ลูกคู่สื่อรัก 4
รักษ์ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวันดูนาฬิกาก็บอกเวลาตีห้าถึงลมเลและญาดาบอกว่าไม่ต้องตื่นเช้ามากแต่ด้วยความเคยชินที่ตื่นเช้าเป็นประจำเพราะต้องช่วยพ่อกับแม่ไปวางร้านขายพวงมาลัยและดอกไม้ ลมเลบอกว่าให้ปลุกแฝดตอนเจ็ดโมงลุกขึ้นมาอาบน้ำ ถึงจะเป็นช่วงปิดเทอมแต่ลมเลก็ยังให้ลูกตื่นเช้ามันจะได้ติดเป็นนิสัย
เมื่อวานสรุปแล้วขุนอินทร์กับขุนจันทร์ก็ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับรักษ์เพราะลมเลยื่นคำขาดว่าหากไม่ยอมจะให้รักษ์กลับสองแฝดงอแงไม่ยอมแต่สุดท้ายก็ต้องยอมเพราะกลัวรักษ์กลับไปจริงๆ แต่ก่อนนอนรักษ์ก็อยู่อ่านนิทานให้ฟังจนสองแฝดหลับแล้วค่อยออกจากห้องเพราะสัญญาไว้
หลังจากได้ดูแลสองแฝดไปเมื่อวานนิดหน่อยก็ทำให้รู้ว่าทั้งสองนั้นซนไม่น้อยแต่ยังดีที่ยังเชื่อฟังเขา รักษ์เลยไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่ออกจะสนุกเสียด้วยซ้ำไป รักษ์อาบน้ำอะไรเรียบร้อยแล้วก็ยังพึ่งจะตีห้าครึ่งไม่รู้จะทำอะไรดีเลยลงมาดูด้านล่างว่ามีอะไรพอที่จะช่วยได้บ้างเพราะเช้าๆ แบบนี้ป้าอุ่นที่เป็นแม่บ้านแกจะมาทำอาหารเช้า รักษ์รู้เพราะญาดาเป็นคนบอก ป้าอุ่นจะมาตอนตีห้าและกลับตอนหกโมงเย็น
“มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ” รักษ์เอ่ยถามป้าอุ่นที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร
“อ้าวคุณรักษ์ ทำไมรีบตื่นละจ๊ะ” น้ำเสียงลำเนียงใต้ถามกลับมา รักษ์ฟังออกว่าแกถามอะไรเพราะคนชุมพรพูดฟังง่ายแต่ก็มีบางคำที่ฟังแล้วไม่เข้าใจเหมือนกัน
“มันชินนะครับ ป้าอุ่นมีอะไรให้ผมช่วยไหม”
“ไม่เป็นไรๆ คุณรักษ์ไปพักเถอะจ๊ะ” ป้าอุ่นบอกทั้งรอยยิ้ม
“ผมอยากช่วย"
“งั้นก็ตามบายเลยจ๊ะ” เมื่อแกอนุญาตรักษ์ก็ยิ้มกว้างทันที
“ป้าจะทำอะไรหรือครับ” รักษ์ถาม เห็นหญิงสาวกำลังแกะกุ้งตัวโตอยู่
“ข้าวต้มกุ้งจ๊ะ” รักษ์พยักหน้ารับรู้ก่อนจะหยิบกุ้งตัวโตขึ้นมา
“ทำเป็นหรือจ๊ะ” หญิงสาวเอ่ยถามทันทีที่เห็นรักษ์หยิบกุ้งขึ้นมา เพราะเห็นว่ารักษ์เป็นชายเลยไม่แน่ใจว่าจะทำได้
“ผมทำอาหารให้พ่อกับแม่ทานบ่อยครับ” รักษ์ตอบทั้งรอยยิ้ม ถึงจะบอกว่าบ่อยก็เถอะแต่จริงๆแล้วเรื่องกับข้าวที่บ้านรักษ์เป็นคนทำเกือบทุกมื้อเพราะพ่อกับแม่ต้องทำงาน ตอนเช้าต้องรีบไปตั้งร้านกว่าจะเก็บร้านก็มืดแม่เลยไม่มีเวลาทำอาหาร เลยเป็นรักษ์ที่จะต้องทำ ตอนเช้าไปช่วยพวกท่านเปิดร้านก็กลับมาทำอาหารแล้วค่อยไปเรียนซึ่งก่อนไปเรียนก็ไม่ลืมคดข้าวใส่ปิ่นโตไปให้พวกท่านไว้กินทั้งตอนเช้าและเที่ยง พอตกเย็นรักษ์ก็จะทำอาหารรอพ่อกับแม่กลับมา วันไหนมีทำงานพิเศษก็ทำไว้ก่อนแล้วค่อยไปทำงาน อาจจะมีบางวันที่แม่หยุดงานหรือรักษ์กลับดึกแม่ก็จะเป็นคนทำแต่มันก็ได้กินดึกเพราะกว่าจะมาถึงบ้านกว่าจะทำอาหารอีก เพราะอย่างนี้เรื่องทำอาหารเลยไม่ใช่เรื่องยากสำหรับรักษ์
“งั้นป้าฝากทำต่อทีนะ ขอไปดูข้าวก่อนจ๊ะ” แกว่าก่อนจะเดินไปยังหม้อที่ตั้งอยู่บนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดการกับกุ้งตัวโตต่อ
รักษ์อยู่ช่วยป้าอุ่นจนใกล้จะเจ็ดโมงก็ขอตัวไปปลูกเด็กแฝดขุนอินทร์ขุนจันทร์ที่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องตกใจกับการนอนของเด็กทั้งสอง รักษ์จำได้ดีว่าเมื่อคืนก่อนออกจากห้องนอนสองแฝดก็นอนปกติดีผิดกับตอนนี้เพราะขุนจันทร์หัวตกลงมานอนบนที่นอนขาก็ก่ายอยู่บนท้องของขุนอินทร์ที่เปิดโชว์พุงขาวอยู่ ทางขุนอินทร์ก็ไม่ต่างจากขุนจันทร์หมอนที่เคยใช้หนุนกลับให้เท้าหนุนแทน รักษ์รู้สึกนึกโล่งใจที่ไม่ได้นอนร่วมเตียงกับสองแฝด เด็กอะไรตอนนอนยังซนเลย รักษ์มองแล้วอดยิ้มไม่ได้แฝดถึงจะซนแต่ก็น่ารัก
“ขุนอินทร์ ขุนจันทร์ ตื่นได้แล้วนะครับ” รักษ์นั่งลงข้างเตียงก่อนจะเอ่ยเรียกสองแสบ แต่ได้รับกลับมาเพียงเสียงเคี้ยวปากจับๆ และการเกาพุงขาวๆของขุนอินทร์
“ตื่นได้แล้วครับสุดหล่อ” รักษ์เอ่ยเรียกทั้งเขย่าเด็กทั้งสองอยู่หลายครั้งจนในที่สุดสองแสบก็ตื่นขึ้นมา ทำให้รักษ์รู้อีกเรื่องหนึ่งของสองแฝดคือตื่นยากมากๆ
“อารักษ์” ขุนจันทร์ที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนเอ่ยเรียกรักษ์ทั้งยังขยี้ตาอย่างงัวเงีย
“น้องจันทร์ลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนนะครับ เดี๋ยวอารักษ์ปลุกเด็กขี้เซาอีกคนหนึ่งก่อน” รักษ์บอกขุนจันทร์ก่อนจะเหล่ตามองเด็กแสบอีกคนที่ไม่ยอมลุกขึ้นอย่างรู้ทันเพราะเห็นว่าขุนอินทร์นะตื่นแล้วแต่ยังทำแกล้งหลับต่อ ขุนจันทร์พยักหน้าก่อนจะเดินลงจากเตียงไปทั้งตายังไม่เปิดดีรักษ์อดยิ้มให้กับความน่ารักของเด็กน้อยไม่ได้ เหลือเด็กแสบอีกหนึ่งคนที่ไม่ยอมตื่นไม่รู้จะแกล้งหลับไปถึงไหน รักษ์มองพุงขาวๆ แล้วยิ้มเพราะนึกวิธีปลุกเด็กแสบได้
“พี่อินทร์ไม่ตื่นเหรอครับ” รักษ์ถามคนนอนหลับ นิ่งไม่มีอะไรตอบกลับมาแต่รักษ์เห็นนะว่าแอบยิ้มอยู่นะ
“แย่จังพี่อินทร์ไม่ยอมตื่นแบบนี้น้องพุงคงน่าสงสาร” รักษ์พูดอีก มองหน้าเล็กๆ แล้วยิ้มขำเพราะคิ้วน้อยๆ กำลังพันกันยุ้ง แต่ก็ไม่ยอมตื่น
“ไม่ตื่นจริงๆเหรอ งั้นอารักษ์ทานน้องพุงแล้วนะ” ว่าจบปากเล็กๆ ก็งับลงบนพุงขาวที่เปิดโชว์ทันที รักษ์บดขยี้หน้าลงบนท้องไปมาจนเจ้าของดิ้นพล่านหัวเราะเสียงดัง
“ฮาๆๆ อารักษ์ ฮาๆๆ พี่อินทร์ ฮาๆๆ ตื่นแล้วครับ อิอิ” เสียงเล็กร้องบอกอาคนสวยเพราะรู้สึกจั๊กจี้ อุตส่าห์จะแกล้งอารักษ์กลับโดนแกล้งกลับซะอย่างนั้น
“ตื่นแล้วเหรอครับ ถ้าไม่ตื่นอารักษ์จะกินพุงขาวๆ นี้ให้หมดเลยชอบโชว์ดีนัก” ว่าแล้วก็ฝังใบหน้าลงบนท้องขาวอีกรอบเรียกเสียงหัวเราะของเด็กแสบอีกครั้ง รักษ์หยอกกับขุนอินทร์จนขุนจันทร์อาบน้ำเสร็จก็ปล่อยให้เจ้าตัวไปอาบน้ำบ้างหันมาหาเสื้อผ้าให้แฝดน้องที่ห่มผ้าเช็ดตัวปิดหมดทั้งตัวเหมือนดักแด้ปากน้อยๆนั้นสั่นนิดๆบ่งบอกว่าหนาว
รักษ์จัดการแต่งตัวให้สองแสบจนเสร็จก็พากันลงมาทานข้าวเช้า ลงถึงชั้นล่างได้สองแสบก็วิ่งตามกลิ่มหอมๆของข้าวต้มกุ้งไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารทันที รักษ์ทำเพียงเอ่ยเตือนเด็กทั้งสองไม่ให้วิ่งเพราะกลัวหกล้ม ส่วนตัวเองเดินแยกเข้ามาในครัวเพื่อช่วยป้าอุ่นยกข้าวต้มไปให้สามพ่อลูกที่นั่งรอกันอยู่ที่โต๊ะ
“ข้าวต้มกุ้งตัวโตๆ มาแล้วครับ” รักษ์ที่เดินถือถาดข้าวต้มร้องบอกเด็กทั้งสอง
“เย้ๆๆ กุ้งตัวใหญ่ๆ” เด็กแสบร้องดีใจกันใหญ่ที่รู้ว่าจะได้กินกุ้งตัวโต
“นั่งดีๆ ครับเดี๋ยวอารักษ์เอาให้” บอกเด็กๆ ที่ยืนชูไม้ชูมืออยู่ข้างโต๊ะ “ของคุณลมครับ” ว่าพร้อมกับวางข้าวต้มชามโตให้คนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์นิ่ง ลมเลทำเพียงพยักหน้ารับแล้วพับหนังสือพิมพ์เก็บ “ส่วนนี้ของพี่อินทร์และน้องจันทร์นะครับ” ข้าวต้มชามโตถูกวางลงตรงหน้าสองแฝดได้ก็รีบยกช้อนตักขึ้นทันที
“ค่อยๆ ครับระวังมันร้อน” รักษ์เอ่ยเตือนขุนอินทร์
“ร้อนๆๆๆ” เอ่ยเตือนคนพี่ไปแปบๆ คนน้องก็โดนเสียแล้ว
“อาบอกแล้วว่าให้ระวัง” รักษ์บอกทั้งดูปากเล็กที่ขึ้นสีแดงระเรืองเพราะความร้อน
ลมเลที่กินข้าวต้มอยู่ก็เหลือบมองลูกและพี่เลี้ยงอยู่ตลอดตอนแรกกะจะดุลูกที่ไม่ระวังแต่ก็พูดไม่ทันพี่เลี้ยงเลยนั่งเงียบมองทั้งสามคนเท่านั้น
“พี่อินทร์อย่ากินเร็วไปสิครับ ค่อยๆ กิน น้องจันทร์อย่าตักข้าวหก ปากเลอะครับกินดีๆ…” เสียงรักษ์เอ่ยบอกเด็กแสบทั้งสองไม่ขาดปาก ลมเลนั่งมองอยู่นานมากรักษ์แทบจะไม่ตักข้าวกินเลยเอาแต่ดูแลสองแฝด มันก็ดีที่เห็นรักษ์ดูแลสองแฝดดีขนาดนี้ คอยสอนคอยบอกคอยเตือนแต่ตัวเองเล่นไม่สนใจกินข้าวเลยทำให้ลมเลรู้สึกไม่ชอบใจเท่าไร รักษ์ตัวก็ผอมข้าวยังไม่ค่อยจะกิน สองแสบนี้ก็จริงๆรู้หรอกว่าแกล้งทำให้อารักษ์เขาดูแลนะ ทำไมลูกเขาถึงเหลี่ยมเยอะจริงๆ ไปเอานิสัยนี้มาจากไหน
“ใครตักข้าวหก ใครกินเลอะอีก ได้ไปขุดแปลงผักแน่” ลมเลเอ่ยบอกลูกตัวเอง ดูสิยังจะแกล้งออเซาะต่ออีกไหม “ส่วนนายกินข้าวเถอะอย่าไปสนใจไอ้แสบมันมาก พวกเอ็งก็นะอาเขาสอนหลายรอบไม่จำ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่” บอกรักษ์ก่อนจะต่อว่าลูกอย่างรู้ทัน ขุนอินทร์ ขุนจันทร์หน้ายู่ทันทีที่คนเป็นพ่อรู้ทัน ก็พวกเขาชอบให้อารักษ์เช็ดปากให้
ลมเลสายหน้าให้ลูกตัวเองอย่างระอาก่อนจะตักข้าวต้มขึ้นกินอีกครั้งแต่สายตาดันไปสบเข้ากับรักษ์พอดีและรักษ์ก็ส่งยิ้มกลับมาให้ข้าวต้มที่ควรจะเข้าปากเลยหกลงบนพื้นโต๊ะเพราะตกใจกับรอยยิ้มของอีกคนพาลให้ใบหน้ารู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
“พ่อไปขุดแปลงผักเลยยยยย” ขุนอินทร์ร้องบอกเสียงดัง
“พ่อกินหกๆๆๆ ไปเลยๆๆ” ขุนจันทร์เสริมทัพเข้าอีกที
ลมเลมองลูกตัวเองทันที ไม่คิดว่าลูกจะเล่นงานตนด้วยคำพูดที่ใช้ขู่ลูก ไอ้แฝดนี้มันแสบจริงๆ หันมองรักษ์อีกคนก็เอาแต่อมยิ้มรู้หรอกว่าจะหัวเราะเขา
หลังมื้อเช้าที่แสนวุ่นวายลมเลก็แยกเข้าไปดูคนงานในสวนเห็นว่าวันนี้มีตัดปาล์มน้ำมัน รักษ์เองก็อยากไปดูเพราะไม่เคยเห็นแต่ไม่ได้เขาต้องดูแลสองแฝด ลมเลบอกให้ช่วยสอนแฝดทบทวนเนื้อหาวิชาเรียนหน่อยเพราะกลัวว่าทั้งสองจะลืม ถ้าสองแฝดไม่ยอมก็ให้ขู่ไปซึ่งลมเลบอกมาเรียบร้อยว่าให้ขู่ว่าอะไร
“เด็กๆ หยุดเล่นแล้วเอาภาษาอังกฤษมาอ่านกันดีกว่านะครับ” รักษ์ร้องบอกเด็กๆ ที่กำลังเล่นหุ่นยนตร์กันอยู่
“พี่อินทร์ไม่อ่านได้ไหมครับ”
“ไม่ได้ครับ”
“น้องจันทร์ไม่ชอบเลย”
“ไม่ชอบก็ต้องอ่านนะครับ จะได้เก่งๆ ไง” สองแสบไม่ยอมจริงๆ ด้วย
“แต่น้องจันทร์ไม่ชอบภาษาปะกิด”
“ภาษาอังกฤษครับ ดูสิขนาดพูดชื่อยังผิดเลย” รู้ว่าเด็กแสบนะแกล้งพูด
“งืออออออ” ขุนจันทร์หน้ายู่ทันที ขุนอินทร์ก็เช่นกัน รักษ์เข้าใจดีเด็กๆ ก็แบบนี้พอพูดถึงเรื่องเรียนก็หน่ายทันทีแต่มันก็ปล่อยผ่านไปไม่ได้
“เอาแบบนี้ดีไหมเราเรียนกันสองชั่วโมงแล้วก็มาทำบัวลอยไข่หวานกินกันตอนเที่ยงดีไหมครับ” สองแสบทำหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตกลง แบบนี้คำขู่ของลมเลก็ไม่ต้องใช้สินะ
ตลอดเช้ารักษ์สอนให้สองแสบท่องศัพท์ และเล่นเกมส์ทายคำศัพท์ภาษาอังกฤษจากที่บอกว่าสองชั่วโมงเอาจริงๆ แล้วก็ปาไปสามชั่วโมงกว่าเพราะสองแสบสนุกกับเกมส์ทายคำศัพท์ยิ่งมีขนมกินไปด้วยยิ่งชอบกันใหญ่เลย และที่สนุกกว่านั้นคงจะเป็นศึกระหว่างพี่น้องที่แข่งกันทายคำศัพท์ใครแพ้ก็อดกินขนมงานนี้สองแฝดเลยสู้กันเต็มที่
“เอาละอารักษ์ว่าพวกเราหยุดเล่นแล้วไปทำบัวลอยไข่หวานกันดีกว่า” รักบอกกับเด็กทั้งสอง เวลานี้ก็ใกล้สิบเอ็ดโมงแล้วถ้าไม่รีบก็กลัวว่าจะไม่ทันมื้อเที่ยง
“เย้ๆๆ บัวลอย บัวลอย” เสียงเด็กๆ ร้องดีใจและพากันรีบลุกขึ้น
“เก็บหนังสือให้เรียบร้อยก่อนนะครับ แล้วค่อยไปกัน” เห็นเด็กๆ เตรียมจะออกไปทั้งที่หนังสือยังวางอยู่เกลื่อนโต๊ะรักษ์เลยบอกให้เด็กๆ ช่วยกันเก็บให้เรียบร้อยเสียก่อนได้เป็นการฝึกระเบียบให้กับเด็กๆ ไปด้วย
สองแสบพอได้ยินอารักษ์บอกก็ช่วยกันเก็บหนังสือไปจัดวางบนขั้น รักษ์เองก็ขอตัวเข้ามาเตรียมของในครัวแต่ไม่ลืมบอกสองแฝดให้ตามเข้ามาหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว
เข้ามาในครัวก็เห็นป้าอุ่นกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร
“ป้าอุ่นครับพอดีว่าผมจะทำบัวลอยไข่หวานพอจะมีของให้ทำไหมครับ” เอ่ยถามทั้งเดินดูข้าวของในครัวอย่างถือวิสาสะไม่ต้องกลัวป้าอุ่นว่าเพราะเมื่อเช้าแกอนุญาตให้ทำอะไรก็ได้ในครัวนี้
“ในตู้ชั้นบนเลยจ๊ะหนูรักษ์” ป้าอุ่นบอกกลับมาทั้งไม่ได้หันมองยังคงง่วนกับหม้อแกงบนเตา รักษ์เองก็หันมาจัดเตรียมของสำหรับทำขนมต่อ
“อารักษ์...” เสียงเรียกของเด็กทั้งสองทำให้รักษ์ต้องหยุดจากการนวดแป้งมามองเด็กแสบสองคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเขา
“อย่าวิ่งครับ” รักษ์บอกสองแสบก็ลดฝีเท้าลงทันที “ไปล้างมือเลยครับเดี๋ยวได้มาปั้นแป้งกัน” ร้องบอกอีกครั้งสองแสบก็เดินไปอ่างล้างจานทันที แต่ด้วยความที่เป็นเด็กตัวไม่ได้สูงมากเลยเอื้อมมือไปเปิดก๊อกน้ำไม่ถึงสองแสบหันยิ้มหวานให้อารักษ์ทันที รักษ์เองก็รู้ว่าสองแสบขอให้ช่วยเลยละจากการนวดแป้งหวังจะไปเปิดน้ำให้สองแสบแต่ป้าอุ่นอาสาเปิดให้เสียก่อน
“คุณหนูเชื่อฟังหนูรักษ์ดีจังเลยนะจ๊ะ” ป้าอุ่นพูดขึ้นเมื่อเปิดน้ำให้สองแฝดเรียบร้อยแล้ว
“ไม่หรอกครับ ก็มีดื้อบ้างตามประสาเด็กละครับ” สองแฝดเชื่อฟังเขาที่ไหนกันบทจะดื้อก็ดื้อแต่ถ้าพูดให้เข้าใจสองแสบก็เชื่อฟังแค่เลือกวิธีให้ถูกก็เท่านั้น
“โชคดีจังที่ได้หนูรักษ์มาเป็นพี่เลี้ยงให้คุณหนู” ป้าอุ่นพูดขึ้นมาลอยๆ แล้วหันไปสนใจกับหม้อแกงบนเตาต่อ รักษ์เองก็อยากถามว่าทำไมถึงบอกว่าโชคดีทั้งที่ตัวรักษ์เองยังไม่รู้วิธีเลี้ยงเด็กเลยก็แค่ทำถามที่ตัวเองคิดว่าดีคิดว่าควรก็เท่านั้น แต่เพราะเกรงใจเลยหันมาสนใจนวดแป้งต่อ
“น้องจันทร์จะปั้นน้องต่ายให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับขยำแป้งในมือให้เป็นก้อนกลมๆ
“พี่อินทร์จะทำพี่ทุเรียน พ่อชอบทุเรียน” คำบอกของขุนอินทร์ทำให้รักษ์ต้องหยุดปั้นทันทีก็ไอ้กระต่ายของแฝดน้องเขายังพ่อนึกภาพออกแต่ทุเรียนของแฝดพี่นี้สิจะออกมาหน้าตาเป็นยังไงกัน ถึงจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ห้ามปราบอะไรเพราะไม่อยากขัดความตั้งใจของเด็กๆ แต่ก็ปวดหัวไม่น้อยที่ก้อนบัวลอยรูปกระต่ายและทุเรียนลูกเกือบเท่ากับปั้น
“ลูกใหญ่ขนาดนี้มันจะสุกไหมค่ะคุณหนู” ป้าอุ่นที่เดินมาดูเอ่ยแซวคุณหนูทั้งสองของเขาทันทีที่เห็น
“อารักษ์” ขุนอินทร์ร้องเรียกทัน คงอยากจะถามสินะว่ามันจะสุกไหม
“มันก็สุกนะถ้าเราต้มนานหน่อย” บอกเอาใจเด็กๆ ไป อุตส่าห์ตั้งใจทำ “แต่ต่อไปทำให้เล็กๆ แบบนี้ดีกว่า มันจะอร่อยมากกว่านะครับ” รักษ์บอกทั้งส่งแป้งก้อนกลมเล็กๆให้เด็กๆ ดู
“อันนี้พี่อินทร์ทำพิเศษให้พ่อ” ขุนอินทร์บอกพร้อมทั้งโชว์ก้อนแป้งให้รักษ์ดูทำให้รักษ์ยิ้มทันทีกับรูปร่างของมัน ทุเรียนจริงๆนั้นแหละ
“พ่อตัวใหญ่ต้องกินลูกใหญ่ๆ” ขุนจันทร์บอกทั้งหยิบแป้งปั้นเป็นลูกยาวๆ เล็กๆ แล้วแปะลงบนแป้งก้อนกลมลูกใหญ่อีกที คงเป็นหูกระต่ายสินะ
ทั้งสามง่วนกับการปั้นแป้งอยู่นานดูเวลาก็พบว่าเกือบเที่ยงแล้วเลยรีบพาขนมไปต้มดีว่าป้าอุ่นทำบ้างส่วนไว้ให้แล้วรอแค่นำแป้งไปต้มให้สุกแล้วเอาไปต้มกับกะทิอีกทีก็เป็นอันเสร็จ
“อารักษ์เมื่อไหร่มันจะสุกละครับ” ขุนจันทร์มองก้อนแป้งสองลูกที่อยู่ในหม้อ เด็กน้อยรอนานแล้วทั้งที่ลูกอื่นก็สุกไปหมดแล้วแท้ๆ เหลือแต่น้องต่ายกับพี่ทุเรียนเท่านั้น
”เดี๋ยวก็สุกครับมันลอยขึ้นมาก็สุกแล้ว พี่อินทร์ยืนดีๆ เดี๋ยวตก” รักษ์บอกกับขุนจันทร์ ก่อนจะเอ่ยเตือนขุนอินทร์ที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ให้ระวังเพราะเจ้าตัวอยู่ไม่นิ่ง รักษ์รู้ว่ายืนบนเก้าอี้มันอันตรายแต่เด็กทั้งสองอยากดูผลงานของตัวเองแต่ร่างกายไม่อำนวยรักษ์เลยอนุญาตให้ยืนบนเก้าอี้ได้และค่อยระวังให้ทั้งสองแทน
“ลอยแล้วๆๆๆๆ อารักษ์ ลอยแล้วๆๆๆ” เสียงของสองแสบดังไปทั่วครัวเมื่อเห็นแป้งของตนเองลอยขึ้น
“ครับๆๆ หลบให้อารักษ์ยกขึ้นนะครับ” เด็กๆ ทำตามอย่างเชื่อฟังและเดินประกบอารักษ์ไม่ห่าง “ออกไปรอด้านนอกนะครับได้ทานข้าวเที่ยง พ่อก็คงมาแล้ว” รักษ์บอกกับเด็กทั้งสองเมื่อยกแป้งบัวลอยลงจากเตาเรียบร้อยแล้ว
“หนูรักษ์ก็ไปกับคุณหนูเถอะจ๊ะที่เหลือป้าทำต่อให้ คุณลมแกก็มารออยู่ที่โต๊ะแล้ว” ป้าอุ่นที่พึ่งเดินเข้ามาจากจัดโต๊ะเอ่ยบอกกับรักษ์ รักษ์ก็กลัวว่าลมเลจะรอนานเลยไม่ได้ปฏิเสธคำป้าอุ่น
“งั้นผมฝากด้วยนะครับ ไปเด็กๆ คุณพ่อรอทานข้าวอยู่”
ทั้งสามพากันเดินออกมาจากครัวซึ่งก่อนมาก็ไม่ลืมให้สองแฝดล้างมือให้เรียบร้อยก่อนมาทานอาหาร มาที่โต๊ะก็เห็นลมเลนั่งรออยู่ก่อนแล้ว รักษ์รู้สึกเกร็งขึ้นมาทันทีเพราะหน้าลมเลดูนิ่งมาก กลัวว่าจะไม่พอใจที่พาแฝดมาทานข้าวช้า
“มัวทำอะไรกันอยู่ไอ้แสบ” ลมเลเอ่ยถามลูก นึกไม่ชอบใจเท่าไหร่ที่รักษ์พาเด็กทั้งสองมาทานข้าวช้า
“น้องจันทร์ทำบัวลอยไข่หวานให้พ่อ” ขุนจันทร์บอกพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ที่รักษ์ขยับให้
“พี่อินทร์ก็ทำด้วย”
“หืม” ลมเลทำเสียงอย่างสงสัย แฝดเนี้ยนะทำขนมให้เขา
“พอดีวันนี้ทำบัวลอยไข่หวานกันนะครับ” รักษ์บอกลมเลอย่างหวั่นๆ
“เลยช้า” ลมเลว่านิ่งๆ รักษ์ยิ่งรู้สึกหวั่นมากกว่าเดิม เพราะลมเลดูหน้ากลัว
“เอ่อ..ครับ ขอโทษครับ” รักษ์บอกอย่างรู้สึกผิด
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร กินข้าวเถอะ” ปากบอกไม่ได้ว่าอะไรแต่สีหน้ามันไม่เข้ากันเลยรักษ์คิดแบบนั้น
“วันนี้ได้ทบทวนหนังสือหรือเปล่าไอ้แสบ” อยู่ๆ ลมเลก็เอ่ยถามขึ้นมาขนาดทานข้าว
“พี่อินทร์ท่องคำศัพท์ตั้งเยอะ”
“น้องจันทร์ก็ท่องภาษาปะกิดนะ สนุกๆๆ ” สองแสบตอบพ่อทั้งรอยยิ้มเพราะสนุกจริงๆ ลมเลนี้ถึงกับตกใจกับคำพูดของลูกชายก็สองแสบชอบภาษาอังกฤษที่ไหนกันให้อ่านให้ท่องทีหนึ่งจะเป็นจะตายแต่นี้มาบอกว่าสนุกกันหน้าระรื่น
“พวกเอ็งเนี้ยนะท่องศัพท์” ลมเลว่าลูกชายอย่างไม่ยอมเชื่อ
“ไม่เชื่อพ่อถามอารักษ์ ภาษาปะกิดสนุกๆๆ” ขุนจันทร์บอกอย่างอารมณ์
“อารักษ์บอกว่ายังไงครับน้องจันทร์” รักษ์เอ่ยทวงแฝดน้องทันทีที่ได้ยินคำที่เด็กน้อยพูดเป็นครั้งที่สอง
“ไม่ให้พูดภาษาปะกิดครับ” ขุนจันทร์บอกทั้งยิ้มให้อย่างอ้อนๆ เผื่ออารักษ์จะไม่ทำโทษ
“ไม่ต้องมายิ้มเลยครับ ขนมตอนบ่ายงดนะครับ” รักษ์บอกเด็กน้อย ลมเลได้แต่มองพี่เลี้ยงกับลูกตัวเองสลับกันอย่างงงๆ ว่าไปตกลงอะไรกันไว้
“อารักษ์...น้องจันทร์จะไม่พูดแล้วให้กินขนมนะครับ” ขุนจันทร์ร้องอ้อน ขุนอินทร์เห็นขุนจันทร์โดนทำโทษก็ทำปากขมุบขมิบว่าสมน้ำน่าแฝดน้องทันที
“ไม่ได้ครับสัญญาเป็นสัญญา ส่วนขุนอินทร์ลดขนมครึ่งหนึ่งนะครับ” บอกกับแฝดน้องแล้วค่อยบอกแฝดพี่ รักษ์เห็นนะว่าแฝดพี่ทำอะไร
“งือออออ พี่อินทร์ไม่เกี่ยวสักหน่อย” ขุนอินทร์บอกหน้ายู่
“เห็นนะครับว่าเมื่อกี้ทำอะไร” รักษ์ว่าก่อนจะหันมาทานข้าวต่อไม่สนใจเด็กทั้งสองที่เถียงกันเบาๆ อยู่ข้างๆ
“สัญญาอะไรกัน” อยู่ๆ ลมเลก็ถามขึ้นมา นึกเคืองที่ทั้งสามทำอย่างกับว่าอยู่กันสามคน
“เปล่าครับไม่มีอะไร” รักษ์ตอบ ลมเลก็ไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะดูแล้วไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรและค่อนข้างจะโอเคเพราะแฝดดูไม่กล้าเถียงเลยลองเป็นเขาสิเถียงหัวชนฝา
เมื่อไม่มีอะไรแล้วต่างคนก็ต่างจัดการกับอาหารตรงหน้าลมเลก็คอยเหลือบมองรักษ์ที่คอยตักอาหารให้สองแฝดตลอดดูแล้วรักษ์ดูแลสองแฝดได้ดีที่เดียว วันนี้ทานข้าวก็เงียบหูดีเพราะไม่มีเสียงแฝดเถียงกันเพราะแย่งอาหารเพราะเมื่อไหร่ที่เริ่มทะเลาะกันรักษ์ก็จะเข้ามาขัดทันทีและจัดการแบ่งอาหารให้เสร็จสรรพ
“เดี๋ยวผมไปยกขนมมาให้นะครับ” รักษ์เอ่ยบอกเมื่อเห็นว่าลมเลทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้วตัวรักษ์นั้นทานเสร็จก่อนหน้านี้แล้ว แต่สองแฝดยังคงไม่อิ่มเลย
รักษ์เดินเข้ามาตักขนมที่ป้าอุ่นทำไว้ในหม้อใส่ลงในถ้วยไม่ลืมตักน้องต่ายและพี่ทุเรียนของสองแฝดที่ตั้งใจทำให้คุณพ่อเขามาด้วย
“ขนมๆๆๆ” เสียงของแฝดดังมาแต่ไกลทั้งที่รักษ์ยังยกไปไม่ถึงแท้ๆ
“ขนมครับคุณลม” รักษ์บอกพร้อมกับยกถ้วยบัวลอยไข่หวานร้อนๆที่ส่งกลิ่นหอมให้ “นี้ของพี่อินทร์ และนี้ของน้องจันทร์ครับ" บอกพร้อมกับวางถ้วยขนมลงตรงหน้าเด็กน้อยก่อนจะมานั่งที่ตัวเอง
“พ่อกินสิพี่อินทร์ทำเอง”
“น้องจันทร์ก็ทำ”
ลมเลมองลูกทั้งสองก่อนจะมองบัวลอยในชาม นึกแปลกใจไอ้ก้อนประหลาดว่ามันคืออะไรกัน ถ้าเขากินเข้าไปจะไม่ติดคอตายใช่ไหม
“นี้บัวลอยอะไรของพวกเอ็ง” ลมเลว่าทั้งยกก้อนบัวลอยในช้อนขึ้นให้ลูกดู
“น้องต่ายๆๆๆ ของน้องจันทร์” ขุนจันทร์ร้องบอกอย่างภาคภูมิ แต่คนเป็นพ่อกลับคิ้วขมวดพยายามมองก้อนเบี้ยวๆ ที่มีหน่อแหลมๆ สองหน่อยื่นออกมานิดหนึ่ง พยายามมองเท่าไหร่มันก็ไม่เป็นกระต่ายสักทีนี้เขาต้องให้ลูกไปหัดปั้นดินน้ำมันใหม่ไหม
“กระต่ายอะไรของเอ็งมีหน่อแหลมแบบนี้ เขาควายเปล่าเนี้ย” ลมเลว่า
“งืออออ นั้นมันหูน้องต่ายนะพ่อ” ขุนจันทร์บอกกลับคนเป็นพ่อ มาว่าหูน้องต่ายเขาเป็นเขาควายได้ยังไง
“แล้วนี้อะไร ใจคอพวกเอ็งจะให้พ่อกินติดคอตายหรือไงลูกใหญ่เท่าบ้าน” ลมเลว่าก่อนจะเปลี่ยนมาตักบัวลอยลูกเบี้ยวๆที่เป็นปุ่มๆทั้งลูก ดูแล้วมันไม่มีความน่ากินอยู่เลย
“นั้นของพี่อินทร์ พี่อินทร์ทำพี่ทุเรียนให้พ่อ” แฝดพี่บอกทั้งรอยยิ้มภูมิใจเช่นกัน แต่คนเป็นพ่อหน้ายุ้งไปหมด ทั้งน้องต่ายทั้งพี่ทุเรียนมันอะไรของลูกเขากัน หันมองพี่เลี้ยงของลูกก็เห็นว่านั่งอมยิ้มอยู่
“ทานสิครับเด็กๆ อุตส่าห์ตั้งใจทำให้” รักษ์เอ่ยบอกลมเลทั้งรอยยิ้ม ที่ยิ้มเพราะอดตลกกับสีหน้าของลมเลไม่ได้ อยากจะหัวเราะออกมาก็กลัวลมเล
“ใช่ๆๆ พ่อชิมๆๆ อร่อยๆๆ” ขุนจันทร์ช่วยเสริม
“เอาว่ะ” ลมเลว่าพร้อมกับตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา เด็กๆ มองอย่างลุ้นๆ ทันที รักษ์เองก็เช่นกัน แต่ “นายเอาไปลูกหนึ่งเด็กๆ อุตส่าห์ทำคงอยากให้นายกินด้วย ใช่ไหมไอ้แสบ” ลมเลว่าแล้วก็หย่อนพี่ทุเรียนลงในชามของรักษ์แล้วยิ้มหน้าบานที่ได้แกล้งพี่เลี้ยง รู้นะว่าแอบขำเขาอยู่
“อารักษ์กินด้วยๆๆ” ขุนอินทร์บอกเสียงดังจ้องมองอย่างมีความหวัง รักษ์ทำอะไรได้นอกจากตักบัวลอยพี่ทุเรียนขึ้นมา และอดไม่ได้ที่จะส่งสายตาคาดโทษไปให้คนส่งมาที่นั่งกินบัวลอยหน้าระรื่น ทำให้วันนี้รักษ์รู้อีกหนึ่งเรื่องของลมเลคือ
คนชอบแกล้ง
********************************************
ตอนที่ 4 มาแล้ววว วันนี้ความแสบน้อยๆๆๆแต่น่ารักกกกกกก อ๊ายยยยยยยย อ่านกันให้สนุกน่าาา
รักคนอ่านนนนนน จุ๊ฟล้านครั้ง ลงวันละตอนน่าาาา