“แล้วที่มาวันนี้เพื่อมาบอกแค่นี้นะหรอ”
“เปล่า แค่อยากชวนไปที่ ๆ นึงด้วยกัน ไปไหม” อิอิ จะชวนออกเดทหรือเปล่าว๊า
“ไปไหนอะ” อิอิเขิลจัง
“เออน่า เดี๋ยวขอแม่ให้” พูดจบไอ้พี่โมบายก็ลากมือผมเข้าไปในบ้าน
“คุณแม่ครับ เดี๋ยวผมขอยืมตัวน้องมะขามไปทำธุระเป็นเพื่อนก่อนนะครับ” ไม่ต้องทำตาวิบวับอย่างนั้นก็ได้
“ได้สิจ๊ะ แม่อนุญาตจะ” แม่ๆๆ นี่ลูกชายแม่ทั้งคนนะ จะไม่ถามเลยหรอว่าจะพาไปไหน เผื่อไอ้พี่โมบายจะพาไปขาย ละ ว่าไง คนยิ่งน่ารัก ๆ อยู่ด้วย
พอได้คำตอบแล้ว ไอ้พี่โมบายก็ลากผมขึ้นรถคันโก้ ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
“โห พี่รถสวยจังเลย เบาะก็นิ้มนิ่ม” ผมไม่พูดเปล่า ยังเด้งดึ๋ง ๆๆ บนเบาะหน้ารถอย่างสบายอารมณ์
“ปุ่มนี้ปุ่มอะไรอะ อ๊ะ แล้วปุ่มนี้หละ โอ๊ะ ปุ่มนู้นด้วย” ผมสนุกกับการกดปุ่มนู้นที ดึงปุ่มนั้นทีอย่างตื่นตาตื่นใจ พ่อผมก็มีรถนะครับ แต่ไม่ใช่คันโก้ๆๆแบบนี้นี้
“เดี๊ยะ ตีมือหักเลย อยู่นิ่งๆๆสิ” ไอ้พี่โมบายเอามือข้างที่เหลือข้างหนึ่งมารวมมือผมไว้ และเอื้อมมาดึงเบลล์ พันมือทั้งสองมือของผมไว้สองรอบ และ
เสียบจึ๊กเข้าไปที่คาดเบลล์ด้านข้างเบาะที่นั่ง นี่เหมือนกรูถูกมัดตราสังข์เลยนิหว่า
ระหว่างทางผมก็นั่งบ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อย จนมันเลี้ยวเข้าไปยังมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โอ๊ะ ทำไมวันนี้คนเยอะจัง
“วันนี้เขามีงานรับปริญญาหรอคับพี่” เพราะว่าผมเห็นคนหลายคนแต่งหน้าแต่งตาซะสวยเชียว พร้อมกับสวมเสื้อครุยที่หลาย ๆ คนใฝ่ฝัน
“งานแต่งมั้ง ก็เห็น ๆ กันอยู่ดันจะมาถามได้” ไอ้พี่โมบายนี่วอนแต่เช้า
“ก็รู้ ที่ถามนี่หมายถึงมาทำไมอะ คนรู้จักพี่รับปริญญาหรอ”
“มาทำงาน” หือ มาทำงานอะไรของมันฟะ
สักพัก ไอ้พี่โมบายก็เอารถของมันจอดไว้ที่ลานจอดรถ พร้อมกับเรียกผมให้ไปช่วยถือของหลังรถ
“มะขาม มานี่ มาช่วยพี่ถือของหน่อย” พอมันเปิดกระโปรงหลังรถ ผมแทบเป็นลม เพราะของที่มันจะให้ผมถือนี่มากมายก่ายกองเหลือเกิน
“เอ้า มะขามถือนี่ไปละกัน” ว่าแล้วมันก็จับกล่องโน้น กระเป๋านี้ ยัดใส่มือผมจนผมกลัวว่ามันจะสูงท่วมหัวผมเสียให้ได้
“แล้วไอ้งานของพี่มันคืออะไรอะ” ผมถามขณะเดินตามมันต้อยๆๆ
“พี่รับถ่ายรูปงานรับปริญญา อ๊ะ นั่นไงลูกค้าของพี่” อ้อ ที่แท้เมิงจะให้กรูมาช่วยเมิงแบกของใช่ไหมเนี่ย กรูก็นึกว่าจะชวนกรูออกเดท ไอ้พี่โมบายเวร
“สวัสดีครับ โทษทีครับที่มาช้า พอดีไปรับผู้ช่วยมานะครับ” ไอ้พี่โมบายทักนักศึกษาคนนึงที่สวมชุดครุยรับปริญญา และครอบครัวของผม
“เอ้ามะขาม ยืนทืออยู่ทำไม เร็วๆๆ มาช่วยพี่ถือรีเฟรคหน่อย” แล้วอะไรมันคือรีเฟรคอะ
สงสัยมันคงเห็นผมเงอะงะ มันเลยชี่ไปที่กระเป๋าใบใหญ่ใบหนึ่งที่ผมเพิ่งจะแบกมา
“ในนั้นอะ มันเป็นแผ่น ๆๆ คลี่มันออกมานะ”
“จะให้ผมขี้ตรงนี้อะนะ ผมยังไม่ปวดเลยนะครับพี่ “ ไอ้บร้า จะให้กรูขี้ตรงนี้อะนะ กรูยังไม่ได้ปวดสักหน่อย พูดมาได้หน้าตาเฉย
“คลี่ ไม่ใช่ขี้” เอ้าใครจะไปรู้
“ระวังมันจะ...”
โพล๊ะ” โอ้ย ไอ้บร้า มันดีดออกมาได้ก็ไม่บอก
“555 พี่จะพูดอยู่พอดีว่าระวังมันดีดใส่หน้า 555” ไอ้นี่ ไม่ช่วยแล้วจะมาหัวเราะอีก
“เอ้า ยืนหน้าง้ำอยู่นั่นแหละ เร็วๆๆ ถือรีเฟรคมาเร็วๆๆ”
ผมเลยต้องตามน้ำไปกับไอ้พี่โมบายด้วยการถือรีเฟรคช่วยเขา ตอนแรกก็งก ๆ เงิ่น ๆๆ แต่ตอนหลังๆๆ เริ่มเป็นแล้วก็เลยง่าย มันก็สอนไปว่าถือยังไงไม่ให้แสงเข้าหน้าแบบมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ดูๆๆแล้วไอ้พี่โมบายมันคงจะมีความสุขกับการต้องมานั่งเหนื่อย ยืนเหนื่อยถ่ายรูปให้ชาวบ้านเขาอยู่แนๆๆ เพราะคนระดับมันแล้วเนี่ ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องมานั่งอะทำอะไรอย่างนี้เลย ผมรู้ได้ยังไงนะหรอ
หุหุ ก็ดูรอยยิ้มมันดิ ดูแววตามันดิ ดูสีหน้ามันดิ แม้ว่าเหงือจะออกซะจนหัวเปียกแฉะ แต่ก็ดูแล้วมีความสุข ส่วนผมนะหรอ ดีนะที่ได้หมวกของไอ้พี่โมบายมัน ไม่งั้นนะหรอคงดำเป็นลูกหนูปิ้งไปแล้วว
“เออ น้องคะ”
“น้องคะน้อง” เสียงเรียกของพี่บัณฑิตทำเอาผมตื่นจากผวังค์
“อ๊ะ มีอะไรครับพี่”
“เออ ไอ้รีเฟรคน้องนี่ทิ่มตาพี่แล้วค่ะ อย่าเหม่อสิคะ”
แป่วววววว หันไปหาพี่โมบาย ก็เห็นมันยืนหัวเราะอยู่ นี่กรูเปิ่นอีกแล้วนะเนี่ย
“โทษทีครับ แหะๆๆ พอดีว่ามือใหม่นะครับ”
“ไม่ว่ากันค่ะ แต่อย่าบ่อยนะค่ะ พี่ขอ” พูดจบก็เขวี้ยงค้อนให้ผมวงเบ่อเริ่ม ชิส์
“มะขาม หยิบเลนส์ให้พี่หน้อย”
“อ๊ะ ได้ครับ”
“มะขาม เอาเมมโมรี่อันใหม่มาสิ”
“อ๊ะ ได้ครับ”
“มะขามซื้อน้ำให้พี่หน่อย”
“อ๊ะ ได้ครับ”
“มะขามเมมเต็มอีกแร้ววว เปลี่ยนอันใหม่เร็วๆๆ
“อ๊ะ ได้ครับ”
“มะขาม รีเฟรคอะ ไม่ต้องใช่แล้ว”
“อ๊ะ ได้ครับ”
“มะขาม กางรีเฟรคอีกทีสิ”
“อ๊ะ ได้ครับ”
“เอ้าๆๆ มะขามมาช่วยพี่แบกไอ้นี่หน่อย”
“อ๊ะ ได้ครับ”
“มะขาม เดี๋ยวถือไอ้นี่ตามมานะ”
“อ๊ะ ได้ครับ”
“มะขามมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
“ค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ จะเอาอะไรอีกค้าบบบบบบบบบบบบ”
“เหนื่อยไหมเรา วันนี้” พี่โมบายถามผม ขณะที่หิ้วผมในสภาพที่ป้อแป้เต็มทนมาขึ้นรถ ก่อนเมิงจะถาม มิงดูหน้ากรูก่อนแล้วค่อยถาม
“แนะ ถามดีๆๆ ยังจะมาค้อนพี่อีก เดี๋ยวก็ไม่เลี้ยวข้าวซะเลย” พอผมได้ยินว่าไอ้พี่โมบายจะเลี้ยงข้าว ความเหนื่อยก็ลดลง 20%
“ไม่พอ”
“เลี้ยงหนังด้วยอะ” ความเหนื่อยเหลือ 50% แล้วววว
“2 เรื่องเลยอะ” อิอิอิอิ หายเหนื่อยแล้วเรา
“แหมๆๆ เรื่องกินเรื่องเที่ยว ไม่ได้เลยนะเรา ดูสิ พอเอาของกินมาล่อหน่อย ตาโตเป็นไข่ห่าน 555” ไอ้พี่โมบายหัวเราะอย่างสบายใจ ก่อนจะสตาร์ท
รถออก ส่วนผมก็คงเหนื่อยมากก จนเผลอหลับไป...