kagehana : ลองเอาเรื่องใหม่มาลงค่ะ หลังจากเรนนี่เดย์ย้ายไปห้องนิยายที่ยังไม่จบเรียบร้อย กร๊ากกกกก (แต่ยังอัพเดทอยู่นะ เพิ่งอัพไปเลยล่ะ /ยืด)
ยังไงก็ขอฝากพี่เดฟน้องปันไว้ในอ้อมใจ(?)ด้วยนะคะ
-------------------------------------------------------------------
-1-
นัยน์ตา เรียวคมสีนิลจับจ้องใบหน้าของคนมาใหม่จากด้านบนของบันไดด้วยความรู้สึกอึด อัดภายในอก ชายหนุ่มร่างสูงกับเรือนผมสีทองยาวเคลียไหล่ล้อมกรอบใบหน้าที่ดูแปลกตากวน ให้ตะกอนในใจขุ่นข้นขึ้นมาอีกครั้ง
...ทำไมทีคนแบบนี้ถึงได้รับความรัก...
ปัณวิทย์ มองภาพบิดามารดาและญาติผู้ใหญ่ร่วมตระกูลที่พากันล้อมหน้าล้อมหลังผู้ชายที่ ชื่อ 'ชยางกูร' ด้วยความรู้สึกเกลียดชัง แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรต่อ สายตาก็เหลือบไปเห็นญาติผู้พี่ที่เก็บตัวเงียบและทำตัวราวกับตัดขาดตัว เองออกจากตระกูลกำลังมองไปในทิศทางเดียวกัน
'ญาณัช' คือชื่อของญาติผู้พี่คนนั้น
ปัณวิทย์ เป็นลูกชายที่เกิดจากชู้ของเพ็ญแข เพราะเหตุนี้ถึงได้กลายเป็นเหมือนแกะดำ ความรักที่เคยได้จากบิดามารดาในฐานะลูกชายคนเล็ก และน้องชายของคณัสนันท์ได้หายไปในพริบตาเพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นทำให้ ความลับของเพ็ญแขนั้นถูกเปิดโปง-- จากชีวิตที่มีแต่ความสุขและความรัก กลับกลายเป็นเด็กที่เติบโตมาท่ามกลางความเกลียดชัง พลภัทรที่เขาเรียกว่าพ่อ ก็มองเขาด้วยสายตารังเกียจราวกับไม่ใช่คน เพ็ญแขก็ไม่รักเขาอีกต่อไปเพราะเป็นสาเหตุให้ทะเลาะกับพลภัทรใหญ่โต คณัสนันท์ก็ไม่สนใจเขาเพราะทำตามคำสั่งของพลภัทร
...ไม่มีใครเห็นใจสักคน
ปัณวิทย์ ถึงได้เติบโตขึ้นมาโดยปราศจากความรัก มีเพียงชายหนุ่มผมยาวผู้มีศักดิ์เป็นอาที่พักอยู่ห้องตรงข้ามกันเท่านั้น ที่คอยถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ
แต่วันนึง พิชญ์ก็จากไป และจากวันนั้น... ก็ไม่มีใครสนใจ ว่าเขาจะทำอะไร
แม้กระนั้น พลภัทรก็ยังส่งเขาเรียนตามปกติ มีค่าขนมให้ใช้เหมือนอย่างคนอื่น แต่ข้าวของมากมายนั้น ปัณวิทย์ไม่ได้ต้องการเลยสักนิด
...แค่อยากเรียกว่าพ่ออีกครั้ง...
...ก็เท่านั้น...
แล้วในวันนี้ ที่ลูกที่เกิดกับสาวชาวอเมริกันของพลภัทรกลับมา ตอกย้ำบาดแผลของเขา
"พี่นัท..." เด็กหนุ่มร่างโปร่งเดินไปหาญาติผู้พี่ที่ตัวเล็กกว่า
"........ ครับปัน"
"กินอะไรรึยัง" เพราะตั้งแต่พิชญ์จากไป เขาก็แทบไม่ได้เห็นหน้าของญาณัชเลยด้วยซ้ำ
"................. อืม"
นานๆ ทีจะได้พบกัน ก็มีเพียงถามคำตอบคำอย่างนี้ ก่อนที่ญาณัชจะหายเข้าห้องไป-- ครั้งนี้ก็ไม่ต่างกัน ปัณวิทย์จึงตัดสินใจเดินไปขึ้นลิฟท์ เพื่อกลับเข้าไปอยู่ในห้องของตัวเอง
...อยู่ในที่ที่มีความรักให้เขา...
//////////////////////////////
ชยา งกูรมองคนรอบกายที่เอาแต่ปั้นหน้ายิ้มแย้มต้อนรับเขาแต่แววตาจริงใจแทบไม่มี สักคน กระทั่งพลภัทรที่เป็นพ่อแท้ๆก็ยังดูเหมือนมีอะไรในใจถึงเรียกตัวเขากลับ มา..ทั้งๆที่เคยติดต่อกันปีละแทบนับครั้งได้
"ขอบคุณครับ แต่ปาร์ตี้ผมขอเอาไว้ก่อนดีกว่า วันนี้เหนื่อยๆ" จะบ้าหรือเปล่า ให้คนมาเหนื่อยๆร่วมปาร์ตี้เนี่ยนะ?
เขายกยิ้ม...ที่ไม่ว่าใครก็เรียกว่ารอยยิ้มเจ้าชู้ให้คนรอบๆกาย วูบหนึ่งเขาเห็นแววตาไม่พอใจของเพ็ญแข ผู้มีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยง
"งั้น ไปพักผ่อนก่อนก็ได้ ฉันจัดห้องรอไว้แล้ว แต่ถ้าไม่พอใจจะเลือกห้องไหนก็ได้" น้ำเสียงถูกปรับให้อ่อนโยน แต่คำแทนตัวเองที่เย็นชาทำให้หลุดแค่นหัวเราะไม่ได้
"ผมขอไปดูก่อนแล้วกัน แต่ผมอยากได้ชั้นสูงๆหน่อย...พอได้ไหมครับ คุณพ่อ"
พลภัทรดูจะชะงักไปเมื่อถูกเรียกอย่างนั้น แต่ก็รีบปรับสีหน้ารวดเร็ว
"ชั้น ของญาณัชกับปัญวิทย์ยังว่างอยู่ห้องนึง...เอาเป็นที่นั่นไหมคะ" เพ็ญแขเดินเข้ามาจับแขนลูกชายคนใหม่...คนที่มาประจานว่าสามีเธอนอกใจมานาน แค่ไหน
...และเป็นคนที่ทำให้เธอคิดนอกใจจนเกิดปัณวิทย์ขึ้นมา...
"หึ...จะดีเหรอ คนนึงก็เก็บตัวจะตายในห้องเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อีกคนก็...เด็กเหลือขอลูกเสือลูกตะเข้"
"ไม่เป็นไรครับ ที่นั่นแหละดีแล้ว" ชยางกูรรีบตัดบทเพราะกลัวจะต้องอยู่ให้ถูกล้อมหน้าล้อมหลังนานกว่านี้
"เดี๋ยวผมเอาของไปเก็บก่อน"
ชยางกูรเดินเข้าไปในลิฟท์แล้วกดชั้นตามที่ได้ยินเสียงแว่วบอกมา
ทันทีที่อยู่ในลิฟท์คนเดียว ลมหายใจหนักๆก็ถูกพรูออกมา
"คิดผิดเปล่าวะ..."
จะอย่างไรก็ตาม...เมื่อเดินมาถึงตอนนี้จะถอยกลับก็ไม่ได้
...เขาไม่ยอมให้ใครแย่งส่วนที่เขาควรได้ไปแน่...
////////////////////////////////////////////////
"ฟู ฝุ่น ไปเดินเล่นข้างนอกกันไหม" เด็กหนุ่มเจ้าของห้องลุกขึ้นพร้อมทั้งอุ้มกระต่ายทั้งสองตัวที่ตัวเองเลี้ยง ไว้ตั้งแต่ยังตัวเล็กอยู่ มืออีกข้างเอื้อมเปิดประตูห้องของตัวเองออกมา
"โอ๊ะ!" คนที่กำลังเดินผ่านตกใจเล็กน้อยที่เห็นเด็กหนุ่มผมสั้นอุ้มกระต่ายเดินออกมาเกือบชนกัน
ชยางกูรมองช้าๆแล้วฉีกยิ้มให้
"ฮาย ญาณัชหรือปัณวิทย์เนี่ย" มือใหญ่เอื้อมจะไปจับเจ้าขนฟูตัวนุ่มหวังผูกมิตร
ทว่าคนที่อุ้มกระต่ายอยู่กลับถอยตัวหนี
"ปัณวิทย์" เด็กหนุ่มตอบเสียงห้วนสั้นพลางเดินเบี่ยงตัวหนีแทบจะทันที เพราะคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องผูกมิตรด้วย
"เฮ้ คุยกันก่อนสิ...น้องชาย" ใช่ว่าไม่รู้ว่าสายเลือดไม่ได้เกี่ยวกัน แต่ชยางกูรจงใจเรียกอย่างงั้นเพราะหมั่นไส้ที่ถูกหนีไปเฉยๆ
"พาไปที่ห้องหน่อยได้ไหม ห้องไหนที่ว่างน่ะ"
"อย่ามาเรียกว่าน้องชาย!" นัยน์ตาเรียวคมหรี่มองอย่างขัดใจพลางพยักหน้าไปที่ประตูห้องข้างๆตัวเอง
"นั่นไง ห้องว่าง"
"ถ้าไม่ให้เรียกว่าน้องชายจะเรียกอะไร ปัน วิทย์ หรืออะไร" ชยางกูรยักไหล่แล้วเสยเส้นผมสีทองขึ้นลวกๆ นัยน์ตาสีฟ้าใสฉายแววขี้เล่น
"แล้วเจ้าสองตัวนี่ล่ะ ชื่ออะไรกันบ้าง"
"ไม่ต้องเรียกก็ได้........" เขามองด้วยความแปลกใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงจะอยากมาพูดคุยด้วย
"..... ฝุ่น.... กับฟู"
"แล้วชื่อนายล่ะ อ่อลืมไป ฉันเดฟ..ชยางกูร" ชายหนุ่มยื่นมือรอจับ
"อ่อ โทษทีๆ ไม่มีมือสินะ ขอฉันลองจับได้ไหม" ชยางกูรจับที่หัวนุ่มๆเบาๆ
"........" เขาไม่ตอบอะไร แต่ก็ไม่ได้ถอยหนีไปเหมือนตอนแรก ปัณวิทย์ได้แต่มองนิ่งๆและยืนเฉย
"ปัน..."
"โอเค แล้วห้องนั้นคงเป็นญาณัช...นัท? ใช่ไหม" เขาชะโงกไปดูประตูที่ยังปิด
"จะไปนั่งคุยกันก่อนไหม ฉันอยากรู้จักนาย... รู้จักบ้านนี้ให้มากขึ้น"
ชยางกูรอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายยังงงๆดึงกระต่ายสีเทาจากมือมาอุ้ม
"ตัวกำลังกินนะเนี่ย ฉันเคยกินกระต่ายย่าง...อร่อยมากๆ"
"เฮ้ย!" เพียงเท่านั้น ปัณวิทย์ก็คว้าเอากระต่ายคืนมาแทบจะทันที
"อย่า มายุ่งกับกระต่าย" เด็กหนุ่มแทบจะขึ้นมึงขึ้นกูใส่กันแล้วถ้าไม่ยั้งปากไว้ สำหรับปัณวิทย์ที่อยู่ตัวคนเดียวมีเพียงกระต่ายสองตัวเป็นเพื่อนแก้เหงา ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าเจ้าฟูกับเจ้าฝุ่นแล้ว
คนที่ถูกดึงไปดื้อๆพอจะรู้ว่าสาเหตุเกิดจากความกวนของตัวเอง แต่ไม่นึกว่าจะถูกทำท่าทางอย่างนี้ใส่
"แค่ล้อเล่นจริงจังไปได้... อาหารสำรองมันต้องเอาไว้กินตอนฉุกเฉิน ฉันยังไม่กินกระต่ายนายตอนนี้หรอกน่า"
"อย่า มาเรียกว่าอาหารสำรองนะ ห้องอยู่นั่นไง ก็เข้าไปเดะ" ร่างโปร่งหันหลังให้โดยไม่สนใจ ตั้งใจจะออกไปตรงส่วนระเบียงของชั้นตัวเอง ไปให้พ้นจากคนที่เกลียด
"ถามจริงเหอะ นายไม่ชอบอะไรฉันป่าววะ" ในเมื่ออีกฝ่ายไม่คิดจะญาติดี เขาก็ไม่รู้จะพูดดีด้วยทำไม
ชยางกูรจับไหล่เล็กของเด็กหนุ่มที่ยังโตไม่เต็มตัว แต่เพราะออกแรงมากเกินไป เด็กหนุ่มตรงหน้าเลยทำเจ้าตัวสีขาวตกลงพื้นดังอั่ก
"เฮ้ย!"
"ฟู!!" ปัณวิทย์รีบเข้าไปประคองกระต่ายตัวฟูสีขาวสะอาดขึ้นมาโดยปล่อยให้เจ้าตัวสี เทาลงไปหมอบรอก่อน ดวงตาสีเข้มตวัดมองขึ้นอย่างไม่พอใจ
"ก็ เข้าห้องไปดิวะ จะมาเสือกอะไรเรื่องคนอื่นนักหนา" เขาอุ้มกระต่ายพลางลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนทิศทาง อารมณ์ไม่ดีแบบนี้ ซ้ำฟูยังหล่นลงพื้น กลับเข้าไปอยู่ในห้องก่อนยังจะดีกว่า
"เฮ้ย! อะไรวะ อยู่ๆก็ด่าคนอื่นว่าเสือกเนี่ย" ทั้งที่ตั้งใจจะขอโทษแต่เพราะอีกฝ่ายใส่อารมณ์มาแบบเต็มๆก็อดโมโหไม่ได้
ชยางกูรมองนัยน์ตาสีเข้มที่ราวกับมีดวงไฟลุกในตา แต่เขาเองก็ไม่คิดจะขอโทษอีกแล้ว...
"เป็นเด็กตัวแค่นี้ยังพูดจาฟังไม่ได้ โตขึ้นจะขนาดไหนวะ มิน่าล่ะ คุณพ่อถึงบอกว่าเหลือขอ!"
"..........."
...ทำไมคนอย่างแกถึงเรียกพ่อได้...
...คนอย่างแก...
"เออ กูเหลือขอ!" เขาเปิดประตูห้องตัวเองออกแล้วก้มลงรุนหลังเจ้าตัวเล็กให้กระโดดเข้าไป ร่างโปร่งหันมามองอีกฝ่ายด้วยความโมโหที่พุ่งพล่านอยู่ภายใน
"แล้วก็ไม่อยากรู้จักแก ชัดไหม"
"ชัด แต่เผอิญว่ากูอยากกวนตีน มีไรป่ะ" ชยางกูรยักไหล่ทำหน้าใสซื่อใส่
"ต้องอยู่ ด้วยกันอีกนาน ฝากตัวกันไว้ก่อน มารยาทเบื้องต้นไม่รู้จักหรือไง หรือว่าคบแต่กระต่ายไม่คบคน....." ชายหนุ่มเว้นเสียงไปก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงสะใจ
"...หรือไม่มีคนคบ"
"เรื่องของกู!" ประตูห้องถูกกระแทกเสียงดังใส่หน้าคนที่ยืนกวนตีนอยู่แม้แต่น้อย กระต่ายสองตัวรีบวิ่งไปยังเบาะนอนของมันด้วยความตกใจ
"...........ไอ้นี่..." ชยางกูรเหวี่ยงเท้าเตะประตูก่อนจะเดินจากไป
...ไม่นึกเลยว่าจะมีเด็กกวนตีนขนาดนี้..
...แต่ต้องอย่างงี้แหละ ถึงจะน่าสนุก...
///////////////////////////
"ปัน... เป็นอะไรน่ะ หน้าบูดเชียว" น้ำเสียงหวานใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับท่อนแขนเรียวบางที่เลื่อนผ่านไหล่ของเด็ก หนุ่มจากด้านหลังแล้วโอบกอดเอาไว้
"... มีคนงี่เง่ามาที่บ้านน่ะ" ปัณวิทย์เอ่ยตอบเสียงขุ่นพลางจับแขนของเด็กสาวแล้วดึงให้มานั่งบนตัก
"อุ๊ย!"
"เจอไอซ์แล้วค่อยสบายใจหน่อย" ปลายจมูกกดลงที่ข้างแก้มใสเจือสีชมพูอ่อนเพราะบลัชออนที่ปัดไว้
"ปากหวานไปเรื่อยเลย" แม้จะพูดแบบนั้น แต่ไอลดาก็ค่อยแนบริมฝีปากลงสัมผัสกัน
"โห่ว แต่เช้าเลยนะมึง" คนมาใหม่ตบบ่าดังตุ้บก่อนจะทรุดนั่งลงข้างๆ
"ที สาวนี่อี๋อ๋อ กะเพื่อนมองตาเขียวเชียว เป็นเหี้ยไรวะ หน้าบูดเป็นตูดหมาทั้งวัน" เด็กหนุ่มหน้าตากวนๆแต่ดวงตาขี้เล่นเอ่ยทักน้ำเสียงร่าเริง
"เรื่องที่บ้าน กูขี้เกียจพูด" ปัณวิทย์ละออกมาจากแฟนสาวแต่ก็ยังโอบเอวไว้หลวมๆ
"ซายน์ล่ะ" เขาเอ่ยถามต่อถึงอีกคนที่มักจะตัวติดกันกับอาธิปเสมอ
"ไปขี้มั้ง น้องไอซ์คร้าบ-- ตักไอ้ปันไม่นุ่มเท่าตักพี่อัสซี่หรอก มานี่มามะ" อาธิปทำท่าทะเล้นจะกอดทั้งไอลดาและปัณวิทย์
อัส ซี่...หรือจริงๆคือ อัฐ..อาธิป เพื่อนซี้ของปัณวิทย์คู่หูกับซายน์ หรือ ศิวะ ทั้งสามคนเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันมาตั้งแต่ประถมเลยทำให้สนิทกันเสียยิ่ง กว่าครอบครัว
"ไอซ์ ไม่ต้องไปฟังมันเลย" มือข้างหนึ่งเอื้อมมาดันเอาแขนของอาธิปออกไปให้พ้นทาง
"ไม่ฟังหรอก ไอซ์ไม่ได้ชอบปันเพราะตักนุ่มนี่นา" พูดจบเด็กสาวก็หัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน
"อ๊อก กกก!" อาธิปทำเสียงอ้วกยาวเหยียด และเป็นจังหวะเดียวกับที่ศิวะเดินมาพร้อมมือใหญ่ที่ตบลงบนกลางหัว ทำให้เจ้าของเสียงหยุดชะงักด้วยเสียงสุดท้ายที่เหมือนปลาสำลักน้ำ
"เหี้ยศิวะลึงค์ มือเลอะขี้ตบหัวกูป่าววะ"
"ศิวะลึงค์พ่อมึงดิ สัด ชื่อกูดีๆแปลงซะเสียหมด" ศิวะทักทายแล้วนั่งลงข้างปัณวิทย์
"เลิกเรียนมึงไปไหนป่าววะ กูอยากแดกเหล้า..."
"พ่อมึงคงให้เข้าหรอกผับน่ะ"
"ห่า ก็แดกบ้านกูก็ได้ ไปไหมปัน" ศิวะชวน
"ไอซ์ไปไหม" เขารวบเอวบางให้แน่นขึ้นแล้วพาดคางไว้กับไหล่เล็ก
"จับไว้แบบนี้ก็ไปสิ จะให้ชวนพวกผู้หญิงไปด้วยไหมล่ะ" ไอลดาหันมาถามความเห็นของเพื่อนอีกสองคน
"จัดไปเลยที่รัก" สองเสียงพูดพร้อมกันแล้วหัวเราะร่า
"หน้าหม้อว่ะไอ้ซายน์
"เหมือนกันละวะไอ้อัฐ"
"มึงดึกได้ป่าววะปัน เดี๋ยวหม่อมแม่มึงด่าป่ะ" ศิวะตบบ่าแล้วถาม
"ไม่ ด่าหรอก มีคนใหม่มา เห็นว่าจะจัดปาร์ตี้ กูไม่อยากไปว่ะ" เขาตอบแบบขอไปที ยิ่งนึกถึงใบหน้ากวนอารมณ์ของชยางกูรก็ยิ่งหงุดหงิดหนักกว่าเดิม
"ใครวะ เมียใหม่พ่อมึงเหรอ" อาธิปถามตามประสาคนปากเบา
"ลูกติด..." ปัณวิทย์ตอบสั้นๆห้วนๆอย่างไม่ใส่ใจ
...เด็กเหลือขอเหมือนกันแท้ๆ...
"หัวเน่าเลยสิมึง" อาธิปส่งท้าย พร้อมป้าบใหญ่ที่ตบใส่หัวจนหน้าหงาย...เห็นดาวกลางวันแสกๆ
///////////////////////////
...น่าเบื่อชะมัด...
บรรยากาศงานเลี้ยงต้อนรับ..ที่ดูไม่ค่อยอยากต้อนรับเท่าไหร่ของครอบครัวนี้ ทำให้ชยางกูรรีบอยากให้มันจบไวๆจะได้นอนเสียที
การที่ต้องเดินติดเป็นอึปลาทองของบิดาแล้วถูกแนะนำกับคนโน้นคนนี้ว่าแย่แล้ว แต่สายตาแฝงคำถามที่ส่งมายิ่งแย่กว่า
หลังจากร่วมสองชั่วโมงผ่านไป เขาถึงได้โดนปล่อยให้ยืนเฉยๆข้างมุมห้องเสียที
ชยา งกูรกวาดสายตามองรอบห้อง นัยน์ตาสีฟ้าใสมองเห็นชายหนุ่มผมดำยาวในชุดสูทยืนเงียบๆอยู่ที่มุมคนเดียว แวบแรกเขาก็เกือบจะละสายตาไป...แต่พออีกฝ่ายหันมาสบตา นัยน์ตาเศร้าๆสีดำคู่นั้นกลับดึงดูดใจจนร่างกายพาเดินเข้าไปหาเอง
...หน้าตาไม่เท่าไหร่...แต่สายตานี่ฆ่ากันชัดๆ...
"ฮาย..." เพราะไม่รู้ว่าจะทักยังไง มือใหญ่จึงจับที่เส้นผมสีดำเบาๆ
"ผมสวยดีนะ..ย้อมสีไหม"
ร่างบางขยับตัวถอยออกไปโดยอัตโนมัติ เขาเอ่ยตอบอย่างสุภาพ
"... เดี๋ยวผม ไปเดินดูรอบๆก่อนนะครับ" นัยน์ตาโศกจ้องมองเพียงครู่เดียวก่อนจะหันตัวเดินหนีจากมา
"เดี๋ยวสิ..ญาณัชใช่ไหม" เพราะท่าทางที่แตกต่าง ทำให้ไม่อาจจะละสายตาได้
ชยา งกูรรู้ว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวลกันตั้งแต่ไฮสคูล เขาเคยคบทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง...ซึ่งเขาเองก็ชอบทั้งสองแบบ บางครั้งผู้ชายตัวเล็กๆบอบบางก็น่ากอดไม่แพ้ผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะมีอะไรกันเท่าไหร่ยังไม่มีปัญหาเรื่องท้องตามมาอีกด้วย
...คนที่เพิ่งเลิกไปก็คล้ายๆอย่างนี้ เด็กหนุ่มผมยาวบอบบางที่เหมือนจะแตกได้ตลอดเวลา...
"เดี๋ยวสิ... ญาณัชใช่ไหม" เพราะท่าทางที่แตกต่าง ทำให้ไม่อาจจะละสายตาได้
ชยา งกูรรู้ว่าตัวเองเป็นไบเซ็กชวลกันตั้งแต่ไฮสคูล เขาเคยคบทั้งกับผู้ชายและผู้หญิง...ซึ่งเขาเองก็ชอบทั้งสองแบบ บางครั้งผู้ชายตัวเล็กๆบอบบางก็น่ากอดไม่แพ้ผู้หญิง ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะมีอะไรกันเท่าไหร่ยังไม่มีปัญหาเรื่องท้องตามมาอีกด้วย
...คนที่เพิ่งเลิกไปก็คล้ายๆอย่างนี้ เด็กหนุ่มผมยาวบอบบางที่เหมือนจะแตกได้ตลอดเวลา...
...เล่นยากแฮะ...
"เปล่า ครับ แค่อยากรู้จักกันไว้ ไหนๆก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน...แล้วนี่ปัณไปไหนครับ ผมไม่เห็นเลย" ไอ้เด็กกวนตีนพรรค์นั้นไม่มาให้เกะกะตาก็ดีแล้ว
"ผมไม่ทราบครับ... ยินดีที่ได้รู้จักครับ... ผมขอตัวนะครับ" ญาณัชค้อมหัวอีกครั้ง
ชยางกูรยกมือโบกให้ เขาไม่คิดจะรั้งไว้ ในเมื่ออีกฝ่ายดูจะยังไม่ยอมรับเขา...
เอาเหอะ ของอย่างนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
...ขืนรุกเร็วก็ตื่นกันหมดพอดี...
ริมฝีปากได้รูปยกยิ้มส่งท้าย ก่อนที่จะยกไวน์ในมือขึ้นจิบช้าๆด้วยความรู้สึกท้าทายที่ฝั่งแน่น...ติดตราตรึงใจ
//////////////////
To be continued.....