีบ ผมนั่งตรงข้ามเปิ้ลกับริน รูมเมทไอเปิ้ลมัน รินเริ่มยอมพูดกับผมบ้างแล้วครับ หลังจากที่ผมชวนคุยพักใหญ่ แต่ยังไม่ยอมมองหน้าผมอยู่ดี
ผมนั่งฟังเพลงไป คุยกับสองสาวไป ไอห่าคินก็เดินมานั่งข้างผม
“กูนั่งด้วย กูไม่มีเพื่อน”
“กูเห็นถาปัตย์มาเยอะแยะ”
“ไม่ใช่เพื่อนกู กูไม่สนิท”
“แล้วกูเพื่อนมึงไง?”
“อ่าว ถ้ามึงไม่ใช่เพื่อน แล้วมึงเป็นอะไรกับกูหละ” มันถามผม สายตาแม่งวิบวับ กวนส้นตีนชิบหาย
“เออๆ นั่งๆ นี่เพื่อนกู เปิ้ลกับริน” ไอเปิ้ลนี่ตาลอยแล้วครับ โดนรูปลักษณ์ภายนอกไปเหี้ยคินหลอก
นั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อยครับ แต่ส่วนมากเป็นผมกับไอเปิ้ล ที่พูดมากกันอยู่สองคน พูดกันจนไม่รู้จะพูดอะไร ผมเลยตั้งหน้าตั้งตาฟังเพลงในมือถือ
“กูฟังด้วยดิ่” ไอห่าคินไม่พูดเปล่า ยื่นมือมาดึงหูฟังผมไปเสียบหูตัวเองหน้าตาเฉย
“มึงชอบเพลงแนวนี้?” มันถามผมหลังจากฟังไปได้4-5เพลง
“กูฟังได้หมดอ่ะ แต่เพลงพวกนี้ไอป๊อปเพื่อนกูลงให้ กูขี้เกียจโหลดบิท”
“วันหลังมึงมาลงเพลงที่ห้องกูก็ได้ กูโหลดไว้เยอะ” ไอคินพูดนิ่งๆ
“เออ ดีเหมือนกัน เดี๋ยวนี้กูไม่ค่อยได้เจอมัน ไม่ได้ลงใหม่เลย” มันใจดีเว้ย ผมคิดในใจ
หลับกันไปคนละหลายตื่น เมื่อยไปหมดทั้งตัว ในที่สุดก็ถึงเชียงใหม่ ผมเพิ่งเคยมาเชียงใหม่ครั้งแรก ชอบมากครับ เป็นเมืองที่ผสมผสานวัฒนธรรมเก่าใหม่ได้ลงตัว แต่โรงเรียนที่พวกผมจะไปต้องนั่งกระบะชาวบ้านขึ้นเขาไปอีกเป็นชั่วโมงๆ ตอนลงจากรถ ผมรู้สึกเหมือนเครื่องในผมถูกปั่นรวมกันแล้วกำลังจะขย้อนออกมาทางปาก หัวนี่แดงไปหมดเพราะฝุ่นจากถนนลูกรัง
วันแรกไม่มีไรมากครับ หลังจากที่แบ่งหน้าที่กันแล้วว่าใครอยู่ฝ่ายไหน มีหน้าที่ยังไงก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย ผมอยู่ฝ่าย GB ครับ เจเนอรัลเบ๊...ส่วนเปิ้ลกับรินอยู่ฝ่ายสวัสดิการ ไอคินโดนจับโยนไปฝ่ายสร้าง
“ไอซี ตามลุงมีไปเอาเหล้าต้มที่บ้านแกดิ๊” ไอห่าพี่บูมประเดิมให้งานผมคนแรก
คืนนั้นแต่ละคนเมากันแทบคลาน แต่ผมไม่กล้าเมามาก กลัวทำอะไรหลุดๆออกไป แต่ดีกรีเหล้าลุงมีนี่โคดแรง ขนาดกินไปไม่กี่แก้ว ผมยังกรึ่มๆ เดินเซไปเหมือนกัน
“พี่ เดี๋ยวผมมานะ เยี่ยวแป้บ จะฝากมั้ย?” ผมหันไปบอกพี่ๆในวง
ตอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ผมเห็นไอคินนั่งดูดบุหรี่อยู่คนเดียว ริมสนามบอลเลยเดินเข้าไปทักมัน
“เมาเป็นหมาเลยมึง” มันขำผม
“กูไม่เมา กูกรึ่มม” ผมยิ้มตาหยีให้มัน
“ตาเยิ้มเหี้ยๆ บอกไม่เมา”
“แล้วไมมึงไม่ไปนั่งแดกกับพวกกูอ่ะ มาค่ายทั้งที เสือกปลีกวิเวก นั่งทำตัวเป็นพระเอกเอ็มวีอยู่คนเดียว”
“ที่นี่เห็นดาวเยอะดี กูชอบ..เหล้ากูค่อยไปแดกที่กรุงเทพเอาก็เมาเหมือนกัน”
“กูนึกว่าเดือนมหาลัยแบบมึง จะชอบดาวบนดิน ตัวเป็นๆ ขาวๆมากกว่า”
หน้ามันด้านข้างตอนนี้ดึงดูดสายตาผม ถ้าผู้หญิงมาเห็นต้องหลงเสน่ห์มันแน่ๆครับ ไอคินใส่เสื้อคอวีสีดำกับกางเกงขาสั้นเท่าเข่าลายทหารนั่งชันเข่าดูดบุหรี่ มันเงยหน้ามองฟ้าจนผมเห็นสันกรามมันขึ้นเป็นแนว จมูกมันโด่งเป็นสัน ตาคมกริบ ผมเพิ่งสังเกตว่ามันมีไฝเม็ดเล็กๆสองเม็ดอยู่ใต้ตา
“กูชอบมองเดือนดาวบนฟ้ามากกว่า มันมีแสงสว่างในตัวเอง ใครเห็นก็ว่าน่ามอง สวยจนกูอิจฉา...กูอิจฉา แต่ก็กูชอบมันด้วย”
“มึงไม่ได้แดกเหล้ามาแน่นะ ทำไมอยู่ๆเพ้อ มึงอิจฉาดาวบนฟ้าเนี่ยนะ” ผมตามอารมณ์มันไม่ทัน
“เออ...กูอยากส่องประกายแบบนั้น”
“มึงก็เป็นเดือนแล้วไง เดือนมหาลัยเลยนะ”
“เดือนแบบกูไม่มีแสงหรอก เหมือนดาวกระดาษ ยังไงก็ไม่น่ามองเท่าเดือนที่มันสว่างไสว” มันหันมามองหน้าผมนิ่งๆ
แววตามันที่กำลังมองผม เหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างต่อ แต่มันก็ไม่พูด...ผมเริ่มรู้ว่ามันไม่ได้พูดถึงท้องฟ้า มันกำลังพูดถึงตัวเอง......
“กูไม่รู้มึงคิดยังไงนะ แต่กูว่าดาวกระดาษมันก็สวยในแบบของมันหวะ ดาวบนฟ้าอาจจะดูสว่างไสว แต่ก็เป็นเพราะมึงเห็นมันจากที่ไกลๆไง ดาวกระดาษมันอาจจะไม่มีแสงในตัวเอง แต่มันก็มีเสน่ห์ของมัน อย่างน้อยก็จับต้องได้ พังได้ กูว่ามันเปราะบาง ต้องการการเอาใจใส่มากกว่าดาวบนฟ้าอีก”
“ก็เพราะมึงมันเป็นคนแบบนี้ไง กูถึง...” มันพูดยิ้มๆแล้วเงียบไป
“กูเห็นดาวบนฟ้าส่องแสงให้ทุกคนเลยหวะ มึงว่าในสายตามันจะมีใครที่สำคัญเป็นพิเศษมั้ยวะ?” มันถามขึ้นมาหลังจากเงียบไปนาน
“กูไม่รู้ กูไม่ใช่ดาว ไม่ใช่เดือน ไม่ได้เป็นเหี้ยไรทั้งนั้น กูเป็นคนธรรมดา”
มันยิ้มตาหยีกลับมาให้ผม ยิ้มเหี้ยไรวะ กูงง อารมณ์ไหนของมึงอีกเนี่ย
“กูว่ามึงเมากว่ากูอีกไอคิน ไปนอนเหอะ ป้ะ?”
ปล. ขอบคุณทุกเม้นมากๆเลยนะคะ ที่อุส่าสละเวลามาอ่านเรื่องใหม่ คนเขียนก็หน้าใหม่ แถมยังเม้นให้ด้วย บางคนเม้นให้ทุกตอนเลย ขอบคุณมากๆจริงๆค่ะ กำลังใจคนเขียนก็มาจากตรงนี้แหละค่ะ 5555 ไม่รู้จะตอบแทนยังไงดี นอกจากจะพยายามแต่งให้จบ และลงถี่ๆ :katai4:ชอบไม่ชอบตรงไหนติชมได้นะคะ ภาษาไม่ดี พลอตน่าเบื่อ หรืออะไรแบบนี้ก็บอกได้นะคะ ขอบคุณทุกคนจริงๆ ฮืออ