Chapitre 54
หลังจากวันนั้น ปาร์คก็หายไปจากชีวิตผม อาจจะรู้ตัวแล้วก็ได้ว่าจริงๆ มันไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับผมมากกว่าความเป็นเพื่อนเลยหรืออาจเป็นเพราะสิ่งที่ผมทำลงไปมันร้ายแรงจนอีกฝ่ายรับไม่ไหว
แต่มันก็ชัดเจนสำหรับผมเช่นกันที่จะได้เลือกจะตัดใจได้เร็วขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าผมกำลังหลอกตัวเองอยู่หรือเปล่า เพราะยิ่งนานวันเข้า ผมกลับยิ่งรู้สึกทรมานกับการไม่มีปาร์คมากยิ่งขึ้น ทั้งที่เป็นเพราะผมเองที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากไล่
ผ่านมานานที่ผมไม่ได้ติดต่อกับปาร์คเลย ผมหันไปทุ้มเทให้กับการเรียนอย่างเต็มที่ และเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านและจมอยู่กับความคิดของตัวเอง พี่หมากยังคงแวะเวียนมาให้ผมเจอ หรือชวนผมไปกินข้าวนั่นนี่อยู่เสมอ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่แสดงท่าทีเข้าหาเหมือนแต่ก่อนก็ตาม
แต่ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา ในส่วนลึกของหัวใจผมยังคงเรียกหาปาร์คอยู่เสมอ แต่มันก็ได้แค่คิดในใจ ผมเป็นคนเลือกความสัมพันธ์แบบนี้เอง เลือกที่จะปฏิเสธทุกอย่างเอง แล้วจะมาเรียกร้องหาอะไรได้ จบแบบนี้คงดีที่สุดแล้ว ผมไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าความเป็นเพื่อนระหว่างผมกับปาร์คยังคงเหลืออยู่ไหม
เวลาผ่านไปจากวันก็กลายเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์กลายเป็นเดือน จนมารู้ตัวอีกทีก็เข้าสู้ช่วงพักผ่อนของปิดเทอมใหญ่แล้ว ผมกับชัญญ่ายังคงติดต่อกันอยู่เสมอ และก็สนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ และข่าวดีอีกอย่างที่เกิดขึ้นก็คือ เธอยอมกลับไปคบกับเก็ทอีกครั้ง ในวันเกิดของเธอหลังจากที่เก็ทขอคืนดีด้วยแหวนที่เคยให้ผมไปช่วยเลือกนั้น
ผมมีแอบถามเรื่องของปาร์คจากชัญญ่าบ้าง เผื่อว่าชัญญ่าจะยังคงติดต่อกับปาร์ค แต่ก็ไม่ค่อยได้ข้อมูลอะไรสักเท่าไรเพราะเธอเองก็ไม่ได้คุยกับปาร์คเช่นกัน ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะคงไม่มีเหตุผลอะไรที่ปาร์คจะต้องคุยกับชัญญ่า หรือชัญญ่าจะต้องติดต่อไปหาปาร์ค ผมว่าระหว่างผมกับปาร์คคงมาถึงจุดสิ้นสุดแล้วแหละ ปาร์คคงหมดความอดทนกับผมแล้ว และผมเองก็เป็นคนบอกเองว่าไม่พร้อมสำหรับใครทั้งนั้น จนถึงตอนนี้ผมก็พอจะปล่อยวางได้แล้วบ้างแล้วนะ แต่ก็แค่อยากรู้ความเคลื่อนไหวของปาร์คบ้าง แต่... ไม่ได้คิดอะไรจริงๆ นะ
“นี่ถ้าไม่ชวนออกมา ก็ไม่คิดจะออกไปไหนเลยใช่ไหม อยู่แต่บ้านไม่เบื่อมั้งหรือไง” ชัญญ่าที่กำลังคุยกับผมขณะที่ พวกเรากำลังนั่งกินข้าวเพื่อรอรอบหนังที่ซื้อตั๋วไว้ เก็ทที่นั่งอยู่ข้างๆ ชัญญ่าเองก็หัวเราะเยาะผมเช่นกัน ก็มันจะแปลกตรงไหนเมื่อคนไม่อยากจะไปไหนเลยนี่หว่า
“ก็ไม่รู้จะไปไหนนิ ให้มาเดินห้างแบบนี้บ่อยๆ เข้าก็เบื่อ หนังก็ไม่ค่อยจะมีเรื่องอะไรน่าดู สู้นั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านไม่ดีกว่าเหรอ ประหยัดตังค์ด้วย” ผมตอบไปขำๆ “ว่าแต่ปาร์คไม่ติดต่อมาบ้างเลยเหรอ”
“อืม ก็เงียบหายไปเลยนะ คิดถึง เป็นห่วงเขาทำไมไม่โทรไปบอกเขาเองล่ะ อีกอย่างฟร๊องก์เป็นคนเอ่ยปากไล่ปาร์คเองไม่ใช่เหรอ ถ้ายังคงรัก ทำไมไม่ตกลงปลงใจกันไปให้มันจบๆ จะมานั่งทรมานตัวเองแบบนี้ทำไม” ชัญญ่าว่าผมด้วยน้ำเสียงประชดประชัน และก็ตอกย้ำการกระทำของผม
“รู้ตัวไหมว่าตัวเองโทรมลงเยอะมาก” เก็ทเองก็แสดงความเห็นขึ้นเช่นกัน จะโทรมลงก็คงไม่แปลก เพราะช่วงหลังๆ มาผมนอนไม่ค่อยหลับอยู่หลายครั้ง
“เปล่าสักหน่อย ก็แค่ถามดูเฉยๆ กะ... ก็... ช่างเถอะ” ก็เห็นว่าหายไปนานแล้ว ก็แค่อยากรู้ว่าเป็นยังไงบ้าง จะคิดถึงผมเหมือนที่ผมคิดถึงบ้างหรือเปล่า หรือจะลืมผมคนนี้ไปแล้ว
บางทีผมอาจจะหวังมากไปที่จะได้เห็นปาร์คพยายามเพื่อผมมากขึ้น ผมคงหวังมากเกินไป...
“ปากแข็งนักระวังเถอะ เฮ้อออ... ไม่เข้าใจเหมือนกันนะ ทั้งที่มีโอกาสแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่คว้ามัน พอเขาไปขึ้นมาจริงๆ ก็มานั่งร้องไห้ทีหลัง” ชัญญ่าพูดขึ้นมาลอยๆ ที่มันเป็นประโยคที่เจ็บจี๊ดเข้ามายังหัวใจผมเลย ผมรู้ว่าโอกาสเข้ามาหาผมแล้ว โอกาสที่จะได้คบกับปาร์คอย่างที่หวัง แต่... มันก็เป็นแค่ความหวังของผมที่ไม่ควรเกิดขึ้นในชีวิตจริง แค่ความหวังที่เห็นแก่ตัวของคนๆ หนึ่งที่ไม่อาจก้าวผ่านภาพความเจ็บปวดที่มีได้ แต่ก็ไม่อาจปล่อยมือจากต้นเหตุได้เช่นกัน
“...” ผมไม่พูดอะไรต่อ ได้แต่ก้มหน้าละเลียดอาหารตรงหน้าลงคออย่างยากลำบาก
“ญ่าพูดเล่น เลิกเครียดๆ” ชัญญ่าพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงเหมือนรู้ว่าอารมณ์ผมกำลังดาวน์ลง ก่อนจะเปลี่ยนเสียงเป็นโทนที่ดูตื่นเต้นขึ้น “เอางี้ งั้นเราไปเที่ยวกันดีกว่า ไปผ่อนคลายด้วย ถือเป็นการคลายเครียด เอาความทุกข์ ความเศร้า เรื่องไม่ดีๆ ต่างๆ ที่ผ่านมา เอามันไปทิ้งให้หมด ดีมั้ย”
“เอาดิ ก็ดีเหมือนกัน ไปที่ไหนอ่ะ” น่าสนใจดีเหมือนกันนะ เพราะตั้งแต่เกาะล้านเมื่อเทอมที่แล้ว ผมก็ไม่ได้ไปเที่ยวไหนอีกเลย แถมยังเจอแต่เรื่องหนักๆ ถาโถมเข้าในชีวิตอีกต่างหาก ไปพักผ่อนสักทีก็ดีเหมือนกัน เผื่อผมจะสามารถทำใจจากอดีตที่กัดกินภายในใจของผมได้สักที
“ไปภูเก็ตกันม่ะ ช่วงนี้กำลังสวยเลย กลางวันก็เที่ยวแบบธรรมชาติ กลางคืนก็ปาร์ตี้ให้มันหลุดโลกไปเลย!”
“โห้! ไกลขนาดนั้นเราไม่มีตังค์หรอก” อยู่ๆ มาชวนไปไกลขนาดนั้นแบบกะทันหัน ผมเก็บตังค์ไม่ทันหรอกครับ ไหนจะทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก ค่ากินอีก ยิ่งภูเก็ตด้วยคงต้องใช้งบหลายแน่นอน
“อย่ากังวัลไป ก็รู้อยู่ว่าไปกับใคร ใช่ไหมเก็ท! ไม่ต้องห่วง ฟร๊องก์มีหน้าที่แค่ขอพ่อแม่แล้วเก็บเสื้อผ้าเอาไว้ก็พอ ที่เหลือเดี๋ยวเราจัดการเอง โอเคตามนี้นะ จะได้จองตั๋วเลย” ชัญญ่าพูดเองเออเองขณะที่ผมยังอ้าปากพะงาบๆ งงอยู่เลย
“ได้ไง รบกวนเก็ทกับชัญญ่ามากเกินไปแบบนี้เราไม่เอาด้วยหรอก” พอตั้งสติได้ผมก็รีบบอกปฏิเสธไปทันที อยู่ๆ จะให้ทั้งเก็ท หรือชัญญ่ามาออกค่าโน้นค่านี่ให้ผมเฉยๆ ได้ยังไง ผมก็ดูเอาเปรียบ ดูเห็นแก่ตัวตายเลยอ่ะดิ ไม่เอาด้วยหรอก ถ้ามันจะลำบากขนาดนั้นก็ไม่ต้องไปหรอก หาที่เที่ยวใกล้ๆ ที่ไม่ต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นเอาก็ได้
“ชู่ววว... อย่าพูดแบบนี้ เราสองคนเต็มใจ เก็ทก็เป็นห่วงฟร๊องก์มากรู้ไหม เราเองก็เหมือนกัน อยากเห็นฟร๊องก์มีความสุขบ้าง ไม่ใช่เจอกี่ทีก็เอาแต่ทำหน้าอมทุกข์อยู่แบบนี้” ชัญญ่ายกนิ้วชี้ข้างหนึ่งขึ้นมาบอกให้ผมเงียบ ขณะที่มืออีกข้างถือโทรศัพท์ไว้
“แต่...”
“เอาล่ะ เป็นอันตกลงตามนี้ ส่วนเรื่องตั๋วเครื่องบิน เรื่องที่พักไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวกลับบ้านไปเราจัดการ วันเวลาเดี๋ยวเราส่งไปให้ในไลน์อีก อาทิตย์หน้าเลยเป็นไง” ผมถึงกับงงเป็นไก่ตาแตกกับการพูดเองเออเองของชัญญ่า ผมไปตอบตกลงตอนไหน
“หึหึ” เก็ทไม่พูดอะไร เพียงแค่ยกยิ้มอย่างพอใจในการกระทำอันเอาแต่ใจของแฟนตัวเอง สองคนนี้วางแผนกันมาตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม
“ห๊ะ... ห๊า เราไปตกลงด้วยตอนไหนเนี่ย!” ผมรีบแย้งขึ้นมาทันที นี่มันบ้าไปแล้ว! ผมยังไม่รู้เลยว่าจะขอพ่อแม่ไปได้ไหม ไม่เคยไปเที่ยวไกลขนาดนั้นด้วย แถมเงินเก็บที่มีก็เหลืออยู่แค่ไม่กี่พัน จะขอเพิ่มก็เกรงใจพ่อกับแม่ ทำอะไรไม่ปรึกษาก่อนบ้างเลย!
“แล้วจะรอนานทำไม แค่นี้ก็เบื่อจะตายอยู่ล่ะ ไม่รู้สึกบ้างหรือไง” สุดท้ายก็ต้องปล่อยเลยตามเลย แต่ผมก็ยังไม่ได้รับปากชัญญ่าหรอกว่าจะไปได้หรือเปล่า ยังไงก็ต้องขึ้นอยู่ที่พ่อกับแม่อยู่ดี ถ้าเกิดชัญญ่าจองทุกอย่างให้หมดแล้ว แต่ผมไม่ได้ไปเดี๋ยวผมจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าทีพักให้ทีหลังแล้วกัน แล้วก็ปล่อยให้สองคนนั้นไปฮันนีมูนกันแทน
“จะเอาเราไปเป็นก้างขว้างคอทำไม ญ่าไปกับเก็ทสองคนก็ดีอยู่แล้ว”
“โอ้ย! เรากับเก็ทอ่ะ แค่เห็นหน้าก็เบื่อกันจะตายแล้วย่ะ ตาบ้านี่เคยหวานกับเขาซะที่ไหน ไปเที่ยวด้วยน่าเบื่อจะตาย!” ชัญญ่าบ่นพลางหันไปเบ้ปากใส่เก็ทด้วยความหมั่นไส้ ถึงตอนนี้ผมก็ยังมีข้อสงสัยเสมอว่าสองคนนี้คบกันได้อย่างไร แม้ว่าชัญญ่าจะบ่นจะกัดยังไง แต่เก็ทผู้เย็นชาก็ไม่ได้รู้สึกร่วมไปด้วยเลย
กลับบ้านมายังไม่ทันที่ผมจะได้ทำใจใดๆ ชัญญ่าก็จัดการส่งรายละเอียดทั้งที่นั่ง เที่ยวบิน และที่พัก รวมทั้งสถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของภูเก็ตมาให้ผมได้ศึกษาด้วยความเร็วแสง แถมที่ทำให้ผมช็อคกว่าเดิมก็คือ กำหนดการไปเที่ยวเริ่มขึ้นตอนกลางอาทิตย์หน้าตามที่เธอพูดไว้จริงๆ
เล่นเอาผมทำใจอยู่นานว่าจะเริ่มพูดกับพ่อแม่ยังไงดีไม่ให้โดนด่า ก็มันกะทันหันมาก แล้วอีกอย่างไปไกลแบบนี้ค่าใช้จ่ายก็คงไม่น้อย
“แม่...” ผมเดินเข้าไปหาแม่ที่นั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ พ่อ ก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักอย่างอ้อนๆ
“อ้อนแบบนี้มีอะไรอีกล่ะ” แม่ก้มลงมาถามพลางหัวเราะเบาๆ พ่อเองก็หันมามองนิ่งๆ เหมือนกัน
“ฟร๊องก์... ขอไปเที่ยวนะ” เข้าเรื่องเลยอย่าได้เสียเวลา อย่างน้อยถ้าโดนด่าก็ไม่ต้องถูกด่าที่พูดจาอ้อมค้อม พูดยืดเยื้อด้วย
“จะไปที่ไหนล่ะ” พ่อถามขึ้น ผมเลยเด้งตัวลุกขึ้นมานั่งให้มันเป็นกิจจะลักษณะ
“คือ... ไปภูเก็ตอ่ะ ให้ฟร๊องก์ไปนะพ่อนะ ให้ฟร๊องก์ไปนะแม่” ผมใช้ลูกอ้อนอย่างเต็มที่
“ไปกับใคร แล้วมีตังค์?” แม่เลิกคิ้วถาม แต่ใบหน้ายังอมยิ้ม
“ไปกับเพื่อน เก็ทกับชัญญ่าไงแม่ ที่เคยมาบ้านอ่ะ ส่วนตังค์ก็พอมี แหะๆ แต่ถ้าได้เพิ่มก็ดี เผื่อฉุกเฉินไรงี้” ผมยิ้มกว้างก่อนจะเข้าไปคลอเคลียร์ที่ไหล่แม่อีกครั้ง
“ตังค์ตัวเองก็มีแล้วยังมาขอพ่อกับแม่อีก ลูกคนนี้!” พ่อบ่นอุบอิบ แต่ผมรู้ว่าบ่นไปแค่นั้นแหละครับ ถึงเวลาก็ให้
“แล้วจะไปเมื่อไหร่”
“อาทิตย์หน้าครับ” ผมหลับตาบอกออกไปขณะที่หัวยังอิงอยู่ที่ไหล่แม่ โดนด่าแน่เลยกูๆ
“อยากไปก็ไปสิ” ห๊ะ! ผมหูไม่ฝาดใช่ไหม แม่ให้ไปง่ายๆ แถมยังไม่บ่น ไม่ด่าอะไรอีกต่างหาก ทำไมบทจะง่ายก็ง่ายมากขนาดนี้ นี่ผมเตรียมหูไว้โดนด่าเต็มที่เลยนะเมื่อกี้ “แล้วไปอะไรยังไง พักที่ไหน”
“เอ่อ... นั่งเครื่องไปอ่ะ ส่วนที่พักฟร๊องก์ไม่รู้จักเหมือนกัน ชัญญ่าเป็นคนจัดการหมดเลย เนี่ยรายละเอียดเที่ยวบินแล้วก็ที่พัก” ผมก็บอกรายละเอียดไปพร้อมเอาไลน์ที่ชัญญ่าส่งมาให้แม่ดู แต่ไม่ได้บอกหรอกนะครับว่าชัญญ่าพูดว่าจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้ ไม่งั้นผมโดนด่าตายเลย แต่เอาเถอะ รอดจากการโดนบ่น โดนด่ามาได้ก็ดีแล้ว แล้วผมต้องเตรียมอะไรบ้างล่ะที่จะไปเนี่ย
**********___________**********
‘สวัสดีภูเก็ต’ ผมเช็คอินพร้อมกับเขียนคำบรรยายสั้นๆ ง่ายๆ ก่อนจะโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ใช่ครับ ตอนนี้เครื่องแลนด์ดิ้งยังท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ตแล้ว ไฟล์ทบินของพวกเราคือสิบโมงครึ่งครับ ใช้เวลาชั่วโมงเศษๆ ก็มาถึงที่นี่
ลืมบอกไปว่าเก็ทไม่ได้มาด้วยหรอกครับ เห็นมันบอกว่าติดธุระนิดหน่อยและฝากเที่ยวเผื่อด้วย ซึ่งชัญญ่าก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนผมจะบ่นอะไรได้ แค่ชัญญ่าซื้อตั๋วให้ก็เกรงใจมากแล้วใช่ไหมครับ พอเห็นบอร์ดดิ้งพาสผมยิ่งอยากจะร้องไห้เลย เธอไม่ได้ซื้อตั๋วชั้นประหยัดด้วยครับ ซึ่งแน่นอนว่ามันแลกมากกับความสบายที่มากกว่า แต่ก็แพงกว่าเช่นกัน
เอาจริงๆ ตอนนี้ผมเองก็ยังไม่รู้เลยว่าสรุปแล้วชัญญ่าจองที่พักไว้ที่ไหน แต่ถึงจะรู้ชื่อ เห็นรูปจากรีวิวมาบ้างประปราย แต่ผมก็ไม่รู้อยู่ดีแหละว่ามันอยู่ส่วนไหนของที่นี่อยู่ดี ฉะนั้นก็ตามๆ คนที่ชวนมาไปเรื่อยๆ ล่ะกัน
สุดท้ายชัญญ่าก็ทำอะไรให้ผมอึ้ง ทึ้ง (เสียว) กับทริปครั้งนี้มา ผมตกใจมาเมื่อมาถึงที่พัก เพราะมันโคตรใหญ่ และโคตรหรู หรูชนิดที่ว่าถ้าผมมาเองคงไม่มีปัญญาเข้าพักในที่แบบนี้แน่ๆ แถมตอนมายังไม่ต้องลำบากอีกด้วย เพราะมีรถรอรับอยู่ที่สนามบินเลย อะไรจะเลิศหรูขนาดนี้ มันหรูมากจนผมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยอะไรชัญญ่าเลย แต่ตอนนี้จะให้ช่วยค่าใช้จ่าย ผมคงต้องขายทุกอย่างที่ติดตัวมาด้วยแล้วแหละ มาที่แบบนี้แล้วผมทำตัวไม่ถูกเลย มันหรูมากเกินไป
โรงแรมที่ตั้งตระง่านอยู่ตัวหน้าผมและชัญญ่านี้เป็นสิ่งปลูกสร้างสไตล์โมเดิร์น ตัวตึกดูสะอาดตา ด้านหน้ามีสวนหย่อมที่ดูร่มรื่น และมีบ่อน้ำและน้ำตกเล็กๆ สร้างบรรยากาศที่ดูสงบ ก่อนที่รถจะเข้าไปจอดตรงจุดรับรอง
เดินเข้ามาเป็นส่วนของล็อบบี้ที่ค่อนข้างโล่งและโอ่โถง มองตรงไปเป็นเคาน์เตอร์พนักงาน ส่วนที่นั่งพักจะแยกอยู่ทั้งสองข้าง ฝั่งหนึ่งจะมีร้านกาแฟเล็กๆ เป็นร้านกระจกเปิดโล่ง ตกแต่งแบบเดียวกับตัวโรงแรม
ช่วงเที่ยงกว่าๆ อย่างนี้มีคนมากอยู่เพราะมีทั้งคนที่เตรียมจะเช็คอินรวมทั้งคนที่เพิ่งเช็คเอ้าท์ และบางคนที่นั่งเล่น นั่งพักผ่อน เพราะจากมุมที่นั่งพักมองออกไปจะเห็นสวนที่อยู่ด้านนอกด้วย ชัญญ่าบอกให้ผมไปนั่งรอก่อนก็ได้ ก่อนที่เธอจะเดินไปติดต่อในส่วนของห้องพัก
“ได้คีย์การ์ดมาล่ะ ไปกัน” ไม่นานชัญญ่าก็เดินกลับมาก่อนจะชูคีย์การ์ดให้ผมดูพร้อมรอยยิ้มแจ่มใส
“ชัญญ่า... มันหรูไปหรือเปล่า คือเราเกรงใจว่ะ” ผมบ่นเสียงอ่อนขณะที่เดินตามหลังชัญญ่าและพนักงานที่พาผมสองคนไปส่งที่ห้องพัก
“เอาน่า มาถึงนี้แล้ว อีกอย่างที่นี่ก็เป็นของเพื่อนญ่าเอง ได้ส่วนลดพิเศษ ไม่ต้องเกรงใจ” ชัญญ่าหันมาตอบยิ้มๆ ก่อนจะขยิบตาให้ ถึงจะเป็นเพื่อนกันแต่ก็คงไม่ได้ลดให้เยอะแยะอะไรมากหรอก หรูขนาดนี้ ผมรู้สึกพนักงานต้อนรับยังดูดีกว่าผมเลย
เราเดินไปตามที่พนักงานนำทางไปเรื่อยๆ ก็ผ่านป้ายที่ชี้ไปทางห้องอาหารซึ่งสามารถมองเข้าไปได้เหมือนกันเพราะเป็นกระจกรอบด้าน มองทะลุห้องอาหารไปสามารถเห็นวิวทะเลและภูเขาได้ และยังมีโต๊ะด้านนอกที่เป็นเฉลียงยื่นออกไปอีกต่างหากสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารกลางแจ้ง (แต่ก็มีหลังคาอยู่นะ แค่รับลมเต็มๆ อะไรแบบนั้น) ถัดไปฝั่งตรงข้างกับห้องอาหารก็มีป้ายชี้ว่าสปา แต่ต้องเดินออกจากตัวอาคารไปเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นแบบไหน
ไม่นานเราก็ขึ้นมาถึงห้องพัก ที่ตกแต่งสะอาดตา น่าพักผ่อน เข้ามาด้านในมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดีฟฟิวเซอร์ที่ช่วยให้ผ่อนคลายทุกครั้งที่หายใจเข้า ตัวห้องค่อนข้างกว้างขวาง แบ่งเป็นสัดส่วน โดยที่เข้าห้องมาจะเป็นส่วนของทางเดินแคบหน่อย พ้นมาจะเจอกับโซฟานั่งเล่น ตรงมุมส่วนนั่งเล่นเข้าไปนั้นจะเป็นห้องน้ำ
ถัดไปจะเป็นส่วนของเตียงนอนขนาดคิงไซส์สีขาวสะอาดตา อยู่ตรงข้ามกับจอทีวีติดผนังขนาดพอสมควรที่สามารถเห็นได้ทั้งห้อง พ้นจากเตียงไปจะเป็นประตูกระจกใสกับม่านสีทึบกั้นแสงซึ่งเก็บไว้อย่างสวยงามเผยให้เห็นทางระเบียง
ด้านนอกระเบียง มีเก้าอี้หวายพร้อมเบาะนวมทรงโมเดิร์นเข้ากับสไตล์ของโรงแรมวางอยู่มุมหนึ่งของระเบียง ส่วนอีกฝั่งจะมีระแนงไม้กั้นให้แสงแดดพอลอดเข้ามาได้ ซึ่งเป็นส่วนของอ่างจากุซซี่ ซึ่งห้องที่ผมสองคนพักจะอยู่เหนือจากจุดนั่งพักผ่อนกลางแจ้งอีกจุดและสระว่ายน้ำอยู่สองชั้น ซึ่งตรงส่วนนั้นจะเป็นส่วนที่ยื่นออกมาของชั้นสอง
จุดนั่งเล่นที่ปูด้วยหญ้าเทียม พร้อมทั้งมีต้นไม้พุ่มประดับให้ความร่มรื่นอยู่ประปราย มีทั้งที่นั่งเป็นเบาะแบบชิลล์ๆ รวมไปถึงโต๊ะที่สามารถนั่งทานอะไรได้ ผมเห็นมีพนักงานกำลังเตรียมสถานที่เหมือนจะจัดงานอะไรสักอย่าง คงจัดในตอนกลางคืนล่ะมั้ง เพราะเห็นมีไฟประดับไว้ตามต้นไม้ด้วย รวมถึงจอโปรเจคเตอร์ขนาดกว้างพอสมควรที่พอจะมองเห็นได้ทั้งพื้นที่นั้น
อีกด้านเป็นสระว่ายน้ำขนาดกลางๆ ยกพื้นสูงกว่าส่วนอื่น มีกระจกกั้นอีกด้านเพื่อไม่ให้ตกลงไป ด้านที่อยู่ติดกับจุดพักผ่อนนั้นมีแถบกระถางต้นไม้เล็กๆ กั้น พร้อมด้วยบาร์เครื่องดื่มที่มีไว้ให้บริการด้วยเช่นกัน ในส่วนนี้ทั้งหมดจะหันหน้าออกไปยังทะเล คือเห็นวิวทะเลได้ชัดเจนมากเพราะเป็นฝั่งเดียวกับห้องอาหาร เช่นเดียวกับวิวที่มองจากระเบียงห้องของผม
“ขอบคุณมากนะคะ” ชัญญ่าบอกขอบคุณพนักงานที่มาส่งและอธิบายในส่วนต่างๆ ขณะที่ผมเนี่ยเดินสำรวจดื่มด่ำกับบรรยากาศอย่างเต็มที่โดยไม่ได้สนใจอะไรเลย เอาหน่อยเถอะ อย่างผมจะมีโอกาสได้เข้าพักห้องที่หรูหราแบบนี้สักกี่ครั้งกันในชีวิตเนี่ย!
“เป็นไงฟร๊องก์ ดีเลยใช่ไหมล่ะ”
“มากกก ไม่คิดว่าตัวเองจะมีบุญได้เข้าพักที่พักหรูๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ ถ้าทำงานมีเงินอยากจะพาพ่อกับแม่มาพักแบบนี้ดู ท่านคงรู้สึกดี” ผมหวังเอาไว้ อยากให้พ่อกับแม่ได้มาเห็น ได้มาพักสถานที่ดีๆ แบบนี้ แต่มันก็คงต้องใช้เงินไม่น้อย
“อีกหน่อยฟร๊องก์อาจจะได้มาบ่อยๆ ก็ได้นะ” ผมหันไปมองชัญญ่าที่พูดยิ้มๆ ก็ขอให้เป็นอย่างที่ชัญญ่าพูดแล้วกัน เพราะถ้าผมมาเองก็คงได้แค่โรงแรมระดับกลางๆ เท่านั้นแหละ “ว่าแต่หิวไหม เราหิวว่ะ ลงไปหาอะไรกินกันเถอะ”
แล้วผมกับชัญญ่าก็เปลี่ยนชุดพร้อมลุย ก่อนลงไปกินอาหารมื้อแรกของวันที่ห้องอาหารของโรงแรมครับ ก่อนที่เราจะไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ ต่อ มาถึงทะเลแล้วก็เอาให้เต็มที่ซะหน่อย
à suivre...
กลับมาอัปแล้วฮะ หายไปออกบูทขายของมา 555+ (หารายได้แป๊บ)
มีคนหันกลับมาเชียร์ปาร์คด้วย 55555+
ลองดูสิ๊จะได้ผลป่าว ตอนหน้าเป็นตอนส่งท้ายแล้ว (แต่ตอนส่งท้ายมีอีกกี่พาร์ทก็ดูต่อไป หุหุ)
จนกว่าจะพบกันใหม่ จุ๊บ