The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 022 : บทส่งท้าย (จบบริบูรณ์)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 022 : บทส่งท้าย (จบบริบูรณ์)  (อ่าน 12478 ครั้ง)

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************



         ..ผมนอนตะแคงหันออกนอกเตียง ระหว่างที่คิวอาบน้ำก็นึกด่าตัวเองว่าแทนที่จะหลับไปจริงๆ ซะ กลับนอนใจเต้นระทึก ไม่รู้ว่าคิวจะทำยังไงต่อกับการสารภาพของผมในคืนนี้ ทั้งคาดหวัง แล้วก็..คาดหวัง




เรื่องราวของหน่วยลับที่ไม่ได้มีแค่เรื่องรักที่เป็นเรื่องลับ..
ลูกนายที่อยากเป็นหมอมากกว่าทหาร กับหลานของปู่ย่าที่ยอมตายในสนามรบเพราะไม่มีอะไรจะเสีย ความต่างแบบสุดขั้วที่ดันมาพัวพันกันเพราะความเมา..

.

คิว = หน่วยลับสุดกวน การได้ต่อสู้ ออกแรงจัดการเหล่าผู้ร้าย ตามสไตล์ผู้ชายสายโหด คือหน้าที่ของการมีชีวิตในชาตินี้

อาร์ = หน่วยลับ (พ่วงตําแหน่งแพทย์ทหาร) สายใช้สมอง ‘คุณชายปากร้าย’ , ‘คุณหมอสุดนิ่ง’ ‘ไม่สนไม่แคร์ใคร’ คือนิยามประจําตัว


เมื่อร้ายกับร้ายมาเจอกันพัวพันกันวุ่นวายทั้งเรื่องงานเรื่องหัวใจ ..เรื่องไหนจะคอมพลีท!

ยอมให้รักซะดีๆ อย่าให้มีอารมณ์!!!



ขอต้อนรับสู่โลกของ QR

#TheMissionลุ้นรักภารกิจLove #คิวอาร์

สารบัญ
Ep.01 - I am Q : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3980484#msg3980484
Ep.02 - Mission : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3980485#msg3980485
Ep.03 - I am R : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3980486#msg3980486
Ep.04 - ไม่มีคิว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3980487#msg3980487
Ep.05 - โทนี่ ฉิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3980927#msg3980927
Ep.06 - หมอชิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3981806#msg3981806
Ep.07 - วิกฤติ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3982283#msg3982283
Ep.08 - สารภาพ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3982755#msg3982755
Ep.09 - ห้องผู้อํานวยการ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3983230#msg3983230
Ep.010 - คิว : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3983534#msg3983534
Ep.011 - to be Continue (part 1) : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3987299#msg3987299
Ep.011 - to be Continue (part 2) : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3987300#msg3987300
Ep.012 - New Mission : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3987466#msg3987466
Ep.013 - ไอย์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3988012#msg3988012
Ep.014 - ลาก่อน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3988298#msg3988298
Ep.015 - โนอาห์ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3988700#msg3988700
Ep.016 - แผนการ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3988774#msg3988774
Ep.017 - ตู้เก็บของ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3989054#msg3989054
Ep.018 - อพยพ : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3989288#msg3989288
Ep.019 - ฉุกเฉิน : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3989582#msg3989582
Ep.020 - ประตู : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3989939#msg3989939
Ep.021 - End Mission : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3990032#msg3990032
Ep.022 - บทส่งท้าย : https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70486.msg3990259#msg3990259
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-07-2019 13:54:27 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
01
- I am Q -
.
.
.
“..ฮึก ฮึก อึก อึกก อ่ะ อืออออออ”
“..ผมชอบเสียงคุณอาร์นะครับ”
“เออ กูรู้..! มึงไม่ต้องยํ้า”
“แต่ผมจะยํ้า ยํ้า แล้วก็ยํ้า”
“ฮึกก ฮึกกก ไอ้สัดคิววววว!”
“..ผมชอบฟังเวลาคุณอาร์ด่า”
“มึง.. จะ.. พอ.. ได้รึยังวะ”
“อีกนิด.. อีกนิด.. นิ….”
“..อึกกก”
“..อืออออออออ”
“ไอ้เชี่ยคิววว…”
“...”
“...”

………..

“มึงจะลุกได้รึยัง”
“ขอผมพักตรงนี้ก่อนไม่ได้รึไงครับคุณอาร์”
“กูหนัก”
“แต่ผมยังอยากอยู่ตรงนี้ อยู่ฟังเสียงคุณอาร์หอบ ผมรู้สึกดี”
“...”
ผมยกตัวขึ้นมองหน้าคนที่นอนอยู่ใต้ตัว ดวงตาคมที่แสนหวานกําลังบอกอารมณ์คุกรุ่น ผมยิ้มมุมปาก ผมรู้ว่าจริงๆ คุณเขาก็ไม่ได้อยากให้ผมลุกไปไหน..

ผมโน้มหน้าลงกระซิบที่ข้างหูของคุณชายผิวขาวที่ตอนนี้แดงไปทั้งตัว

“ผมขอต่อได้ไหมครับ..”

ผมยังคงมองหน้าคุณอาร์ ไม่ได้หวังหรอกนะว่าคุณเขาจะตอบตกลง เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องไม่ยอม ก็เลยถือวิสาสะถอนของของตัวเองออกแบบรํ่าไรและแทงซํ้า

……………..

“ไอ้สัดคิว! กู..”

………………

“กู.. จะ.. วางยามึง..!”
“หยุดหอบให้ได้ก่อนไหมหมอ..”
“กูจะฟ้องนาย!”
“..เอาพ่อมาอ้างเวลานี้ ไม่สมเป็นหมออาร์เลยนะครับ”
“มึงปล่อยกูได้แล้ว!”
“ก็สู้ผมให้ได้”
“ไอ้สัดคิว” หมออาร์ออกแรงเอาลําแขนลํ่าๆ ของตัวเองดันตัวผมออก ต้องได้ผลแน่ๆ ถ้าผมไม่ใช่คนแรงควายของหน่วยลับแห่งประเทศ ไม่นับความคล่องตัว กลยุทธ์ในการใช้ร่างกายที่รํ่าเรียนมาแล้วครบทุกศาสตร์การต่อสู้ จะมวยไทย คาราเต้ ซูโม่ เทควันโด คราฟมาก้า หวิงชุน การสู้แบบประชิดตัวคืองานหมูของผม ถึงกับหมออาร์ที่มีดีกรีเป็นถึงแพทย์ทหารก็เถอะ ยังไงก็ชํานาญไปทางแพทย์ไม่ใช่ทหาร จะมาสู้แรง สู้ความคล่องตัวของคนภาคสนามที่ฝึกหนักแทบตายอย่างผมได้ยังไง
เรากลิ้งไปมาสลับกันอยู่บนอยู่ล่าง ถ้านี่เป็นสนามการต่อสู้ กรรมการตัดสินคงเหนื่อย จะสั่งให้หยุดก็ไม่ได้ จะยกมือให้ใครชนะเพื่อจบเกมก็ไม่ได้ ..ถ้าเราทั้งคู่ยังไม่อยากหยุด

ผม.. คิว - คณนา นักรบเดนตายของหน่วยลับ ขึ้นตรงกับผู้บัญชาการกองกําลังพิเศษ ฟังดูโคตรสลับซับซ้อน จะว่าอยู่กองกําลังพิเศษก็ถูก แต่ที่ถูกกว่าก็คือเป็นหน่วยลับที่อยู่ในกองกําลังพิเศษ หน่วยลับที่ไม่มีใครรู้ว่ามีอยู่จริงบนโลก สถานะของชีวิตคืออนันต์ อยากจะโคฟเป็นใครเวลาไหนก็ได้ ถ้ามันจําเป็นต่อภารกิจ สิทธิพิเศษมีไม่จํากัด จะเข้านอกออกในประเทศต่างประเทศยามใดขอแค่แจ้งไป ค่าตอบแทนสูงเกือบเท่าผู้บริหารระดับซี 9 บัตรรูดที่ไร้เพดานวงเงินพร้อมใช้ ..ฟังดูโคตรเท่ห์ โคตรคูล โคตรฮาย แต่ความเป็นเจ้าของชีวิตของตัวเองคือศูนย์ ตามชื่อตําแหน่ง ‘นักรบเดนตาย’ ผมพร้อมตายทุกเมื่อ ตายได้ทุกที่ และจงภูมิใจถ้าได้ตายในระหว่างปฏิบัติภารกิจ ชีวิตนี้เพื่อชาติ ทํางานให้สําเร็จ แล้วจากไป ..อย่างไร้ตัวตน ไงล่ะงานของผม ..ใจแม่งโคตรหล่อ โคตรเสียสละ แต่เปล่าเลย.. ผมก็แค่คนที่ไม่มีอะไรจะเสีย ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีพ่อแม่ ไม่มีครอบครัว ไม่มีห่วง การได้มีชีวิตที่ไม่ไร้ค่า ก็เพียงพอแล้วสําหรับการได้เกิดมา ..แต่นั่นก็หลังจากที่ผมเสียปู่กับย่าไป..
ข่าวการจากไปของท่านทั้งสองมาถึงผมภายในกรมทหารที่ผมสังกัดอยู่ ..เพียงหนึ่งเดือนหลังจากเข้ากรม ..และเพียงสามวันหลังจากที่ท่านทั้งคู่มาดูหน้าผมเมื่อกรมเปิดให้ครอบครัวมาเยี่ยมได้ ปู่เพิ่งพูดกับผมว่ามันเป็นโชคชะตาที่แกคงหนีไม่พ้น ผมงง ไม่มีใครหนีพ้นอยู่แล้วถ้าไม่เรียน รด. ถ้าไม่ใช้เส้น ยังไงก็ไม่รอด ผมมองหน้าปู่ ความสงสัยยังอยู่บนหน้าของผม ปู่เลยบอกว่า ก็อุตส่าห์บนไว้หลายที่ เส้นสายทางสวรรค์คงไม่มีน้ำหนักเท่าเงินของคนบนโลก เอาเป็นว่าไหนๆ เอ็งก็ไม่ค่อยอยากเรียนอยู่แล้ว ก็แวะใช้ชีวิตในกรมสักพักก็อาจจะดี คำให้กำลังใจของปู่ยังดังสะท้อนในกระดูกรูปทั่ง รูปค้อนในหูของผม เหมือนกับว่าปู่เพิ่งพูดเมื่อสิบห้านาทีที่แล้ว โดยที่มีย่านั่งอมยิ้มบางๆ อยู่ข้างๆ ปู่
ผมเคยคิดว่าออกจากกรมเมื่อไหร่จะหางานทำ เก็บเงินสักก้อน เปิดร้านสักอย่าง ดูแลปู่กับย่า แค่นี้ก็พอแล้ว แต่พอท่านจากไปเพราะอุบัติเหตุกะทันหัน ผมแม่งเคว้ง สิ่งยึดเหนี่ยวไม่มีอีกต่อไป แผนที่พอมีในชีวิตถูกลบสลายไปในอากาศทันที ผมขอนายออกมางานศพปู่กับย่า คนในหมู่บ้านช่วยกันจัดงานที่วัดใกล้บ้าน ทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีตลอดสามวัน จนในวันที่ผมกลับมาถึง.. วันเผา
“ดูมันสิ ไอ้หลานอกตัญญู ปู่กับย่ามันตายทั้งคน ไม่มีน้ำตาสักหยด”
“เอ็งก็ว่าไป ลูกผู้ชายมันจะเสียน้ำตาง่ายๆ ได้ไงวะ”
“หึ เออๆ พ่อผู้ใหญ่ก็เป็นคนจิตใจดี นี่ เป็นธุระให้มันทุกอย่าง ไม่เห็นมันจะเห็นหัวผู้ใหญ่ จะเข้ามาขอบใจสักคำก็ไม่มี มาทีก็วันเผา เอาแต่นั่งนิ่งหน้าโลง คนตายน่ะไม่รับรู้ คนเป็นนี่! ที่มันต้องทนเห็นความไร้หัวใจแทน..”
“พอเถอะ พี่มิ่ง!”
“จะให้กูพอได้ยังไง!! ตอนมาอยู่นี่ก็ได้พวกเราคอยดูแล ทำแผล หาข้าวปลาให้ ซมซานมาอย่างกับหมา..”
“ไอ้มิ่ง!!! พอได้แล้วโว้ย คนตายมันจะหลับไม่สนิท”
“โธ่โว้ย!! ที่ไอ้มิ่งพูดก็หวังว่าไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมมันจะสำนึกบุญคุณคนบ้าง ไม่ใช่เอาแต่เกเรไปวันๆ จนปู่ย่ามันตรอมใจ..”
“ไอ้มิ่ง!! คนมันตายเพราะรถชนโว้ย!! พอเลย มันเมาเหล้าขาวแล้ว ใครก็ได้เอามันไปส่งบ้านที”
.
“จะเอาไงต่อล่ะห๊ะไอ้คิว”
“ยังไม่ได้คิดครับผู้ใหญ่”
“ก็..ตั้งใจฝึก ถ้าออกมาแล้วไม่มีที่ไป ก็กลับมา ข้าพอจะหางานให้ทำได้”
“...” ผมยกมือไหว้ผู้ใหญ่ ภาพความเลวระยำของตัวเองฉายซ้ำอยู่ในหัว เรียนก็ไม่เรียน ทําตัวเป็นหัวโจกพาวัยรุ่นในหมู่บ้านไล่หาเรื่องแกว่งปากหาตีนไปเรื่อย เข้าออกโรงพักจนซี้กับทุกคนในนั้น ..ก็สมควรที่ลุงมิ่งจะด่า
.
“มึงไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่อีก! ปู่ย่าก็ไม่ได้อยู่คุ้มกะลาหัวมึงแล้ว! ไปซะ! ไอ้เด็กอัปรีย์!!” เสียงลุงมิ่งค่อยๆ เบาลงตามระยะห่างที่แกโดนลากออกไปจากบริเวณเมรุเผา

..ไม่มีที่ให้ผมกลับมาอีกแล้ว
.
.
.
“คิดไรอยู่”
“ผมก็คิดของผมไปเรื่อย เป็นห่วงผมเหรอครับคุณอาร์”
“..ฝัน” ผมกระชับแขนที่พาดวางช่วงสะโพกของคนปากดีไว้ และเอาปากขบเข้าที่หัวไหล่ขาว

คุณอาร์ หรือหมออาร์ หน่วยลับคู่หูของผมที่มีหน้าฉากคือแพทย์ทหาร หล่อ คิ้วเข้มตัดกับเนื้อละเอียดขาวสะอาด ฉลาด เก่ง เป็นหมอศัลยกรรมสมองได้สบายๆ แต่เพราะนาย หรือนายพลพละ คนเป็นพ่อ อยากให้ลูกเป็นนายทหารมากกว่าหมอ คุณอาร์เลยต้องจำใจยอมมาเป็นแพทย์ทหาร ..เจอกันครึ่งทาง ซ้ำคุณอาร์ยังสุดโต่งประชดสมัครเข้าเป็นหน่วยลับ ในเมื่ออยากให้เป็นทหาร ก็เอาหน่วยที่เสี่ยงที่สุด ซึ่งนายก็ดูจะพอใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าลูกชายของตัวเองมีความผิดปกติบางอย่างที่ทำให้ตายได้ง่ายๆ

“ไอ้เชี่ยคิว มันเจ็บ!!” ผมแสยะยิ้ม นอกจากจะออกแรงขบแน่นขึ้นแล้ว ยังสั่งมืออีกข้างที่ว่างอยู่ไล่เลื้อยไปตามสะโพกขาวเนื้อละเอียดใต้ผ้าห่ม
“ไอ้สัดคิว! พอเลยกูเหนื่อย” คุณอาร์ไม่แค่พูดยังพยายามกระเถิบถอนร่างกายแกร่งออกจากตัวผม

..อะ อาร์ร์ร์ร์

ตอนได้เข้าก็ว่าฟินแล้ว ตอนจะต้องถอนยิ่งโคตรฟิน ผมไม่ยอมง่ายๆ ถึงไม่ได้ต่อ แต่ก็อยากนอนมันทั้งแบบนี้ดูบ้าง อยากให้คุณอาร์อยู่ในอ้อมกอดของผม ผมอยู่ในตัวคุณอาร์ อยากดมกลิ่นเหงื่อสะอาดๆ ของคุณหมอที่โคตรน่าขบ น่ากัด กล้ามแน่นๆ ขาวๆ ที่โคตรเซ็กซี่ คิ้วหนาเข้มที่ชอบขมวดสูงเวลามีความสุข ตาคู่คมที่ไม่โตมากสไตล์หนุ่มเกาหลีรับกับจมูกที่โด่งเป็นสัน แล้วก็ริมฝีปากสีชมพูอ่อนอวบอิ่มที่จะเผยอร้องเรียกชื่อผมทุกครั้งที่ความเสียวซ่านเอ่อล้นออกมานอกร่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองโดนคุณหมออาร์ตกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ถ้าจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ไม่มีสถานะก็คงเมื่อราวสี่ปีที่แล้ว..

..ผมกลับมาจากงานศพของปู่กับย่า พาใจหนักๆ กลับเข้ากรม ผมซึมลงจนเพื่อนและครูฝึกพากันกังวลว่าผมจะพาตัวเองหายไปจากโลกนี้เหมือนปู่กับย่า

..เช้าวันนึง ผมยืนอยู่ในแถวเป็นระเบียบอย่างไร้ชีวิต เหม่อมองไปด้านหน้าอย่างไร้อารมณ์ ท้องฟ้าแม่งสีขาวหม่น ร้อนอบอ้าว เหงื่อแตกซึม ..เหมือนเคย
“..ทําความเคารพท่านนายพล!! ปฏิบัติ!!!” เสียงครูฝึกดังเบาๆ อยู่ด้านหน้า ผมทําท่าทางเหมือนใครๆ ที่ยืนอยู่อย่างอ่อนแรง และมองท้องฟ้า.. เป็นนกได้คงดี

“มองอะไรอยู่”

“ผมถามว่ามองอะไรอยู่!”
ผมลดระดับสายตาของตัวเองลงมองคนตรงหน้า สติกลับเข้าร่างลางๆ โคตรลาง ออ ..ท่านนายพล
“ครับ?”
“ผมถามว่ามองอะไรอยู่!”
“..ผม มองนก” สัด! ตอนนั้นผมตอบแบบนั้นจริงๆ
“งั้นผมอนุญาตให้มองนกต่อไป ซิทอัพร้อยครั้ง ปฏิบัติ!”

ผมทําตาม.. ดี จะได้นั่งมองนก ผมซิทอัพแบบคนไร้ชีวิต.. ไม่สนใจท่านนายพลที่ยืนค้ำหัวด้วยท่าทีฉุนเฉียว เอ๊า สั่งให้ทําก็ทําไง

“คือมันเพิ่งเสียปู่กับย่า ไม่เหลือใคร เลยออกจะ..” ผมได้ยินเสียงครูฝึกกระซิบคุยกับท่านนายพล
“ดูให้มันซิทอัพให้ครบ ครบเมื่อไหร่ ให้มันวิ่งต่ออีกสามสิบรอบ ทราบไหมพลทหาร!!”
“ทราบ..” ผมตอบและซิทอัพต่อไป

บ่ายแก่วันนั้นผมถึงจะจบบททดสอบของท่านนายพล เหนื่อยฉิบหาย อย่าให้กูเป็นนายพลบ้าง กูจะสั่ง สั่ง แล้วก็สั่ง กูทําผิดอะไรวะ ยืนในแถวก็ถูกระเบียบ กูจะมองนกมองหนอนบ้างไม่ได้รึไง!! อารมณ์โกรธเข้าประทับร่างผม นึกสบถด่าท่านนายพลด้วยสารพัดคําด่าที่นึกออก
ผมนอนแผ่ลงบนพื้นสนามหญ้าหน้าหอนอนอย่างหมดแรง ข้าวกลางวันยังไม่ได้กิน.. ผมหลับตาลงด้วยความเหนื่อยหอบ ถึงจะไม่มีใครอยู่เฝ้านับว่าผมวิ่งครบรอบไหม แต่ผมก็ซื่อสัตย์พอที่จะวิ่งให้ครบ แถมได้ปล่อยใจให้ลอยล่องไปกลับมวลสสารรอบตัว..
“ไปกินข้าวซะไอ้คิว” ผมลืมตามองครูฝึก ถ้าลืมภาพครูฝึกจอมโหด เอาแต่ทําเสียงเข้มๆ สั่งแล้วก็สั่ง จ่าเอกแม่งก็คือ ลุงจ่าผู้ใจดี ตาหยี ผิวสีเข้มเพราะตากแดดในประเทศเขตศูนย์สูตรมานาน
“ข้าวยังมีเหรอจ่า”
“เออ นายบอกอย่าให้มึงอด”
“นาย?”
“เออ ท่านนายพลพละที่มึงยืนมึนกวนตีนมองนกตอนนายมาตรวจแถว”
“ออ”
“ไอ้เหี้ยเอ๊ย นานๆ ทีจะมีคนใหญ่คนโตผ่านมา มึงก็เสือกทําตัวเป็นจุดเด่น ดีเท่าไหร่ที่เป็นนายคนนี้ ถ้าเป็นคนอื่น กูว่ามึงโดนสั่งขังลืมแน่”
“ก็ดีนะ”
“มึงยังวิ่งไม่พอใช่ม่ะ”
“พอแล้ว เหนื่อยจะตายจ่า”
“ลุก แม่ครัวเขาเก็บข้าวไว้ให้แล้ว”
“...”
“ออ พรุ่งนี้ไปรายงานตัวที่บ้านท่านนายพลด้วย”
“??” ผมมองหน้าจ่า
“เออ นายบอกให้มึงไปเป็นทหารรับใช้ที่บ้าน ในค่ายนี่แหละ”
“ไม่ไปได้ป่ะ อยากอยู่ฝึกกับจ่ามากกว่า”
“มึงไม่มีสิทธิ์เลือกโว้ย”
“...”
“อีกอย่างนะ ถ้าเป็นนายคนนี้ มึงเชื่อกู อนาคตมึงสดใสแน่”

..โคตรสดใส

ผมโดนกวนตีนตั้งแต่วันแรกที่มาถึง ไอ้งานบ้านงานออกแรงโดยคุณนายท่านนายพล ผมโอเคหมด คุณนายก็ดูใจดี ไม่จู้จี้จุกจิก ส่วนท่านนายพลที่ผมยังไม่เจอ ก็คงไม่เท่าไหร่ อย่างมากก็สั่งลงโทษตามอารมณ์ แต่ไอ้คุณชายอาร์นี่สิที่รับมือยาก ผมเจอคุณเขาตอนเช้า ไอ้คุณชายกําลังจะออกจากบ้านไปเรียน ดูได้จากเครื่องแบบเชิ้ตขาวสะอาดตาที่ถูกสอดไว้ในกางเกงสแล็กสีดําขลับ มีกระเป๋าถือใบเขื่องอยู่ที่มือและไอแพดที่ถือแยกต่างหาก ไม่กลัวร่วงรึไงวะ หรือแค่อยากถืออวด ส่วนผมก็เครื่องแบบประจํากาย เสื้อยืดคอกลมสีเขียวขี้ม้า กางเกงลายพราง พร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าหนึ่งใบ
“คนใหม่?”
“อืม” ผมตอบด้วยเสียงในลําคอ ทําหน้ากวนประสาทใส่ไอ้คนที่ทําหน้ากวนตีนใส่ก่อน
“พี่เขาชื่อคิว เรียกพี่คิวสิอาร์”
“เป็นญาติกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมอยากจะบีบปากสีชมพูที่กําลังเคี้ยวหมากฝรั่งอยู่ ผมเดินเข้าไปใกล้หน้าไอ้คนตัวเตี้ยกว่านิดหน่อย และก้มหน้ากระซิบที่หูบาง
“ก็ไม่ได้อยากมีมึงเป็นญาติเหมือนกันป่ะ” ผมถอยหน้ามามองไอ้คนสําอางค์ ปากแม่งก็ยังเคี้ยวหมากตุ้ยๆ
“หึ” มันไม่เถียงต่อ แล้วก็เดินออกจากบ้านไป
“อย่าไปถืออาร์เขานะ เขาเป็นคนแบบนี้แหละ แต่จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก” คุณนายยิ้มมีเมตตาใส่ผม ผมก็เลยปั้นหน้ายิ้มตอบ เอาวะ อย่างน้อยก็มีคนดีๆ อยู่บ้าง คงไม่มีอะไรแย่ไปมากกว่านี้แล้ว

“มึงเลือกเอา มึงจะอยู่เป็นพลทหารรับใช้กูไปอย่างนี้ พอถึงเวลา มึงก็ออกไปมีชีวิตของตัวเองข้างนอกนู้น หรือว่ามึงจะ.. เป็นทหารเต็มตัว อุทิศทั้งชีวิตที่เหลือให้กับชาติ ให้กับพี่น้องร่วมประเทศ”
“...”
“กูกล้ารับรองกับมึงเลย ว่าถ้ามึงอึดมากพอ มึงไปได้ไกลแน่นอน”
นายถามผมในคืนวันนึงที่สนามหญ้าหน้าบ้านหลังมื้ออาหารเย็น นายยืนเป่าควันบุหรี่จางลอยไปบนอากาศ ส่วนผมก็ยืนกุมเป้าของตัวเองนิ่ง ตั้งใจฟัง ในหัวก็คิดตาม ไม่มีอะไรจะเสีย ชีวิตนี้ที่ไม่เหลือใครแล้ว.. ผมตอบตกลงนาย นายยิ้มและตบบ่าผมอย่างลงน้ำหนัก “กูว่าแล้วว่ามึงใจเด็ด” นายหัวเราะชอบใจ ในขณะที่ผมรู้สึกหนาวสันหลังแปลกๆ
 
“ไหวไหม! ผมถามว่าไหวไหม!! ตอบ!!!!”
“ไหวครับ / ไหวครับ!”
“ผมไม่ได้ยิน!!!!”
“ไหวครับ!! / ไหวครับ!!! / ไหวครับ!!!”
“ดี กอดคอลุกนั่งสามสิบยก!! ปฎิบัติ!!!”
หลังจากวันนั้น ผมก็ต้องเข้ารับการฝึกหนัก หนักจนผมท้อ แต่ไม่เคยคิดถอย ฟินสัดๆ ไอ้การทรมานร่างกายแบบนี้ ยอมรับจากใจว่าตอนฝึกอยากจะเข้าไปกระชากคอครูฝึกที่ไม่ใช่ใครอื่น ก็จ่าเอกคนดี แต่แม่งไม่ปรานีเท่ากับตอนฝึกทหารเกณฑ์ ใช่! อ่านถูกแล้ว เพราะตอนเป็นครูฝึกกองกําลังพิเศษ ลุงแกจะเหี้ยมเป็นสิบเท่า ทุกคนที่เข้ามาฝึกจะต้องแกร่ง อดทน เพื่อให้ผ่านบททดสอบสุดท้ายในการคัดเลือกเข้ากองกําลังพิเศษที่นายคาดหวังให้ผมได้สังกัด วิธีการคัดเลือกเป็นความลับ ผลของการคัดเลือกก็ลับเช่นกัน และในท้ายที่สุด ผมก็ผ่านการคัดตัว.. ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าไอ้ที่โดนฝึกมามันจะต้องเอาไปใช้ตอนไหน แต่สําหรับผม แค่ได้บู๊ล้างผลาญ ยิงลูกกระสุนอัดใส่คนร้าย ..แม่งก็โครตสนุกแล้ว แต่นั่นก็หลังจากเวลาผ่านไปเป็นปีๆ ที่นายผลักดันผมให้ผมฝึกๆ เรียนๆ แทบปางตาย ไหนจะมีคุณนายที่ทั้งใช้ ทั้งสอนสกิลในการดูแลบ้าน ทําอาหาร ทําครัว ทําสวน ทั้งที่ตัวผมแทบจะแตกสลายหลังกลับจากการฝึกต่อเนื่องหลายวัน แต่ผมก็มีความสุขมาก แถมยังรู้สึกได้ว่าท่านทั้งคู่เอ็นดูและเมตตาผมอย่างมาก ต่างจากเด็กเวรที่ทําหน้ากวนบาทาเบอร์สิบจุดห้าของผมอย่างคุณชายอาร์ ว่าที่คุณหมอที่โคตรเย็นชาประจำบ้าน ที่เอาแต่ตั้งป้อมมองตาขวาง พูดจามะนาวไม่มีนํ้า สัมมาคารวะไม่ต้องพูดถึง ผมรู้หลังจากอยู่ในบ้านนายราวครึ่งปีว่าคุณอาร์เรียนเป็นหมอทหาร เรียนแบบกล้ำกลืนฝืนเรียน เพราะจริงๆ นายอยากให้เป็นทหารไม่ใช่หมอ ส่วนคุณอาร์อยากเป็นหมอไม่ใช่ทหาร สองพ่อลูกเลยไม่ค่อยจะลงรอย ดีที่มีคุณนายคอยเป็นกาวผสาน แต่เมื่อนายมีผมเข้ามาร่วมบ้าน ผมนี่แหละเลยกลายเป็นลูกรักคนใหม่ของนาย เป็นผู้สืบทอดเจตจํานงแห่งไฟหยั่งกับเป็นว่าที่โฮคาเงะรุ่นต่อไปของหมู่บ้านโคโนฮะ ..สมน้ำหน้าไอ้คุณอาร์มัน ..ออกจากหมู่บ้านไปซะอุจิวะ ซาสึเกะ!!

“ฝากดูบ้านด้วยนะไอ้คิว”
“ครับนาย”
“อยู่กันดีๆ นะ ฝากดูแลอาร์ด้วยนะคิว”
“ครับคุณนาย”
เช้านี้นายกับคุณนายต้องไปงานต่างจังหวัด ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผมจะต้องอยู่แค่กับไอ้คุณชายอาร์เพียงสองคน สนุกล่ะสิ ผมทำงานบ้านทุกอย่างเรียบร้อยและไปหาจ่าเอก แล้วก็เจอเพื่อนๆ พลทหารหาญที่ไม่กลับบ้านในวันหยุด พวกเรานัดกันไปก๊งกันร้านเจ๊จุ๊บ ไม่เมาไม่เลิก จะยาดอง เหล้าขาว เหล้านอก จัดให้หนัก

..สมใจ ผมเมาเละ แต่ก็ยังดูแลตัวเองได้ ผมเดินสะโหลสะเหลกลับไปที่บ้านของนาย ไฟในบ้านเปิดอยู่ ..คงเป็นไอ้คุณอาร์ ผมเดินเข้าไปในตัวบ้านหลังผ่านสนามหญ้าขนาดย่อมที่ผมเพิ่งเล็มเมื่อเช้า

..ไอ้คุณชายนอนฟุบหน้าคว่ำอยู่ที่พื้น!!

ผมช็อก!! แทบจะสร่างเมาในทันที ผมรีบเข้าไปจับหน้าคุณชายให้หงายขึ้น แม่งจะตายไหม “คุณอาร์! คุณอาร์!!” ผมพยายามทั้งเขย่าตัว ตบหน้า ฉิบหายแล้วกู!! แม่งเอ๊ยเรียนหมอแต่เสือกมาตายง่ายๆ แถมตายในเวลาที่นายกับคุณนายไม่อยู่ กูเต็มๆ! ได้โดนขังไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!!
ผมก้มหน้าลงเพื่อฟังเสียงหัวใจ และรับสัมผัสลมหายใจของคนสลบ ..ยังหายใจอยู่ ทําซีพีอาร์อาจจะทัน แต่ที่มันแหม่งๆ คือกลิ่นละมุดที่ฉุนสะดุดจมูก โธ่เอ๊ย แม่งแค่เมาจนสลบ เผลอๆ จะจัดหนักยิ่งกว่าผมอีก หึ พอพ่อแม่ไม่อยู่ล่ะปล่อยตัวเลยนะหมอ
ผมประคองปีกของไอ้คนตัวหนาขึ้น ถ้าปล่อยให้นอนนี่ก็คงโคตรแล้งนํ้าใจ ผมพาไอ้คุณอาร์ขึ้นบันไดอย่างยากลําบากเพราะทางไม่ได้กว้างขวางพอให้คนสองคนที่ไหล่กว้างตามสัดส่วนความสูงร้อยเจ็ดสิบกว่าเดินขึ้นได้พร้อมกัน พอถึงชานพักบันได ผมเลยจัดการเอาไอ้คุณอาร์ขึ้นพาดบ่า พอถึงเตียงนอนคุณเขา ผมก็ทิ้งแม่งโครมลงบนเตียงนุ่ม
“..อือออออ” แม่งครางทั้งที่ยังหลับตาสนิท แถมทําท่ารําคาญเสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ เอามือป่ายหน้าป่ายคอ ..คงร้อน เฮ้อ ผมมันก็คนจิตใจดี เลยเดินเข้าห้องนํ้า หาผ้าขนหนูมาชุบนํ้าเอาไปเช็ดตัวให้แม่ง ไอ้เรามันก็เมา ความกรึ่มย้วยกลับเข้าร่างทันทีที่รู้ว่าไอ้คนตัวขาวมันแค่เมาไม่ได้ตาย
..ผมนั่งคร่อมบนร่างไร้สติและปลดกระดุมเสื้อของคุณอาร์ออก คุณเขาให้ความร่วมมือดี ลุกขึ้นนั่งให้ผมถอดออกง่ายๆ ถึงจะทิ้งนํ้าหนักทั้งตัวทั้งหัวใหญ่ๆ กองไว้ที่บ่าของผมก็เถอะ ..กลิ่นเหงื่อผสมกลิ่นเหล้าหอมฉิบ ..น่าดม ผมถือโอกาสดมเข้าที่คอเปลือยของไอ้คุณอาร์ ผมเห็นไรขนอ่อนๆ ที่พากันตั้งชี้เด่ คุณเขาขนลุก.. โคตรน่าแกล้ง กวนตีนกูดีนัก ผมขบเข้าที่บ่าของคุณอาร์ ..รสชาติดี หลังจากที่ถอดเสื้อเสร็จ ผมก็ประคองใบหน้าหนักขึ้นมองระยะประชิด คิดด้วยสติอันเลือนลางว่าจะจับวางลงบนหมอน แต่เคยได้ยินใช่ไหม เวลาเมา ทุกอย่างแม่งจะสโลว์เป็นสล็อต ยังไม่ทันที่จะทําอย่างที่คิด ..คุณอาร์มันลืมตา! เปลือกตาค่อยๆ กะพริบเปิด ตาแม่งโคตรหวานเยิ้ม เนื้อหน้าแม่งโคตรนิ่ม ปากก็ชวน..จูบ ผมกดนํ้าหนักริมฝีปากของตัวเองบนปากของคุณอาร์ทันที สติสุดท้ายขาดออก ไม่ไหว ไม่ทน! แล้วแทนที่ไอ้ร่างอ่อนมันจะต่อต้าน เปล่า! คุณอาร์จูบกลับ!!! เราจูบดูดดื่มกันอย่างกับแม่เหล็กขั้วบวกขั้วลบที่มีแต่แรงดึงเข้าหากัน ความร้อนแรงน่าจะเท่าไฟไหม้ป่าในทุ่งหญ้าแห้งหน้าหนาว แล้วลองถ้าไฟมันติดขึ้นมาแล้ว อย่าหวังว่ามันจะดับได้ง่ายๆ และยิ่งถ้าโดนลมพัดโหม ต่อให้เกณฑ์รถดับเพลิงมาทั้งจังหวัดก็เอาไม่อยู่ ผมกับคุณอาร์กอดรัดกันนัว คุณอาร์ช่วยผมถอดเสื้อที่ขวางกั้นอารมณ์ แม้แต่กางเกงยีนส์ที่โคตรแน่นก็ถูกปลดปลิวออกจากร่างของทั้งผมทั้งคุณอาร์อย่างไว อย่างกับว่าถ้าช้าไปเสี้ยววิจะตกรถไฟเหาะขบวนก่อนสวนสนุกปิด ในหัวไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ..แค่ปล่อยให้สัญชาตญาณมันทํางานไป

………….

..ผมตื่นขึ้นมาพบตัวเองอยู่ในสภาพที่เปลือยเปล่ามีแค่ผ้าขนหนูผืนบางวางพาดอยู่กลางลําตัว ปวดร้าวฉิบ! พอมองไปรอบๆ ห้อง ก็โคตรไม่คุ้นตา จนสะดุดเข้ากับแผ่นหลังของร่างขาวเนื้อนวลที่นอนเป็นเงาย้อนแสงสว่างจากหน้าต่าง ..ใครวะ? ฤทธิ์นํ้าหมักทําผมปวดหัวตึ๊บ อยากจะคิดให้ออก แต่ก็ขี้เกียจคิด ผมมองไปบนเพดานขาว แล้วหลับตาลง.. เมื่อคืนโคตรรู้สึกดี.. โล่งสบาย ผมลืมตาและหันมองร่างที่นอนหายใจสมํ่าเสมออยู่ข้างตัว ..ทําไมแม่งได้อยู่ในผ้าห่มวะ! ผมเลยชันตัวขึ้นมองหน้าด้านข้างของไอ้คนขี้เซา ฉิบหายยยยยย คุณอาร์!! ผมรีบถดตัวถอยหนีจนเกือบหล่นจากเตียง
“..มึง” เสียงเบาๆ ดังมาจากคุณอาร์ หัวใจผมเต้นแรงโครมคราม ลุ้นจนเหงื่อแตก อะไรวะ! แม่งจะพูดอะไรต่อวะ จะเอาเรื่องกูรึเปล่า ตายแน่กู!!

“..มึงต้องไม่บอกพ่อกู”
“...” บอกให้โง่หรอครับ! ผมพยักหน้ารับคํา ถึงคุณอาร์จะไม่หันมามอง

“..กูหิวข้าวแล้ว”
“ผะ.. ผมจะไปทํามาให้”

“..แล้วก็ทําความสะอาดเตียงกูด้วย”
“ครับ” ผมขยับลุกลงจากเตียง ยืนมันทั้งเปลือยๆ นี่แหละ ส่วนคุณอาร์ก็พยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง ..ดูแล้วคงโคตรทรมาน กูทําอะไรลงไปมั่งวะเนี่ย!!
“..คุณอาร์ ..เจ็บมากไหม..ครับ” สุภาพขึ้นมาเลยกู
“เจ็บเหี้ยๆ” คุณอาร์หันมามองผมด้วยหางตา ร่างขาวหนาที่บิดเอี้ยวตัวมาสี่สิบห้าองศา.. กล้ามท้องเป็นลอนกับไรขนอ่อน.. ผมใจเต้นแรง.. ฤทธิ์แอลกอฮอล์แม่งยังไม่หมดแน่ๆ ผมพยายามสะบัดหัวเรียกสติ
“..มึงจะยืนโป๊อีกนานป่ะ”
“ห่ะ.. ครับ ออ เอ่อ..” สติผม!!!
“หึ” คุณอาร์แสยะยิ้มเหยียดใส่ผม “ไม่เคย?”
“!!!”
“อ่อนว่ะ” โอ้โหแม่งโคตรหยาม!!!! ผมปีนกลับขึ้นเตียงทันที อยากจะยอมรับว่า เออ ไม่เคย! ชีวิตหัวโจกของผมมีแค่เรื่องกร่างกวนตีนทะเลาะชกต่อยหาเรื่องอริต่างหมู่บ้าน ส่วนเรื่องสาว.. ก็เกือบๆ จะได้ขึ้นครูหลายที แต่จังหวะแม่งยังไม่ได้ ตังก็ไม่มี ที่ฟรีๆ มาให้ท่าก็ไม่อยาก แต่กับไอ้คนตรงหน้าแม่ง.. คุณอาร์หันตัวมามองผม สายตาโคตรเชิญชวน ผมว่าผมไม่ได้เข้าใจผิด คิดดีไม่ได้แล้วนาทีนี้
“มึงจะทําอะไร”
“จะบอกคุณอาร์ว่าผม.. ไม่อ่อน” คุณอาร์หรี่ตามองผม ยิ้มมุมปาก
“งั้น.. แข็ง?” เท่านั้นแหละ เราก็พุ่งเข้าหากัน คงเป็นเพราะฮอร์โมนวัยหนุ่มฉกรรจ์ ไม่ก็เพราะรสชาติที่ชวนเมามาย หลังจากวันนั้น ผมกับคุณอาร์ก็สร้างโอกาสให้ตัวเองทุกครั้งที่นายกับคุณนายไม่อยู่บ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างเรามันคืออะไร เพราะไม่เคยสนว่ามันต้องเป็นอะไร ผมกับคุณอาร์ไม่เคยคุยกันเรื่องนั้น รู้แค่..กูต้องการเมื่อไหร่ มึงก็ต้องมา..

นี่แหละตัวจริงของหมออาร์ที่โคตรเพอร์เฟค..

..โคตรยั่วยวนกวนอารมณ์

.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
02
- Mission -
.
.   
.
“คุณอาร์ไม่กลับห้องก็ได้นะครับ” ผมถามหลังจากที่ผมทําคุณอาร์เหนื่อยหอบตอบโจทย์การเผาผลาญแคลอรีที่กินเกินมาตลอดวัน
“ไม่ จะกลับ ห้องรกขนาดนี้ อยู่ไม่ลง” คุณอาร์พูดพลางลุกขึ้นสวมเสื้อคลุมลวกๆ ไหล่ขาวข้างนึงเปิดโชว์รอยแดง แรงจะเดินยังไม่มี จะดื้ออะไรขนาดนี้วะ แต่ก็ไม่อยากขัดใจ ผมเลยลุกเดินตามหลัง ถ้าล้มก็จะได้ล้มบนตัวแกร่งๆ ของผม

หลังถูกมอบหมายให้อยู่หน่วยลับ แถมเป็นคู่หูกัน ผมกับคุณอาร์ก็ย้ายออกมาอยู่คอนโดที่มีระบบซีเคียวริตี้สูงในเมืองเพื่อความสะดวกในการปฏิบัติภารกิจ ชั้นบนสุดนี้มีเพียงแค่ห้องของผมกับคุณอาร์ เป็นห้องที่มีลิฟท์ส่วนตัวขึ้นตรงจากลานจอดรถ ไม่มีใครรู้ด้วยซํ้าว่าเราทั้งคู่หน้าตาเป็นยังไง ชื่อที่ระบุว่าเป็นเจ้าของก็เป็นชื่อที่ถูกสร้างขึ้น

คุณอาร์กดปุ่มประตูลับที่ซ่อนอยู่ในสันหนังสือหลอกบนชั้นหนังสือเหนือทีวี กลไกที่ถูกฝังอยู่กลางผนังหนาไม่ส่งเสียงใดๆ ให้ได้ยินตามการออกแบบของผมกับคุณอาร์ ลืมบอกไปว่านอกจากหมออาร์จะฉลาด เก่ง เป็นหมอ คุณเขายังชอบคิดคํานวณตัวเลข ถอดสมการ ส่วนผมน่ะเหรอ ได้วิชาช่าง กลไก อะไหล่มาบ้างจากที่ชอบไปสุมหัวอยู่ร้านซ่อมมอเตอร์ไซต์ของลูกพี่ในหมู่บ้าน ประตูลับระหว่างห้องของเราจึงเกิดขึ้น เพื่ออําพรางความสัมพันธ์ของเราต่อคนภายนอก แต่เหตุผลหลักน่าจะเพราะความสะดวกเมื่อเราเกิดความต้องการในกันและกันมากกว่า คุณอาร์เปิดม่านมีดีไซน์ที่ห้อยระบายอําพรางช่องประตูที่เปิดกว้างได้ราวหนึ่งเมตร และเดินผ่านออกไปยังอีกฝั่งห้อง ผมอยากเดินตามไปนะ แต่ก็อยากให้ความเป็นส่วนตัวกับคุณอาร์ ไม่รู้ว่าตัวเองไปให้ความเกรงใจไอ้คนเด็กกว่าตั้งแต่ตอนไหน มันเป็นความสัมพันธ์ที่ให้คําจํากัดความยาก..

ลูกนาย ก็เท่ากับเจ้านายอีกคน..

..ประตูลับถูกกดปิดจากฝั่งของห้องคุณอาร์ ผมถอนหายใจแรง อยากให้คุณเขานอนหลับอยู่ในอ้อมอกของผมแทนที่จะต้องต่างคนต่างนอน เราลึกซึ้งมาขนาดนี้แล้วจะมาถือตัวอะไรอีก

.
.
.

..คืนนี้
ภารกิจ : ติดตามเป้าหมายที่ผับ xxx

ไม่รู้หรอกว่าทั้งวันคุณอาร์ทําอะไร อาจจะแค่นอนพักทั้งวัน แต่คืนนี้เรามีงานต้องทําด้วยกัน ผมใส่แว่นดําอําพรางใบหน้าลงลิฟท์มาที่จอดรถก่อนจะสวมหมวกกันน็อคเต็มใบและบิดบิ้กไบค์ซีบีอาร์สีดําสนิทออกไป ส่วนคุณอาร์ก็ต้องเป็นซีเอชอาร์ตัวท็อปสีเขียวเมทัลลิครุ่นล่าสุด สีที่โคตรเซ็กซี่
งานของคืนนี้ไม่มีอะไรมาก แค่เฝ้าควานหาเป้าหมายที่ถูกระบุตัวตนว่าเป็นนอมินีของนักค้ายาข้ามชาติที่มากบดานในประเทศ วัตถุประสงค์ของมันก็คือมาส่งของ.. จะว่าไปคดีข้ามชาติใหญ่ๆ ที่มีในประเทศนี้ก็มีอยู่ไม่กี่คดี ค้ายา ค้ามนุษย์ ค้าของเถื่อน ค้าอาวุธ ค้ารถนําเข้า สารพัดค้า อะไรที่ขายแล้วได้เงินง่าย เร็ว เยอะ พวกหัวการค้าก็ทํามันหมดโดยไม่ได้คิดเลยว่าไอ้ที่ขายๆ อยู่มันจะมีผลต่อลูกใครผัวใคร ส่งผลต่อดุลการค้าของประเทศบ้านเกิด หรือทําลายสุขภาพใครถึงตายยังไง เรียกว่าพวกเห็นแก่ตัวก็คงได้ มันต้องลงโทษให้หมด
ผมจอดรถไว้ที่จอดมอเตอร์ไซต์ ไม่อยากยอมรับหรอกนะว่าที่จอดๆ อยู่ทั้งแถบเป็นรถระดับไฮเอนด์ทั้งนั้น แพงกว่าคันของผมด้วย คนที่มาแม่งมีคลาสไม่กระโหลกกะลา ผมวิเคราะห์จากที่เห็น แถมเป็นผับเกย์.. ผมหัวเราะเบาๆ ในลําคอ อืม ดี มาทํางานแต่ก็เหมือนได้มาเที่ยวด้วย เปิดหูเปิดตา..
[เรียกออร์ค.. จะจอดรถอีกนานไหม] เสียงผ่านอุปกรณ์สื่อสารแผ่นบางสีเนื้อเนียนที่แปะอยู่ในหูดังขึ้น ..เสียงคุณอาร์ ส่วน ‘ออร์ค’ ก็ชื่อเรียกผมในการปฏิบัติภารกิจ ส่วนคุณเขาก็ ‘เอลฟ์’ หล่อละมุนคุณชายผมสีเงินยาวสลวยแห่งริเวนเดลล์ สายสมองที่มีท่วงท่าในการรบอันงดงาม ส่วนผมก็สายใช้แรง สมงสมองอาจจะอ่อนด้อยไปบ้าง
“อือ” ผมส่งเพียงเสียงเบาๆ อุปกรณ์อีกตัวที่แปะผสานอยู่ที่ลําคอใต้ปกคอเสื้อแจ็กเกตหนังสีดําก็ส่งคําตอบกลับไปหาคุณอาร์
ผมเดินผ่านเข้าประตูผับไปอย่างช้าๆ แสงสีสาดส่องจากสปอตไลท์ไล่ความมืดตามมุมต่างๆ ที่จงใจเปิดไฟเพียงสลัว เสียงดนตรีสดสากลสไตล์อิเล็กโทรนิกส์โซลกำลังขับกล่อมให้เมามายได้แม้ไม่มีแอลกอฮอล์ ผมเลือกที่นั่งหน้าเคาน์เตอร์เพื่อให้มองพื้นที่ได้โดยทั่ว สั่งมาร์ตินี่กับพนักงาน และหมุนเก้าอี้ที่นั่งอยู่หันตัวออกมองประชากรระดับไฮคลาสที่ยังคงนั่งพูดคุยทําขรึม เก็บอาการ คงเพราะยังหัวคํ่า ระดับสารมึนเมาในเลือดยังไม่มากพอที่จะปลดเปลื้องฟอร์มของตัวเอง
ผมกวาดตามองหาเป้าหมายทันที ขณะที่หัวก็โยกตามจังหวะเพลง และยกแก้วในมือขึ้นจิบ
[เป้าหมายที่สองนาฬิกา]
ผมยกแก้วในมือขึ้นอําพรางรูปปากที่ขยับ “เข้ามาในนี้ทําไมครับ”
[ก็มันน่าเข้ามา]
ผมมองหาตําแหน่งของคุณอาร์ทันที สายตาของผมไม่มีปัญหากับที่มืดเพราะถูกฝึกให้คุ้นเคยกับสถานการณ์เช่นนี้มาแล้ว คุณอาร์นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงตรงโต๊ะกลางร้าน ผมว่ามันเด่นมาก เด่นจนผมรู้สึกไม่ค่อยดี ต่างจากคุณอาร์ที่หยิบกับแกล้มเข้าปากชิลๆ ไม่ยี่หระกับสิ่งรอบตัว ส่วนเป้าหมาย ‘โทนี่ ฉิน’ ชายร่างสูงวัยกลางคนก็กําลังเดินตรงเข้ามา.. ไปที่โต๊ะที่คุณอาร์นั่งอยู่!! ..คงไม่เป็นอย่างที่คิด

[สวัสดีครับ] เสียงของโทนี่ ฉินดังขึ้นในหูของผม
[ครับ]
[มาคนเดียวเหรอครับ]
[ครับ]
[ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับ] คุณอาร์ยิ้มแทนคําตอบ
[คุณเป็นชาวต่างชาติ?]
[ใช่ครับ คุณดูออก?]
[..ก็ ถึงคุณจะพูดได้ชัด แต่สําเนียงมันเปลี่ยนกันไม่ได้ คุณคงไม่ได้แค่มาเที่ยว?]
[??? หมายความว่าไงครับ]
[ก็หมายความว่าคุณมาทํางานที่ประเทศนี้ คุณเลยต้องเรียนรู้ภาษา ไม่ถูกเหรอครับ?]
โทนี่ ฉิน ยกแก้วในมือขึ้นดื่ม [ผมชอบคุณจัง]
[ทําไมถึงชอบล่ะครับ]
[ก็คุณวิเคราะห์ผมออกแค่จากภาษาที่พูด]
[ผมว่ามันไม่ได้ยากอะไรนะครับ ใครๆ ก็คิดได้] คุณอาร์ยิ้มมุมปากใส่โทนี่ ฉิน
[งั้น.. บอกผมที ว่าผมทําอาชีพอะไร]
[ถ้าตัวคุณเองยังไม่รู้แล้วผมจะรู้เหรอครับ]
โทนี่ ฉิน หลุดหัวเราะเสียงดัง [ตอนแรกแค่คิดว่าคุณหน้าตาดี หุ่นดี แต่ตอนนี้ผมว่าคุณน่าสนใจมากกว่านั้น] มันทําหน้ายิ้มหยอกใส่คุณอาร์ แถมยังเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ มึงตายแน่! คุณอาร์ของผมไม่ได้เป็นคนง่ายๆ แบบใครๆ ออกจะหวงเนื้อหวงตัวมาก ..แต่คุณอาร์กลับขยับหน้าเข้าใกล้มัน!! สายตาคู่หวานกําลังมองตอบโต้ดวงตาหยีอย่างยั่วยวน แถมยังอยู่ในมุมล่อแหลม ปากแทบจะชนกัน!! ผมกําหมัดแน่นไม่รู้ตัว
[ผมน่าสนใจขนาดไหนเหรอครับ]
[ก็มากพอให้เราควรจะรู้จักกันมากกว่าแค่วันไนท์สแตนด์]
!!!!!!
คุณอาร์ถอยหน้าห่างออกมาเล็กน้อย และยกแก้วในมือขึ้นจิบ [แต่ก็ต้องดูก่อนนะครับ ว่าคุณน่าสนใจสําหรับผมรึเปล่า]
[...]
!!!!!!
[ผมไปห้องนํ้าก่อนนะครับ]
[...]
คุณอาร์วางแก้วลงบนโต๊ะและลุกเดินไปห้องนํ้าที่หลบมุมอยู่ในซอกมืด โทนี่ ฉินเดินตามคุณอาร์ไป
“เอลฟ์ มันตามไป” ผมรายงานคุณอาร์
[...]
คุณอาร์ไม่ตอบ ผมหงุดหงิด ..แต่ก็รู้ดีว่ามันเป็นงาน

[...]
[...]
เสียงสัมผัสดูดดื่มดังขึ้นในหู ไม่บอกก็รู้ว่ามันคือเสียงอะไร ผมกระดกมาร์ตินีในมือก่อนจะลุกขึ้นเดินไปห้องนํ้า ภาพที่เห็นเป็นไปอย่างที่คิด โทนี่ ฉินกําลังจูบกับคุณอาร์ที่ยืนติดผนัง มือของคุณอาร์ประคองที่ลําคอของมัน เหมือนจงใจให้มันกดฝังสัมผัสให้ลึก คุณอาร์มองผมที่หยุดยืนอยู่ห่างเพียงสามก้าว ..ผมทนไม่ไหว! สาวเท้าจะเข้าไปกระชากไอ้เป้าหมายหน้าหื่น
[หยุด.. แค่นี้ก่อนดีกว่าครับ] คุณอาร์พูดกับโทนี่ ฉิน พร้อมกับดันตัวมันออก แต่คําว่า ‘หยุด..’ ผมรู้ดีว่ามันเป็นคําสั่งถึงผมมากกว่าจะบอกไอ้โทนี่  ผมเลยเดินเนียนไปเข้าห้องนํ้า เพราะไม่อยากให้ผิดสังเกต แต่ใจผมกลับกําลังว้าวุ่น
[ทําไม?]
[ผมไม่ชอบที่สาธารณะ มันไม่ส่วนตัวพอ] คุณอาร์บอกมันทั้งที่เสียงสั่น ยิ่งเครื่องมือดีแค่ไหนผมก็ยิ่งฟังนํ้าเสียงของคุณอาร์ได้ชัดเจน โกรธ! ผมโกรธที่ไอ้บ้านั่นทําให้คุณอาร์เหนื่อยหอบ หรือว่าผมกลัว.. กลัวคุณอาร์จะอ่อนไหวไปกับรสชาติของมัน
[งั้นเราไปต่อ..]
[ถ้าผมไปง่ายๆ ผมก็ไม่น่าสนใจสิครับ]
[????]
[ไว้เจอกันใหม่นะครับ]
[งั้นผมขอเบอร์..]
[ไม่จําเป็นหรอกครับ ยังไงเราก็ต้องได้เจอกันแน่ๆ]
[????]
[..ผมเชื่อในเดสทินี่]
[..ผมก็เหมือนกัน]
.

[ออร์คกลับรัง] เสียงของคุณอาร์ดังขึ้นอีกครั้ง ผมเดินอ้อยอิ่งกลับมาที่โต๊ะ นั่งขรึมมองโทนี่ ฉิน อีกสักพัก ภาพที่เห็นเมื่อกี้ยังอยู่ในหัว อารมณ์คุกรุ่น อยากเข้าไปชกหน้ามันให้เสียรูป แต่ก็รู้ว่าทําไม่ได้ ผมดื่มอีกแก้วก่อนจะเดินออกจากร้าน ขับมอเตอร์ไซต์คันใหญ่กลับรัง

ผมขึ้นมาบนห้องของตัวเอง ทิ้งสัมภาระลงบนโซฟาอย่างลวกๆ และเดินไปกดปุ่มเปิดประตูลับที่เชื่อมห้องของผมกับคุณอาร์
ผมมองไปทั่วห้อง ไม่เห็นคุณอาร์ แต่ได้ยินเสียงฝักบัว ..คงอยู่ในห้องนํ้า ผมเดินกลับหลังไปหาที่นั่งรอ ไม่ค่อยได้เข้ามาห้องนี้บ่อยนัก เพราะเกรงใจคุณอาร์ ห้องทั้งห้องมีแต่สีขาวสะอาด แม้จะเปิดไฟไม่ทั้งหมด แต่การตกแต่งก็ดูเรียบง่ายสะอาดตาต่างจากความรกของห้องผม

!!!!!!!!!!

จู่ๆ เสียงสไลด์ปืน CZ 75 ดังขึ้นจากด้านหลัง ผมค่อยๆ หันหลังกลับมองคนร่างขาวที่ห่อตัวไว้เพียงผ้าขนหนูผืนสั้นใต้ขอบเอว
“เข้ามาทําไม”
“...” ผมไม่มีคําตอบให้คุณอาร์ ไม่รู้จะตอบว่าอะไร
“กูถามว่าเข้ามาทําไม”
“...” ผมอาศัยความเร็วจับเข้าที่ข้อมือของคุณอาร์ที่ถือกระชับด้านปืน ก่อนดันมันขึ้นส่องเพดานแทนที่จะชี้มาทางผม และออกแรงดันคุณอาร์เข้าพิงกับกําแพงเปลือยเปล่า คุณอาร์ไม่ได้มีสีหน้าตกใจอะไร ผมมองตาคุณอาร์นิ่ง มองปากอวบที่เมื่อกี้โดนไอ้โทนี่มันจูบ
“เป็นบ้าอะไ…!” เสียงของคุณอาร์เงียบหายไปทันที คุณอาร์พยายามขัดขืนในตอนแรก แต่ก็สู้แรงของผมไม่ได้ ผมกระหนํ่าแรงบดอยู่นานจนในที่สุดคุณเขาเริ่มอ่อนโอน ปืนในมือแทบหลุดหล่น ดีที่ผมคว้าและรับไว้ได้ทันก่อนจะเสียบมันไว้ที่ขอบของกางเกง เราสองคนเริ่มเหนื่อยหอบ ผมจึงยอมหยุดและถอนหน้าออกห่าง
“ทําไมคุณอาร์ทําแบบนั้น..”
“ก็งานไหมวะ”
“แต่ถ้าคุณอาร์โดนมัน..”
“แล้วจะทําไม”
“...”
“...”
“ผมจะตอบคําถามของนายไม่ได้ ว่าทําไมถึงปล่อยให้คุณอาร์โดนแบบนั้น” ผมเบือนหน้าหลบสายตาของคุณอาร์ ถามความรู้สึกของตัวเองว่าคิดแค่นั้นจริงๆ ใช่ไหม คุณอาร์อาศัยจังหวะผมเผลอคว้าปืนที่ผมเหน็บไว้ และส่องมันมาที่ผมในระยะประชิด
“ถ้าเป็นเพราะพ่อกู มึงไม่ต้องห่วง กูดูแลตัวเองได้ เหมือนที่กําลังทําอยู่..”
“...” ผมมองหน้าคุณอาร์
“ออกไปได้แล้ว กูจะนอน”
“..ครับ” ผมเดินออกประตูลับกลับสู่ห้องของตัวเอง ไม่อยากขัดคําสั่งของคุณอาร์ แต่แม่งทําไมอารมณ์มันถึงค้างคาขนาดนี้ ผมพูดอะไรผิด หรือผมผิดที่พูดออกไปแบบนั้น.. จะให้พูดได้ยังไงว่าผมหวง.. หวงเกินกว่าเพราะความเป็นลูกของนาย..

“เตรียมตัวให้พร้อม เป้าหมายมีการเคลื่อนไหว” คุณอาร์ตะโกนบอกผม อย่างน้อยเราก็ยังมีความสัมพันธ์กันเพราะงานที่เชื่อมเราไว้

[มันมุ่งหน้าไปที่อู่ต่อเรือร้าง]
“...” เสียงคุณอาร์ดังอยู่ในหู เวลาของคืนนี้ยังคงดําเนินต่อไป ผมออกจากคอนโดทันทีหลังจากที่เครื่องติดตามตัวโทนี่ ฉินที่คุณอาร์ลงทุนแลกด้วยจูบเพื่อเข้าประชิดตัวมันส่งสัญญาณบอก
[ถ้าพวกมันจะแลกเปลี่ยนของกันคืนนี้ สายน่าจะระแคะระคายบ้าง]
“รายงานเบื้องบน ขอทีมจับกุม”
[ไม่ได้ เร็วไป ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา ได้ซวยกันหมด]
“...” ผมยังคงบิดบิ๊กไบค์ไปตามท้องถนน ขณะที่หูก็ฟังข้อมูลจากทางคุณอาร์ สองฝั่งถนนมืดสลัวเพราะเสาไฟที่ตั้งอยู่ห่างกัน และเพราะไม่ใช่ย่านที่อยู่อาศัยถึงจะได้มีไฟสว่างจากตัวบ้านที่เปิดทิ้งไว้
[เลี้ยวซ้ายหน้าแล้วดับเครื่อง] ผมชะลอรถและทําตามที่คุณอาร์บอก
[เดินตรงต่อห้าร้อยเมตร เป้าหมายอยู่ที่หลังโกดังสี่ ไม่รู้จํานวนคน]
..ไม่น่าแปลกใจ ร้างขนาดนี้ กล้องวงจรปิดคงไม่มีให้แฮก ไม่งั้นข้อมูลจากทางคุณอาร์คงละเอียดยิบ
ผมเดินด้วยความเบาเท่าเท้าแมว บรรยากาศรอบตัวเงียบสงัด แม้แต่เสียงลมพัดไหวก็ไม่มี ส่วนความมืดก็ทาทาบอยู่รอบตัว ไฟสลัวติดๆ ดับๆ กะพริบอยู่ตามทาง ขณะที่ผมก็อําพรางตัวตามเงาที่แสงส่องไม่ถึง อีกไม่เกินยี่สิบเมตรจะถึงเป้าหมาย ผมระวังตัวเองมากขึ้น เกาะกุมอาวุธคู่ใจในมือกระชับ ศัตรูพร้อมปรากฎตัวได้ตลอดเวลาไม่ว่าจะฝ่ายไหนก็เห็นผมเป็นเป้าซ้อมยิงแน่ๆ คุณอาร์เงียบเสียงไปเพราะต้องการให้ผมโฟกัสอยู่กับสถานการณ์รอบตัวมากกว่า
“...” ผมได้ยินเสียงแว่วดังขึ้น ใกล้แล้วสินะ ผมแอบอยู่ที่ด้านหลังของประตูไม้เก่าๆ บานหนึ่ง ไม่ใกล้ แต่ก็ไม่ไกล พอให้ได้ยินบทสนทนาของกลุ่มคนตรงหน้า พวกมันมากันสองกลุ่ม แต่ละฝ่ายมีคนไม่ตํ่ากว่าห้า แต่นั่นไม่นับกองหนุนที่คงวางกําลังอยู่โดยรอบบริเวณ นั่นทําให้ผมยิ่งต้องระวัง
“เอลฟ์ มันมาสองกลุ่ม จํานวนไม่ตํ่ากว่ายี่สิบ”
[ทราบ]
.
[หวังว่าวันนี้ผมจะมาไม่เสียเที่ยว]
[แน่นอน ล็อตนี้เราคัดมาอย่างดี หัวเชื้อเกรดพรีเมี่ยม]
[ขอชม]
.
[แจ้งเบื้องบนเรียบร้อย กําลังเสริมจะตามไป] คุณอาร์บอกผม
.
[เยี่ยม ประทับใจ นี่คือส่วนของคุณ]
[..ไม่เท่ากับที่ตกลงกันไว้]
[หมายความว่าไง!]
[หัวเชื้อก็อีกราคานึง จําไม่ได้?]
[งั้นวันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่อง]
[ก็คงเป็นอย่างนั้น แต่คุณก็คงรู้นะ ว่าถ้ากลับไปมือเปล่า นายใหญ่คุณคงไม่ยอม]
[ยังไงก็เป็นนายของผม ได้ของช้าสักนิด นายคงเข้าใจ]
[..งั้นก็ตามใจ คืนนี้ผมเสียเวลามาแล้ว ก็ขอค่าเสียเวลาเพิ่มในการเจอกันคราวหน้าด้วย]
[หึ ไม่ยอมเสียโอกาสสมกับเป็นคุณฉิน]
[ก็นี่มันการค้า ทําอะไรก็ต้องมีค่าใช้จ่าย]
[งั้นผมขอคุยกับนายก่อน]
[เชิญ]
.
..ดี พวกมันยังเวิ่นเว้อกันอยู่ กําลังเสริมคงมาทัน ถึงไม่ทัน อย่างน้อยก็ต้องจับหัวของพวกมันให้ได้ โดยเฉพาะโทนี่ ฉิน
.
[นายบอกโอเค คราวหน้ามีค่าเสียเวลาให้คุณแน่นอน แล้วเราจะติดต่อไป]
[ยินดีครับ]
.
พวกมันทําท่าจะแยกย้ายกลับขึ้นรถที่จอดอยู่ห่างออกไป ผมต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อถ่วงเวลารอกำลังเสริม แต่จู่ๆ ก็มีเสียงรองเท้าดังขึ้นที่ด้านหลัง ..คงไม่ต้องลงมือสร้างสถานการณ์อะไรแล้ว เพราะพวกของมันรู้ตัวแล้วว่าผมอยู่ตรงนี้ ผมยังยืนนิ่ง เพียงแค่เหลือบตามองไปทางด้านหลัง ..มันมาแค่หนึ่ง ..เอาให้หลับก็จบ
“เห้ยมึง! ยืนทำไรตรงนี้วะ”
หึ ส่งเสียงร้องถามตามสไตล์ผู้ร้ายยังไม่ผ่านโปร แค่เห็นกูยืนลับๆ ล่อๆ ขนาดนี้ก็น่าจะคิดเองได้ว่ากูยืนทำอะไร
.
[ออร์ค เคลียร์แบบเงียบๆ]
.
ผมหันหลังเผชิญหน้า ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าหาไอ้บุรุษชุดดำพร้อมกับแจกยิ้มหวานให้ถึงแม้ว่ามันจะชูลำปืนขึ้นชี้หน้า ..เอลฟ์ของานเงียบ ถ้าปืนมันลั่น พวกได้แห่มาเป็นฝูง แต่ระยะห่างระหว่างผมกับมันตอนนี้อยู่ที่สามเมตร ไม่มีทางที่จะเข้าประชิดตัวมันก่อนที่มันจะลั่นไกได้ คงมีวิธีเดียว.. ผมวิ่งหลบฉากออกทางขวาที่เป็นตรอกมืดทันที มันเองก็คงไม่คิดว่าผมจะชิ่งหนี ตอนนี้ผมขอแค่ร่นระยะห่างและสร้างโอกาสในการต่อสู้ ผมคิดถูกที่วิ่งเข้ามาในตรอกเก็บอุปกรณ์ข้างโรงต่อเรือ มันมืดสลัวกว่าทางหลักและเป็นทางตัน!! ผมยืนพิงกำแพงมืดเพื่ออำพราง มันวิ่งตามเข้ามาแบบไม่ทันระวังตัว อาวุธในมือของมันถูกปัดทิ้งลงพื้นทันทีที่ผมล็อคตัวมันจากด้านหลัง ถึงขนาดร่างกายจะสูสี แต่ถ้าเทียบความแกร่ง ไอ้หนูนี่ยังห่างชั้นนัก ผมออกแรงแขนที่โอบรอบคอมัน กดให้โดนจุดตามศาสตร์ที่เรียนมา เพียงเสี้ยววิมันก็สลบลงนอนแน่นิ่งกับพื้น ..เสร็จไปหนึ่งอย่างสวยงาม แต่ยังไม่ทันที่ผมจะทันตั้งตัว ก็มีกล้ามแขนเส้นเลือดปูดโปนรัดเข้าที่คอของผม ..หายใจแทบไม่ออก!!! สองแขนของผมเกาะเกี่ยวกับแขนของมัน ก่อนจะใช้ส้นเท้าขวากระแทกเข้ากับกระดูกหน้าแข้งของมันพร้อมกับก้มโค้งเพื่อเพิ่มแรงส่งงัดร่างของมันให้ตีลังกาหงายไปพร้อมกันกับผม คอของผมหลุดจากการจับกุมทันที ผมทิ้งน้ำหนักตัวลงทับร่างของมัน เสียงโอดเพราะความจุกเจ็บดังครวญ จบไปอีกหนึ่ง.. แต่ขณะที่ผมกำลังจะลุกขึ้น กลับมีรองเท้าบูทขนาดใหญ่ยกขึ้นจะเหยียบเข้าที่อกของผม ผมรีบพลิกตัวกลิ้งไปด้านข้าง ..น่าสงสารไอ้ร่างยักษ์พวกของมันที่โดนเหยียบแทน ไอ้จอมเหยียบยังคงไล่เดินเข้าหาร่างของผมไม่ลดละ ไม่เปิดช่องว่างให้ผมได้ลุก และเมื่อกลิ้งหนีจนสุดทางกำแพง ผมก็หันหน้ามาตั้งรับกับฝ่าตีนของมันด้วยการเอาสองมือขึ้นรับแผ่นรองเท้า มันลงน้ำหนักแบบไม่ปรานี แถมจู่ๆ ยังมีคมมีดโผล่ออกมาจากปลายรองเท้า ผมชะงักเล็กน้อย..
.
[ออร์ค รายงานสถานการณ์ด้วย!!]
ลองถ้าคุณอาร์ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งที่ผมต่อสู้ดุเดือดขนาดนี้ คิดได้อย่างเดียวว่าไมค์ติดตัวคงเสียเพราะไอ้บ้าคนที่สองที่ล็อคคอของผม ไม่ดีแน่ ถ้าคุณอาร์ตามมาช่วยผม ถึงเราจะเป็นคู่หูกัน แต่ผมอยากให้คุณเขาเป็นเพียงหน่วยสมอง ไม่ได้อยากให้มาออกแรงจนเจ็บตัว..
..อาศัยจังหวะผมเผลออยู่กับความคิดของตัวเอง มันดึงเท้ากลับแล้วจิกปลายเท้าปาดเข้าที่อกของผม ของเหลวสีแดงข้นสาดกระเซ็นตามการวาดเท้าของมันทันที ผมได้ทีใช้ศอกตอกเข้าที่ขาอีกข้างของมัน มันเสียหลักตัวเซ ผมรีบลุกขึ้นนั่งยอง ใช้มือทั้งสองดันพื้นและถีบเท้าคู่เข้าที่ท้องน้อยของมันทันที มันกระเด็นไปไกล และทับกองอุปกรณ์ส่งเสียงไม่เบา
.
[ออร์ค กำลังเสริมเข้าไปถึงแล้ว แต่เป้าหมายกำลังเคลื่อนที่ไปทางออกที่สอง ห่างจากออร์คราวสี่สิบเมตรไปทางทิศใต้]
.
ผมรีบวิ่งออกจากตรอกทันที แผลที่อกเริ่มเจ็บปวด แต่มันไม่ได้ทำให้ขาของผมวิ่งช้าลง

ไฟจากรถของกำลังเสริมส่องพื้นที่จนสว่างโพลน เสียงไซเรนขับไล่ความเงียบดังจนน่าร้องเรียน ผมรีบวิ่งไปตามทิศทางที่คุณอาร์แจ้ง คนกลุ่มหนึ่งกำลังรีบเร่งเพื่อขึ้นรถที่จอดอยู่ ผมไม่รอช้า ส่งลูกตะกั่วไปที่ยางล้อรถข้างหนึ่ง ไม่ได้หวังว่าจะยิงโดนในระยะไกลขนาดนี้ กะว่าแค่บอกให้กำลังเสริมรู้พิกัดเท่านั้น แต่ถ้ามันจะโดนยางล้อจริงๆ ..ก็นะ ผมนี่มันโคตรแม่น
..ไม่รู้หรอกว่ายิงโดนไหม แต่เสียงปืนของผมก็เรียกร้องความสนใจจากพวกมันได้ พวกมันหลายคนชะงักและพยายามก้มตัวลงเพื่อหลบลูกกระสุน แต่อีกหลายคนก็กวาดปืนในมือไปมาเพื่อหาตัวการ ..ผมเดินตรงนิ่งเข้าหาพวกมัน ไม่สนหรอกว่าจะต้องโดนยิง เรื่องเจ็บตัวเป็นเรื่องธรรมดาในการทำงาน.. เกิดมามันต้องเจ็บมันต้องตายอยู่แล้ว พวกมันลั่นไกทันทีที่เห็นผมปรากฎตัว จะว่าผมแน่จนไม่หาที่กำบังเลยก็คงไม่ใช่ ผมหลีกหลบเป็นระยะๆ เท่าที่สถานที่จะเอื้ออำนวย และก็ยิงตอบโต้พวกมันเหมือนกัน จริงๆ อยากฉายเดี่ยวจัดการพวกมันด้วยมือตัวเอง แต่ไม่เป็นไร.. ปล่อยให้กำลังเสริมเขาได้ทำงา.. ขนาดจะคิดก็ยังไม่ทันจบ คอของผมก็ถูกแขนของใครสักคนรั้งลากให้หลบมุม!!!
“ทุกคนเอามือวางบนหัว!!! ยอมให้จับแต่โดยดี ตอนนี้พวกเราวางกำลังล้อมพวกแกไว้หมดแล้ว!!!” เสียงโทรโข่งดังอยู่ภายนอก กำลังเสริมมาทันเวลาพอดี แต่ผมไม่มีเวลาจะมานั่งดีใจ ในเมื่อยังมีศัตรูจู่โจมผมอยู่!!!
“ทำไมค์พังไปอีกตัว..”
คุณอาร์!!! เป็นคุณอาร์ที่ลากผมให้หลบฉากความวุ่นวายด้านนอก
“มาที่นี่ทำไม!!!”
“กลับก่อนค่อยว่ากัน” คุณอาร์ปล่อยคอผมก่อนจะออกวิ่งนำทางไป ส่วนผมก็..

วิ่งตาม..
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
03
- I am R -
.
.
.
“..กลับก่อนค่อยว่ากัน”
ผมวิ่งตามคุณอาร์กลับไปที่ซีบีอาร์ที่จอดแอบอยู่ ผมขึ้นคร่อมทันที
“ขับไหว?”
“ไหวครับ”
“แน่ใจนะ กูยังไม่อยากตาย”
“ผมไม่ยอมให้คุณอาร์ตายหรอกครับ”
“...”
คุณอาร์ไม่พูดต่อ แต่ขึ้นคร่อมลูกรักของผมทันที

..แรงเสียดแทงจากสายลมที่ผันตามความเร็วของยานพาหนะกำลังทำผมทรมาน แต่ผมก็ยังฝืนบิดเร่งเครื่องต่อไป ..คุณอาร์ซ้อนท้ายอยู่ ถ้ามึงเป็นอะไรไปตอนนี้ คุณอาร์ก็ต้องเจ็บตัวไปด้วย อดทนไว้ไอ้คิว!!! ..เหมือนคุณอาร์จะได้ยินความรู้สึกของผม คุณเขาอ้อมมือทั้งสองของตัวเองมากระชับเสื้อหนังของผมให้ปิดบังบาดแผลที่หน้าอก

..ดีขึ้น

ผมอดทนประคองบิ้กไบค์จนมาถึงที่จอดรถของคอนโด คุณอาร์รีบลงจากรถและประคองผมไปที่ลิฟท์ตัวที่ขึ้นตรงไปยังห้องของคุณอาร์ทันที

ผมนอนลงบนเตียงเปล่าของห้องหนึ่งที่ถูกแปรสภาพเป็นห้องรักษาตัวราวกับอยู่ในโรงพยาบาล ..ที่ที่ซึ่งผมมาใช้บริการเป็นประจำเมื่อเจ็บตัวกลับมา
ผมถอดแจ็กเก็ตหนัง และเสื้อยืดตัวในออกอย่างรู้งาน ขณะที่คุณอาร์ก็เตรียมเครื่องมือ เลือดของผมยังคงไหล สติของผมเริ่มลางเลือนจนกระทั่งคุณอาร์ราดตัวผมด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อที่แสนคุ้นเคย ผมกัดปากเพราะความเจ็บแสบ ไม่ใช่เพราะฤทธิ์ของน้ำยา แต่เพราะของเหลวกระทบเข้ากับบาดแผลฉกรรจ์โดยที่ผมยังคงมีสติรู้ตัว.. คุณอาร์ฉีดยาชาให้ผมก่อนจะลงมือเย็บแผล ผมรู้ขั้นตอนดีเพราะโดนเป็นประจำ รอยแผลเก่ายังไม่ทันจาง ..แผลใหม่ก็มา

คุณอาร์จัดการแผลของผมอย่างนิ่มนวลและรวดเร็ว อกของผมถูกพันด้วยผ้าพันขาวสะอาดสวยงาม ..ผมนอนนิ่ง คืนนี้คงต้องนอนที่นี่ มันเจ็บกว่าที่คิด

..คงไม่ไล่ผมกลับห้อง ..หวังว่าคุณเขาจะไม่ใจร้ายกับผม

..ผมหลับ
.
.
.
..ผมตื่น และลืมตามองฝ้าเพดาน แยกแยะออกทันทีว่าไม่ใช่ของห้องตัวเอง

..ห้องคุณอาร์

..เตียงคุณอาร์

ผมหันมองอีกฝั่งของเตียง.. คุณอาร์ไม่อยู่.. นี่ผมกำลังคาดหวังอะไร ตื่นขึ้นมาเจอหน้าคุณเขาที่นอนอยู่ข้างๆ? ใช่ อยากให้เป็นอย่างนั้น..

แผลที่หน้าอกทำผมปวดระบมไม่น้อย แต่ก็ไม่มากพอที่จะรั้งผมให้นอนต่อ ชายชาติทหารจะมาสำออยกับแผลแค่นี้ได้ยังไง

..ประตูลับถูกเปิดค้างอยู่ ผิดวิสัยของคุณอาร์!! ผมเอื้อมมือลงใต้เตียงและคว้าเข้ากับด้ามปืน เราต่างคนต่างรู้ตำแหน่งที่ซ่อนอาวุธของกันและกันดี ผมรีบลุกจากเตียง กวาดสายตามองทั่วห้อง คุณอาร์ไม่อยู่ในห้องนี้แน่นอน ผมเดินย่องไปที่ประตูลับและเดินผ่านไปยังห้องของตัวเอง ปลายกระบอกปืนกวาดชี้ไปมาตามทางที่คุ้นชินแม้ไฟในห้องจะเปิดน้อยดวง ห้องด้านนอกทั้งหมดเคลียร์ ผมเดินต่อไปยังห้องปฏิบัติการลับที่มีอุปกรณ์ต่างๆ บิดลูกบิดประตูอย่างเบามือ เพียงแค่ความกว้างหนึ่งเซนต์ที่ประตูแง้มเปิด ผมก็เห็นหลังของคุณอาร์ คุณอาร์กำลังนั่งมองจอคอมพิวเตอร์หลายจอที่เปิดหน้าต่างโปรแกรมไว้หลายโปรแกรม หน้าต่างหนึ่งกำลังแสดงเวฟเสียงที่ถูกกดเพลย์อยู่ อีกหน้าต่างเป็นภาพเคลื่อนไหวจากกล้องวงจรปิด และอีกหน้าต่างเป็นหน้าโปรแกรมที่ต้องป้อนคำสั่งด้วยภาษาเอสคิวแอล ..ผมถอนหายใจโล่ง เหน็บปืนเข้าที่ขอบกางเกงแบบที่ทำเป็นประจำ ก่อนผลักประตูให้เปิดออก ผมเดินตรงเข้าไปเอามือขวาวางลงบนโต๊ะ ส่วนมืออีกข้างก็วางอยู่บนพนักเก้าอี้ที่คุณอาร์นั่ง ผมโน้มหน้าเข้าใกล้คุณอาร์ที่มีหูฟังครอบหูอยู่ ..คุณอาร์ปั้นหน้าตึง
“ข้าวต้มอยู่บนโต๊ะ” คุณอาร์พูดทั้งที่ตายังคงมองตรงไปที่จอ ผมเลยยันตัวเองออกทั้งที่อยู่ใกล้จนได้กลิ่นตัวสะอาดๆ จากตัวคุณอาร์ ..มันคงไม่สมควรที่ผมจะกวนคุณเขา และทุกครั้งที่เรามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน นั่นก็เพราะคุณอาร์เป็นคนอนุญาตให้เริ่ม และผมก็มีหน้าที่แค่สนองตอบ..
“เดี๋ยวก่อน” คุณอาร์หมุนเก้าอี้และหันหน้ามาหาผม ก่อนจะใช้มือเรียวแตะสำรวจแผลบนหน้าอก ผมก้มหน้ามองแพขนตาสีดำยาวของคุณอาร์ เผลอยิ้มกับความอ่อนโยนภายใต้ความขวางโลกสุดโต่งที่แสดงออกให้ใครต่อใครเห็น
“ยังปวดอยู่ไหม”
“ครับ นิดหน่อย”
“ทางหน่วยแจ้งข่าวมาว่าพวกมันถูกปล่อยตัว”
“!!!”
“หัวเชื้อที่พวกมันนัดกันมาซื้อขายคือหัวเชื้ออาหารอย่างนึงที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“!!!”
“เราถูกหลอก”
“หมายความว่าไงครับ!!”
“มันซ้อนแผนตั้งใจให้เราไปจับ”
“!!!”
“นายโกรธมากที่เราทำพลาด ออ โทนี่ฝากข้อความถึงมึงด้วย” คุณอาร์ส่งหูฟังอีกชุดให้ผม

[ไว้เจอกันใหม่นะ คุณสายลับชุดหนัง] ทันทีที่เสียงของมันจบลง ก็มีเสียงกุกกักดัง ไม่บอกก็รู้ว่ามันคงทำลายเครื่องดักฟังเรียบร้อย
“ทำไมถึงเป็นมึง แทนที่จะเป็นกู” ผมเข้าใจคำถาม คนที่ติดเครื่องดักฟังคือคุณอาร์ แต่คนที่มันพูดด้วยกลับเป็นผม
.
.
..12 ชั่วโมงก่อน
..ผับ xxx
ผมเดินกลับมาที่โต๊ะ นั่งขรึมมองโทนี่ ฉินต่ออีกสักพัก ภาพของมันที่จูบกับคุณอาร์ยังอยู่ในหัว อารมณ์ของผมคุกรุ่น อยากเข้าไปชกหน้ามันให้เสียรูป แต่ก็รู้ว่าทําไม่ได้

ผมนั่งมอง ..ไม่มีใครเข้าหามัน และมันก็ไม่ได้เข้าหาใคร

ผมดื่มอีกแก้ว ก่อนเดินเข้าหาโทนี่ ฉินด้วยท่าทีเมามึน ผมโผกอดมันทันที มือข้างนึงกดเข้าที่ตำแหน่งเครื่องดักฟังหลังท้ายทอยที่คุณอาร์ติดไว้ก่อนหน้านั้น
“ทำอะไรของคุณ!!!” มันโวยวาย
“โธ่เพื่อน! จะมาทำไมไม่ชวนวะ!!” ผมยังคงกอดรัดคอของมันไว้
“ผมไม่ใช่เพื่อนคุณ!! ผมว่าคุณเมาแล้ว”
“เห!! ไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ใช่ แล้วนายเป็นใคร..” ผมยังคงตีมึนจนการ์ดของร้านเข้ามาหิ้วปีกผมออกมาทิ้งนอกร้าน
.

“ทำไมถึงเป็นมึง แทนที่จะเป็นกู” คุณอาร์ถามผม
“ผมแค่อยากกลบเกลื่อนร่องรอยของคุณอาร์..”
“...”
“...”
“ทำไม”
“คือ..”
“อย่าบอกนะว่าเพราะกูเป็นลูกนาย”
ผมมองตาของคุณอาร์ อยากจะตอบเหตุผลที่ซ่อนอยู่ในใจ แต่ผม..ไม่กล้า “ใช่ครับ เพราะคุณอาร์เป็นลูกนาย..”
คุณอาร์หันตัวกลับไปที่หน้าจออีกครั้ง “มึงไปกินข้าวซะ แล้วค่อยมาวางแผนกันใหม่”
“..ครับ” ผมเดินกลับออกมาอย่างสับสน บางช่วงเวลาที่เราสัมผัสกัน ผมรู้สึกได้ว่าเราเข้าใจกัน เราคุยกันรู้เรื่อง เราจะพูดอะไร แสดงความรู้สึกของตัวเองยังไงก็ได้ แต่ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้ ผมกลับกำลังเจอบททดสอบหัวข้อว่าด้วยเรื่องสถานะ ความรู้สึก แค่ลูกนาย หรือคนที่หมายปอง.. มันยากยิ่งกว่าข้อสอบวิชากฎหมายหรือแม้แต่นาทีเป็นนาทีตายตอนสู้กับพวกโจร

..เรื่องตัวเองวางเอาไว้ เรื่องชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน

ผมรีบกินข้าวต้ม เปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างยากลำบากแล้วกลับมาหาคุณอาร์ในห้องลับอีกครั้ง
“แผนก็คือ กูจะเข้าประชิดตัวมันเอง”
“ประชิดตัว?”
“ใช่ ในเมื่อมันยังไม่ได้สงสัยอะไรในตัวกู ก็เป็นกูเนี่ยแหละที่จะเข้าถึงตัวมันได้”
“ไม่ได้!”
“สายของเราทุกคนโดยกำจัดหมดแล้ว ..งั้นมึงบอกกูมา ..ว่ามึงมีแผนอื่นที่ดีกว่านี้ไหม”
“ผมจะเข้าไปแฝงตัว ไปเป็นลูกน้องมัน”
“ตอนนี้มันคงไม่ไว้ใจใครง่ายๆ อีกอย่าง มึงต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่ามันจะไว้ใจ”
“แต่ผมไม่อยากให้คุณอาร์เอาตัวเข้าแลก!!!”
“มึงหมายความว่าไง?”
“ก็ถ้าคุณอาร์เข้าหามัน ยังไงก็ต้องเสร็จมันแน่!!!”
“...”
“!!!”
“ฟังผมนะผู้กองคณนา ในทุกงานล้วนมีความเสี่ยง ในการปฏิบัติภารกิจหลายครั้งก็ต้องใช้ความเสียสละ การที่ผู้กองเจ็บตัวอยู่ตอนนี้นั่นก็เพราะหน้าที่ เพราะฉะนั้น การที่ผมจะต้องออกปฏิบัติงานที่ต้องเจอความเสี่ยง ไม่ว่าจะในรูปแบบไหน ผมก็ต้องทำ ไม่มีข้อแม้”
“ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้!!! ถ้าคุณอาร์ยืนยันจะใช้วิธีนี้ ผมคงต้องเรียนนา…….”
.

..อาร์
“ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้!!! ถ้าคุณอาร์ยืนยันจะใช้วิธีนี้ ผมคงต้องเรียนนา…….”
ผมลุกขึ้นรับร่างไอ้คิวที่ทิ้งดิ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลกที่ดึงดูดร่างที่อ่อนแรงเพราะฤทธิ์ยานอนหลับระดับม้ายังสลบที่ผมหยอดไว้หนึ่งหยดในข้าวต้ม
ผมลากร่างหนักของไอ้คิวไปนอนลงบนเตียงลมที่อยู่อีกด้านของห้อง ก่อนแกะผ้าพันออกดูแผลที่หน้าอก รอยเย็บเป็นทางยาวเรียบร้อยดี ..เจ็บขนาดนี้ยังมีหน้ามาห่วงกูอีก
“มันจำมึงได้รึเปล่าก็ไม่รู้ ยังจะเอาหน้าโผล่ไปให้พวกมันเจอ ไอ้ออร์คโง่ดีแต่ใช้กำลัง”
ดวงตาคู่คมกำลังปิดสนิท จมูกโด่งบนใบหน้าผิวสีน้ำผึ้งกำลังหายใจสม่ำเสมอ ริมฝีปากไม่หนาไม่บางเผยอออกเล็กน้อย สันกรามเรียวรับกับลำคอกำลังขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ
ไม่รู้ว่าชอบมองมันตั้งแต่ตอนไหน..

..สี่ปีก่อน
“คนใหม่?” ผมตั้งคำถามทันทีที่เจอหน้าไอ้คิวครั้งแรก ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ เพราะพลทหารรับใช้มักผลัดเปลี่ยนหน้ามาอยู่ที่บ้านเป็นประจำ แต่ที่สะดุดตาคือหน้าตาของมันที่แม่งโคตรกวนตีน ไม่เคยมีพลทหารคนไหนกล้าแสดงออกว่า ‘แน่’ ใส่ลูกของนายอย่างผมมาก่อน แม่งประกาศศึกชัดๆ
“อืม” มันตอบด้วยน้ำเสียงแบบขอไปทีใส่ผม มันใช่เหรอวะ! กูกำลังจะเป็นหนึ่งในเจ้านายของมึงนะ
“พี่เขาชื่อคิว เรียกพี่คิวสิอาร์” แม่บอกผมกลายๆ จะเป็นคำสั่งให้ทำตาม
“เป็นญาติกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมพูดใส่หน้าไอ้คิว ..กูไม่เคยมีพี่ กูลูกคนเดียว
“ก็ไม่ได้อยากมีมึงเป็นญาติเหมือนกันป่ะ”
“!!!!!!!”
ผมไม่ถูกชะตากับมันจริงๆ จะให้ญาติดีด้วย แม่งไม่มีวัน!!

“สวัสดีครับลุงจ่า” ผมยกมือไหว้จ่าเอกในเย็นวันนึงที่ผมมาวิ่งเรียกเหงื่อภายในค่าย ลุงจ่าพยักหน้ายิ้มรับ ผมสนิทกับลุงจ่ามากเพราะลุงจ่าเป็นลูกน้องคนสนิทของพ่อ พ่อชอบตามให้มากินข้าวกินเหล้าด้วยกันที่บ้าน จริงๆ ผมแอบรู้สึกว่าคุยกับลุงจ่าสบายใจมากกว่าคุยกับพ่อแท้ๆ ของตัวเองด้วยซ้ำ ที่เป็นหมอทหารก็เพราะเป็นช้อยส์ของลุงจ่านี่แหละที่เอามาขายผม แล้วผมก็ซื้อ ลุงบอกว่าเป็นหมอที่รักษาทหารที่ช่วยประชาชน ได้ประโยชน์หลายต่อแถมยังโคตรเท่ห์

“เอ้อ ไอ้คิวเป็นไงมั่ง”
..ไอ้คิว “ก็.. กวนตีนดีครับ”
“ใช่ มันโคตรจะกวนฝ่าเท้าเลย ยิ่งเวลามันก้มหน้ามองแบบขวางๆ นะ อยากจะกระชากหัวมันลงมาตบกระโหลก เอ๊ออออ กูมันไม่ได้เกิดมาสูงเหมือนมึงนิ”
“จริงเลยครับลุง ต่อหน้าพ่อกับแม่นะ มันโคตรจะเรียบร้อย แต่พอมีแค่ผมกับมันนะ มันแม่งแทบจะกินหัวผม” จริงๆ ก็ไม่ได้ขนาดนั้น แต่มันฟอร์มเก่ง เก๊กเก่ง ขนาดแค่นึกถึงยังกวนอารมณ์
“แต่จริงๆ มันเป็นคนจริงใจ ใจเด็ด กล้าได้กล้าเสีย ถึกทนคนแมนๆ แถมน่าสงสารอีกตังหาก”
“ไอ้ถึกทนผมพอจะเข้าใจนะครับลุง แต่ไม่เห็นจะน่าสงสารตรงไหน”
“มันน่ะเพิ่งเสียปู่กับย่าไป ตอนนี้ไม่มีใครรอตอนมันออกจากกรมแล้ว”
“...”
“ลุงฝากมันด้วยนะคุณอาร์ ไม่ต้องดีกับมันหรอก แค่ไม่ร้ายใส่มันก็พอ”
“ลุง!! ลุงหาว่าผมร้าย?” ผมมองหน้าลุงจ่าที่พูดไปอมยิ้มไป รู้หรอกว่าลุงแกล้งพูดล้อ ถึงจะมีมูลความจริงอยู่บ้างก็เถอะ
“คุณอาร์น่ะไม่ร้ายหรอก แค่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาในพื้นที่ของตัวเอง”
ผมคลายไหล่ที่ยกขึ้นเพราะความตื่นตัว “ครับ ผมจะพยายามไม่ร้ายใส่เด็กของลุงนะ”

ผม..อาร์ - อริญชย์ ปัจจุบันเป็นแพทย์ทหาร อยู่สังกัดกองกำลังพิเศษเหมือนไอ้คิว แถมสมัครเป็นหน่วยลับเพราะจะประชดพ่อ แต่เหตุผลจริงๆ ที่อยากเป็นหน่วยลับ ..ก็เพราะไอ้คิว คนเดียวที่รู้ความลับของผม ..เพราะว่าความเมา

..คืนนึงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว

‘..อ้าวเฮ้ย ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นิหน่า ที่บอกว่าเธอจะเลือกเขาและไม่มีวันกลับมา..’

เพลงฮิตกําลังถูกเล่นและร้องสดขับกล่อมคนทั้งร้านให้โยกหัวตามในบรรยากาศชิลๆ เย็นๆ ยามคํ่าคืน

“พวกมึงนั่งนิ่งทำไรวะ ชนสิโว๊ย!”
คืนนี้ผมกับแก๊งค์นัดปาร์ตี้ส่งท้ายปีเก่า เพื่อนสนิทของผมมีไม่กี่คน หรือไอ้ที่เคยสนิทก็ดันห่างกันไป เพราะผมต้องเรียนเป็นหมอทหาร คืนนี้เลยถือโอกาสตามเพื่อนๆ มาเจอหน้ากันในวันดีๆ พวกเราตั้งใจมาเมา ..แล้วก็เมา โดยเฉพาะผมที่ไม่ต้องห่วงว่าจะกลับบ้านยังไง เพราะแม่ส่งไอ้คิวมารอรับผมกลับบ้าน

..เวลาผ่านไปใกล้เที่ยงคืน ทุกคนล้วนป้อแป้ สติเริ่มไม่มี อะไรที่อยากพูด อยากปลดปล่อยแม่งออกมาหมด
“ไอ้เหี้ยอาร์!!”
“อะไรของเมิงไอ้พี! ตะโกนให้มันดังๆ หน่อยกูไม่ได้ยิน!”
“เออ!!! กูจะบอกมึงว่ามึงนี่มันเหี้ยสุดๆ”
“เหี้ย กูไม่ได้ชอบกินไก่สดนะโว๊ย!” เพื่อนสองสามคนในโต๊ะขำไปกับมุกของผม แต่อีกครึ่งกลับปั้นหน้าตึงขึ้นมาซะอย่างงั้น บรรยากาศคึกครื้นเมื่อครู่จู่ๆ กลับคุร้อนขึ้น
“ไอ้เหี้ยพี! มึงอย่าเริ่มได้ป่ะวะ เสียบรรยากาศหมด” เพื่อนอีกคนพูด
ผมงง อะไรของมันวะ
“แต่กูทนไม่ไหวแล้วเว้ย!!! มึงตามกูมาเลยไอ้อาร์”
“ไอ้พี! กูขอเหอะวะ”
“มึงขอได้ ..แต่กูไม่ให้!!”
“เออๆ งั้นกูพามึงออกไปข้างนอกเอง ไปไป ไปสงบสติอารมณ์”
แล้วไอ้พีก็โดนไอ้พงษ์ลากออกไป เรื่องเหี้ยไรวะ!! ถึงจะเมา.. แต่ผมก็ยังเหลือสติให้ตั้งข้อสงสัยอยู่ ผมลุกขึ้นเดินตามหลังพวกมันไปนอกร้าน
“ไอ้อาร์!!! มึงไม่ต้องตามไปเลย นั่งลง!” เพื่อนอีกคนดึงแขนผมไว้
“ปล่อยดิวะ! กูอยากรู้ว่ากูทำอะไร มันถึงด่ากูว่าเหี้ย”
ผมสะบัดจนหลุด ในเมื่อมันห้ามผมไม่ได้ พวกมันสองสามคนเลยลุกเดินตามผมออกมา ไอ้พีมันยืนอยู่ตรงนั้น..
“มึงออกมาก็ดี กูนึกว่ามึงจะไม่แน่!!!” ไอ้พีไม่พูดเปล่า มันกระชากคอเสื้อผม อีกมือมันก็ง้างหมัดพร้อมต่อย
“ก่อนที่มึงจะต่อยกู มึงบอกกูก่อนว่ากูทำเหี้ยไรให้มึงโกรธวะ”
“มึงนี่เหี้ยจริงๆ นี่มึงไม่รู้เลยรึไงวะ!!!”
ผมส่ายหน้าตอบไอ้พีมัน กูรู้ กูจะถามไหม
“มึงก็รู้ว่ากูเคยคบน้ำตาล กูโคตรรักน้ำตาล ตอนน้ำตาลทิ้งกูไป มึงก็เห็นว่ากูแทบบ้า แล้ววันนี้ มึงเสือกชวนไอ้วินมา มึงมันไม่ใช่เพื่อนกู!!!” แล้วไอ้พีก็ซัดหมัดตูมเข้าที่หน้าของผม โลกแม่งหมุนร้อยแปดสิบองศาทันที
“ไอ้เหี้ยพีพอแล้ว!!!”
“ไอ้อาร์มึงเป็นไรไหม!!!”
“กูไม่พอ!!! มึงตามให้ไอ้วินพาน้ำตาลมาเย้ยกู ทั้งที่กูก็บอกมึงไปแล้วว่ากูยังลืมน้ำตาลไม่ได้ ไอ้เหี้ยอาร์!!!” ไอ้พีสลัดแขนหลุดจากการควบคุมของพวกเพื่อนๆ ได้ มันก็เตรียมซัดหมัดต่อไปใส่หน้าผม ภาพที่เห็นมันสโลว์ๆ จนผมมองเห็นหมัดของมันลอยมาเฟรมต่อเฟรม ..ผมเลือกที่จะหลับตารับแรงกระแทกเพราะหลบก็คงไม่พ้น



..ไม่เจ็บแหะหมัดนี้

ผมค่อยๆ ลืมตา ด้านหน้าของผมมีใครคนนึงยืนขวางอยู่ ผมเห็นเพียงใบหน้าสี่สิบห้าองศาของมัน..

..ไอ้คิว

มันเอาหน้ามารับหมัดแทนผม ..เท่ห์ฉิบหาย แทนที่มึงจะเอามือรับหมัด เสือกเอาหน้ารับหมัดแทน ฉลาดจริงๆ

“มึงเป็นใครวะ! ยุ่งไรด้วย!!!”
“ไอ้อาร์เป็นลูกนายกู”
“ออ พวกสุนัขรับใช้ นายสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำใช่ไหม!!! งั้นมึงก็แดกหมัดแทนลูกนายของมึงซะ!!!” ไอ้พีอัดหมัดหนักๆเข้าที่หน้าของไอ้คิวอีก และไอ้คิวก็ยังยืนนิ่งรับหมัดมัน
“มึงเป็นรูปปั้นรึไง!! ทำไมไม่สู้วะ!!!”
“ก็ถ้ามึงลงที่กูแล้วสบายใจ ก็เชิญมึงจัดมาเต็มที่ เพราะพอมึงส่าง มึงจะได้ยังมองหน้าเพื่อนมึงติด”
“งั้นเหรอวะ ดี!” ไอ้พีปล่อยหมัดหนักเข้าที่ท้องของไอ้คิว ร่างแกร่งของไอ้คิวก็ยังคงยืนนิ่งเป็นกระสอบทรายรับแรงกระทำ!!
“เฮ้ยพวกมึง! นี่มันเรื่องอะไรกันวะ!!!” ไอ้วินแหวกเข้ามากลางวง “พวกมึงหายไปนานกูเลยออกมาตาม” คืนนี้ไอ้วินบอกเพื่อนขอไม่เมา เพราะต้องขับรถไปส่งน้ำตาลกลับบ้าน เลยออกมาพร้อมสติร้อยเปอร์เซ็นต์
“มึงมาก็ดี! ได้คบกับนํ้าตาลมีความสุขมากไหม!!!”
“ไอ้พี! กูว่ามึงกลับเหอะวะ”
“กูถามว่ามึงมีความสุขไหม!!”
“กูน่ะสุข นํ้าตาลก็สุข มึงพอใจยัง! กูจะบอกมึงตรงนี้เลยนะ นํ้าตาลไม่เอามึงเพราะมึงแคร์แต่ตัวเองไง!!” คําพูดของไอ้วินทําไอ้พีนิ่งลง “มึงบอกว่ามึงเจ็บ แต่ตลอดเวลาที่มึงคบกับนํ้าตาล มึงเคยแคร์ความรู้สึกเขาบ้างไหม!! ถ้ามึงอยากเคลียร์ รอหายเมาก่อน ค่อยมาคุยกัน”
“เออใช่ไอ้พี กลับๆ กูไปส่งมึงเอง” แต่ไอ้พียังมีท่าทีฮึดฮัดเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ ไม่ก็เพราะยังมีฟอร์มของความงี่เง่า ตอนนั้นเองที่ไอคิวคว้าไหล่ไอ้พีให้หันหลัง ก่อนจะสับแขนลงที่ท้ายทอยของไอ้ตัวก่อเรื่อง!! ไอ้พีน็อคร่วงทันที
“จบเรื่องแล้วนะ แยกย้ายได้” ไอ้คิวพูดเสร็จก็หันมาจูงมือผมออกเดิน นาทีนั้นมัวแต่อึ้งเลยได้แต่เดินตามแรงลากของมันไปที่รถ ผมได้ยินเสียง ‘ขอบคุณครับพี่’ ดังแว่วมาจากกลุ่มเพื่อน

ผมเดินตามหลังไอ้คิวมาต้อยๆ มันเปิดประตูข้างคนขับให้ผมขึ้นนั่ง แล้วมันก็เดินอ้อมไปขึ้นฝั่งที่นั่งคนขับ ไอ้คิวเอื้อมตัวมาหาเบลท์ฝั่งของผม ..ผมมองมันแทบจะทุกการเคลื่อนไหว มีอยู่จังหวะนึงที่มันหยุดมองผม หัวใจผมเต้นแรงแปลกๆ!! โฟกัสภาพในตาของผมไม่คมชัด มันออกจะเบลอๆ ฝันๆ ฟุ้งๆ
“อย่าเสือกอ๊วกล่ะ กูขี้เกียจเช็ด”
.
.

“มึงบ้าป่ะ ถึงได้นัดให้แฟนเก่ากับแฟนใหม่เขามาเจอหน้ากัน” ไอ้คิวถามขึ้น ผมกําลังนั่งมองวิวและรับลมจากหน้าต่างก่อนจะอ้าปากตอบ
“กูจําหน้านํ้าตาลไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าแฟนใหม่ไอ้วินเป็นแฟนเก่าไอ้พี”
“จําหน้าแฟนเพื่อนไม่ได้?”
“กูเป็นโรคลืมหน้าคน ยิ่งถ้าไม่ได้สนใจจํา ก็ยิ่งลืม” ผมตอบ.. บอกไปเพราะความเมา
“งี้ถ้ามึงเจอโจทย์เก่า..”
“..ก็คงเละ เพราะเสือกจําหน้าแม่งไม่ได้”
“โรคของมึงนี่น่าสนุก เอ้ย น่าสงสารดีนะ” แล้วมันก็ส่งเสียงหัวเราะแบบทรมานๆ ผมหันมองไอ้คิว มือนึงของมันอยู่ที่พวงมาลัย ส่วนอีกมือกุมอยู่ที่ท้อง..

คืนนั้นผมนอนไม่หลับ.. ทั้งที่สารในนํ้าเมาบวกความเหนื่อยน่าจะกล่อมให้สลบไปได้ตั้งนานแล้ว นอนคิดอยู่นาน จนในที่สุดก็ลุกจากเตียงหยิบกล่องปฐมพยาบาลย่องลงไปห้องไอ้คิว

ประตูไม่ได้ล็อค..

ผมเปิดและเดินเข้าไปแบบไม่คิคขออนุญาต

ในห้องมืดสลัว แต่ยังมีแสงจากเสาไฟในสนามส่องเข้ามาให้เห็นลางๆ แต่ก็มืดเกินไปอยู่ดี ผมเปิดไฟจากมือถือ

..กูมาทําอะไรโง่ๆ ที่นี่วะ?

ไอ้คิวนอนหลับอยู่บนเตียง ผมค่อยๆ ไล่แสงส่องไปที่ปาก เลือดยังออกซึมๆ ผมเอื้อมมือจะไปสัมผัส จู่ๆ ไอ้คนตัวใหญ่ก็คว้าข้อมือผม!! ผมเสียหลัก เซลงทับร่างไอ้คิว หน้าของมันกับผมห่างกันไม่ถึงเซนต์!!!!

กริ๊ก

เสียงกลไกปืนดังเบาๆ อยู่ข้างขมับของผม!!

ใจผมเต้นรัว!!!

ผมสบตาไอ้คิวในความมืด ตามันแข็งขืนอย่างกับเป็นคนละคน ไม่ใช่สายตาแบบคนกวนตีน แต่เป็นตาของนักฆ่า! มันกําลังตื่นตัว ..และเอาจริง!!!!

พัดลมบนฝ้าเพดานหมุนส่งเสียงแกว่งๆ และให้ความเย็น แต่ผมกลับเหงื่อเปียกซึมเต็มแผ่นหลัง เหงื่อเม็ดใหญ่บนใบหน้าใกล้จะหยด

“..นี่กูเอง” ผมกลั้นใจพูดเสียงสั่น ยอมรับกับตัวเองแบบไม่เหลือฟอร์มเลยว่าหวั่นเกรงไอ้คนตรงหน้ามาก ความนิ่งของมันตอนนี้ทําผมใจสั่น ..หวั่นไหว

หลังความเงียบผ่านไปแบบขี้เกียจๆ ไอ้คิวก็กะพริบตาและลดปืนลง แต่ยังไม่ยอมปล่อยมือที่จับผมอยู่..
“ปล่อยกูได้ยัง?” ผมพูดเรียกสติ ไอ้คิวเลยยอมคลายมือออก ผมรีบยันตัวยืนขึ้น มันก็ยันตัวขึ้นนั่งพิงกําแพงเหมือนกัน
“มีอะไรจะใช้..ตอนตีหนึ่ง?”
“กูไม่ได้จะมาใช้ ..กูจะมาทําแผลให้”
“ทําแผล?”
“เออ ..ที่โดนต่อย”
“ไม่เห็นต้องทํา สามวันก็หาย”
“แต่กูจะทํา กูเป็นหมอ กูเรียนมา”
“ก็แค่ทําแผลภายนอก ทําแล้วมันจะหายเร็วขึ้นรึไง”
“ก็ไม่ได้จะหายเร็วขึ้น แต่แผลมึงจะสะอาด จะได้ไม่ติดเชื้อ”
“อือ อยากทําก็ทํา”
ผมจัดการเอาสําลีซับเลือด หยอดยา ทําแผลอย่างชํานาญ ..แต่ทําไมใจมันสั่นไหวขนาดนี้ ยิ่งไอ้คิวมองหน้า ผมก็ยิ่ง..
“ไม่ต้องจ้องกูขนาดนี้ได้ม่ะ”
“ทําไม”
“กูไม่มีสมาธิ”
“คนจะเป็นหมอ ถ้าคนไข้มองหน้าหมอไม่ได้ กูว่ามึงเลิกเรียนเหอะ กฎของมึงมันยากเกินไป”
“เรื่องของกู อ่ะ เสร็จแล้ว แล้วนี่ก็ยา กินด้วย”
“แก้?”
“แก้ปวด แก้อักเสบ” ผมวางยาแล้วรีบลุกพร้อมกับหิ้วกล่องปฐมพยาบาลเดินไปที่ประตู

“..ขอบใจสําหรับเรื่องคืนนี้”

ใจนึงก็อยากหันไปมองหน้าไอ้คิวว่ามีปฏิกิริยายังไง แต่แค่พูดออกไปแบบนั้นก็กลั้นใจมากพอแล้ว

..กูเป็นอะไรไปวะ!!!!

หลังจากนั้นผมก็มองมันด้วยความรู้สึกแปลกๆ อยากเห็น อยากเจอ แต่ไม่ได้อยากคุยด้วย เกือบๆ ลนทุกครั้งที่มันเดินเข้ามาหา จนวันที่พ่อกับแม่บอกว่าจะต้องไปทําธุระต่างจังหวัดหลายวัน
“คืนนี้.. กูจะไปกินเหล้ากับจ่าเอก” ไอ้คิวบอกผมเช้าวันนั้น
“อือ กูก็นัดกับเพื่อนเหมือนกัน”
“ต้องให้กูไปรับไหม”
“ไม่ต้อง กูกลับเองได้”
“ดี”
แล้วไอ้คิวก็ผิวปาก เดินสะบัดหัวเกรียนๆ ของมันจากไป ..แม่งโคตรไม่มีเยื่อใย ว่าแต่ผมกําลังคาดหวังอะไร?
คืนนั้นผมซัดเหล้าไม่ยั้ง อาการคล้ายคนตรอมใจ จนเพื่อนต้องห้าม เรียกแท็กซี่ให้ จะได้กลับไปนอนสงบสติอารมณ์ที่บ้าน

บ้านแม่งเอียง..

ผมเดินเข้าบ้านทั้งที่มืด มือก็ป่ายตามกําแพงไปเรื่อย หาสวิตซ์ไฟด้วยความเคยชิน

ถึงเตียงสักที.. ผมแผ่ตัวลงนอนทันที.. เตียงแม่งแข็งจังวะ?

เวลาผ่านไปนานไหมไม่รู้ แต่รู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนแบกขึ้นบ่าตีลังกาหัวชี้พื้นบันได

ไอ้คิวโยนผมลงบนเตียงแบบไม่ถนอมสักนิด

“อือออออ” ผมครางออกมาเพราะแรงกระแทกกับพื้นเตียงนุ่ม อากาศตอนนี้ก็โคตรร้อน ไอ้คิวก็ใจดีถอดเสื้อให้ ร่างเปลือยท่อนบนอยู่ในอ้อมกอดของมัน โคตรดี.. แล้วจู่ๆ มันก็ดมคอผม!!! ผมขนลุกทันที สติเพียงน้อยนิดบอกให้เปิดเปลือกตาขึ้น แล้วไอ้เหี้ยคิวก็บดปากผม!!!!!

เมื่อความเมาทําลายต่อมฟอร์มต่อมความอายจนหมด ผมก็ปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล รสมือ รสปาก รสสัมผัส ความแข็งแกร่งของไอ้คิวทําผมเมาหนักขึ้นไปอีก ความร้อนแรงที่มันโถมทับเปิดประสบการณ์การรับรู้ของผม

..เช้าวันนั้น ผมตื่นก่อนมันสักพัก เจ็บฉิบหาย!! คิดไปไกลว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป จะมองหน้าไอ้คิวยังไง ส่วนอีกใจก็รู้สึกว่า..

…………..

“..มึงจะยืนโป๊อีกนานป่ะ”
“ห่ะ.. ครับ ออ เอ่อ..”
“หึ ..ไม่เคย?” ผมแกล้งพูดไปแบบนั้น ไม่รู้หรอกว่ามันเคยหรือไม่เคย ส่วนตัวผมเอง ..ก็ไม่เคย
“!!!”
“อ่อนว่ะ” ผมพูดประชด ไอ้คิวปีนกลับขึ้นเตียงทันที ทั้งที่ลงไปยืนโป๊เรียบร้อยได้สักพัก
“มึงจะทําอะไร”
“จะบอกคุณอาร์ว่าผม.. ไม่อ่อน!!”
“งั้น.. แข็ง?” ไม่รู้ว่าตอนนั้นทําไมพูดไปแบบนั้น แล้วมันก็บรรเลงเพลงเสียวซ่านต่อใจของผมทันที

……………

หลังจากวันนั้นมีแค่ความคิดเดียวในหัวของผม

..ไอ้คิวจะต้องอยู่ใต้การคอลโทรลของผมแต่เพียงผู้เดียว
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
04
- ไม่มีคิว -
   .
   .
   .
..ปัจจุบัน
   ไอ้คิวสลบไปเรียบร้อยเพราะฤทธิ์ยา ส่วนผมก็ต้องเตรียมแผนการอะไรอีกมากมาย เวลายังพอมีก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการทั้งหมดในคืนนี้ ..และก่อนที่ไอ้คิวจะฟื้นมาทําลายแผน
   “..ผมเอง”
   [ไมไม่ทำเองล่ะครับ คุณก็ทำได้นิครับ]
   “ไอ้ทำน่ะทำได้ แต่ผมอยากมีคนระวังหลังให้”
   [วันนี้ออกโรงเอง? แล้วคู่หูของคุณล่ะ]
   “ขอไม่ตอบนะครับ”
   [โอเคครับคุณเอลฟ์]
   “เข้าใจแผนแล้วนะครับคุณอิชะ”
   [ครับ]
   ผมจบบทสนทนากับหนึ่งในสมาชิกของกองกำลังพิเศษ เราต่างฝ่ายต่างไม่รู้หรอกว่าตัวจริงของเราคือใคร
ผมกับ ‘อิชะ’ เคยบังเอิญทำภารกิจร่วมกันครั้งนึง ..มันเป็นภารกิจที่ไม่มีใครสั่ง เราทั้งคู่ทำเพราะความอยากรู้อยากเห็น เพราะอยากลองของ ..เราปะทะฝีมือกัน ฝีมือในการแฮกเน็ทเวิร์กของผมกับอิชะสูสีสมน้ำสมเนื้อ ..ทั้งผมทั้งมันต่างสืบเรื่องของกันและกันได้ไม่ยากทั้งที่หน่วยงานเรามีระบบป้องกันข้อมูลที่แน่นหนายิ่งกว่าระบบของธนาคาร แต่ถึงอย่างนั้นก็รู้เพียงว่าเราทั้งคู่ต่างอยู่ในกองกำลังพิเศษเท่านั้น อิชะไม่อาจรู้ได้ว่าผมคือใคร และไม่รู้ว่าผมอยู่หน่วยลับ ซึ่งมีอํานาจมากกว่า แต่ก็เสี่ยงตายมากกว่า ส่วนผู้ที่รู้ว่าใครเป็นหน่วยลับบ้างก็จะมีเพียงผู้บัญชาการสูงสุดเท่านั้น ..เป็นความลับที่จัดเก็บโดยมนุษย์ ..ระบบแมนนวลที่เสถียรที่สุด ถ้ามนุษย์คนนั้นไม่ปากมาก

..บ้านโทนี่ ฉิน
“สวัสดีครับ ผมมาจากบริษัทกล้องวงจรปิด ที่โทรเข้ามาแจ้งว่าเราจะมีบริการตรวจเช็คระบบฟรีตลอดเดือนนี้ครับ”
“ได้แจ้งไว้ไหม” การ์ดหน้าประตูบ้านโทนี่ ฉินพูดเสียงดุดัน ..ท่าทีก็เช่นกัน
“ผมเข้าใจว่าบริษัทแจ้งเข้ามาทางเมล์เรียบร้อยแล้วนะครับ พี่ลองเช็คให้หน่อยได้ไหม บริษัทจะได้ไม่ด่าผม” พยายามพูดเสียงซอล์ฟๆ นุ่มนวล พลางกระชับหมวกมีปีกที่ใส่อยู่ ไม่ได้กลัวสักนิดว่าจะมีใครจดจําหน้าได้เพราะผมอําพรางหน้าตัวเองด้วยหน้ากากเนื้อเรซินเสมือนจริงที่ผลิตจากเครื่องพิมพ์แบบสามมิติ
“รออยู่นี่ก่อน”
“ครับพี่” แล้วไอ้หัวกลมร่างยักษ์ก็เดินปลีกไปคุยสื่อสารกับใครก็ตามผ่านหูฟัง ..ก็คิดไว้แหละนะว่ามึงคงไม่ทิ้งหน้าประตูไปไหน ผมเลยทําได้แค่ยืนปั้นหน้ายิ้มร่าเริงมองซ้ายมองขวามองบน ..กล้องสองตัวจากหน้าประตู ..การ์ดทั้งหมดที่เห็นด้วยสายตา ..หน้าประตูสาม ลึกเข้าไประหว่างทางตรงสวน..สี่ ไม่รวมกองพลบนตัวตึกที่ถือวัตถุบางอย่างที่เล่นแสงสะท้อนวิบๆ ไปมา..คงเป็นด้ามปืนอีกราวห้า นี่มันบ้านหรือฐานทัพ ขนาดพื้นที่ในกรมทหารยังไม่วางกำลังพลขนาดนี้ ..แปลก สะดุดตา หยั่งกับเตรียมต้อนรับใคร
“ไอ้น้อง”
“ครับพี่”
“เข้ามาได้”
“ครับพี่”

..ง่ายเกินไป

ผมเดินตามหลังการ์ดอีกคนที่มารับไม้ต่อ มันมีด้ามปืนดุนอยู่ใต้เสื้อ ถ้าใครประกาศตัวเป็นศัตรูในอาณาเขตของพวกมัน ร่างคงพรุนตั้งแต่วินาทีแรกที่แสดงตัวเพราะเมื่อก้าวผ่านเส้นรั้วเข้ามาก็มีสไนเปอร์ส่องหัวแล้ว บรรยากาศตลอดทางอย่างกับกำลังเดินเข้าพื้นที่สีแดงระหว่างรัฐ ผมพยายามปั้นยิ้มเท่าที่หน้ากากเรซินจะขยับตามพลางมองไปมาเพื่อสำรวจเส้นทาง จำนวนคน ตำแหน่งกล้องวงจรปิด เพื่อเก็บข้อมูลเท่าที่ได้ส่งไปที่อิชะ ..ผู้ช่วยในภารกิจนี้ อิชะจะนำภาพที่ได้จากกล้องขนาดสองมิล คุณภาพระดับไฮเดฟ ที่ถูกอำพรางเป็นเม็ดไฝอวบนูนใกล้หัวคิ้วด้านซ้ายของผม ไปประกอบสร้างเป็นภาพ เพื่อเอาไว้อําพรางหลอกตอนที่แฮกระบบรักษาความปลอดภัยของบ้านหลังนี้ได้สำเร็จ ส่วนการที่อิชะจะแฮกได้ยังไงก็ขึ้นอยู่กับผมในคืนนี้ ว่าจะขโมยเลขไอพีกล้องจากมือถือของโทนี่ ฉินมาได้รึเปล่า

ถึงจะถูกบดบังด้วยต้นไม้ใหญ่หลายต้น แต่ตัวบ้านดีไซน์โมเดิร์นที่มีกระจกรายล้อมอยู่ตลอดทั้งอาคารก็ยังโดดเด่น ไร้มุมทึบ ทำให้ดูโปร่งโล่ง ง่ายต่อการสังเกตผู้บุกรุก แต่ก็ลำบากต่อประมุขของบ้านในการหลบซ่อนตัว
“ห้องเซิร์ฟเวอร์อยู่ไหนเหรอครับพี่”
“ไหนว่ามาจากบริษัทที่มาติดตั้ง มึงจําตําแหน่งไม่ได้รึไง”
“ผมเพิ่งมาใหม่ ทํางานได้แค่สองเดือนเองพี่”
“...”
“...” ผมยิ้มตอบ ส่งสายตาแสดงความจริงใจ ..วัดกันไปเลย อย่างมากก็แค่เปิดฉากดวลอาวุธที่เตรียมมา ผมกระชับกล่องอุปกรณ์ที่อยู่ในมือแน่น
“..ทางนี้”
“...” ผมยิ้มรับ และเดินตามหลังมันไป อดเบาใจไม่ได้ที่มันยอมเชื่อง่ายๆ เพราะผมไม่ได้อยากเปิดฉากบู๊เดี่ยวในรังโจร ถึงอาวุธจะเป็นต่อ แต่ปริมาณคนที่มากเกือบเท่าฝูงซอมบี้.. ผมคงเอาชีวิตรอดไม่ได้ง่ายๆ

..มันยืนเฝ้าขณะผมคลิกเปิดหน้าต่างหลังบ้านของโปรแกรมกล้องอย่างไม่คลาดสายตา ซํ้ายังมีคนที่คอยควบคุมห้องนี้อยู่อีกตั้งสองคน.. ทําอะไรที่ต้องทําไม่ได้สักนิด
“พี่อยากให้ผมปรับมุมกล้องตัวไหนไหม อย่างตัวนี้ที่ชั้นสอง ผมว่ามุมมองมันแคบไปหน่อยนะ ช่างคนก่อนคงติดตั้งไว้ไม่ดี”
“ไม่ต้อง พวกกูปรับเองได้”
“เดี๋ยวก่อน กูว่าก็ดีนะ ไหนๆ มันก็มาแล้วให้มันไปปรับเอียงไปทางซ้ายอีกนิด มันจะเชื่อมมุมกับตัวขวาพอดี”
“จริงพี่ ตอนนี้มันเหมือนขาดช่วง มุมไม่ค่อยได้ แถมเป็นบานหน้าต่างอีก ถ้ามีคนปีนเข้ามามันจะมองไม่เห็นเอา” ไอ้สองคนที่เฝ้าห้องพูดขึ้น
“แล้วพวกมึงปรับกันเองไม่ได้รึไง”
“โธ่พี่ ไหนๆ มันก็มาแล้ว พวกเราจะได้อยู่ดูมุมกล้องด้วยไง” ไอ้หัวเกรียนที่พาผมมาฟังเสร็จก็ส่ายหัวรําคาญ และเดินหายไปคุยกับใครสักคนในหู
“เออๆ นายอนุญาต พวกมึงนี่นะ เอ้า ส่วนมึง ตามกูมา”
“ครับพี่”

ผมปีนบันไดอะลูมิเนียมตัวสูงบนพื้นที่ของชั้นสอง กล้องวงจรปิดตัวขาวลอยอยู่ใกล้ระดับสายตา ไอ้ร่างยักษ์ยังคงเฝ้าอยู่ที่ปลายหางตา ผมหยิบไขควงและเครื่องสอดแนมสัญญาณขนาดเท่าน็อตจากกระเป๋าอุปกรณ์ที่เหน็บอยู่ข้างเอว ก่อนจะทําเป็นขันไขควงเข้าที่ตัวกล้องไปพร้อมๆ กันกับเนียนติดอุปกรณ์ของผมเข้ากับสายส่งสัญญาณภาพของกล้อง
“มึงทําอะไร”
“ขากล้องมันหลวมๆ น่ะพี่ พี่ถามพี่ข้างล่างให้หน่อย ขยับเท่านี้โอเครึยังพี่” ผมรีบยิงคําถามดึงความสนใจเฉไฉสิ่งที่ตาของมันสังเกตเห็น
“ไงพวกมึง ..เออ”
“...” ผมยิ้มทั้งที่ยังยืนคํ้าหัวมันอยู่บนที่สูง
“เออ เรียบร้อย มึงลงมา แล้วก็กลับไปได้”
“ไม่ให้ผมตรวจระบบอีกหน่อยเหรอพี่ ผมยังไม่ได้เช็คการเชื่อมต่อสัญญาณเลย ช่วงนี้มีคนโทรมาแจ้งเรื่องภาพที่ส่งไปที่มือถือว่ามันไม่ค่อยเสถียรน่ะพี่ แถมดีเลย์ๆ ด้วย” ถ้ามันยอม.. เรื่องก็จะยิ่งง่าย
“ไม่ต้อง นายไม่ได้สั่ง กลับไปได้แล้ว”
“โอเคครับพี่ ขอบคุณมากครับ”

ผมเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดขึ้นรถกระบะมีหลังคา ที่ข้างรถระบุว่าเป็นรถของบริษัทกล้องวงจรปิดยี่ห้อดังด้วยโลโก้และกราฟฟิกที่ใกล้เคียงของจริง ..หนึ่งในคอลเลคชั่นปลอมตัวที่จัดทําโดยทีมซัพพอต
ผมขับรถออกจากบ้านโทนี่ ฉินทันที ..ขั้นตอนที่หนึ่งสำเร็จไปได้ด้วยดี ไม่มีอะไรยาก ถึงจะไม่เป็นไปตามแผนเท่าที่ควร ผมกลับไปที่คอนโดอีกครั้งหลังจากแวะเปลี่ยนรถที่จุดจอด ..ไอ้คิวยังนอนหลับเป็นตาย ..ดี ตื่นมาก็วุ่นวาย แต่ถ้าจะให้มั่นใจว่ามันจะไม่มาป่วนแผนก่อนที่ผมจะเคลียร์ทุกอย่างเรียบร้อยราบรื่น ..ผมลากไอ้คิวออกจากห้องลับ และผูกแขนของมันฝากไว้กับขาข้างนึงของลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีน้ำหนักกว่าห้าสิบโลด้วยสายรัดพลาสติกที่ต้องใช้มีดหรือกรรไกรตัดเท่านั้น ถึงมันตื่นก่อนก็คงจะหลุดจากพันธนาการนี้ไม่ได้แน่
ผมเช็คความพร้อมของตัวเองอีกครั้ง พกอะไรที่จําเป็นน้อยชิ้น โดยมีสิ่งสําคัญที่สุดคืออุปกรณ์สื่อสารไว้ติดต่อกับอิชะที่จะคอยเป็นตาให้ผมในคืนนี้ ..รู้สึกไม่อุ่นใจสักนิด ผมชำนาญแต่การใช้สมองกับอาวุธ ส่วนการต่อสู้ประชิดตัวด้วยมือเปล่าถือว่าแย่ในหมู่กองกำลังพิเศษ รู้ตัวดีว่าติดเข้ามาในหน่วยลับนี้ได้ก็เพราะทักษะสมอง และความเป็นแพทย์ ..หรือจะเป็นเพราะทุกครั้ง ..ผมมีไอ้คิว ผมมองหน้าไอ้คนหลับไม่รู้เรื่องที่นอนอยู่บนลู่วิ่ง ..ถ้าคืนนี้ทุกอย่างจบลงด้วยดี อาจจะขอรางวัลตอบแทนความเหนื่อยยากจากมัน
.
.
.
..เวลา 20.00 น.
..ผับ xxx

ผมนั่งจิบเครื่องดื่มหมดเป็นแก้วที่สาม ถึงไม่ใช่คนคอแข็ง แต่แค่นี้มันทําอะไรผมไม่ได้ ..เมื่อไหร่จะมาวะ! ..คอของผมชักเริ่มเอียง

“ดีใจนะครับที่ได้เจอคุณอีก”
ผมเงยหน้าเอียงๆ ขึ้นมองคนร่างสูง เผลอยกมุมปากยิ้ม ..มาสักที
“ออ คุณนั่นเอง”
“เดสทินี่จริงๆ”
“นั่นสิครับ”
“มาคนเดียวเหรอครับคืนนี้”
“ครับ อยากนั่งเงียบๆ คนเดียว”
“เหมือนไล่กันเลยนะครับ”
“ก็ถ้าคุณนั่งเงียบๆ ได้”
“ผมก็ชอบความเงียบนะ แต่ในหลายสถานการณ์ ..ผมก็ชอบฟังเสียง”
“หึ” ผมทำเสียงในลำคอเบาๆ “สถานการณ์แบบไหนบ้างเหรอครับ”
“ก็.. เสียงร้องที่จะได้ยินกันแค่ระหว่างคนสองคน” โทนี่ ฉินกระซิบตอบที่ข้างหูของผม ก่อนจะถอยหน้าห่างเพียงคืบ ส่งสายตาเชิญชวน และส่งมือข้างหนึ่งมาสัมผัสต้นขาของผมอย่างเป็นงาน ไม่บอกก็รู้ว่าตอนนี้มันคิดอะไร ผมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แม้จะน้อยกว่าโทนี่ ฉินไปสักนิด ผมขยับหน้าเข้าใกล้ที่ข้างหูโทนี่ ฉินบ้าง มั่นใจในระยะว่าลมหายใจอุ่นของตัวเองจะปลุกเร้าเป้าหมายได้ไม่ต่างกัน ..ขณะที่มือข้างหนึ่งสัมผัสเข้าที่กระเป๋าหลังของมัน มือถือของมันอยู่ตรงนั้น ตําแหน่งที่ผมสังเกตเห็นตั้งแต่มันมายืน ผมติดตัวส่งสัญญาณที่จะเชื่อมต่อไปยังโกสต์แอดเดรสของอิชะ โดยที่มันจะเข้าไปแทรกแซงในสัญญาณที่ปล่อยออกจากตัวเครื่อง เพราะลักษณะที่เป็นแผ่นฟิล์มบางใสแค่ติดเนียนกลืนไปกับส่วนที่คลําเจอ ไม่ว่าใครที่เห็นก็คงคิดว่ามันเป็นเพียงเศษสก็อตเทปใสทั่วไป หารู้ไม่ว่าในความบางยืดหยุ่นนั้นมีนวัตกรรมเส้นใยโครงข่ายที่ถูกถักทอด้วยวัสดุเบาบางที่สุดและถูกคิดค้นในห้องแล็ประดับโลก ผมคลําเจอเลนส์กล้องของโทรศัพท์ ..เหมาะเจาะ

“ผมก็ชอบส่งเสียงร้องนะ”
“...”
“..แต่มันก็ต้องดูว่าสถานที่มันส่วนตัวมากแค่ไหน” และยิ้มมุมปากใส่โทนี่ ฉิน รู้อยู่แก่ใจว่าองศาหน้าของตัวเองตอนนี้ชวนมองแค่ไหน ก็ภาพในกระจกมันฟ้องอยู่ทุกวัน
โทนี่ ฉินยกคิ้วหนึ่งข้างขึ้นพร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แทนคําตอบ ก่อนจะผายมือแทนคําเชื้อเชิญ

[เยี่ยมมากเอลฟ์ จะรีบเคลียร์ด่านให้] อิชะพูดเป็นครั้งแรกในหู

ผมเดินนําออกจากร้าน โดยที่มีโทนี่ ฉินเดินตามประกบหลังไม่ห่าง สายตาหลายสิบคู่พากันมองมาตลอดทางที่พวกเราเดินผ่าน ..ไม่น่าใช่ลูกค้าของร้าน คงเป็นพวกของมัน
ผมขึ้นรถสปอร์ตสองที่นั่งสุดหรูสีดํามันวาวไร้รอยด่างใดใดที่มาเทียบท่าทันทีที่โทนี่ ฉินปรากฎตัว พอรถคันที่ผมนั่งออกตัวออกจากหน้าร้าน รถอีกหลายคันก็ออกตัวตามทันที ..นี่ขนาดแค่ออกมาเที่ยว ลูกน้องของมันยังตามติดไม่ตํ่ากว่าสิบ ..ถํ้าเสือที่มีเจ้าถิ่นอาศัยอยู่ด้วยในคืนนี้ คงมีบรรยากาศต่างจากเมื่อตอนกลางวันลิบลับ
“คืนนี้เราคงได้ทําความรู้จักกันจริงๆ สักทีนะครับ ไม่ว่าจะชื่อ ..ตัวตน หรือรสนิยม..”
“ผมขอตัดสินใจก่อนนะครับ ว่าผมอยากให้คุณรู้จักผมแค่ไหน”
โทนี่ ฉินส่งเสียงในลําคออย่างพอใจ “ผมไม่เคยต้องเป็นตัวเลือกของใคร”
“งั้นลองดูสักครั้งนะครับ”
“ครับ”
“...”
“..เพราะมันน่าลอง” โทนี่ ฉินละสายตาจากถนนมองผม พลางใช้ลิ้นแลบเลียริมฝีปากเล็กน้อยเหมือนไม่ได้เจตนา ทั้งสายตาที่มองมาก็แสดงออกอย่างไม่คิดปกปิดว่าต้องการ ..คงควบคุมอารมณ์ของตัวเองไว้แทบไม่ไหว เหมือนที่สายรายงานมาว่าโทนี่ ฉินเป็นพวกบ้าเซ็กส์ และซาดิส ส่วนผมในตอนนี้.. อะดรีนาลีนในร่างกายกําลังหลั่งหลาก ..มีแต่ความตื่นตัว

ภาพสลัวของเส้นทางสองฟากฝั่งของถนนสี่เลนภายในหมู่บ้านขนาดใหญ่ที่ไฟหน้ารถกําลังสาดส่องทําใจผมว้าวุ่น พยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ทบทวนแผนในหัว ความมั่นใจที่เคยมีกําลังถูกสั่นคลอน ..ภารกิจฉายเดี่ยวที่ไม่มีคิว..
ทันทีที่รถจอดด้านหน้าของตัวบ้าน ผมกับโทนี่ ฉินลงมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตูไม้บานใหญ่
“ไงครับ บ้านของผมเอง คงส่วนตัวพอใช่ไหมครับ”
“ก็ไม่นะครับ” ผมส่งสายตามองไปทางซ้ายขวา โทนี่ ฉินเข้าใจความหมายของผม มันพยักหน้าเรียกหนึ่งในลูกน้องที่ยืนเรียงรายไม่ไกลนักให้เข้ามาหา
“คืนนี้พวกมึงไม่ต้องอยู่บนตึก”
“ครับนาย” ลูกน้องรับคําและเดินจากไปพร้อมกับส่งคําสั่งไปยังคนอื่นๆ ผ่านหูฟัง
“เรียบร้อยครับ.. ผมไม่อยากจินตนาการเลยว่า.. เราจะใช้พื้นที่คุ้มขนาดไหน” โทนี่ ฉินพูดพลางเดินเข้าใกล้
“..ผมจะใช้ให้คุ้มเลยครับ”

..ชั้นสองคือส่วนที่ผมได้ขึ้นมาเมื่อตอนกลางวัน แต่ก็เพียงส่วนที่ต่อจากบันไดเท่านั้น พอได้ขึ้นมาเดินตอนนี้ ผมจึงมองสังเกตไปทั่ว นอกจากราวระเบียงจะโปร่งใสเพราะใช้วัสดุเป็นกระจกที่มองเห็นพื้นที่ชั้นล่างได้สะดวกแล้ว ห้องพักเท่าที่เห็นจากสายตาก็ไม่ได้มีความลับหรือแตกต่างอะไรจากห้องทั่วไป ออกจะมองเห็นได้โดยทั่วในทีเดียวว่ามีกี่ห้อง
“ทางนี้เลยครับ” โทนี่ ฉินเดินนำผมบ้าง หลังจากเห็นผมหยุดมองไปมาเมื่อเดินขึ้นมาบนชั้นสอง
“คุณอยู่คนเดียวเหรอครับ ..ห้ามตอบว่าอยู่กับลูกน้อง”
“ครับ พอดีผมบินไปๆมาๆหลายประเทศ ไม่ค่อยอยู่ที่ไหนนานๆ บ้านที่มีก็เลยไม่ต่างจากโรงแรม”
“ครอบครัวล่ะครับ?”
โทนี่ ฉินทำหน้าคิด “..ผม ตัวคนเดียวน่ะครับ เป็นเด็กกำพร้าที่ต้องดิ้นรน สู้ด้วยตัวเอง..จนมีวันนี้”
“เก่งจังครับ”
“ที่คุณสอบประวัติผมเนี่ย..?” โทนี่ ฉินเอียงคอทําหน้าสงสัย
“ก็แค่.. เก็บไว้ประกอบการพิจารณา”
“แสดงว่าผมกำลังถูกพิจารณา?”
“...” ผมไม่ได้ตอบ เพียงแค่อมยิ้มน้อยๆ โทนี่ ฉินหันกลับมามองใช้แขนคว้าเข้าที่เอวของผม รั้งร่างของผมที่ไม่ได้ทันตั้งตัวให้เซถลาทิ้งนํ้าหนักจนแนบเข้ากับลําตัวแกร่ง
“เรามาเริ่มกันเลยไหม ผมไม่ชอบรออะไรนานๆ” โทนี่ ฉินพูดพลางมองผมด้วยดวงตารีเรียวที่รุกลํ้า
“ตรงนี้?”
“จะตรงไหนก็ไพรเวท ตอนนี้ทั้งบ้านมีแค่คุณกับผม”
“...”

[ขอเวลาอีกนิดนะเอลฟ์] อิชะบอกผมด้วยนํ้าเสียงเย็น ..ไม่รีบร้อน

“...”
“..ตามที่คุณต้องการ” โทนี่ ฉินตอบเสียงสั่นพร่าระหว่างที่ซุกไซ้ซอกคอของผมด้วยความหื่นกระหาย!!! ..กับผมที่ร่างกําลังพิงกําแพงอยู่นอกห้อง จังหวะนั้นเองที่ผมล้วงเอาของบางอย่างจากในกระเป๋ากางเกงด้านหลังของตัวเอง ..ดุมกระแสไฟฟ้า ขนาดเท่าเม็ดกระดุมเส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งเซนต์ ขนาดอาจจะเล็ก แต่กระแสไฟที่บรรจุไว้นั้นเพียงพอให้ช็อตคนๆ นึงให้สลบได้โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตทั้งของเหยื่อและผู้ใช้ เพียงแค่กดปุ่มนูนด้านบน แต่มีข้อแม้ว่าตําแหน่งที่จะใช้ต้องเป็นจุดรวมประสาทที่อ่อนไหวมากพอ
ขณะที่โทนี่ ฉินยังเพลิดเพลินกับการชิมผมที่ต้นคอและลามไป ผมจับดุมไฟฟ้ากระชับแน่นและแตะเข้าที่ช่วงหลังหูของโทนี่ ฉิน แต่จังหวะนั้นเองที่มันก้มตัวลงเพื่อลุกลํ้าช่วงอกใต้สาปเสื้อเชิ้ตที่ถูกกระชากปลดของผม!!

พลาด!!!!!!!

..ยังดีที่ดุมยังอยู่ในมือ

“..เราไปต่อในห้องดีกว่าไหมครับ” ผมพยายามต่อรอง เพราะตอนนี้ยังอยู่ในจุดที่มีกล้องวงจรปิด ลูกน้องมันอาจนั่งดูอยู่ และแห่ขึ้นมาช่วยนายของพวกมันได้ทุกเมื่อถ้าผมต่อสู้
“...” โทนี่ยอมละความมัวเมาขึ้นมองหน้าผม สายตาของมันตอนนี้ทําผมหวาดหวั่น มันมีแต่ความหื่นอยาก อาการหอบของมันกําลังบอกชัดว่าไม่อยากรออะไรอีกแล้ว ขณะที่ผมกําลังประเมินโทนี่ ฉินในหัว มันก็ต่อยหมัดหนักเข้าที่ท้องของผม!!! ผมตัวงออ่อนลงทันทีพราะไม่คิดว่ามันจะลงมือ ..ดุมไฟฟ้าหลุดหล่นจากมือผมทันที!!

Chhhhhhhh!!!!
เสียงกระแสไฟฟ้าดังจี่ๆ ขึ้น ยังไม่ทันที่ผมจะเหลือบตาลงมองต้นตอของเสียง ร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้าน!!!

ผมโดนไฟฟ้าช๊อต!!!!!

“วอร์มอัพสักนิดนะ ..มันถึงจะสนุก”
พอพูดจบมันก็ช้อนเอาร่างผมที่เหลือสติอยู่บางเบาและไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านขึ้นแบกบนบ่า ทั้งที่สัดส่วนไม่ต่างกันมากนัก แต่มันกลับรับนํ้าหนักผมได้แบบเบาสบายอย่างกับว่าร่างผมไม่มีนํ้าหนัก
“ผมเคยรับจ้างแบกกระสอบข้าวสาร” มันพูดขึ้นราวกับว่ามันอ่านความในใจผมออก ขณะที่ผมตอบโต้อะไรไม่ได้
“..ความอดทนที่ผมฝึกอย่างหนักตั้งแต่อายุสิบขวบ คุณล่ะมีความอดทนมากแค่ไหน ..คุณสายลับ”

“!!!!!”

โทนี่วางร่างของผมลงบนโซฟาหนังขนาดพอดีตัวในห้องๆ หนึ่ง ล็อกมือทั้งสองข้างของผมเข้ากับกุญแจมือที่ฝังอยู่เหนือกําแพง ทั้งยังมัดข้อเท้าของผมไว้ แสงน้อยๆ จากไฟสีส้มเพียงดวงเดียวและสติรางเลือนที่ค่อยๆ คืนกลับ ผมรับรู้ได้ถึงความอันตรายจากคนตรงหน้า มันกําลังแสยะยิ้ม..
“แปลกใจล่ะสิ ว่าทําไมผมถึงรู้ว่าคุณเป็นสายลับ”
“...”
“คุณคงต้องหาคําตอบเอาเอง”
“...”
“..ถ้ารอดกลับไปได้ เอ แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าผมถูกใจคุณขึ้นมา ..คุณอาจจะได้อยู่หายใจบนโลกนี้ต่ออีกสักพัก”
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
05
- โทนี่ ฉิน -

.

.

..คิว

ผมลืมตาตื่นขึ้นอย่างเหนื่อยอ่อน ร่างกายชาแข็ง คงเพราะนอนนานเกินไป คงเพราะนอนท่าเดิมโดยไม่ขยับ ไม่ก็คงเพราะเสียเลือดมากเลยยังอ่อนเพลีย

!!!!!

ไม่ใช่!!!!

ผมนอนมากพอแล้วเมื่อคืนนี้ ..บนเตียงของคุณอาร์ และตื่นเช้ามากินข้าวต้มที่คุณเขาเตรียมไว้ให้ ก่อนที่จะวางแผน.. ไม่มีความทรงจําต่อจากนั้น

..ผมสลบไป???

..โดนคุณอาร์วางยา?!?

ผมรีบลุกขึ้นทั้งที่รู้สึกเมื่อยเคล็ด

..ลุกไม่ขึ้น ตัวลุกได้ แต่ติดที่แขน

ผมพยายามยันตัวขึ้นนั่ง ..บนลู่วิ่ง?

และข้อมือของผมถูกรัดไว้กับขาข้างนึงของลู่วิ่ง?!?!?!!!!

ภายในห้องมืดสลัวเพราะแสงธรรมชาติจากด้านนอกลาลับ และเพราะไฟในห้องไม่ได้ถูกเปิด มีเพียงแสงเรืองที่ส่องแยงมาจากทางห้องลับ ประตูถูกเปิดแง้มไว้กว่าครึ่งบาน ..เป็นแสงของคอมพิวเตอร์ที่เปล่งเรืองออกมา ผมหรี่สายตาเพื่อให้โฟกัสภาพที่ฉายอยู่บนจอได้ชัดขึ้น

ภาพของโทนี่ ฉินที่กําลังวางคุณอาร์ลงบนโซฟาฉายอยู่บนจอ!!!!!!!!! ผมกำหมัดแน่นทันที ถึงยังไม่รู้สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น แต่สภาพของคุณอาร์ดูไม่ดี เพราะต่อให้คุณอาร์จะมีจุดอ่อนเรื่องการต่อสู้ด้วยมือเปล่า แต่ก็ไม่ได้อ่อนหัดจนปล่อยให้ใครจับกุมหน่วงรั้งได้ง่ายๆ ผมรู้ดี.. เพราะผมเป็นคนฝึกให้คุณอาร์กับมือ

..เสื้อผ้าของคุณอาร์หลุดลุ่ย ดูจากมุมกล้อง.. คงเป็นการแอบถ่าย ไอ้โรคจิต!!!!!!!! ประวัติทุกด้านของโทนี่ ฉินเป็นเรื่องที่ผมรู้ดีอยู่แล้ว เพราะหน่วยลับของเราตามติดพฤติกรรมโทนี่ ฉินมานานแล้ว แต่ที่ทำอะไรไม่ได้เพราะประเทศนี้ยังต้องการ “หลักฐาน” “พยาน” “ข้อมูล” เพื่อให้ศาลตัดสินเอาผิด จะใช้อำนาจศาลเตี้ยไม่ได้ และที่สำคัญ.. เพราะกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ยังคงอยู่ใต้อำนาจของทุน และ “ใต้โต๊ะ” ยังคงเป็นวลีที่ขับเคลื่อนผลของกรรมดีกรรมชั่วอยู่

ไอ้โทนี่หายไปจากหน้าจอ.. ขณะที่คุณอาร์ของผมได้แต่นั่งนิ่ง ..มองไม่ถนัด แล้วมันก็เดินกลับเข้ามาในจอพร้อมกับของบางอย่างในมือ!

.

.

..อาร์

สมองยังคงมึนชา ร่างทั้งร่างยังคงไม่มีเรี่ยวแรง ไหนจะความปวดเจ็บที่ท้องน้อย.. ผมพยายามลืมตามองความเคลื่อนไหวของโทนี่ ฉิน มันกำลังเดินกลับมาพร้อมอุปกรณ์บางอย่างในมือ..

อะไร???

“ไม่ต้องกลัวไปนะ ผมยังไม่รีบทรมานคุณหรอก ไหนๆ ก็ไม่มีใครมารบกวน ผมว่าจะค่อยๆ เล่นกับคุณ ค่อยๆ ไต่ระดับไปเรื่อยๆ ..”

“...”

โทนี่ ฉินยิ้มมุมปาก สายตาหรี่ไล่มองร่างกายของผม มันเอามือข้างหนึ่งมาสัมผัสอกของผมที่ยังคงอยู่ใต้เสื้อเชิ้ตที่ถูกกระชากขาด

“กล้ามแน่นดีนะครับ สมกับที่เป็นสายลับ”

“...”

“ถึงโดยรวมจะดูนุ่มนิ่มไปหน่อย ..แต่ก็น่ากัด น่าฟัด อยากฟังเสียงคุณร้องแล้วสิ จะร้องเพราะแค่ไหนน้า” โทนี่ ฉินพูดพลางลูบไล้ไปทั่ว แล้วมันก็เลิกเสื้อของผมออก!!!! ร่างเกือบเปลือยของผมเปิดเผยอยู่ต่อหน้ามัน อยากจะต่อต้าน..แต่ก็ดันทำไม่ได้ ผมหายใจแรง หัวใจเต้นถี่รัว..

“จุ๊ๆ ไม่ต้องกลัวไง ผมบอกแล้วว่าผมจะค่อยๆ” โทนี่ ฉินเอามือมาแตะที่ตำแหน่งหัวใจของผม “ถ้าหัวใจวายก่อนจะทำยังไงล่ะ ลำบากต้องหาที่ทำลายศพอีก ผมลำบากใจนะ งั้นเอางี้ ไหนๆ ก็จะต้องตายอยู่แล้ว ก็ลองดูว่าความสนุกที่ผมจะมอบให้.. มันดีเยี่ยมขนาดไหน พอไปเจอยมบาล จะได้ตอบได้ว่า ..ก่อนตายน่ะ มีความสุขม๊ากมาก”

“มึง..!!!!”

“ว๊าาาา ขนาดจะด่ายังเบาขนาดนี้ แบบนี้จะร้องได้ดังสุดแค่ไหน.. ผมอุตส่าห์ตามใจแล้วน้า อยากอยู่กันแค่สองต่อสองก็จัดให้แล้ว งั้น.. ถ้าผมไม่ถูกใจ คุณต้องโดนทำโทษนะ..”

“!!!!!!!!”

“แต่ว่า.. ถ้าร้องง่ายๆ ก็ไม่สนุกสิ ถ้าผมไม่สนุก ไม่มีความสุข ลูกน้องที่จงรักภักดีของผมคงไม่แฮปปี้แน่ ดีไม่ดีอาจขึ้นมารุมคุณก็ได้ งั้น..” โทนี่ ฉินพูดจบก็ยกมือที่อยู่ข้างตัวตลอดเวลาขึ้น ผมมองตามการเคลื่อนไหว ในมือของมันมีเทปกาวขนาดใหญ่ มันดึงเทปกาวยาวพอประมาณ และนำมาปิดปากของผม

“ร้องเสียงดังๆ หน่อยนะ เผื่อจะมีใครมาช่วยคุณได้” โทนี่ ฉินยื่นหน้าใกล้ผม สายตาของมันโลมเลียผมไปทั่ว ลิ้นของมันตวัดเลียเข้าที่ข้างแก้ม ผมหันหน้าหลบทันที

“ผมเสียใจน้า มาเมินกันอย่างนี้ จะเข้ามาขโมยข้อมูลลับทั้งที มันก็ต้องมีอะไรมาแลกเปลี่ยนกันบ้าง” โทนี่ ฉินละจากตัวผมและเดินห่างออกไป

“ยังไม่ทันได้รู้จักชื่อคุณเลยนินา แต่ไม่เป็นไร เรารู้จักกันแค่นี้พอ ว่าแต่เริ่มหนาวแล้วใช่ไหม งั้นผมเพิ่มความร้อนให้ตัวคุณหน่อยดีกว่า ผมชอบคน.. แบบว่า ร้อนแรงน่ะ” โทนี่ ฉินหันหลังกลับมาพร้อมกับเชิงเทียนในมือที่มีดวงไฟลุกโชนสว่าง

“เห็นไหมว่าผมเป็นคนมีเมตตา ถ้าเป็นคนอื่น ผมจะใช้..” โทนี่ ฉินพูดพลางชี้นิ้วไปที่ผนังด้านหนึ่งของห้อง ตะขอเหล็กปลายเรียวแหลมขนาดต่างๆ ถูกแขวนเรียงราย “คุณต้องเดาไม่ถูกแน่ ..ว่ามันใช้กับตรงไหน”

ผมหายใจแรง ความกลัวกำลังจู่โจมจิตใจ พยายามกวาดตาพลางคิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้ ..แต่ไม่มี ผมพลาด.. การตัดสินใจทำอะไรเพราะคิดว่าตัวเองรับมือได้เพียงคนเดียวคือความมั่นใจที่ผิด.. โทนี่ ฉินวางเชิงเทียนที่โต๊ะด้านข้างของผม ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าผม มือของมันทั้งสองข้างค่อยๆ ลูบไล้ไล่ขึ้นมาจนถึงโคนขา!!!! ผมหายใจแรง และมองตามการกระทำของมัน พยายามออกแรงกระชากแขนที่ถูกล็อกอยู่ ..สูญเปล่า โทนี่มองหน้าผมขณะที่ตำแหน่งใบหน้าของมันอยู่ระหว่างกลางของตัวผม!!

“พร้อมจะสนุกไหมครับ”

“ปล่อยกู!!!!” ผมพยายามเปล่งเสียงทั้งที่มันคงฟังไม่รู้เรื่อง

“ดีๆ ขอดังๆ นะ” มือของมันค่อยๆ คลายเข็มขัดของผมออก รวมถึงกระดุม และซิปที่ถูกรูดลง หัวใจของผมเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว โทนี่ ฉินแสยะยิ้มกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า “ว๊าวววว” แล้วมันก็เอื้อมมือไปหยิบเชิงเทียน และจ่อเข้าใกล้!

“มึงจะทำอะไร!!!! ปล่อยกู!!!!!!!!” ผมร้องสุดเสียง ปลายขาพยายามจะดิ้นรนให้ร่นถอยหนีแรงร้อนจากไฟเทียนที่ลนใกล้เข้ามา!!!!!!!!

“ใจเสาะจัง ผมก็แค่อยากมองใกล้ๆ อยากดูขนาด อยากทำให้คุณหายหนาว” มันใช้ข้อศอกแข็งแรงยันขาสองข้างของผมถ่างออก ต่อให้ผมพยายามดิ้นรนแค่ไหนก็ยิ่งกลายเป็นเพิ่มความสุขให้กับมัน เพราะใบหน้าของมันบอกผมว่ามันกำลังสนุกสุดๆ โทนี่เลื่อนมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่มาที่ขอบบอกเซอร์ของผม มือของมันกำลังวางทาบทับ..

!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

เสียงยิงเข็มยาสลบ!!!!!!!!

หน้าของโทนี่ ฉินกำลังจะหล่นลงบนความเป็นชายของผม แต่ร่างของมันกลับถูกกระชากให้กระเด็นไกลพ้นตัวผมอย่างไร้ความปรานี!!!!!!!!

คิว!!!!!!!!!!!!!!!!

การปรากฎตัวของคิวที่ยืนอยู่ตรงหน้าทำผมนํ้าตาไหล ผมเพิ่งเผชิญความกลัวที่สุดในชีวิตไป และคนที่มาช่วยผมไว้คือคิว คนที่ทำให้ผมรู้สึกปลอดภัย และคิดถึงตลอดเวลาที่สำนึกได้ว่าตัวเองโง่แค่ไหนที่คิดทำภารกิจนี้เพียงคนเดียว..

คิวดึงเทปที่ปากผมออก และปาดน้ำตาที่ไหลรินอยู่ข้างแก้ม คงไม่ผิดที่ผมจะแสดงออกถึงความอ่อนแอในเวลานี้ต่อหน้าคนคนนี้ ความอบอุ่นที่คิวส่งมาให้ผมผ่านจูบที่คุ้นเคยทำให้ใจผมสงบลง สองมือของคิวกำลังสะเดาะกุญแจมือที่พันธนาการผมไว้ ..ทันทีที่สองมือเป็นอิสระ ผมก็โอบล็อกคอของคิว.. การได้สัมผัสคิวทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่ได้ฝันไป และมันจะช่วยยืนยันให้ผมรู้ว่าช่วงเวลาเลวร้ายได้ผ่านไปแล้ว..

คิวถอนหน้าออกห่างผมเพียงคืบและมองผม ดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์..

“อย่าทำอย่างนี้อีก..” มันพูดแค่นั้น น้ำเสียงทุ้มต่ำบอกให้รู้ว่ามันกำลังโกรธมาก ผมมองตามมือของคิวที่ติดกระดุมกางเกงให้ผม และไล่ไปแก้ปมเชือกที่ข้อเท้า..

ข้อมือของมันเต็มไปด้วยเลือด!!!!! ..รอยขีดเป็นทางยาว

“..อย่าวางยาผมอีก”

“...”

“รับปากสิ” คิวเงยหน้าขึ้นมองผม

“..อือ” ผมเม้มปากตัวเองแน่น ไม่อยากคิดว่าร่องรอยของบาดแผลนั้นอาจจะเป็นเพราะผม..

“ผมคุยกับอิชะเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างเคลียร์ รีบหาหลักฐานแล้วรีบออกจากที่นี่ เพราะอีกเดี๋ยวพวกมันก็คงแห่กันมา”

“..อืม” สมองของผมยังประมวลอะไรไม่ทันนัก รู้สึกตัวแค่ว่ากำลังเดินตามหลังคิว..

“ห้องนี้ใช่ไหมอิชะ” ไอ้คิวพูดขึ้น

[ไม่ใช่]

“ทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูดอะไร” ผมส่งเสียงถามอิชะบ้าง

[ในห้องนั้นน่ะติดเครื่องกวนสัญญาณ แต่ต่อให้อยากจะคุยด้วยก็คงไม่คุย ..กลัวจะขัดจังหวะ]

“!!!”

“เลิกไร้สาระ บอกมาห้องไหน!!” ไอ้คิวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ปนความไม่พอใจ

[โอเคคุณคู่หูติดสัด ขวามือ ห้องนั้น]

คิวสาวเท้าไปห้องนั้นทันที เปิดประตูอย่างระวัง และรีบเข้าไปเคลียร์พื้นที่ก่อนจะยอมให้ผมตามเข้าไป

ผมพุ่งตัวไปที่แล็ปท็อปทันที มันถูกเข้ารหัสไว้ ..เป็นไปอย่างที่คิด แต่จากที่อิชะแฮกเข้าระบบไอพีกล้องของบ้านหลังนี้ได้สำเร็จ ก็ไม่มีอะไรยากอีกต่อไป

“ว่าไงอิชะ รู้ใช่ไหม”

[DARK NIGHT]

“เข้าได้เรียบร้อย”

[ยังไงก็รีบๆ หน่อยนะ จะคอยดูต้นทางให้]

คิวสำรวจข้าวของรอบห้อง ขณะที่ผมไล่สายตาไปตามโฟลเดอร์ข้อมูลต่างๆ

“เจอแล้ว!!!!” ผมเสียบยูเอสบีที่เตรียมมาจัดการเซฟเอาไฟล์รายชื่อของลูกค้าทั้งหมดที่โทนี่ ฉินดีลไว้ มันมีทั้งรายย่อยระดับภูมิภาคภายในประเทศ ไล่จนถึงบุคคลที่ถ้าประกาศออกไปใครๆ ในโลกนี้ก็รู้จัก ขนาดแค่อ่านผ่านๆ ยังอดตกใจไม่ได้ว่าฉากหน้าที่น่านับถือ น่าศรัทธาของผู้คนเหล่านี้ จะกลับกลายเป็นไอ้ชั่วชาติที่ไม่รู้จักคำว่าผิดชอบไปได้

“ถ้าเรียบร้อยก็ไปกันได้แล้ว” คิวเดินมาประชิดผมที่ข้างเก้าอี้

“อืม”

“เป็นไงบ้างอิชะ”

[ทางยังสะดวก]

คิวส่งปืนให้ผม ..อุ่นใจ ผมเดินตามหลังคิวออกจากห้อง ผมทำตัวเป็นผู้ตามที่ดี สติเริ่มกลับคืน พร้อมที่จะดูแลตัวเอง ถึงคนที่เดินนำจะทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดของผมไปเรียบร้อยแล้ว

คิวพาผมเดินกลับไปที่ห้องที่โทนี่ ฉินสลบอยู่ ..เข็มยาสลบเข็มนึงจะมีฤทธิ์อยู่ราวหนึ่งชั่วโมง

ร่างของโทนี่ ฉินไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว!!!!!!!

ขณะที่ผมยืนอึ้ง ความตระหนกคืนย้อน คิวกลับมีสติสมบูรณ์ มันกวาดตามอง และเดินสำรวจห้องอย่างระแวดระวัง ..กินเวลาเพียงอึดใจ ก่อนที่คิวจะหันมาจูงมือผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งให้รีบออกจากห้องนี้ และรีบลงจากชั้นสอง ตอนนี้คิวกลายเป็นผู้คุ้มกันของผมเต็มตัว เพราะผมทำได้แค่เดินตามและถือปืนในมือแน่น

คิวดันหลังผมเดินจนพ้นประตูของตัวบ้าน ตลอดทางเดินออกสู่ประตูรั้วเป็นภาพของร่างที่ไร้สติของลูกน้องโทนี่ ฉิน! ผมมองหน้าคิวที่ไม่ได้สนใจมองผมสักนิดเพราะมัวแต่มองหาศัตรูที่อาจปรากฎตัวมาขวางทาง ..มากกว่าสามสิบ ผมประเมินจำนวนจากสายตา ..ฝีมือของคิวทั้งหมด สภาพของแต่ละคนคงได้หยอดน้ำข้าวต้มไปอีกหลายวัน ..แล้วใครมาช่วยโทนี่ ฉินไป!!!!! ..อาจจะเป็นลูกน้องของมันที่รอดจากมือคิว ..แต่ก็แปลกอยู่ดี

คิวพาผมเดินออกจากประตูรั้วบานใหญ่ของบ้านโทนี่ ฉิน บิ๊กไบค์ของคิวจอดแอบอยู่ข้างรั้วมืดข้างหนึ่ง ความอันตรายยังคงมีอยู่รอบตัว

[ไม่อยากบอกเลยว่า บ้านที่อยู่รอบๆ เป็นบ้านของพวกมันทั้งหมด ยังไงก็..รอดออกมาให้ได้]

เสียงของอิชะดังในหู ขณะที่คิวสวมเสื้อกันกระสุนตัวบางแต่ทรงประสิทธิภาพ และสวมหมวกกันน็อคเต็มใบให้ผม สายตาของคิวที่มองมากำลังบอกผมว่า ..ไม่ต้องห่วง ขอให้เชื่อใจมัน คิวยิ้มให้ผมก่อนจะหันหลังวาดเท้าขึ้นคร่อมบิ๊กไบค์ ..ผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะขึ้นซ้อนท้าย ความอบอุ่นใจแผ่ซ่านอยู่เต็มหัวใจ ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไรต่อจากนี้ ขอแค่มีคิวอยู่ข้างๆ ..ผมจะไม่กลัว

..มือขวายังคงถือปืน ส่วนมือซ้ายก็โอบรอบเอวของคนด้านหน้า การลุยฝ่ากองทัพศัตรูในรังของพวกมันคงใกล้เคียงกับการเอาตัวรอดในดงซอมบี้

“เอลฟ์..พร้อมไหม”

“..พร้อม” ผมหายใจลึก

คิวสตาร์ทรถ ไฟคู่หน้าจากยานพาหนะส่องเป็นลำไปยังพื้นที่ตรงหน้า กลุ่มคนจำนวนหนึ่งกำลังเดินดาหน้าเข้ามา พวกมันมีอาวุธครบมือ

!!!!!!!!!!!

เสียงปืนหนึ่งนัดดังขึ้น ราวกับเป็นสัญญาณปล่อยตัวในสนามแข่ง คิวบิดบิ๊กไบค์ออกจากที่ตั้งทันที เสียงห่ากระสุนดังรัวเร็วไม่เว้นช่วง มือขวาของคิวอยู่บนแฮนด์ ส่วนมือซ้ายก็ถือปืนคู่ใจ เพียงแค่ชายตามองเป้าหมายผ่านหมวกกันน็อค มันคนนั้นก็ล้มลงเพราะโดนกระสุนที่แม่นราวจับวางของคิว ส่วนผมที่ชำนาญการใช้อาวุธอยู่แล้วก็ไม่พลาดที่จะยิงสกัดพวกมัน

เราลุยฝ่าพวกมันมาได้สามในสี่ของเส้นทาง แต่ปริมาณคน และความพยายามของพวกมันยังคงไม่ลดลง ไอ้ที่เข้ามาด้านหน้าก็บ้าดีเดือด ไอ้พวกที่ยังไม่เจ็บตัวก็ยังตามไล่หลังไม่ลดละ ทันใดนั้น คิวก็กดปุ่มการทำงานบางอย่างที่หมวกกันน็อค ผมเข้าใจแผนที่คิวต้องการทันที ผมกดปุ่มนั้นบ้างและล้วงมือเข้าไปที่ใต้เสื้อแจ็กเก็ตของคิว ..ที่เก็บอาวุธประจำตัวของมัน

..ระเบิดแสง

คงเป็นอาวุธเดียวที่จะเคลียร์พวกมันได้อย่างมีประสิทธิผลมากที่สุด และสูญเสียน้อยที่สุด เพราะแค่นี้ พวกเราก็ต้องเข้าชี้แจงกับทางหน่วยแล้วว่าทำไมถึงมีคนเจ็บ คนตายในภารกิจนี้ ..ก็สาสมกับความชั่วของพวกมันแล้วไม่ใช่รึไง แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเปิดการทำงานของระเบิดแสงพวกมันก็ขับรถมาจอดขวามทางอยู่ข้างหน้า แทนที่คิวจะเบรครถ กลับยิ่งบิดเร่งเครื่อง ถึงจะรู้ว่ามันกําลังจะทำอะไร แต่ก็อดหลับตาเพราะความหวาดเสียวไม่ได้เมื่อความห่างระหว่างรถสองคันใกล้เลขศูนย์เต็มที ..จังหวะที่บิ๊กไบค์ยกตัวลอยไร้พื้นรองรับ ..ผมลืมตามอง พวกเราลอยข้ามหลังคารถได้อย่างเฉียดฉิว พื้นผิวของยางล้อหลังถากลากเข้ากับสารเคลือบเงาของรถคันใหญ่ ก่อนจะทิ้งน้ำหนักตัวทั้งหมดของมันกระแทกลงที่พื้นถนน ..คิวทำสำเร็จ พวกเราทิ้งการไล่ล่าของพวกมันไว้เบื้องหลังและกลับรังของเรา..

.

.

..ทันทีที่ถึงห้อง ผมคว้ากล่องปฐมพยาบาลผ่านประตูลับมายังห้องของคิว

..ลู่วิ่งที่ผมรั้งตัวคิวไว้ปรากฎอยู่เบื้องหน้า รอยเลือดที่สาดกระเซ็น แม้ไม่มาก แต่ก็บอกได้ว่า คิวออกแรงมากแค่ไหนเพื่อกระชากสายรัดพลาสติกที่แน่นหนาให้ขาดออก ผมเอามือปิดปาก รู้สึกผิดจับใจ ไม่ใช่แค่พาตัวเองไปเสี่ยงแบบโง่ๆ แต่ยังทําให้คิวเจ็บตัวด้วย

คิวเดินถือถังนํ้าขนาดย่อมออกมาจากห้องนํ้า ..คงมาทําความสะอาด ผมรีบตรงไปคว้าถังนํ้านั้นแล้ววางลง ก่อนจะลากคิวให้เดินไปนั่งลงบนโซฟาที่อยู่ใกล้ๆ ดีที่มันไม่ขัดขืน..

ผมนั่งลงข้างตัวคิว จับเอามือข้างซ้ายของมันมาวางบนตัก ..แผลไม่ลึกมาก แต่ก็โดนเส้นเลือดหลัก รอบปากแผลเป็นรอยบาดชัด ผมอยากจะต่อว่าที่คิวฝืนทําอะไรโง่ๆ แต่มันก็เพราะผมที่ก่อเรื่องไว้ ผมเลยได้แต่ปิดปากเงียบและทําแผลอย่างเบามือ

“เสร็จแล้ว”

“...”

“นั่งตรงนี้ก่อน อย่าเพิ่งลุก” ผมออกคําสั่ง ขณะที่ตัวเองลุกขึ้นเดินเข้าครัว อุ่นอาหารแช่แข็งที่รสชาติไม่เลวให้ไอ้คนไม่รู้จักความเจ็บปวด

คิวเดินตามมาในห้องครัว และนั่งลงบนโต๊ะอาหาร

“บอกแล้วไงว่าอย่าเพิ่งลุก” ผมขึ้นเสียงกับคิว

“ไม่ได้เจ็บขนาดนั้น”

“เมื่อวานมึงโดนมีด วันนี้มึงก็ไปลุยถล่มพวกมัน ไหนจะเจ็บเพราะกู.. มึงช่วยอยู่นิ่งๆ ได้ไหม หรือว่าอยากจะตายแล้ว” ผมกัดฟันข่มความรู้สึกไว้ ทั้งที่ในใจรู้สึกหวั่นไหวต่อคําพูดของตัวเอง ถ้าแม่งตายเพราะเสียเลือด.. ผมคงต้องโทษตัวเองไปตลอดชีวิต

“คุณอาร์อยากให้ผมตายรึไง”

“...” ผมมองหน้าไอ้คิวที่นั่งอยู่ สายตามันพูดว่า ‘บอกมาสิว่าต้องการอย่างนั้น’

“ข้าวร้อนล่ะ มึงกินได้เลย จะได้กินยา แล้วจะได้นอน” ผมยกอาหารออกจากไมโครเวฟ และวางลงบนโต๊ะตรงหน้าคิว ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป โดยที่ไม่ตอบคําถามของมัน

ผมเดินไปที่ถังนํ้าที่วางอยู่ ผ้าชุบนํ้าหมาดถูกถืออยู่ในมือ ผมเช็ดรอยคราบเลือดที่อยู่บนขาของลู่วิ่ง แม้แต่วัสดุของเครื่องที่คงทน ยังมีรายถากจากการขูดของสายรัด ไม่อยากนึกว่าคิวจะต้องออกแรงมากแค่ไหนถึงกระชากจนสายรัดขาดได้ ..ผมลูบร่องรอยนั้น ขณะที่มองตามมือของตัวเอง มือของคนที่ควรจะนั่งกินข้าวอยู่กลับวางทาบทับลงบนมือของผม คิวกุมมือผมไว้ให้ละจากรอยพวกนั้น

“คุณอาร์ก็ไปกินข้าว ผมเตรียมให้แล้ว ส่วนตรงนี้เดี๋ยวผมมาจัดการเอง”

“...” ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองคนที่อยู่ด้านหลัง ..กูทํามึงเจ็บ มึงต้องไปช่วยกู แล้วนี่มึงยังต้องมารับใช้กูอีก “..ให้กูเช็ดให้เสร็จก่อน” ผมพยายามกัดฟันพูดให้เสียงไม่สั่น ..ฟอร์มที่ต้องรักษา ถึงจะบอกตัวเองอย่างนั้น แต่ของเหลวในตากลับไม่เชื่อฟัง..

..กูขอโทษ

ผมควรจะพูดมันออกไป..

“ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร..” คิวกอดผมไว้.. มันกําลังปลอบผม.. “ถึงไอ้โทนี่จะยังไม่โดนจับ แต่คุณอาร์ไม่ต้องกลัว ผมจะอยู่ข้างๆ คุณอาร์ตลอดเวลา มันจะไม่มีทางเข้าใกล้คุณอาร์ได้แน่”

“...” ผมอึ้งกับคําพูดของคิว ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้สักนิด แต่คิวกลับห่วงผม.. ขณะที่ผมกําลังรู้สึกผิดเพราะห่วงมัน.. ผมยิ้มได้ไหมตอนนี้ ผิดไหมถ้าผมจะรู้สึกดีที่มันบอกมาอย่างนั้น “อืม ก็ดี เป็นความผิดมึงชัดๆ ที่ปล่อยให้มันหลุดมือไป”

“ครับ ความผิดของผมเอง”

“งั้นก็ไปกินข้าว ..แล้วค่อยมาช่วยกันเช็ด” ผมรีบปาดนํ้าตาทั้งที่ยังอยู่ในอ้อมแขนของคิว

“ครับ”

“งั้นก็ปล่อยกูได้แล้ว”

“ครับ”

ผมแอบยิ้ม ก่อนจะปั้นหน้าตึงหันกลับมาเผชิญหน้ามัน เร็วพอที่คิวมันจะยังไม่ทันคลายอ้อมแขนออกจากตัวผม

“คืนนี้กูอยากผ่อนคลายด้วย”

“...”

“ไหวไหม”

“...”

ไอ้คิวทําหน้าเหมือนไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด ..เริ่มรู้สึกเก้อ “กูก็แค่จะกินยาคลายเครียดแล้วหลับยาว มึงดูแลกูได้ใช่ไหม”

“ได้ครับ ..แต่คุณอาร์ไม่ต้องกินยาหรอกครับ ผมจะทําให้คุณอาร์ผ่อนคลายเอง” มันกดสายตามองผม ..เจ้าเล่ห์ฉิบ

ผมยิ้มมุมปาก “จะไหวเหรอ แผลเต็มตัว..”

“จะพิสูจน์ตอนนี้เลยไหมครับ”

“ไม่ กูจะกินข้าว” ผมรีบสะบัดตัวเองออกและเดินไปห้องครัว ..แค่นี้ก็ฝืนปั้นหน้าต่อไม่ไหวแล้ว!!

.

.

.

..ณ มุมหนึ่งบนโลกใบนี้

..คฤหาสน์หรูริมทะเลสาป

“ผมหาตัวเจอแล้วนะครับ”

“...”

“ถึงจะเพราะความบังเอิญ..”

“...” บุคคลปริศนายังคงยืนนิ่งมองไกลออกไปยังทิวทัศน์นอกหน้าต่าง แสงสุดท้ายของวันกำลังสาดแสงแดงเข้ม

“ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”

“ให้บอกง่ายๆ จะดูเป็นการหักหน้าท่านนะครับ”

“นั่นสินะ ..งั้นต้องการอะไรล่ะ”

“ก็ต้องเอาให้คุ้มกับการที่ผมต้องเสียบ้าน เสียลูกน้อง ไหนจะรายชื่อลูกค้า.. เฮ้อ ผมต้องเสียรายได้มหาศาล เพื่อแค่เช็คว่าคนๆ นั้นใช่คนที่ท่านตามหาอยู่รึเปล่า”

“นายต้องเสียสละน่าดู..”

“ก็.. เพราะท่านเป็นคนฝากผมดู”

“น่าประทับใจ เอาเป็นว่าจะเก็บไปคิด”

“อย่านานนะครับท่าน ดอกเบี้ยมันขึ้นทุกวัน”

“กล้าต่อรองแบบนี้สินะ ถึงได้เป็นนัมเบอร์วัน”

“ผมก็แค่อยู่ให้เป็น กอบโกยเท่าที่จะทำได้ โลภตอนที่โลภได้ แต่..งานทุกชิ้นที่รับดูแล จะต้องไม่มีข้อผิดพลาด”

“อืม เอาเป็นว่าคุณจะได้ในสิ่งที่สมควรได้แน่นอน”

“ครับ ผมจะรอ”

..ในที่สุดแขกก็ลากลับไป

“ให้คนตามผมมา มีอะไรเหรอครับพ่อ”

“เจอตัวเแล้ว”

“ไวกว่าที่คิดนะครับ”

“อืม แกต้องเตรียมตัวไปรับ”

“ได้ครับพ่อ”

“แล้วฉันจะบอก ..ว่าเมื่อไหร่”

“...”

.

.

.


ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
06
หมอชิน

.

.

.

..อาร์

ผมรู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนเช้า เป็นความเคยชินของร่างกายที่บันทึกเวลาตื่นไว้ คิวยังคงนอนหลับอยู่ข้างๆ เสียงลมหายใจสม่ำเสมอดี ไม่อยากเชื่อว่าคนข้างๆ ตัวจะยัง ‘ไหว’ ทั้งที่ร่างกายเจ็บปวดขนาดนั้น ทั้งแผลเก่าแผลใหม่.. ไปเอาความอึดถึกขนาดนี้มาจากไหน

!!!!!

เสียงเมลล์ดังขึ้นจากห้องทำงานลับ ผมรีบลุกผละออกจากเตียงและเดินตรงไป พยายามขยับย่างให้เบาที่สุด เพราะยังอยากให้คิวนอนต่อ

ผมดับเบิ้ลคลิกเปิดเมลล์นั่นทันที ..มันเป็นคลิปวิดีโอที่ถูกเข้ารหัส ซึ่งไม่ได้ยากเลยสำหรับผม ผมถอดรหัสสักพักก็เปิดคลิปได้ และยังลงโปรแกรมตามรอยเส้นทางที่คลิปนี้ถูกส่งมา

โทนี่ ฉิน!!

[เป็นไงบ้างคุณสายลับ..]

ผมกําหมัดแน่น ขณะที่มันกําลังเดินไปมาอวดกล้ามท้องโดยมีเพียงเสื้อเชิ้ตคลุมหลวมๆ

[..ทําผมหลับน่ะไม่เท่าไร แต่ไอ้ที่ทําผมปวดระบมไปทั้งตัวเนี่ย ..ผมจะจดไว้น้า]

[พวกคุณได้อะไรไปตั้งเยอะ แต่ผมนี่สิ เสียทั้งบ้าน ทั้งลูกน้อง แต่ที่เสียใจมากที่สุด ก็..] มันหยุดยืนที่กล้อง และจ้องเข้ามา ความรู้สึกราวกับว่ามันกําลังยืนอยู่ต่อหน้า

[..อดชิม อดกิน]

!!!!!!

ภาพที่หน้าจอดับลง แม้เสียงยังคงถูกเล่นอยู่ เป็นคิวที่ปิดสวิตช์หน้าจอ มันยืนอยู่ข้างๆ ตัวผมและจับตัวผมให้หันไปมองหน้ามันแทนโทนี่ ฉินที่กําลังทําได้แค่ส่งเสียงพูด

[..แต่ไม่เป็นไร สักวันนึง เราคงได้มีโอกาสเล่นสนุกกัน ผมยังรอฟังเสียงของคุณนะ ..คุณสายลับ]

ผมเม้มปากแน่น ภาพความทรงจําเมื่อคืนตามมาให้รู้สึก คิวคุกเข่าลงและรั้งตัวผมเข้าไปกอดไว้ ความอบอุ่นใจที่ถูกส่งผ่านทําให้ผมรู้สึกดี

[ออ จะว่าไป ..ถึงคุณสายลับอีกคน ผมประเมินคุณไว้ตํ่าเกินไป ต้องขอโทษด้วยที่ไปดูถูกคุณ จริงๆ ถ้าลูกน้องผมรั้งคุณไว้ได้อีกสักสิบนาที ผมคง..] โทนี่ ฉินครางเสียงชวนน่ารังเกียจ ผมซบหัวกับบ่ากว้างของคิวแน่น

[เอาเป็นว่า..ไว้เจอกันใหม่ ผมน่ะเป็นคนมีความพยายาม อะไรที่ต้องการ ..ไม่เคยรอดพ้นจากมือผมไปได้]

..แล้วเสียงก็ตัดไป คิวรีบเปิดหน้าจอเพื่อดูโปรแกรมตามรอยที่ผมเปิดไว้ ผลของมันขึ้นว่าคลิปนี้ถูกส่งมาจากไอพีแอดเดรสนอกประเทศ ไกลออกไปทางแถบยุโรป ..และก็ตามได้เพียงแค่นี้เพราะไอพีที่ว่านี้เป็นไอพีโกสต์ที่ถูกสร้างขึ้นโดยโปรแกรมเมอร์ฝีมือดี ต่อให้รู้ต้นตอที่อยู่ ก็ไม่อาจเชื่อได้ว่าเป็นที่ๆ ส่งออกเมลนี้จริง เพราะไอพีผีพวกนี้ถูกสร้างขึ้นและปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา

“คุณอาร์ไปอาบนํ้าเถอะครับ เดี๋ยวผมทําอะไรให้กิน” คิวพูดขึ้นหลังจากที่เราทั้งคู่ต่างก็รู้ว่าคงทําอะไรกับคลิปของโทนี่ ฉินไม่ได้

“...” ผมมองหน้าคิว

“ก็.. เดี๋ยวเราคงโดนตามตัว ไม่ก็.. ต้องชี้แจงอะไรอีกเยอะ เตรียมตัวให้พร้อมน่าจะดีกว่านะครับ”

“...” คิวมีสติเสมอ แม้จะแสดงออกถึงความเรื่อยๆ ที่ดูจะหาสาระ หรือความจริงจังไม่ได้ แต่ในหลายครั้ง กลับคุมเกมและเรียบเรียงลําดับความสําคัญของสถานการณ์ได้ดี ..มีความเป็นผู้ใหญ่ที่แม้แต่คนฟอร์มจัดอย่างผมยังแพ้ทาง..

“หรือจะให้ผมอาบให้..”

“...”

“ไม่ตอบ แสดงว่าไม่ปฏิเสธนะครับ” ไอ้คิวเอาหน้าเข้ามาใกล้ ..ทีเล่นทีจริง

“ไม่ต้องเลย กูอาบเองได้”

.

..คิว

“ไม่ต้องเลย กูอาบเองได้”

คุณอาร์พูดจบก็เดินกลับห้องตัวเอง ผมดีใจนะที่คุณเขายังเดินได้ปกติดี หลังจากที่เมื่อคืน.. แค่นึกยังเขินตัวเอง ..มึงทําดีมากไอ้คิว ..มึงเก่งมาก ทั้งเรื่องที่ไปช่วยคุณเขาได้ทันเวลา ไหนจะที่ทําให้คุณอาร์ผ่อนคลายได้อีก

ผมเดินออกจากห้องทํางานลับไปที่ห้องครัว เปิดตู้เย็นดูวัตถุดิบที่พอมีอยู่ คงทําอะไรไม่ได้เวอร์วัง แต่ก็พอให้ไม่อับอายต่อความพยายามเทรนด์ผมของคุณนาย แม่ของคุณอาร์ ผมวางหม้อข้าวที่ซาวเสร็จในเครื่องหุงเรียบร้อย ต่อด้วยตีไข่สามฟองในชามให้คลุกเคล้าเข้ากันกับส่วนผสม เครื่องปรุง ก่อนจะกรองเอาฟองออกและนึ่งเป็นไข่ตุ๋นร้อนๆ ผมมองข้อมือตัวเองที่มีผ้าพันแผลพันอยู่จากการต่อสู้กับสายรัดที่คุณอาร์พยายามขังผมไว้ ..เหตุการณ์เมื่อคืนย้อนกลับมาให้คิด

..ผมรู้ว่าคุณอาร์ทําอะไรอยู่ที่ไหนเพราะภาพจากกล้องวงจรปิดที่อิชะแฮกได้และส่งมาให้

..อิชะรู้ไอพีที่คอนโดนี้ได้ยังไง ในเมื่อคุณอาร์เข้ารหัส และสร้างไอพีโกสต์ไว้ใช้งานทุกครั้ง ยังไงก็ไม่มีทางส่งมาถึงได้แน่ ..หรือแค่ส่งมาตามไอพีโกสต์ก็ได้

..และถึงอย่างนั้น อิชะจะส่งกลับมาทําไมในเมื่อตัวเองมีหน้าที่เป็นตาให้คุณอาร์ที่ทําภารกิจอยู่? ส่งมาให้ใคร? ..ให้ผม?

..ที่สําคัญที่สุด โทนี่ ฉินส่งคลิปมาถูกที่ได้ยังไง?

..ความเชื่อมโยงระหว่างอิชะกับโทนี่ ฉิน??

คําถามเกิดขึ้นในหัว ..ชักสงสัยในตัวของอิชะ ผมรู้จักอิชะเพราะคุณอาร์เคยพูดถึง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะเห็นว่าอยู่หน่วยลับเหมือนกัน..

“มีอะไรกิน” เสียงคุณอาร์เรียกผมให้หลุดจากการใช้ความคิด คุณเขาเดินมาพร้อมกับผมเปียกหมาดใต้ผ้าขนหนูผืนเล็ก ..โคตรน่ามอง

“ข้าวกับไข่ตุ๋น พอไหมครับ”

“พอ ข้าวยังไม่สุกนิ ไปอาบน้ำก่อนดิ”

“ครับ” ผมขยับตัวจะเดินออกจากเคาเตอร์ แต่ก็หยุดยืน “คุณอาร์รู้จักอิชะมากแค่ไหนครับ”

“ก็มากพอให้สงสัยไม่ต่างจากมึง เหมือนมันตั้งใจส่งภาพมาเพื่อเรียกตัวมึงไปที่นั่น ถ้าบอกว่าเป็นความหวังดีก็เข้าใจได้ แต่.. ทำไมโทนี่ ฉินถึงพูดว่าประเมินความสามารถมึงไว้.. เหมือนรู้ว่ามึงจะต้องไปแน่.. แล้วคนที่ช่วยเรียกตัวมึงไป ก็คือ.. อิชะ”

“...”

“..ตอนที่กูไปบ้านมันตอนบ่าย กูก็ตระหงิดๆ ว่าทำไมมันปล่อยให้เข้าง่ายๆ ไหนจะที่ลูกน้องมันเตรียมพร้อมเต็มบ้าน เหมือนรอต้อนรับใครอยู่ ทั้งอาวุธ ทั้งจำนวนคน”

ผมมองหน้าคุณอาร์ก่อนจะพูดสรุป “..มันรู้ทุกอย่างล่วงหน้า รู้ว่าคุณอาร์คือสายลับ แล้วก็รู้ว่าผมคือคู่หูของคุณอาร์ มัน.. รู้จักพวกเราทั้งคู่”

“...”

.

.

.

“จากข้อมูลที่พวกคุณส่งมา แน่นอนว่าทางกรมจะมีงานให้ตามต่อไปอีกเป็นปี รายชื่อที่ได้มาก็เป็นพวกตัวใหญ่ๆ ทั้งนั้น ..ถึงจะน่าตกใจ เพราะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจบ้าง แต่ก็ดีที่เราจะได้เคลียร์คนพวกนี้ออกไปจากสังคม พวกทำลายแผ่นดิน”

“... / …” ทั้งผมและคุณอาร์กำลังตั้งใจฟังสิ่งที่นายกำลังวิดีโอคอลผ่านช่องทางติดต่อสื่อสารยิงสัญญาณจากดาวเทียมเฉพาะที่เป็นของกองกำลังพิเศษ

“..แต่ มันไม่ทั้งหมด พวกมันที่กำลังจะถูกดำเนินการตามขั้นตอนเป็นแค่ส่วนเดียว และเท่าที่รู้ ก็เป็นพวกที่.. กำลังจะเสื่อมอำนาจ พวกคุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม”

“ครับ” คุณอาร์ตอบ ส่วนผมทำเพียงพยักหน้า ไม่ค่อยชอบอะไรที่เป็นทางการ รู้แค่ไปตามล่าพวกชั่วชาติก็พอ

“และจากที่พวกคุณรายงาน โทนี่ ฉินเป็นบุคคลอันตรายกว่าที่เราคิด นอกจากจะต้องตามไล่ล่ามันต่อไป พวกคุณคงต้องระวังตัวกันมากขึ้นด้วย ส่วนเรื่องอิชะ คนที่พวกคุณว่าอยู่ในกองกำลังพิเศษเหมือนกันเป็นผู้ต้องสงสัยว่าจะเชื่อมโยงกับโทนี่ ฉิน ..ผมจะตามเรื่องให้”

“ขอบคุณครับ / ครับ”

“ก่อนที่จะรู้ความเคลื่อนไหวของมัน พวกคุณก็คิดซะว่าใช้โอกาสนี้พักไปก่อน ..แต่คงไม่นานหรอก จนกว่าจะมีภารกิจใหม่”

“ครับ / ครับ”

.

.

.

..จากคำพูดของนายเมื่อวาน เลยเป็นที่มาของการปลอมตัวอยู่ภายใต้หน้ากากของ ‘ลุง’ วัยกลางคนที่ใบหน้ามีริ้วรอยประสบการณ์ชีวิต บวกเพิ่มด้วยเนื้อปลอมเสริมพุงให้ดูเป็นมนุษย์ร่างหมีที่พอมีอันจะกิน ผมกำลังโคฟเป็นประชาชนคนหนึ่งที่มารักษาอาการปวดท้องในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลในสังกัดทหารแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่ทำงานของนายแพทย์ทหารอริญชย์ หรือก็คือคุณหมออาร์

ผมกรอกข้อมูลผู้ป่วยที่เป็นหนึ่งในคาแรคเตอร์ที่ถูกสร้างรอไว้ในฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์

“ลุงสงวน นามหมื่นนะ อาการเป็นยังไงบ้าง”

ผมยิ้มตอบพยาบาลที่มีท่าทางใจดี และพูดจาดี ถึงไม่มีหางเสียง แต่ก็น่าฟังเป็นกันเอง “ลุงปวดท้องมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว มันเสียดๆ เป็นช่วงๆ เดี๋ยวหายเดี๋ยวปวด”

“พอเดินไหวใช่ไหม หรือจะเอารถนั่งดี”

“ไหวๆ” ผมตอบพลางเดินตัวงอตามอาการที่มโนว่าเป็นพลางเกาะแขนคุณพยาบาลที่ใจดีเป็นไม้เท้าให้ผม

“ลุงนอนลงบนเตียงนี้ได้เลยนะ เดี๋ยวคุณหมอมาตรวจ”

“คุณพยาบาล ลุงขอหาหมออาร์ได้ไหม”

“หมออาร์?”

“ใช่ๆ หมออาร์ ลุงอยู่แถวบ้านแกน่ะ ลุงสบายใจ”

“ออ ได้ค่ะ จะแจ้งให้นะคะ แต่ไม่รู้ว่าคุณหมอติดเคสอื่นอยู่รึเปล่านะ”

“ขอบใจมากนะหนูเอ๊ย”

พยาบาลคนดีเดินห่างออกไปขณะที่ผมก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงผู้ป่วยด้วยท่าทีสำออย ..กฎพื้นฐานของการปลอมตัว เราต้องเชื่อในสิ่งที่เราปลอมว่าเป็น และคอนทินิวมันต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย

ภายในห้องฉุกเฉินตอนนี้ไม่วุ่นวายเท่าไหร่ ต่างจากหลายครั้งที่ผมแอบมาโดยที่คุณอาร์ไม่รู้ เหตุผลที่มา.. ก็เพราะอยากให้คุณอาร์อยู่ในสายตา ส่วนที่มาในวันนี้และแผนที่จะมาในทุกทุกวันต่อจากนี้ ..ก็เพื่อคุ้มกันคุณอาร์ โทนี่ ฉินอาจบุกมาเมื่อไหร่ก็ได้ คุณอาร์อาจเข้าใกล้มันทั้งที่จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่านั่นคือโทนี่ ฉิน เพราะอาการจดจำใบหน้าคนไม่ได้

“อาการ..”

เสียงห้วนดังแหวกอากาศมา คงอยู่ห่างจากเตียงที่ผมนอนออกไปราวสี่เมตร ..เสียงคุณอาร์

“คนไข้แจ้งว่ามีอาการปวดท้องเสียดค่ะ เป็นๆ หายๆ มีอาการตั้งแต่เมื่อคืน”

“ความดัน”

“ปกติค่ะคุณหมอ”

“...”

คุณอาร์เดินมาถึงเตียงของผม ส่วนผมก็ยังนอนทำตัวงออยู่อย่างแนบเนียน

“ปวดทุกกี่นาทีครับลุง” คุณหมออาร์กําลังถามผม

“..เอ่อ ลุงไม่ทันได้ดูนาฬิกา” ผมตอบทั้งที่ยังนอนหันหลังให้ คุณหมอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินอ้อมเตียงมา ใบหน้าหงุดหงิด ตาขวางขึงของคุณหมออาร์ปรากฎขึ้นตรงหน้าผม ทันทีที่สบตากัน คุณเขาก็ยกยิ้มขําใส่ผม ก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิม

“..ให้นอนรอดูอาการอยู่นี่ ระหว่างนี้งดอาหารแล้วก็งดนํ้าสักครึ่งวัน” คุณหมออาร์บอกพยาบาลพลางยกคิ้วขึ้นหนึ่งข้างใส่ผม ..คงสนุกกับการได้แกล้ง ผมพยายามส่งสายตาอ้อนวอนผ่านหน้าปลอมที่อวบอูม แต่คุณอาร์ไม่สนใจ ยังคงยืนยืดอกตรงยืนยันคำสั่งแพทย์ที่พูดออกมา

“คุณหมอสั่งแบบนั้น แล้วลุงจะไม่เป็นไรเหรอคะ” พยาบาลที่ดูแก่ประสบการณ์กว่าพยายามจะค้านคำสั่งของคุณหมออาร์ที่ดูจะผิดแปลก แทนที่จะตรวจอย่างละเอียดก่อน กลับสั่งอะไรที่ดูไม่น่าทำตามแบบนี้ ..ดูไร้เหตุผล

ผมมองพยาบาลและพยักหน้านัยบอกว่า..ไม่เป็นไร แล้วก็มองต่อไปทางคุณหมออาร์ “ลุงมาหาหมอ ลุงก็ต้องเชื่อฟังหมอสิ” ผมตั้งใจพูดในสิ่งที่คิดอยู่จริงๆ ไม่ว่าคุณอาร์จะให้ผมทำอะไร ผมยอมทำตามหมด ..ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“ตามนั้นนะคุณพยาบาล” คุณหมออาร์พูดจบก็เดินจากไป ..ไร้เยื่อใยจริงๆ

.

.

ผมนอนหลับแล้วก็ตื่นวนไปมาอยู่หลายรอบ สะดุ้งตื่นทีก็มองหาคุณอาร์ที มันก็ดีเหมือนกัน ร่างกายได้รับการพักฟื้นจริงๆ แถมคุณอาร์ก็อยู่ในสายตาเกือบตลอดเวลา

“อาการเป็นไงบ้าง คุณหมอถามอยู่จ๊ะลุง”

ผมที่เพิ่งสะลึมสะลือตื่นออกจะมึนงงกับคำถามที่จู่โจมมา “ก็.. สบายดีนะ” ..เหี้ยแล้วไง! “ไม่ๆ ไม่ได้สบายดี แต่ก็ดีขึ้นหน่อย แต่ไม่ถึงกับดีมาก”

“ลุง ถ้าดีขึ้นแล้ว ก็กลับไปนอนต่อที่บ้านไหม จะได้ไม่เบียดเบียนคนที่เขาป่วยจริงๆ แต่ไม่มีเตียงให้ใช้” พยาบาลที่ยืนอยู่ด้านหลังมองคุณหมออาร์ทันที ความกวนตีน ความมะนาวไม่มีน้ำ คงหาไม่ได้ง่ายในคนเป็นหมอ กรณีของคุณหมออาร์คือบียอนด์หมอทั่วไปจริงๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดจะมาขีดกรอบให้ได้

“คือลุง..” ผมดื้อที่จะอยู่ต่อในห้องฉุกเฉินให้ได้ แต่ก็นึกหาเหตุผลไม่ออกจริงๆ

“งั้นผมจะส่งลุงไปทำซีทีสแกน จะได้เช็คให้ละเอียด หรือถ้าลุงอยากนอนต่อที่โรงพยาบาล ผมก็จะทำเรื่องแอดมิทให้”

“เอาไงดีค่ะลุง” พยาบาลถามผมทันทีที่คุณหมออาร์เดินจากไปแบบมีอารมณ์ ..เคือง “แล้วก็.. อย่าไปถือคุณหมอแกนะ แกเป็นคนแบบนี้แหละ พูดดีๆ ไม่ค่อยเป็น แต่ที่คุณหมอพูดก็ถูกนะ”

ผมพยักหน้าเข้าใจ “ลุงเข้าใจ เอาเป็นว่า ลุงดีขึ้นเยอะแล้ว แล้วนี่ลุงต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไร เท่าไหร่”

“คุณหมอเขาจัดการให้เรียบร้อยแล้วลุง ลุงกลับบ้านได้เลย”

ใจผมพองฟู.. ..ถึงจะปากร้าย แต่ก็เป็นคนดีเสมอ ..คุณอาร์ของผม

ผมยอมเดินออกจากห้องฉุกเฉินโดยดี แม้ตอนนี้สถานการณ์ยังปกติ มีเตียงเพียงพอต่อความต้องการก็เถอะ

ผมนั่งเฝ้าคุณอาร์อยู่ด้านนอกห้องฉุกเฉิน ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการสัญจรของทั้งผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรทางการแพทย์ คนมากหน้าหลายตาผลัดเปลี่ยนเวียนเดิน นั่งนอนรอการตรวจ และรอจ่ายเงิน ..ดีต่อผม ที่จะไม่ตกเป็นที่สังเกตเห็น

“จะไม่ยอมกลับใช่ไหม” คุณอาร์ในเสื้อกาวน์ยืนค้ำหัวผมอยู่ น่าแปลกที่เราอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่ผมกลับรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้เจอหน้าคุณอาร์หลังจากที่เราต้องอยู่ห่างกันแม้เพียงเวลาไม่กี่ชั่วโมง ยิ่งตอนที่คุณอาร์ต้องมาทำงานในหน้าที่หมอด้วยแล้ว ผมก็กระสับกระส่ายทนอยู่คนเดียวไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องแอบมาอยู่ใกล้ๆ ที่โรงพยาบาล ซึ่งคุณอาร์ก็รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้าง ตามแต่ว่าผมจะยอมหลบซ่อนตัวอยู่เงียบๆ หรือเผยตัวโต้งๆ เพราะอยากให้คุณเขารู้ว่าผมมา อีกอย่างคือคุณอาร์ในลุคคุณหมอ.. น่ามองมากขึ้นหลายสิบเท่า แม้ความขาวของเสื้อกาวน์ก็แย่งซีนผิวขาวอมชมพูของคุณเขาไม่ได้ ..ผมแพ้คุณหมออาร์ไนเครื่องแบบ

“จะให้ลุงกลับได้ยังไง คุณหมอก็รู้ว่าลุงมาเฝ้าคุณหมอ..” ไม่รู้นึกอะไรอยู่ที่ได้กล้าหยอดคุณอาร์ ทั้งที่รู้ว่าไม่ควร

คุณอาร์ส่งเสียงหึในลำคอเบาๆ และมองลอยไปยังเพดานเตี้ย เม้มปากแน่น ก่อนจะโค้งตัวเอาหน้าลงมาใกล้ “..งั้นก็รอต่อไปนะลุง” พอพูดจบก็ยื่นกล่องข้าวญี่ปุ่นพร้อมน้ำให้ “กินซะ อย่ามาอดข้าวจนป่วย ขี้เกียจรักษา” แล้วคุณเขาก็เดินสะบัดชายเสื้อกาวน์หายกลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน ผมยิ้มแก้มปลอมแทบปริ ยิ้มอย่างนั้นอยู่นานจนพอมีสติก็คิดว่ามีสายตาหลายคู่กำลังจ้องมองมา ..ผมคงเหมือนคนบ้า เพราะเอาแต่ยิ้มให้ห้องฉุกเฉิน

.

..อาร์

ถึงจะทำฟอร์มเดินแยกออกมาแบบนิ่งๆ แต่ผมกลับกำลังฝืนไม่ให้ยิ้มอย่างยากลำบาก เพราะกลัวว่าไอ้คนกะล่อนจะตามมาเห็นว่าผมกำลังมีความเขินมากแค่ไหน

“จะให้ลุงกลับได้ยังไง คุณหมอก็รู้ว่าลุงมาเฝ้าคุณหมอ..”

..บางทีการใส่หน้ากากก็ทำให้คนเราไม่ต้องนึกถึงสถานะความเป็นจริง ผมสะดวกตีความว่าคิวมาเฝ้าผมด้วยความเป็นห่วงที่มากกว่าฐานะเพื่อนร่วมงาน มากกว่าความเป็นลูกของนาย ไม่ใช่เพราะผมจะจำหน้าโทนี่ ฉินไม่ได้ หรือเพราะผมจะอยู่ในอันตรายเพราะไอ้โทนี่หมายหัวไว้ ได้แต่หวังว่าสิ่งที่ตัวเองสรุปจะเป็นความรู้สึกของคิวจริงๆ ..ความรู้สึกที่ตรงกัน ..ความรู้สึกที่ผมไม่ได้มีแค่ฝ่ายเดียว

“หมออาร์”

เสียงเรียกที่ไม่ได้ยินมาสักพักดังขึ้นจากด้านหน้า คงเพราะเผลอคิดอะไรเพลินถึงไม่เห็นคนคุ้นเคยที่กำลังเดินใกล้เข้ามา

“ครับคุณหมอ”

..หมอชิน เป็นหมอรุ่นพี่ ..น่าจะสักสองปี เรารู้จักกันตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เพราะผมเข้าอบรมความรู้ด้านสมอง ..แต่ก็แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เรามารู้จักกันจริงๆ ก็หลังจากที่หมอชินย้ายมาประจำที่โรงพยาบาลนี้ ..ก็น่าจะปีนึงได้

“พี่บอกอาร์กี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่หมอ” หมอชินไม่พูดเปล่า ยังส่งสายตาแสดงความตัดพ้อมาให้ผม แถมยังเอามือมาลูบหัวผมโดยไม่คิดขออนุญาต ซึ่งถ้าเป็นคนอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ผม) คงได้กรี๊ดลั่นเพราะหวั่นไหวในความเป็นกันเองแบบนี้ของหมอชิน ..ศัลยแพทย์สมองที่อายุยังน้อยแต่กลับเป็นหนึ่งในมือผ่าตัดระดับต้นๆ ของประเทศ และเป็นที่รู้จักในวงการแพทย์ระดับโลกด้วยความเป็นจีเนียสที่บอร์นทูบี ไม่นับรวมรูปร่างหน้าตา พื้นฐานครอบครัว.. ทุกอย่างดีหมดจนเป็นท็อปลิสต์ชายในฝัน

“เรียกคุณหมอดีแล้วครับ” ผมยิ้มตอบพลางก้าวเท้าไปด้านข้างหนึ่งก้าว มือของหมอชินลอยเก้อบนพื้นที่ว่างในอากาศที่เคยมีศีรษะของผมอยู่ ณ วินาทีที่แล้วในอดีตทันที ..ผมไม่ชอบให้ใครมาสัมผัสตัว

หมอชินหน้าเหวอเล็กน้อย แต่ก็เก็บความรู้สึกผิดหวังให้หายไปได้อย่างรวดเร็วพอกันกับการรีบเก็บมือเข้าไปในกระเป๋าของเสื้อกาวน์ “พี่เสียใจนะ อาร์เย็นชากับพี่ตลอด”

..น่าจะชินได้แล้วนะ “ผมเคารพคุณหมอมากน่ะครับ เลยอยากให้เกียรติ” ผมฝืนยิ้มบาง

“เฮ้อ อาร์ก็ยังคงเป็นอาร์ เข้าถึงยาก แต่ยังไงพี่ก็ยังอยากรู้จักอาร์ให้มากกว่านี้นะ”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่เป็นไร แค่อาร์จำหน้าพี่ได้พี่ก็พอใจแล้ว”

“???”

“..ก็อาร์ออกภาคสนามแทบจะตลอด พี่เลยกลัวว่าแม้แต่หน้าของพี่ อาร์ก็อาจจะจําไม่ได้”

“ทําไมจะจําไม่ได้ล่ะครับ ใครๆ ก็จําคุณหมอได้ทั้งนั้นแหละครับ”

“...”

“ว่าแต่คุณหมอลงมาถึงนี่มีอะไรรึเปล่าครับ”

“..พี่ได้ยินมาว่าอาร์เข้ามาวันนี้ พี่เลยมาหา”

“มีอะไรเหรอครับ”

“มีเคสที่อาร์น่าจะสนใจ”

“เหรอครับ”

“อืม เป็นเคสสมองที่หาได้ยาก เป็นคนไข้ที่ประสบอุบัติเหตุ นอนเป็นเจ้าชายนิทราเกือบสิบเก้าปี ผ่านการรักษาด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า แล้วก็ฟื้นขึ้นมา ร่างกายอาจจะบกพร่องไปบ้าง คงต้องทํากายภาพ ให้สารอาหาร รวมถึงผ่าตัด กระตุ้นเส้นประสาทให้กลับมาทํางาน รวมถึงส่วนของความจําที่หายไปบ้าง..”

“...”

“น่าสนใจไหม”

“น่าสนใจครับ”

“เขาเพิ่งถูกส่งตัวมารักษาต่อที่นี่ พอผู้อํานวยการให้สร้างทีมดูแลเคสนี้โดยเฉพาะ พี่เลยคิดถึงอาร์คนแรก”

“แต่ผมคงไม่มีเวลา ขอบคุณสําหรับโอกาสน่ะครับ”

“ปฏิเสธแบบไม่คิดก่อนเลย น่าเสียดายนะ พี่จําได้ว่าอาร์เคยบอกว่าอยากเป็นศัลยแพทย์ด้านสมอง”

“...”

“งั้นหลังออกเวรไปดูเขาหน่อยก็ยังดี เผื่ออาร์จะเปลี่ยนใจ ..นะ”

“..ก็ได้ครับ”

“เจอกันเย็นนี้นะ” ก่อนเดินจากไปหมอชินไม่วายวางมือบนบ่าของผม พร้อมกลับทิ้งรอยยิ้มชวนฝัน (สําหรับคนอื่น) ให้ผม

.

..คิว

นายแพทย์เตชินท์.. หรือไอ้หมอชินชาปลาสลิด ทําไมต้องลงมาสุงสิงกับคุณอาร์ทุกครั้งที่คุณเขามาทํางานด้วยทั้งที่ก็อยู่คนละวอร์ด เซนส์ของผมมันบอกตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น ว่ามันสนใจคุณอาร์แน่ๆ แต่คุณอาร์ของผมไม่เล่นด้วย แต่มันก็ยังมีความพยายาม..

ผมลุกขึ้นจากม้านั่งทันทีที่เห็นร่างสูงโปร่งเดินออกมาจากประตูเปิดปิดอัตโนมัติของห้องฉุกเฉิน ผมเดินก้าวเท้าหนักๆ เข้าชนเบียดกับไหล่ของไอ้คุณหมอชิน ถึงรูปร่างจะพอกัน แต่ผมมั่นใจในกล้ามเนื้อและแรงปะทะของตัวเองที่มีมากกว่า

!!!!!!!!!

ร่างบางกว่าเซถอยกระเด็นไปราวสามก้าว

“ขอโทษนะ ลุงไม่ทันได้มองทาง” ผมรีบตรงเข้าไปประคองไอ้คุณหมอชิน

“ไม่เป็นไรครับลุง คุณลุงไม่เจ็บตรงไหนนะครับ”

“ก็นิดหน่อย ..ตรงไหล่ที่ชนเมื่อกี้” โหมดสำออยผมมาเต็ม

“งั้นผมพาเข้าห้องฉุกเฉินให้คุณหมอตรวจดูหน่อยดีไหมครับ”

“ก็ดีนะ”

ไอ้คุณหมอชินมันยิ้มหวานใส่แถมยังประคองผมอย่างดี ..หึ โคตรน่าหมั่นไส้

“คุณหมอไม่ต้องทำงานอะไรเหรอ” ..ว่างรึไง ถึงได้มีเวลามาตามคุณอาร์ ..อยากจะถามใส่หน้า

“ผมก็.. ลงมาทำงานน่ะครับ”

“แหม ลุงก็นึกว่าลงมาหาคุณพยาบาลสวยๆ ข้างล่างนี่”

ไอ้หมอชินยกมุมปากขำเล็กน้อย “ไม่ได้มาหาพยาบาลหรอกครับ ผมลงมาหาหมอด้วยกันนี่แหละ จริงๆ ผมแอบมองเขามาหลายปี ก็เป็นคนที่จะพาคุณลุงไปหาน่ะแหละครับ คุณลุงอย่าบอกเขานะครับ”

“...” ..ช่างกล้าเล่า ผมยิ้มรับคำไอ้คุณหมอชิน รู้อยู่แล้วว่าคงเป็นคุณอาร์ แต่ก็อยากจะลองคิดว่าอาจเป็นหมอคนอื่นที่อยู่ในห้องฉุกเฉินเหมือนกัน

“..อาร์”

“เอ่อ ..ครับ คุณหมอ” คุณอาร์หันหลังมาตามเสียงเรียก มีความตกใจเล็กน้อยฉายอยู่บนใบหน้าทันทีที่เห็นว่าเป็นผมที่เดินอยู่ข้างๆ ไอ้หมอชิน

“อาร์ช่วยดูคุณลุงคนนี้หน่อย พอดีแกชนกับพี่ที่หน้าห้องน่ะ เห็นว่าเจ็บหัวไหล่ด้วย”

“..ได้ครับ” คุณอาร์ยิ้มให้ไอ้หมอชินชาปลาสลิด ก่อนจะหันมาทำหน้าเรียบเฉยใส่ผม และถอนหายใจ “ไงลุง เจ็บตรงไหน” โคตรห้วน!

“งั้นผมประคองคุณลุงไปที่เตียงนะครับ จะได้ดูสะดวก”

“ขอบคุณมากนะคุณหมอ คุณหมอใจดีจัง” ผมพูดกับไอ้หมอชิน แล้วก็เบือนหน้าไปมองคุณอาร์ “ลุงชอบคนใจดี”

“...” ..เหมือนว่าหน้าคุณเขาจะยิ่งตึงขึ้นไปอีก

Rrrrrrrr..

“ผมขอรับโทรศัพท์ก่อนนะครับ” หมอชินรับโทรศัพท์ที่คงสั่นเรียก “ได้ ผมจะรีบขึ้นไป” หมอชินเก็บโทรศัพท์ที่พูดสายเสร็จ “พี่โดนตามตัวแล้ว ถ้าไงพี่ฝากคุณลุงด้วยนะอาร์ ขอโทษอีกครั้งนะครับที่ทำให้คุณลุงเจ็บตัว” ..มารยาทดีจริงๆ

“ได้ครับพี่หมอ เดี๋ยวอาร์จะดูแลลุงเขาเอง ไม่ต้องห่วงนะครับ”

“!!!!!!!”

“อาร์ยอมเรียกพี่ว่าพี่หมอ!” ไอ้หมอชินยิ้มกว้าง “..ถ้าไม่ติดว่าพี่ต้องรีบไป พี่คงขออยู่ฟังอาร์เรียกพี่อีกสักรอบ”

“พี่หมอ.. รีบไปเถอะครับ” คุณอาร์พูดเสียงอ่อนแถมยังยิ้มละมุนใส่มัน!!

“อาร์.. ขอพี่อยู่ตรงนี้อีกสักนาทีได้ไหมครับ”

“อาร์จะรู้สึกผิดนะครับ ถ้าพี่หมอต้องเสียงานเพราะอาร์” คนทั้งคู่กําลังมองตากัน..

“!!!!!!!” ผมอยากจะไม่ทน ทําไมต้องมาอยู่ตรงกลางในสถานการณ์นี้ คุณอาร์กําลังทําผมคลั่ง! “โอยยยย ขอโทษนะคุณหมอ แต่ลุงว่าลุงไม่ค่อยไหว..”

“พี่หมอไปเถอะครับ นะครับ” คุณอาร์พูดตัดบทความยืดเยื้อของไอ้หมอชินที่ดูจะไม่ยอมจากไปง่ายๆ

“ก็ได้ครับ เย็นนี้เจอกันนะ”

“!!!!!”

ในที่สุดไอ้หมอชินชาปลาสลิดก็ยอมเดินจากไป ถึงจะเดินไปหันหลังไปเพื่อมองคุณอาร์ก็ตาม..

“ไงลุง ยังเจ็บอยู่ไหม” เสียงแข็งเป็นหินก้อนใหญ่ ต่างจากที่พูดกับไอ้หมอชินลิบลับ

“...”

“ไปชนเขา แล้วยังจะมาสําออยเจ็บ”

“ลุงเปล่า..”

“ทําอะไรก็คิดด้วย เขายังต้องรักษาคนไข้อีก”

“...”

“ถ้าไม่ได้เจ็บก็กลับไปได้แล้ว”

“ไม่ ..จะรอ” คุณอาร์มองผม ผมเองก็มองตอบ ถ้าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล ไม่ใช่กลางห้องฉุกเฉิน ไม่ใช่ว่าคุณอาร์เป็นหมอ ผมคงฉุดกระชากลากคุณอาร์กลับไปด้วยกันแล้วลงโทษในสิ่งที่คุณอาร์ทำกับไอ้หมอชินนั่น ..มันยั่วโมโหกันชัดๆ

..เป็นคุณอาร์ที่หลบตาผม

“งั้นก็รอนานหน่อย ต้องขึ้นไปดูเคสกับหมอชิน ..จะรอไหม”

“รอ”

“อืม ก็รอไป”

..ผมว่าผมเห็นคุณอาร์ยิ้ม

..ผมก็เลยยิ้มตอบบ้าง

.

.

.

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-06-2019 15:41:53 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
07
วิกฤติ
.
.
.

..ห้องฉุกเฉิน
..15.53
..อาร์

..ใกล้หมดกะ
..วันแรกของการกลับมาทำงานที่รักแบบไม่เหนื่อยเท่าไหร่

“คุณหมอค่ะ!!! นักท่องเที่ยวยี่สิบห้าคนกําลังจะเข้ามาค่ะ อุบัติเหตุรถควํ่า เป็นเด็กหกคน ที่เหลือเป็นผู้ใหญ่ แล้วก็ผู้สูงอายุค่ะ”
“!!!!!!”
“เบื้องต้นแจ้งมาว่ามีผู้ป่วยอาการหนักสิบสองรายค่ะ”
“โอเค ทุกคนเตรียมความพร้อม” เสียงของหมอคนนึงพูดขึ้น ถึงเวลาของกะพวกเราใกล้จะหมดลง แต่ทุกคนก็ยังคงอยู่รอผู้ป่วยจํานวนมากที่กําลังจะมา ..ผมก็เหมือนกัน ความปลอดภัยของทุกชีวิตขึ้นอยู่กับเวลาที่ผู้ป่วยอยู่ในมือหมอ และยิ่งจํานวนของแพทย์เพียงพอต่อการดูแลรักษา อัตราการรอดของผู้ป่วยก็จะยิ่งมีเพิ่มขึ้น

“เตรียมเครื่องช็อตไฟฟ้า!!!” ผมออกคำสั่งขณะที่ตัวเองกำลังนั่งคร่อมร่างหมดสติอยู่บนเตียง สองมือกำลังวางทาบทับบนตำแหน่งของหัวใจ ออกแรงกดตามจังหวะอย่างถูกต้อง คาดหวังให้อวัยวะกลับมาทำงานได้เองตามปกติ แต่หัวใจกำลังทำงานผิด มันเต้นเร็วเกินไป กระแสไฟภายในหัวใจกําลังลัดวงจร เครื่องมือนี้เท่านั้นที่จะดับกระแสไฟภายในห้องทุกห้องของอวัยวะอันสำคัญต่อชีวิต เพื่อรีเซ็ตให้มันกลับสู่สภาวะเหมือนเมื่อครั้งที่มันยังเป็นปกติอยู่
“ร้อยยี่สิบจูล!” ผมถือแพดเดิลในมือทั้งสองกระชับ “เคลียร์!!” กระแสไฟฟ้าพุ่งเข้าช็อตร่างที่นอนหมดสติอยู่จนแขนขากระตุก ผมวางแพดเดิลลง และทำซีพีอาร์ต่อ แม้จะผ่านสถานการณ์รักษาผู้คนมาจำนวนไม่น้อย แต่ทุกครั้งที่ต้องสัมผัสภาวะ ‘เป็น-ตาย’ มันก็บีบหัวใจเหมือนเดิมทุกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าความตายคือสัจธรรม แต่ก็ยังหวังว่าคนไข้ทุกคนจะรอด แม้เหงื่อจะเปียกเต็มแผ่นหลัง หยดน้ำจะเกราะรอบกรอบหน้า แต่คนที่นอนอยู่ยังคงรอคอยการรักษา ไม่ว่าตอนนี้เขาจะยังอยู่สู้เพื่อมีชีวิตไปพร้อมกับผมหรือไม่ก็ตาม ..ผมยังคงทำหน้าที่ต่อไป
“ชีพจร 90 แล้วค่ะคุณหมอ!”
..เกือบปกติ แต่ยังหายใจหอบถี่ หัวใจยังเต้นเร็วเกินไป ผมรีบใส่หูฟังเช็คสิ่งผิดปกติที่ตัวเองคิด ..ไม่ผิดแน่!! ..Pneumothorax ภาวะปอดรั่ว!!!
“ส่งคนไข้ทำซีทีสแกนแล้วก็ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ส่งต่ออายุรกรรม!!!”
“ค่ะคุณหมอ!!!”

“คนไข้อย่าดิ้นนะคะ!!!”
“ก็มันเจ็บ!!!!”
“แต่ถ้ายังขยับตัวอยู่ เราก็ช่วยคุณไม่ได้นะ!!!”
คนไข้ร่างใหญ่กำลังฝืนสู้กับแรงคนกว่าสามคนที่รุมกันจับเพื่อให้พยาบาลชำนาญการฉีดยา
“ผมจะรอหมอ!!! ผมจะให้หมอรักษาเท่านั้น!!! พวกคุณเป็นแค่พยาบาลจะมารักษาผมได้ยังไง!!! ถ้าผมตายไปใครจะรับผิดชอบ!!!!!!!!!”
“จะหมอหรือพยาบาล.. ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้สามารถดูแลผู้ป่วยได้ครับ และที่พยาบาลกำลังจะทำ ก็คือการดูแลเบื้องต้น เพื่อให้คุณทรมานน้อยลง” ผมพูดแทรกทันทีที่เดินมาถึงอีกเตียง คนไข้มีท่าทีอ่อนลง ถึงจะยังดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด
“อาการ?” ผมถามพยาบาลที่ดูแลอยู่
“ปวดที่หัวเข่าขวารุนแรงค่ะ กระดูกดูผิดรูป ไม่มีเลือดออกค่ะ”
ผมจับเข้าที่เข่าเจ้าปัญหา คนไข้ร้องเสียงดังลั่นทันที “อืม กระดูกคงหักแทงกล้ามเนื้ออยู่ด้านใน คงต้องรีบผ่าตัด ทำซีทีสแกนก่อนด้วย”
“ค่ะคุณหมอ”
“หมอจะฉีดยาบรรเทาอาการปวดให้ อดทนหน่อยนะครับ ..ติดต่ออาจารย์หมอศิระดู ท่านน่าจะยังไม่กลับ แจ้งว่าเคสนี้เร่งด่วน เข้าใจที่ผมพูดนะ” ผมพูดกับพยาบาลทั้งที่สองมือกำลังทำหน้าที่ของมัน
“ค่ะคุณหมอ”

ความวุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปภายในห้องฉุกเฉินจนผมลืมวันเวลา ..มารู้ตัวอีกทีก็เช้าของอีกวัน

.

..หน้าห้องฉุกเฉิน
..19.43 น.
..คิว

ผมถอนหายใจ.. ไม่ใช่เพราะว่ารอคุณอาร์ไม่ไหว แต่เพราะเป็นห่วงคุณอาร์ หลังจากที่เห็นคนประสบอุบัติเหตุถูกเข็น ถูกพาเข้าไปในห้องฉุกเฉินหลายสิบคน ผมก็รู้เลยว่าคุณอาร์กำลังทำงานหนักแค่ไหน

“ทำไมคุณอาร์เลือกเรียน ER” ผมเคยถามด้วยความสงสัย ไหนว่าอยากเป็นศัลยแพทย์สมอง แล้วมาเรียนต่อทำไมเวชศาสตร์ฉุกเฉิน ส่วนผมคนที่เคยเดินเข้าออกห้องนี้เป็นประจำ ก็เลยรู้ว่าทำงานส่วนนี้มันเหนื่อยมาก ไหนจะปริมาณคนไข้ที่เข้ามาถาโถม เคสเจ็บป่วยที่หลากหลาย แถมยังต้องรับมือกับญาติคนไข้ที่มักไม่เข้าใจการทำงาน พาลหัวร้อนใส่ทั้งหมอทั้งพยาบาล ..มันน่าทํางานตรงไหน? ยังดีที่คุณอาร์มีภารกิจหน่วยลับต้องรับผิดชอบ งานที่โรงพยาบาลจึงถูกมอบหมายให้เข้ามาในยามที่ว่างเว้นจากภารกิจเท่านั้น
“ก็วอร์ดนี้หมอน้อย ทั้งที่คนไข้เยอะ” คุณอาร์ตอบผม
“...”
“หมอฉุกเฉินต้องรู้รอบ ประเมินอาการได้แม่น เร็ว กล้าตัดสินใจ จะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที และส่งต่อคนไข้ไปยังแผนกอื่นแบบไม่ผิดพลาด โดยรวมแล้ว..มันท้าทาย”
“!!!!!!”
“อีกอย่างนึง กูมีงานหลักเป็นหน่วยลับ ไม่ว่างมาดูแลผู้ป่วยแบบเต็มเวลาหรอก”

“..เพราะมึงคนเดียวเลย!!! มึงพาทุกคนมาตาย!!!!” เสียงของหญิงคนนึงกําลังตะโกนด่าชายวัยกลางคนคนนึงดังลั่นอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ..ญาติๆ ของผู้ประสบอุบัติเหตุ
“พอเหอะเจ๊! อย่าไปโทษมัน”
“กูบอกแล้วใช่ไหม! มึงดู ไม่ใช่แค่ผัวกูลูกกู เมียมึงลูกมึงก็เจ็บ ถ้าพวกข้างในเป็นอะไรไป กูจะโทษมึง!! กูจะโทษมึง!!!!” คนที่ถูกเรียกว่าเจ๊ตะโกนกรีดร้องลั่นผสมปนเปกับการร้องไห้จนร่างแทบทรุดกองกับพื้น
“...” ชายคนที่ถูกต่อว่าไม่โต้ตอบอะไรสักคํา เขายืนนิ่งอยู่อย่างนั้นนาน ผมเองก็มองเขาอยู่นานเช่นกัน ดูจากผ้าพันแผลที่พันอยู่ที่หัวและแขนบอกว่าเขาเองก็เจ็บเช่นกันแค่โชคดีกว่า.. เขาออกเดินอย่างไร้สติไปที่บันไดหนีไฟ.. คงอยากหาที่สงบๆ ให้ตัวเอง

.
.

..ห้องฉุกเฉิน
..23.58 น.
..อาร์

..ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดีภายในห้องนี้ตลอดหลายชั่วโมง มีความสูญเสียเกิดขึ้น.. แต่อีกหลายคนก็ปลอดภัย แม้จะต้องรอติดตามผลในอีกหลายคนก็ตาม..
ผมหยิบมือถือขึ้นดูเมื่อมันสั่นเป็นระยะๆ ..หมอชิน
“สวัสดีครับคุณหมอ”
[ไหวไหมอาร์]
“..ออครับ”
[พี่จะชวนอาร์ขึ้นมาดูเคสที่พี่ว่าน่ะ]
“คุณหมอไม่ได้กลับบ้านเหรอครับ”
[กลับมาห่างเหินอีกแล้ว ..พี่นอนที่นี่น่ะ ..เพราะรออาร์]
“ออ ขอโทษครับ งั้นผมจะรีบขึ้นไปหาครับ”
[พี่รอนะ]
เฮ้อ.. อยากกลับไปนอนจะแย่ เดี๋ยวก็ต้องกลับมาเข้าราวด์วอร์ดตอนเช้าอีก แต่เมื่อรับปากแล้วก็ควรไปดู ไม่รู้ไอ้คิวยังรออยู่ไหม แต่ช่างมันก่อน..
.

..โรงอาหารในโรงพยาบาล
..00.05 น.
..คิว

..คุณหมออาร์น่าจะใกล้จบเวรหลังจากที่ควบกะยาวกว่าสิบหกชั่วโมง ผมหาซื้ออาหารว่างรองท้องง่ายๆ ในร้านสะดวกซื้อเผื่อคุณอาร์เขาต้องการ ..เสียงโหวกเหวกดังถูกส่งต่อไปตามผู้คนจํานวนน้อยที่ยังเหลืออยู่ในเวลานี้

“มีคนจะกระโดดตึก!!”
“ห่ะ! จริงเหรอ ตึกไหน? ผู้ชายผู้หญิง”
“ไม่รู้ ไปดูกันเถอะ”
“แล้วนี่มีใครโทรตามตํารวจรึยัง!!”
“ไม่รู้ รีบไปกันเผื่อจะช่วยอะไรได้!!!”
..ผมเองก็รีบเดินตามออกไปทันทีตามสไตล์นักมุงที่อยู่ในสายเลือด

..ชายคนนึงกําลังยืนอยู่บนความสูงของตึกสิบสามชั้น ด้วยเพราะเป็นเวลานี้ คนถึงไม่มายืนลุ้นระทึกกันมากอย่างที่ควรจะเป็น หลายคนหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดกล้องจะถ่ายรูปถ่ายวิดีโอ ไม่ก็คงจะไลฟ์สด แต่ต่อให้เป็นยี่ห้อหรือรุ่นที่ดีที่สุดก็คงซูมได้ในระยะที่ไม่มองเห็นอะไร คนบนนั้นคงมีไซส์ไม่ต่างจากมดที่เห็นตามพื้นดิน ซํ้าคงเห็นเป็นแค่เงาดําๆ เพราะไม่มีแสงใดสาดส่อง ..ไร้ประโยชน์ ผมเองก็ไม่ต่างจากคนอื่นที่กำลังแหงนหน้ามองคนที่อยู่บนนั้น ..ไร้ซึ่งอุปกรณ์ใดๆ ในมือ แต่ภาพที่ฉายอยู่ในตาของผมกลับคมชัดด้วยกําลังขยายที่ระยะห้าสิบเมตร นวัตกรรมอัจฉริยะที่ทําให้คอนเแทคเลนส์แผ่นบางในตามีความสามารถไม่ต่างจากกล้องส่องทางไกล การทำงานของมันจะถูกสั่งการด้วยสมองส่วนกลางเช่นเดียวกับการทำงานของดวงตา เพียงแค่มองไปยังเป้าหมายที่ต้องการ ระบบการซูมและโฟกัสก็จะทำงานอย่างเป็นธรรมชาติ ทั้งยังเป็นกล้องอินฟาเรดและกล้องตรวจจับความร้อนในตัว การมองในที่มืดจึงไม่ใช่ปัญหาสําหรับผม..

..ผู้ชายคนนั้น ที่โดนโทษว่าเป็นความผิดของเขาที่พาคนมาตาย

“...” ผมโทรศัพท์หาปลายสายทันที
[เออ เข้าใจแล้ว นี่มันกี่โมงกี่ยามวะ!] ปลายสายตอบเสียงเกียจคร้าน
“คนมันอยากจะตาย เลือกเวลาได้เหรอวะ!! เร็วเลย กูจะถ่วงเวลาไว้”
[เออครับ]

ไอ้ชวด.. เพื่อนที่เคยอยู่ร่วมกองทหารเกณฑ์เดียวกัน หลังจากมันออกจากกรมก็สนใจงานจิตอาสา เลยมีจ็อบเสริมคือหน่วยกู้ภัย

ผมรีบวิ่งเข้าตัวตึกเพื่อกดลิฟท์ขึ้นสู่ชั้นบนสุดเท่าที่มันจะพาผมขึ้นไปใกล้ชายคนนั้น ..ธุระไม่ใช่ แต่ถ้าไม่ทําอะไรเลยก็คงไม่ใช่ผม
.

..ชั้น 11
..วอร์ดศัลยกรรมสมอง
..อาร์

“ขอโทษนะครับที่ทําให้รอ”
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ อาร์คงอยากกลับไปพักแล้ว แต่พี่ขอเวลาอาร์ไม่นานหรอก”
“ครับ”
“คนไข้อยู่ห้องนี้”
หมอชินเปิดประตูหมายเลข 1153 หลบทางให้ผมเดินนําเข้าไป ห้องพิเศษพื้นที่กว้างขวาง มีสัดส่วนของพื้นที่ผู้ป่วย และพื้นที่ของญาติอย่างชัดเจน ผมเดินเข้าไปใกล้เตียงที่มีเครื่องมือคุ้นตาอยู่รายล้อมรอบบุคคลที่ผมมีเจตนามาหา ..ร่างที่กําลังนอนหลับใหลกําลังหายใจในจังหวะสม่ำเสมอสังเกตได้จากมอนิเตอร์ที่ยังคงวัดสัญญาณชีพจรได้อย่างต่อเนื่องเป็นปกติ
“พี่มาเช็คเขารอบนึงแล้วก่อนที่จะโทรตามอาร์ หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา แล้วก็คงเพลียเพราะการเดินทาง”
“...” ผมยืนชิดขอบเตียงของ ‘เขา’
ผมจ้องมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยและความไม่เข้าใจ
..ใบหน้าที่คุ้นเคยถูกวางอยู่บนหมอนที่รองรับ
..ใบหน้าของคิว!!!!
.

..ชั้น 13
..ดาดฟ้าตึก
..คิว

..ลมเหนือตึกพัดแรง ความหนาวเข้าโอบกอดรอบตัว ผมมองเห็นเป้าหมายที่กำลังนั่งมองเหม่อออกไปไกลบนขอบปูนยกสูงเมตรครึ่งที่ก่อทำเป็นกำแพงของตัวตึก รปภ. ของโรงพยาบาลสามคนกำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ห่างๆ พลางมองหน้าปรึกษากันว่าควรจะทำเช่นไรกับสถานการณ์นี้
“คุณๆ จะทำอะไร!! อย่าเดินเข้าไป” รปภ. คนนึงพูดห้ามผม ..แต่ผมไม่คิดจะสนใจ ในหัวกำลังคิดว่าหลักสูตรการเจรจาต่อรองที่ผ่านการฝึกฝนมาคงได้ใช้สักที..
ผมเดินก้าวเท้ามั่นคงตรงเข้าหาคนที่ร่างกายใกล้ตายเต็มที ขณะที่จิตใจของเขาตอนนี้คงตายไปแล้ว เพราะถูกมอบความผิดให้เป็นตราบาปภายในใจ ..ถูกประหารทางจิตวิญญาณ
ผมปีนขึ้นนั่งข้างๆ บนขอบปูน ชายที่นั่งอยู่ก่อนไม่ได้หันมาสนใจผมสักนิด ..แค่รอเวลาเท่านั้นที่เขาจะทิ้งร่างนี้ลงปะทะพื้นแข็งเบื้องล่าง
“อยู่ต่อไม่ไหวแล้วเหรอพ่อหนุ่ม” ผมยังคงคีปคาแลคเตอร์ความเป็นลุงตามหน้าปลอมที่สวมอยู่
“...”
“ตอนปู่กับย่าของลุงตายไปนะ คนในหมู่บ้านโทษลุงทุกคนว่าเป็นเพราะลุงเกเร ปู่กับย่าเลยตรอมใจตาย”
“...”
“ลุงตอนนั้นน่ะยังหนุ่มมาก หัวรั้น เกเรตามประสา พอได้ยินแบบนั้น ลุงก็คิดตามนั้นจริงๆ ว่าที่ปู่กับย่าตายเป็นเพราะลุง ทั้งที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่าทั้งสองคนตายเพราะอุบัติเหตุ ซึ่งมันเป็นเรื่องสุดวิสัย ใครก็ห้ามให้มันไม่เกิดไม่ได้”
“...”
“จําได้ว่าตอนนั้น ..ลุงก็อยากจากโลกนี้ตามปู่กับย่าไป อยากหายไปจากคําครหานินทา อยากพิสูจน์ให้เห็นว่าลุงน่ะรักปู่กับย่ามากแค่ไหน คล้ายๆ กับบอกพวกเขาว่าลุงจะรับผิดชอบในความตายของปู่กับย่าให้ดู”
“...”
“พ่อหนุ่มล่ะ คิดว่าเป็นความผิดของลุงไหมที่ทั้งปู่กับย่าต้องมาตาย แล้วลุงสมควรตายไหม”
“...” ชายคนนั้นหันมามองผม

.

..ชั้น 11
..วอร์ดศัลยกรรม
..อาร์ / หมอชิน / บุรุษปริศนาที่ยังนอนหลับ

..นี่มันเรื่องบ้าอะไร!
..คนๆ นี้เป็นใคร? ทำไมหน้าเหมือนคิวอย่างกับเป็นฝาแฝด

..ฝาแฝด?!?!

“คุณหมอครับ แล้วญาติของคนไข้?”
“อืม เห็นว่าจะต้องกลับไปเคลียร์ธุระสำคัญก่อน แล้วค่อยกลับมาติดตามอาการน่ะ”
“ทำไมเขาต้องมารักษาตัวต่อที่นี่ครับ ทำไมไม่รักษาทีเดียวที่โรงพยาบาลเดิมเลย”
“อืม.. เรื่องนี้พี่เองก็ไม่รู้นะ อาจจะเป็นเพราะเรื่องงาน เห็นว่าครอบครัวจะต้องย้ายมาตั้งรกรากที่นี่ ก็เลยทำเรื่องย้ายการรักษามา”
“...”

ผมมองป้ายชื่อที่ปลายเตียง
..‘Mr. Brighton Osborne’
..นายไบรตัน ออสบอร์

“เขามาจากประเทศอะไรครับ”
“ฟินแลนด์”
“คุณหมอจะว่าอะไรไหมครับ ถ้าผมจะขอร่วมดูแลเคสนี้ด้วย”
“ไม่ว่าอะไรเลย พี่ดีใจมากด้วยซ้ำ ที่จะได้ทำงานกับอาร์”
“...” ผมยังมองไปที่ร่างที่หลับสนิท
“ออ แต่อาร์ไม่ต้องห่วงนะ งานทหารของอาร์ต้องมาก่อน”
“ครับ ขอบคุณมากครับคุณหมอ”
ผมเดินออกจากห้องผู้ป่วยพิเศษ มีเรื่องใหม่ให้คิด.. ไบรตัน ออสบอร์คือใคร มีความสัมพันธ์ยังไงกับคิว? ..หรือจะเป็นพี่น้องของคิว? ผมรู้เรื่องที่คิวไม่มีญาติที่ไหนแล้วหลังจากที่เสียปู่กับย่าไป แต่แล้วนายคนนี้ก็ปรากฎตัวด้วยหน้าตาที่เหมือนกันกับคิว.. เป็นเรื่องดีถ้าคิวจะได้รู้ว่ายังคงมีครอบครัวเหลืออยู่บนโลกใบนี้

“นี่รู้ยัง!!! มีคนจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายอยู่บนดาดฟ้าเราเนี่ย!!!!”
“ห่ะ!!! แล้วนี่มีใครขึ้นไปช่วยรึยัง”
“ได้ยินว่ามีลุงคนนึงขึ้นไปนั่งเกลี้ยกล่อมอยู่ นานแล้วด้วย!!”
“แล้วยังไงต่อ”
“ก็ยังนั่งกันอยู่อย่างนั้น”
“คงไม่ใช่ว่าจะพากันตายทั้งคู่ใช่ไหม”
“แกจะบ้ารึไง!!! ลุงน่ะเห็นว่าปวดท้องมาโรงพยาบาลแต่เช้า คนเราถ้าจะตายคงไม่มารักษาตัวเองหรอก”
“งั้นเหรอ ก็ดีแล้ว แล้วหน่วยกู้ภัยมารึยัง”
“ไม่รู้เลย..”

ผมตั้งใจฟังเนื้อหาบทสนทนาระหว่างพยาบาล ..ลุงที่มารักษาเพราะปวดท้องตั้งแต่เช้า

..หรือว่าจะเป็นไอ้คิว!!!!!!

ผมรีบออกตัววิ่งไปที่บันไดหนีไฟ แต่ก็โดนคว้าแขนไว้จนเกือบเสียการทรงตัว
“เกิดอะไรขึ้นอาร์!! รีบไปไหน มีเคสด่วนเหรอ”
“เอ่อ ไม่ใช่ครับคุณหมอ!!” ..เป็นหมอชินที่ดึงตัวผมไว้ “..เห็นว่ามีคนจะกระโดดตึกบนดาดฟ้า ผมเลยจะขึ้นไปดู เผื่อจะช่วยอะไรได้!!”
“แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของเรานะ”
“คนที่กําลังจะฆ่าตัวตาย เพราะจิตใจเขากําลังป่วยครับ ผมจะขึ้นไปดูเขาในฐานะคนไข้ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด ปล่อยผมเถอะครับคุณหมอ!!”
หมอชินถอนหายใจ คงเพราะยอมรับในเหตุผลที่ได้ฟัง “งั้นพี่ไปด้วย หลายหัวดีกว่าหัวเดียว”
“...” ผมพยักหน้า และวิ่งไปที่ประตูหนีไฟทางขึ้นสู่ดาดฟ้าทันที
.

..คิว / ชายผู้ใกล้ตาย

“พ่อหนุ่มล่ะ คิดว่าเป็นความผิดของลุงไหมที่ทั้งปู่กับย่าต้องมาตาย แล้วลุงสมควรตายไหม”
ชายคนนั้นหันมามองผม

“สมควรตาย..”

“!?!?!”
“ใช่ สมควรตาย..”
“งั้นเหรอ ไม่เคยมีใครเคยบอกลุงอย่างนั้นเลย แต่พ่อหนุ่มบอกลุงอย่างนั้น มันก็คงถึงเวลาของลุงจริงๆ” ผมลุกขึ้นยืนยืดเต็มตัวบนพื้นปูนเปล่าที่นั่งอยู่เมื่อครู่ รอบตัวของผมตอนนี้มีเพียงสายลมและมวลอากาศที่กอดร่างผมไว้อย่างไร้เยื่อใย พวกมันพัดผ่าน โอบรัด และจากไป.. ไม่มีสิ่งใดมากีดขวางอิสระของร่างกายผมได้อีกแล้ว ถ้าผมจะทิ้งตัวดิ่งลงไป ..ชายคนข้างๆ เงยหน้ามองผม
“...”
“ขอบใจนะพ่อหนุ่ม ที่ช่วยตัดสินลุง ที่ผ่านมาลุงคงเข้าใจไปเองว่าลุงควรอยู่ต่อเพื่อพิสูจน์ให้คนพวกนั้นเห็นว่าลุงรักปู่กับย่ามากจริงๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น ลุงคงหลอกตัวเองมานาน ปู่กับย่าคงรอลุงอยู่ ..งั้นลุงไปก่อนนะ”
“เดี๋ยวก่อน”
“...”
“พาผมไปด้วย เพราะผมไม่อยากมีชีวิตอยู่แบบลุง” ชายคนนั้นลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ
“..ต่อให้มีคนรออยู่อย่างนั้นเหรอ”
“แต่ผมไม่เหลือใครแล้ว..”
“งั้นเราไปกันเถอะ” ผมโอบไหล่ชายคนนั้น เราสูดหายใจลึก และก้าวเท้าเลยออกไป ..ยังพื้นที่ว่างเปล่า ..ร่างของเราทั้งคู่ร่วงดิ่ง

..อาร์
ผมเปิดประตูดาดฟ้าออก เห็นเพียงหลังของคิวกับใครอีกคนกําลังยืนอยู่บนขอบปูนนั่นอย่างหมิ่นเหม่ และเสี้ยววินาทีนั้นคนทั้งคู่ก็พากันกระโจนหายไปในความมืด!!!!

“คิววววววววว!!!!!”

ผมตะโกนสุดเสียงพร้อมกับวิ่งไปคว้าแขนคนที่สําคัญกับชีวิตของตัวเอง ..คว้าได้เพียงอากาศ ผมโน้มตัวลงแนบชิดขอบกําแพงปูนและมองลงไปยังด้านล่าง

คิวกับใครอีกคนนอนอยู่บนเบาะลมขนาดใหญ่ที่มีไฟสปอตไลท์สาดส่องจนสว่างทั่วบริเวณ ..ผมรีบวิ่งไปที่ประตูดาดฟ้า คิดแค่ว่าต้องพาตัวเองลงไปหาคิวให้เร็วที่สุด ไม่ว่ามันจะเจ็บมากหรือไม่เจ็บอะไรเลยก็ตาม..

..คิว
..มีคนมากมายรีบเข้ามาพยุงร่างของทั้งผมกับชายคนคิดสั้นให้ลุกออกจากเบาะลม หนึ่งในนั้นก็คือไอ้ชวด
“ดีนะที่กูมาทัน ไอ้เหี้ยคิว!! แทนที่มึงจะกล่อมให้เขาไม่โดด เสือกชวนเขาโดด นี่มึงบ้าหรือคิดไม่ได้วะ!!!!”
“ก็มึงอุตส่าห์ขนมา กูก็อยากให้ของมันได้ใช้” ผมกระซิบกับมันเบาๆ เพราะตัวเองยังปลอมตัวเป็น ‘ลุง’ อยู่ ส่วนไอ้ชวดที่คุ้นเคยกับการปลอมตัวเป็น ‘ลุง’ ของผมอยู่แล้วเลยจําผมได้ทันที ส่วนเหตุผลที่ต้องปลอมตัว ผมเคยอธิบายมันว่า ผมเป็นนักสืบรับจ้าง สืบพวกเรื่องผัวน้อยเมียน้อยเลยต้องอําพรางตัว ซึ่งไอ้ชวดคนซื่อก็เชื่อ..
ผมหันไปมองชายที่เพิ่งผ่านพ้นนาทีเป็นนาทีตายมา เขากําลังยืนขาสั่นและทรงตัวไม่ได้แม้อยู่ในการพยุงของหน่วยกู้ภัยร่างกายแข็งแรงถึงสองคน
“เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม ..การได้ลองตาย”
“...”
“มันน่ากลัวใช่ไหม?”
“..มันน่ากลัวมาก”
“แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือ ถ้าเราตายไปโดยที่ทิ้งคนที่เรารัก และคนที่รักเราไว้ข้างหลัง”
“...”
“เรามีหน้าที่ต้องดูแลคนที่รอเราอยู่สิ”
“...” นํ้าตาของเขาไหลพรั่งพรู สองขาอ่อนทรุดลงกับพื้น
“ไอ้โง่!!” เสียงตวาดแสบหูดังในความเงียบของเวลาราวตีหนึ่งครึ่ง หญิงที่เคยยืนต่อว่าชายคนนี้หน้าห้องฉุกเฉิน “มึงจะหนีความผิดรึไง!! กูบอกให้มึงไปตายรึไง!!! ถ้ามึงตายกูจะตอบทุกคนว่าไงห่ะ!!” เธอก้มลงกระชากคนเสื้อของชายคนนั้นแรงจนร่างของชายผู้อ่อนแอโยกไปมา “ถ้ามึงตายเพราะคําพูดกู..” เสียงของเธอหายไปในความสะอื้นที่ตีบอยู่ในลําคอ ความเงียบกําลังช่วยเติมคําในช่องว่างความรู้สึกนั้น

“..ลูกของมึงฟื้นแล้ว เอาแต่ร้องหาพ่อหาแม่ มึงรีบไปดูเลย!!” ชายคนนั้นได้สติทันที เขารีบปาดนํ้าตาและลุกขึ้นออกวิ่ง ..หญิงคนนั้นก็เช่นกัน

เฮ้อ.. ผมถอนหายใจโล่ง

จู่ๆ ผมก็รู้สึกได้ว่ามีคนมายืนอยู่ด้านหลังของผม สังเกตได้จากเงาที่เพิ่มขึ้นข้างๆ ตัว มีแสงไฟที่ส่องมาจากด้านหลังสะกิดบอกผม ผมหันหลังไปมอง..

..คุณอาร์

ตาของคุณอาร์กําลังแดงกํ่า มันแดงลามไปทั่วใบหน้าขาวนวล ..คงเพราะความเหนื่อยล้า และการอดนอน ..คุณอาร์ไม่ได้พูดอะไร แต่กลับฟาดฝ่ามือนุ่มเข้าที่หน้าของผมเต็มแรง! หน้าของผมสะบัดหันตามแรงทันที ผมอึ้ง และมึน รีบหันมองคุณอาร์พร้อมกับทําหน้าไม่เข้าใจ ..ผมทําอะไรผิด!!

“ผมขอตัวกลับก่อนนะครับคุณหมอ” คุณอาร์พูดกับหมอชินแล้วรีบเดินจากไป ผมตั้งสติได้รีบเดินตามไป ..คงไม่เหมาะ ผมเลือกเดินไปลานจอดรถแทน รู้ดีว่าคุณเขาจอดรถไว้ที่ไหน ..ถึงจะยังไม่เข้าใจว่าคุณอาร์ตบผมทําไม

.
.
.

ขอสวัสดีผู้อ่านอย่างเป็นทางการ ขอบคุณมากๆ เลยที่เข้ามาอ่านกันจนถึงตอนนี้ กับนิยายเรื่องสองของเรา ..กราบใจมากเลย สําหรับคิวอาร์ก็ใกล้จบเต็มที ถ้างั้นขอฝากเรื่องแรกด้วยน้า YR Mine นายผู้ปกครอง https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70487.0 ซึ่งเป็นนิยายวายแรกวายของชีวิต อาจจะต่างแนว แต่ก็ขอฝากพี่ปรินซ์น้องธามไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย และอยู่เชียร์คิวอาร์ไปด้วยกันน้า ^_^
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2019 18:17:18 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
08
สารภาพ

.

.

..คิว

..คิดถูกที่มารอคุณอาร์ที่รถ เพราะแค่คุณอาร์ตบหน้า ‘ลุง’ อย่างผม ไอ้หมอชินก็คงสงสัยมากแล้ว ถ้าผมเดินตามคุณเขาไปอีก คงยิ่งดูแปลกประหลาด

“เออ ขอบใจมึงมากที่รีบมา” ผมใช้เวลาที่มีโทรหาไอ้ชวด พูดไปก็ถอดหน้าปลอมไปในมุมอับของกล้องวงจรปิดของลานจอดรถ

[เออ ก็ช่วยคน มันต้องทําอยู่แล้ว ว่าแต่เมื่อกี้มันลูกนายไม่ใช่เหรอวะ]

“เออ ลูกนาย”

[แล้วเขาตบหน้ามึงทําไมวะ กูล่ะงง สนิทกับมึงมากเหรอวะ ถึงขั้นตบหน้า ยังไงวะ]

ผมไม่ได้สนใจฟังประโยคหลังๆ ที่ไอ้ชวดพูด เพราะคุณอาร์กําลังเดินมาในระยะสายตา

“..แค่นี้ก่อน ไว้คุยกัน”

ผมเก็บมือถือเข้ากางเกงทันที เตรียมพร้อมที่จะบุกรุกพื้นที่รถของคุณอาร์ทันทีที่คุณเขาปลดล็อครถ ดีที่คุณอาร์กดรีโมทตั้งแต่ตัวยังเดินมาไม่ถึง ผมเลยเดินเข้าไปเปิดประตูฝั่งคนขับและเข้าไปนั่งทันที คุณอาร์ผงะเล็กน้อย

“..ลงไป”

“ไม่ครับ คุณอาร์เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวผมขับให้เอง”

“..ลง”

“นะครับ คุณอาร์ไปนั่งสบายๆ เถอะ” คุณอาร์ยังยืนนิ่งพร้อมกับเบือนหน้าหลบสายตาผม ผมจึงลงจากรถและจูงมือคุณอาร์มาอีกฝั่ง ผมเปิดประตูให้คุณเขาขึ้น ..คุณอาร์ฝืนแรงดันของผมเล็กน้อย แต่ก็ยอมโดยดี ผมคาดเข็มขัดนิรภัยให้ ก่อนจะแวะมองหน้าของคุณเขา ..คุณอาร์กําลังร้องไห้ ถึงจะพยายามยกแขนขึ้นปิดไม่ให้ผมเห็น ผมสลดลงและรีบเดินกลับไปฝั่งที่นั่งคนขับ และออกตัวรถทันที

...

..มีแต่ความเงียบ กับเสียงแอร์รถ

“คุณอาร์ กินอะไรรองท้องก่อนนะครับ ผมซื้อมาแล้วอยู่เบาะหลัง”

คุณอาร์นั่งนิ่งไม่ขยับตัวสักนิด ส่วนผมจะหันตัวไปหยิบให้ก็ไม่ได้ เมื่อคุณเขาไม่หือไม่อือกับอะไร ผมเลยตวัดพวงมาลัยเข้าจอดข้างทาง ผมเอี้ยวตัวไปหยิบขนมปังไส้ทูน่าที่คุณเขาชอบและส่งให้ คุณอาร์รับมัน แต่ก็ถือไว้อย่างนั้น

“คุณอาร์เป็นอะไรครับ”

“...”

“ผมทําอะไรไม่ถูกใจคุณอาร์รึไง”

“...”

“บอกผม ผมจะได้รู้ว่าคุณอาร์ไม่ชอบอะไร ผมจะได้ไม่ทําอีก”

“..อย่ามาตายต่อหน้ากู”

“!!!!!” คุณอาร์หันมามองผมด้วยสายตาที่จริงจังที่สุด

“..อย่ามาตายต่อหน้ากูอีก”

“????” ผมพยายามจะทําความเข้าใจในสิ่งที่คุณอาร์พูด

“..ทําไม”

“เพราะกูไม่อยากร้องไห้แบบนี้อีก!!”

“..คุณอาร์ห่วงผม ..เหรอครับ”

“เออใช่! กูห่วงมึง กูห่วงมึงมากด้วย!!”

“ทำไมครับ..” ใจผมเต้นแรง ทั้งคาดหวัง แล้วก็รอคอย ผมมองตาคุณอาร์นิ่ง ดวงตาแดงก่ำเองก็จ้องมองตอบผม

“กูว่า.. กูคิดกับมึงมากกว่าเพื่อนร่วมงาน”

“!!!!!”

“..กูชอบมึง”

“คุณอาร์ ..คือผม”

“มึงไม่ต้องพูดอะไร แล้วกูก็ไม่สนด้วยว่ามึงคิดยังไงกับกู”

“...”

“เรื่องที่เกิดวันนี้ มันทำให้กูรู้ว่ากูควรพูดในเวลาที่ยังมีให้พูด ดีกว่าเก็บมันไว้..แล้วไม่ได้พูด”

“...”

“กูง่วง กูอยากนอนแล้ว”

คุณอาร์พูดจบก็หันหน้าออกนอกหน้าต่างและหลับตาลง.. ส่วนผม.. ได้แต่เงียบไม่กล้าตอบอะไรคุณอาร์ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร ..ผมว่าผมมีคำตอบอยู่ในใจมาได้สักพักแล้ว แต่ผม..ยังไม่กล้าพอ

ผมขับรถพาคุณอาร์กลับมาถึงที่จอดรถใต้คอนโด คุณอาร์ยังคงหลับสนิท ผมลงจากรถและเดินไปเปิดประตูรถฝั่งคุณเขา ตัดสินใจช้อนร่างคุณอาร์ขึ้นอุ้ม นาทีนี้ถ้าคุณอาร์จะตื่นมาชกผม ..ผมก็ยอม

.

..อาร์

“..กูชอบมึง”

พูดจบก็นึกอยากจะโขกหัวของตัวเองเข้ากับคอนโซลรถ ฟอร์มที่รักษามาตลอดหมดกันก็วันนี้ ถึงจะรู้ใจตัวเองมาตลอด แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นฝ่ายสารภาพออกไปก่อน แต่สถานการณ์วันนี้มันบอกผมจริงๆ ว่าชีวิตคนเรามันสั้น เสี้ยววินาทีที่ร่างของคิวหายไปจากสายตา ใจของผมมันเหมือนจะหยุดเต้น ผมแทบจะกระโดดตามลงไป ดีที่พอมองลงไปแล้วเห็นคิวอยู่บนเบาะลม ตอนนั้นเองที่ผมตัดสินใจว่าต้องพูดความรู้สึกของตัวเองให้คิวรู้ เพราะเราไม่อาจรู้ได้จริงๆ ว่าเวลาของเรามันจะหมดลงตอนไหน.. ผมพอใจที่ได้บอกคิวไป แต่ตอนนี้กลับกระดากใจที่จะต้องลืมตามาเผชิญหน้ามัน ผมยังแกล้งหลับต่อทั้งที่รู้สึกตัวอยู่ตลอดเวลาที่นั่งอยู่บนรถ รวมถึงตอนนี้ที่เครื่องยนต์ของรถถูกดับลงแล้ว ผมปล่อยให้ไอ้คิวอุ้ม.. ใจของผมยิ่งเต้นแรงขึ้นไปอีก การอยู่ในอ้อมแขนของคิวทำผมรู้สึกดีทุกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าต่อจากนี้ระหว่างเราจะเป็นยังไง แต่ผมก็พร้อมจะยอมรับผลการกระทำของตัวเอง

คิววางผมลงบนเตียงในห้องของมัน ผมขยับตัวเพื่อให้ได้ท่านอนที่สบายตัวทั้งที่ยังปิดตาแน่น เอาเป็นว่าเนียนหลับหนีทุกความอึดอัดไปก่อน คิวถอดเสื้อเชิ้ต และกางเกงสแล็คของผมออกด้วยความคุ้นเคย ก่อนจะเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดให้ มันคงคิดแน่ๆ ว่าผมหลับลึกขนาดไหนถึงได้ไม่รู้สึกตัวขนาดนี้ ผมพยายามผ่อนอารมณ์ ควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติที่สุด จนกระทั่งคิวลุกออกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ ผมถึงหายใจสะดวกจริงๆ

ผมนอนตะแคงหันออกนอกเตียง ระหว่างที่คิวอาบน้ำก็นึกด่าตัวเองว่าแทนที่จะหลับไปจริงๆ ซะ กลับนอนใจเต้นระทึก ไม่รู้ว่าคิวจะทำยังไงต่อกับการสารภาพของผมในคืนนี้ ทั้งคาดหวัง แล้วก็..คาดหวัง

คิวอาบน้ำไม่นานก็กลับมาที่เตียง พื้นฟูกนุ่มยวบตามแรงกดทับทันทีที่คิวทิ้งน้ำหนักตัวลง ไอ้คนที่มีกลิ่นหอมสะอาดกำลังขยับตัวเข้ามาใกล้ คิวยกเอาหัวของผมขึ้นจากหมอนอย่างอ่อนโยน และสอดแขนของตัวเองรองรับลำคอของผม แผ่นหลังของผมกำลังถูกสัมผัสแนบชิดด้วยกล้ามอกเปลือยของคิว ลมหายใจอุ่นกำลังเป่ารดหลังคอของผม มืออีกข้างของคิวกำลังกอดผมไว้หลวมๆ ..ผมเริ่มหายใจถี่

“..ถ้าผมจะบอกคุณอาร์ว่า ..ผมเองก็ชอบคุณอาร์เหมือนกัน”

“...”

“..คุณอาร์จะอนุญาตให้ผมชอบคุณอาร์ได้ไหม”

ผมลืมตาขึ้นมาในความมืด ยิ้มอย่างที่ไม่เคย.. ความรู้สึกนี้มันโคตรดี การที่ใครคนที่เรารู้สึกดีด้วยกำลังบอกชอบเราตอบ ความรู้สึกสมหวัง..

“..อืม กูอนุญาต”

คิวกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น ไออุ่นของตัวมันถูกส่งผ่านแผ่นหลังมากขึ้น ร่างของเราเบียดเสียดกันทั้งที่พื้นที่บนเตียงกว้างร้างอยู่อีกฝั่ง คิวจูบลำคอของผม และพรมสัมผัสนุ่มไล่ลามไป

“..พรุ่งนี้ต้องไปทำงาน” ผมพยายามพูดเสียงหนักแน่น ทั้งที่ลมหายใจเริ่มหอบถี่

“..ลาได้ไหมครับ” เสียงของคิวแหบพร่าและอู้อี้เพราะริมฝีปากของมันยังนาบแนบไปกับร่างกายของผม

“..ไม่ได้”

ผมได้ยินเสียงคิวหัวเราะเบาๆ ในลำคอก่อนที่มันจะฝังจูบแน่นๆ เข้าที่หลังคอของผม

“งั้น.. เรานอนกันเถอะครับ”

“..อืม” ถึงใจจะบอกว่าต้องการอีกอย่าง แต่สมองของผมดันบอกว่าต้องการแบบนี้ ..ต้องนอนได้แล้ว

เรานอนนิ่งทั้งคู่ ผมกำลังพยายามสงบสติอารมณ์ ปรับลมหายใจให้เข้าสู่โหมดการนอน ..แต่จู่ๆ ไอ้คิวกลับเลื่อนมือที่กอดผมอยู่ลงไปยังด้านล่างของร่างกายผม!!

“..แต่ผมยังไม่อยากนอน”

“...”

“คุณอาร์จะตามใจผมได้ไหมครับ”

มือของคิวลูบไล่ไล้ไปตามสรีระของอวัยวะความเป็นชายของผม มันคลึงเคล้าอยู่สักพักก่อนจะเลื่อนมือขึ้นแล้วบุกรุกล่วงล้ำเข้าไปใต้ผ้าเนื้อบางที่ปกป้องมันอยู่ ..อยากจะห้าม แต่ทันทีที่คิวออกแรงกระทำ ผมก็มีปฏิกิริยาตอบต่อแรงกระตุ้นของมันทันที ร่างกายของผมกำลังกระตุกแรง คิวจัดการปลดบ็อกเซอร์ของผมให้ร่นถอยตามแรงอารมณ์ของมันไปทุกขณะนาที ไม่ก็เป็นผมเองที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้มัน ..นาทีนี้คงไม่มีเหตุผลไหนจะมาหยุดยั้งผมได้อีกแล้ว ..ความสุขร่วมกันของคนที่รู้สึกตรงกันในวันที่แม้แต่ความเหนื่อยล้าของร่างกายก็ไม่อาจเอาชนะความต้องการของจิตใจได้

“เราเป็นแฟนกันแล้วนะครับ” คิวกระซิบบอกผมที่ข้างหู ณ เวลาที่เราสองคนเดินทางมาถึงปลายทางของความสุขสูงสุด

“อือ” ผมตอบทั้งที่น้ำตารื้นไหลอยู่ข้างแก้ม มันเป็นความรู้สึกรวมๆ ของความเจ็บปวด ความเสียวซ่าน และความสุขสมที่ผมเพิ่งได้รับตลอดคืนนี้ ..ทั้งร่างกายและหัวใจ

เราสองคนยังคงกอดก่ายหายใจหอบถี่.. คิวจูบผมนุ่มนวล..

“คุณอาร์อยากอาบนํ้าก่อนนอนไหมครับ”

“อยากอาบ ..แต่”

ผมยังพูดไม่ทันจบ คิวก็ลุกขึ้นอุ้มตัวผมลอยและพาไปห้องนํ้า

“คุณอาร์อาบเองได้นะครับ” ไอ้คิวถามผมด้วยสีหน้าทะเล้นขณะที่ปล่อยตัวผมลงยืนในห้องน้ำ

“เออ อาบเองได้” ผมตอบแบบไม่ค่อยกล้าสู้หน้ามัน ..ยังทําตัวไม่ถูก

“ดีครับ แต่รอผมอาบด้วยนะ ผมขอไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนก่อน”

“ไม่! กูจะอาบคนเดียว”

“คุณอาร์กลัวผมเหรอครับ” ไอ้คิวทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่ผมขณะที่ยืนเท้ากรอบประตูห้องน้ำ

“กูไม่ได้กลัว แต่กูต้องนอนแล้ว”

“อ๋อ ครับ” รอยยิ้มปนขำของไอ้คิวทำผมหน้าร้อนขึ้นไปอีก ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าผมตกหลุมรอยยิ้มที่มีเสน่ห์นี้ รอยยิ้มซื่อที่เต็มไปด้วยความจริงใจ แต่เวลาที่คิวนิ่งขรึมราวกับเป็นคนละคน ..ก็ชวนมองไม่แพ้กัน สรุปว่าผมชอบทุกอย่างที่เป็นคิว เรายังคงมองโต้ตอบกันผ่านสายตาอย่างกับว่าเราไม่เคยได้เจอหน้ากันมาก่อน แต่จู่ๆ สมองของผมก็สั่งให้มือปิดประตู ก่อนที่ความรู้สึกจะสั่งให้ผมก้าวเท้าเข้าหาไอ้คิว ..พรุ่งนี้มึงต้องไปทำงาน ท่องไว้หมออาร์ ผมเทศนาตัวเองก่อนจะเดินยิ้มเข้าหาสายน้ำของฝักบัว

..คิว

คุณอาร์ปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าผม ..คงเขิน ใจนึงอยากจะผลักประตูเข้าไปรวบตัวคุณเขามากอดไว้ แต่แค่นี้ใจของผมก็โคตรรู้สึกดีแล้ว มันมีความสุขอย่างกับว่า.. อะไรดี ..คงประมาณถูกหวยชุดสิบห้าใบทั้งที่เพิ่งเคยซื้อล็อตเตอรีเป็นครั้งแรกในชีวิต แล้วที่แจ่มกว่านั้นคือ ไม่มีญาติคนไหนโลภอยากได้ส่วนแบ่ง ..ผมยิ้มมีความสุขกับตัวเอง ..โลกทั้งใบของคุณอาร์เป็นของผมแล้ว

“ฝันดีนะครับ”

ผมกระซิบข้างหูของคุณอาร์ที่ผมเข้าใจว่าเคลิ้มใกล้หลับเต็มที ผมขยับตัวออกนอนห่างๆ ถึงจะยังนอนตะแคงมองหน้าคุณเขาก็ตาม ..ไม่อยากกวนแล้ว คืนนี้พอแค่นี้

..คืนแรกที่ผมได้นอนกับคุณอาร์ทั้งคืนในสถานะที่ชัดเจน

.

.

‘..เป็นที่จับตามองตลอดสัปดาห์ค่ะ สำหรับการขึ้นลงของตลาดหุ้นทั่วโลกที่มีความผันผวนสูง จนหลายฝ่ายเริ่มหวั่นวิตกว่านี่อาจเป็นการตกต่ำครั้งสำคัญของเศรษฐกิจทั่วทั้งโลก..’

‘เหตุการณ์ก่อวินาศกรรมที่ทยอยเกิดขึ้นในประเทศมหาอำนาจกำลังท้าทายความสามารถของหน่วยงานความมั่นคงและอินเตอร์โพล..’

‘ความอดอยากยากแค้น กำลังก่อตัวขึ้นในหลายประเทศ ทั้งที่ในอดีตเคยเป็นประเทศที่สามารถอยู่ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติอันอุดม..’

‘การแย่งชิงเข่นฆ่าทวีความรุนแรงขึ้น โลกของเรากำลังถอยหลังกลับสู่ยุคที่ไร้ซึ่งอารยธรรม แม้ความก้าวหน้าทางวิทยาการกำลังจะพาเราสู่ดาวเคราะห์ดวงใหม่..’

‘ความร่วมมือระหว่างประเทศ ก็แค่หน้าฉากเพื่อความอยู่รอด รวมกันเราอยู่ แยกอยู่เราตาย สัจธรรมที่ไม่เคยผิดเพี้ยน ไม่ว่าเราจะพยายามสร้างกฎระเบียบเพื่อรักษามาตรฐานทางคุณธรรมมากแค่ไหน..’

ภาพข่าวข้อมูลของภารกิจชิ้นต่อไปกำลังถูกเล่นอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ในห้องปฏิบัติการลับในคอนโด วันนี้ผมโดนคุณอาร์สั่งห้ามไม่ให้ไปที่โรงพยาบาล เพราะว่าคุณอาร์อยากให้ผมพักรักษาอาการบาดเจ็บของผมให้หายสนิท ถึงผมจะบอกว่าผมหายดีแล้ว แต่คุณเขาก็ยังยืนกรานคำสั่งโดยใช้ความ ‘แฟน’ หมาดๆ ข่มขืนใจผมให้ทำตาม ยังดีที่ยอมให้ผมไปรับเย็นนี้ ผมเลยเอาเวลาที่มีทำความสะอาดห้องของเรา ก่อนจะนอนพัก.. แต่แค่ 15 นาที ผมก็โดนปลุกเรียกด้วยเสียงรหัสสัญญาณว่ามีการติดต่อมาจากนาย

‘นักวิเคราะห์กำลังจับตามองการควบรวมธุรกิจของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ในหลายประเทศ เพราะนอกจากจะเกิดการผูกขาดทางการค้าซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประชาชนแล้ว นี่ยังเป็นการเคลื่อนไหวที่ดูมีนัยแอบแฝง และน่าแปลกที่รัฐบาลเองก็อนุมัติ ทั้งที่รู้ว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศ และยังจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ ระหว่างคนรวยและคนจนมากยิ่งขึ้น..’

ผมนั่งฟัง ฟัง แล้วก็ฟัง.. พยายามทำความเข้าใจประเด็น และหาความเชื่อมโยงกันระหว่างเนื้อหาของข่าวที่ได้รับ

“..คุณเองก็พอจะรู้ข่าวควบรวมธุรกิจของหลายบริษัท เบื้องบนเองก็กำลังเพ่งเล็งการทำงานของรัฐบาลเหมือนกัน เพราะมันดูแปลก ขนาดฝ่ายค้านเองก็ดูจะเห็นดีเห็นงาม นี่อาจเป็นการคอรัปชั่นครั้งใหญ่ที่สุดของคนมีอำนาจในมือ” เสียงของนาย

“…”

“สิ่งที่พวกคุณต้องทำคือ สืบให้รู้ว่าอะไรคือเงื่อนไขของการสมคบคิดครั้งนี้ คงไม่ใช่แค่ผลประโยชน์แน่”

“ครับ”

“ผมส่งข้อมูลที่เป็นเบาะแส และต้นทางที่พวกคุณจะเริ่มตามเรื่องได้ ..ขอลับที่สุด และเร็วที่สุด”

“ครับท่าน”

ผมถอนหายใจ จะนานแค่ไหนก็ยังคงไม่ถนัดที่จะรับมือกับข้อมูล ผมชอบงานใช้แรง ใช้ไหวพริบ แล้วก็การด้นสดหน้างานมากกว่าการนั่งวิเคราะห์เชิงสถิติตัวเลข ความน่าจะเป็น ตรรกะเหตุผล ..เฮ้อ คิดถึงคุณอาร์ ผมสะบัดหัวไล่ความรู้สึก งานเว้ยงานไอ้คิว ก่อนจะพยายามไล่อ่านข้อมูลตรงหน้า ..ผ.อ. โรงพยาบาลเอกชน A จะเซ็นควบรวมธุรกิจกับโรงพยาบาลทหาร B ..โรงพยาบาลที่คุณอาร์ทำงาน มันจะเป็นไปได้ยังไง?! มันต้องมีอะไรแน่ๆ เพราะไม่ใช่แค่ที่โรงพยาบาลสองแห่งนี้ที่มีพฤติกรรมประหลาด แม้แต่พวกของกินของใช้ที่เคยต่างคนต่างขายกันมา ยังเริ่มส่งสัญญาณว่าจะควบกิจการอยู่ใต้เจ้าของเดียวกัน การแข่งขันทางการค้ากำลังสวนทางกับความเป็นจริงที่ควรจะเป็น เหมือนกับว่ามีใครชักใยอยู่เบื้องหลัง ..เรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นจริง ผมคว้าเอาเป้ใบคูลขึ้นสะพาย ภายในมีแต่ของใช้จำเป็นสำหรับการสอดแนม ยิ่งสถานที่เป็นที่ที่คนรักของผมทำงานอยู่.. บอกเลยว่ามีแรงจูงใจในการทำงานขั้นสูงสุด



‘มาทำอะไร?’

คุณอาร์มองผมด้วยสายตาที่มีคำถามทันทีที่เจอหน้า หลังจากที่เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินแล้วสะดุดตาเข้ากับความคูลของผมอย่างจัง เพราะผมกำลังเดินฝ่าสายลมของเครื่องปรับอากาศตรงเข้ามาจากด้านหน้าตึกด้วยความสง่างามอย่างกับฉากเปิดตัวพระเอกในละครหลังข่าวสักเรื่อง ที่เข้าข้างตัวเองขนาดนี้ก็พราะว่าวันนี้ผมไม่ได้ปลอมตัวเป็นใคร แถมยังเป็นตัวเองที่แต่งตัวดีเป็นพิเศษ ..เสื้อเชิ้ตยีนส์ขนาดพอดีตัวโชว์บ่ากว้าง กางเกงยีนส์สีดำเข้มสนิทรองรับขาที่ยาวเรียวแต่มีกล้ามเนื้อ รองเท้าหนังกลับสีตาลเข้ม และเป้ที่เข้าชุด ไม่นับความหล่อคมเข้มที่ภาคภูมิ ..ผมคือจุดรวมสายตาของใครหลายคน อาจเพราะหน้าตา.. ไม่ก็เพราะแว่นกันแดดสีดำที่ไม่เข้ากันกับสถานที่

“มาทำงานครับ” ผมตอบไปยิ้มไป ยังไงคุณอาร์ก็ว่าผมไม่ได้ เพราะผมมีข้ออ้างที่ดีที่จะมา และที่วันนี้ผมมาแบบไม่ปลอมตัวใดๆ ก็กะว่าถ้าได้เจอหน้าไอ้หมอชินชาปลาสลิด จะได้ประกาศศักดากางอาณาเขตกันไปเลย

“..ภารกิจ?”

“ครับ”

“อืม งั้นกูไปหาหมอชินก่อนนะ ไว้ค่อยคุยกัน” แล้วคุณอาร์ก็เดินจากไปด้วยท่าทีเร่งรีบ ..ทำไมวะ นี่แฟนมาหาทั้งคน ไม่ได้มีความสนใจใยดีกันสักนิด ใจผมบอกให้เดินตามไป แต่สมองผมกลับตะโกนบอกห้าม แน่นอนผมเลือกเชื่อสมอง เพราะว่าเชื่อคุณอาร์ แล้วก็เชื่อในตัวเอง

.

..ชั้น 11 อาคารปีกซ้าย

..อาร์

“เขาฟื้นแล้วเหรอครับคุณหมอ!”

“ใช่อาร์ พี่เลยรีบโทรบอกอาร์น่ะ”

ผมยิ้มตอบหมอชิน “งั้นผมขอเข้าไปดูนะครับ”

“ได้สิ พี่จะเข้าไปด้วย ได้เวลาตรวจพอดี อาร์รอพี่แป๊บนึงนะ ขอพี่ส่งเมลก่อน”

“ครับ” ผมถือวิสาสะนั่งลงบนโซฟาที่มีไว้ใช้รับแขก การตกแต่งภายในห้องทำงานส่วนตัวของหมอชินดูสมฐานะความเป็นหน้าเป็นตาของโรงพยาบาล ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ไปทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเอกชน เพราะความสามารถระดับนี้คงได้ค่าตอบแทนสูงทั้งจากโรงพยาบาลและจากคนไข้ระดับวีไอพี

สายตาของผมไล่ไปตามชั้นหนังสือที่วางอยู่มุมหนึ่งของห้อง “คุณหมอเขียนโค้ดได้ด้วยเหรอครับ”

“ไม่ได้หรอกอาร์ พี่เพิ่งเริ่มเอง” หมอชินตอบทั้งที่ดวงตาภายใต้กรอบแว่นยังคงมองไปที่พื้นที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์

“ทำไมถึง..”

“ทำไมถึงอยากเขียนโค้ดเป็นใช่ไหม”

“ครับ”

“ก็.. ยุคนี้ใครๆ ก็เขียนโค้ดเป็น ทำแอพพลิเคชั่น เขียนโปรแกรมได้ ถึงเราจะเป็นหมอที่ถูกการันตีด้วยทักษะวิชาชีพ แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีนิว่าอีกหน่อยอาชีพหมอจะไม่ถูกเอไอแย่งงาน”

“ออ.. ก็จริงครับ”

“อาร์ล่ะ สนใจพวกโค้ด พวกภาษาโปรแกรมอะไรพวกนี้รึเปล่า”

“ไม่นะครับ” ผมโกหก

“แต่พี่ว่าเราเรียนรู้ไว้บ้างก็ดีนะ อ่ะ เสร็จเรียบร้อย เราเข้าไปหาคุณออสบอร์กันเถอะ”

“ครับ” ผมตอบพลางลุกขึ้นเดินตามหลังหมอชิน ในที่สุดก็จะได้พูดคุยกับคนที่หน้าเหมือนคิวราวฝาแฝด นึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง ..คนที่หลับไปเกือบสิบเก้าปี

“สวัสดีครับคุณออสบอร์ ผมชื่อเตชินท์ เป็นแพทย์ผู้ดูแลคุณ” หมอชินกล่าวแนะนำตัวเองกับคนไข้ด้วยภาษาสากล ขณะที่ผมค่อยๆ ก้าวเท้ายืนเยื้องอยู่ด้านข้างของหมอชิน ผมมองตรงไปยังมิสเตอร์ออสบอร์ที่ยังคงนอนอยู่ ใบหน้าอิดโรย ไร้สีเลือด ชั้นไขมันใต้ผิวหนังช่างบางเบาแต่มันก็ยังหุ้มกระดูกอยู่อย่างรู้หน้าที่ ..คิวชัดๆ แค่เป็นเวอร์ชั่นป่วย

“…” ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากแห้งมีแค่ระดับการยกมุมปากทั้งสองข้างที่บอกว่าชายคนนี้พยายามจะแสดงสีหน้าตอบรับคำพูดของหมอชิน

“คุณออสบอร์เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหมครับ ถ้าใช่ให้กะพริบตานะครับ”

……

“ดีครับ ผมจะอธิบายอาการของคุณในตอนนี้นะครับ” แล้วหมอชินก็อธิบายที่มาที่ไปของการป่วยของมิสเตอร์ออสบอร์ ระยะเวลาที่เขาหลับไป อาการตอนนี้ และขั้นตอนต่อไปของการรักษาเพื่อให้เขากลับมาเป็นปกติ โดยที่เขาก็กะพริบตาแสดงความเข้าใจตลอดเวลา ส่วนผมก็เฝ้าสังเกตหาความแตกต่างของคนตรงหน้ากับคิว

“และนี่คือหมออาร์ครับ หมออาร์เป็นแพทย์ที่จะมาคอยช่วยติดตามอาการ และการฟื้นฟูร่างกายของคุณ”

“สวัสดีครับ” ผมกล่าวทักทาย ก่อนจะถือโอกาสสบเข้ากับดวงตาที่คุ้นเคย ..ว่างเปล่า ไม่มีอารมณ์ ไม่มีความรู้สึกใดๆ ในดวงตาคู่นี้ทั้งที่เหมือน..

“อย่างที่ผมอธิบายไปเมื่อครู่ เราจะเริ่มขั้นตอนการรักษาคุณตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โปรดให้ความร่วมมือด้วยนะครับ กำลังใจของคุณมีผลอย่างมากต่อการรักษาครับ”

……… มิสเตอร์ออสบอร์กะพริบตาตอบรับ

“ถ้าไงอาร์กลับไปที่วอร์ดก่อนก็ได้ เดี๋ยวพี่ดูต่อเอง”

“ครับคุณหมอ” หมอชินพูดกับผมหลังจากเดินออกจากห้องของมิสเตอร์ออสบอร์ “เอ่อ แล้วญาติๆ ของเขาล่ะครับ”

“อย่างที่บอก เขามีความจำเป็นต้องกลับไปก่อน นี่พี่ก็ยังติดต่อพวกเขาไม่ได้”

“…”

“ไม่ต้องกังวลนะ ว่างเมื่อไหร่ค่อยมา พี่จะคอยรายงานอาร์เอง”

“เกรงใจคุณหมอจังเลยครับ”

“แค่เรียกพี่ว่าพี่..” หมอชินหยุดยืนมองตาผมนิ่ง และส่งความรู้สึกที่มีผ่านดวงตามา แต่ผมก็เลือกที่จะหลบและไม่รับรู้มัน

“ผมจะหาเวลาขึ้นมาบ่อยๆ นะครับ ขอบคุณที่ให้โอกาสผมครับคุณหมอ”

“พี่ถามอะไรอาร์หน่อยได้ไหม”

“…”

“มันอาจจะไม่เหมาะที่เราจะคุยกันเวลานี้ ถ้าไง.. เย็นนี้ไปทานข้าวกับพี่ได้ไหม”

..เย็นนี้ “ได้ครับ ผมออกเวรแล้วจะโทรหานะครับ”

“เจอกันนะ” แล้วหมอชินก็เดินจากไปพร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ส่วนผมน่ะเหรอ? ก็แค่บอกไอ้คิวตรงๆ ก็ไม่ได้ทำอะไรผิด ถึงจะตงิดๆ นิดๆ อยู่ในใจ ไม่ได้ห่วงอะไรกับใจของไอ้คิว แต่ห่วงสวัสดิภาพของหมอชินมากกว่า

.

..คิว

“อะไรนะครับ! ให้ผมกลับไปก่อน”

“ใช่”

“ทำไมครับ”

“กูมีนัดกับหมอชิน”

“หมอชิน?”

“เออ”

“ถ้าผมไม่อนุญาตจะได้ไหมครับ” ขอใช้สิทธิ์ความเป็นแฟนบ้าง คุณอาร์ทำหน้านิ่งก่อนจะหลุดขำ คงจะสุดกลั้นจริงๆ

“ไม่ได้” คุณเขาตอบไปก็ขำไป ผมไม่เคยเห็นคุณอาร์ในมุมนี้มาก่อน ปกติที่นิ่งๆ ก็โคตรน่ามองอยู่แล้ว ยิ่งมาหัวเราะสดใสใส่แบบนี้ ..ใจผมละลาย เก็บยิ้มไว้ไอ้คิว

“เรื่องงานล้วนๆ เข้าใจ?”

“ครับ เข้าใจ”

“อืม ดี งั้นก็แยกย้าย”

..ผมนี่มันลูกไก่ในกำมือของคุณอาร์ชัดๆ

.

.

..มุมหนึ่งในโรงพยาบาล

“คืนนี้ผมว่าจะหาอะไรสนุกๆ ทำ”

[…]

“ครับ ไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่นาน”

[…]

“ครับ ถ้ามีโอกาส ..ก็ว่าจะจบเรื่องซะ”

.

.


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
09
ห้องผู้อำนวยการ
.
.
ถึงคุณอาร์จะบอกให้ผมกลับก่อน แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะทำตาม ไหนๆ ก็มาถึงที่นี่แล้ว ก็อยู่สืบหาข้อมูลของภารกิจที่ได้รับ เผื่อว่าจะมีอะไรเป็นประโยชน์กับคุณอาร์ของผมได้บ้าง

ชั้นบนๆ ของอาคารปีกซ้ายเป็นห้องพักและห้องทำงานส่วนตัวของบรรดาหมอ ..ผมอยู่บนชั้น 12 ชั้นที่มีห้องทำงานของ ผ.อ. โรงพยาบาล มันอยู่ลึกสุดของทางเดินในโซนห้องทำงานของคนระดับผู้บริหาร ผมกำลังก้าวเท้าไปตามทางเดินด้วยใบหน้าจริงๆ ที่มีแอคเซสซอรีส์อำพรางเป็นเพียงแว่นกรอบสี่เหลี่ยมสีดำเลนส์ใส ที่ภายในของเลนส์ข้างหนึ่งกลับเป็นจอมอนิเตอร์แสดงประวัติข้อมูลของคนที่กำลังถูกมอง ..ชื่อ อายุ ที่อยู่ และประวัติอาชญากรที่อ้างอิงจากฐานข้อมูลของกรมตำรวจ ส่วนเลนส์อีกข้างก็ใช้สแกนภาพวัตถุที่อยู่หลังกำแพงด้วยการคำนวณจากค่าอ้างอิงความเข้มของแสงของสัญญาณวายฟายที่ถูกปล่อยออกมาจากอุปกรณ์ชิ้นเล็กในแว่น กับค่าความเข้มพื้นหลังของสนามสัญญาณของสัญญาณวายฟายที่ลอยอยู่ในอากาศของบริเวณนั้น แล้วประมวลผลออกมาเป็นภาพสามมิติที่เป็นรูปร่าง ว่ามีวัตถุหรืออะไรอยู่เบื้องหลังกำแพงนั่น แว่นอย่างล้ำ ที่ไม่มีใครเชื่อแน่ๆ ว่ามีอยู่จริงบนโลก ด็อกเตอร์อากาสะก็คงอยากมีสักอัน โคนันจะได้ไม่ต้องลำบากโทรกลับมาขอข้อมูลของผู้ต้องสงสัยมันทุกครั้ง ใครจะไปนั่งเฝ้าบ้านรอรับโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา
“คุณครับ! ที่นี่ห้ามคนนอกเข้านะครับ” เสียงผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลังของผม
“ออ ครับ พอดีผมเป็นหมอคนใหม่ของที่นี่ และท่านผู้อำนวยการตามให้มาพบ”
“ผมขอดูบัตรด้วยครับ”
“ได้สิครับ” ผมล้วงเอาบัตรปลอมที่เตรียมมาจากในเป้ส่งให้
“นายแพทย์ธนา วรอเนกคุณ วิสัญญีแพทย์?”
“ครับ”
“พอดีผมเป็นเอชอาร์ของที่นี่ ไม่หยักรู้ว่าจะมีหมอคนใหม่เข้ามา”
“..น่าแปลกนะครับที่คุณไม่รู้” ผมมองตาคนตรงหน้า ..ต้องเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเป็น แล้วยืนยันมันออกมาผ่านสายตาที่นิ่ง และมั่นคง “..ถ้าไง เข้าไปพบผู้อำนวยการพร้อมผมเลยก็ได้นะครับ คิดว่าท่านน่าจะมีเหตุผลที่ดีให้คุณได้ ว่าทำไมคนจากโรงพยาบาล A ถึงจะมาเป็นหมอของที่นี่”
“..โรงพยาบาล A?”
“ครับ”
“ขอโทษนะครับที่เสียมารยาท”
”ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลาในการจัดการ”
“งั้นผมพาคุณไปส่งให้ถึงห้องของ ผ.อ. ล่ะกันครับ”
“..ได้สิครับ” ผมเดินตามการนำของคนด้านหน้า พลางมองตรงไปยังห้องเป้าหมายที่อยู่ไม่ไกลเกินสามช่วงของการก้าวเท้าย่าง ในหัวก็คิดหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์ ผมมองไปที่ผนังห้อง ได้ระยะที่แว่นสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ..ไม่มีภาพของสิ่งมีชีวิตจากภายในห้องของผู้อำนวยการโรงพยาบาล ..ค่อยยังชั่ว
ก็อก
“ขออนุญาตครับ ผ.อ.” พอพูดจบ เอชอาร์ก็เปิดประตูไม้บานใหญ่โดยไม่ได้รอการตอบรับจากเจ้าของห้อง ..ห้องกว้างขาวสะอาดตามีเฟอร์นิเจอร์เพียงไม่กี่ชิ้น แต่ที่น่าแปลกคือ ผ.อ. นั่งอยู่ตรงนั้น ที่เก้าอี้หนังด้านหลังของโต๊ะทำงาน!? มันกำลังหันหลังเอาพนักสีดำด้านต้อนรับแขกที่มาเยือน เอชอาร์เดินเข้าไปหาทันที
“ผ.อ. ครับ มีหมอมาจากโรงพยาบาล A มาพบท่านครั..” เอชอาร์พูดไม่ทันจบประโยคก็ส่งเสียงร้องด้วยสีหน้าท่าทางที่ช็อกสุดขีดก่อนจะเงียบเสียงไปเพราะอะไรบางอย่าง!! ผมรีบสาวเท้าเดินเข้าไปที่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ที่ไอ้เอชอาร์ล้มลง พร้อมกับล้วงปืนที่พกเหน็บอยู่กับตัว ..ร่างไร้วิญญาณของเอชอาร์นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นพรม ไม่น่าแปลกใจ เพราะรอยเลือดจากกระสุนขนาดเท่าเข็มปรากฏอยู่เหนือริมฝีปาก ..ตัดก้านสมอง หยุดการทำงานของหัวใจและหมดลมจากไปแทบไม่ทันรู้สึกตัวด้วยซ้ำ ผมมองไปยังทิศทางที่เป็นไปได้ของแหล่งที่มาของกระสุน มันคือตำแหน่งของ ผ.อ. ที่ยังคงนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!!
.

..ร้านอาหารนอกโรงพยาบาล
..อาร์

..ต้องมาจนได้ ผมกำลังนั่งรออาหารที่สั่งไปเมื่อราวสามนาทีก่อน สลัดผักอกไก่..เหมาะกับการเป็นมื้ออาหารในเวลานี้
“ขอบคุณนะอาร์ที่ยอมมาทานข้าวกับพี่” หมอชินยิ้มกว้าง
“ว่าแต่คุณหมอมีอะไรจะพูดกับผมเหรอครับ”
“อืม จะว่าไงดี อยากจะพูด แต่ก็อายตัวเอง”
“งั้นก็ไม่เป็นไรนะครับ”
“โธ่อาร์..”
ผมยิ้มบางพลางยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่ม
“..คือพี่ชอบอาร์ พี่รู้ว่ามันฟังดูประหลาดนะที่พี่..”
“ไม่หรอกครับคุณหมอ แต่ผมเคารพคุณหมอแบบพี่ชาย”
“..อาร์มีใครแล้วใช่ไหม”
“ครับ”
“คนที่ชื่อคิว.. คุณลุงคนนั้นที่กระโดดลงจากดาดฟ้า?”
อยากจะหัวเราะ แต่คงไม่เหมาะ “ไม่ใช่คุณลุงคนนั้นหรอกครับ ตอนนั้นผมแค่รู้สึกว่ามันเป็นการกระทำที่โง่น่ะครับ แล้วก็อดนึกถึงเพื่อนสนิทคนนึงที่เคยคิดสั้นแบบนั้นไม่ได้ ..เขาชื่อคิวน่ะครับ”
“..ออ” หน้าของหมอชินสลดลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ฝืนยิ้มตอบ “พี่คงมาช้าเกินไป ดีใจกับอาร์ด้วยนะ แล้วก็.. พี่คนนี้จะมีแต่ความปรารถนดีให้อาร์นะ”
“ขอบคุณนะครับคุณหมอ”
“อาร์ช่วยเรียกพี่ว่าพี่ได้ไหม”
“..คงไม่ได้หรอกครับ ผมอยากให้ช่องว่างระหว่างเรามันชัดเจนน่ะครับ ซึ่งจะเป็นผลดีกับตัวคุณหมอเอง” ผมคิดอย่างนั้นจริงๆ คนอย่างหมอชินมีคนอยากเข้าหามากมาย ทำไมจะต้องโดนผมตัดโอกาสด้วย
“..อาร์เป็นคนดีจังเลยนะ พี่ถึงได้ชอบอาร์ ภายนอกอาจจะดูเย็นชา แต่จริงๆ ก็คิดถึงคนอื่น”
“ผมไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอกครับ”
.

..โรงพยาบาล
..ชั้น 12 ห้องผู้อำนวยการ
..คิว

ผ.อ. ยังนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น ทั้งที่มีเสียงวุ่นวาย และอะไรที่ทำให้เอชอาร์ตกใจหลังจากมองไปที่ ผ.อ. นั่น ก่อนจะถูกฆ่า..
ผมลุกขึ้นยืนในท่าทีเตรียมพร้อม ร่างกายเข้าสู่โหมดเปิด ทั้งหู ตา แขน ขา ทุกประสาทสัมผัสกำลังตื่นตัวพร้อมตั้งรับและต่อสู้ แม้ตอนนี้จะคิดว่าไม่น่าจะมีกระสุนสาดมาจากที่ไหนได้อีก ห้องทั้งห้องอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจเบาๆ และหัวใจที่เต้นเร็วขึ้นหนึ่งจังหวะที่ยืนยันความมีตัวตนของผมอยู่ ผมเดินใกล้เข้าไปที่ร่างของ ผ.อ. ไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังจะต้องเจอกับภาพแบบไหน.. แต่ยังไม่ทันที่ผมจะก้าวเท้าถึง เก้าอี้ตัวนั้นก็หมุนหันมาทางผม
“..เป็นไงบ้างคิว ไม่ได้เจอกันซะนาน”
“..ปู่”
.
.

..คอนโด
..อาร์

หลังจากที่ปลีกตัวจากหมอชินได้ ผมก็ตรงกลับคอนโด มั่นใจว่าคิวคงรออยู่แล้ว แค่คิดถึงใบหน้าคมเข้มของไอ้คนตัวหนาก็รู้สึกดี มีแรงมากพอให้ทำงานต่อ ..อยากรู้แล้วว่าภารกิจคืออะไร ทำไมถึงต้องไปที่โรงพยาบาล?
ผมเปิดประตูลับที่เชื่อมกันระหว่างห้องของผมกับคิว ห้องของคิวมืดสนิท ไม่มีอะไรเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเจ้าของห้องอยู่ในนี้ ผมรีบหยิบมือถือขึ้นดู เปิดแอพพลิเคชั่นตรวจดูตำแหน่งสถานะของคิว ผ่านชิปเข้ารหัสที่ถูกฝังอยู่ใต้ชั้นผิวหนังของหน่วยลับทุกคนที่จะส่งสัญญาณแก่คู่หูและนายที่ดูแล ..คิวยังอยู่ที่โรงพยาบาล ผมกดปุ่มโทรออกทันที ..สัญญาณดังอยู่ราวห้าวินาทีก่อนจะมีคนรับสาย
“สวัสดีค่ะ โรงพยาบาล B ค่ะ”
..เสียงผู้หญิง? “เอ่อครับ ไม่ทราบว่าเจ้าของโทรศัพท์อยู่ไหมครับ”
“คุณเป็นเพื่อนหรือญาติของคนไข้รึเปล่าคะ”
..คนไข้? “ผมหมออริญชย์ คนไข้เป็นเพื่อนของผมเอง”
“ค่ะคุณหมอ ตอนนี้เพื่อนคุณหมอนอนสลบอยู่ห้องฉุกเฉินค่ะ”
“โอเค ผมจะรีบไป”
..สลบ! มึงไปทำอะไรมาวะ ผมเหยียบคันเร่งพุ่งตัวกลับไปที่โรงพยาบาลทันที
.
.

..เช้าของอีกวัน
..มุมหนึ่งในโรงพยาบาล

ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนชวนบันเทิง คนที่หน้าเหมือนกันราวกับกำลังส่องกระจกเดินเข้ามาภายในห้องผู้อำนวยการ ..ฤทธิ์ของยากล่อมประสาทที่ลอยฟุ้งอยู่ในอากาศออกฤทธิ์ได้รวดเร็วอย่างที่มันถูกคิดค้นให้เป็น
“..ปู่”
..ไม่ได้ยินสรรพนามนี้มานานแค่ไหน ปู่..คนที่ทิ้งครอบครัว พาตัวเองไปคนเดียวไม่พอยังพาย่าหนีไป ..ย่าที่เคยรักผมในฐานะหลานคนเดียวมาตลอด แต่พอไอ้ร่างโคลนนั่นส่อแววว่าจะ ‘รอด’ ปู่กับย่าก็พากันเอาใจใส่อย่างกับว่ามันเป็นหลานแท้ๆ อีกคน ทั้งที่มันเป็นแค่ ‘ร่าง’ ที่ไม่ได้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สักนิด

“..เพราะว่าคีย์เป็นสิ่งล้ำค่าของพ่อ พ่อเลยขอให้ปู่เขาทดลองโคลนตัวของคีย์ ในอนาคตถ้าคีย์ป่วย คีย์ก็จะมีอวัยวะทดแทน หรือมีเซลล์ไว้สำหรับปลูกถ่ายใช้รักษาตัวเองได้” เหตุผลของพ่อที่บอกผมในวันที่คิวเริ่มเจริญเติบโตขึ้น มันไม่ใช่แค่รอด แต่พัฒนาการของมันยังก้าวกระโดด ถึงการวัดระดับสติปัญญาจะต่ำกว่าร่างต้นอย่างผม แต่การใช้ร่างกายกลับเรียนรู้ตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ดี พ่อจับมันเข้ารับการฝึกต่อสู้อย่างหนักทันทีตั้งแต่อายุได้สามขวบ คิวจะไม่ใช่แค่ร่างที่มีไว้ให้อะไหล่สแปร์ในอนาคต แต่มันจะเป็นอาวุธมีชีวิตที่ไร้หัวใจ รอฟังแค่คำสั่งแล้วทำตาม ..ก็สมควรกับมนุษย์ปลอมๆ อย่างมัน แต่ถึงอย่างนั้นมันก็จะได้รับเกียรติให้เป็นโคลนตัวต้นแบบที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเป็นต้นกำเนิดของกองกำลังโคลนที่ ‘ขายได้’
 
“ทำดีกับน้องหน่อยสิคีย์”
คำพูดของปู่ในวันที่ต้องเจอหน้ากันครั้งแรกระหว่างร่างต้นที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ กับอีกร่างที่ไม่ต่างจากสัตว์ด้อยค่า
“ไม่น่าจำเป็นครับ”
“ปู่ไม่อยากให้คีย์เป็นเหมือนพ่อ”
“แต่ผมยินดีที่จะเป็นเหมือนพ่อครับ”
“อย่างงั้นเหรอ..”
ปู่ทำหน้าเศร้า ผิดหวัง อย่างกับว่าปู่ทำใจยอมรับสิ่งที่ได้ยินไม่ได้ แล้ววันนึงปู่กับย่าก็พามันหนีพวกเราไป และไม่กลับมา..
 
“..ได้ผลเป็นที่น่าพอใจดีครับ”
[แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่]
“ผมอยากทดลอง แล้วก็เช็คอะไรหลายอย่างก่อนพาตัวกลับ”
[อย่าให้นาน เราเสียเวลามามากพอแล้ว]
“ครับคุณพ่อ”
[ระวังตัวด้วยนะ..คีย์]
.
.

..คอนโด
..คิว

“ตื่นได้สักทีนะ”
“อื้อออครับ” ผมยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ร่างกายไม่ได้บาดเจ็บอะไร แต่รู้สึกไม่มีแรง
“อ่ะกินซะ” ผมรับแก้วน้ำจากมือคุณอาร์แล้วยกขึ้นดื่ม
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณอาร์ ทำไมผมมาอยู่ที่นี่”
“มึงนั่นแหละที่ต้องเล่ามาว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไปสลบอยู่แถวหน้าห้องทำงานของพวกผู้บริหาร”
“ผม..” ผมพยายามนึกภาพเหตุการณ์เมื่อคืน แต่จู่ๆ ความปวดทรมานก็เสียวลั่นขึ้นในสมอง อย่างกับว่าเนื้อสมองด้านในก่อการกบฏอยากจะหนีออกมานอกกะโหลกให้ได้ ผมกัดฟันฝืนกั้นเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา
“เป็นอะไร!”
“..ปวดหัว!” ผมตอบด้วยความทรมาน แค่คิดว่าจะพูดว่าอะไรยังยากลำบาก ไม่ต้องนับรวมถึงการที่ผมพยายามลืมตามองคุณอาร์และลุกขึ้นนั่ง จู่ๆ มือข้างซ้ายของตัวเองก็พุ่งไปข้างหน้าแล้วคว้าเข้าที่ลำคอของคุณอาร์อย่างควบคุมไม่ได้!!
.
..อาร์
“มึงนั่นแหละที่ต้องเล่ามาว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไปสลบอยู่แถวหน้าห้องทำงานของพวกผู้บริหาร” ทันทีที่ผมถามจบ คิวมันก็มีสีหน้าบิดเบี้ยว ..มันกำลังเจ็บปวดทรมาน ต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ เพราะสายตาของมันก็เปลี่ยนไปอย่างกับเป็นคนละคน แล้วจู่ๆ คิวก็ลุกขึ้นนั่งและยื่นมือมาบีบคอผม!!
“ขะ คิว…!!” ผมพยายามส่งเสียงเรียกสติไอ้คิว แต่มันก็ไม่ได้ผล แรงบีบที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำผมเริ่มหายใจไม่ออก จะทำไงดีไอ้อาร์! ผมปล่อยมือข้างนึงที่พยายามงัดง้างมือของคิวแล้วไม่ได้ผล และเปลี่ยนมาเป็นสับสันมือข้างที่อิสระนี้เข้าที่ข้อพับแขนของไอ้คนร่างหนา ก่อนฉวยโอกาสปัดแขนของคิวที่มีปฎิกิริยาจากการจู่โจมของผมเมื่อครู่ทันที ..ได้ผล แต่คงหยุดความบ้าคลั่งของคิวไว้ไม่ได้นาน ผมรีบคว้าเอาลำคอของคิว ดึงรั้งให้ตัวเองอยู่ใกล้มันมากที่สุด ก่อนจะกดริมฝีปากของตัวเองให้แนบสนิทกับริมฝีปากของไอ้คนไร้สติ หวังว่าการดึงความสนใจของผมด้วยวิธีนี้จะเรียกสติของมันให้กลับคืนมาได้ มันพยายามดิ้นรนดันตัวผมออก แต่ผมก็ออกแรงทั้งหมดที่มีกอดรัดและบดริมฝีปากต่อไปอยู่อย่างนั้น ถ้าถอยผมคงได้ตายแน่ เพราะรู้ตัวดีว่าคงไม่มีทางเอาชนะไอ้คิวได้ แต่ถ้าจะต้องตายเพราะคิว ก็ต้องไม่ใช่ตอนที่มันกำลังควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนี้! ..มันสู้แรงความตั้งใจของผมได้ไม่นาน ในที่สุดแรงบดเบียดจากสัมผัสของผมก็ทำมันอ่อนท่าทีคลายความแข็งกร้าวลง ผมรับรู้ได้ ลมหายใจของเราทั้งสองคนค่อยๆ ถูกปรับจนมีจังหวะเดียวกัน มันตอบรับสัมผัสที่ผมมอบให้ เราสบตากัน แววตาที่ดุขวางไร้ชีวิตค่อยๆ กลับมาอ่อนโยนมีความรู้สึกอีกครั้ง ผมยิ้มและถอนใบหน้าตัวเองออกเพื่อเช็คอาการของคนตัวหนา แต่มันกลับดึงตัวผมให้เข้าใกล้ และพลิกตัวผมให้ล้มนอนและอยู่ใต้ตัวมัน ..คิวยิ้ม ..กลับมามีสติสักทีไอ้คนแรงเยอะ
“ปล่อยกู เราต้องคุยกัน” ผมเคยเห็นอาการแบบนี้ของคิวมาแล้ว แต่นั่นก็เมื่อหลายปีก่อนตอนที่คิวไม่มีสติรู้ตัว ..ประสาทสั่งการแบบออโต้ไพล็อต ปฏิกิริยาของร่างกายที่เป็นไปเองเมื่อมีภัยคุกคาม กรณีของคิวคือเกิดจากการคุ้นชินของร่างกาย ไม่ก็เพราะได้รับการฝึกฝนจนร่างกายตอบสนองต่อเหตุการณ์โดยไม่ต้องคิด ..แต่ทำไมจู่ๆ คิวถึงกลับมามีอาการ แถมรุนแรงมาก มีอาการทั้งที่ยังมีสติตื่น แถมไม่ทันมีตัวกระตุ้นด้วยซ้ำ
“ถึงผมจะนึกไม่ค่อยออกว่าเราเริ่มกันได้ยังไง แต่ผมขอต่ออีกนิดไม่ได้เหรอครับ” คำถามบวกหน้าออดอ้อนของคิวทำผมหลุดยิ้ม เกือบลืมไปสนิทว่าเมื่อกี้มันน่ากลัวมากขนาดไหน
“ไม่ได้” ผมพยายามตอบคิวด้วยสีหน้าที่จริงจังที่สุด
“ก็ได้ครับ”
ผมลุกขึ้นจากเตียง คิวเองก็ยอมให้ความร่วมมือ มันลุกเดินตามมาที่โซฟา อาการปวดหัวของคิวดีขึ้น ดูจากท่าทางที่ต่างไปจากเมื่อครู่อย่างเห็นได้ชัด แทบจะเป็นปกติ ผมหยิบเครื่องวัดชีพจรใส่เข้าที่ปลายนิ้วของคิว “มึงค่อยๆ เล่ามา เมื่อวานไปทำอะไรมาบ้าง เอาเท่าที่นึกออก”
“..ผมขึ้นไปที่ห้องผู้อำนวยการ เจอเอชอาร์คนนึง เขาขอเดินไปส่งที่ห้อง ผ.อ. เพราะคงไม่ไว้ใจ ผมก็เดินตามไปเพราะยังไง ผ.อ. ก็ไม่อยู่ในห้อง.. แล้ว..” คิ้วของไอ้คิวเริ่มขมวด มันกำลังพยายามคิด ชีพจรของมันกำลังเต้นแรงและเร็ว คิวหายใจหอบ เหงื่อเริ่มแตกเป็นเม็ดไหลอยู่บนกรอบหน้า
“หยุด พอได้แล้ว..”
“…” คิวพยายามผ่อนลมหายใจ
“ไม่ต้องฝืนคิดเรื่องต่อจากนั้นแล้ว เอางี้ ก่อนอื่น มึงรู้ได้ไงว่าในห้องไม่มี ผ.อ.”
“ผมสแกนผ่านแว่น..”
“ต้องเซฟภาพไว้ได้แน่ๆ ..แต่มันก็หายไปแล้วตอนที่มีคนมาเจอตัวมึง”
“…”
“กูจะแฮกระบบโรงพยาบาลเข้าไปดูกล้องวงจรปิด น่าจะได้เรื่อง”
“…”
“ตอนนี้มึงกินข้าวแล้วก็ไปนอนซะ”
“แต่ผม..”
“อย่าฝืน”
“คุณอาร์.. ผมขอโทษนะครับ.. ที่ทำคุณอาร์เจ็บ” คิวยื่นมือมาสัมผัสเบาๆ ที่คอของผม สีหน้าของมันกำลังบอกว่ามันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป
“..จำได้ไหม ว่าเมื่อกี้คิด หรือรู้สึกอะไร”
“..ไม่ได้เลยครับ เหมือนภาพมันตัด”
“อืม มึงไปกินข้าวแล้วก็นอน”
“ครับ” คิวยอมลุกเดินไปทางห้องครัวแต่โดยดี แต่กว่าจะยอมไปก็อ้อยอิ่งจนผมต้องยอมให้มันได้ทำในสิ่งที่ต้องการ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันต้องการลบภาพความทรงจำที่ไม่ดีของตัวมันเมื่อกี้ ซึ่งผมก็ยอมมันจนได้..

ภาพทางเดินหน้าห้องผู้อำนวยการอยู่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ คิวกำลังเดินตามหลังเอชอาร์ และหายเข้าไปในห้อง เวลาเดินไปไม่ถึงสิบนาที คิวก็เปิดประตูเดินออกมา ..ท่าทางมึนงงเหมือนไร้วิญญาณ แล้วจู่ๆ ก็ล้มลงกองอยู่ตรงนั้น ส่วนในห้องผู้อำนวยการไม่มีกล้องวงจรปิด เลยไม่รู้ว่าข้างในห้องเกิดอะไรขึ้น แล้วเอชอาร์อยู่ไหน ผมเร่งสปีดความไวของภาพ ..ไม่มี ไม่มีใครออกมาจากห้องเลยหลังจากนี้.. ผมสังหรณ์ไม่ดี เลยตัดสินใจเซฟภาพที่เห็นไว้ และจัดการลบมันออกจากฐานข้อมูลของโรงพยาบาล ..กันไว้ดีกว่าแก้ เพราะจากที่คิวควบคุมตัวเองไม่ได้แบบเมื่อกี้ มันอาจเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นก็ได้

“สวัสดีครับ ขอพูดสายกับคุณพงศ์ ฝ่ายเอชอาร์ครับ” ผมรีบต่อสายไปที่โรงพยาบาล ถ้าตรวจสอบได้ว่าเอชอาร์ที่อยู่กับคิวยังอยู่ดี มันก็จะทำให้ผมสบายใจขึ้นได้บ้าง
“สักครู่นะคะ”
เสียงดนตรีรอสายดังน่ารำคาญ มันนานเกินไปสำหรับการรอคอย ทั้งที่เข็มบางของนาฬิกายังเดินได้ไม่ทันถึงครึ่งรอบ
“วันนี้คุณพงศ์ลาค่ะ”
“ไม่ทราบว่าคุณพงศ์แจ้งด้วยตัวเองรึเปล่าครับ”
“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
“เอ่อ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
ผมวางสายทันที ถึงถามต่อไปก็คงไม่ได้เรื่องอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจได้เรื่องนึงแน่ๆ คือเรากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่มีฝีมือมากพอที่จะตัดต่อเอาสิ่งที่ควรจะมีอยู่ในภาพของกล้องวงจรปิดให้หายไปอย่างแนบเนียน เหมือนเป็นสารท้าทายที่มันตั้งใจส่งถึงพวกเรา ..ที่สำคัญคือมันรู้จักพวกเราดี..โดยเฉพาะคิว ปัญหาตอนนี้มีมากเกินไป ..คิวที่จำเหตุการณ์อะไรไม่ได้ แถมมีอาการกระหายเลือดที่ควบคุมไม่ได้ ..เอชอาร์ที่ยังยืนยันสถานะการมีชีวิตอยู่ไม่ได้ ..ไหนจะคนที่หน้าตาเหมือนกันราวแฝดที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาหลังจากหลับเป็นผักมานาน มันต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆ ระหว่างที่สมองกำลังทำงานอย่างหนัก ผมก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ยังแสดงภาพมุมต่างๆ ทั่วโรงพยาบาล ..บุรุษพยาบาลที่มีท่าทีแปลกๆ ถ้าแค่การปิดหน้าปิดตาด้วยแมสก็คงไม่น่าสงสัยอะไร แต่ไม่รู้ทำไมสัญชาตญาณบางอย่างข้างในบอกว่าคนๆ นี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ คงเพราะลักษณะบ่งบอกว่าเป็นชาวต่างชาติ ความสูงที่เกิน 170 สีผมที่ออกบลอนด์ ร่างกายกำยำมีกล้ามเนื้อ แถมท่าทีการเดินการขยับร่างกายที่ดูเหมือนอาชญากรมากกว่า
“..เท่าที่รู้มา ครอบครัวของคุณออสบอร์เป็นพวกผู้มีอิทธิพลในยุโรป ร่ำรวย แล้วก็มีอำนาจ” หมอชินเคยพูดถึงมิสเตอร์ออสบอร์ไว้ ผมคิดตามสิ่งที่นึกได้ การเป็นบุคลากรทางวิทยาศาสตร์สอนให้ผมตั้งข้อสังเกต วิเคราะห์และประเมินทันที มันอาจมีความเป็นไปได้ ผมรีบต่อสายหาหมอชิน
“คุณหมอครับ ผมอาร์น่ะครับ ไม่ทราบว่าคุณหมออยู่ที่โรงพยาบาลรึยังครับ”
“พี่มาถึงแต่เช้าแล้ว อาร์มีอะไรรึเปล่า”
“คุณหมอรีบย้ายคุณออสบอร์ออกจากห้องเดี๋ยวนี้เลยครับ แล้วก็ตาม รปภ.”
“ได้ พี่จะรีบจัดการตามที่อาร์บอก”
หมอชินวางสายผมทันทีโดยที่ไม่ได้ตั้งคำถาม ..ดี หวังว่าหมอชินจะย้ายคุณออสบอร์ทันก่อนที่จะเกิดสิ่งที่ผมคาดเดาไว้ ..แต่ยังไว้ใจไม่ได้ ผมคว้ากุญแจรถแล้วพุ่งตัวไปที่ประตู แต่ไอ้คิวก็ไวพอที่จะคว้าแขนของผมไว้ได้ทั้งที่โผล่ออกมาจากห้องน้ำเพียงแค่ครึ่งตัว
“จะรีบไปไหนครับ”
“จะรีบไปโรงพยาบาล”
“มีอะไรด่วน?”
“มี ..แต่ยังไม่แน่ใจ”
“ผมไปด้วย ขอหนึ่งนาที”
“กูลงไปรอที่รถ”
ยังไงมีคิวไปด้วยก็อุ่นใจกว่า ผมไม่ลืมหยิบอาวุธประจำตัว ถึงจะเป็นในโรงพยาบาล แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่าคนร้ายจะไม่ใช้อาวุธ ถึงมันจะแค่มาทำอะไรสักอย่างกับคนที่ไม่มีทางสู้ก็ตาม
“ไม่ไปรถผมเหรอครับ น่าจะเร็วกว่า” คิวถามทันทีที่เปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับ
“ไม่ เพราะเราจะไม่ได้กลับมากันแค่สองคน”
.
.
..โรงพยาบาล
..ตึกพักผู้ป่วย ชั้น 11 ห้อง 1153

“คุณเป็นใคร! เข้ามาในห้องนี้ทำไม”
“…”

“พี่ถามมัน แต่มันก็ไม่ได้ตอบ พอพี่จะจับตัวก็โดนต่อยจนจนเห็นดาว สุดท้ายมันก็วิ่งหนีไป แถม รปภ. เราก็จับมันไว้ไม่ได้ บางคนก็เจ็บตัวด้วย” หมอชินเล่าเหตุการณ์เมื่อเช้าด้วยความขับข้องใจ “ดีที่พี่เชื่ออาร์ รีบย้ายคุณออสบอร์ออกไปก่อน ไม่งั้นต่อให้เกณฑ์คนมาเยอะกว่านี้ก็อาจจะขวางมันไว้ไม่ไหว น่าจะเป็นมืออาชีพ”
“ขอบคุณนะครับที่เชื่อผม แล้วนี่คุณหมอทำแผลรึยังครับ”
“ยังเลย มัวแต่ติดต่อประสานกับทางตำรวจเผื่อว่าจะจับตัวมันได้”
“งั้นผมทำแผลให้คุณหมอเองครับ”
“พี่ว่าแล้ว ว่าอาร์ต้องเป็นห่วงพี่”
“..เรียกร้องความสนใจ” เสียงพูดลอยๆ ดังมาจากไอ้คิวที่ยืนเงียบมาได้ตั้งห้านาที ผมไม่ได้หันไปมอง แต่พอนึกออกว่าไอ้คนตัวหนาคงกำลังทำท่าทองไม่รู้ร้อน “ขอโทษนะครับที่ขัดจังหวะ แล้วตอนนี้คุณออสบอร์อะไรนั่นปลอดภัยดีแล้ว?”
“เอ่อ..ครับ เดี๋ยวผมพาไปหาเขา เอ๊ะคุณ..”
“ทำแผลก่อนเถอะครับคุณหมอ มี รปภ. เฝ้าอยู่ และมันรู้แล้วว่าเราระวังตัว ยังไงก็คงไม่กล้าลงมือซ้ำตอนนี้แน่” ผมดึงแขนเสื้อกราวน์ของหมอชินให้เดินไปที่เตียงนอนของคนไข้ และเดินออกไปที่เคาเตอร์ของพยาบาลที่ต้องมีชุดปฐมพยาบาลอยู่ ปล่อยให้ไอ้คิวอยู่กับหมอชินตามลำพังในห้อง คิดว่าแค่ไม่กี่นาทีคงไม่ตีกัน

..คิว
“ไม่ทราบว่าคุณคือ?” ไอ้หมอชินชาปลาสลิดเปิดฉากถามทันทีที่คุณอาร์เดินออกจากห้องไป
“ผมเป็นแฟนหมออาร์”
“ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยนะครับ”
“ครับ ของแบบนี้ ต้องรีบพูดให้ชัดเจน จะได้ไม่มีใครเข้าใจผิด”
“หวงเหรอครับ”
“ครับ ก็คนของผมทั้งคน..”
“ขอโทษนะครับ คบกันมานานรึยังครับ”
“…”
“ยังไม่ถึงอาทิตย์ครับ” คุณอาร์พูดแทรกหลังจากที่พาตัวเองเข้ามาอยู่ในห้องพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลที่อยู่ในมือ
“..ยังไม่ถึงอาทิตย์?”
“ครับ” ผมมองหน้าคุณอาร์ที่ไม่ได้สนใจมองผมสักนิด ..จะเล่นงี้ใช่ไหมคุณอาร์ ผมเดินเข้าไปยืนใกล้คุณอาร์ แล้วเอาแขนโอบเข้าที่เอว ..ตำแหน่งที่คุ้นเคย ก่อนจะวางคางเกยบนบ่าของคุณเขา ผมยืนซ้อนหลังแบบแนบชิด ถ้าคิดดีได้ให้มันรู้ไป “ถึงเราจะเพิ่งเป็นแฟนกัน แต่เราก็รู้จัก สนิทสนมกันมาหลายปีแล้วครับ” ผมเหลือบมองคุณอาร์จากด้านข้าง คุณเขาอมยิ้ม ไม่ได้ตำหนิที่ผมประกาศสถานะขนาดนี้
“อาร์จะไม่รักษาน้ำใจของพี่สักหน่อยเหรอ พากันมาเปิดตัวขนาดนี้” ไอ้หมอชินพูดตัดพ้อพลางเงยหน้ามองคุณอาร์ที่กำลังใช้สำลีแต้มยาแตะที่มุมปากของตัวเอง ..ตีหน้าสลด โคตรน่าสงสาร
“คือเขาเป็นเพื่อนร่วมงานด้วยน่ะครับคุณหมอ ที่มาก็เพราะเรื่องงาน”
“งาน?”
“ครับ งานความมั่นคง ก็เรื่องที่คนร้ายบุกเข้ามาถึงที่นี่..”
“คุณออสบอร์? ..คงเป็นเรื่องใหญ่ งั้นเรารีบไปหาเขากันเถอะ แล้วก็ขอบคุณนะอาร์ที่ทำแผลให้พี่”
“ขอให้หายเจ็บไวๆ นะครับ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินตามหลังคุณอาร์ที่เดินนำออกจากห้องไปก่อนแล้ว
“ก็หวังว่าคุณจะไม่ต้องมาเจ็บแบบผมนะครับ..คุณคิว” ผมหยุดเดินแทบจะทันที ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้หมอชินเดินมายืนอยู่ข้างๆ มันมองหน้าผมด้วยรอยยิ้มที่สดใสแต่ทำไมผมกลับรับรู้ได้ถึงความไม่จริงใจที่โคตรจริงใจ

สุดท้ายก็เป็นผมที่เดินรั้งท้ายตามหลังคนคู่หน้า ..คุณอาร์กับไอ้หมชิน ..ก็ได้แค่เรื่องงานเท่านั้นแหละ ตอนนี้พวกเราทั้งหมดกำลังยืนอยู่ในอาณาเขตของห้องพักผู้ป่วยวีไอพี หมายเลข 1145 ..ห้องตรงข้ามห้องพักเดิม จะว่าเป็นไอเดียที่ฉลาดก็ไม่เชิง ใกล้ สะดวก แต่ก็เสี่ยง
“ผมจะทำเรื่องรับตัวคุณออสบอร์ไปพักฟื้นที่เซฟเฮ้าส์”
“อืม พี่ว่าก็ดีนะ ถ้าอยู่ที่นี่ต่อก็คงรับรองความปลอดภัยไม่ได้”
“..นอนห้องหรูขนาดนี้ ก็น่าจะมีปัญญาหาบอดี้การ์ดมาเฝ้าเองได้”
“นั่นสิครับ ญาติอย่างคุณก็ควรจะทำอะไรบ้าง จะได้ไม่ลำบากคนอื่น”
“ญาติ? คุณหมายถึงใคร ผม?”
ไอ้หมอชินส่ายหัวเบาๆ “นี่แสดงว่าคุณไม่รู้ว่าพี่ชายของตัวเองนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่”
“พี่ชาย?!! นี่คุณหมอ ท่าทางคุณจะรักษาคนไข้จนสมองเพี้ยนไปแล้วมั้ง คุณกับผมก็เพิ่งรู้จักกัน คุณหมอจะมารู้ได้ไงว่าผมมีพี่ชาย”
“พี่ขอเสียมารยาทหน่อยนะอาร์ แต่พี่ว่าอาร์ไม่ควรคบกับคนแบบเขา ขนาดคนในครอบครัวเขาเองเขายังไม่สนใจ พี่ไม่อยากคิดเลยว่า วันนึงอาร์จะต้องปวดใจแค่ไหน”
“เห้ยคุณหมอ! พูดจาให้มันสมกับความเป็นหมอหน่อยนะ”
“ผมพูดความจริ..”
“พอก่อนนะครับทั้งคุณหมอ แล้วก็..” คุณอาร์รีบเข้ามาเบรกสงครามน้ำลายระหว่างผมกับไอ้หมอชิน
“แค่กๆ” จู่ๆ ก็มีเสียงไอของใครสักคนดังขึ้นขัดจังหวะ ..เกือบลืมไปว่ามีไอ้คุณออสบอร์อะไรนั่นอยู่ในห้องอีกคน คุณอาร์รีบเดินไปที่เตียงทันที ส่วนไอ้หมอชินก็ส่งสายตาหาเรื่องมาที่ผมก่อนจะเดินตามคุณอาร์ไป ปล่อยให้ผมยืนหงุดหงิดอยู่บริเวณห้องรับแขกส่วนนอกของห้องพักผู้ป่วย
“เป็นยังไงบ้างครับตอนนี้”
“ถ้าโอเค ก็กะพริบตาหนึ่งทีนะครับ”
“ผ..ผม อ..โอ ค..”
“ไม่ต้องรีบร้อนครับคุณออสบอร์ ค่อยๆ พูด ตอนนี้คุณยังควบคุมการออกเสียงได้ค่อนข้างลำบาก” น้ำเสียงตื่นเต้นของไอ้หมอชินโคตรจะโอเวอร์ ส่วนคุณอาร์ของผมก็กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ข้างเตียง ตรวจสอบอุปกรณ์ ปริมาณน้ำเกลือ ผมเดินเข้าใกล้ที่เตียงบ้าง ขอดูหน้าคนที่ไอ้หมอชินมันอ้างว่าเป็นญาติผมหน่อย

……………..

เหี้ย!! คนที่นอนอยู่บนเตียง ..มันคือผมชัดๆ
.
.
.




ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
010
คิว
.
.
เหี้ย!! คนที่นอนอยู่บนเตียง ..มันคือผมชัดๆ
“ไอ้คิว.. มึงโอเคไหม” คุณอาร์กระซิบถามผม
“ผม..” ผมนึกคำตอบไม่ออก สายตายังคงมองตรงไปที่คนบนเตียง มันเป็นใคร ทำไมถึงมีหน้าตาเหมือนกันกับผม อาจจะต่างกันก็แค่ตรงที่มันดูผอมกว่าผมเล็กน้อยเพราะกำลังป่วย
“คิว.. นี่คือคุณออสบอร์ เขาเพิ่งฟื้นจากการนอนเป็นเจ้าชายนิทรามาสิบเก้าปี”
“เขาเป็นใครครับคุณอาร์”
“หมายความว่าไงอาร์?”
“คือคิวไม่เคยรู้ว่าตัวเองมีญาติพี่น้องที่ไหนอีกน่ะครับคุณหมอ นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญมากๆ ที่คิวกับคุณออสบอร์บังเอิญมาเจอกัน”
“ออ แบบนี้นี่เอง ต้องขอโทษด้วยที่ต่อว่าคุณไปเมื่อกี้ งั้นผมสรุปให้คุณฟังเองนะครับ คุณออสบอร์เขานอนรักษาตัวอยู่ที่ต่างประเทศมานานหลายปี แล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน คุณออสบอร์ก็ฟื้นขึ้นมาราวปาฏิหาริย์ เขาถูกพาตัวมารักษาต่อที่นี่ เพราะว่าครอบครัวต้องย้ายมาทำธุรกิจที่นี่”
“แล้วตอนนี้ครอบครัวของเขาอยู่ไหน”
“ครอบครัวของเขาบอกผมว่าต้องบินกลับไปจัดการธุระสำคัญบางอย่าง และตอนนี้ผมก็ยังติดต่อพวกเขาไม่ได้”
“…”
“ข..ขอโทษนะครับ” ไอ้คุณออสบอร์ส่งเสียงขึ้นทำลายความเงียบของบทสนทนา มันมองมาที่ผม “ไม่ทราบว่าคุณเป็นใคร.. ทำไม..”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นใคร คุณนั่นแหละบอกผมได้ไหมว่าผมเป็นใคร เราเป็นอะไรกัน”
“...คือ”
“ตอบมาสิ!” ผมขึ้นเสียงใส่ไอ้คนที่นอนทำหน้าซีดไร้สี ในหัวตอนนี้มันทั้งสับสน สงสัย ผมโตมาขนาดนี้โดยที่ไม่เคยมีญาติพี่น้องครอบครัวคนอื่น มีก็แค่ปู่กับย่าที่เลี้ยงผมด้วยความรักและความยากลำบาก แล้วไอ้คนหน้าเหมือนที่มีชีวิตอยู่อย่างต่างชนชั้นก็โผล่มาสร้างคำถามให้กับชีวิต
“คิว! มึงใจเย็นก่อน เขาเพิ่งฟื้นมาได้แค่ไม่กี่วัน สมองบางส่วนก็อาจจะเสียหาย”
“ถูกของอาร์นะครับ เขายังต้องได้รับการผ่าตัด การฟื้นฟูอีกหลายขั้นตอน คุณกดดันคุณออสบอร์ตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”
“…”
“เอาตามนี้นะครับคุณหมอ ผมจะจัดการเรื่องเอกสาร และดูแลคุณออสบอร์ต่อเอง”
“โอเคอาร์ ยังไงวันนี้พี่ขอตรวจเช็คอาการแล้วก็เตรียมเรื่องนัดวันเข้ามาผ่าตัด”
“ครับ”

ผมออกมายืนรอนอกห้องพัก หลังจากบึ่งรถกลับไปเตรียมที่นอนให้ไอ้คนหน้าเหมือน คุณอาร์จะยกห้องของตัวเองให้มันพักเพราะอุปกรณ์การรักษา สิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสำหรับการรับแขก ส่วนตัวคุณอาร์ ก็จะย้ายมาร่วมเพดาน ร่วมเตียง อยู่ห้องเดียวกันกับผมแทน เราจะได้ใช้ชีวิตร่วมกัน ตัวติดกัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องส่วนตัว การมาของไอ้คนแปลกหน้านี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่
“ตอนนี้คุณออสบอร์รู้สึกยังไงบ้างครับ” คุณอาร์ถามไอ้คุณออสบอร์ขณะที่เข็นไอ้คนป่วยออกมาจากห้อง
“มึนหัวนิดหน่อยครับ”
“เรากำลังจะพาคุณไปที่ที่ปลอดภัย อดทนกับการเดินทางหน่อยนะครับ”
“ครับ”
“ถ้ามีอะไรติดขัด โทรหาพี่ได้ตลอดนะอาร์”
“ขอบคุณครับคุณหมอ”
“ไม่ต้องกังวลนะครับคุณออสบอร์ อาร์เขาเป็นหมอที่เก่งมาก”
“ผมก็เชื่ออย่างนั้นครับ”
“จะไปกันได้รึยัง คุยนานอย่างกับว่ากำลังรอให้ไอ้พวกคนร้ายมันมาจับตัว” ผมพูดขัดจังหวะบทสนทนาที่ไม่มีทีท่าว่าจะจบสิ้นสักที เลยได้เจอสายตาดุๆ ของคุณอาร์เข้าหนึ่งดอก
“คุณหมอไม่ต้องไปส่งหรอกครับ พวกเราไปกันเองได้”
“โอเค ฝากด้วยนะอาร์ แล้วก็คุณด้วย” ผมหยักไหล่แทนคำตอบรับ แล้วก็ฉวยเอารถเข็นมาเข็นเอง ตามสไตล์แฟนที่รู้หน้าที่ งานแฟนเท่ากับงานเรา
“ผมไปก่อนนะครับคุณหมอ”
“อาร์คงลางานยาวอีกแล้วสินะ”
“ครับ”
“งั้นพี่จะโทรไปถามอาการคุณออสบอร์เรื่อยๆ นะ”
“..ไม่ต้องหรอกครับคุณหมอ พวกเราจะติดต่อมาเอง..ถ้าจำเป็น”
“…”
.
.
..คอนโด
..ห้องอาร์
“จับแขนของผมไว้นะครับ” คุณอาร์ประคองไอ้คุณออสบอร์ให้ลุกจากรถเข็น มองยังไงก็รู้สึกแปลก แฟนตัวเองกำลังอยู่ใกล้ชิดกับคนที่หน้าเหมือนตัวเองแต่ไม่ใช่ตัวเอง
“ผมเองครับคุณอาร์” ผมรีบเข้าไปช้อนเอาหลังของไอ้คนหน้าเหมือน ส่วนคุณอาร์ก็เดินแยกไปที่เตียงก่อน ปล่อยให้หน้าที่การดูแลผู้ป่วยเป็นของผม
“ขอบคุณนะครับ ว่าแต่คุณชื่อ..”
“ผมชื่อคณนา แต่เรียกสั้นๆ ว่าคิวก็ได้”
“คิล (Kill).. ที่แปลว่า ‘ฆ่า’ ” รอยยิ้มอ่อนฉายอยู่บนใบหน้า ผมสบตาเข้ากับไอ้คุณออสบอร์ แววตาใสซื่อกำลังพยายามสื่อสารอะไรบางอย่างกับผม
“คิล (Kill).. ที่แปลว่า ‘ฆ่า’ ” ..มันไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่มันเป็น.. ผมปวดแปลบในหัวทันทีที่พยายามตีความทำความเข้าใจกับประโยคคำพูดที่ได้ยิน แขนที่ประคองร่างของคุณออสบอร์ลืมทำหน้าที่ของมัน คนป่วยร่วงลงกองกับพื้นเกือบจะทันที แต่แล้วมือของผมก็กลับไวพอที่จะคว้าเข้าที่ลำคอของไอ้คนหน้าเหมือน ผมรั้งร่างขนาดพอกันให้ยกตัวลอยขึ้นด้วยแรงของข้อแขนเพียงข้างเดียว
“ป..ปล่อยผมคุณคิว!!” เสียงของมันทำผมแสยะยิ้มอย่างลืมตัว ใบหน้าผวาหวาดกลัวช่างชวนมอง ผมออกแรงเพิ่มขึ้นอีกนิด เพราะยังอยากได้ยินวลีร้องขอชีวิตจากคนตรงหน้า แต่ผมกลับไม่ได้ยินเสียงของคนอีกคนที่กำลังพยายามเรียกสติของผมจากทางด้านหลัง จนกระทั่งรู้สึกเหมือนถูกมดตัวใหญ่กัดเข้าที่หลังคอ ผมเอามือปัดมันทันที แรงเหวี่ยงเต็มกำลังทำให้ใครคนนั้นกระเด็นไปไกล ..ผมไม่ได้สนใจ เหยื่อตรงหน้าที่อยู่ใต้อาณัติยังเป็นความบันเทิงในความรู้สึก แต่แล้วจู่ๆ โลกทั้งใบมันก็เอียง แรงดึงดูดของโลกกำลังรั้งตัวของผมให้ร่วงหล่น สติของผมวูบดับลง..

..อาร์
ผมหายใจหอบ ไม่เคยคิดว่าจะต้องใช้วิธีนี้กับไอ้คิว มันร่วงหลับลงในสองวินาทีหลังจากที่ผมปักเข็มยาสลบเข้าที่ต้นคอของมัน ผมรับร่างไอ้คิวไว้ก่อนที่ตัวมันจะกระทบกับพื้นแข็ง ส่วนคุณออสบอร์ก็ยันร่างตัวเองกับกำแพงที่อยู่ข้างๆ
“คุณออสบอร์โอเคไหมครับ”
“ครับ เกือบแย่แหมือนกัน”
ผมวางร่างของคิวลง และตรงไปประคองคนที่เป็นแขกไปที่เตียง
“ผมตกใจมาก จู่ๆ เขาก็..”
“ต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ คุณพักผ่อนตามสบายนะครับ ผมขอตัวไปดูแลเขาก่อน”
“เชิญครับ ผมอยู่คนเดียวได้”
ผมยิ้มขอบคุณแล้วตรงไปหิ้วปีกไอ้คนก่อเรื่อง ผมพาคิวกลับไปที่ห้องของมัน ทิ้งมันลงบนเตียง ผมมองคนหลับแบบไม่เข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมคิวถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ..แม้แต่เสียงของผมที่ส่งไปก็ไม่ถึงมัน ผมจับแขนของตัวเองที่เริ่มปวดระบมเพราะกระแทกเข้ากับตู้ไม้จากแรงเหวี่ยงของไอ้คิว ..ไม่ใช่แค่ตรงนี้ ผมปลดกระดุมของเสื้อเชิ้ตลงและมองแผ่นหลังของตัวเองในกระจก ..รอยแดงเป็นทางที่คงกลายเป็นสีเขียวม่วงและกินเวลาหลายวันกว่าจะหาย ..เจ็บ แต่ก็พอทน
“ขอโทษนะครับ” ไอ้คิวยืนซ้อนหลังของผม สายตารู้สึกผิดของมันกำลังมองไปที่ร่องรอยความรุนแรงของตัวเองที่อยู่บนหลังของผม
“ทายาให้กูหน่อย” ผมยื่นหลอดยาให้คิว
“คุณอาร์.. จะยังชอบผมอยู่ไหม ถ้าผมเปลี่ยนไปเป็นอีกคนที่คุณอาร์ไม่รู้จัก”
“…”
“..จะรังเกียจผมไหม ถ้าผมเป็นแค่ไอ้ตัวอันตรายที่พร้อมจะฆ่าใครก็ได้โดยไม่..”
ผมหันหลังเผชิญหน้ากับไอ้คนตัวสูงกว่าเล็กน้อย “หยุดพูดได้แล้ว ไม่ว่ามึงจะเป็นยังไง กูก็จะรั้งมึงไว้ด้วยความสามารถทั้งหมดที่มี เพื่อให้มึงยังเป็นคิวที่กูรู้จัก”
คิวยิ้มอ่อนพร้อมกับเอามือมาสัมผัสใบหน้าของผม “คุณนี่ใจดีจังเลยนะครับ”
ผมคว้าเอาข้อมือที่อยู่บนกรอบหน้าของตัวเองออก และตวัดมือที่อยู่ในการจับกุมให้ไพล่หลังและออกแรงกดตามสูตรพื้นฐานการควบคุมตัว “คุณไม่ใช่คิว”
“ทำไมใจร้ายกับคนที่ตัวเองรักแบบนี้ล่ะครับ”
“คุณเป็นใคร เลิกเอาคิวมาอ้างสักที!”
“หึ น่าดีใจแทนเขานะ ที่คุณแยกความแตกต่างระหว่างเราออก” คิวหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แล้วออกแรงที่ข้อมืองัดง้างการล็อคของผม ตอนนี้กลับกลายเป็นผมที่เพลี่ยงพล้ำโดนคิวจับกดที่หน้าอกแนบอยู่กับกำแพงเปลือย
คิวเอาหน้าเข้ามาใกล้และกระซิบที่ข้างหู “ผมก็คือคิว แต่แค่เป็นคิวที่คุณไม่เคยรู้จัก ..จะทนได้รึเปล่า ถ้าต่อจากนี้ไป ..ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม”
“…”

“คุณอาร์ คุณอาร์”
ผมสะดุ้งตื่นทันทีที่รับรู้ได้ถึงแรงเขย่าที่แขน และเสียงเรียกที่ดังขึ้นเรื่อยๆ
“คุณอาร์ คุณโอเคไหม” ผมลืมตามอง ..ไม่ใช่คิว แต่เป็นคุณออสบอร์ ดูได้จากชุดและลักษณะที่แตกต่าง
“ผม.. โอเคครับ”
“คุณคงฝันร้าย ผมเห็นคุณนอนกระวนกระวายอยู่ได้สักพัก เห็นท่าไม่ค่อยดีเลยปลุกคุณ”
“ขอบคุณครับ ผมคงเผลอหลับไปตอนเข้ามาดูอาการของคุณ”
“ว่าแต่คุณคิวเป็นยังไงบ้างครับ”
“น่าจะตื่นแล้วครับ ผมเองก็ไม่แน่ใจ”
คุณออสบอร์ยันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างทุลักทุเล ผมเห็นแล้วรู้สึกลำบากแทนเลยลุกขึ้นพยายามที่จะช่วยยกตัวเขาขึ้นนั่ง แต่จะด้วยความที่นั่งท่าเดิมอยู่นาน ขาแขนมีอาการเหน็บชา ตัวผมเลยล้มทับลงบนตัวคนเจ็บอย่างฝืนไว้ไม่อยู่
“โอะ ขอโทษครับ” ผมก้มหน้าก้มตาพูดทั้งที่หน้ายังจมอยู่ที่บ่าของคุณออสบอร์ ก่อนจะเอามือยันตัวให้ออกห่าง
“ตัวคุณหอมจังเลยนะครับ”
“...”
“ต่างจากผมลิบลับ ชักอยากอาบน้ำบ้างแล้วสิครับ”
“ออ ได้สิครับ เรื่องแค่นี้เอง”
“คุณอาร์จะช่วยผมอาบใช่ไหมครับ”
“..เอ่อ ได้สิครับ การดูแลผู้ป่วย..เป็นหน้าที่ของคนเป็นหมออยู่แล้ว”
“ขอบคุณครับ”
“ไปครับ” ..ก็แค่ช่วยคนป่วยอาบน้ำ ..ก็แค่คนป่วยที่หน้าเหมือนคิว ผมประคองคุณออสบอร์ตรงไปที่ห้องน้ำอย่างเลี่ยงไม่ได้ เสื้อผ้าชุดหลวมถูกปลดเปลื้องอย่างง่ายดายจากตัวของคุณออสบอร์ เขากำลังยืนเปลือยเปล่าหันหลังให้ผมใต้ฝักบัวที่น้ำไหลเอื่อย
“ผมปรับระดับความแรงของน้ำที่เท่านี้พอนะครับ”
“ขอบคุณครับ ว่าแต่ผมจะใช้สบู่ได้ไหมครับ”
“ได้ครับ เป็นสบู่อ่อน”
“ผมจะรบกวนคุณหมอถูสบู่ที่หลังให้ผมหน่อยได้ไหมครับ”
“..ได้สิครับ” ผมพับแขนเสื้อเชิ้ต สบู่อยู่ในมือพร้อมที่จะทำความสะอาด ขนาดกับไอ้คิว ผมยังไม่เคย..
บรรยากาศรอบตัวมีแค่ไอน้ำที่ลอยฟุ้งอยู่ทั่วห้องกับเสียงน้ำที่ไหลลงมาและจากไปตามรางท่อ มือข้างนึงของผมออกแรงจับเบาๆ ที่บ่าผิวสีแทน ส่วนมืออีกข้างก็ค่อยๆ ไล่ถูสบู่ไปตามแผ่นหลังกว้าง ใจของผมกำลังเต้นแรง ถ้าคิวมาเห็นภาพตอนนี้.. ไม่อยากจะคิด ผมถอนหายใจ
“เสร็จแล้วครับคุณออสบอร์”
“ขอบคุณมากครับ”
“ถ้างั้นผมขอไปรอคุณข้างนอกนะครับ”
“อยู่ก่อนได้ไหมครับ ผมกลัวว่าจะเดินออกไปคนเดียวไม่ถนัด”
“เอ่อ ก็ได้ครับ”
“เสร็จแล้วครับ กวนคุณหมอช่วยหยิบผ้าเช็ดตัวให้ผม..”
“นี่ครับ” ผมยื่นผ้าเช็ดตัวให้โดยที่เบือนหน้าหลบ
คุณออสบอร์หัวเราะเบาๆ “เขินเหรอครับ ทำไมกัน ในเมื่อเราก็มีอะไรเหมือนๆ กัน”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”
“งั้นก็หันหน้ามามองผมหน่อยสิครับ”
“...”
“หรือเพราะผมหน้าเหมือนคุณคิว?”
“...”
“คุณกับคุณคิวเป็นอะไรกันเหรอครับ”
“คือเรา..”
“เป็นคู่รักกันเหรอครับ”
ผมพยักหน้า
“ถ้าเป็นเมื่อสิบเก้าปีก่อน เรื่องแบบนี้คงยอมรับได้ยาก แต่บังเอิญผมเป็นคนหัวสมัยใหม่ ..ผมเลยมองว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ได้ผิดแปลกอะไร”
“ขอบคุณครับที่เข้าใจ”
“..แต่ที่ผมอยากรู้ก็คือ ถ้าเป็นกับผม..ที่หน้าตาเหมือนคุณคิว คุณจะรู้สึกยังไงบ้างครับ”
“..คุณหมายความว่ายังไงครับ”
คุณออสบอร์เดินรุกเข้ามาใกล้จนตัวผมพิงติดกับอ่างล้างหน้า ดวงตาที่เหมือนกันกำลังจ้องมองผม ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ ใกล้จนผมกลั้นลมหายใจ ก่อนจะออกแรงผลักคนตรงหน้าโดยไม่สนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บทั้งที่ยังป่วย แต่ก็ช้ากว่าแรงกระชากของคนตัวหนาที่พุ่งตัวเข้ามาจากนอกห้องน้ำ
“จะทำอะไรคุณอาร์!” คิวดันตัวคุณออสบอร์ออกจากผมและยังเอามือเกาะกุมที่คอของคุณออสบอร์
“คิว! เขายังไม่ได้ทำอะไร ปล่อยได้แล้ว”
“ต้องรอให้เขาทำอะไรก่อนรึไง! ผมว่าเราพาเขากลับไปที่โรงพยาบาลดีกว่า”
“คิว.. ปล่อยคุณออสบอร์ซะ แล้วเราค่อยคุยกัน”
คิวยังจับที่ลำคอของคุณออสบอร์อย่างเอาเรื่อง แต่มันก็ค่อยๆ คลายมือคลายอารมณ์ลง “ที่ผมปล่อย เพราะคุณอาร์ขอไว้ แต่ถ้าคุณยังทำอะไรแบบนี้อีก อย่าหาว่าผมไม่เตือน” ไอ้คิวยอมปล่อยตัวคุณออสบอร์ในที่สุด และลากตัวผมให้เดินออกไป
.
..คีย์
อืม ..ยิ่งมีตัวเร้า ก็ยิ่งกระตุ้นให้อยากใช้ความรุนแรง ค่อยสมศักดิ์ศรีการเป็นนักฆ่าที่น่าลงทุน แต่ถ้าตัวเร้าเป็นคนคนนี้..ก็จะยิ่งมีผลสินะ
.
..คิว
“ผมว่าไอ้หมอนี่ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับภารกิจของเรา เราเอามันไปคืนที่โรงพยาบาลเถอะครับ ไหนๆ เรื่องนี้ก็ยังไม่ถึงเบื้องบน เราไม่ได้ทำตามคำสั่งใครด้วยซ้ำ บอกตรงๆ นะ ผมไม่ชอบขี้หน้ามัน ไม่ชอบการที่ต้องมีหน้าเหมือนมัน และยิ่งไม่ชอบที่สุดก็ตอนที่คุณอาร์ต้องอยู่ใกล้มัน”
“แต่ก็เพราะว่าเขาหน้าเหมือนมึงไง ..รู้ไหมว่ามันต้องเกี่ยวข้องกันแน่ๆ ทั้งเรื่องตอนที่มึงหายเข้าไปในห้อง ผ.อ. แล้วจำอะไรไม่ได้ ไหนจะอาการของมึงที่เป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ มึงรู้ไหมว่าตอนนี้กูคิดแต่เรื่องของมึง คิดว่าจะหาคำตอบเรื่องของมึงได้ยังไง”
“…”
“กูก็อยากให้ระหว่างเรามีแต่ช่วงเวลาดีๆ แต่ตอนนี้.. มันแม่งไม่ได้อย่างใจกูสักอย่าง เพราะฉะนั้น ตอนนี้มึงอย่าเพิ่งไม่มีเหตุผลได้ไหม”
“..ผมขอโทษ”
“ฟังกูนะคิว เราจะช่วยกันคิด ช่วยกันแก้ทีละเรื่อง เอาเป็นว่ากูไม่ได้ไว้ใจในตัวคุณออสบอร์สักนิด แต่เขาเป็นกุญแจที่จะเชื่อมโยงได้ว่าเรื่องทั้งหมดมันคืออะไร อีกอย่าง เขาอาจจะเป็นครอบครัวของมึง..”
“ครอบครัวของผมมีแค่ปู่ย่า คุณอาร์ แล้วก็นายกับคุณผู้หญิง ชีวิตนี้ผมไม่ได้ต้องการได้ใครมาเพิ่ม”
“งั้นก็ดี” คุณอาร์ยิ้มพอใจในคำตอบของผม ผมเองก็ยิ้มออกเหมือนกัน รู้สึกดีที่เราได้เปิดอกคุยแบบนี้ ผมยื่นหน้าเข้าใกล้คุณอาร์ ก่อนจะกอดคุณเขาไว้ในอ้อมแขน กลิ่นของคุณอาร์ทำผมสบายใจและผ่อนคลาย ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องต่อจากนี้จะเลวร้ายแค่ไหน ขอแค่ตอนนี้ผมมีคุณอาร์ก็พอ
“ผมรักคุณอาร์นะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เริ่มได้ยังไง”
“...”
“ผมอยากจะอยู่เห็นหน้าของคุณอาร์อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตื่นเช้ามาก็เจอคุณอาร์ ก่อนนอนก็ได้กอดคุณอาร์”
“อืม กูก็เหมือนกัน อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะ”
“ครับ ผมสัญญา”
.
.
..อาร์
เมื่อคืนผมนอนหลับสนิท จำได้ว่ากอดคิวไว้ก่อนที่จะหลับไป ปัญหาที่มีไว้ค่อยคิดค่อยแก้ แค่มีความสุขกับทุกนาทีที่ได้อยู่กับคนที่รักก็พอ ผมลืมตาตื่นมองไปที่ข้างตัว ..คิวยังหลับอยู่ ผมเลยเป่าลมเบาๆ ใส่ดวงตาที่ยังคงปิดสนิท คิวค่อยๆ ลืมตาขึ้น
“ไม รำคาญเหรอ”
“ใช่ ผมยังอยากนอนต่อ” คิวลุกขึ้นนั่ง และบิดตัวไล่ความเมื่อย “แต่ไหนๆ ก็ตื่นแล้ว เรามาหาอะไรสนุกๆ ทำดีไหมครับ”
“…”
“อย่างเช่น ..วิเคราะห์ภารกิจที่ค้างอยู่ ไม่ก็แฮกเข้าฐานข้อมูลของระบบธนาคารกลาง”
“คุณเป็นใคร”
“ผม.. ก็คิวของคุณไง แค่นี้ก็จำกันไม่ได้”
“นี่คงเป็นความฝัน เดี๋ยวผมก็จะตื่น”
คิวหันมาทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ผม “โอเค ผมว่ามันค่อนข้างน่าเบื่อ เวลาที่เราต้องพยายามทำตัวเป็นคนอื่น งั้นช่วยดูให้ชัดๆ นะครับคุณหมอ ตอนนี้ผมเป็นแค่ภาพโฮโลแกรมที่ส่งมาจากที่ไหนสักที่บนโลก” ผมเพ่งมองและเอามือสัมผัสตัวของคิว มือของผมทะลุผ่านตัวของคิว แสงหลากสีสันทาทาบอยู่บนมือของผม อุปกรณ์ส่องสว่างถูกวางอยู่บนพื้นเตียง ..เป็นภาพโฮโลแกรมจริงๆ
“คุณเป็นใครกันแน่คุณออสบอร์”
“ผมเป็นใครคงไม่สำคัญอะไรกับคุณ”
“งั้นผมขอถามใหม่ คิวอยู่ไหน”
“..คิว ต้องขอโทษด้วย ผมคงให้ดูภาพไม่ได้ เอาเป็นว่าผมจะให้คุณฟังเสียงแทนล่ะกันนะ”

[..เมซ ขอค่าความดันด้วย] เสียงของหมอสักคนที่กำลังร้องขอมีดผ่าตัดดังอู้อี้ภายใต้หน้ากากอนามัยอยู่ในห้องที่ผมนึกภาพตามได้ไม่ยาก ..ห้องผ่าตัด
[…]
[ต่อไปผมจะผ่าเปิดกะโหลกนะครับ ขอเลื่อย..]

“พวกมึงจะทำอะไรคิว!!”
“โอะ จากคุณหมอผู้สุภาพ ทำไมถึงกลายเป็นคนหยาบคายไปได้ล่ะครับ”
“คุณทำอะไรกับคิว คิวเป็นใครกันแน่”
“อืมมม ผมจะยอมบอก เพราะเห็นแก่สัมผัสที่อ่อนโยน..”
“…”
“คิว..เป็นแค่มนุษย์โคลนที่มีค่าไม่ต่างจากสัตว์ทดลอง และผมก็พาตัวเขากลับมาวิจัยต่อ ถือว่าขอของคืนล่ะกันนะครับ”
“..มนุษย์โคลน”
“..ตัวที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลก”

[ซักชั่น] เสียงของกระบวนการทำงานในห้องผ่าตัดยังคงดังเป็นแบล็คกราวด์

“คุณจะทำอะไรกับคิว..”
“..ผมคงบอกอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ มันเป็นความลับ เอาเป็นว่าเห็นแก่ความรักที่เป็นไปไม่ได้ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ทดลอง ผมจะให้คุณได้คุยกับเขาเป็นครั้งสุดท้าย”

[คุณอาร์..]
“คิว.. มึงโอเคไหม”
[ผมยังโอเคนะ ขนาดโดนผ่าสมองอยู่]
“…”
[แอร์ที่นี่หนาวมาก หนาวกว่าที่ห้องของคุณอาร์เยอะเลยครับ]
“…”
[ขอโทษนะครับ ที่ทำตามสัญญาไม่ได้]
“…”
[ดูแลตัวเองเผื่อผมด้วยนะค..]

“ผมว่าแค่นี้ก็คงพอแล้วสำหรับการกล่าวลากัน ออ ฝากคำขอบคุณไปถึงท่านนายพลพละพ่อของคุณหมอด้วยนะครับ ที่ช่วยสร้างคิวจนเป็นคิว ผมลืมไปเลย มีอีกเรื่องที่คุณหมอควรรู้ไว้ พวกคุณเข้าใจผิดมาตลอด ชื่อของเขาไม่ใช่คิว แต่เป็น ‘คิล’ (Kill).. ลาก่อนนะครับ”
..ภาพโฮโลแกรมของออสบอร์อันตรธานหายไปทันทีที่เครื่องฉายขนาดจิ๋วหยุดทำงาน ..ผมยังไม่ทันได้บอกลาคิว เพราะไม่คิดว่านี่จะเป็นการจากตาย เวลาต่อจากนี้ไป คือเวลาตามล่าเพื่อให้ได้คิวกลับคืนมา ผมปาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม ปัญหามีไว้ให้แก้ ผมต่อสายหานายทันที..

“ผมต้องการคู่หูคนใหม่ครับ..”
.
.
<จบภาคแรก>




ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
011
- to be Continue -
.
.
..ครึ่งปีต่อมา
..อาร์

“แบล็ค..แยกย้าย พวกมันรู้ตัวแล้ว”
ผมถอดหูฟังไร้สายออกจากหูหลังจากเดินสั่งการหน่วยลับอีกคนผ่านการดูภาพสถานที่บริเวณโดยรอบด้วยไอแพตในมือ ภารกิจง่ายๆ ก็แค่ล้อมคอกจับตัวหัวหน้าของพวกค้ายา แต่แบล็คคู่หูของผมก็ดันกระโตกกระตากจนพวกมันไหวตัวทัน คว้าน้ำเหลว ..ไม่ได้เรื่อง
 
“ขอโทษครับที่แผนมันผิดพลาด ถ้าไงผมขอเปลี่ยนคน..”
[คุณเปลี่ยนมากี่คนแล้ว..]
“ก็ไม่มีคนไหนที่ใช้ได้ ..ผมหมายถึง ยังไม่มีคนไหนสื่อสารกับผมรู้เรื่องครับ”
[มันเป็นความผิดของเขาหรือของคุณ]
ผมยอมรับนะว่าเป็นเพราะตัวเอง “..เอาเป็นว่าผมมีคนที่อยากให้มาเป็นคู่หูของผมครับ เขาเป็นอดีตหน่วยลับอยู่แล้ว ประวัติไม่น่าห่วง ..มีฝีมือ”
ผมได้ยินเสียงถอนหายใจ [ผมอยากให้คุณพักก่อน]
“ไม่ครับ ผมต้องการทำงาน”
[ไม่ว่าคุณจะรีบร้อนแค่ไหน แต่ถ้าพวกมันไม่เคลื่อนไหว คุณก็ทำอะไรไม่ได้]
“ไม่หรอกครับ จากที่ผมประเมิน คงอีกไม่นานแน่ๆ”
[แต่ผมอยากให้คุณพัก ..พ่อของคุณจะว่าผมเอา]
“ไม่หรอกครับ ท่านแยกแยะได้”
[รั้นเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก..]
ผมไม่ปฏิเสธ “..รบกวนช่วยอนุมัติสมาชิกทีมคนใหม่ของผมด้วยนะครับ เขาชื่อไอย์”
“..ก็ได้”
“ขอบคุณครับ” ผมไม่สนว่าใครจะห้ามหรือจะห่วงอะไร..ไม่ว่าจะนายหรือแม้แต่พ่อ โดยเฉพาะพ่อ..คนที่หักหลังความรู้สึกของทั้งผมและของคิว
.
.

..ครึ่งปีก่อน

“มันฝากขอบคุณพ่อ ที่สร้างคิวให้เป็นคิว”
“…” พ่อของผมหรือนายพลพละที่ออสบอร์มันพูดถึงเอาแต่ยืนฟังนิ่งในวันที่ผมซมซานกลับบ้าน พาใจหนักๆ ที่หาทางออกเรื่องคิวไม่ได้กลับมาหาพ่อแม่ หลังจากที่ผมจมอยู่กับตัวเองเกือบค่อนวัน แม่ตกใจและปลอบโยนด้วยอ้อมกอดอันอบอุ่นโดยที่ไม่ถามถึงสาเหตุ ขณะที่พ่อเดินนำผมปลีกตัวออกไปที่ห้องทำงานเมื่อเห็นว่าผมใช้เวลาอยู่กับแม่มากพอแล้ว ผมลำดับเรื่องราวให้พ่อฟัง ก่อนจะบอกข้อความที่ออสบอร์ฝากมาถึงพ่อ
“…”
“ทำไมพ่อถึงดันคิวให้เป็นหน่วยลับ..” ผมถามพ่อในสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอด ไม่ใช่เพราะกังขาในหน้าที่ความเป็นทหารเดนตายที่จะต้องพร้อมสังเวยชีวิตในหน้าที่ เพราะมันก็มีเกียรติมีศักดิ์ศรีให้ภาคภูมิ แต่ที่สงสัยก็คือ ..ทำไมต้องเป็นคิว พลทหารที่แสนธรรมดา ออกจะไปทางเป็นคนเกเรที่ไม่ได้เรื่องด้วยซ้ำ
“…”
“พ่อรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าคิวเป็นใคร”
“…” พ่อยังยืนนิ่งหันหลังให้ผม
“พ่อเจตนาให้คิวเป็นหน่วยลับ?”
“…”
“พ่อตอบคำถามผมสักข้อไม่ได้รึไง มันอาจจะช่วยให้ผมเข้าใจเรื่องทั้งหมดง่ายขึ้น จะได้วางแผนไปช่วยคิวออกมา”
“..ตัดใจซะเถอะ”
“!!”
“เท่าที่ฟัง คิวคงกลับมาไม่ได้อีกแล้ว”
“ไม่ ผมจะพามันกลับมาให้ได้”
“ตัดใจซะ!”
“ทำไมวะพ่อ! ทำไมต้องบอกให้ผมตัดใจ”
“แกก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ขนาดสติปัญญาอย่างแกยังตามเกมของพวกมันไม่ทัน ปล่อยให้พวกมันมาเหยียบจมูกถึงที่”
“…”
“..แล้วแกเองก็เป็นแค่หน่วยลับตัวเล็กๆ จะเอาอะไรไปสู้กับองค์กรข้ามชาติระดับนั้น ..เอาชีวิตไปทิ้งเพื่อช่วยคนๆ นึง มันไม่คุ้ม”
“พ่อพูดเชี่ยแบบนี้ได้ไงวะ! นั่นมันไอ้คิวที่พ่อรักยิ่งกว่าลูกแท้ๆ อย่างผมไม่ใช่รึไง”
“เออก็ใช่! กูรักมันเหมือนลูกอีกคน แต่กูยังทำใจยอมรับที่มันไม่ใช่คนไม่ได้”
“เป็นคนที่เกิดมาจากโคลนนิ่งแล้วยังไง มันก็มีชีวิตจิตใจ มีความสามารถ มีจิตสำนึกเหมือนคนดีๆ คนนึงได้เหมือนกัน”
“…”
“ผมแม่งหมดศรัทธาในตัวพ่อจริงๆ ถ้าคิวมันรู้มันคงเสียใจมาก พ่อคือไอดอลของมัน เป็นนายที่มันโคตรจะเคารพ ไม่อยากเชื่อเลยว่าพ่อแม่งจะขี้ขลา..”
!!!!!!!!
พ่อตบหน้าผมเต็มแรง ..หน้าผมชาทันที
“ช่วยมีสติหน่อยไอ้อาร์ นี่กูเป็นพ่อมึง ที่กูพูดกูห้ามเพราะกูเป็นห่วงมึงในฐานะคนเป็นพ่อ และถ้าให้กูสอนมึงในฐานะผู้บังคับบัญชาที่อาบน้ำร้อนมาก่อน กูจะบอกมึงว่าภารกิจนี้มันไม่มีทางสำเร็จ”
“..ผมจะทำให้ดู”
“ทำไมมึงต้องดึงดันจะเอาไอ้คิวกลับมาให้ได้”
“..เพราะคิวเป็นคนของผม”
“มึงหมายความว่ายังไง”
“..ผมกับคิวเป็นแฟนกัน”
“!!!”
“ผมแค่แจ้งให้ทราบ ไม่ได้ต้องการคำอนุญาต หรือคำสั่งห้าม เพราะนี่คือชีวิตของผม ..ผมเลือกแล้ว”


จริงๆ ก็ไม่น่าแปลกใจที่พ่อจะห้ามผมให้เลิกตามเรื่องของคิว เพราะพอตั้งสติได้ ผมก็รีบเอาอุปกรณ์ฉายโฮโลแกรมของออสบอร์ไปที่ห้องปฏิบัติการลับ หน้าจอของคอมพิวเตอร์กำลังเข้าสู่โหมดหลังบ้าน มันกำลังถูกรันคำสั่งอะไรบางอย่างอยู่ ผมรีบพุ่งตัวเข้าหาคีย์บอร์ด พยายามป้อนคำสั่งทุกคำสั่ง โค้ดทุกโด้ดเพื่อที่จะหยุดทุกอย่าง.. แต่ผมช้าเกินไป ข้อมูลทั้งหมดถูกลบจนไม่เหลือ ..ไม่ใช่ มันถูกล้างและรีเซ็ตกลับคืนสู่ค่าตั้งต้นจากโรงงาน เครื่องมืออันชาญฉลาดของผมกลับกลายเป็นอุปกรณ์ไร้ค่าที่ปฏิเสธสถานะของตัวเองไม่ได้ ..ผมนั่งมองเพดานหมดเรี่ยวแรง น้ำตาที่เพิ่งหยุดอยู่ในฐานที่ตั้งพาลไหลออกมาอีกครั้ง ผมปล่อยให้เสียงสะอื้นคร่ำครวญของตัวเองดังก้องอย่างบ้าคลั่ง รู้ตัวดีว่าร้องไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ซ้ำตอนนี้ผมก็ไม่มีคิวไว้คอยปลอบ คอยทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นอีกแล้ว และที่แย่ที่สุดคือผมไม่มีรูปสักใบของคิว เราไม่เคยถ่ายรูปด้วยกันสักครั้ง เพราะผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องแยกห่างออกจากคิว ผมสามารถเติมเต็มความทรงจำใบหน้าของคิวได้ทุกวัน จ้องมองมันได้ทุกครั้งที่ผมต้องการ ..เวลาของผมเหลือน้อยลงทุกที ..ใบหน้าของคิวที่ผมจะลืมมันในสักวัน อาจจะหนึ่งเดือน หรือในสองเดือนข้างหน้า ผมพยายามตั้งสติเช็คอุปกรณ์ข้าวของของคิวที่เหลืออยู่ ..ไม่มีสักชิ้น พวกมันลบหลักฐานทั้งหมดที่ยืนยันว่าคิวเคยมีตัวตนอยู่จริง น้ำตาของผมไหลลูปวนจนมันหยุดไปเองในที่สุด ..ผมคิดเหมือนพ่อทันทีในเวลานั้น ผมไม่มีทางได้คิวกลับคืนมาแล้ว ..มันยากเกินไป

“ผมรักคุณอาร์นะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เริ่มได้ยังไง”
“...”
“ผมอยากจะอยู่เห็นหน้าของคุณอาร์อย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ตื่นเช้ามาก็เจอคุณอาร์ ก่อนนอนก็ได้กอดคุณอาร์”
“อืม กูก็เหมือนกัน อยู่ด้วยกันแบบนี้ตลอดไปนะ”
“ครับ ผมสัญญา”


คำสัญญาของคิว เสียงของคิว สัมผัสของคิว ..ผมจะไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆ ผมเรียกพลังบวกให้กับตัวเอง พวกมันก็แค่เอาคิวไปวิจัยต่อ เพราะคิวเป็นตัวต้นแบบที่ประสบความสำเร็จที่สุด คิวยังมีชีวิตอยู่แน่ๆ ถึงจะไม่รู้ว่าคิวอยู่ในสภาพไหนก็ตาม ผมนั่งมองแผ่นโพสต์อิทหลากสีที่ถูกช็อตโน้ตแปะอยู่บนผนังเรียบในคอนโด ใช้สมองไปกับการคิด ตั้งสมมติฐาน ความเป็นไปได้ ความเชื่อมโยง เส้นทางความสัมพันธ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับคิว ออสบอร์ องค์กรอะไรนั่น ..แย่ที่ไม่ได้อะไรสักอย่างจากพ่อ ไม่เป็นไร
.
..นายพลพละ (พ่อของอาร์)
ภาพความทรงจำตอนฝึกหน่วยรบพิเศษ จนกระทั่งออกสนามรบจริงในยุคที่ประเทศไหนๆ ก็ยังใช้ความรุนแรงเข้าต่อสู้ประกาศศักดาความเหนือกว่าของชาติตัวเองย้อนกลับมาให้คิดถึง ..ไอ้สร คือเพื่อนเป็นเพื่อนตายที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ข้างกันมาตลอดในทุกๆ ที่ จนเราทั้งคู่ได้เป็นสมาชิกคนแรกๆ ของหน่วยลับ ความภาคภูมิใจที่ได้ทำภารกิจลับยากๆ ช่างรื่นรมย์ จนในวันที่เราต่างคนต่างเลือกเส้นทางเดิน เมื่อร่างกายเริ่มถึงจุดอิ่มตัว ผมกลับเข้ากรมทหารเพื่อทำงานในระบบ ไต่เต้าตามลำดับชั้นด้วยผลงาน ความสามารถ และประสบการณ์ ส่วนไอ้สร ..มันหายไป ผมพยายามตรวจสอบที่อยู่ของมันตามที่ที่คิดว่ามันจะไป แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้รายงานว่ามันกลายเป็นคนเทาๆ ที่มีอิทธิพลในยุโรป ร่ำรวย มีอำนาจ และมีลูกชายหนึ่งคน ผมได้เห็นหน้าเห็นตาของเด็กชายวัยสิบสองที่ขรึมตึง มีลักษณะโดดเด่นต่างจากชาวยุโรปอย่างเห็นได้ชัด ผิวสีแทน คิ้วหนาคมเข้ม ดวงตารีขวางที่เป็นเอกลักษณ์ชวนจดจำ ผมคุ้นหน้านั้นทันทีที่เจอ ‘ไอ้คิว’ มันคล้ายกับไอ้สรเมื่อตอนหนุ่ม วันนั้นเป็นวันที่ไอ้คิวกวนอารมณ์ผมในค่าย ผมสั่งทำโทษมันทันที และเพราะลักษณะที่คล้ายมาก ผมเลยขอข้อมูลจากจ่าเอก ..ภูมิลำเนาของไอ้คิวอยู่ในประเทศ อาศัยอยู่กับปู่ย่า ตัวปู่กับย่าเกิด เติบโต มีประวัติเป็นถึงนักวิทยาศาสตร์ระดับประเทศก่อนจะย้ายไปใช้ชีวิตอยู่เมืองนอก ซึ่งไอ้คิวเกิดที่นั่น แล้วก็ย้ายกลับมาพร้อมปู่กับย่า ประวัติของไอ้คิวถูกเมคขึ้นจากอำนาจของเงิน ..ไม่ได้น่าแปลกใจอะไร และมันก็อยู่ในประเทศนี้นานพอที่จะได้รับสัญชาติ ได้สิทธิประโยชน์ตามที่พลเมืองคนนึงจะได้รับ จนมันต้องมาเกณฑ์ทหารเหมือนหนุ่มชายฉกรรจ์ทั่วไป ..ผมคิดทันที ถ้ามันมีสายเลือดนักรบเหมือนไอ้สรก็คงจะดี ผมดึงตัวมันมาทันที ใจนึงก็หวังจะใช้ประโยชน์จากดีเอ็นเอนักสู้ของพ่อมันที่ไหลอยู่ในตัว อีกใจก็อยากจะช่วยดูแลลูกเพื่อนให้อยู่สบาย ไม่ต้องลำบากฝึกเป็นทหารอยู่ในค่าย แล้วไอ้คิวก็ได้ดั่งใจ มันรักชาติเหมือนที่ครั้งนึงพ่อมันเคยเป็น บอกตรงๆ ว่ารักมันเหมือนลูกชายอีกคน ..มันได้ดั่งใจไม่เหมือนไอ้อาร์ แต่พอรู้ว่ามันไม่ได้เหมือนคนทั่วไป ..มันทำใจยอมรับได้ยาก แล้วยิ่งไอ้ลูกชายตัวดีมาสารภาพแบบไม่สนความรู้สึกชายชาติทหารของพ่อมันว่ามันกับไอ้คิวชอบกัน ..เป็นแฟนกัน มันไม่คิดจะเปิดโอกาสให้พ่อมันได้ตั้งสติ ทำความเข้าใจในเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาในสิบห้านาทีบ้างรึไง ..ไอ้ลูกเวร เคยคิดว่ามันยอมสมัครเข้าหน่วยลับเพราะประชด แต่จริงๆ แล้วคงเพราะมันอยากอยู่ใกล้ไอ้คิว นี่กูเป็นพ่อมึงนะ กูต้องรู้จักนิสัยมึงดีอยู่แล้ว การที่มึงทำตัวติดกับไอ้คิวจนน่ารำคาญ ทำอย่างกับว่าโลกทั้งใบของมึงมีแค่ไอ้คิว ..ทำไมกูจะไม่รับรู้วะ ..จากคนไม่ถูกชะตากลายเป็นเพื่อนที่ไว้ใจ ..อาจจะแค่นั้น แต่พอมันมาบอกตรงๆ ว่ามันเป็นแฟนกัน ใจนึงก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร แต่อีกใจก็อดสั่นไหวตามประสาชายชาตินักรบไม่ได้ ใจนึงดีใจที่ไอ้คิวโดนจับกลับไป แต่อีกใจก็สงสารไอ้ลูกชายที่ดื้อจะพาตัวไอ้คิวกลับมาให้ได้ ..ย้อนแย้งฉิบหาย

“กูมีเรื่องจะกวนมึง”
[ถ้าเป็นนาย ผมพร้อมรับใช้เสมอ]
“กูอยากได้มือดีที่สุดมาทำงาน”
[งานอะไรล่ะนาย]
“เป็นมือเป็นตีนให้ลูกกู”
[โอ้โห ลองนายล็อกสเปคมาขนาดนี้ คงต้องจัดที่ดีที่สุดให้]
“เออ บอกมันด้วย ว่างานนี้มีสิทธิ์ไปเฝ้ายมบาล”
[ไม่ยากนาย แค่เงินถึง]
“มันก็ต้องดูด้วยว่า ฝีมือมันสมกับที่กูจะจ่ายไหม”
[ได้นาย ผมจัดให้ อ๊ะ ผมนึกออกอยู่คนนึง คนนี้แพงหน่อย แต่รับรองฝีมือ คุณภาพ หน้าตา..]
“พอๆ มึงไม่ต้องโม้มาก”
[โอเคนาย มันชื่อ..]
.

..คอนโดอาร์
..อาร์

“สวัสดีครับ ผมชื่อไอย์”
ผมมองหน้าไอ้คนที่มีคีย์การ์ดขึ้นคอนโดผมด้วยความงง “ผมไม่รู้จักคุณ และไม่ได้อยากรู้จัก เชิญคุณลงไปชั้นล่างด้วยครับ” ผมยื่นมือไปคว้าเอาคีย์การ์ดในมือของคนแปลกหน้า ..ฝีมือพ่อแน่ๆ
“ผมคงทำตามที่คุณขอไม่ได้ ผมเป็นคนซื่อสัตย์ต่อหน้าที่” ไอ้คนตัวสูงกว่าคว้าเอาคีย์การ์ดในมือของผมกลับคืนไป
“..ถ้ามาเพราะโดนจ้าง ไม่ต้องห่วง คุณรับเงินนั่นไปได้เลย แต่ผมไม่ต้องการใครทั้งนั้น” ผมยื่นมือจะไปฉวยเอาคีย์การ์ดกลับคืนมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไอ้คนแปลกหน้ามันไวพอที่จะลดมือลงและเอี้ยวตัวเบียดไหล่ของผมเดินเข้าห้องอย่างถือวิสาสะ
“เฮ้ยคุณ! พูดไม่รู้เรื่องรึไง” ผมทำได้แค่ปิดประตูและเดินตามไอ้คนไม่มีมารยาทเข้ามาในห้อง
“นี่คุณ ..ถ้าคุณไม่ออก ผมจะแจ้งความข้อหาบุกรุก” ผมพูดกรอกหูไอ้คนที่เอาแต่เดินสำรวจทั่วห้องโดยที่ไม่สนใจอะไรแม้กระทั่งคำขู่ ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นกดหมายเลขปลายทางทันที “สวัสดีครับ มีคนบุกรุกคอนโดของผม..”
ไอ้คนไร้มารยาทหันหลังมามองผมด้วยสีหน้าเหนื่อยอ่อน “ถ้าคุณอยากให้พ่อคุณเดือดร้อนก็ตามใจ”
..พ่อนะพ่อ!! ผมกดวางสายโทรศัพท์ ถอนหายใจอีกหนึ่งที “คุณมาทำอะไรที่นี่ เอาใหม่.. คุณชื่ออะไร เป็นใคร มาทำอะไร”
“ผมชื่อไอย์ เป็นนักสืบที่พ่อคุณจ้างมา ส่วนมาทำอะไร.. ก็มาช่วยคุณตามหาคนรักที่หายไป”
“..ตามหาคนรัก พ่อบอกคุณ?”
“เปล่า ผมแค่วิเคราะห์จากข้อมูลที่พ่อคุณให้มา แต่มาได้ข้อสรุปก็ตอนที่มาเจอคุณ”
“ยังไง”
“พ่อคุณบอกแค่ว่าคู่หูของคุณถูกจับตัวไป แต่จากบุคลิกของคุณที่ผมได้เจอมาตลอดห้านาทีนี้ มันบอกว่าคุณเป็นคนปิดกั้นสังคม ไม่ชอบให้ใครเข้าหา มีโลกส่วนตัวสูง แต่การที่คุณมาเป็นหน่วยลับ งานที่ต้องทำร่วมกันกับคนอื่นอย่างใกล้ชิด ต้องอาศัยความไว้ใจ เชื่อใจ ทีมเวิร์ค แสดงว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาต้องพิเศษมาก ..นี่ขนาดถึงขั้นจะออกตามหา ผมพูดถูกไหมครับ”
“คุณเป็นใครกันแน่ ..นักจิตวิทยา?”
“อย่างที่บอกไป ผมเป็นนักสืบ ถึงจะไม่เก่งเท่าโคนัน แต่ผมก็คาราเต้สายดำนะ” ไอ้คนแปลกหน้ายิ้มเฟคใส่เพียงชั่ววินาที ก่อนจะหุบมุมปากลงกลับมาทำหน้าเฉยอีกครั้ง ..โคตรกวนตีน
“โอเค ในเมื่อรู้จักผมดีขนาดนี้ ก็กลับไปได้แล้ว”
“ไอ้กลับน่ะกลับแน่ แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมต้องการรู้ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับคนชื่อคิว ออสบอร์ องค์กรประหลาด รวมไปถึงภารกิจที่พวกคุณโฮลด์อยู่”
“ไม่มากไปหน่อยเหรอครับ ภารกิจเป็นความลับของทางราชการ”
“เฮ้อ คุณนี่มันใจแคบจัง เอาเป็นว่าคุณควรเล่าทุกอย่างให้ผมฟัง”
“คุณเก่งขนาดนี้ ทำไมไม่สืบเอาเองล่ะครับ ว่า ‘ทุกอย่าง’ มันเป็นมายังไง”
“อืม ให้สืบเองน่ะไม่ยากหรอก แต่ไอ้ผมก็นึกว่าคุณรีบ ก็เลยลดขั้นตอนด้วยการถามข้อมูลจากคุณตรงๆ แต่ผมคงเข้าใจผิด งั้นผมลากลับก่อนนะครับ” ไอ้คนแปลกหน้าขยับเท้าเดินไปที่ประตู

“..เดี๋ยวก่อน ..จะให้เริ่มจากตรงไหน”

.
.
ต่อ (ตอบต่อไป) นาฮะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-07-2019 16:19:21 โดย After5p.m. »

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
..โรงพยาบาล B
..อาร์

“ผมขอเบิกเงินล่วงหน้าเลยได้ไหม ไม่ก็ทำประกันชีวิต เอาหลายๆ เล่ม เบี้ยประกันสูงๆ” ไอ้คนแปลกหน้าพูดมากโวยวายทันทีที่ฟังภารกิจจบ
“ถ้าเก่งจริง ก็น่าจะไม่ตายง่ายๆ”
“เออ ผมลืมไปว่าผมเก่ง”
“…” นี่พ่อจะช่วย หรือตั้งใจจะส่งไอ้บ้านี่มาถ่วงผมกันแน่
“งั้นเรามาเริ่มงานกันเลยดีไหมครับ คุณหมออาร์..”

บทสนทนาระหว่างผมกับไอ้คนแปลกหน้าก่อนที่ผมจะกลับมายืนอยู่ภายในห้องฉุกเฉิน มาทำอีกหน้าที่ที่ผมรัก ถ้าไม่มีเรื่องคิวในหัวคงดี แต่หน้าที่ย่อมเป็นหน้าที่ ผมยืนตรวจคนไข้มาตั้งแต่เช้าโดยที่ยังไม่ว่างไปพัก จนกระทั่งหมดเวร

“ผมคิดว่าคุณหมอต้องกลับไปที่โรงพยาบาล”
“ผมก็คิดไว้ ต้องไปตามเรื่องเอชอาร์ที่หายเข้าไปในห้อง ผ.อ. พร้อมกับคิว”
“ถูกเผง ผมว่าเราควรจะเข้าไปในห้องของ ผ.อ. ด้วย มันอาจจะมีอะไรหลงเหลืออยู่”
“แต่มันผ่านมาหลายวัน..”
“อย่าลืมสิครับ ว่าคุณมีภารกิจของหน่วยลับด้วย เราอาจจะได้ข้อมูลบางอย่างติดไม้ติดมือ..”


ต้องขอบคุณไอ้คนแปลกหน้าที่ทำให้ผมกลับมามีสติลำดับขั้นตอนการทำงานได้อีกครั้ง ไม่ง่ายเลยกับสภาวะจิตใจของผมในตอนนี้ ..วันที่ไม่มีคิวอยู่ข้างๆ ผมเดินไปที่ฝ่ายเอชอาร์ ห้องทำงานฝ่ายบริหารจัดการกิจการภายในโรงพยาบาลจะถูกจัดรวมให้อยู่ในที่เดียวกัน เพื่อความสะดวกในการติดต่อประสานงานเดินเรื่องต่างๆ ของโรงพยาบาล
“ผมมาขอพบคุณพงศ์ฝ่ายเอชอาร์ครับ”
“คุณพงศ์ยังมาไม่ถึงเลยค่ะ อ๊ะ นั่นไงคะคุณหมอ คุณพงศ์มาแล้วค่ะ” ผมหันหลังไปมองตามที่เจ้าหน้าที่หน้าห้องของฝ่ายเอชอาร์พยักพเยิดให้ผมดู ..คุณพงศ์ตัวเป็นเป็นกำลังเดินใกล้เข้ามา
“คุณพงศ์ค่ะ คุณหมออาร์มาขอพบค่ะ”
“มีธุระอะไรเหรอครับหมออาร์ จะว่าไป เราไม่ค่อยได้เจอหน้ากันเลยนะ” คุณพงศ์ชายวัยสี่สิบกว่ากล่าวทักทายผมทันที คุณพงศ์อัธยาศัยดีตามประสาเอชอาร์ที่ดีที่ต้องดูแลบุคลากรในองค์กร
“ครับ ไม่ทราบว่าคุณพงศ์สะดวกไปดื่มกาแฟกับผมสักถ้วยไหมครับ ผมมีเรื่องจะสอบถามนิดหน่อย”
“ออ ได้สิ ขอผมเอาเอกสารเข้าไปเก็บที่ห้องก่อนนะ”
“ครับ”

..คุณพงศ์ยังมีชีวิตอยู่

“พูดธุระมาได้เลยหมออาร์” คุณพงศ์เปิดประเด็นแบบตรงไปตรงมา หลังจิบมอคค่าร้อนในมือไปได้หนึ่งอึก เรานั่งอยู่ด้วยกันในร้านกาแฟภายในโรงพยาบาล
“ครับ ผมอยากทราบว่าเมื่อสี่วันก่อน คุณพงศ์ได้พาใครไปพบ ผ.อ. บ้างรึเปล่าครับ”
“เมื่อสี่วันก่อน..” คุณพงศ์ทำหน้าคิดจนคิ้วขมวด “มีนะ ผมนึกออกล่ะ วันนั้นมันมีอะไรแปลกๆ”
“…”
“ผมเจอคุณหมอคนนึง เขามาจากโรงพยาบาล A จะมาพบท่านผู้อำนวยการ”
“คุณพงศ์ช่วยเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ฟังหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิ ..ผมพาเขาไปที่ห้อง ผ.อ. ผมเคาะประตู แล้วก็เปิดประตูห้อง ผ.อ. เข้าไป ที่น่าแปลกคือ ผมจำเรื่องราวต่อจากนั้นไม่ได้ แล้วก็มารู้สึกตัวอีกทีก็ที่โต๊ะทำงานของตัวเอง เฮ้อ หรือเพราะแก่แล้วก็ไม่รู้ เลยหลงๆ ลืมๆ”
“..คุณพงศ์ครับ ถ้าผมจะรบกวนให้คุณพงศ์ตรวจเลือด ..จะได้ไหมครับ”
“ห๊ะ ตรวจเลือด? นี่คุณหมอคิดว่าผมเสพยา?”
“ไม่ใช่แบบนั้นครับ คือคุณหมอที่คุณพงศ์พาไปพบ ผ.อ. เขาหายตัวไปครับ และก่อนที่เขาจะหายตัวไป เขาได้เล่าเหมือนกันกับที่คุณพงศ์เล่า คือจำเรื่องราวในห้องของ ผ.อ. ไม่ได้ ผมเลยสันนิษฐานว่า คุณทั้งคู่อาจจะโดนวางยา หรือดมสารบางอย่างที่ออกฤทธิ์ต่อประสาทน่ะครับ”
“…”
“นะครับคุณพงศ์ ผมขอความร่วมมือในฐานะฝ่ายสืบสวน..”
“..งั้นผมก็ปฏิเสธไม่ได้สินะ”
“ครับ ขอบคุณที่เข้าใจ แล้วก็ถ้าคุณพงศ์นึกอะไรที่อาจจะเป็นประโยชน์ออก รบกวนแจ้งผมด้วยครับ ต่อให้มันจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม”
คุณพงศ์พยักหน้ารับคำ
“ขอบคุณครับ”

“เป็นไงบ้างครับคุณหมอ ได้เรื่องไหม” ไอ้คนแปลกหน้าที่บอกว่าชื่อไอย์ เดินเข้ามาหาผมทันทีที่ผมออกจากลิฟท์ของโรงพยาบาล
“รอผลเลือด”
“อืมๆ ดีๆ”
“แล้วคุณมาทำอะไรที่นี่”
“ผมบอกไปแล้วนิ ว่าเราต้องเข้าไปสำรวจห้อง ผ.อ.” ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค ไอ้คนแปลกหน้าก็กระชับสายของกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้วยท่าทีสบายๆ เดินสวนผมเข้าไปในลิฟท์ ผมพยายามกลั้นอารมณ์หงุดหงิดเอาไว้ แม่ง! โคตรควบคุมไม่ได้
“จะไปด้วยกันไหมครับคุณหมอ”
ผมไม่ตอบ แต่ก็หันหลังกลับเพื่อเดินเข้าลิฟท์

ผมกับไอ้คนแปลกหน้ายืนอยู่บนชั้น 12 ทางเดินไปยังห้องผู้บริหารที่ผมเองก็เคยผ่านมาทำความรู้จักเป็นครั้งคราว ..แทบจะนับครั้งได้ ก็ผมเป็นแค่หมอทหารเล็กๆ ที่อยู่แผนก ER ไม่ใช่บุคลากรทรงคุณค่าที่เป็นหน้าเป็นตาของโรงพยาบาล
ตลอดทางเดินไม่กว้างมีเพียงดวงไฟที่ยังเปิดส่องสว่างไม่กี่ดวง ไม่มีใครทำงานแล้วในเวลานี้ ผมกับไอ้คนแปลกหน้าเดินอยู่ในความเงียบ มันเดินด้วยท่าทีชิลๆ ส่วนผมก็สวมแว่นสแกนหาสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ ..เอาชัวร์ไว้ก่อน ผมไม่ชอบการเซอร์ไพรส์
“ใช้ของเด็กเล่นแบบนี้ด้วยเหรอครับ”
“ของเด็กเล่น? นี่คุณกำลังดูถูก..”
“..อุปกรณ์ไฮเทคโนโลยีของหน่วยลับ”
“…”
“ก็แค่สแกนสิ่งมีชีวิตทะลุผนัง ไม่ได้ยิงแสงเลเซอร์กำจัดศัตรูได้สักหน่อย”
ผมเป่าลมออกปาก “เรื่องของผม”
“ถ้ามีของใหม่ที่เจ๋งกว่านี้ แล้วอยากขายแว่นกิ๊กก๊อกนี่ ก็บอกผมได้ ผมให้ราคาดีนะ”
“ไหนบอกว่าของเด็กเล่น”
“ก็หน่วยลับมีของเล่นล้ำๆ กว่านี้ตั้งเยอะ กะอีแค่อุปกรณ์เลเวลเบสิคๆ ก็น่าจะปล่อยๆ มาบ้าง ผลัดกันใช้ ผลัดกันชม ผมรับรองเลย ถ้าเปิดประมูลในตลาดมืดต้องมีคนแย่งกันดันราคาแน่ๆ”
“มีอาชีพเสริมเป็นพ่อค้าของเถื่อนนี่เอง”
“ผมไม่ใช่พ่อค้านะครับ เป็นแค่คนกลางระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนเท่านั้น แบบว่า..คนอำนวยความสะดวก”
“เลิกคุยเรื่องไร้สาระสักที ผมต้องการสมาธิ”
“ก็ผมเห็นคุณหมอเครียดๆ เกร็งๆ ก็เลยอยากให้ผ่อนคลาย”
“แต่ผมไม่ต้องการ”
“โอเคคุณหมอ” แล้วไอ้คนแปลกหน้าก็เดินแซงผมตรงไปที่ห้องผู้อำนวยการ ..รู้ได้ไงวะ ป้ายก็ไม่ได้มีบอก
“ผมดูพิมพ์เขียวของที่นี่มาแล้ว” ไอ้คุณไอย์บอกผมขณะที่ดันประตูบานใหญ่ “ผมเก่งเนอะ”
“…”
ภายในห้องผู้อำนวยการมืดสลัว มีแสงไฟจากด้านนอกอาคารส่องพอให้เห็นเงาของเฟอร์นิเจอร์ในห้องลางๆ ..มืดเกินไป ผมเปิดไฟ LED จากหน้าปัดนาฬิกาข้อมือ มันสว่างแต่ก็ไม่มากจนคนด้านนอกจะสังเกตเห็น ผมกวาดตามองไปทั่วห้องจนมาหยุดที่ร่างสูง ..คิว?!!
“คิว!” ผมส่งเสียงเรียกดัง ดีใจจนโผตัวเข้าไปกอดร่างที่แสนห่วงและคิดถึง รู้สึกว่าตัวเองมีน้ำตาไหลซึมบางๆ ที่ดวงตาทั้งสองข้าง “กลับมาเมื่อไหร่ ทำไมไม่บอกกู” ผมรัดร่างของคิวไว้แน่น
“…” แต่คิวก็ยังยืนนิ่ง ไร้ปฏิกิริยาโต้ตอบ ..ทำไม ผมคลายอ้อมแขนของตัวเองออกเพื่อมองไอ้คนร่างหนา คิวมองผมกลับด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะยื่นมือมาบีบจมูกผม!
“!!”
“ตั้งสติหน่อยคุณหมออาร์” ไอ้คิวพูดกับผมทั้งที่สองนิ้วของมันยังคงบีบจมูกของผมแน่น ผมเริ่มทุบอกมันเพราะเริ่มหายใจไม่ออก
“โอ๊ะ ขอโทษที” คิวลากผมให้เดินออกจากห้องของผู้อำนวยการ มันยอมปล่อยมือจากจมูกผมในที่สุด ผมรีบหายใจเอาอากาศเข้าปอดอย่างกับปลาที่ใกล้ตายเพราะขาดน้ำ
“ทำบ้าอะไรของมึงเนี่ยเชี่ยคิว!” ผมเงยหน้าพูดกับคิวเมื่อออกซิเจนกลับไปเลี้ยงสมองตามปกติ ..แต่คนตรงหน้ากลับไม่ใช่คิว!
“ประมาทกว่าที่ผมคิดน้าคุณหมออาร์” ไอ้คุณไอย์ไม่วายพูดเหน็บแนมทั้งที่มีหน้ากากปิดบังปากและจมูกอยู่ “คุณพอจะจำเหตุการณ์ในห้องได้บ้างไหม”
“..เมื่อกี้ผมเห็นคิว”
“คิว..ที่เป็นแฟน ออ มิน่าล่ะ เมื่อกี้ถึงกอดผมซะแน่นเชียว”
“..สารออกฤทธิ์หลอนประสาท”
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ในเมื่อรู้สาเหตุแล้ว เราก็กลับกันเถอะ”
“แล้วทำไมคิวกับคุณพงศ์ถึงจำเหตุการณ์ในห้องไม่ได้ แต่ผมกลับจำได้ ถึงจะลางๆ”
“ผมว่าเพราะมันผ่านมาหลายวันแล้ว ความเข้มข้นของสารหลอนในห้องเลยเจือจางลง อีกอย่างผมก็บีบจมูกคุณไว้อย่างแน่น”
“..แล้วถ้า ผ.อ. เข้ามาใช้ห้องหลังจากวันนั้น..”
“ผมเช็คแล้ว ผ.อ. ของคุณเขาไม่ได้เข้ามาที่โรงพยาบาลนี่เป็นอาทิตย์ได้แล้ว เพราะเดินทางไปต่างประเทศ”
“…”
”ถ้าไงเรากลับไปนอนให้สบายใจ แล้วรอฟังผลเลือด”
“…”
“ออ รบกวนช่วยลบภาพในกล้องวงจรปิดด้วยนะครับ”
“ไม่ต้องห่วง ผมเมคภาพรอไว้แล้ว”
“ตอนไหนกันครับเนี่ย”
“ก็ตอนที่คุณบอกว่าจะมาห้อง ผ.อ.”
“ใช้ได้เหมือนกันนิคุณหมออาร์”
“..ผมอยากหาข้อมูลเรื่องภารกิจต่อ คุณกลับไปก่อนได้เลย”
“ได้ไงล่ะครับ ผมถูกจ้างมาเป็นมือเป็นเท้าให้คุณหมออาร์นะครับ”
“ก็ดีครับ ถ้างั้นผมขอหน้ากาก..”
“ไม่มีปัญหาครับ ผมเตรียมมาเผื่ออยู่แล้ว”

ไอ้คุณไอย์ติดตั้งกล้องสอดแนมตัวจิ๋วที่บันทึกได้ทั้งภาพและเสียง แถมยังส่งสัญญาณคมชัดระดับ 4K ไปยังอุปกรณ์ปลายทางได้แบบเรียลไทม์ ผมยืนมองการทำงานของไอ้คุณไอย์สลับกับเดินค้นหาอะไรที่พอจะหาได้ตามโต๊ะ ตู้ ลิ้นชักของ ผ.อ. จู่ๆ เสียงลงน้ำหนักเท้ากระทบกับแผ่นพื้นก็ดังก้องมาจากทางเดินนอกห้อง ..น่าจะสองคน มันดังชัดขึ้นเรื่อยๆ เพราะระยะที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ ผมมองออกไปเพื่อสำรวจผ่านกำแพงที่กั้นอยู่ ..ยังไม่เห็นตัว เพราะพวกมันยังเดินมาไม่ถึงในระยะของแว่น ไอ้คุณไอย์ก็เหมือนจะรู้ตัวแล้ว มันมองไปรอบๆ ก่อนจะคว้าข้อมือของผม และฉุดลากให้เข้าไปซ่อนหลังฉากไม้ที่เอาไว้เปลี่ยนเสื้อผ้าของผู้อำนวยการ เราสองคนกำลังซ่อนตัว และเฝ้ามองผู้บุกรุกที่กำลังก้าวเท้าเข้ามาภายในห้อง ..เป็นบุรุษพยาบาลสองคนที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า พวกมันทำอะไรกุกกักกับอุปกรณ์บางอย่างที่อยู่ในมือ ก่อนจะวางของในมือลงที่พื้นสามสี่จุดทั่วห้อง มันมีลักษณะเป็นวัตถุทรงกลม ขนาดประมาณสามนิ้ว สีดำเกือบสนิท จากที่มองเห็น พื้นผิวด้านนอกเป็นรูพรุนรอบตัว ผมได้ยินเสียงกลไกภายในตัวของมันดังครางเบาๆ ..เสียงเหมือนเครื่องดูดฝุ่น พวกมันปล่อยให้อุปกรณ์ทำงานขณะที่ตัวพวกมันเดินสำรวจไปทั่วห้อง หัวใจของผมเต้นแรง พวกมันคนนึงกำลังเดินใกล้เข้ามายังที่ซ่อน ดวงตาที่โผล่พ้นขอบหน้ากากมองทะลุผ่านร่องของฉากกั้นที่อยู่ในระดับสายตา ..ผมกลั้นหายใจ ฤทธิ์ของสารหลอนประสาทยังคงมีอยู่แน่ๆ เพราะดวงตาคู่นี้มันเป็นของคิวชัดๆ ผมขยับเท้าจะเดินออกจากฉากทันที แต่มือหนักๆ ของไอ้คุณไอย์กลับรั้งผมไว้ ..ใช่ ผมแค่คิดไปเอง ผมกะพริบตาถี่เพื่อไล่ภาพที่หลอกลวง ผมควรอยู่กับปัจจุบัน ควรตั้งสติ ถ้าเกิดพวกมันรู้ว่าพวกเราซ่อนตัวอยู่ตรงนี้ผมควรจะต้องทำอะไร จู่ๆ ไอ้คุณไอย์ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ยัดอะไรบางอย่างใส่มือผม อุปกรณ์ที่คุ้นมือ..ปืนปากกาแสนเบสิค แต่ก็พึ่งพาและหวังผลได้ ผมกระชับมันแน่น แต่ในช่วงเวลาที่ลุ้นระทึกนั้นเอง ไอ้บุรุษพยาบาลก็กลับหลังหันเดินไปหาพวกของมันอีกคนที่ยืนอยู่อีกมุมของห้อง ผมหายใจโล่ง ดูเหมือนว่าอุปกรณ์ล้ำๆ ของพวกมันจะทำงานเสร็จแล้ว และในจังหวะนั้นเองที่ไอ้คุณไอย์ยิงเครื่องส่งสัญญาณติดตามตัวเข้าที่เนื้อต้นคอที่โผล่พ้นปกคอเสื้อของบุรุษพยาบาลปลอมๆ นั่น ..มีปฏิกิริยาทันที มันเอามือตะปบเข้าที่คอด้วยความแปลกใจ คงรู้สึกเหมือนมีอะไรมาตกแปะที่คอ ..แต่มันก็ไม่ได้สงสัยอะไร พวกมันพากันออกจากห้อง ส่วนพวกเราก็ยืนรอจนแน่ใจว่าทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
“ทำอะไรลงไป ไม่คิดว่าพวกมันจะรู้ตัวรึไง”
“พูดแปลกๆ นะคุณเนี่ย ลืมไปรึไงว่าตัวเองเป็นหน่วยลับ พวกมันรู้ตัวแล้วยังไง”
“ก็เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเสี่ยงแบบนั้น แค่ตามพวกมันไปก็พอ”
“ก็กันพลาดไงคุณหมอ เมคชัวร์ ยูโนว?”
“…” ผมขี้เกียจเถียง
“งั้นก็ไปกันเถอะ ออ ไปรถผมนะ”
“ทำไม?”
“ก็คล่องตัวกว่า..”
“…”
ผมซ้อนท้ายบิ้กไบค์ของไอ้คุณไอย์ พวกเรากำลังมุ่งหน้าไปบนพื้นราดยางตามทางหลวง แสงไฟสีส้มกำลังสาดสลัวหม่นๆ เหมือนคนตัวสูงกำลังยืนก้มหน้าทำงานแบบขี้เกียจๆ แรงลมปะทะตัวด้วยความเร็วระดับที่ชวนให้คิดถึงช่วงเวลาที่ซ้อนท้ายคิว.. น่าแปลกที่อุ่นใจเวลาคิวเป็นคนขับ เพราะผมไม่เคยเชื่อว่าเนื้อหุ้มเหล็ก จะปลอดภัยเท่าเหล็กหุ้มเนื้อ

“ผมขี่แข็ง คุณอาร์ไม่ต้องห่วงนะครับ หรือถ้าล้มจริงๆ ผมจะเอาตัวรองเป็นเบาะ รับรองว่าคุณอาร์จะไม่มีแม้แต่รอยข่วน” ไอ้คิวตะโกนสู้กับเสียงลมทะลุหมวกกันน็อคแบบเต็มใบในคืนนึงหลังจากจบภารกิจ มันเป็นครั้งแรกที่ผมจำใจยอมกลับพร้อมไอ้คิวด้วยพาหนะสองล้อแทนที่จะเป็นรถยนต์นั่งสบายของตัวเอง
“ตอนนี้กูอยากนอนบนเตียงไม่ใช่เบาะ”
“เป็นห่วงผมเหรอครับ”
“กูห่วงตัวกูเองตังหาก เลิกพูด ขับๆ ไป”
“คร๊าบบบบบ” จู่ๆ ไอ้คิวก็เร่งความเร็วจนรถพุ่งตัวเหมือนถูกใครกระชาก ตัวผมที่นั่งหลังตรงอยู่ดีๆ เลยต้องโถมตัวโอบเข้าที่เอวของไอ้คนขับอย่างเลี่ยงไม่ได้
“เกาะแน่นๆ นะครับ” น้ำเสียงสดใสปนเสียงหัวเราะของไอ้คิวบอกผมว่ามันกำลังรู้สึกพอใจ

..ผมจะได้ยินเสียงของมันอีกไหม


ไอ้คุณไอย์ชะลอรถและจอด นั่นเลยช่วยดึงสติให้ผมกลับสู่ปัจจุบัน ดงบ้านไม้เก่าคร่ำคร่าที่อยู่ตรงหน้านำเสนอตัวเองว่าชุมชนริมแม่น้ำใหญ่นี้มีอายุอยู่มานานเลยครึ่งศตวรรษ
“เราคงต้องเดินลุยเข้าไป” ไอ้คุณไอย์พูดเสียงเบา พอเราทั้งคู่ยืนอยู่บนพื้นดินใต้ต้นไม้ใหญ่ปากทางเข้าชุมชนหลังจากจอดรถซ่อนในเงามืด
“อืม”
ไอ้คุณไอย์เดินนำหน้าผม ในมือข้างนึงมีมือถือที่ผมเข้าใจว่ากำลังแสดงตำแหน่งของเป้าหมาย ส่วนอีกมือก็ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ขณะที่ผมก็มองพื้นที่ไปรอบๆ คนในบ้านส่วนใหญ่คงนอนหลับหมดแล้ว ถึงบางหลังจะยังเห็นแสงเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างของจอทีวีที่ยังเปิดอยู่ พวกเราเดินเลี้ยวไปตามตรอกแคบอยู่หลายเลี้ยว จนมาถึงใต้ถุนเตี้ยของบ้านไม้หลังหนึ่ง ..มันเงียบสนิท ..คงไม่มีใครอยู่ ไอ้คุณไอย์ลดมือที่ถืออุปกรณ์อยู่ลง แต่อีกมือที่ล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกงกลับชักปืนขึ้นกวาดไปมาในความมืดสลัว ผมที่ตื่นตัวอยู่แล้วก็ยิ่งจับกุมอาวุธในมือของตัวเองแน่น ถึงจะเป็นแค่ปืนปากกาก็เถอะ ไอ้คุณไอย์เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าลังใบนึงที่วางอยู่บนแคร่ไม้ไผ่กลางใต้ถุน ส่วนผมก็คอยระวังหลังและรอบๆ ตามหลักสูตรการปฏิบัติการในพื้นที่เสี่ยง
“พวกมันรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว หึ ไม่ธรรมดาจริงๆ สินะ” ไอ้คุณไอย์บ่นพึมพำกับตัวเอง “ไม่เหลือร่อยรอยอะไรให้ตามต่อ”
ผมเดินเข้าใกล้ลังใบนั้นบ้างเมื่อเห็นว่าไอ้คุณไอย์เดินปลีกถอยให้ทางผม ด้านในมีแผ่นส่งสัญญาณบางใสถูกวางอยู่ พร้อมกับกระดาษโน้ตหนึ่งใบ ผมเอื้อมมือจะหยิบแผ่นกระดาษนั้นขึ้นอ่าน แต่ยังไม่ทันที่มือของตัวเองจะสัมผัสมัน ผมก็ถูกกระชากคว้าตัวให้พุ่งห่างออกจากลังใบนั้น และแรงระเบิดขนาดหย่อมๆ ยังส่งให้ทั้งผมทั้งไอ้คุณไอย์กระเด็นไปไกลอีกราวสี่เมตร สะเก็ดไฟพุ่งกระจายไปรอบทิศ ควันขาวขุ่นฟุ้งลอยจนภาพเทา ผมเอามือปัดไล่เพื่อเคลียร์ทัศนวิสัย
“ในกระดาษเขียนว่าอะไร” ผมถามไอ้คุณไอย์ทันทีที่รู้สึกว่าสถานการณ์คลี่คลาย
“เอ่อก็ ‘สวัสดีคุณหน่วยลับ จากโทนี่’
“!!!!”
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 012 : New Mission
«ตอบ #15 เมื่อ05-07-2019 11:21:50 »

012
- New Mission -
.
.
..ปัจจุบัน - ครึ่งปีต่อมาหลังจากคิวหายตัวไป

..มุมหนึ่งของโลก
..ห้องทดลอง
..คีย์ (ออสบอร์)

“เป็นไงบ้าง”
“ความดัน ระบบไหลเวียนเลือด สัญญาณชีพ การตอบสนองต่อสิ่งเร้า ทุกอย่างอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีเยี่ยมครับ แต่..”
“แต่อะไร”
“แต่พอเข้าทดสอบประสิทธิภาพในการต่อสู้ ผลที่ได้ไม่ค่อยดีนัก”
“หมายความว่า..”
“ไม่โต้ตอบต่อความรุนแรงครับ เพียงแค่หลบหลีก และเอาตัวรอด”
“แม้แต่ในพื้นที่จำลองสนามรบ”
“ครับ”
“แล้วความทรงจำ”
“ไม่มีสัญญาณใดบ่งบอกว่ามีความจำเก่าหลงเหลือครับ”
“อืม แล้วกระบวนการสร้างไปถึงไหนแล้ว”
“อยู่ในขั้นทดลองความเป็นไปได้ที่เราจะใช้สัตว์เพศเมียชนิดอื่นให้เป็นผู้ดูแลการคลอดแทนมนุษย์ครับคุณออสบอร์”
“ดี”

.

..ห้องทำงานชั้นบนสุดของมิสเตอร์ออสบอร์ (ประธานของโนอาห์กรุ๊ป)

“ตอนนี้เรากำลังหาวิธีเพิ่มปริมาณโคลนของเราครับ”
“คงไม่ยากเกินความสามารถของลูกนะ”
“ครับ”
“แล้วคิลล่ะเป็นไง หลังผ่าตัด”
“ไม่มีความทรงจำเดิมแล้วครับ แต่ร่างกายไม่ตอบสนองต่อความรุนแรง”
“…”
“ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นเพราะการที่เขาไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอด พฤติกรรมก็เลยผิดจากที่เราต้องการ”
“ต้องโทษว่าเป็นความผิดของ ดร.ธีรธรรม ปู่ของคีย์สินะ”
“…”
“หรือจะให้พ่อโทษว่าเป็นเพราะเกิดความผิดพลาดในการผ่าตัด?”
“ไม่มีทางครับ ไม่มีทางที่ผมจะผิดพลาด”
“ดี พ่อชอบความมั่นใจในตัวเองของคีย์ งั้นก็อย่าทำให้พ่อผิดหวัง”
“…”
“เอาคิลของพ่อกลับคืนมาให้ได้ พ่อต้องใช้ในการเจรจาที่ใกล้เข้ามา”
“ครับ”
“อย่าให้พ่อต้องรอนาน”
“…”
.

..ห้องพักของคีย์

“อย่าเพิ่มปริมาณยาเลยครับคุณคีย์ ร่างกายอาจจะรับไม่ไหว”
“ร่างกายของฉันเอง ฉันย่อมรู้ดีว่าลิมิตอยู่ที่ไหน ไม่ต้องมาสอน”
“…”
“..เตรียมส่งคิลกลับไปที่นั่น”
“ส่งกลับไป.. เพื่อกระตุ้นความทรงจำเหรอครับ”
“ฉันชอบทำเรื่องน่ารำคาญแบบนั้นรึไง”
“แล้วไม่ต้องรายงานท่านประธานก่อนเหรอครับ”
“ไม่ต้อง พ่อหวังแต่ผล ไม่เคยสนวิธีการ”
“แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา..”
“…”
“ครับ ผมจะดำเนินการส่งคิลไปให้เร็วที่สุด”
“ออ รอบนี้ฉันคงไปเองไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะไปเอง”
“ฝากด้วย”
“…” ผมพยักหน้าตอบรับคำสั่งของคุณคีย์ ..ผู้เป็นทั้งเจ้านาย เพื่อน และคนที่ผมบูชา
.
.

..คอนโดอาร์

“โอ้โห เจ๋ง”
ประโยคเดิมๆ ที่ได้ยินจากปากของไอ้คุณไอย์ตลอดสองอาทิตย์หลังจากที่ได้กลับเข้ามาทำงานในฐานะ ‘หน่วยลับ’ อีกครั้ง ใช่! หน่วยลับ ไอ้คุณไอย์เป็นอดีตหน่วยลับที่โดนปลดออกจากกองกำลังพิเศษแบบไม่สวย ถึงไม่สืบก็พอรู้ว่าเพราะอะไร

“ก็มันไม่เท่าเทียม ผู้ร้ายมันต้องมีอาวุธเจ๋งๆ ในมือบ้าง เวลาฮีโร่อย่างเราไปกำจัด มันจะได้ไม่ง่ายเกินไป”

..ตรรกะบ้าๆ

หลังจากที่ได้รับคำทักทายจาก ‘โทนี่ ฉิน’ ผมก็ไม่สามารถสืบหาอะไรเกี่ยวกับคิวได้อีก ผลเลือดของคุณพงศ์ฝ่ายเอชอาร์ ก็แค่บ่งบอกว่าในเลือดมีสารจำพวก Psychedelics ไหลเวียนอยู่ มันออกฤทธิ์หลอนประสาท หูแว่ว ภาพหลอน ..แต่ก็เท่านั้น เวลาผ่านพ้นไปกว่าครึ่งปีกับการเปลี่ยนคู่หูเป็นสิบกับภารกิจที่ไม่ค่อยจะสำเร็จ จนมาได้ไอ้คุณไอย์ ..ที่ดูจะลงตัวที่สุด แต่กว่าจะได้ตัวมันมา ผมก็ต้องกลับไปง้อพ่อ ให้พ่อใช้เส้นสายและบารมีที่มี อย่างว่า คนมันมีประวัติ ต่อให้ฝีมือดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครเขาอยากจะรับกลับเข้ามาทำงาน
“มีภารกิจใหม่เข้ามา” ผมบอกไอ้คุณไอย์ที่ตายังคงจับจ้องอยู่ที่ของเล่นมีราคาในคลังแสงขนาดย่อมของผม
“เหรอ..” มันตอบแบบไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก
“ในรอบสองเดือนนี้มีสถิติการฆ่าตัวตายมากเกินไป”
“ก็ไม่เห็นแปลก โลกนี้มันอยู่ยากขึ้น ทนไม่ไหวก็ชิงตายก่อน ..พ้นทุกข์”
“แล้วถ้าไอ้คนที่ฆ่าตัวตายดันเป็นพวกคนรวยที่ไม่รู้จักคำว่าทุกข์..”
“..อืม อันนี้ค่อยน่าแปลกใจหน่อย”
“พวกผู้บริหาร CEO เจ้าของบริษัทพากันฆ่าตัวตายแบบไม่ต้องสืบ เป็นการตายที่หาข้อโต้แย้งอย่างอื่นไม่ได้”
“…”
“และทุกคนจะตายหลังจากที่โอนหุ้นหรือกรรมสิทธิ์อะไรในมือของตัวเองไปให้กลุ่มทุนกลุ่มหนึ่ง”
“ซึ่งกลุ่มที่ว่าคือ..”
“กลุ่ม Noah (โนอาห์) กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่ระดับโลก เป็นเจ้าของธุรกิจหลากหลายในทุกทวีป เข้าแทรกแซงกิจการทั้งที่อยู่ในที่สว่างและที่มืด ว่ากันว่าพวกมันมีอาวุธลับที่ทำให้ทุกคนต้องพากันยอมก้มหัวให้”
“ขนาดนั้น?”
“นั่นเป็นเรื่องที่เราต้องรู้ให้ได้ และตอนนี้ภารกิจเร่งด่วนที่เข้ามาก็คือ ตามประกบมิสเตอร์โยซอบ CEO บริษัทขุดเจาะน้ำมันรายใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งเป็นรายสุดท้ายที่ยอมเซ็นข้อตกลงเป็นบริษัทในเครือของกลุ่มโนอาห์”
“รายสุดท้าย? หมายความว่า..”
“นอกนั้น เซ็นไปหมดแล้ว”
“What the fu..!”
“ใช่ นี่มันเรื่องบ้าช็อกโลก”
“มันต้องมีกฎการควบรวมกิจการ ยิ่งเป็นกลุ่มพลังงาน..!”
“รัฐอนุมัติผ่าน ทั้งที่ชาวบ้านยังคิดออกว่ามันทำไม่ได้”
“ราคาน้ำมันจะโดนผูกขาดด้วยผู้ขายรายเดียว แล้วคนขับรถจะมีปัญญาใช้รถได้ยังไง”
“ผลกระทบกำลังเกิดขึ้นแล้วตอนนี้ หลายประเทศเริ่มมีประท้วงวิกฤติราคาพลังงาน ทางออกที่รัฐออกมาบอกก็คือ จอดรถทิ้งไว้ที่บ้านซะ”
“นี่มันเรื่องใหญ่ที่ควบคุมไม่ได้”
“นั่นหน้าที่เรา สืบให้ได้ว่าทำไมต้องเซ็นควบรวม และที่สำคัญ ทำไมต้องฆ่าตัวตาย”
“ผมพร้อมแล้วสำหรับภารกิจ”
“ดี ผมเอลฟ์ แล้วคุณล่ะ”
“..ผมดาร์คไนท์ (Dark Knight)”
.
การตามเฝ้าใครสักคนไม่ใช่ภารกิจที่ยากลำบากอะไรถ้าที่นี่ไม่ใช่อาคารในต่างแดนที่มีระบบซีเคียวริตี้สูงสมกับเป็นออฟฟิศกลางกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
“แน่ใจนะว่าคุณจะเข้าไปคนเดียว”
“แน่ใจมาก ถ้าคุณเข้าไปด้วย ผมคงต้องพะวงหน้าพะวงหลัง”
“ยังไงผมก็ผ่านหลักสูตรการต่อสู้มา อย่าดูถูกให้มันมากเกินไป”
“เอาเป็นว่าผมแค่ทำตามหน้าที่ให้สมกับเงินค่าจ้าง”
“โอเค งั้นก็ตามนั้น” ไอ้คุณไอย์หยักไหล่รับรู้พร้อมกับยกคิ้วทำหน้ากวนตีนใต้กรอบแว่นสีดำในลุคนักธุรกิจสวมสูทผูกไทด์ก่อนจะออกเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าด้วยท่าทีที่สมกับราคาค่างวดของชุดแบรนด์เนมที่สวมอยู่ ส่วนผมก็เดินหลบลมร้อนไปนั่งใต้ต้นไม้ด้านนอกตึก ทำตัวเนียนเป็นนักท่องเที่ยวที่มาทัวร์ประเทศนี้ ในมือมีไอแพตที่ลงแอพพลิเคชั่นของกองกำลังพิเศษ ดูพิกัดของดาร์คไนท์ แล้วก็ภาพของกล้องวงจรปิดภายในตึกที่แฮกเรียบร้อย ถึงจะไม่ง่ายแต่ก็ไม่ได้ยากจนเตรียมการล่วงหน้าไม่ได้
[ผมผ่านการ์ดเข้ามาได้เรียบร้อย] เสียงของดาร์คไนท์ดังมาในหูฟังแบบครอบไร้สาย
“ฟังดูเหมือนยาก” ผมตอบพลางมองพิมพ์เขียวของตึก เข้าใจว่าเป้าหมายอยู่บนชั้นสูงสุดของอาคาร “เป้าหมายอยู่บนชั้น 27 ใช้ลิฟท์ตัวในทางขวา”

[ผมมาขอพบมิสเตอร์โยซอบ]
[นัดไว้ก่อนรึเปล่าคะ]
[ผมเข้าใจว่าเลขาของผมติดต่อเข้ามาเรียบร้อยแล้ว]
[ขอฉันเช็คสักครู่นะคะ]
[ด้วยความยินดีครับ]

[..ทางเลขาแจ้งว่าไม่มีการนัดหมายล่วงหน้านะคะ]
[งั้นเหรอครับ น่าแปลกมาก ผมคงต้องไล่เลขาของผมออก เพราะเธอทำให้การเจรจาระดับหมื่นล้านเหรียญต้องล่าช้า]
[เอ่อ ถ้าไงให้ฉันเช็คอีกรอบว่าท่านสะดวกให้พบก่อนไหมนะคะ]
[โอะ จะเป็นความกรุณาของคุณอย่างยิ่ง]

..หึ โคตรกะล่อน

[เรียบร้อยค่ะ ท่านสะดวกพอดี ไม่ทราบว่าให้แจ้งว่าใครมาเข้าพบดีคะ]
[ผมเป็น CEO ของ Inter Energy Inc]
[ค่ะ นี่บัตรขึ้นลิฟท์ค่ะ ลิฟท์ตัวในสุดด้านขวามือค่ะ]
[ขอบคุณมากครับ หวังว่าจะมีโอกาสเลี้ยงกาแฟคุณสักแก้ว]
[…]

พิกัดของดาร์คไนท์เคลื่อนที่ออกจากจุดเดิมเรียบร้อย “ไม่หยักรู้ว่าคุณมีวาทศิลป์ขนาดนี้”
[มันเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของหน่วยลับ ซึ่งคุณคงไม่มี]
“…” ขี้เกียจจะเถียง ผมมองดูพิกัดในไอแพต ดาร์คไนท์กำลังเคลื่อนที่ในแนวตั้งด้วยลิฟท์ความเร็วสูง เพียงสามวินาทีไอ้คนปากร้ายก็ถึงอาณาเขตของชั้น 27
[สวัสดีครับ ผมมาพบมิสเตอร์โยซอบ]
[ค่ะ เชิญด้านนี้เลยค่ะ]
[ขอบคุณครับ]
ประตูไม้หนักบานใหญ่ถูกเปิดออกตรงหน้า ด้านในของห้องกว้างถูกปิดล้อมด้วยกระจกใสโดยรอบกินพื้นที่เกิน 180 องศา ภาพภายนอกของอาคารสามารถมองเห็นได้เป็นวิวพาโนรามา ไม่มีมุมใดในห้องที่เป็นมุมอับสายตา เว้นแต่ว่าเจ้าของห้องจะปิดม่านเพื่อทวงคืนความเป็นส่วนตัวของตัวเอง ผมกำลังมองภาพทั้งหมดแบบเรียลไทม์ที่ถูกถ่ายทอดด้วยแว่นของดาร์คไนท์ที่ส่งสัญญาณมาที่ไอแพตในมือ ..ครั้งนี้จะไม่พลาดเหมือนตอนห้องของ ผ.อ. ที่โรงพยาบาล ห้องของเหล่าผู้บริหารที่มักไม่มีกล้องวงจรปิด
[สวัสดีครับ ผมมาจาก Inter Energy Inc ที่ขอเข้าพบเมื่อสักครู่]
…………..
[มิสเตอร์โยซอบ]
…………..
ไม่มีเสียงตอบรับการเรียกของดาร์คไนท์ ผมว่ามันชักจะแปลกๆ ผมสลับหน้าต่างกลับมาที่โปรแกรมแฮก ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นร้อยตัวถูกเลื่อนไล่ดู กลุ่มคนสวมชุดดำนับสิบกำลังลงจากรถที่ลานจอดชั้นใต้ดิน  ..คงไม่มีอะไร แต่ผมสังหรณ์ใจไม่ดี
“ดาร์คฯ มีกลุ่มคนเข้ามาในตัวตึก”
[ก็ไม่เห็นแปลกนิคุณเอลฟ์ นี่มันอาคารพาณิชย์ ออ ผมดาร์คไนท์ ช่วยเรียกเต็มๆ ด้ว..]
“..ว่าไงนะดาร์คฯ ไม่ค่อยได้ยิน” สัญญาณเสียงของดาร์คไนท์ขาดหาย ภาพจากกล้องของดาร์คฯ ก็เหมือนกัน ต่างจากเส้นทางการเดินของกลุ่มคนที่เพิ่งแสดงตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่อาคารว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ช่างชัดเจน พวกเขามาทำอะไรไม่รู้แต่ที่แน่ๆ คือ ลิฟท์ที่พวกเขากำลังจะเดินไปขึ้นเป็นลิฟท์ตัวเดียวกันกับที่ดาร์คฯ ใช้ ดูได้จากสีบัตรที่ระบุตัวลิฟท์อย่างเฉพาะเจาะจง ผมรีบพุ่งตัวเข้าไปในตัวอาคารทันที!
.

..ชั้น 27 - ห้องมิสเตอร์โยซอบ
..ไอย์ (ดาร์คไนท์)

เวรล่ะ มิสเตอร์โยซอบดันตายแล้ว

ผมเอานิ้วแหย่แทรกดงก้อนเส้นผมแข็งที่ถูกเซ็ทมาอย่างดีด้วยเจลเพื่อเกาศีรษะด้วยอารมณ์เซ็งๆ เฮ้อออ มาช้าไปจนได้ ..ตัวยังอุ่น คงเพิ่งตาย
[ไงต่อดีล่ะคุณเอลฟ์ เขาตายแล้ว จากที่เห็น ก็ฆ่าตัวตายเหมือนรายก่อนๆ แต่ที่แปลกหน่อยก็.. คนเราถ้าจะตาย ไม่น่าจะอยากกินอะไร ไหนจะแฟ้มงานที่เปิดคาไว้ หรือคุณว่าไง..]
……….……
[..หรือว่าพวกเขาจะโดนสารหลอน.. มันก็อาจเป็นไปได้ เดี๋ยวผมจะเก็บอากาศจากในห้องนี้ไปส่งตรวจ ดีนะ ผมรอบคอบ แอบใส่ที่ปิดรูจมูกมา คุณต้องอึ้งแน่ ถ้ารู้ว่านวัตกรรมนี้ผมได้มาจากการค้าขายกับคนอินเดีย เป็นตัวต้นแบบก่อนวางขาย แถมเป็นตัวท็อปด้วยนะ มันกรอง Particulate Matters ที่เล็กกว่า 0.5 ไมครอนได้ โคตรเจ๋ง]
……….……
[คุณเอลฟ์..]
……….……
[คุณเอลฟ์ตอบด้วย..]
……….……
[โอเคเก็ท บังเอิญติดต่อกับเอลฟ์ไม่ได้ บังเอิญมีศพคนตายในห้อง บังเอิญมีกลุ่มคนกำลังมา บังเอิญมีแต่เรื่องดีๆ ทั้งนั้น]
.
..ล็อบบี้ ชั้น G
..อาร์
ผมเดินเข้ามาในตัวอาคารด้วยความนิ่ง การเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติทำให้ได้รับแต่รอยยิ้มตอบแม้ว่าการมาของผมจะไม่ได้เนียนไปกับกลุ่มคนที่เดินสวนกันไปมาเพื่อทำงานพบปะหรือเจรจาธุรกิจ ..แค่ชุดก็ไม่ใช่แล้ว
“สวัสดีครับ”
“ค่ะ มีอะไรให้ช่วยคะ”
“ผมเป็นน้องชายของนักธุรกิจที่เพิ่งมาถึงเมื่อราวห้านาทีก่อนหน้านี้ จาก Inter Energy Inc”
“ออค่ะ”
ผมเขยิบเข้าใกล้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์แม้จะมีเคาเตอร์ขนาดใหญ่กั้นกลางอยู่ ตัวเธอเองก็ดูจะเข้าใจว่าผมต้องการพูดความลับที่ต้องลดเสียงให้เบา จึงลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อให้ระยะระหว่างเราใกล้กันมากขึ้น
“เขาลืมเอกสารสำคัญมากไว้ในรถ ซึ่งผมเข้าใจว่ามันจะมีผลต่อการร่วมทุนอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ถ้างั้นให้ฉั..”
“ผมต้องเอาขึ้นไปให้เขากับมือเท่านั้น หากตกหล่น หรือผิดพลาดขึ้นมา ต้องมีคนรับผิดชอบ ซึ่งไม่ควรเป็นคุณ..”
“เป็นความกรุณาของคุณจริงๆ นี่บัตรค่ะ ลิฟท์ตัวในสุดด้านขวามือ”
“ขอบคุณครับ เราต้องได้ร่วมงานกันแน่ๆ” เธอยิ้มหวานตอบผม ส่วนผมน่ะเหรอ รับบัตรด้วยความนิ่งพร้อมกับยิ้มขอบคุณอย่างละมุน ผมเดินจากเธอมาด้วยจังหวะก้าวที่เป็นปกติ ทั้งที่ใจของผมวิ่งไปกดลิฟท์รอตั้งนานแล้ว ใช่ ผมเกือบจะออกตัววิ่งหลังจากนั้น ถ้าไม่ติดว่าผมอาจจะโดนสงสัยจนถูกการ์ดของตึกเข้ารวบตัว

พื้นที่ของชั้น 27 อยู่ตรงหน้า ผมเดินออกจากลิฟท์และเลือกจะเลี้ยวหลบไปอีกทางแทนที่จะเดินไปสู่ห้องเป้าหมาย ..ซึ่งพวกนั้นกำลังจะเดินไปถึง
.

..ห้องมิสเตอร์โยซอบ
..ไอย์ (ดาร์คไนท์)

เก็บตัวอย่างอากาศเรียบร้อย..ได้เวลามูฟ แต่คงไม่ทันแล้วสินะ เอาไงต่อดี จะออกทางเดิมก็คงไม่ได้ หรือจะทุบกระจกออกไปแล้วโรยตัวหนี อืม..นี่ก็ชั้น 27 ต่อให้มีอุปกรณ์ดูดกระจกเหมือนในมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลก็ไม่น่าเสี่ยง เพราะถ้าตกลงไปแล้วได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์..สาเหตุการตายโคตรจะไม่เท่ห์ เอาไงดีไอ้ไอย์ ยังคุยกับตัวเองไม่ทันเสร็จ ประตูทางเข้าห้องก็ถูกกระชากเปิดออก
“พวกเราได้รับแจ้งว่าจะมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่” ไอ้คนที่ยืนอยู่หน้าสุดของกลุ่มพูดขึ้นทันทีที่เห็นว่าผมยังยืนอยู่ตรงนั้น
“เหรอครับ ผมไม่หยักรู้”
“นั่นไงศพ ผมขอจับคุณในฐานเป็นผู้ต้องสงสัยในการฆาตกรรม”
“มันจะไม่ง่ายไปหน่อยเหรอครับ”
“คุณมีสิทธิที่จะไม่พูด..”
“ครับ ผมรู้ข้อกฎหมายดี แต่ผมไม่อยากมีเวลาดีๆ ในศาลสักเท่าไหร่” ผมล้วงเอาระเบิดแสงในช่องของกระเป๋าที่ถูกเตรียมพร้อมไว้สำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน มันทำงานได้ทันใจ ส่วนผมที่คำนวณเส้นทางการหนีออกจากฝูงชนคนร่างหนาไว้แล้ว ก็ออกตัววิ่งหลบหลีกฝ่าดงพวกมันได้ไม่ยาก ต่างจากพวกมันที่อยู่ในสภาวะไร้น้ำยา เพราะถึงจะเอามือปิดป้องแต่ก็สู้แรงแสงกับแรงอัดของเสียงที่ต้องเจอแบบไม่ทันตั้งตัวไม่ได้ ส่วนผมน่ะรอดเพราะใส่แว่นสุดเจ๋งของหน่วยลับ มันปรับการรับแสงแบบอัตโนมัติด้วยความเร็วที่น้อยกว่า 3 มิลลิวินาที ก็คงจะพอๆ กันกับเวลาที่แมลงวันใช้ในการกระพือปีก แต่ก็เกือบจะวูบเพราะช็อกจากแรงอัดเสียงของระเบิดแสง ทั้งที่พยายามปิดการรับรู้ของหู เฮ้อ.. ที่ถอนหายใจไม่ใช่เพราะอาการที่เป็น แต่เพราะยังมีพวกมันอีกหลายคนยืนรออยู่ด้านนอกของห้อง ..ที่ซึ่งระเบิดแสงไม่ได้ช่วยอะไร
.
..อาร์
ผมเดินมาตามทางตามที่เห็นในพิมพ์เขียว ปุ่มกดสัญญาณไฟไหม้อยู่ใกล้ๆ ทันทีที่เจอ..ผมกดปุ่มจนมิดมือ เสียงโหยหวนดังสนั่นหวีดชวนรำคาญ หวังว่าความแตกตื่นของผู้คนจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลาย ผมรีบวิ่งกลับไปหาดาร์คไนท์ ไม่รู้ว่าจะยังอยู่สุขสบายดีอยู่ไหม
.
..ไอย์ (ดาร์คไนท์)
“พวกคุณต้องรีบออกจากตึกแล้วนะคะ ไฟไหม้ค่ะ!!” เลขาหน้าห้องของมิสเตอร์โยซอบพยายามจะสื่อสารอะไรบางอย่างกับผมและไอ้กลุ่มคนตรงหน้า แต่ผมไม่เข้าใจ อาการมึนงงในหัวและการรับรู้เสียงยังไม่กลับคืน แถมตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมายืนอ่านปากเพราะผมกำลังจะเปิดฉากบู๊กับพวกมันที่ดูจะไม่สนใจในสิ่งที่คนรอบตัวกำลังพยายามบอกเหมือนกัน ..ไม่ได้อยากใช้ปืน ผมถือคติผู้บริสุทธิ์ต้องไม่ถูกทำร้าย ในการปะทะจะต้องไม่มีใครโดนลูกหลง ดูเหมือนพวกมันก็คิดอย่างนั้น แต่ละคนตั้งท่าพร้อมสำหรับการต่อสู้ด้วยมือเปล่า ..เอาวะ
“ขอถามอะไรก่อนได้ไหม พวกแกเป็นใคร”
………………
“ตำรวจ.. หรือพวกโนอาห์”
………………
“โอเค ไม่อยากตอบก็ไม่ต้องตอบ แต่บอกไว้ก่อนนะ ว่าฉันไม่ยั้งมือแน่” ผมพุ่งตัวเข้าซัดกับพวกมันที่พากันรุมเข้ามา มันไม่ได้ง่ายเหมือนอย่างที่เห็นในละคร แน่นอนอาจเพราะผมไม่ใช่พระเอก พวกผู้ร้ายถึงไม่ได้เปิดช่องว่างจัดลำดับกันเข้ามาทีละคนสองคน ..พวกมันทำงานกันเป็นทีม แต่ขนาดกำลังชุลมุนสายตาของผมก็ยังอุตส่าห์เหลือบไปเห็นพวกของมันคนนึงกำลังนั่งเอาเท้ายาวๆ ทั้งสองข้างไขว่กันอยู่บนม้านั่ง ไม่ได้ดูอยากจะมีส่วนร่วมกับบุฟเฟ่ต์มื้อใหญ่ที่ผมเป็นเจ้าภาพ แล้วพอผมเผลอคิดอะไรกับตัวเองจนลืมตั้งสติว่ากำลังต่อสู้ ..ผมก็เพลี่ยงพล้ำต่อศัตรูทันที แต่แต้มบุญยังมีเพราะคุณเอลฟ์โผล่มาช่วยไว้ได้ทัน ..ช่างมีน้ำใจ
.
..อาร์ (เอลฟ์)
ผมล็อกคอพวกมันคนนึงที่กำลังจับกุมตัวดาร์คไนท์เพื่อให้พวกของมันอีกคนอัดหมัด มันออกแรงดิ้นและต้านแรงรัดของผมแต่ก็ฝืนสู้ได้แค่แป๊บเดียวเพราะผมกดเข้าที่จุดหลังท้ายทอย มันสลบทิ้งตัวลงหาพื้นทันที ผมมองหาเหยื่อรายต่อไป ในใจก็คิดว่าพวกมันเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่
“พอไหวไหมเอลฟ์” ดาร์คไนท์ถามผมทันทีที่หลังของเราพิงกันในจังหวะหนึ่งระหว่างการต่อสู้
“..รีบออกจากที่นี่”
“เย็นชาจริงๆ” แล้วผมกับดาร์คไนท์ก็ผละแยกไปลุยต่อกันคนละมุม ..ตึงมือ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะสู้ไม่ไหวแต่นั่นก็ก่อนจะเห็นว่าจำนวนของพวกมันเพิ่มขึ้น ไม่ใช่ ไม่ได้เพิ่มขึ้น แค่พวกของมันที่โดนดาร์คไนท์เล่นงานก่อนหน้านี้ทยอยกันเดินออกมาจากในห้องของมิสเตอร์โยซอบ ..บ้าเอ้ย!! ถ้ามีคิวอยู่ พวกของมันแค่นี้คงไม่เหลือมาถึงมือผมด้วยซ้ำ ..ไม่มีเวลาจะท้อ เพราะแค่ใจของผมอ่อนแอเพียงเสี้ยววิ ร่างกายของผมก็อ่อนแรงลง พวกมันเข้าประชิดตัวทันที มันซัดหมัดหนักเข้าที่หน้าจนผมมึนงง และยังอัดเข่าแข็งเข้าที่ท้องจนผมทรุดตัวลงกองกับพื้น เสียงสไลด์ลำปืนดังอยู่ตรงหน้า ..ใครจะไปยอม ผมจับข้อมือที่ถือปืน กดให้มือหักลงชี้พื้น และรีบลุกขึ้นใช้ไหล่กว้างดันให้ร่างนั้นถอยหลังและเอามือคว้าลำปืนไว้ ..ปืนอยู่ในมือผม ผมชี้มันไปที่เป้าหมาย ..ไม่ได้อยากทำให้ใครบาดเจ็บหรือตาย พวกมันก็แค่ทำตามคำสั่งเพื่อแลกกับสิ่งตอบแทน แต่ตอนนี้มันยืดเยื้อเกินไปแล้ว ผมกับดาร์คไนท์คงจบชีวิตในอีกไม่เกินห้านาทีแน่ ..ผมกดไกปืนทันที แต่ผมตัดสินใจช้าไป พวกของมันคนนึงเตะมือของผมจนปืนร่วง ซ้ำยังมีมันอีกคนกอดรัดที่ด้านหลัง ผมเอาหลังหัวของตัวเองกระแทกเข้าที่หน้าของมัน ถึงแรงรัดจะน้อยลง แต่มันก็ยังไม่ยอมคลายมือที่กอดผมไว้ โธ่เว้ย!!! ไอ้คนที่ร่างใหญ่ที่สุดกำลังเดินตรงมาที่ผม มันแสยะยิ้มและง้างหมัดที่มีเส้นเลือดปูดโปนส่งเข้าที่ท้องของผม มันจุกยิ่งกว่าหมัดไหนๆ ที่เคยเจอมา พวกของมันคลายแขนที่รัดร่างของผมไว้แล้วปล่อยให้ผมร่วงลงกองกับพื้น มันยกเท้าเหยียบลงบนหลัง กดน้ำหนักจนอกของผมแนบสนิทติดกับพื้นเย็น ผมเริ่มหายใจไม่ออก พยายามฝืนแรงยกตัวขึ้น แต่ก็ยากที่จะดันเอาน้ำหนักตัวร่วมร้อยกิโลที่ทับอยู่ด้านบนให้เบาหาย จังหวะนั้นเองที่ผมโดนฟาดด้วยของแข็งสักอย่างเข้าที่หัว ของเหลวสีแดงไหลเปื้อนมาตามรอยพับของกล้ามเนื้อ ไอ้ร่างยักษ์ก้มตัวลงใช้มือกระชากหัวผมให้เงยขึ้นเพื่อมองหน้ามัน
“อดทนหน่อยมิสเตอร์อาร์.. อย่าเพิ่งรีบตาย”
“...”
มันจับหัวของผมกระแทกโขกกับพื้นแข็ง เลือดจากคิ้วที่แตกไหลข้นปิดเปลือกตา สติลางเลือนด้วยความมึนปวด ความเจ็บร้าวทรมานไล่ระบมไปทั่วร่าง ผมพยายามกะพริบตาเรียกหาสติ ตาข้างที่ยังเปิดอยู่สแกนภาพที่อยู่เลยออกไปอย่างเร็วๆ ดาร์คไนท์กำลังนัวอยู่กับพวกมัน..ขอให้รอด ส่วนผม.. ถ้าจะตายก็ขอให้ตายมันซะตอนนี้ แต่ถ้าไม่ ก็ขอให้มีชีวิตอยู่ต่อแบบครบสามสิมสองเพื่อตามหาคิว.. การรับรู้สุดท้ายของผมคือภาพของหมัดแน่นที่กำลังจะมาถึงหน้าของตัวเอง.. อาจจะไม่เจ็บ เพราะสติของผมคงดับก่อน
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
013
- ไอย์ -
.
.
.

“ปล่อย..”
“…”
“ถ้าทนดูไม่ได้ก็กลับไปอยู่ในห้องทดลองซะ”
“…”
.

..ไอย์ (ดาร์คไนท์)
ถ้าบอกว่านี่เป็นจุดไคลแม็กซ์ของหนังสักเรื่องผมก็เชื่อ.. ภาพของคุณเอลฟ์ตัวเอกของเรื่องกำลังร่วงลงกองกับพื้นในสภาพเลือดอาบหน้า ขณะที่ผู้ร้ายสุดโหดเหี้ยมกำลังจะซ้ำแบบไม่คิดปรานี แล้วทันใดนั้นเองก็มีฮีโร่มาดเท่ห์ออกโรงมาปกป้องคุณเอลฟ์ เขาคว้าเอามือใหญ่ของไอ้ผู้ร้ายไว้ได้ทันก่อนที่มืออันกำเป็นหมัดแน่นนั้นจะถึงหน้าของคุณเอลฟ์ เขาหักเอาข้อมือนั้นพลิกขึ้นก่อนจะเอาขายาวๆ ถีบยันเข้าที่ท้องจนไอ้ร่างยักษ์นั่นกระเด็นไกลออกไป แต่ถ้าผมจำไม่ผิด นั่นมันไอ้คนที่นั่งวางท่าทำหน้าเบื่อก่อนหน้านี้..พวกเดียวกันที่ขวางทางพวกเดียวกัน ถึงผมจะไม่ว่างนั่งสังเกตการณ์ว่าเหตุการณ์มันเป็นไงต่อแบบครบทุกช็อต แต่ก็รับรู้ได้ว่ามันเป็นการต่อสู้ของศัตรูที่บู๊ล้างผลาญทำลายล้างพวกเดียวกันแบบม้วนเดียวจบไม่มีเวลาพักยก พวกของมันนอนแผ่หลาอยู่เต็มพื้นที่ มีทั้งที่ยังไม่หมดสติและพวกที่จะต้องนอนยาวต่อไปอีกเป็นอาทิตย์ จนตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมกับมันที่ยืนประจันหน้ากัน
“เขาเป็นใคร..” มันถามผมขณะที่ชี้นิ้วไปที่ร่างของคุณเอลฟ์ที่นอนแน่นิ่ง
“ถามทำไม..”
“…” มันมองหน้าผมด้วยสายตาเย็นชา
“คุณนั่นแหละเป็นใคร” ผมถามมันกลับบ้าง
“…” มันไม่ตอบ แต่กลับเดินไปหาร่างของคุณเอลฟ์ที่นอนแน่นิ่ง มันตรวจดูอาการบาดเจ็บเบื้องต้นด้วยความชำนาญ ก่อนจะช้อนเอาร่างของคุณเอลฟ์ขึ้นอุ้มและมาส่งต่อให้ผม ผมรับไว้ทั้งที่แขนล้าเพราะการต่อสู้ที่เพิ่งจบไปเมื่อห้านาทีก่อน “ไปซะ..” มันพูดกับผมแค่นั้นแล้วก็เดินจากไป โดยไม่สนใจพวกพ้องของตัวเองสักนิด

..หรือว่า

.
.

..โรงพยาบาล
..อาร์

..ขนาดแค่ลืมตายังเจ็บ ไม่อยากคิดว่าถ้าขยับตัวจะทรมานแค่ไหน แต่ถ้าแค่นิ้วมือนิ้วเท้า.. อืม ยังขยับได้อยู่.. ปวดหัว..คงเพราะที่โดนฟาด

“ผมจ้างคุณมาคุ้มกัน แล้วทำไมมันถึงเจ็บตัวขนาดนี้!” ..เสียงของพ่อ
“ผมไม่มีอะไรจะแก้ตัวครับ ผมประมาทเอง”
“...”
“แต่ผมไม่เห็นด้วยถ้าท่านจะเลิกจ้างผม”
“นี่ยังจะกล้ารับงานต่อ..”
“ครับ ผมขอรับรองด้วยเกียรติ ว่าลูกของท่านจะได้คนของเขาคืน โดยที่จะไม่เจ็บตัวอีก”
“..ไม่ค่อยน่าเชื่อเลยนะ เพราะจากที่เล่ามา ไอ้อาร์มันรอดก็เพราะคนที่คุณคิดว่าเป็นคิว หึ ไม่ใช่ฝีมือของตัวเองด้วยซ้ำ”
“..ให้ผมทำต่อเถอะครับ ไม่ใช่เพื่อเงิน แต่เพราะศักดิ์ศรีของอดีตหน่วยลับ”
“..งั้นก็ลองดู แต่ผมขอเตือนไว้ก่อน ถ้าไอ้อาร์มันเป็นอะไรไป อย่าคิดว่าตัวคุณจะรอด”
“..ครับ”

..คิวงั้นเหรอ ผมอยากจะลุกลงจากเตียงไปถามหาความจริงจากปากของไอ้คุณไอย์ แต่ติดที่ว่าร่างกายของผมดันต่อต้านคำสั่งของผม

“พ่อของคุณกลับไปแล้ว” ไอ้คุณไอย์บอกผม
“..คิว?”
“ได้ยินแล้วสินะ..”
“...”
“หนึ่งในพวกของมันช่วยคุณไว้ ซึ่งผมคิดว่า ..เขาน่าจะเป็นคิว”
“...”
“คือผมก็เดาเอาล่ะนะ จากสัญชาตญาณ เพราะเขาดูเป็นห่วงคุณ..”
“แล้วทำไม..”
“ทำไมเขาไม่กลับมาด้วยใช่ไหม”
“ใช่”
“เพราะเขาไม่รู้จักคุณ”
“หมายความว่าไง”
“เขาถามผมว่าคุณคือใคร ..นั่นหมายความว่า เขาจำคุณไม่ได้”
“...”
“ขอโทษด้วยนะที่ผมสรุปแบบนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็เดินจากไปแบบคนไม่รู้จักกัน”
“...”
“เอาตรงๆ นะคุณหมออาร์ ผมอยากให้คุณตัดสินใจใหม่ว่ายังอยากได้เขากลับมาไหม เพราะเขาอาจจะไม่ได้อยากกลับมาแล้ว เพราะเขาไม่เหลือคุณอยู่ในความทรงจำสักนิด”
“แต่คุณบอกว่าเขาช่วยผม..”
“อืม ก็ใช่ แต่มันไม่เห็นแปลก เขาอาจจะยังมีจิตสำนึกที่ดีหลงเหลืออยู่”
“ก่อนหน้านั้นเขาได้ช่วยคุณไหม”
“ก็ผมยังสู้ไว้ ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่เหมือนคุณ”
“งั้นเหรอ..”
“เอาเป็นว่าคุณสรุปมาเลย ว่าคุณจะเอาไงต่อ”
“ผมยังยืนยันความคิดของตัวเอง ว่าผมจะพาคิวกลับมา”
“ถ้าต้องตายฟรีอย่าหาว่าผมไม่เตือนล่ะกัน”
“…”
.
.

..ห้องพักของโรงแรมในเครือโนอาห์
..อิชะ

“..เป็นไปอย่างที่คุณคีย์คิดไว้ครับ คิลตอบสนองทันทีที่เด็กคนนั้นอยู่ในอันตราย”
[อืม]
“ต่อจากนี้ล่ะครับ”
[จัดการเขาซะ ..ต่อหน้าคิล]
“..ครับ”
[น้ำเสียงของนาย ฟังดูไม่พอใจคำสั่งของฉัน]
“ไม่ครับ ไม่ว่าคุณคีย์จะสั่งอะไร ผมก็พร้อมจะทำตาม”
[อืม]
“…”
[รีบทำให้มันจบๆ แล้วรีบกลับมา..]
“ครับ”
รีบกลับมา.. ทำไมประโยคคำสั่งสั้นๆ ถึงทำให้ใจของผมสั่นไหวได้ขนาดนี้ ..คงเพราะเป็นคุณคีย์

“มีอะไรดีๆ รึไง ถึงได้นั่งยิ้มกับโทรศัพท์..”
“จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู” ผมปรับสีหน้าทันที
“ถ้าเคาะ.. ก็คงไม่ได้รู้อะไรหลายอย่าง”
“งั้นถ้ารู้แล้ว ก็ออกไปซะ”
“แต่ฉันยังมีคำถาม”
“..ถามมา แต่ไม่รับรองว่าจะมีคำตอบให้” ผมนั่งลงบนโซฟา ขณะที่คิลยังยืนพิงกรอบประตูห้อง
“ ‘เด็กคนนั้น’ ที่พูดถึง คือคนที่ฉันเข้าไปช่วยใช่ไหม”
“ใช่”
“เขาเป็นใคร”
“นายไม่จำเป็นต้องรู้”
“..งั้นคีย์เป็นอะไรกับฉัน ถ้าไม่ใช่พี่น้อง”
“เขาเป็นคนที่นายจะต้องปกป้องด้วยชีวิต นายเกิดมาได้ก็เพราะเขา”
“แล้วคีย์กับนายเป็นอะไรกัน”
“…”
“..ตอบไม่ได้? คงเป็นคำถามที่ยากเกินไป” คิลพูดจบก็กลับตัวจะก้าวเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน” ผมลุกขึ้นเดินไปหาคนหน้าเหมือนที่กำลังยืนหันหลังให้ และทิ้งตัวซบลงบนแผ่นหลังกว้าง
“..เห็นฉันเป็นตัวแทนของคีย์รึไง” 
“..ขอแค่นาทีเดียว”
“ฉันกับคีย์คงเหมือนกันมากสินะ”
“ไม่เลยสักนิด”
“เคยลองแล้วเหรอถึงรู้ว่าไม่เหมือน” คิลหันมาเอามือประคองหน้าผมให้เงยขึ้นรับสัมผัสจากมันที่ริมฝีปาก! ..ยอมรับว่าเผลอยินยอมให้ตัวเองได้เจอกับรสชาติที่ใจเฝ้ารอคอยจากอีกคน ..แม้หน้าตาจะเหมือนกัน แต่ยังไงก็ไม่ใช่ ผมผลักตัวคิลออกทันที
“ทำอะไรของนาย!”
“ฉันก็แค่อยากบอกว่า ฉันกับคีย์มันคนละคนกัน ถ้าชอบมันมากก็ไปบอกมันโน่น แล้วก็ถึงฉันจะเป็นแค่อาวุธของพวกนาย แต่ฉันก็มีความรู้สึก อย่าทำแบบนี้อีก ฉันไม่ชอบ”
“หึ ไม่ชอบ แล้วจูบทำไม”
“..ก็แค่มันน่าสนุก” คิลพูดด้วยหน้าตายียวนแล้วก็เดินออกจากห้องของผมไป

..ฉันหวังว่านายจะคิดแค่นั้น

.
.

..โรงพยาบาล
..อาร์

“ผมไม่ได้เป็นอะไรมากครับ”
[ไม่เห็นเหมือนที่พ่อคุณแจ้งมา]
“พ่อคงรายงานเกินจริงไปครับ”
[เอาเป็นว่าพักให้หายดีก่อน เรื่องงาน..]
“ผมอยากแฝงตัวเข้าไปใน ‘โนอาห์’ ครับ”
[คุณคิดดีแล้วเหรอ การที่พวกมันเล่นงานคุณขนาดนี้ทั้งที่ไม่มีความจำเป็น ผมว่าพวกมันมีเจตนาบางอย่างพุ่งตรงมาที่คุณโดยเฉพาะ]
“ครับ ผมก็คิดอย่างนั้น เพราะแบบนี้ผมยิ่งไม่ควรอยู่รอให้พวกมันมาตามล่าอยู่ฝ่ายเดียว
[ถึงผมจะห้ามคุณในฐานะลุงที่เป็นห่วงหลาน คุณก็คงจะไม่เปลี่ยนใจ ถ้างั้นรอให้หายดี แล้วค่อยปฏิบัติการ โดยเราจะร่วมมือกับทาง Interpol]
“ครับ”
[เป้าหมายหลักของ ‘โนอาห์’คงไม่พ้นการควบคุมระบบเศรษฐกิจทั่วโลก]
“..และการมีกองทัพของตัวเอง ด้วยการโคลนมนุษย์ที่มีศักยภาพ”
[ใช่ เป็นเรื่องที่ไม่ไกลเกินจริง ดังนั้นเราจะต้องหยุดโนอาห์ให้ได้ ไม่ควรมีใครได้ครอบครองโลกทั้งใบด้วยวิทยาการความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์แบบนี้]
“…”
[ถ้าไงคุณรอฟังคำสั่งจากผม แจ้งดาร์คไนท์ด้วย]
“ครับ”

“ห้าวหาญสมเป็นชายชาตรี ใครจะรู้ว่าจุดประสงค์จริงๆ คือเรื่องของหัวใจล้วนๆ”
“ก็แล้วแต่จะคิด” ผมตอบไอ้คุณไอย์ที่ปากไม่ดีทันทีที่เดินกลับเข้ามาในห้อง
“แต่ก่อนจะไปทำภารกิจอะไรก็แล้วแต่ ผมคงต้องช่วยคุณให้รอดจากสถานการณ์ตอนนี้ก่อน”
“?”
“..เพราะพวกมันกำลังมา” ผมตื่นตัวทันที ถึงร่างกายจะอิดออด แต่ใจของผมมันพร้อมตั้งรับกับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอตั้งแต่รู้ว่าคิวกลับมาแล้ว ต่อให้คิวจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับผมหลงเหลืออยู่ แต่ความรู้สึก สายสัมพันธ์ระหว่างผมกับมันจะต้องยังมีอยู่แน่ ..มุมใดมุมนึงในใจของมัน
“อ่ะ” ไอ้คุณไอย์โยนปืนให้ผม “เอาไว้ป้องกันตัว ไม่สิ ถ้ามีโอกาส ก็ลดจำนวนพวกมันซะ อย่ามัวแต่ลังเลใจอ่อน เข้าใจนะคุณหมอ”
“…” ผมพยักหน้าตอบ แต่คงไม่ใช้มันหากไม่จำเป็นจริงๆ นอกจากจะเพราะไม่อยากให้ใครตายหรือบาดเจ็บแล้ว ยังเพราะกลัวว่าจะเผลอยิงคิว ไม่แน่ใจจริงๆ ว่าตัวเองจะจำหน้าของคิวได้รึเปล่า
“ออ ใส่หน้ากากซะ”
ผมรับหน้ากากกันอณูไอจากแก๊สมาสวมอย่างว่าง่ายเพราะรู้ซึ้งถึงฤทธิ์ของยาหลอนประสาทดี “ทำไมนายไม่ใส่”
“..ก็เพราะมันไม่จำเป็น”
“…”
“..ไม่มีใครกำลังมาทั้งนั้น”
“หมายความว่าไง”
“ผมเสียใจนะ ที่คุณจำผมไม่ได้”
“อะไรของคุณ” จู่ๆ ร่างของไอ้คุณไอย์ก็เริ่มแยกตัวซ้อนกันไปมา อาการแบบนี้.. หรือว่าในหน้ากาก.. ผมรู้ตัวช้าไป!
“งั้นเรามาทำความรู้จักกันอีกสักรอบนะ”
“..?”
“ผม..โทนี่ ฉิน”
“..แก!”
“ทำไมถึงได้ห่างเหินกันแบบนั้นล่ะครับ เราร่วมงานกันหลายครั้งแล้วน้า”
ผมยกมือที่ถือปืนขึ้นเล็ง แต่มือเจ้ากรรมดันไม่ยอมทำตามคำสั่ง มันส่ายไปมา แต่สุดท้ายผมก็กดไกปืนจนมิด ..ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ..ปืนไม่มีลูก!
“ในที่สุดคุณก็กล้าหาญขึ้น ดีนะที่กันไว้ก่อน เกือบได้ตายก่อนได้เล่นสนุกกับคุณซะแล้ว”
ผมพยายามลุกขึ้นจากเตียง แต่โลกก็หมุนเหวี่ยง ร่างกายเริ่มไม่มีแรง ไอ้โทนี่เดินเข้าประชิดตัวผม “อย่าฝืนเลยคุณหมออาร์ ผมชอบคุณนะ อยากเก็บไว้เป็นหมอประจำตัวนานๆ ยิ่งตอนนี้คุณจะเป็นข้อต่อรองให้ผมกับไอ้อาวุธเดินได้นั่นด้วย” ไอ้โทนี่กอดผมไว้ก่อนที่ผมจะหมดสติไป “หลับให้สบายนะครับ ผมจะถนอมคุณเป็นอย่างดี”
.

..อิชะ

รีบทำให้จบ จะได้กลับไปหาคุณคีย์

ผมเดินนำคิลไปที่ห้องพักผู้ป่วยของนายแพทย์อริญชย์ หรือหมออาร์ วันนี้ผมต้องลงมือเองต่อหน้าคิล ความเจ็บปวดที่คุณคีย์ตั้งใจมอบให้คิลเพื่อเป็นบาดแผลในใจไปตลอดชีวิต แรงกระตุ้นที่จะทำให้มันไม่รู้จักคำว่าให้อภัยอีก ไม่ว่ากับใครก็ตาม ..แม้กระทั่งกับผม ที่ไม่รู้ว่าจะต้องเจอสภาวะยากควบคุบแค่ไหนของคิล แรงแค้นภายในใจของคิลอาจทำผมตายได้ทันทีถ้ามันกระหายเลือดฆ่าคนไม่เลือกหน้า ต่อให้ผมเป็นผู้ดูแลรักษามันมาตลอดก็ตาม
“เรามาทำอะไรที่นี่” คิลตั้งคำถามทันที
“มาทำให้นายกลายเป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบ”
“ฉันไม่คิดว่านายต้องการแบบนั้น”
“อย่ามาทำเป็นว่ารู้จักฉันดี”
“นายเป็นคนอ่อนโยน ฉันสัมผัสได้”
“อย่ามาพูดจาชวนขนลุก”
“หึ ถ้าเป็นคีย์พูด นายคงรู้สึกดี”
“หยุดเอาคีย์มาพูดแบบนี้สักที มันเป็นเรื่องส่วนตัว”
“คีย์มันจะรู้รึเปล่าว่า..”
“นายต้องการอะไรคิล”
“ไม่รู้สิ ฉันคงอยากให้นายเข้าใจว่า ไม่ว่าใครก็ต้องการมีสิทธิ์ในชีวิตของตัวเอง แม้แต่โคลนอย่างฉัน”
“ขอโทษด้วยนะ ฉันคงเข้าใจนายไม่ได้ เพราะจุดตั้งต้นของนาย..”
“เลิกเหยียดฉันเพราะว่าฉันเป็นโคลนสักที”
“…”
“งั้นนายรอดูล่ะกัน ว่าโคลนอย่างฉันทำอะไรได้บ้าง” คิลส่งสายตาขี้เล่นปนจริงจังมาที่ผม ถ้าคนตรงหน้าเป็นคีย์ ผมคงรู้สึกดีที่ได้เห็นเขาแสดงออกแบบนี้ แต่ยังไงนี่ก็ไม่ใช่คีย์ในแบบที่ผมชอบ

คิลเดินนำเข้าไปในห้องพัก ดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ได้แปลกใจอะไรกับการต้องมาเจอเด็กคนนี้ ..ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะนี่เป็นสิ่งที่ผมต้องการอยู่แล้ว การผ่าตัดสมองที่มีความเป็นไปได้เพียง 0.000001 เปอร์เซ็นต์ที่ความทรงจำจะยังหลงเหลืออยู่ ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ที่คาดการณ์ได้ แต่ก็ยังต้องอาศัยโชคอยู่บ้าง
“เสียใจด้วยนะ คนที่นายอยากมาเจอ เขาไม่อยู่แล้ว”
ผมรีบเดินเข้าไปในห้อง ..เตียงว่างเปล่า ไม่มีอะไรบ่งบอกว่าเจ้าของห้องยังอยู่ ผมรีบหยิบอุปกรณ์สื่อสาร “เด็กนั่นอยู่ไหน”
[สักครู่ครับคุณอิชะ]
……….
[มีใครบางคนพาตัวออกไปก่อนหน้านี้ครับ]
“ใคร”
[..จากการเปรียบเทียบใบหน้าล่าลุด มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นโทนี่ ฉินครับ]
“ใบหน้าล่าสุด?”
[ครับ เค้าโครงใบหน้าบางส่วนถูกปรับเปลี่ยน และเขามาปรากฎตัวพร้อมกับมิสเตอร์อริญชย์ที่ตึกเวิร์คทาวเวอร์เมื่อวานด้วยครับ]
..ไม่คิดว่ามันจะเข้ามายุ่ง “แล้วตอนนี้พวกมันอยู่ไหน”
[ขอเวลาตามรอยสักครู่ครับ]
“…”
“ผิดแผนแบบนี้ คีย์คงไม่สบอารมณ์”
“เลิกพูดมากสักที ฉันน่าจะผ่าตัดเอากล่องเสียงของนายออกด้วย”
“คีย์คงไม่ชอบที่อาวุธของเขาโต้ตอบไม่ได้ ..มันจะเสียราคา”
ดีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นก่อนที่ผมจะต่อยหน้าของอาวุธราคาหลายล้าน “ว่าไงบ้าง
[ได้พิกัดมาแล้วครับคุณอิชะ ผมส่งไปให้เรียบร้อย ต้องการกำลังเสริมไหมครับ]
“ไม่ต้อง แค่คิลคนเดียวก็พอ”
[ครับคุณอิชะ]
“..ไม่ต้องรายงานคุณคีย์”
[จะดีเหรอครับ ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับคุณอิชะ..]
“ฉันบอกว่าไม่ต้องรายงาน”
[..ครับคุณอิชะ]
“..ทำไมไม่รายงาน ไม่กลัวว่าฉันจะบุบสลายรึไง”
“นายไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกคิล”
“แต่ถ้านายเป็นล่ะ.. คีย์จะเป็นยังไง”
“ฉันไม่ได้สำคัญกับคุณคีย์ขนาดนั้น รีบไปกันเถอะ”
“…”
.
..เซฟเฮ้าส์ของโทนี่ ฉิน
..อาร์
ยาสลบคงหมดฤทธิ์ อยากจะด่าตัวเองที่ไม่รอบคอบ ตรวจดูประวัติของ ‘ไอย์’ แค่คร่าวๆ โดยที่ไม่สงสัยอะไรเลย ไม่รู้แม้กระทั่งว่ามันปลอมเอาหน้าของไอย์ตัวจริงมาใช้ ..ไอย์ที่ประวัติถูกลบเลือนไปจากวงการหน่วยลับ ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าเจ้าตัวยังมีชีวิตอยู่ในมิตินี้รึเปล่าด้วยซ้ำ ..โธ่เว้ย! ทำไมต้องวนเวียนมาเจอกับมันอีก
“กำลังด่าผมอยู่รึเปล่าครับคุณหมออาร์” โทนี่เดินเข้ามาภายในห้องที่มีแสงไฟสีขาวสาดสว่าง ส่วนผมก็นอนนิ่งอยู่บนเตียงกลางห้อง โดยมีสายน้ำเกลือปักอยู่บนหลังมือ และร่างทั้งร่างถูกยึดไว้กับเตียงด้วยผ้าที่ผูกข้อมือข้อเท้าติดกับเสาทั้งสี่มุม ..ในชุดของโรงพยาบาล
“แกต้องการอะไร”
“พูดจาไม่สมกับความเป็นหมอเลยน้า” ไอ้โทนี่ก้มหน้าลงมาใกล้ ผมเบือนหน้าหนี แต่มันก็เอามือมารั้งหน้าผมไว้ “ผู้ใหญ่พูดด้วย คุณก็ต้องตั้งใจฟังสิครับ” มันมองผม ใช้สายตาโลมเลียไปทั่วจนผมนึกสะอิดสะเอียน “ผมบอกคุณแล้ว ว่าถ้าผมอยากได้ใคร ผมก็จะเอาให้ได้”
“…”
“คุณคงคิดถึงผมเพราะผมหายไปนาน แต่ตอนนี้ผมอยู่ตรงหน้าคุณแล้ว” มันใช้ลิ้นสากลากเลียเข้าที่แก้มของผม ผมหลับตาแน่น ไม่อยากจินตนาการว่าตัวเองกำลังโดนอะไร และกำลังจะโดนทำอะไร
“ฉันไม่เคยคิดถึงแก”
“โหดร้ายจัง ทั้งที่ผมคิดหาวิธีตลอดว่าจะทำยังไงให้ได้เข้าใกล้คุณ แอบจับตาดูว่าคุณกับไอ้คู่หูหน่วยลับนั่นว่ากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน จริงๆ มันไม่ได้ยากเลยนะ กับแค่การจับตัวคุณมา แต่มันจะง่ายเกินไป สู้ผมปลอมตัวไปทำภารกิจอยู่ข้างๆ คุณก็ไม่ได้ สนุกกว่าเยอะ อยากจะอยู่เล่นเป็นหน่วยลับด้วยนานๆ แต่ติดที่ว่า ไอ้โนอาห์อะไรนั่น ชักจะทำอะไรล้ำเส้นเกินไป”
“…”
“เรื่องของผลประโยชน์น่ะ มันต้องแบ่งๆ กันรวย จะมากินรวบเป็นเจ้าของคนเดียว มันไม่แฟร์”
“ฟังดูเหมือนจะเป็นคนดี”
“ผมน่ะดีสุดๆ ถึงพาคุณหมออาร์หนีออกมาก่อนที่จะโดนพวกมันฆ่า”
“พวกโนอาห์?”
“ใช่เลย ลูกน้องของผมรายงานมาน่ะ พอพวกเราออกมา พวกมันก็มากัน ไง.. เห็นความดีขอผมบ้างรึยัง”
“ถ้าเป็นคนดีจริง ก็ปล่อยฉันไปซะ”
ไอ้โทนี่ทำเสียงชวนน่ารังเกียจในลำคอ “งั้นผมขอไม่เป็นคนดีดีกว่า เพราะผมจะไม่ยอมพลาดโอกาสมีความสุขกับคุณอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ”
“…”
“แต่นั่นก็ต้องหลังจากการเจรจาระหว่างผมกับมนุษย์โคลนนั่น”
“แกหมายถึงคิว?”
“ใช่ ผมขออัพเดทหน่อยนะ เผื่อหน่วยลับอย่างคุณจะยังไม่มีข้อมูลนี้”
“…”
“อีกไม่กี่วัน โนอาห์กรุ๊ปจะเปิดตัวคู่ขาของคุณในฐานะอาวุธโคลนต้นแบบที่มีราคาตั้งต้นสูงมาก ซึ่งผมเองก็สนใจนะ ว่าจะเข้าร่วมฟังสรรพคุณสักหน่อย แต่น่าเสียดาย ผมยังไม่บิ๊กพอ เขาก็เลยไม่เชิญ”
“แล้วตกลงที่จับตัวฉันมา มันเพื่ออะไร”
“ก็ถ้าเดาไม่ผิด ไอ้มนุษย์โคลนนั่นคงยังไม่เพอร์เฟคพอ ก็เลยต้องมาเพิ่มดีกรีความโหดด้วยการเอาชีวิตคนที่มันรักซะ มันจะได้เย็นชาไร้ชีวิต ..ซึ่งนั่นก็คือคุณ เป้าหมายของมัน”
“…”
“โอ๊ะๆ แต่ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ยอมให้คุณตายง่ายๆ หรอก ไม่สิ ถ้าข้อแลกเปลี่ยนน่าสนใจพอ ผมอาจจะยกคุณให้พวกมันไป” ไอ้โทนี่แสยะยิ้ม
ก็อกๆ
“เข้ามา”
“พวกมันมาแล้วครับนาย”
“มาเร็วดีแหะ ..พวกเราพร้อมแล้วใช่ไหม”
“ครับนาย พวกเราพร้อมเอาคืนมันเต็มที่”
“ดี อย่าให้ฉันอับอายเป็นครั้งที่สอง”
“ครับ” ลูกน้องของโทนี่รายงานเสร็จก็ออกจากห้องไป
“เฮ้อ มากันเร็วจนผมไม่มีเวลากับคุณหมออาร์เลย รู้อย่างนี้ตอนที่ผมเป็นไอย์ คงทำอะไรต่อมิอะไรไปแล้ว น่าเสียดาย” ไอ้โทนี่เอานิ้วมาเขี่ยที่ปลายจมูกของผม “ทำไงได้ เรื่องปากท้องต้องมาก่อน”
“เอามือของแกออกไป”
“ทีกับผมล่ะหวงตัว ทีกับไอ้มนุษย์โคลนนั่นล่ะก็..”
“เลิกเรียกคิวว่ามนุษย์โคลนสักที”
“ถามจริงๆ เถอะ ไม่รู้สึกรังเกียจบ้างรึไง ความสัมพันธ์กับตัวอะไรก็ไม่รู้ เรียกว่าคนก็ไม่น่าจะได้”
“คิวมีความเป็นคนมากกว่าแกหลายร้อยเท่า”
“งั้นก็รอดูนะ ว่าไอ้สัตว์ประหลาดนั่นจะสู้ ‘คน’ ได้รึเปล่า ออ ขอบอกเลยนะ ว่าคราวนี้จะไม่มีทางเหมือนคราวที่แล้วแน่” ไอ้โทนี่หยิบรีโมทขึ้นเปิดทีวีที่อยู่ไกลออกไปปลายเตียง มันแสดงภาพของกล้องวงจรปิดมุมต่างๆ ของบ้าน ..ชายสองคนกำลังเดินเข้ามา หนึ่งในนั้นต้องเป็นคิวแน่ๆ
“คุณหมออาร์จะเดิมพันข้างไหน ผมน่ะ เดิมพันข้างลูกน้องของตัวเองอยู่แล้ว”
“…”
.
.
.

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
Re: The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 013 - ไอย์ -
«ตอบ #17 เมื่อ08-07-2019 00:19:57 »

 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
014
- ลาก่อน -
.
.
..อิชะ
“บอกนายพวกแกว่าคนของท่านประธานมาขอพบ” ผมบอกลูกน้องของโทนี่ ฉิน ผมกับคิลเดินผ่านรั้วบ้านเข้ามาโดยที่ไม่เกิดการปะทะ เข้าใจว่าโทนี่เองก็คงกำลังรอพวกเราอยู่ ..อย่างสันติ
“นายบอกว่ายังไม่พร้อมให้พบ”
“บอกนายของแกว่าฉันไม่มีเวลา”
“งั้นก็ต้องฝ่าพวกเราเข้าไปให้ได้”
..ไม่ได้จะสันติสินะ “งั้นฉันขอเตือน ถ้าไม่อยากเจ็บตัว ก็ให้พวกเราผ่านเข้าไปซะ”
“แต่พอดีว่าพวกฉันอยากเจ็บตัว” ไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น ในมือของพวกมันที่ยืนดาหน้ากันเป็นกองร้อยล้วนมีอาวุธครบมือ ทั้งมีด ปืน โซ่ ที่ช็อตไฟฟ้า ท่อนเหล็ก ไม่ว่าจะอันไหนก็ไม่น่าเล่นด้วยทั้งนั้น ดูท่าพวกมันจะแค้นคิลมาก ผมจำภาพเหตุการณ์คืนนั้นได้ดี เพราะเป็นผมที่คอยดูภาพจากกล้องวงจรปิดให้ คิลจัดการพวกมันทั้งฝูงด้วยมือเปล่า การมาครั้งนี้ของคิลคือการเดินมาตายชัดๆ
“ฉันไม่ได้อยากสู้สักนิด..” คิลพูดลอยๆ ขึ้นจากด้านหลัง แถมมันยังจะเดินกลับออกไปที่รั้วประตู
“แกจะไปไหน!” ลูกน้องของโทนี่ที่ยืนอยู่อีกฝั่งตะโกนถามพลางพากันเดินบีบระยะห่างเข้ามาทางคิล พวกมันล้อมพวกเราไว้รอบด้าน ..นายจะทำยังไงคิล
“ฉันจะไปที่ชอบๆ แต่ไม่ใช่ที่นี่” คิลยังพูดโต้ตอบกับพวกมันด้วยท่าทีสบายๆ
“เสียใจด้วยพวกแกคงไปที่ชอบๆ ไม่ได้ โดยเฉพาะแก!” แล้วไอ้คนพูดก็เปิดพิธีพุ่งเข้าโจมตีคิล!!
.
..ห้องนอนชั้น 2
..อาร์
ภาพของชายสองคนที่ตกอยู่ในวงล้อมของคลื่นลูกน้องของโทนี่ทำผมใจหาย จำนวนมันแตกต่างกันเกินไป ต่อให้คิวเก่งแค่ไหน แต่ครั้งนี้มันยากเกินไป “อย่าทำอะไรคิว แกก็รู้ว่าคิวเป็นอาวุธของโนอาห์ ถ้าเขาเป็นอะไรไป อย่าคิดว่าโนอาห์จะปล่อยให้แกมีชีวิตรอด แล้วไหนแกบอกว่าจับฉันมาก็เพื่อต่อรอง”
“ทำไงได้ ลูกน้องของผมเจ็บปวดจากที่มันมาอาละวาดคราวที่แล้ว แล้วก็พอลองมาคิดดูอีกที ถ้ามนุษย์โคลนนี่ตายไปได้ โนอาห์ก็จะหมดช่องทางค้าขายไปอีกหนึ่ง ถึงมันจะผลิตได้อีก แต่ก็คงไม่ใช่เร็วๆ นี้แน่ ซึ่งก็ส่งผลดีต่อมนุษยชาติ และที่สำคัญ หมออาร์ของผมจะได้อยู่เล่นสนุกกับผมนานๆ ผมว่าก็เข้าท่านะ”
“แ..!” ไอ้โทนี่เอามือปิดปากผม
“จุ๊ๆ ห่วงมันขนาดนี้ ผมลำบากใจนะ จริงๆ ผมช่วยโนอาห์คิวซีสินค้าด้วยซ้ำ ถ้ามนุษย์โคลนนั่นฝ่าด่านลูกน้องผมไม่ได้ ..โนอาห์จะได้ไม่ขายหน้..!!” ผมกัดเข้าที่มือของโทนี่ มันร้องเสียงดังทันที “ให้ดูดีๆ คงไม่สนุกสินะ” โทนี่พูดพลางสลัดมือที่โดนผมทำร้ายและเดินไปที่มุมด้านหนึ่งของห้อง มันหยิบของบางอย่างติดมือและเดินกลับมาหาผมที่เตียง มันเอียงคอเลียริมฝีปาก สายตาของโทนี่กดเรียวรีเล็กลงมองมาที่ผม ..มันเต็มไปด้วยอารมณ์ “คราวนี้จะไม่มีใครมาขัดช่วงเวลาระหว่างเราสองคนได้แน่ เพราะคนของผมดักรอมันอยู่แทบจะทุกตารางนิ้วของบ้าน” มันพูดพลางคลายมัดหนังที่ห่อหุ้มของบางอย่างไว้ มันพูดพลางคลายมัดหนังที่ห่อหุ้มของบางอย่างไว้ ..สนับมือเหล็กปลายแหลม “เสียดายที่ผมไม่ได้เตรียมชิ้นอื่นมาด้วย แต่อันนี้เป็นชิ้นโปรดของผมนะ ลงมือทีไร อา.. เสียงช่างไพเราะ คุณหมออาร์เองก็เคยบอกผมนิว่าคุณชอบส่งเสียง”
“!!!”
.
..ลานหน้าบ้าน
..อิชะ
มันขนคนมาเป็นฝูง.. จัดการไปเท่าไหร่ก็ยังไม่รู้จักจบจักสิ้น ผมเริ่มหอบเหนื่อยต่างจากคิลที่ดูจะยังสู้ต่อได้ทั้งที่รอบตัวมีพวกมันนอนล้มเกลื่อนกระจาย เสียงลูกกระสุนปืนดังเป็นระยะ ..คงโดนสั่งว่าอย่าทำให้พวกเราถึงตาย ผมโดนถากเข้าที่ต้นแขนหนึ่งนัด เลือดกำลังไหลจนมือเหนียวลื่น แต่แค่นี้ไม่ได้ทำให้ร่างกายที่ถูกฝึกมาอย่างดีสั่นไหว
“พวกเราถอยไม่ดีกว่ารึไงอิชะ” คิลพูดเสียงดังพอประมาณ
“ฉันไม่รู้จักคำว่าถอย”
“ตัวฉันน่ะไม่เป็นไร แต่ฉันว่านายดูไม่ค่อยดีนะ”
“ฉันยังไหว” ..ใช่ ผมชักจะไม่ไหว ถึงใจจะยังสู้ แต่การเคลื่อนไหวของตัวเองเริ่มช้าลง พวกมันคนนึงใช้ของแข็งฟาดเข้าที่หลังของผม ขณะที่ผมตัวงอเพราะแรงนั้น หน้าอกก็ถูกพวกมันคนนึงใช้มีดยาวฟันเป็นทางยาว เลือดข้นซึมผ่านเสื้อที่ขาดออกเป็นสาย ผมยกปืนที่อยู่ในมือขึ้น ..แต่ลูกกระสุนหมดไปแล้ว ..เสียทีที่เป็นคนขององค์กร อาวุธในมือมีมากมาย แต่กลับสู้พวกโจรกระจอกที่ใช้แต่กำลังไม่ได้ ผมโดนตีซ้ำที่หลัง และถูกเตะตัดขาจนล้มนอนแผ่ลงกับพื้นคอนกรีต ..ขอโทษนะคีย์ ที่ดูแลคิลต่อให้ไม่ได้
.
..ห้องนอน
..อาร์
“...” ผมกัดริมฝีปากกลั้นเก็บเสียงไว้ไม่ให้เล็ดลอด ทั้งที่ปลายแหลมของอาวุธเจาะลึกเข้ามาที่หน้าอกซ้ายอย่างช้าๆ
“เข้มแข็งกว่าที่ผมคิดไว้ ดี ผมชอบคนทนๆ พวกที่โดนนิดโดนหน่อยก็ร้อง มันน่ารำคาญ” โทนี่ชักมือที่ฝากรอยแผลออกจากอกผม แล้วเปลี่ยนเป็นเอาลิ้นเปียกมาชิมเลือดที่ไหลสดๆ มันไล่ดูดดื่มของเหลวนั่น และลามเรื่อยขึ้นมาบนคอของผม
“ไอ้โรคจิต!”
“พูดไม่เพราะอีกแล้ว แต่ผมชอบนะ คำด่าของคุณหมอน่าฟังที่สุด ดูสะอาด” ไอ้โทนี่คลายปมเสื้อคลุมของผมออก และเปิดมัน ใจของผมเต้นแรง พลันนึกถึงคิว ..ความช่วยเหลือเดียวที่จะเป็นไปได้ ผมเหลือบมองไปที่ทีวีนั่นทั้งที่ไอ้โทนี่นั่งคร่อมอยู่บนตัว ทั้งที่ขนาดของคนสองคนนั้นช่างเล็กเมื่อฉายอยู่บนจอใหญ่ แต่ทั้งคู่ก็เด่นชัดเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงลูกน้องของโทนี่ที่พากันรุมล้อม ชายคนนึงนอนแน่นิ่งไปแล้ว ขณะที่อีกคนยังคงยืนหยัดต่อสู้  จนในที่สุดก็เป็นฝ่ายโทนี่ที่พ่ายแพ้ เขาเดินไปหาร่างของเพื่อนที่สลบไสล และอุ้มขึ้นพร้อมกับเดินออกจากประตูรั้วไป..
“โอ้โห ผิดคาดไปกันใหญ่ เฮ้อ ดูท่าคุณหมอจะไม่ได้มีความหมายอะไรกับมันแล้วสินะ ไม่เป็นไร ถ้างั้นเราก็มาสนุกกันให้เต็มที่ ลืมคนเก่าไปซะ แล้วผมจะเป็นคู่หูคนใหม่ของคุณหมอเอง” ไอ้โทนี่พูดจบก็ฝังริมฝีปากลงบนตัวผม มันเที่ยวชิมร่างกายของผมราวกับหมาป่าที่อดอยาก ขณะที่ผมคิดอะไรไม่ออก ..คิวลืมผมไปแล้ว ความพยายามตลอดครึ่งปีที่เข้าใจมาตลอดว่าวันนึงจะได้คิวกลับมา ..ผมไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว ..ไอ้เชี่ยคิว

ก็อกๆ
“เข้ามา”
“นายครับ! มัน..”
“งั้นเหรอ อืม ออกไปได้ รู้นะว่าต้องทำอะไร”
“ครับนาย”
“ดูท่าผมจะเข้าใจผิดไปนิดหน่อย” ไอ้โทนี่มันพูดอะไรผมไม่ทันฟัง รู้แค่ตอนนี้มันลุกออกจากตัวผม มันไล่เดินแก้ปมผ้าที่ขึงตัวผมไว้ รวมถึงกระชากเข็มน้ำเกลือออกจากหลังมือของผม
“เอาล่ะ เรามาทำงานเป็นทีมกันเป็นครั้งสุดท้ายกันเถอะ”
“...”
“ถ้าผมทายถูก ผมก็จะยอมปล่อยคุณไป แต่ถ้าผมทายผิด เราคงไม่ได้เจอกันอีก”
“หมายความว่ายังไง..”
“ไอ้มนุษย์โคลนนั่นมันย้อนกลับมา”
“...”
“ผมอยากจะวัดใจมันแทนคุณหมอ ว่ามันยังรู้สึกอะไรกับคุณอยู่ไหม”
“...”
“เรามาเล่นเกมกันเถอะ”
.
..คิล
น่ารำคาญจริงๆ ไอ้การที่ฝืนตัวเองไม่ให้ย้อนกลับมาไม่ได้ เพราะความอยากรู้ว่า ‘เด็กคนนั้น’ ของคีย์กับอิชะเป็นยังไง โทนี่ ฉินคือใคร มันกำลังทำอะไรเด็กคนนั้น แล้วฉันจะกลายเป็นอาวุธที่สมบูรณ์แบบได้ยังไง ..ไม่เห็นจะเข้าใจ ไอ้พวกแมงเม่าที่เก่งไม่จริงนี่ก็เหมือนกัน กว่าจะหมดก็เล่นเอาเสียเหงื่อไปไม่น้อย จนในที่สุดก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าห้องที่ประตูถูกเปิดกว้างบนชั้น 2 ..คงเป็นห้องนี้ ผมเดินผ่านประตูเข้าไป ห้องทั้งห้องเป็นสีขาวเปิดไฟสว่าง มีคนสองคนนั่งอยู่บนเตียง แน่นอนว่าเป็นเด็กคนนั้น ..แต่ดันมีเด็กคนนั้นถึงสองคน
.
..อาร์
ผมกำลังถือปืนจ่อไปที่หัวของโทนี่ ฉินที่ตอนนี้มีใบหน้าเหมือนกันกับผมราวกับแฝด

“ผมอยากให้คุณจ่อปืนกระบอกนี้มาที่ผม แล้วเรามาดูกันว่า คู่รักของคุณจะยังจำคุณได้รึเปล่า”
“ทำไมต้องทำแบบนี้”
“ก็เพราะมันสนุกยังไงล่ะ ตื่นเต้น คุณเองก็อยากรู้อยู่แล้วนิว่าเขาจำคุณได้รึเปล่า ถ้าจำไม่ได้ คุณก็แค่ยิงผมซะ แล้วหนีไป.. แต่ถ้าเขาจำคุณได้ เขาช่วยคุณ ผมก็แค่ตาย”
“นายทำแบบนี้แล้วจะได้อะไร”
“มันเป็นความรื่นรมย์ของผม ซึ่งคุณคงไม่เข้าใจ”

ผมเล่นเกมเพราะก็อยากรู้จริงๆ ว่าคิวจำผมได้ไหม และอีกอย่าง ชีวิตของโทนี่ ฉิน หนึ่งในแบล็คลิสของผู้ร้ายระดับโลกอยู่ในมือผม ไม่มีอะไรเสียหายที่จะเล่นไปตามเกมของมัน ..มีคนคนนึงกำลังเดินเข้ามาในห้อง ผมมองไล่จากปลายรองเท้าจนถึงใบหน้า เค้าโครงหน้าตาที่ใกล้เคียงคำว่าคุ้นเคย ดวงตารีใต้คิ้วเข้ม จมูกที่โด่งเป็นสัน ปากที่เรียวพอเหมาะกับรูปหน้าที่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก ..ใช่คิวแน่ ถึงแววตาของคิวคนนี้จะช่างเย็นชา ..เหมือนทุกครั้งที่คิวอยู่ในสภาวะใช้ความคิด และตื่นตัว ..ผมจำหน้าคิวได้แล้ว
“คิว..”
“คิว..”
“พวกแกเล่นอะไรกัน”
“แกมาช่วยฉันไม่ใช่รึไง รีบๆ มาช่วยสิ” โทนี่ ฉินที่หน้าตาเหมือนผมพูดขึ้น
“…”
“ฉันไม่ได้มีเวลามานั่งเล่นกับพวกแกทั้งวันนะ”
“..งั้นก็ไปซะ” ผมพูด ก็ถ้าในเมื่อมันจำผมไม่ได้ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะรั้งไว้ ..ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองปล่อยให้หยดน้ำใสๆ ไหลออกจากตา ตอนนี้ใจของผมมันอ่อนแอจนไม่อยากจะรับรู้ความจริงตรงหน้า ผมลดมือที่ถือปืนลง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่นเกมบ้าๆ นี้ต่อไป ผมเบือนหน้าหนีจากคิว มันทรมานเกินไป การได้เจอคนที่เรารัก แต่เขากลับไม่เห็นความสำคัญของเราอีกต่อไปแล้ว
“ดี อยากกลับไปนอนจะแย่” คิวหันหลังเพื่อเดินออกจากห้อง ผมเห็นภาพด้วยหางตา ผมหลับตาลงพร้อมกันกับที่น้ำตาเม็ดใหญ่หยดลงเปียกแก้ม “..แต่ฉันคงต้องพาตัวนายกลับไปด้วย” คิวเดินกลับมาและพุ่งตัวเข้าหาโทนี่ ฉิน คิวจับเข้าที่คอของโทนี่ พร้อมกับรั้งตัวให้ยกสูงขึ้นจากเตียงจนร่างของโทนี่พิงติดอยู่กับกำแพงเหนือเตียง ส่วนโทนี่เองก็ไม่ได้ยอมอยู่ใต้อาณัติของคิวนาน มันใช้เท้ายันเข้าที่อกของคิวจนร่างคิวกระเด็นไกลออกไป โทนี่ลุกขึ้นเดินเข้าหาคิวที่ยังทรงตัวได้ไม่ถนัดนัก มันปล่อยหมัดเข้าที่หน้าและท้องของคิว ซ้ำยังประสานมือทุบเข้าที่หลังท้ายทอยจนคิวทรุดตัวลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้ามัน
“ไม่ฉลาดเลยน้ามนุษย์โคลน กลับออกไปดีๆ ซะตั้งแต่เมื่อกี้ก็จบแล้ว” โทนี่พูดจบก็ใช้เข่ากระแทกเข้าใต้คางของคิว มันควานหาของบางอย่างในกระเป๋ากางเกง ..เข็มฉีดยา “คราวที่แล้วมึงทำให้กูสลบไปทั้งที่ยังไม่ทันได้มีความสุขกับคุณหมออาร์ คราวนี้กูคงปล่อยมึงไว้ไม่ได้”
กริ๊ก
“วางมันลงซะ ไม่งั้นแกได้ไปต่อคิวเฝ้ายมบาลแน่” ผมประชิดตัวโทนี่ ฉินพร้อมกับปืนที่จ่อที่หัวของมัน
“เกือบลืมไปว่าคุณหมอก็อยู่ในห้องนี้ด้วย” โทนี่ ฉินหันหน้ามามองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ มันคว้าเข้าที่กระบอกปืน ซ้ำยังกดเอารูกระสุนจ่อแนบที่หัวของมัน “ยิงได้เลยครับคุณหมออาร์ ถ้าเป็นคุณ ผมยอมตาย”
“ประโยคน้ำเน่า” ผมกดไกปืนทันที
………….
“เฮ้อ คุณหมอนี่ โดนหลอกซ้ำหลอกซากจริงๆ คุณคิดเหรอว่าคนอย่างผมจะยอมตายง่ายๆ” มันปัดเอากระบอกปืนออกจากหัวและคว้าข้อมือของผมให้ไพล่หลัง กดตัวผมให้โน้มตัวลงอยู่ใต้การควบคุมของมัน ผมพยายามกระทุ้งข้อศอกเข้าที่ท้องของมัน แต่ก็ไม่สำเร็จ มันล็อกตัวผมไว้ด้วยแขนล่ำและกระซิบที่ข้างหู “ผมเสียใจนะที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยแค่นี้ ..แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะรีบส่งคู่ขาของคุณตามไป ..เป็นของที่ระลึก”
“!!”
“ไว้เจอกันชาติหน้านะคุณหมอ..” โทนี่ง้างมือที่ถือเข็มฉีดยาขึ้นและแทงมันเข้าที่ลำคอของผม
.
..คิล
เล่นเอาซะจุกและมึน หมัดหนักอย่างกับเอากระสอบข้าวมาถ่วงไว้ที่มือ ไอ้บ้านี่มันไม่ธรรมดา ไม่เหมือนลููกน้องของมัน
“ไว้เจอกันชาติหน้านะคุณหมอ..” เสียงของไอ้บ้านั่นที่กำลังง้างมือที่ถือเข็มฉีดยาขึ้นและกำลังจะแทงลงที่คอของ.. เด็กนั่นของคีย์กับอิชะ ..ควบคุมตัวเองไม่ได้!! ปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกายมันเป็นไปเอง ..ข้อมือของไอ้บ้านั่นอยู่ในมือทันทีที่พุ่งตัวไปถึง ออกแรงบิดแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนจากที่จำความได้ รู้สึกเหมือนกระดูกของมันแทบจะแหลกคามือ ..เข็มฉีดยาตกลงบนพื้นทันที
“แก!!” ไอ้บ้านั่นแหกปากร้องเสียงดังสนั่น เกือบจะเอ่ยปากขอโทษ ..แต่ก็ไม่ แถมยังเอาเท้าแตะเข้าที่ข้อพับหลังเข่าของมันให้งอหักลงจนมันคุกเข่ากองกับพื้น ..เหยียบซ้ำ กดน้ำหนักลงจนกระดูกขามันส่งเสียงลั่น ..ตามด้วยกระแทกเข่าเข้าที่แผ่นหลังของมันจนมันล้มลงนอนเหยียด ..เข็มฉีดยาถูกถืออยู่ในมือ ลองชิมรสชาติดูเองก็แล้วกัน ..ยาที่อยู่ในกระบอกถูกฉีดจนหมดแห้ง ไอ้บ้านั่นดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“ยินดีด้วยนะคุณหมอ..” มันพูดก่อนจะแน่นิ่งไป เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นไวจนสมองประมวลภาพแทบไม่ทัน ..นี่ฉันเป็นอะไรไป!! จู่ๆ โลกที่อยู่ตรงหน้าก็เอียงไปมา เด็กคนนั้นยืนตรงหน้าด้วยสีหน้าที่ดูเป็นห่วง ..เป็นห่วงงั้นเหรอ?
“คิว.. มึงโอเคไหม” ไม่แค่พูดเปล่ายังยื่นมือมาจับที่แขน
“…” ..ออกแรงสะบัดนิดเดียวก็หลุด แรงจะยืนของตัวเองยังไม่มีด้วยซ้ำ ยังมาทำเป็นห่วงคนอื่น
“จำกูได้ใช่ไหม..” ไอ้เด็กนี่พูดจาอะไรฟังไม่รู้เรื่อง แถมยังโผตัวเข้ามากอดทั้งที่ไม่อยาก พอจะออกแรงผลักก็ดันปวดหัวจนต้องเอาสมาธิไปอยู่กับความเจ็บปวดมากกว่ามารยาทของไอ้เด็กนี่
“ปล่อย..”
“ไม่ กูไม่ปล่อย กูจะไม่ปล่อยมึงไปไหนอีกแล้ว” มันเอามือมาประคองหน้าให้มองไปที่มัน ..ใบหน้าขาวสะอาด คิ้วเข้ม ตากลมไม่เล็กไม่โต จมูกโด่ง และรูปปากที่.. อยากลองสัมผัสตั้งแต่เมื่อวานที่ตึกนั่น แรงดึงดูดยั่วยวนมากกว่าของอิชะหลายเท่า ไม่ใช่ กับอิชะก็แค่การทดสอบว่าสิ่งที่เผลอรู้สึกมันใช่สิ่งที่ต้องการจริงๆ รึเปล่า ..ก็แค่แบบสอบถามตัวเองเบื้องต้น ไอ้เด็กนี่พยายามรั้งเอาหน้าของเราให้ใกล้กัน ..อีกนิดเดียวริมฝีปากก็คงจะแตะกันแล้ว ..มันก็แค่อีกการทดลองกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันแค่สองครั้ง ขณะที่ร่างกายไม่คิดต่อต้านอ้อมกอดและรสสัมผัส แต่จู่ๆ สายตาก็สะดุดเข้ากับการเคลื่อนไหวของลูกน้องของไอ้บ้าที่เพิ่งบอกลาโลกไป พวกมันปรากฎตัวที่หน้าประตูห้อง ในมือมีปืนและกำลังเล็งมาที่เด็กนี่ ..รู้ตัวอีกทีก็เผลอหมุนเอาตัวเองเป็นเกราะกำบัง คงเพราะมั่นใจในประสิทธิภาพของเสื้อกันกระสุนที่ใส่อยู่ และในวินาทีนั้นเอง เสียงรัวกระสุนปืนก็ดังสนั่นในระยะหูดับ พอหันหน้าไปมองไอ้เด็กที่อยู่ในอ้อมแขน แววตามุ่งมั่นของมันกำลังมองไปที่เป้าหมายอย่างแน่วแน่ ..ในที่สุดเสียงปืนก็เงียบลง การปะทะคงจบแล้ว ไม่มีพวกของมันเหลือรอด.. ไอ้คนเด็กกว่าคลายอ้อมกอดที่รัดแนบแน่นเมื่อกี้ออก
“อ่ะ ปืนของมึง” ..รับปืนของตัวเองกลับมาด้วยความไม่เข้าใจ อาวุธที่มักพกไว้ที่กระเป๋าหลังของกางเกง.. ไอ้เด็กนี่มันรู้ได้ยังไง
“รู้ได้ไง..”
“ก็กูรู้จักมึงดี ..คิว”
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
015
- โนอาห์ -
.
.
..อาณาจักรโนอาห์
..ห้องทำงานคีย์
..คีย์

“คุณอิชะกลับมาแล้วครับ รวมถึงคิล แล้วก็มิสเตอร์อาร์”
“มิสเตอร์อาร์?”
“ครับคุณคีย์”
“ตอนนี้อยู่ไหน”
“ฉันอยู่นี่ ส่วนเด็กนั่นอยู่ห้องรับรอง” คิลพูดขัดขึ้นด้วยท่าทีสบายๆ
“ฉันไม่ได้บอกให้พากลับมาด้วย”
“เรื่องนั้นนายคงต้องไปถามอิชะเอาเอง”
“…” ผมมองตรงไปที่คิล อยากจะรู้ว่าความโหดร้ายที่คาดว่าคิลจะเป็น..เป็นไปอย่างที่ตั้งใจรึเปล่า แต่ถ้าลองหมออาร์กลับมาด้วยแบบนี้.. มีคนเดียวที่จะตอบได้ “..แล้วตอนนี้อิชะอยู่ไหน”
“นึกว่าจะไม่ถามถึงซะแล้ว”
“อิชะอยู่ไหน”
“เอ อยู่ในใจของนายมั้ง”
“…” ผมลุกขึ้นเพื่อจะเดินออกจากห้อง ..ไม่จำเป็นจะต้องรอคำตอบจากคนคนนี้สักนิด แต่ในจังหวะที่ผมกำลังจะเดินผ่านคิลที่ยืนนิ่งอยู่
“อิชะถูกยิง แล้วตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติ”
“…” ผมก้าวเท้าเดินต่อ แม้จังหวะการเดินยังคงเท่าเดิม แต่ใจของผมกลับรีบเร่งเพื่อไปให้ถึงห้องของอิชะโดยเร็ว
.
“ทำไมแค่คนๆ เดียว นายถึงดูแลไม่ได้”
“ฉันไม่ได้เกิดมาเพื่อดูแลใคร ..เผื่อนายจะลืม” คิลพูดจากวนประสาทเสร็จก็เดินออกจากห้องของอิชะ
“ใครเป็นคนทำแผลให้อิชะ” ผมถามเลขาที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เป็นมิสเตอร์อาร์ครับคุณคีย์ เขาจัดการให้เรียบร้อยตั้งแต่ก่อนกลับมาแล้วครับ”
“งั้นเหรอ”
“…”
“พวกนายออกไปก่อน”
“ครับ”

คนตัวหนากว่าเล็กน้อยเพราะกล้ามเนื้อร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงกำลังนอนหลับไม่ได้สติ ผมนั่งลงบนเตียงของอิชะ นั่งมองเพื่อนที่โตมาด้วยกัน ซ้ำยังพ่วงสถานะผู้ดูแลประจำตัว อิชะเป็นทั้งเพื่อนเป็นทั้งหมอ.. เพราะผมอ่อนแอมาตั้งแต่เกิด การมีผู้พิทักษ์อยู่ข้างกายจึงจำเป็นสำหรับทายาทเพียงคนเดียวของโนอาห์กรุ๊ป อิชะมีเชื้อชาติชาวเอเชียไม่ต่างจากผม คิ้วเข้มหนา จมูกโด่งเป็นสัน จำได้ว่าตอนเด็ก อิชะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการที่จะได้อยู่ข้างผม ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าทำได้ ฝึกการต่อสู้ตั้งแต่ยังเด็ก พอพ่อเห็นว่าหัวดี ก็จับให้เราสองคนนั่งเรียนด้วยกัน ..อยู่ด้วยกัน ..ตัวติดกัน อิชะเป็นลูกของหนึ่งในลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของพ่อ ตอนแรกๆ อิชะเองก็ต่อต้านผม ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องคอยปรนนิบัติคนรุ่นเดียวกัน ส่วนผมเองก็ทำตัวราวกับเป็นเจ้าชายที่ต้องมีคนคอยรายล้อมเอาอกเอาใจ ไม่รู้ว่าอิชะทนคนอย่างผมได้ยังไง
..อิชะกำลังถูกให้น้ำเกลือ หน้าอกถูกพันด้วยผ้าพันแผล อิชะไม่เคยต้องบาดเจ็บขนาดนี้ ผมเอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกที่กำลังยกตัวขึ้นลงเพราะจังหวะการหายใจ แต่จู่ๆ คนตรงหน้าก็ลืมตาตื่นขึ้น ผมชักมือกลับ และทำหน้าเรียบเฉย
“..คุณคีย์”
“ไม่ต้องลุก”
“…”
“ทำไมถึงเจ็บตัวกลับมา”
“ขอโทษครับ”
“ฉันไม่ชอบเห็นนายนอนป่วยแบบนี้ รีบหายซะ”
“ครับ”
ผมลุกขึ้นและเดินออกจากห้องของอิชะ โดยที่ไม่รู้เลยว่าพอคล้อยหลังผม คนป่วยที่ผมเพิ่งจากมาก็ยิ้มออกทั้งที่ปากซีดไร้สีเลือด
.
.

..ห้องรับรอง
..อาร์
“แผลค่อนข้างลึก แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนแผลเดิม พักสักสองสัปดาห์ก็คงจะหายสนิท”
“ขอบคุณครับ” ผมพูดขอบคุณชายวัยราวสี่สิบที่เข้าใจว่าเป็นคุณหมอของที่นี่
“..ไม่ตายด้วยแหะ” คิวพูดขึ้นขณะที่เดินสวนคุณหมอเข้ามาในห้อง
“ก็ถ้าอยากให้ตายแล้วช่วยกูไว้ทำไม”
“ก็แค่อยากเก็บไว้เล่นด้วย”
“เล่น? เล่นอะไร” ไอ้คิวพุ่งตัวมาหาผมที่นั่งอยู่บนเตียง มันกดมือมาที่หน้าอกซ้ายของผมตรงตำแหน่งของแผลและหัวใจ ผมเม้มปากแน่นเพราะความเจ็บ ส่วนไอ้ตัววายร้ายก็ยิ้มกวน มันมองผม ผมก็มองมัน วัดกันดูว่าเกมนี้ใครจะชนะ ..ในที่สุด ไอ้คิวก็เป็นคนแพ้ มันยอมเอามือออกจากอกผม แต่เปลี่ยนไปที่ตำแหน่งคอ มันออกแรงบีบเพียงเล็กน้อย เหมือนแค่ต้องการขู่
“บอกมาว่านายเป็นใคร”
“กูไม่บอก ถ้าอยากรู้ก็ไปหาความจริงเอาเอง”
“อยู่ในถิ่นของฉันแล้วยังจะกล้า..”
“จะอยู่ไหน กูก็กล้าทั้งนั้น”
“ปากดีนักนะ” ไอ้คิวโน้มตัวมากดสัมผัสที่ริมฝีปาก ผมไม่คิดจะยอมอยู่แล้ว พยายามดันตัวมันออกไป ปกติก็แทบสู้แรงมันไม่ได้อยู่แล้ว ยิ่งเจ็บอยู่แบบนี้ ยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ แต่จู่ๆ ร่างของไอ้คิวก็ถูกกระชากออกไป แถมยังถูกล็อกตัวให้ไปยืนหงุดหงิดติดผนังห้อง
“ขอโทษสำหรับความป่าเถื่อนเมื่อกี้” ..ออสบอร์ยืนอยู่ข้างเตียง ผมยังจำวันที่มันพาตัวคิวไปจากผมได้ดี
“มันก็ไม่ได้แย่เท่าความสุภาพที่คุณมอบให้”
“..เป็นยังไงบ้างครับ” ออสบอร์ยื่นมือจะมาแตะหน้าผาก ผมปัดมันออกอย่างเร็ว “รังเกียจผมรึไงครับ”
“ใช่”
“ตอบแบบไม่ต้องคิดเลยนะ ทั้งที่ชีวิตของคุณอยู่ในมือของผม”
“จะฆ่าก็ฆ่า” ผมโน้มตัวเข้าไปใกล้ออสบอร์ และกระซิบที่ข้างหูของมัน “..แต่คิวมันไม่ยืนดูเฉยๆ แน่” ผมยิ้มให้อย่างยียวนก่อนจะถอยตัวกลับ
“อืม คุณทำให้ผมลำบากใจระหว่างการฆ่าคุณ กับการเอาคิลเข้าห้องผ่าตัดอีกรอบ”
“!!!”
“ไงครับ ผมชนะสินะ”
“…” ไม่แปลกใจเลยที่คิวจะเป็นคนกวนประสาท ในเมื่อมันมีคนคนนี้เป็นตัวแบบ
“จะปล่อยฉันได้รึยัง” เสียงของคิวลอยมาจากด้านหนึ่งของห้อง “ฉันจะไปหาอิชะ”
“จะไปหาทำไม”
“..มันเป็นเรื่องส่วนตัว”
“นายต้องเตรียมตัวสำหรับวันพรุ่งนี้”
“ถ้าฉันปฏิเสธ..”
“ก็ดูว่าฉันจะทำอะไรได้บ้าง” ออสบอร์วาดปืนชี้มาที่หน้าผม ผมมองไปที่คิว ท่าทีทีเล่นทีจริงหายไป ดวงตากำลังแข็งตึง แม้แต่น้ำเสียงเองก็กดต่ำ บอกให้รู้ได้ว่าตอนนี้คิวกำลังรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“นายคิดว่าชีวิตของเด็กนี่มีผลกับฉันนักรึไง”
“ไม่รู้สิ ก็ถ้านายอยากลอง” บรรยากาศตึงเครียดก่อตัวขึ้นระหว่างคิวกับออสบอร์ ผมยังคงมองไปที่คิว อยากรู้เหมือนกันว่าคิวจะทำยังไง
“ปล่อยฉัน” คิวพูดพลางสลัดตัวออกจากการจับกุมของชายร่างใหญ่สองคน
“ตอบมาอีกทีซิคิล นายกำลังจะไปไหน”
คิวมองมาที่ผม แล้วก็มองต่อไปที่ออสบอร์ “จะไปไหนได้ ก็ไปเตรียมตัวเป็นสินค้าของพวกนายไง แต่อย่าคิดว่าเป็นเพราะไอ้เด็กนี่ ฉันแค่ไม่อยากให้อิชะลำบากใจ” แล้วคิวก็เดินออกจากห้องไป ..เหมือนว่ามันจะวางระเบิดที่ถอดสลักไว้ ผมรู้สึกโคตรไม่โอเคกับคำตอบของมัน แล้วพอหันไปมองออสบอร์ ..ดูท่าจะรู้สึกไม่ต่างจากผม
“เอาล่ะ คิดซะว่ามาเปลี่ยนบรรยากาศ..” ออสบอร์พูดกับผมขณะที่ลุกขึ้นจากเตียง
“พวกแกจะขายคิว?”
“ก็ทำนองนั้น พักผ่อนให้สบายนะครับ”
“…”
“ออ อย่าคิดที่จะหนี คุณจะได้ออกไป เมื่อผมอนุญาต” ออสบอร์พูดจบก็เดินจากไป

“ถ้าคุณต้องการอะไรก็กดกริ่งเรียกได้นะครับ ..คุณคีย์สั่งให้ดูแลคุณอย่างดี” คนของออสบอร์ที่ยังเหลืออยู่ในห้องพูดกับผม
“คีย์?”
“ครับ เป็นชื่อเล่นของคุณออสบอร์ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับ”
..เหมือนจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร “เดี๋ยวก่อนครับ ผมขอถามอะไรลุงหน่อยได้ไหมครับ”
“ได้สิครับ”
“อิชะเป็นใครเหรอครับ”
“คุณอิชะก็คือคนที่คุณช่วยทำแผลให้..”
“…”
“เขาเป็นคนสนิทของคุณคีย์ครับ”
“งั้นเหรอครับ งั้นผมขอถามอีกเรื่อง การเตรียมตัวของคิวที่ว่า ..มันคืออะไรเหรอครับ”
.
.

..สองชั่วโมงต่อมา
..พื้นที่จำลองสนามรบ

“พอได้รึยัง พวกนายเองก็เจ็บตัวกันครบทุกคนแล้ว”
“ยังไม่พอ”
“ทำไมพวกนายถึงดื้อขนาดนี้ ไม่เอาแล้ว พอ”
“เดี๋ยวก่อน ถ้าเวลายังไม่หมด นายก็ยังออกไปไหนไม่ได้ อีกอย่าง.. เวลาต่อสู้ อย่าเอาแต่หลบกับป้องกันตัว มันไม่ใช่วิถีของนักฆ่า”
“เอะอะก็ฆ่า พวกนายอยากเจ็บตัว อยากตายกันมากรึไง”
“มันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ นายเองก็เหมือนกัน”
“ไม่ ฉันมีสิทธิ์จะเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ เพราะฉะนั้น อย่ามาบังคับ”

..ชั้นสองของสนามรบจำลอง
..ห้องกระจกที่มองเห็นพื้นที่จำลองสนามรบได้รอบ
“เอายังไงดีครับคุณคีย์ ผมกลัวว่าวันพรุ่งนี้ เราจะควบคุมคิลไม่ได้”
“เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก”
“…”

.
.
.

..10.00 น.
..ห้องประชุมใหญ่โนอาห์กรุ๊ป
..คิล

“ขอต้อนรับท่านผู้เกียรติทุกท่านเข้าสู่โลกของโนอาห์ ผมยินดีมากที่ได้เจอทุกท่านในวันนี้ วันที่เราจะเปิดตัวเทคโนโลยีชีวภาพที่โนอาห์กรุ๊ปศึกษามาตลอดยี่สิบปี.. ผมขอเชิญทุกท่านพบกับ ..คิลนัมเบอร์ซีโร่ มนุษย์โคลนนิ่งตัวแรกของโลก” เสียงพิธีกรประกาศดังก้องไปทั่วห้อง ..ไม่ได้ยินเสียงปรบมือ หรือเสียงอะไรทั้งนั้น
“ออกไปได้แล้วคิล..” ไอ้คนข้างๆ มันกระซิบบอก
“…” ทั้งห้องเงียบสงัด เสียงเดียวที่ได้ยินตอนนี้คือเสียงของรองเท้าหนังสีดำสนิทที่ย่ำเหยียบไปบนพื้นเวทีไม้ของตัวเอง เบื้องล่างของเวทีมีคนจำนวนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในเงามืด เท่าที่รู้คือเป็นพวกรวยอันดับต้นๆ ของโลก มีอิทธิพลมากพอที่จะสั่นคลอนเศรษฐกิจโลกให้กระเพื่อมไหว สายตาราวสามสิบคู่กำลังจ้องมองมาเป็นตาเดียว ..รู้สึกโคตรไม่โอเค หยั่งกับเป็นตัวประหลาดที่กำลังถูกโจมตีด้วยธนูสายตา
“คิลนัมเบอร์ซีโร่ เป็นโคลนนิ่งมนุษย์ที่ถูกพัฒนายีนส์มาอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากการเป็นแหล่งให้อวัยวะทดแทนต่อตัวต้นแบบแล้ว คิลนัมเบอร์ซีโร่ยังเป็นอาวุธเดินได้ที่มีสมรรถนะภาพสูง สามารถประเมินสถานการณ์ที่เหมาะสมต่อการสู้รบได้เป็นอย่างดี มีสติปัญญาชาญฉลาด ทั้งร่างกายยังแข็งแรงและทนทานต่อความเจ็บปวด เพราะได้ผ่านการตัดแต่งเซลล์ประสาทจนอาจเรียกได้ว่า ..เป็นยอดมนุษย์”
มีมือหนึ่งในกลุ่มผู้ฟังยกขึ้นสูง ส่งเสียงผ่านไมค์ที่ติดอยู่กับหูฟัง “ถ้าเป็นอย่างที่ว่า เราจะควบคุมเขาได้ยังไง” เสียงกระซิบกระซาบดังอื้ออึงทั้งห้องทันที
“แล้วจะต่างอะไรกับหุ่นยนต์ AI ซึ่งตอนนี้ก็ก้าวล้ำไปไกลแล้ว เผลอๆ ต้นทุนอาจจะถูกกว่าด้วย”
“ผมขอตอบแทนนะครับ” เสียงของคีย์ดังขึ้น ความเงียบสงบกลับคืนมา มันเดินออกมาจากด้านหนึ่งของเวทีด้วยท่าทีสงบสุขุม “ผม..ออสบอร์ ทายาทของโนอาห์กรุ๊ป ผมเป็นต้นแบบของคิลนัมเบอร์ซีโร่ที่ทุกท่านเห็นอยู่ในตอนนี้”
“…”
“สำหรับคำถามแรก เราจะควบคุมเขาได้ยังไง.. เราสามารถควบคุมเขาผ่านชิปที่จะถูกฝังไว้ที่ก้านสมอง ถ้าเขาต่อต้าน หรือไม่ทำตามคำสั่ง เราก็สามารถหยุดการเคลื่อนไหวเขาได้..อย่างฉับพลัน”
“…”
“ส่วนเรื่องที่ว่าต่างยังไงกับหุ่นยนต์ ผมขอตอบแยกประเด็นนะครับ หนึ่งคือ ในแง่ทางการแพทย์ มนุษย์โคลนสามารถให้อวัยวะทดแทนแก่ร่างต้นได้อย่างเข้ากัน ซึ่งเป็นผลดีต่อการรักษา ข้อนี้ทุกท่านคงเข้าใจดี ส่วนอีกประเด็นคือ หุ่นยนต์แยกแยะการปฏิบัติการได้ด้วยการจดจำ การแยกแยะผ่านระบบสถิติ และฐานข้อมูลเดิม หรือถ้าพูดง่ายๆ ก็คือ หุ่นยนต์จะรู้จักแค่ 0 กับ 1 ใช่หรือไม่ใช่เท่านั้น  ต่างจากมนุษย์โคลน ที่มีความเป็นมนุษย์ เขาจะสามารถประเมินสถานการณ์ได้ละเอียดอ่อน ถูกต้องเหมาะสมกว่าเอไอ”
“..แล้วเรื่องต้นทุน”
“จากการพัฒนาของเรา คิลนัมเบอร์ซีโร่สามารถปฏิบัติงานเพียงคนเดียวต่อจำนวนนักรบที่มีอาวุธครบมือเกินห้าสิบคนได้ในสิบนาที สามารถคุ้มครอง เอาตัวรอด รวมถึงฆ่า..ได้ในทุกรูปแบบการรบ ตามภาพที่ทุกท่านกำลังจะได้เห็น แล้วเราค่อยมาคุยกันว่าคุ้มค่ารึไม่..ต่อการลงทุน”
จอโปรเจคเตอร์ค่อยๆ ปรากฎภาพ มันเป็นภาพจากกล้องวงจรปิดมุมต่างๆ ..ที่ไหนไม่รู้ แต่ที่รู้แน่ๆ นั่นมันตัวเอง ที่กำลังลุยอัดฝูงคนที่ดาหน้ากันเข้ามา ..เก่งฉิบ ไหนจะขี่บิ๊กไบค์เหาะข้ามรถ ..โคตรทึ่ง แต่ไปทำเรื่องพวกนี้ตอนไหน แล้วไอ้คนที่ซ้อนท้ายอยู่ มันเป็นใคร ..คิดแล้วก็ปวดหัว ..ช่างมันอย่าไปคิด
ไฟในห้องกลับมาสว่างอีกรอบหลังจากวีดิโอฉายเสร็จสิ้น และทันทีที่ดวงตากลับมาคุ้นเคยกับแสง ไอ้เด็กนั่นก็ยืนอยู่ที่กำแพงหลังห้อง มันยืนอยู่กับไอ้บ้านั่น!..ไอ้บ้าที่โดนเข็มฉีดยาของตัวเอง มันยังไม่ตาย และตอนนี้มือนึงของมันกุมอยู่ที่ลำคอของไอ้เด็กนั่น ส่วนอีกมือก็ถือปืนไว้ มันค่อยๆ ยกปืนขึ้น เดาได้ไม่ยากว่ามันกำลังจะทำอะไร มันส่งคำท้ารบผ่านสายตาในระยะยี่สิบเมตร ..ไอ้บ้าเอ๊ย!! ขาสองข้างออกตัววิ่งและกระโดดลงจากเวทีแบบไม่ต้องรอเสียงสัญญาณปล่อยตัว ตลอดทางที่จะไปถึงไอ้บ้ากับเด็กนั่น มีแต่คนมาขวางทาง ไม่ทันมองด้วยซ้ำว่าแขกผู้มีเกียรติทั้งหลายถูกมูฟเก้าอี้ให้ไปอยู่ด้านข้างของห้องด้วยกลไกสุดไฮเทคเรียบร้อย ตอนนี้ห้องนี้คงกลายเป็นสนามรบขนาดย่อมๆ ..นักสู้คนแล้วคนเล่าที่พากันรุมเข้ามาไม่ได้ทำให้รู้สึกอะไรสักนิด แต่ที่กำลังคิดอยู่ในหัวต่างหากที่กำลังทำให้ปั่นป่วน สองครั้งที่แล้วมันอาจแค่ความบังเอิญ อาจจะเป็นแค่ความอยากต่อสู้ แต่ครั้งนี้มันชัดเจนว่าห่วงแล้วก็.. ยังอธิบายไม่ได้ว่าไอ้ความรู้สึกนี้มันคืออะไร อยากได้คำใบ้มากกว่านี้ ..ในขณะที่อีกสามก้าวจะถึงตัวเด็กนั่น จู่ๆ ขามันก็หยุดเดินเอาดื้อๆ แถมตัวทั้งตัวยังทรุดลงกองกับพื้นหมดเรี่ยวแรง.. หรือจะเป็นอย่างที่คีย์พูดเมื่อกี้ ในหัวถูกฝังชิปควบคุมการเคลื่อนไหวไว้ โธ่เว้ย!!
.
..อาร์
ไอ้โทนี่ ฉินมันยังไม่ตาย!! ..เกือบจะเข้าใจแบบนั้น ถ้าไม่ใช่ว่าไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ถอดเอาหน้ากากที่สวมอยู่ออก อดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ ต่อให้ไม่รู้ว่าคนคนนี้คือใคร แต่ก็ยังดีกว่าที่จะเป็นโทนี่ ฉิน เพราะมันคือฝันร้ายที่ผมจะไม่มีวันลืมลง
“สวัสดีครับคุณเอลฟ์ ..ผมอิชะ ขอโทษด้วยที่แนะนำตัวเองช้าไป” มันเป็นคำทักทายที่ชวนน่าตกใจ ..อิชะ เกือบลืมชื่อนี้ไปซะสนิท ..แฮกเกอร์ที่บอกว่าตัวเองอยู่กองกำลังพิเศษเหมือนกันกับผม
“คุณคืออิชะ?”
“ใช่ ผมดีใจนะที่คุณยังจำผมได้”
“..คุณเก่งมาก ผมไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกจับตามองมาตลอด” ..น่าเจ็บใจ
“มันก็แค่เพราะคุณยังเด็กคุณเอลฟ์ ..แค่นั้น”
“แล้วพวกแกจะเอายังไงกับคิว”
”มันก็ต้องขึ้นอยู่กับคุณ ว่าจะให้ความร่วมมือกับผมมากแค่ไหน”
“…”

“จากการสาธิตนี้ ทุกท่านคงเห็นถึงศักยภาพของคิลนัมเบอร์ซีโร่แล้ว” เสียงของคีย์ยังคงดังต่อเนื่อง ขณะที่คิวยังนั่งชันเข่าขยับตัวเองไม่ได้อยู่ที่พื้น แต่ที่แปลกไปคือภาพของผู้เข้าฟังทุกคนที่ดูไม่มีสติ
“..มันเกิดอะไรขึ้น” ผมถามอิชะที่ยังคงคุมตัวผมไว้
“จริงๆ งานเปิดตัวคิลมันเป็นแค่งานบังหน้า เป้าหมายของท่านประธานไม่ใช่การขายคิล”
“..เพราะเขาไม่ได้คิดจะขายคิวตั้งแต่แรก แค่เอาคิวมาเป็นข้ออ้างให้คนระดับนี้มารวมตัวกัน”
“ถูกต้อง สมกับที่เป็นเอลฟ์”
“..แต่ถ้าเดาไม่ผิด คิวเองก็เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติการในวันนี้”
“ใช่ การเกลี่ยกล่อม หรือการชักจูงคนให้มีความคิดเห็นตรงกันด้วยตรรกะและเหตุผลที่น่าเชื่อถือ จะทำให้สมองจดจำและศรัทธาในความคิดที่ถูกป้อนเข้าไปได้ง่ายกว่า” ผมมองไปที่กลุ่มคนของโนอาห์ พวกมันเรียงแถวไปยังผู้นั่งฟังแบบคนต่อคน ในมือมีแฟ้มเอกสาร หลายคนยินยอมเซ็นแต่โดยดี ในขณะที่อีกหลายคนที่ขัดขืน ก็จะถูกให้ดมยาบางอย่างที่จมูก ..ไม่ต้องสงสัย ..สารหลอนที่ออกฤทธิ์กล่อมประสาท
“โนอาห์ทำทั้งหมดนี้เพื่ออะไรกันแน่”
“…”
.
..ห้องประชุมเล็ก
..มิสเตอร์ออสบอร์ (ประธานของโนอาห์)

“..เป้าหมายของผมก็คือการช่วยโลกให้รอด”
“…”
“อย่างที่เห็น สภาพแวดล้อมเสื่อมโทรม ภาวะโลกร้อนกำลังทำลายล้างโลก ต้นเหตุก็เพราะจำนวนประชากรที่มากเกินไป ซ้ำคนค่อนโลกยังเป็นภาระต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติที่คู่ควร รวมถึงการสืบทอดต่ออายุอารยธรรมวัฒนธรรมที่ดีงาม”
“…”
“จิตใจศีลธรรมถดถอย เศรษฐกิจตกต่ำ ทรัพยากรใกล้หมด โลกกำลังจะล่มสลายทั้งที่เคยเป็นดวงดาวที่เคยสวยงาม”
“แล้วโนอาห์จะทำยังไงบ้าง”
“ผมคิดว่าถึงเวลาที่เราต้องจัดระเบียบ เริ่มต้นจากระบบการค้าโลก จะต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน แล้วให้คนที่มีความสามารถคอยดูแล ส่วนเรื่องปริมาณประชากร.. ก่อนอื่นเราต้องรีเซ็ตตัวเลขของผู้ป่วยในโรงพยาบาลทุกแห่งให้กลายเป็นศูนย์ พวกเขาหมดหน้าที่ต่อโลก.. อยู่ต่อไปก็มีแต่จะฉุดรั้งคนรอบข้าง ทั้งยังสิ้นเปลืองงบประมาณ เวลา และทรัพยากรของคนที่จะพัฒนาโลกต่อไป แน่นอนว่าประชากรในเรือนจำก็ด้วย พวกไร้ประโยชน์”
“เป็นไอเดียที่น่าสนใจ แต่มันคงผิดศีลธรรม ..อาจเกิดการต่อต้าน”
“ผมมีเครื่องมือที่จะทำให้ทุกเรื่องมันเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งทุกท่านก็ได้เห็นแล้ว..ว่ามันไม่ยาก คราวนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกท่าน..ผู้นำของประเทศ และผู้มีสิทธิ์ชี้เป็นชี้ตายให้กับพลเมือง ..ว่าจะตัดสินใจอยู่บนเรือโนอาห์กับผมรึเปล่า”
.
..อาร์
ทุกคำพูดที่ได้ยินผ่านหูฟังขนาดเล็กที่อิชะใส่ให้ชัดทุกประโยคเคลียร์ทุกใจความสำคัญ ผมมองหน้าอิชะ ..นี่มันฝันร้ายของโลกชัดๆ ไม่ใช่ว่าข้อเท็จจริงที่ได้ยินมันผิด แต่วิธีการหรือความคิดที่จะทำเรื่องพวกนี้มันบ้าระยำเกินกว่าที่จะยอมรับได้ และใครจะตัดสินได้ว่านี่ไม่ใช่แค่ความเห็นแก่ตัว หรือความกระหายในอำนาจของโนอาห์เท่านั้น
“คุณเป็นพวกเดียวกัน ..แล้วทำไม”
“เพราะคุณคีย์กำลังจะตาย”
“!!”
“..มันเลยถึงเวลาที่ผมต้องแยกแยะระหว่างหน้าที่กับสิ่งที่สมควรทำ”
“…”
“ในเมื่อท่านประธานไม่เลือกคุณคีย์ ผมเองก็ไม่คิดที่จะเลือกโนอาห์”
“ทำไมถึงบอกว่าคีย์กำลังจะตาย”
“..เขาควรได้รับการผ่าตัดและปลูกถ่ายอวัยวะตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน แต่คิลก็ถูกพาตัวออกไป ท่านประธานสั่งตามหาคิลทั่วทั้งโลกเพื่อยืดอายุลูกชายเพียงคนเดียว คุณคีย์อยู่ต่อมาได้ก็ด้วยกำลังใจจากพ่อ และการดูแลร่างกายอย่างดี แต่พอคิลกลับมาจริงๆ ท่านประธานกลับลืมคุณคีย์ เพราะคิลมีค่าเกินกว่าจะต้องสูญเสียไป..แค่เพื่อลูกชาย”
“คุณก็เลยจะหันหลังให้โนอาห์”
“ใช่”
“…”
.
..เวทีไกลออกไป
..คีย์
การเซ็นสัญญาอันไม่สมเหตุสมผลเสร็จเรียบร้อย เมื่อทุกอย่างต้องเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อให้มีผลทางกฎหมาย ขั้นตอนในวันนี้จึงจะผิดพลาดไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงการกระจายฐานอำนาจครอบคลุมพื้นที่ค่อนโลกของโนอาห์กรุ๊ป ..ผมมองไกลออกไปที่ท้ายห้อง คิลยังคงตกอยู่ใต้การควบคุมของผม และที่ผนังนั่น.. อิชะกำลังยืนใกล้ชิด.. ผมหรี่ตามองเพื่อปรับระยะและโฟกัสของเลนส์ตาอัจฉริยะที่ใส่อยู่ ..อิชะกำลังพูดกับเด็กคนนั้นด้วยท่าทางเคร่งเครียด ผมพยายามอ่านปาก.. แต่มันยากเกินไป ผมเลิกพยายาม อิชะกับผมไม่เคยมีความลับต่อกัน ..แค่ถ้าผมถามออกไป ยังไงก็ได้คำตอบ
“จัดการที่เหลือต่อด้วย”
“ครับคุณคีย์”
ผมลงจากเวทีและเดินตรงไปหาอิชะ อดเหลือบมองคิลไม่ได้เมื่อเดินผ่าน มันด่าผมทั้งที่ปากขยับไม่ได้ ..ผมไม่สนใจ และเดินผ่านเลยไปที่อิชะ
“ตามฉันมา..” ผมพูดกับอิชะ และเดินต่อเพื่อกลับไปที่ห้องพัก แต่ก็ต้องชะงักเท้า..
“ผมขอไปส่งมิสเตอร์ออาร์ที่ห้องก่อนนะครับ”
ผมพูดต่อโดยที่ไม่หันหลังไปมองอิชะ “..ฉันไม่ชอบรอ”
.
..อาร์
“..ฉันไม่ชอบรอ” คีย์พูดแบบนั้นแล้วก็เดินออกจากห้องไป ..ขี้เก๊กชะมัด ผมมองไปที่อิชะ ดูท่าคำพูดของคีย์จะมีผลกับอิชะไม่น้อย
“ฝากคุณเลขาไปส่งคุณอาร์กลับห้องด้วยนะครับ”
“ครับคุณอิชะ แล้วคิล..”
”ผมจะบอกคุณคีย์ให้ แต่ตอนนี้ปล่อยคิลไว้แบบนี้ก่อน”
“ครับ”
“แล้วเจอกันครับคุณเอลฟ์”
“…” ผมพยักหน้ารับคำ ผมเสมองไปที่คิวที่พยายามทำหน้าบอกบุญไม่รับ ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้มันคิดอะไรอยู่ มีคำตอบรึยังว่าทำไมตัวเองต้องพุ่งมาช่วยผมทุกครั้ง ..อยากได้คิวคนเดิมคืนมา แต่แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่ ..จิตใต้สำนึกที่ยังเป็นของกู ..ผมยิ้ม
.
..คิล
ไอ้เด็กบ้านั่นมันมองมา แถมยังยิ้มประหลาดให้ ..รู้สึกแปลกๆ ดีใจ อยากยิ้มตอบ หัวใจพองโต ..มีความสุข เห้ย!! ทำไมถึงคิดแบบนี้ไปได้ ไอ้เด็กนั่นมันก็แค่คนเอาแต่ใจ หน้าตาก็..น่ามอง แต่มันก็แค่นั้น มันต้องแค่นั้น..
.
..ห้องทำงานของคีย์
..อิชะ
“นายวางแผนจะทำอะไรอิชะ” คีย์ยืนหันหลังให้ผม ขณะที่ผมยืนมองอยู่ห่างในระยะสามก้าว
“ผมกำลังทำทุกอย่างเพื่อคุณคีย์ครับ”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่ต้องการ..”
“ขอโทษครับ ผมตัดสินใจไปแล้ว”
คีย์ส่งเสียงในลำคอเบาๆ “นายตัดสินใจ.. โดยที่ไม่ถามฉันสักคำ รู้ได้ยังไงว่าฉันจะเห็นด้วยกับความคิดของนาย”
“ผมไม่รู้หรอกครับว่าคุณคีย์จะเห็นด้วยไหม ผมแค่ใช้ความรู้สึกของตัวเองตัดสินใจที่จะทำ”
“ปล่อยให้ความรู้สึกอยู่เหนือเหตุผลหน้าที่ ไม่สมเป็นนาย ..คนที่ซื่อสัตย์ต่อโนอาห์มาตลอด”
“ผมไม่เคยซื่อสัตย์ต่อโนอาห์ ผมภักดีแค่กับคุณคีย์เท่านั้นครับ”
“กล้าหาญมากอิชะ ฉันชอบนายก็ตรงนี้ กล้าคิด กล้าพูด”
“...”
“..แต่ฉันไม่เห็นด้วยกับความคิดของนาย ยิ่งฉันจะต้องตาย ฉันก็ยิ่งอยากเห็นความสำเร็จของโนอาห์มากขึ้นเท่านั้น”
ผมเดินไปยืนชิดกับแผ่นหลังกว้างของคีย์ วางหน้าผากของตัวเองซบลงอย่างแผ่วเบา “ผมจะไม่ยอมให้คุณคีย์จากไปไหน”
“อิชะ ฉันรู้ตัวของฉันดี มันคงอีกไม่นาน”
“ไม่ครับ ผมมั่นใจว่าจะไม่มีวันนั้น คุณคีย์ช่วยอย่าเพิ่งถอดใจ..” คีย์หันตัวมามองผม เอามือช้อนหน้าผมให้สูงขึ้นเพื่อสบตา ..สายตาอ่อนโยนที่มีให้ผมเพียงคนเดียวในเวลาที่เราอยู่กันตามลำพัง คีย์ตบไหล่ของผมเบาๆ และยิ้มให้
“เราฝืนความจริงไม่ได้หรอก อะไรจะเกิด เราก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปแบบนั้น สุดท้ายแล้ว เราก็ควบคุมอะไรไม่ได้”
“ไม่ คุณคีย์เชื่อผมนะครับ เราจ..” เสียงของผมขาดหายเพราะริมฝีปากของตัวเองถูกดึงดูดเข้าหา คีย์ปล่อยให้ผมล่องลอยอยู่ในภวังค์อันหอมหวน เราไม่ได้สัมผัสกันบ่อยนักเพราะสถานะ และหน้าที่ การเป็นทายาทของโนอาห์กรุ๊ป ทำให้คีย์กับผมไม่ได้มีเวลาส่วนตัวมากนัก หรือถึงมี ..เราก็ต้องรักษาระยะห่างด้วยเหตุผลอันมากมาย
“ฉันไม่อยากให้นายคาดหวัง” คีย์พูดเสียงเบา ขณะที่ผมซบหน้าลงบนอกแกร่ง “..ถ้าผิดหวัง นายจะเจ็บมาก”
“..ผมจะผิดหวังมากกว่า ถ้ายังไม่ได้แม้แต่จะพยายาม”
“นายมันดื้อ”
“..ครับ” ผมรั้งคอของคีย์ให้โน้มลงมาหาผมอีกครั้ง
.

..ห้องรับรอง
..อาร์

ยังนึกไม่ออกว่าตัวเองจะทำอะไรได้กับองค์กรและแผนการร้ายระดับสะเทือนโลก แต่ดูท่าอิชะคงคิดแผนการไว้บ้างแล้ว ..ความสัมพันธ์ของคีย์กับอิชะคงมีมากกว่าแค่ความเป็นเจ้านายลูกน้อง ..คีย์กำลังจะตาย ความจริงที่โคตรโหดร้าย จะมีอะไรแย่ไปกว่าการเฝ้ามองคนที่รักมาตายจากไป ..ว่าแต่คิว พวกมันคงไม่ทำอะไรมากไปกว่านี้ เพราะเป็นตัวต้นแบบของกองทัพโคลน แล้วก็เป็นอาวุธเดินได้ที่พวกมันจะใช้งาน
“..คิดถึงฉันอยู่รึเปล่า” ยังคิดไม่ทันจบ ไอ้คนที่กำลังนึกถึงก็เดินเข้ามาในห้อง
“...”
“ทำไมไม่ตอบ ฉันถามว่าคิดถึงฉันอยู่รึเปล่า”
“ทำไมกูต้องตอบ”
“ก็เพราะว่าฉันถาม”
“...” ผมมองหน้าคิว อยากบอกว่าคิดถึงความกวนตีนของมันมาตลอด อยากจะยิ้มให้ แต่จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อคนตรงหน้าจำผมไม่ได้ ถ้ายิ้มออกไปมันคงได้หาว่าผมบ้า เสียเชิงแย่
“..คิดถึงฉันอยู่ล่ะสิ”
“เข้าข้างตัวเองมากเกินไปรึเปล่า” ผมหันหลังให้มันและเดินไปที่หน้าต่าง ทะเลสาบเบื้องหน้าส่งแสงสีเขียวมรกตเข้ากระทบลูกตา ถ้านี่ไม่ใช่ดงศัตรู คงจะดีที่ผมกับคิวได้มีเวลาอยู่ร่วมกันในที่แบบนี้
“งั้นตอบมา ฉันกับนาย..เราเป็นอะไรกัน”
“...”
“ฉันขี้เกียจเสียเวลาหาคำตอบ ถ้านายสำคัญกับฉันมากขนาดนั้น ..คิดได้อย่างเดียว”
“...”
“..เราเป็นพี่น้องกัน”
“ไม่ใช่!” ผมหันหน้าไปมองมันทันที เกือบจะหลุดขำ พยายามกลั้นไว้แต่ก็ปั้นหน้าต่อไม่ไหวจริงๆ “คิดได้ไง หน้าของเราสองคนเหมือนกันเหรอ”
“ก็เพราะไม่เหมือน แต่ฉันคิดไม่ออกว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน ทำไมฉันต้องห่วงนาย.. แล้วไหนจะจูบนั่นอีก” มันพูดหน้าตาเฉย ส่วนผม..อยากจะขอพื้นที่ให้ตัวเองได้สงบสติอารมณ์ “ทำไมนายต้องหน้าแดง ..ห้องนี้ร้อนรึไง” คิวเดินมาจับหน้าผม “ตัวไม่ร้อน ห้องนี้ก็ไม่ร้อน ออกจะเย็นเกินไปด้วยซ้ำ แล้วทำไมหน้าถึงแดง” สงสัยตอนโดนผ่าสมอง ส่วนที่ต้องวิเคราะห์ตีความอารมณ์ความรู้สึกคงถูกผลกระทบ มันถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้
ผมเอามือของตัวเองวางทับลงบนมือของคิวที่ยังแนบอยู่บนแก้มของตัวเอง ผมมองตามัน.. “ไม่รู้ว่ามึงจะเชื่อไหม”
“...”
“..กูกับมึงเป็นแฟนกัน”
.
.
.

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 015 - โนอาห์
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-07-2019 22:40:02 »





ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
016
- แผนการ -
.
.
“ไม่รู้ว่ามึงจะเชื่อไหม”
“...”
“..กูกับมึงเป็นแฟนกัน”
“พูดบ้าอะไร มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“งั้นก็แล้วแต่มึงจะคิด” ผมเดินผละจากคิวทันที ..ไม่ใช่ความผิดของคิว ท่องไว้ไอ้อาร์
“..เป็นแฟน เมื่อไหร่ ยังไง ..ได้กันรึยัง”
ไอ้..! “..เราเป็นแฟนกันเมื่อครึ่งปีก่อน กูเป็นคนบอกชอบมึง แล้วก็..”
“…” ไอ้คิวทำตาโตรอคอยคำตอบ
“แล้วก็ได้กันแล้ว..” หน้าผมร้อนผ่าว ไม่คิดว่าเรื่องแบบนี้จะต้องมานั่งทวนความจำกันต่อหน้า
“งั้นเหรอ นึกไม่เห็นออก”
“...”
“ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้”
“นายถูกผ่าสมอง ความทรงจำทั้งหมดหายไป และที่กูมา ก็เพื่อมาพามึงกลับไป”
“..เรารักกันมากงั้นเหรอ”
“ข้อนี้มึงน่าจะตอบตัวเองได้นะ”
“...”
.
.

..อีกฟากหนึ่งของโลก
..นายพลพละ
การประชุมเป็นไปอย่างเคร่งเครียดภายในห้องประชุมของกองกำลังพิเศษ จอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่กำลังฉายภาพเจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงของนานาประเทศ การพูดจาถกเถียงหาข้อสรุปของแผนปฏิบัติการยังคงสับสนมาตลอดทั้งวัน แม้ข้อมูลที่ได้มาทั้งหมดจะถูกรวบรวมปะติดปะต่อจนรู้ถึงเป้าหมายของโนอาห์ แต่มันก็ไม่ง่ายที่จะต้องบุกลุยเข้าไปในพื้นที่ที่ไม่มีข้อมูลแม้แต่ในกูเกิลเอิร์ธ เพราะระบบการป้องกันทางเน็ทเวิร์กของโนอาห์กรุ๊ปมีความมั่นคงสูง
“เราควรรู้ว่าเราจะต้องเจอกับอะไรบ้าง”
“ตอนนี้เราไม่รู้พิกัดที่แน่นอนบนพื้นโลกของโนอาห์ด้วยซ้ำ ทั้งที่มันเคยถูกค้นหาได้ในฐานข้อมูลของอินเตอร์โพล”
“เราต้องการแผนการที่เป็นไปได้”
“สภาของเราไม่ยินยอมให้เราดำเนินการอะไร”
“แน่นอน เพราะพวกเขาเป็นพวกของมันไปเกือบค่อนโลก”
“เราทำอะไรไม่ได้ ถ้า..”
“พอก่อนทุกท่าน..” เสียงของหนึ่งในผู้บัญชาการระดับสูงพูดขึ้นขัดความวุ่นวายของการสนทนาที่ชวนปวดหัว “การอ้างถึงข้อจำกัดมากมายไม่ได้ทำให้เราเดินหน้าอะไรได้”
“...” / “...”
“เราควรพูดถึงสิ่งที่เรามี และวิธีที่มีความเป็นไปได้”
“ตอนนี้หน่วยลับของเราถูกจับตัวไป..”
“…”
“..หนึ่งในสองคนนั้น เป็นร่างโคลนของลูกชายออสบอร์”
“!!!” / “??” คำบอกกล่าวของนายพลกรเพื่อนของผมเรียกเสียงฮือฮาจากผู้คนในจอให้ดังขึ้น
“ร่างโคลน? หน่วยลับ? หมายความว่ายังไง ขอคำอธิบายเพิ่มเติมด้วย”
“มันจะเป็นไปได้ยังไง มนุษย์โคลนเป็นถึงหน่วยลับ?”
“ผมขออนุญาตตอบในฐานะที่เป็นคนผลักดันให้เขาได้เป็นหน่วยลับ” ผมส่งเสียงขึ้นบ้าง ซึ่งไอ้กรก็เห็นด้วยกับการที่ผมจะเป็นคนอธิบาย
“คิว เป็นทหารเกณฑ์ที่ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อเป็นหน่วยลับ โดยที่เราไม่รู้มาก่อนว่าเขาคือมนุษย์โคลน ศักยภาพในการต่อสู้..ดีเยี่ยม ทั้งร่างกายก็แข็งแกร่งเกินขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วไป ถึงเราจะไม่รู้ถึงเหตุผลว่าทำไมร่างโคลนของโนอาห์ถึงถูกนำออกมาโลกภายนอก แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ โนอาห์มีวิทยาการและกำลังคนที่แข็งแกร่งแน่นอน”
“จากข่าวกรองและการวิเคราะห์ของหลายหน่วย เราคิดว่าโนอาห์มีเป้าหมายที่ใหญ่มาก นั่นก็คือการควบคุมโลก โดยเฉพาะในแง่เศรษฐกิจ เพราะในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เกิดการควบรวมกิจการภายใต้การดูแลของโนอาห์”
“..ด้วยวิธีการอะไร”
“เราได้ข้อมูลจากหน่วยลับว่า พวกมันใช้สารหลอนบางอย่างที่มีปฏิกิริยาต่อสมองโดยตรง”
“ไม่ง่ายไปหน่อยรึไง”
”ดูเหมือนจะเป็นเรื่องไม่ยาก แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วและได้ผล ส่วนใครที่ต่อต้านก็ถูกกำจัดอย่างแนบเนียน ไร้หลักฐาน”
“ตอนนี้เราต้องหาร่องรอยของโนอาห์ให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก”
“ใครมีวิธีบ้าง”
“..ในหน่วยลับของเราจะมีการฝังชิปติดตามตัว และเราก็กำลังพยายามตามรอยอยู่”
“ต้องการความช่วยเหลือจากทางเราไหม” เข้าใจว่าเป็นฝ่ายพัฒนาเทคโนโลยีของสักประเทศ
“เราสะดวกที่จะดำเนินการเอง ขออภัยที่ต้องพูดตามตรง”
“แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาหวงข้อมูลของหน่วยลับ หรือข้อมูลทางความมั่นคง?”
“ผมไม่ได้หวง แต่ก็จริงอย่างที่ท่านพูด มันเป็นข้อมูลความมั่นคงของประเทศ”
“…”
“..คิดว่าจะได้ความคืบหน้าเมื่อไหร่”
“…”
.
.
..อาณาจักรโนอาห์
..ห้องทำงานมิสเตอร์ออสบอร์ (ประธานของโนอาห์กรุ๊ป)
..คีย์

เสียงของนาฬิกาลูกตุ้มอายุร่วมร้อยปีดังบอกเวลาตามหน้าที่ที่มันถูกสร้างมา ผมกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพ่อ ประธานของโนอาห์กรุ๊ป ผู้ที่จะก้าวขึ้นเป็นที่สุดของโลก ทั้งอำนาจ และความมั่งคั่ง
“เด็กคนนั้นคือหน่วยลับ?”
“ใช่ครับ” คงมีใครรายงานพ่อ
“ทำไมถึงปล่อยให้มีคนนอกเข้ามาได้”
“เขายังมีประโยชน์ต่อโนอาห์ครับ โดยเฉพาะกับคิล”
พ่อถอนหายใจบางๆ “พ่อเข้าใจว่าคีย์รู้ว่าต้องจัดการยังไง ถึงได้ปล่อยให้ดูแลเรื่องนี้”
“…”
“..แต่ดูเหมือนว่าคีย์จะยังไม่เข้าใจว่าอะไรต้องทำ อะไรห้ามทำ”
“…”
“เอาเป็นว่าพ่อไม่ชอบให้มีคนที่ไม่สมควร เข้ามาหายใจอยู่ในที่ของเรา” พ่อพูดทั้งที่ยังยืนหันหลังให้ผม
“ครับ” ผมตอบรับความต้องการของพ่อไป ทั้งที่ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะตัดสินใจทำตามที่พ่อสั่งรึไม่ ไม่ได้จะปรานีหรือใจดี แค่คิดว่าเด็กคนนั้นไม่น่าจะใช่สาระสำคัญที่จะต้องใส่ใจ

  ลูกชายคนเดียวที่คิดว่าจะให้สืบต่อเจตนารมณ์..ไม่ได้ดั่งใจ
“น่าผิดหวังแทนนะครับ ที่คุณคีย์ไม่เด็ดขาดเหมือนท่าน”
“…” ชายที่อยู่ในเงามืดปรากฎตัวขึ้นจากด้านหนึ่งของห้อง หลังจากที่คีย์ขอตัวไปทำตามคำสั่งที่ได้รับ
“ให้ผมลงมือแทนไหมครับ ..รับรองผลที่ได้แน่นอน”
“รออีกหน่อย ฉันอยากรู้ว่าพวกมันกำลังจะทำอะไร ทั้งคีย์ ทั้งอิชะ..”
“เฮ้อ จะว่าไปก็แปลกนะครับ อุดมการณ์ของท่านออกจะน่าประทับใจ แต่ทำไมพวกเด็กๆ กลับคิดต่อต้านซะได้”
“…”
“ไม่เหมือนผม ..ที่เห็นว่าคงมีท่านเพียงคนเดียวที่จะเปลี่ยนโลกได้ ..ท่านคือผู้ที่ถูกเลือกมาชัดๆ”
“ฉันชอบคนที่รู้จักปรับตัว แต่ไม่ได้ชื่นชมคนสอพลอ”
“อุ๊ปส์ อย่างนั้นเหรอครับ ผมจะพูดความจริงที่คิดอยู่ในหัวให้น้อยลง”
“…”
“..ว่าแต่นั่นลูกทั้งคน ท่านจะ..กำจัดได้?”
“..ฉันต้องการแค่คนที่มีประโยชน์ต่อโลกใบนี้เท่านั้น”
“ผมเลือกศรัทธาไม่ผิดคนจริงๆ”
“ขอบคุณ ..คุณฉิน”
.
..ห้องทำงานของคีย์
..อาร์
[ผมเลือกศรัทธาไม่ผิดคนจริงๆ]
[ขอบคุณ ..คุณฉิน]
คุณคีย์ฟังสิ่งที่ผมบันทึกได้จากห้องท่านประธาน มันไม่ได้ได้มาง่ายๆ เพราะระบบตรวจตราของที่นี่เข้มงวด ห้องทุกห้องถูกติดตั้งกล้องวงจรปิด ไม่เว้นแม้แต่ห้องของคุณคีย์ ส่วนห้องที่ดูจะมีความเป็นส่วนตัวที่สุด ก็คือห้องของท่านประธาน ..ไม่มีการติดตั้งกล้องใดๆ เพราะระบบการดูแลด้านนอกของห้องมีความปลอดภัยสูงขนาดที่แมลงสักตัวก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาจากกล้องหลายสิบตัวได้ แต่ก็ไม่ได้ยากเกินความสามารถของแฮกเกอร์อย่างผม
“คุณคีย์..” ผมคาดว่าคุณคีย์คงฟังใกล้ถึงตอนท้ายของบทสนทนาระหว่างท่านประธานกับชายอีกคน ซึ่งผมคิดว่าอาจจะเป็นโทนี่ ฉิน ..ก็ไม่ได้คิดว่าจะตายง่ายๆ แต่ที่เจ็บใจคือ การที่ตัวเองไม่เก็บงานให้เรียบร้อยก่อนออกมา จะโทษว่าเพราะตัวเองบาดเจ็บจนสลบไป ก็ดูจะเป็นข้ออ้างของคนขี้แพ้เปล่าๆ
“ฉันอยากอยู่คนเดียว..”
“ได้ครับ” ผมเดินถอยหลังเพื่อจะออกจากห้อง ตอนนี้คงต้องให้คีย์ได้อยู่กับตัวเอง แต่ก่อนที่ผมจะกลับตัวเดินออกจากห้อง คีย์ก็คว้าข้อมือผมไว้
“..อยู่เงียบๆ กับฉันสักพัก”
“…” ผมทรุดตัวลงนั่งข้างคีย์บนโซฟานุ่มหน้าโต๊ะทำงาน ก่อนที่คีย์จะล้มตัวลงเอาตักผมเป็นหมอน คีย์ชอบทำแบบนี้ประจำ เวลาที่ใช้ความคิด หรือมีเรื่องที่กังวล ผมจำได้ว่าตอนเด็ก คีย์มักจะทำแบบนี้กับแม่ของตัวเอง ต่างตรงที่ว่า ตอนนั้นคีย์จะมีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเสมอ และตอนนี้ ..แม่ของคีย์ไม่อยู่แล้ว
คีย์ไม่ได้หลับตา แต่มองเลยไกลออกไปที่หน้าต่าง ท้องฟ้าสีหม่นกำลังวาดระบายอยู่ด้านนอกนั่น อุณหภูมิหนาวเหน็บในหน้าหนาวกำลังทวีความหม่นหมองในใจ ..ฤดูกาลที่ชวนให้สมองอยากหยุดทุกกิจกรรมที่ต้องคิด และชวนให้ใจหดหู่หากไม่มีใครอยู่เคียงข้าง.. ผมเอามือลูบผมนิ่มของคีย์อย่างแผ่วเบา ไม่อยากกวนการใช้ความคิด และขัดจังหวะการเหม่อลอย แต่คีย์ก็ค่อยๆ ถอยระยะสายตา กลับมามองผม ผมสบดวงตาที่มองมา บอกทุกอย่างที่รู้สึกอย่างไม่คิดปิดบัง ..เป็นห่วง ผมบอกคีย์แบบนั้น ..คีย์ยิ้มให้ผม ยกฝ่ามืออันอบอุ่นมาสัมผัสใบหน้าและหยุดแตะที่ริมฝีปากนุ่มของผม ดวงตาของคีย์กำลังหรี่เล็กลงอย่างมีนัย ..ผมเข้าใจในทันที เพราะผมก็รู้สึกเหมือนคีย์ เรากำลังโหยหาสัมผัสของกันและกัน ผมโน้มหน้าลงหาคีย์ ส่วนคีย์ก็ยกตัวขึ้นมาหาผม
…………….
เป็นผมที่อยู่ใต้การควบคุมของคีย์บนโซฟา ไม่รู้ว่าคนตัวบางกว่าไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ..เราไม่เคยทำอะไรกันมากกว่าแค่อ้อมกอดอันแนบแน่นและจูบที่ชวนฝันเพราะผมจะเป็นคนหยุดมันทุกครั้ง แต่ตอนนี้ต่อให้ผมหยุด คีย์ก็คงไม่ยอม อารมณ์ของคีย์กำลัง..
“ฉันให้เวลานายไปจัดการธุระที่นายคิดไว้ในสิบห้านาทีแล้วตามไปเจอฉันที่ห้อง” คีย์กระซิบผมเสียงสั่น “และฉันต้องการความเป็นส่วนตัวกับนาย..แค่สามชั่วโมง” คีย์ลุกขึ้นจากตัวผม พร้อมกับขยับเสื้อผ้าให้เข้าที่ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
“..จัดการตัวเองให้เรียบร้อยด้วย”
ผมหายใจหอบขณะกดหน้ารับคำ ..คีย์ตัดสินใจแล้ว ผมลุกจากโซฟาทันที คิดว่าตัวเองเข้าใจความหมายของคีย์ดี ผมแตะที่แผ่นบางที่ลำคออย่างไม่ให้ผิดสังเกตขณะเดินไปตามทางที่มีกล้องวงจรปิดติดอยู่ทั่ว
“เอลฟ์ ตอบด้วย”
[ทราบ]
“ตั้งใจฟังสิ่งที่ผมกำลังจะพูด”
[…]
.
..อาร์
..ไม่มีเวลาให้ตั้งข้อสงสัย หรือคิดตอบโต้ ผมตั้งใจฟังและปฏิบัติตามสิ่งที่อิชะบอกให้ทำ ..เพิ่งรู้ว่าในห้องของตัวเองมีกล้องถูกติดตั้งอยู่ และตอนนี้ผมกำลังจะถูกฆ่าโดยหนึ่งในลูกน้องผู้ภักดีของอิชะ ตัวของผมจะเปื้อนเลือดและถูกลำเลียงตัวออกไปยังห้องเก็บศพเพื่อรอการฝังหรือเผาเพื่อทำลายหลักฐาน แต่ระหว่างขั้นตอนเหล่านั้น กล้องวงจรปิดจะถูกสลับภาพอย่างแนบเนียนด้วยอุปกรณ์ในมือของอิชะ เพื่อให้ผมพาตัวเองออกมาจากห้องเก็บศพและกลับไปที่ห้องของตัวเองและเข้าไปอยู่ในตู้เก็บของขนาดสองคูณสามเมตรที่วางอยู่ในห้อง อุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับขั้นตอนต่อไปจะถูกวางรอพร้อมอยู่ด้านใน ..ฝ่าระบบรักษาความปลอดภัยของที่นี่ให้ได้ และแจ้งข่าวถึงคนที่ไว้ใจได้ ..ภายในเวลาสามชั่วโมง
.
..อิชะ
ไม่รู้ว่าจะเป็นไปตามที่คิดไหม ผมคิดแผนทั้งหมดนี้มาหลายครั้ง ความเป็นไปได้ โอกาสที่พอจะเป็นไปได้ ..หลังจากที่ผมกลับมาในโนอาห์ ก็เพิ่งรู้ตัวในวันหนึ่งว่าตัวเองถูกบล็อกการใช้งานดาวเทียมขององค์กร ไม่ว่าจะด้วยเจตนา หรือบังเอิญ แต่ผมก็รับรู้ได้ว่าเกิดความแคลงใจในตัวผม ท่านประธานคงคิดว่าการที่ผมกับคีย์ให้คิลไปช่วยเอลฟ์กลับมาคงเหมือนเป็นสัญญาณบอกถึงการคิดคดของเราทั้งคู่ ..ท่านคิดถูก ..ผมบอกขั้นตอนทั้งหมดกับเอลฟ์ เอลฟ์เป็นคนเดียวที่จะสามารถทำเรื่องนี้ได้ คงต้องฝากความหวังไว้ ส่วนผมตอนนี้.. แค่เดินกลับไปที่ห้องของคีย์ ทำตัวให้เหมือนปกติ แต่ชัดเจนในทุกการกระทำ

ห้องนอนของคีย์.. ผมเข้ามาบ่อย แต่เข้ามาในฐานะหมอผู้ดูแลการกินยา ฉีดยา และการรักษาตัวของคุณคีย์ ไม่เคยมีอะไรมากกว่านั้น ทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตาของท่านประธาน ..คงเพราะห่วงลูกชายคนเดียว ไม่ก็เพราะคอยจับผิดทุกคนที่เข้าใกล้คีย์
“นายมาช้าไปหนึ่งนาที”
“ขอโทษครับ”
คีย์เดินมาหาผม เสื้อเชิ้ตที่ใส่อยู่ยังคงเป็นตัวเดิมกับเมื่อสิบหกนาทีก่อน ..มันยับ ถ้าเป็นเวลาอื่น คีย์คงถอดมันออก เพราะไม่ชอบความไม่เป็นระเบียบแม้กระทั่งกับร่องรอยเพียงเล็กน้อยของเครื่องแต่งกายทั้งที่อยู่ในห้องเพียงคนเดียว ..คีย์เอามือมาแตะบ่าผม ลูบไล่ขึ้นจนมาหยุดอยู่ที่ลำคอ สายตาที่มองมาชวนให้หวั่นไหว ผมหลบตา ไม่คิดจะฝืนสู้สายตาดวงคมที่ส่งสัญญาณบางอย่าง
“..นายพร้อมใช่ไหม”
“..ผมไม่แน่ใจ”
คีย์ออกแรงกระตุ้นผมเล็กน้อยเพื่อให้ผมสบตา คีย์โน้มหน้าลงมาหา หัวใจผมเต้นแรง มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดกัน คีย์โอบร่างของผมให้แนบชิด กดสัมผัสที่ดูดด่ำ จนเผลอลั่นเสียงที่ไม่เคยคิดว่าจะมีออกมา ผมอดตกใจกับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านและแรงเร่งเร้าของคีย์ไม่ได้ เราไม่เคยคิดจะข้ามเส้นที่คิดว่ามีนี้สักครั้ง
“คุณคีย์ พอเถอะครับ” ผมพูดเสียงหอบเหนื่อยหลังผละออกจากการถูกบดจูบได้สำเร็จ หลังของผมถูกดันจนพิงชิดติดผนัง ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าปล่อยให้คีย์รุกต้อนจนจนมุมขนาดนี้
“..ทำไม”
มือของผมขยุ้มเสื้อของคีย์จนใกล้ขาด “..คุณคีย์จะเหนื่อย หัวใจจะทำงานหนักและรับไม่ไหว..”
คีย์หัวเราะเบาๆ “นายรู้เรื่องหัวใจของฉันดี” เสียงสั่นแหบๆ ของคีย์ทำผมใกล้บ้า มันมีผลกับผมเสมอ “..นายเป็นหมอ ย่อมรู้ดีว่าใจของฉันตอนนี้ต้องการอะไร”
“ผมรู้ดี ถึงได้บอกว่าคุณคีย์ควรหยุด” ผมพูดแบบนั้นทั้งที่ซบหัวของตัวเองอยู่กับอกแกร่งของคีย์ที่ตอนนี้หัวใจก็กำลังเต้นเร็วแรงไม่แพ้กัน
“นายกลัวฉันหัวใจวายตายคาอกนาย?”
“ใช่..”
“แต่นายไม่กลัวฉันหงุดหงิดตาย”
“..คีย์”
“ฉันชอบเวลานายเขิน ชอบเวลาที่นายเรียกฉันแบบนี้”
“…” ใช่ ผมกำลังเขิน ทั้งที่สมองอีกส่วนก็กำลังกังวลว่าเอลฟ์จะทำงานสำเร็จไหม หรือตอนนี้เอลฟ์อาจจะถูกกำจัดไปแล้วหากแผนทั้งหมดผิดพลาด ..ถ้าเป็นแบบนั้น ผมควรจะทำยังไงต่อ
“มองหน้าฉันอิชะ..”
“…”
“อย่ากังวล เราต่างไม่รู้อนาคต เรามาหยุดคิดถึงเรื่องรอบตัว และใช้เวลาของตัวเอง หลังจากสามชั่วโมงนี้ ..ฉันพร้อมเจอกับทุกอย่างพร้อมกันกับนาย”
“…”
“ฉันสัญญา ฉันจะไม่ยอมตายง่ายๆ” คีย์รั้งตัวผมมากอดไว้ มือหนึ่งของคีย์สอดล่วงเข้ามาใต้เสื้อของผม ..มันเย็นแต่ก็อุ่นอย่างประหลาด
“..แน่ใจนะ ว่าจะไม่เสียใจ”
“ฉันไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองคิดจะทำ ..แต่ขออะไรอย่างนึง”
“..อะไร” ผมถามคีย์
“ฉันขอความเป็นส่วนตัว ..แค่นี้คนที่เฝ้าจอก็รู้แล้วว่าเรากำลังจะทำอะไรต่อจากนี้”
“…” ผมหยิบมือถือที่อยู่ในกางเกงขึ้นกด โปรแกรมแฮกระบบถูกสั่งงานทันที ภาพของคีย์และผมกำลังจะหายไปจากจอมอมิเตอร์ของกล้องวงจรปิด ห้องทั้งห้องจะมีแต่ความว่างเปล่า ท่านประธานจะได้รับรายงานและรู้ทันทีว่าภาพที่เห็นในมอนิเตอร์ทั้งหมดเกิดความผิดปกติ ..มีคนแฮกเข้าระบบของโนอาห์ ท่านจะต้องสั่งให้ตรวจสอบเครือข่ายทั้งหมด รวมถึงการแก้ไขข้อผิดพลาดของดาวเทียมตัวส่งสัญญาณ และเมื่อเวลานั้นมาถึง มันจะเป็นเพียงโอกาสเดียวที่พิกัดของโนอาห์จะถูกส่งต่อออกไปยังโลกภายนอกได้ ..นอกจากจะต้องอาศัยฝีมือของเอลฟ์แล้ว ยังต้องกราบกรานให้โชคเข้าข้างด้วย เพราะระบบรักษาความปลอดภัยคงจะถูกปิดเพื่อค้นหาสิ่งแปลกปลอมเพียงไม่นาน ..ผมมองภาพของเอลฟ์ที่ถูกย้ายไปที่ห้องเก็บศพ ได้เวลาลงมือตามแผนต่อไป คำสั่งชุดสุดท้ายถูกสั่งให้รันการทำงานทันที
“..เรียบร้อยครับ ตอนนี้กล้องทุกตัวที่อยู่ในโนอาห์ถูกปิดการเข้าถึง ส่วนกล้องในห้องนี้ ผมส่งสัญญาณกวนให้เครื่องไม่สามารถทำงานต่อไปได้อีก เว้นแต่ว่าจะมีใครบุกเข้ามา..”
“พ่อคงไม่ใจร้าย หรือทนเห็นภาพของเราได้”
“…”
คีย์หยิบอุปกรณ์ออกจากมือของผม และจับเอาชายเสื้อของผมให้ยกสูงขึ้น ผมเข้าใจว่าคีย์ไม่คิดจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อของผมทีละเม็ดด้วยซ้ำ ผมจับมือของคีย์ให้หยุด “ผมไม่คิดว่าเราจำเป็นจะต้อง..”
“จำเป็น.. จำเป็นต่อจิตใจของฉันตอนนี้” คีย์ยกชายเสื้อของผมขึ้นด้วยท่าทีกึ่งบังคับ ผมจำใจถอดเสื้อออกด้วยเพราะไม่อยากขัดใจคีย์ และใจอีกครึ่งดวงก็บอกให้ทำตามอย่างเต็มใจ คีย์กดริมฝีปากลงบนยอดอกของผม ไม่รู้ว่าไปเรียนรู้มาจากไหน ..อาจเป็นสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์ ผมยกตัวรับสิ่งเร้าอย่างไม่คิดหลีกหนี ..ห้ามความต้องการของตัวเองไว้ไม่ไหวแล้วจริงๆ ดูเหมือนว่าคีย์จะไม่ถนัด เพราะความสูงเกือบร้อยแปดสิบ ทำให้การต้องก้มตัวเป็นเรื่องน่าหงุดหงิด คีย์เงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาคมปรือที่มองมาบอกถึงอารมณ์ที่อยากกระหาย ผมเสตามองไปทางอื่น เพราะทนมองตอบไม่ไหว มันน่าอาย.. ไม่ก็เพราะสายตาดุๆ ของคีย์มีอำนาจกับใจผมมากเกินไป ..คีย์ช้อนตัวผมขึ้น ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้รับการปฏิบัติแบบนี้จากคนที่ตัวเองเฝ้ามองมาตลอดชีวิต คีย์ยังคงมองผม ..ไม่ไหว พอได้อยู่ใกล้จริงๆ กลับตื่นเต้นและตื่นกลัว ผมซุกหน้าหนีลงบนซอกคอของคีย์ ..ไม่เคยได้เห็นและอยู่ใกล้ขนาดนี้มาก่อน เส้นเลือดที่เกร็งตึงขึ้นช่างชวนมอง ผมจดริมฝีปากของตัวเองลงบนคอของคีย์เบาๆ และไล่แตะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงใบหู เวลาเล่นของผมผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อคีย์พาผมมาถึงเตียง คีย์วางผมลงอย่างอ่อนโยน และนอนลงมองผมในระยะประชิด
“ไม่เคยเห็นมุมซนๆ ของนาย”
“ฉันไม่ได้ซน”
“ที่นายทำเมื่อกี้เขาเรียกว่าซน”
“..แล้วคุณคีย์”
“…” คีย์ทำหน้าดุใส่ผม เพราะอยากให้ผมแก้คำเรียกใหม่
“..แล้วนายชอบไหม” ผมถามเบาๆ แล้วจู่ๆ ก็เกิดรู้สึกกระดากอาย ผมควรพูดอะไรแบบนี้ใส่คีย์เหรอ ..คีย์จะชอบบทสนทนาแบบนี้รึเปล่า ..คีย์จะรับได้กับคำพูดที่ชวนขนลุกแบบนี้ในวัยที่ล่วงเลยไหม และยิ่งบทบาทหน้าที่ที่เป็นผู้ใหญ่มาดสุขุมมาตลอดของคีย์..ทำผมสับสนว่าควรจะวางตัวกับเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ยังไง “เอ่อ คิดซะว่าฉันไม่ได้ถาม..”
คีย์ยิ้ม “..ชอบ”
“…”
“ชอบมาก ชอบทุกอย่างที่นายทำ ชอบทุกอย่างที่เป็นนาย”
“…” ผมยิ้ม
“..เป็นของฉันนะ”
“..ผมเป็นของคุณคีย์มาตลอด ..ฉันเป็นของนายมาตลอด เป็นมาตั้งนานแล้ว”
“ฉันมีอะไรดีนักรึไง”
“ไม่มีสักอย่าง”
“?”
“ไม่มีอะไรที่ไม่ดีสักอย่าง”
“ต่อไปจะรับคนอย่างฉันได้เหรอ ถ้าฉันไม่เหลืออะไรสักอย่าง..”
“ดีซะอีก ฉันจะได้เอาคืน”
“นายคงรอเวลานี้มานาน”
“อืม ใช่”
“งั้นฉันขอใช้สิทธิ์ที่มีอยู่ตอนนี้..” คีย์บรรจงจูบผมนุ่มนวล ผมยกริมฝีปากขึ้นตอบรับและแลกรสชาติอันหวานละมุน หัวใจเต้นแรงและเร็วขึ้น ผมรีบผละจากรสจูบของคีย์เพื่อจะบอกความรู้สึกของตัวเองก่อนที่ตัวเองจะไม่คิดอยากพูดอะไรต่อจากนี้ และคีย์เองก็คงไม่มีสติพอที่จะฟังอะไรอีกต่อไป
“ไม่ เพราะนายจะมีสิทธิ์นี้ตลอดไป สิทธิ์ในชีวิตของฉัน..” ผมรั้งคอของคีย์ให้เข้ามาใกล้อีกครั้ง เราค่อยๆ ดูดดื่มกับรสสัมผัสอย่างไม่รีบร้อน นี่เป็นครั้งแรกของเราทั้งคู่ ผมอยากให้มันเป็นความทรงจำที่ดีที่เราจะจดจำมันไปตลอดกาล ..คีย์ถอดเสื้อของตัวเองออก ถึงร่างกายจะอ่อนแอแต่คีย์ก็ออกกำลังดูแลร่างกายของตัวเองเป็นอย่างดีเพื่อให้มีชีวิตที่แข็งแกร่งไม่อ่อนแอ ผมมองร่างนั้นด้วยความพอใจ กล้ามเนื้อท้องเป็นลอนชัด กล้ามอกที่อิ่มฟู แขนทั้งสองที่มีมัดกล้ามเนื้อแข็งแรง ..คงไม่เป็นไร ทันทีที่เผลอคิดอะไรเตลิดไป คีย์ก็โถมตัวลงมาที่ผม แรงผลักของความต้องการดึงดูดให้ร่างกายของเราทั้งคู่ถูกดูดดึงเข้าหากัน แม้จะพยายามอ้อยอิ่งและล่าช้า แต่แรงเร้าในใจกลับรีบเร่งและรุกเร้า กางเกงของผมและคีย์ถูกปลดทิ้งไกลออกจากตัว ความเปลือยเปล่าทำผมอุ่นอ่อนยิ่งกว่าอุณหภูมิภายในห้องที่เปิดฮีทเตอร์
“..คีย์” เสียงเรียกของผมสั่นเคลือ ลมหายใจหอบเหนื่อย มือทั้งสองข้างที่เปียกชุ่มกำลังกำผ้าปูเตียงแน่น
“…” คีย์ไม่ตอบผม และผมเองก็ไม่ได้ต้องการให้คีย์ตอบโต้อะไร ผมแค่อยากเรียกชื่อของเขา คนที่กำลังทำให้ผมทั้งเจ็บปวดและมีความสุขในเวลาเดียวกัน ..เสียงลมหายใจเหนื่อยหอบของคีย์ทำผมหวั่นใจ อยากจะบอกให้หยุด แต่คีย์คงไม่ยอมแน่ ผมรับรู้ได้ถึงความพึงพอใจที่คีย์กำลังมีในตัวผม ผมรู้มานานว่าทั้งผมทั้งคีย์ต่างก็มีความต้องการ.. แล้วในที่สุดวันนี้ก็มาถึง วันที่เหมาะสมที่สุด แต่ก็เป็นเวลาที่ไม่สมควรที่สุด ..ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า โนอาห์อาจจะสูญสิ้น หรือไม่ก็เป็นผมที่ตายจากไปในฐานะคนทรยศ ..คีย์ทิ้งตัวลงบนแผ่นหลังของผม เรากำลังหอบเหนื่อย จังหวะหายใจเอาอากาศแทบจะเป็นจังหวะเดียวกัน ความสุขเอ่อล้นออกมาจากตัวผม ไม่เคยคิดว่ามันจะเจ็บขนาดนี้ ..ครั้งแรกของผม
“ขอโทษที่ทำนายเจ็บ” คีย์กระซิบที่ข้างหูของผม
“อืม..” แม้จะเป็นเสียงตอบรับสั้นๆ แต่มันกลับฟังดูเหมือนว่าผมกำลังครางอย่างมีอารมณ์ ..คงเพราะมันเพิ่งจบไป หรือไม่ก็เพราะ.. คีย์จับตัวผมให้นอนหงายขึ้นทันทีและเลื่อนตัวลงใช้ปากดูดกลืน.. ผมอยากจะต่อต้าน แต่มือของผมกลับกดเอาหัวของคีย์ให้ยิ่งรุกคืบ ห้ามตัวเองไม่ได้จริงๆ ความรู้สึกมันตีรวมกันไปหมด ทั้งเจ็บ ทั้งสุข ทั้งอาย จนกระทั่ง.. คีย์ถอนตัวเองออกจากผมในเวลาที่เหมาะสม
“พอใจในตัวฉันไหม..” คีย์ถามผมเมื่อขยับร่างของตัวเองกลับขึ้นมามองผมในระยะสายตา ผมยกแขนข้างนึงขึ้นปิดหน้าเพราะอายเกินกว่าจะมองหน้าคีย์ตรงๆ ..มันมากเกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้
คีย์จับมือของผม และจูบลงที่มันเบาๆ ..สัมผัสที่อ่อนโยน ผมยอมสบตาคีย์ในที่สุด
ผมกลั้นใจพูดในสิ่งที่คิด “..แล้วนายล่ะ พอใจในตัวฉันไหม”
คีย์ยิ้ม “..มาก”
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
017
- ตู้เก็บของ -
.
.
..โรงพยาบาลแห่งหนึ่งบนพื้นโลก
“ผอ. คะ!! แย่แล้วค่ะ การรักษา แล้วก็ยาที่จ่ายให้คนไข้มันผิดไปหมด ตอนนี้คนไข้หลายรายกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตค่ะ”
“มันเกิดขึ้นได้ยังไง!! แล้วหมอที่ดูแลล่ะ”
“ตอนนี้คุณหมอเข้าวอร์ดหมดแล้วค่ะ กำลังออกตรวจแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้ากันอยู่ค่ะ”
“รู้สาเหตุรึยังว่าเรื่องบ้านี่มันเกิดขึ้นได้ยังไง”
“เบื้องต้นน่าจะเกิดจากข้อมูลการรักษาในระบบเครือข่ายเกิดผิดพลาดครับ”
“ข้อมูลการรักษาคนไข้เนี่ยนะ”
“ครับ”
“เท่าที่ทราบข่าว หลายโรงพยาบาลเองก็เจอปัญหาคล้ายกันกับเราแล้วครับ”
“ผอ. คะ!! ตอนนี้ห้องฉุกเฉินเกิดเรื่องวุ่นวายค่ะ คนไข้หลายคนเสียชีวิตแบบฉับพลัน ญาติๆ ไม่พอใจถามหาความรับผิดชอบอยู่ค่ะ”
“นี่มันวันอวสานโลกรึไง!!”
“ผอ. ค่ะ ท่านสุรพล ญาติของคนไข้ VVIP ขอเข้าพบค่ะ”
“ทำไม?”
“คุณพ่อของท่านสุรพลอาการทรุดลง..”
“ท่านสุรพล.. เดี๋ยวก่อนนะ ผมจำได้ว่าพ่อของท่านอาการดีขึ้น ใกล้ได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
“ใช่ค่ะ แต่คำสั่งการให้ยามันถูกเปลี่ยนค่ะ ยาที่ให้ไปเร่งการเต้นของหัวใจ ก็เลย..”
“บ้าจริง!! รีบแจ้งสถานการณ์ฉุกเฉินไปที่กระทรวง ..เราคงรับมือเองไม่ไหวแล้ว”
“ครับ ผอ.”
.
..เรือนจำกลางขนาดใหญ่ของโลก
“วันนี้ทุกคนอยู่ในความเรียบร้อยดีนะ”
“ครับท่าน”
“พวกนายทำได้ดี พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหายใจด้วยซ้ำ”
“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ”
“…”
“ท่านครับ!! นักโทษทั้งหมด..”
“ทำไม?”
“พวกมันนอนไม่ได้สติกันทั้งหมดครับ!”
“หมายความว่าไง ไหนเปิดห้องนี้สิ”
…………..
“..ไม่มีลมหายใจแล้วครับท่าน”
“!!!!”
“นักโทษห้องนี้ก็เหมือนกันครับท่าน”
“ห้องนี้ก็ด้วยครับท่าน”
“ตรวจสอบแดนอื่น”
“..แดนอื่นก็ด้วยครับ”
“ต่อสายถึงท่านผู้บัญชาการ..เดี๋ยวนี้!”
“ครับท่าน!”
.
..ห้องประชุมของกองกำลังพิเศษ
“มีรายงานเข้ามาจากทุกมุมโลกครับท่าน”
“โนอาห์เริ่มลงมือแล้วสินะ”
“เป้าหมายคือสถานพยาบาลกับที่กักขังนักโทษ”
“สถานพยาบาล ผมเข้าใจว่ามันแฮกเข้าระบบฐานข้อมูลการรักษา แล้วเรือนจำล่ะ..”
“อาจจะเป็นทางระบบอากาศภายในเรือนจำ ถึงจะมีช่องระบายหมุนเวียนอากาศ แต่โครงสร้างของห้องขังมักเป็นห้องแคบที่อากาศถ่ายเทได้ไม่สะดวก เข้าทางพวกมันที่ชอบใช้สารหลอน ไม่ก็อาจจะเป็นสารพิษที่ทำให้ถึงตาย”
“อาจจะเป็นไปได้”
“ตอนนี้กระทรวงความมั่นคงกับเครือข่ายโรงพยาบาลทั่วโลกกำลังเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด”
“พวกเราคงต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว จะมานั่งดูพวกมันโชว์ผลงานแบบนี้ไม่ได้”
“มีความคืบหน้าเรื่องพิกัดไหมครับ”
“ทางเรากำลังพยายามติดตามร่องรอยอยู่”
“ทำไมเราไม่ลองสำรวจด้วยอากาศยานไร้คนขับตรงพิกัดที่โนอาห์เคยปรากฎตัวเมื่อหลายปีก่อน”
“..ผมเห็นด้วย”
“ผมก็ด้วย”
“พวกเราที่อยู่ใกล้พิกัดจะรีบส่งพลขับที่มีความชำนาญออกบินสำรวจทันที”
“ทางเราจะคอยเตรียมกำลังรบ และอาวุธที่จำเป็นให้พร้อม”
“เอาล่ะ แยกย้ายกันปฏิบัติงานได้”
.
.
..อาณาจักรโนอาห์
..อาร์
การรู้ตัวก่อนล่วงหน้าว่าจะต้องตาย ไม่ได้ทำให้เราพร้อมตายขึ้นสักนิด ..ประตูห้องถูกกระชากเปิดออกหลังจากอิชะตัดบทสนทนาเพียงเสี้ยวนาที มันมากันห้าคน ดาหน้าเข้ามาแบบไม่แจ้งวัตถุประสงค์ คนที่อยู่ด้านหน้าสุดวาดอาวุธขึ้นชี้ตรงมาทันที และยิง ..เจ็บจุกที่ท้อง ต่อให้เป็นแค่ลมอัดจากกระบอกปืน แต่มันก็แรงมากพอให้ลำตัวที่ไม่มีอะไรป้องกันเกิดอาการ ผมกุมท้องตัวเองทันที ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้น ไม่ได้แอคติ้งสักนิด เพราะเจ็บจริงๆ แถมยังมีของเหลวไหลซึมตามมือ กลิ่นคาวคลุ้งบอกว่านี่เป็นเลือดของจริง ผมมองหน้าของเพชรฆาต ตามทฤษฎี การโดนยิงแค่นี้ไม่ได้ทำให้ถึงตายในทันที ..ผมเป็นหมอ ผมเรียนมา มันเองก็คงรู้ว่าผมไม่ยอมแกล้งตายง่ายๆ มันถึงได้ถีบผมให้ล้มลงนอนและยิงซ้ำแบบเลือดเย็น ..ที่เดิม เจ็บจนอยากจะร้อง แต่ก็กัดฟันและเอียงคอพับ มือตกข้างตัวตามสูตร ผมกลั้นหายใจทันทีเพราะรู้ว่าทุกการกระทำล้วนอยู่ในสายตา เพียงชั่วอึดใจ ผมก็โดนผ้าปิดหน้า และถูกยกขึ้นบนเปลหาม ผมตั้งสติเพื่อจดจำเส้นทาง ไม่คิดว่าตอนที่ต้องแอบกลับมาจะมีป้ายคอยบอกทางให้ ..ตลอดทางเดินเริ่มได้ยินเสียงบสนทนาที่มีความตื่นตกใจ แผนการของอิชะกำลังสั่นคลอนระบบของโนอาห์ ..ผมสนใจฟังเพียงเล็กน้อยแล้วก็กลับมาจดจ่อกับเส้นทางการเดินทางของตัวเองต่อ ทั้งตื่นตัวและตื่นเต้นไปกับการปลอมตัวเป็นคนตาย
“จะไปไหน” มีเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้น การเดินทางของผมสะดุดลง
“จะเอาไปที่ห้องพักศพ”
“งั้นเหรอ”
“...”
“..ใคร”
“มิสเตอร์ที่มากับคิล”
“ออ” ผ้าที่ปิดหน้าผมกำลังถูกจับให้เปิดขึ้น
“ตายแล้วแน่?” ผมกลั้นใจนิ่ง เพราะรับรู้ได้ว่าคนๆ นี้กำลังยื่นหน้าลงมาใกล้เพื่อเช็คลมหายใจของผม แต่ถ้ามันจับชีพจรที่คอ ความลับคงแตก ..ผมคงได้ตายจริง
“สองนัด” ผ้าที่คลุมร่างผมถูกกระชากออกเพื่อเปิดให้ชายผู้ขี้สงสัยดู
“อืม ยังไงก็ตายสนิทสินะ ..เสียดายจัง”
“...”
“..ไปได้” ผมถอนใจโล่งเมื่อผ้าปิดหน้าของตัวเองอีกครั้ง

ผมสูดอากาศเข้าปอดทันที เมื่อเสียงของประตูถูกปิดลง และรอบตัวเหลือแต่ความเงียบสงัด ผมค่อยๆ เปิดผ้าขึ้น ..เหมือนห้องเก็บศพในโรงพยาบาล แสงไฟสีขาวอมฟ้าถูกเปิดไว้เพียงหนึ่งดวง ผมเปิดผ้าออกและลุกขึ้นนั่งเมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครอยู่ในห้องนี้แล้ว แต่พอมองไปรอบตัวก็อดตกใจไม่ได้.. ศพไม่ต่ำกว่าสิบกำลังนอนรอการกำจัด อยากจะสำรวจดูว่าตายเพราะอะไร..แต่นี่ไม่ใช่เวลา ผมพุ่งตัวไปที่ประตูทันที แง้มมันออกเพียงนิดเพื่อมองสถานการณ์ด้านนอก ..ไม่มีใครอยู่ ผมรีบออกเดินไปตามทาง ..เดินตรงสิบเมตรแล้วเลี้ยวซ้าย อีกห้าเมตรเลี้ยวขวา อ๊ะ.. มีพวกมันกำลังเดินมา ผมเดินหลบฉากเลี้ยวไปอีกทาง ..น่าจะทะลุถึงกันได้ ผมเดินตรงต่อไปตามที่คิด แต่กลับเจอทางที่ต้องเลี้ยวต่อไปอีกด้าน ถ้าเลี้ยวต่อไปต้องหลงแน่ ..จู่ๆ ก็มีเสียงเดินเท้าใกล้เข้ามา  ผมตัดสินใจเปิดประตูของห้องที่อยู่ขวามือ และหายเข้าไปในเงามืดของห้อง ภาวนาให้ไม่หนีเสือปะจระเข้ ..แต่แต้มบุญผมคงไม่มี เพราะทันทีที่ปิดประตูลงก็รู้สึกได้ว่าที่หลังคอมีท่อนเหล็กเย็นจ่ออยู่
“...”
ผมไม่รอให้พวกมันเปิดบทสนทนา หันหลังและคว้าเข้าที่กระบอกปืนก่อนจะถีบส่งเจ้าของเดิมของปืนให้กระเด็นออกไปไกล แต่ก็ดันมีพวกของมันอีกคนเตะเข้าที่ท้องของผมจากด้านข้าง ..ปืนหลุดจากมือลอยตกไกลออกไป อาการจุกจากแรงอัดของกระสุนปืนปลอมยังไม่ทันหายสนิทก็ถูกเสริมอาการเข้าที่ซี่โครง ..เจ็บจนตัวงอ ร่างของผมถูกซัดกระแทกเข้ากับประตูแข็ง มันตามเข้ามาจะซ้ำหมัดเข้าที่ท้อง แต่ผมอาศัยความไวพลิกตัวครึ่งรอบเพื่อหลบ มือของมันกระแทกเข้ากับวัสดุแข็งเต็มๆ ผมจับประตูเปิดออกทันที อยู่ตรงนี้ต่อไม่ได้แล้ว พวกของมันจะต้องตามมาเพิ่มแน่ แค่สองคนผมน่ะไหว แต่ภารกิจที่สำคัญกว่ากำลังรอผมอยู่ ไม่มีเวลาจะอยู่เล่นกับพวกมัน  ..แทนที่พวกมันจะปล่อยให้ผมจากไปง่ายๆ ไอ้คนแรกที่โดนผมถีบดันลุกขึ้นได้และคว้าเอามือของผมไว้ แต่เพราะเลือดที่เปื้อนมือ ผมเลยหลุดจากการจับกุม มันโดนผมยันด้วยเท้าอีกรอบ ส่วนเพื่อนของมันอีกคนที่โผเข้ามาล็อกตัวผมไว้ ผมจัดการอัดศอกเน้นๆ เข้าที่ท้องของมันบ้าง ..ทีที่หนึ่งมันยังทน ..ทีที่สองมันก็ยังไหว จนทีที่สาม มือมันถึงหลุดออกจากลำตัวของผม ..ผมหอบเหนื่อยเพราะการออกแรง รู้ลิมิตของตัวเองดีว่าคงสู้ต่อได้อีกไม่นานแน่ ทั้งร่างกายก็ยังไม่หายดีจากศึกที่มีต่อเนื่อง ผมรีบกลับหลังหันไปหาทางออก ขาสองข้างเริ่มอ่อนแรง หวังว่าพวกมันจะไม่อึดมากไปกว่านี้ และขออย่ามีใครมาเติม ..หึ คำอ้อนวอนไม่มีผลใดๆ ตัวของผมปะทะเข้ากับร่างแกร่งของใครสักคนที่ยืนขวางอยู่นอกประตูนั่น ..มันดันตัวผมให้กลับเข้ามาในห้อง คิดจะปิดประตูตีแมวอย่างผมรึไง ไม่มีทาง ผมเงยหน้าขึ้นมองร่างมัน อย่าคิดว่าจะยอมตายง่ายๆ ผมง้างหมัดกะต่อยเข้าที่ท้องเต็มแรง แต่ก็ต้องชะงัก เพราะเจ้าของร่างนี้คือคิว.. มันผลักผมให้พ้นทางก่อนจะพุ่งเข้าเคลียร์โจทย์ของผมทั้งสองคนที่ยังไม่ยอมสลบสักที ..มันทำภารกิจเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว ก่อนจะพาผมออกจากห้อง และลากผมให้เดินตามมันกลับมาที่ห้องของตัวเองอย่างปลอดภัย จนกระทั่งเราทั้งสองคนเข้ามาแอบอยู่ในตู้เก็บของสำเร็จตามแผนที่อิชะวางไว้ให้
“ไปทำอะไรโง่ๆ ตรงนั้น” คำทักทายแรกจากคิวหลังจากที่ผมเริ่มกลับมาหายใจได้เป็นปกติ
ผมไม่มองหน้ามัน รีบเปิดโน๊ตบุ๊คที่อยู่ข้างตัว จะพูดว่าข้างตัวก็ไม่ถูก เพราะตอนนี้ข้างตัวผมไม่เหลือที่ว่างด้วยซ้ำ ขนาดที่จะเหยียดขาก็ไม่มี เพราะไอ้คนร่างยักษ์ดันเข้ามากินพื้นที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของผม ขาของเราสองคนอยู่ในสภาพทำมุมประมาณร้อยสิบเจ็ดองศา และวางงอซ้อนกันอยู่ ..ไอ้คิวขยับเข่าดันเข่าของผม เมื่อเห็นว่าผมไม่สนใจจะตอบ มันทำแบบนั้นอยู่หลายทีจนผมต้องยอมแพ้ “..หลงทาง”
“..หลงทาง อยากจะขำ”
“งั้นก็ช่วยขำเงียบๆ ฉันต้องใช้สมาธิ” ..ได้ผล คิวเงียบและนิ่งไป ผมกลับมาตั้งสติกับการแฮกระบบ มันไม่ได้ง่ายเหมือนในหนัง การเขียนโค้ด หรือภาษาคอมมันต้องใช้เวลา แต่ผมก็ต้องทำมันให้ได้ภายในสามชั่วโมง ไม่รู้หรอกว่าทำไมถึงเป็นสามชั่วโมง แค่ตั้งใจและทำให้ได้ก็พอ ชะตาของโลก..อยู่ในมือของผม คิดงั้นนะ ..ถึงระบบไฟร์วอลล์จะถูกปิดการทำงานไว้ แต่การท่องออกไปโลกภายนอกโดยต้องไม่ระบุตัวตน ระบุไอพีแอดเดรสไม่ใช่เรื่องง่าย คิดเผื่อไว้.. ระวังคนในของโนอาห์ไว้บ้างก็ดี ถ้าพวกมันรู้ว่าคนในเป็นคนส่งข่าวออกไป อิชะอาจจะเดือดร้อน ผมกำลังคิดอะไรเยอะไปหมด นอกจากโค้ดที่ต้องเขียน ในหัวก็แยกส่วนคิดว่าจะส่งข้อความอะไรออกไป และส่งถึงใคร ..กล่องข้อความมุมขวาล่างของจอเด้งแจ้งเตือนจากระบบโนอาห์ ดาวเทียมและระบบป้องกันตัวเองจะกลับมาใช้ได้ในอีกสามสิบนาที ..กดดันทั้งเวลา สถานการณ์ และสถานที่ ผมพิมพ์โค้ดได้ไม่ถนัดมือ เพราะโน๊ตบุ๊คถูกวางอยู่บนต้นขาในมุมห้าสิบองศา ความเร็วในการป้อนคำสั่งเลยไม่ค่อยลื่นคล่อง
.
..คิล
การนั่งจ้องมองเด็กนี่ในเวลาแบบนี้..รู้สึกดีแปลกๆ ยิ่งพื้นที่ที่ใช้ร่วมกันมันคับแคบยิ่งทำให้ได้ใกล้ชิด สีหน้าเคร่งเครียดที่แสงสีฟ้าอ่อนของจอกำลังสะท้อนทำมุมส่งให้เด็กนี่มีความน่ามองมากขึ้นไปอีก คิ้วโด่งกำลังขมวดขด ดูจากตำแหน่งที่วางโน๊ตบุ๊ค..คงไม่สะดวกเท่าไหร่ นึกยังไงไม่รู้ถึงได้เอามือไปจับข้อเท้าของคนตัวเตี้ยกว่าให้ยืดเหยียดออกมาเต็มความยาว ส่วนตัวเองก็หนีบเข่าจนชิดติดผนังตู้ มันเงยหน้าขึ้นมอง ทำหน้าสงสัย ..ตอนนี้อยากทำอีกอย่าง รู้ตัวอีกทีก็ตอนนิ้วชี้ของตัวเองยื่นไปสัมผัสเข้าที่ระหว่างกลางของคิ้วคู่คม มันคลายตัวออกเป็นปกติก่อนจะถูกผูกเป็นปม ..แวะสบตามัน แถมมันเองก็มองตอบ ชักไม่ค่อยดี ใจไหวแปลก ยิ่งไปมองมันนานขนาดนี้ ..เสียฟอร์ม
“อิชะบอกให้ฉันมาดูแลนาย” พูดจบก็หลบตามองไปทางอื่น ถึงจะมีแค่ผนังไม้ทึบกับช่องเล็กๆ ของรอยต่อประตู
“..งั้นเหรอ” เด็กนั่นตอบ เหมือนจะเห็นรอยยิ้มของมันจากหางตา ..รู้สึกดี
“ไม่รู้หรอกนะว่ากำลังทำอะไร”
“…”
“แต่ช่วยรีบๆ หน่อย ฉันหิวข้าว”
“ก็นึกว่าหิวกูซะอีก” ไอ้เด็กนั่นพูดทั้งที่ก้มหน้าทำงานตรงหน้าต่อ รู้สึกหายใจไม่คล่อง จะตอบโต้ก็..
“ไม่ต้องพูดอะไรมาก รีบๆ ทำงานไป อย่าทำให้อิชะต้องผิดหวัง”
“ดูมึงจะเทิดทูนอิชะ?”
“ก็อิชะเป็นคนดูแลฉันมาตลอด”
“…” จู่ๆ หน้าของมันก็เปลี่ยนเป็นตึงเครียด แล้วก็เงียบไปหยั่งกับใครไปปิดสวิตช์ ..อารมณ์ไหนของมัน เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ หรือจะโกรธ ..โกรธงั้นเหรอ ..ไปทำอะไรให้โกรธตอนไหน ไม่ชอบแบบนี้เลยแหะ
“เงียบทำไม”
“…”
“ฉันถามว่..”
“ก็ตั้งใจทำงานอยู่ อิชะของมึงจะได้ไม่ผิดหวัง”
“…”
……………..,,.
“..โกรธฉันรึไง”
“ทำไมกูต้องโกรธ”
“ก็เพราะนายรักฉันมากก็เลยหงุดหงิดที่ฉันเอาแต่พูดถึงอิชะ” เด็กนั่นเงยหน้าขึ้นจากจอและจ้องตรงมา ดวงตาจริงจังเอาเรื่อง ..น่ากลัว
“อย่าหลงตัวเองให้มาก เพราะมึงคนนี้..ไม่ใช่มึงคนนั้น”
“…” ..รู้สึกเจ็บที่หัวใจ ผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก เด็กนั่นพูดเสร็จก็ก้มหน้าทำงานต่อ ไม่สนใจกันสักนิด โธ่เว้ย!!
.
..อาร์

ไอ้บ้าคิว!
..แต่ละคำที่พูดออกมาโคตรน่าต่อยให้ถึงขั้นต้องหยอดน้ำข้าวต้ม ถ้าไม่ติดว่างานตรงหน้าสำคัญกับมนุษยชาติ ..ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ใช่..กูหงุดหงิดที่มึงเอาแต่พูดถึงอิชะ ..ตั้งสติไว้ไอ้อาร์ ไม่รู้ว่าอีกสามสามชั่วโมงต่อจากนี้จะเป็นหรือจะตายก็ไม่รู้ แต่ที่รู้นี่คือภารกิจและความรับผิดชอบครั้งสำคัญ การทำลายล้างคนจำนวนมากจะเกิดขึ้นถ้าโนอาห์ยังอยู่ มันเลยไม่ใช่เวลาจะมามัวสนใจเรื่องของตัวเอง ..โอเค สร้างโกสต์แอดเดรสเรียบร้อย แทรกตัวผ่านระบบของโนอาห์สำเร็จ ข้อความมีพร้อมอยู่ในหัว แต่จะส่งถึงใคร? ถ้าส่งไปที่กองกำลังพิเศษ กองทัพ หรือแม้แต่พ่อ.. คงต้องผ่านการตรวจสอบที่วุ่นวายหลายขั้นตอน แต่ถ้าเป็นพลเรือนที่น่าเชื่อถือ และไว้ใจได้ ..นึกออกอยู่คนนึง
.
..โรงพยาบาล B
..ห้องทำงานหมอชิน
การทำงานในวันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน ทุกนาที ทุกวินาที มีแต่เรื่องท้าทายความสามารถ เพราะความเป็นความตายล้วนอยู่ในมือ ไม่มีอะไรน่าเบื่อในเรื่องของการทำหน้าที่ แต่ที่แย่คือสภาพของหัวใจ เมื่อไหร่อาร์จะกลับมาทำงาน รอบนี้หายหน้านานเกินไป แรงบันดาลใจในการมาทำงานเลยพลอยบางไปด้วย ถึงจะรู้ว่าอาร์มีใครแล้ว แต่แค่ได้เจอหน้า ได้พูดคุย ก็รู้สึกดีมากแล้ว ไม่รู้ตอนนี้ฝึกซ้อมหรือปฏิบัติภารกิจอยู่ที่ไหน หวังว่าจะไม่เจ็บไม่ป่วย ..เสียงเตือนว่ามีเมลล์เข้า อืม จดหมายยืนยันการเข้าร่วมสังเกตการณ์งานวิจัยการถ่ายเทความทรงจำจากสมอง เป็นการศึกษาที่น่าสนใจมาก มีความเป็นไปได้ แต่คงไม่ง่าย มันอาจเกิดขึ้นได้แต่คงไม่เกิดขึ้นในช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ อีกเมลล์นึงก็ข่าวประชาสัมพันธ์งานใหญ่ของแพทย์ด้านสมอง นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ในการรักษาผู้ป่วย ..จัดขึ้นที่ประเทศเดียวกัน ถ้าเวลามันได้ก็น่าเข้าร่วม ..ส่วนช่องเมลล์ขยะ มีเข้ามาได้ทุกวัน จะไม่เปิดเช็คก็ไม่ได้ เพราะอาจมีบางเมลล์ที่สําคัญหลงรอดไป ..อืม มีมาจากเว็บไซต์โฆษณาขายสินค้า จากเว็บข้อมูลข่าวสาร ..แล้วก็เมลล์ที่ระบุชื่อว่า ‘ผมยินดีที่มีพี่หมอเป็นต้นแบบ’ จาก คนคลั่งไคล้ในสมอง ..พี่หมอเหรอ? แค่อ่านก็รู้สึกดี คําเรียกที่อยากได้ยินจากปากอาร์ ยิ่งบอกว่า ‘คลั่งไคล้ในสมอง’ นี่มันอาร์ชัดๆ ..ผมคลิกยืนยันการเข้าถึงข้อมูลทันที ไม่รู้ว่าจริงๆ ถูกส่งมาจากใคร แต่มันก็น่าสนใจมากพอที่จะเปิดเมลล์ดู

‘ขอบคุณที่เปิดอ่าน ไม่มีเวลาอธิบาย แจ้งพิกัด XXX ถึงพ่อด่วน!!’ - R_ER

เป็นเมลล์จากอาร์แน่ๆ ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่เดาได้ว่าต้องเป็นเรื่องร้ายแรงและต้องการความปลอดภัยในการส่งข่าวสูง ถึงขนาดต้องส่งเมลล์หาคนนอกแทนที่จะเป็นทางกรมทหาร ..อาร์ไว้ใจผม ผมเป็นคนที่อาร์คิดถึงในเวลาที่เดือดร้อน ..หัวใจพองโต รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ผมยิ้มอยู่คนเดียวขณะที่มือก็ยกหูโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะติดต่อหาฝ่ายบุคคลของโรงพยาบาล
“ผมหมอชินนะ ผมกวนขอเบอร์คนในครอบครัวของหมออาร์ ..ถ้าไงผมขอตอนนี้เลยนะครับ ..เป็นเคสที่รอไม่ได้”
.
..อาณาจักรโนอาห์
..อิชะ
“ทําไมถึงเป็นสามชั่วโมง?” ผมถามคีย์หลังจากที่เราหายหอบเหนื่อย ผมกําลังนอนซุกตัวอยู่ในอ้อมอกอุ่นของคีย์ ถือโอกาสเช็คอัตราการเต้นของหัวใจของคนร่างบางไปด้วยในตัว ..ยังไงก็กลัวอยู่ดีว่าความสุขที่ได้มาอาจไม่คุ้มค่าหากชีวิตต้องอยู่ในความเสี่ยง ..ยังเป็นปกติ ผมหายใจโล่ง
“..ฉันคํานวณไว้แล้ว ทั้งเวลาที่หมออาร์จะต้องใช้ แล้วก็เวลาที่ฉันจะยื้อพ่อไว้ได้”
“...” ผมเงยหน้ามองคีย์ อยากมองหน้าคนที่เพิ่งให้ความสุขทั้งกับร่างกายและจิตใจของตัวเอง ภายใต้สีหน้าที่แสนจะเรียบเฉย ผมสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนที่ซ่อนอยู่ ..คีย์ลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะตอบ
“ฉันคิดไว้แล้วว่าคนอย่างนายอาจจะทําเรื่องแบบนี้เข้าสักวัน”
“ทําไม..” ผมถามคีย์ ไม่เข้าใจว่าทำไมคีย์ถึงคาดการณ์ว่าผมจะทำ ผมว่าผมไม่เคยหลุดพิรุธอะไรสักนิด
“เพราะนายเป็นนาย.. เป็นคนที่ปรารถนาดีกับคนทุกคน และเคารพในสิทธิ์ของใครใคร อะไรที่นายคิดว่าผิด ..นั่นคือผิด และบังเอิญนายเป็นคนดี  สิ่งที่พ่อของฉันทํา ..เลยเป็นเรื่องที่นายรับไม่ได้ เพราะมันผิด”
“ไม่ถูกทั้งหมด”
“..ฉันรู้ ที่นายทําเรื่องทั้งหมดนี่ก็เพราะฉัน เพราะพ่อเลือกคิล ..ถูกไหม”
“อืม” ผมกระชับแขนของตัวเองที่พาดวางอยู่ที่แผ่นหลังของคีย์ให้กอดกระชับคีย์มากยิ่งขึ้น ..คีย์รู้ใจผม
“..วันนี้คงเป็นวันที่ยาวนาน และไม่รู้ว่าจะจบลงยังไง”
“...”
“แต่แค่ฉันมีนายอยู่ข้างๆ ไม่ว่ามันจะสิ้นสุดลงแบบไหน ฉันก็พร้อม”
“อืม เหมือนกัน”
.
..ห้องวิจัยโคลนนิ่ง
“ด็อกเตอร์!!”
“มีอะไร”
“ความดันแล้วก็อุณหภูมิภายในแล็บโคลนเปลี่ยนไปครับ..”
“?”
“ตอนนี้แคปซูลมนุษย์โคลนร่างสมบูรณ์เริ่มมีปฏิกิริยาที่ไม่ค่อยดี.. ผมคิดว่าด็อกเตอร์ควรไปดู”
“มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่”
“คาดว่าจะเมื่อประมาณชั่วโมงที่แล้วครับ”
“ทําไมไม่มีเสียงเตือนจากระบบ ใครเป็นคนดูแล!”
“ผมเองครับด็อกเตอร์ ผมเฝ้าอยู่ที่ห้องมอนิเตอร์ตลอด แต่ไม่มีสัญญาณเตือนครับ”
“รีบเพิ่มความดันอากาศ ปรับอุณหภูมิ เตรียมยากระตุ้น”
“ครับ”
“..แล้วก็แจ้งท่านประธาน!”
“...”
.
..ห้องทดลองสารเคมี
..เขตอันตราย
“รีบปิดวาล์วระบายอากาศเร็วเข้า!!”
“ครับ”
“นี่หน้ากากกันแก๊สพิษครับหัวหน้า”
“โอเค นายรีบไปกดปุ่มแจ้งเตือนฉุกเฉินเพิ่มเป็นเลเวลเจ็ด ส่วนนาย เปิดการทํางานดูดอากาศพร้อมระบบกรอง แล้วก็นาย รีบรายงานไปที่หอควบคุมชั้นบน บอกให้ปิดประตูนิรภัยระดับสาม ห้ามใครเข้าใครออกเด็ดขาด”
“แล้วพวกเราล่ะครับหัวหน้า”
“อยู่แก้ไขสถานการณ์ตามหน้าที่ ถ้าเคลียร์ไม่ได้ ไม่ใช่แค่พวกเราจะตาย แต่ทุกคนในโนอาห์จะไม่มีชีวิตรอด”
“!!!!”
.
..ห้องทํางานประธานโนอาห์กรุ๊ป
“มีความเสียหายเกิดขึ้นหลายจุดครับ”
“...”
“ระบบความปลอดภัย เน็ทเวิร์ก ห้องวิจัยโคลนนิ่ง ห้องทดลองสาร แล้วก็..”
“รู้ใช่ไหมว่าฝีมือใคร”
“..เอ่อ”
“คีย์กับอิชะสินะ..”
“ยังไม่มีข้อมูลครับท่านประธาน ..ว่าเป็นคุณคีย์”
“...”
“จะเอายังไงดีครับท่านประธาน ลูกแท้ๆ ของท่านอยากเล่นบทกบฏ”
“คุณโทนี่คิดว่าผมควรจะทํายังไง”
“..ถ้าเป็นผม เนื้อร้ายที่ไม่มีประโยชน์ก็ต้องตัดทิ้ง”
“ท่านประธานครับ! เลิกฟังคนๆ นี้เถอะครับ”
“คุณทิม.. ผมตัดสินใจเองได้”
“...”
“บอกทุกฝ่ายให้แก้ปัญหาในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบให้ดี”
“ครับท่านประธาน”
“..ส่วนคุณโทนี่ ผมมีเรื่องจะวานหน่อย”
“ขอเรื่องสนุกๆ หน่อยนะครับ”
“ผมว่าคุณรู้อยู่แล้ว ว่าคุณควรจะทําอะไร”
“...”
.
..อาร์
ผมปิดฝาของโน๊ตบุ๊คลง ส่งเมลล์ถึงคนที่น่าจะไม่อยู่ในข่ายถูกติดตามอย่างหมอชินเรียบร้อย อยากจะส่งถึงคนอื่นด้วย แต่เวลาที่นับถอยหลังของระบบป้องกันมันเร็วขึ้นกว่าที่ระบุตอนแรก แค่ส่งหาหมอชินได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว ตอนนี้ก็เหลือแค่ภาวนาให้หมอชินเปิดอ่านและทําตามที่ผมขอไปในเมลล์ ..เฮ้อ ผมเป่าลมออกจากปาก การใช้สมองในสถานการณ์ที่บีบคั้นช่างเปลืองพลังงาน ..ล้าเหลือเกิน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวในตู้เก็บของ ผมเงยหน้ามองคิว มันมองมาด้วยสายตาที่มีแต่คําถาม
“มีอะไร”
“ทํางานเสร็จแล้ว?”
“อืม ใช่”
“ช่วยเล่าให้ฟังหน่อย เรื่องของฉันกับนาย”
ผมมองเวลา ..มันผ่านมาได้สักสองชั่วโมงตั้งแต่ผมโดนยิงแบบหลอกๆ ระหว่างนี้เราคงทําอะไรไม่ได้ นอกจากรอ.. ก็ดี ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันตามลําพังแค่สองคนสักที “..กูเป็นลูกของนาย ขณะที่มึงเป็นทหารรับใช้ในบ้าน มีอยู่วันนึง มึงเมา กูก็เมา.. เราก็เลย..พลาด” ..ไม่อยากจะบอกความจริงว่าตอนนั้นผมชอบมันอยู่ก่อนแล้ว ก็แค่บังเอิญมีแอลกอฮอล์เป็นตัวกลาง ได้บรรยากาศที่พาไป
“...”
“ทั้งกูทั้งมึงเป็นหน่วยลับในกองกําลังพิเศษ เราทํางานด้วยกัน อยู่ด้วยกัน จนวันนึง คีย์ไปพาตัวมึงกลับมา เพราะมึงเป็นโคลนต้นแบบที่ประสบความสําเร็จที่สุด และกูก็มาเพื่อพาตัวมึงกลับไป”
“ทําไมถึงยังมา ทั้งที่รู้ว่าฉันเป็นแค่โคลน”
“จะให้กูทํายังไง”
“…”
“ถ้ามึงรักคนคนนึงไปแล้ว มึงจะไม่สนหรอกว่าเขาเป็นใคร ต่อให้เขาไม่ใช่มนุษย์ ..ใจของมึงก็จะยังยืนยันว่าจะรัก”
คิวมองผมด้วยสายตาสลด “..ฉันเสียใจที่จําอะไรเกี่ยวกับนายไม่ได้”
“..ไม่สักนิดเลยสินะ”
“ใช่”
“…”
“..แต่ฉันก็รู้สึกดีกับนายมากกว่าคนทั่วไป อยากปกป้อง อยากมอง อยากอยู่ใกล้”
คิวกำลังพยายามปลอบใจผม “…”
“ถ้านายไม่รังเกียจ ฉันก็พร้อมที่จะรู้จักนายให้มากกว่านี้”
ผมพยายามห้ามนํ้าตาไม่ให้ไหล ผมคงไม่มีวันได้คิวคนเดิมกลับมา ความทรงจําที่เคยมี.. ช่วงเวลาดีๆ ที่เคยแชร์ร่วมกัน ความผูกพันธ์ระหว่างปฏิบัติภารกิจ นาทีเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่เคยเผชิญมาด้วยกัน หรือแม้แต่โมเม้นท์ในวันที่เราสารภาพความในใจ ..ถูกลบจนไม่เหลือ แล้วกับคนๆ นี้ ที่เป็นคิว เหมือนคิว มีทุกอย่างที่ใช่คิว ผมควรจะดีใจไหมที่เขาคนนี้ยังอยากจะรู้จักผม การนับหนึ่งใหม่กับคนๆ เดิม มันน่าดีใจหรือน่าเสียใจกันแน่ คิวยื่นมือมาเช็ดนํ้าตาที่ค่อยๆ ซึมไหล “ขอโทษจริงๆ ที่จําไม่ได้”
“...” ผมเบือนหน้าหนี ในใจทั้งเจ็บทั้งจุก ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะทำใจให้ยอมรับความจริงนี้ได้ไหม
“จริงๆ นายควรดีใจนะที่มีคนเพอร์เฟคอย่างฉันมาสนใจ”
“…” ไอ้คนหลงตัวเอง..
“ใครจะรู้ อนาคตฉันอาจจะกลายเป็นโคลนไอดอลของโลกที่ใครๆ ก็ต้องต่อคิวเข้าพบ”
“..ไม่ก็ไปเป็นแนวหน้าในสนามรบ”
“รับรองว่านายจะได้ยืนอยู่ข้างๆ ฉันตรงนั้นแน่”
“อยากให้กูอยู่ใกล้ตัวขนาดนั้น?”
“ใช่ เพราะนายทําตัวให้ฉันอยากอยู่ใกล้” คิวยิ้ม ผมมองมัน นิสัยทะเล้นกวนตีนที่ไม่เคยเปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นคิวเวอร์ชั่นไหน ..ก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ใช่ ผมนับหนึ่งใหม่ได้ ตราบใดที่คนตรงหน้ายังเป็นคิว  ..คิวโน้มตัวมาข้างหน้า มือที่เช็ดนํ้าตาให้ผมเมื่อก่อนหน้านี้ช้อนประคองอยู่ที่หลังคอ ผมปล่อยให้แรงรั้งจากคิวดึงให้ตัวเองโอนอ่อนเข้าใกล้ แม้สถานที่จะคับแคบ.. ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคให้ผมกับมันหยุดลดระยะห่างระหว่างกัน แต่แล้วจู่ๆ ประตูของตู้เก็บของก็ถูกเปิดออก
“โอ๊ะโอว ถูกจับตัวได้ซะแล้ว”
“!!” / “!!!”
“กว่าจะหาเจอ ทำเอาผมเหนื่อยเลยนะครับหมออาร์”
“โทนี่ ฉิน!!”
“ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกของความจริง..ที่แสนโหดร้าย”
.
.
.


ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 018 - อพยพ
«ตอบ #22 เมื่อ12-07-2019 09:53:39 »

018
- อพยพ -
.
.
..10 นาทีก่อนหน้า
..ห้องพักคีย์
..อิชะ
“คงใกล้ได้เวลา.. น้อยกว่าที่ฉันประเมินไว้..” คีย์พูดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงของประตู อีกไม่นานคงมีคนบุกเข้ามา ..ผมกับคีย์จัดการตัวเองเรียบร้อยพร้อมรับสถานการณ์ ถึงคีย์จะสั่งให้ผมนอนลงบนเตียงเพราะรู้ดีว่าร่างกายของผมตอนนี้อ่อนแอแค่ไหน ..จะลุกยืนยังแทบไม่ไหว จะเอาแรงที่ไหนไปดูแลคีย์ได้ แล้วเสียงเปิดประตูที่ถูกออกแบบให้มีความปลอดภัยสูงสุดก็ดังขึ้น ชายร่างสูงในวัยร่วงเลยกำลังเดินตรงเข้ามาด้วยท่าทีที่สง่า ภูมิฐาน และแข็งแรงตามแบบฉบับอดีตทหารที่มากฝีมือ ..ประธานโนอาห์กรุ๊ป พ่อของคีย์
!!……………. เสียงฝ่ามือแกร่งกระทบเข้าที่ใบหน้าของคีย์ดังจนผมสะดุ้ง
“ลูกจะท้าทายพ่อรึไง” รอยยิ้มเย็นฉายอยู่บนใบหน้าของท่านประธาน ขณะที่คีย์ยืนนิ่งไม่ตอบโต้ “..ว่าไงอิชะ พ่อของนายที่อยู่บนสวรรค์คงไม่พอใจ ที่ลูกคนเดียวคิดทรยศต่อผู้มีพระคุณอย่างฉัน”
“พ่อสอนให้ผมภักดีกับคุณคีย์ครับ”
“..งั้นเหรอ ดี กล้าหาญเหมือนพ่อ ฉันชอบ ชอบมาตลอดจนกระทั่งวันนี้ ที่นายทำให้ลูกของฉันเปลี่ยนไป”
“อิชะไม่ได้ทำให้ผมเปลี่ยน แต่เป็นพ่อ”
“เพราะพ่อเห็นความสำคัญของคิลมากกว่า?”
“…”
“พ่อเสียใจนะ ทั้งที่พ่อเลี้ยงคีย์มาอย่างดี แต่คีย์กลับไม่รู้จักพ่อ ไม่เชื่อใจพ่อ”
“…”
“คีย์สำคัญกับพ่อเสมอ พ่อบอกคีย์แล้วว่าคีย์จะรับการผ่าตัดทันทีที่คิลกลับมา แต่จะให้พ่อทำยังไง ในเมื่อโคลนตัวอื่นยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าคิล แล้วพ่อก็ต้อง..”
“สุดท้ายพ่อก็เลือกสิ่งที่มันสำคัญมากกว่า..กับตัวเอง”
“…”
“พ่อปล่อยผมไปเถอะครับ อีกไม่นานผมก็คงจะตาย ให้ผมได้ตายกับคนที่ผมรัก และรักผม”
“กับอิชะ..คนที่ทำลายโนอาห์ ทำลายบ้านของเรา?”
“ไม่ใช่อิชะ แต่เป็นผมเอง”
“…”
“ผมเคยเห็นด้วยกับพ่อ แต่โลกควรถูกรีเซ็ทด้วยวิธีที่ถูกต้อง ไม่ใช่การประหารชีวิตใครๆ ที่ไร้ประโยชน์ พ่อไม่ใช่พระเจ้า”
“พ่อไม่ใช่พระเจ้า แต่เพราะพ่อคือพ่อ และมีพ่อเพียงคนเดียวที่จะจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ได้ คีย์ก็รู้ว่ามันไม่ง่าย”
“..ไม่ใช่เพราะว่าพ่อแค่อยากอยู่เหนือทุกอำนาจ เป็นที่หนึ่งของโลกเหรอครับ”
“นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เพราะอำนาจจะทำให้ทุกคนยินยอม เชื่อฟัง และอยู่ใต้กฎที่ถูกที่ควร พ่อจึงต้องการอำนาจ จริงๆ พ่อเสียสละมากที่ต้องเข้ามาทำหน้าที่อันแสนยิ่งใหญ่นี้”
“งั้นก็เชิญพ่อทำหน้าที่นี้ต่อไปเถอะครับ” คีย์จูงมือของผมเพื่อเดินจากไป แต่ตรงหน้าของเรามีคนของโนอาห์ยืนขวางไว้
“พวกลูกทำเรื่องไว้ขนาดนี้ คิดว่าพ่อจะปล่อยให้จากไปง่ายๆ งั้นเหรอ”
“…”
“ความสามารถระดับอิชะ แค่ลบความทรงจำแล้วก็ใช้งานต่อได้ ส่วนลูกของพ่อ ..ยังไงก็เป็นลูกของพ่อ”
“!!!”
“..เราจะอยู่ในบ้านของเราต่อไป”
“แย่แล้วครับท่านประธาน!”
“มีอะไร”
“หอควบคุมระบบแจ้งมาว่ายังควบคุมแก๊สพิษที่ไหลตามท่ออากาศภายในอาคารไม่ได้ แล้วตอนนี้ความดันในเครื่องปฏิกรนิวเคลียร์ก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ครับ!”
“!!!”
“..คาดว่าอีกไม่นาน”
“รีบกระจายข่าวไปทุกส่วน เตรียมการอพยพรหัสซี”
“ครับท่านประธาน”
“พาอิชะไปที่ห้องผ่าตัด”
“แต่ห้องนั้นจะไม่ปลอดภัยเป็นห้องแรกๆ นะครับท่านประธาน”
“ฉันไม่คิดว่าเราต้องใส่ใจคนที่คิดทรยศนะคุณทิม”
“..ผมจะไปกับอิชะ เพราะผมเองก็เป็นคนทรยศ”
“…”
“คุณคีย์อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ท่านประธานอย่าถือคุณคีย์เลยนะครับ”
พ่อของคีย์ถอนหายใจ เหมือนกับว่าเพิ่งตัดสินใจอะไรได้ “พาทั้งคู่ไปที่ห้องผ่าตัด”
“ท่านประธานครับ! ได้โปรด คุณคีย์กับอิชะต้องตายทันทีที่สารพิษไปถึง ไม่ก็แรงระเบิด..”
“..นี่จะเป็นการแสดงความรักครั้งสุดท้ายของคนเป็นพ่ออย่างฉัน “
“…”
“ลูกคงชอบแบบนี้ใช่ไหมคีย์ ..ได้ตายพร้อมกับคนที่ลูกรัก”
“…”
.
..ห้องรับรองอาร์
..อาร์
“โอ๊ะโอว ถูกจับตัวได้ซะแล้ว”
“!!” / “!!!”
“กว่าจะหาเจอ ทำเอาผมเหนื่อยเลยนะครับหมออาร์”
“โทนี่ ฉิน!!”
“ยินดีต้อนรับกลับสู่โลกของความจริง..ที่แสนโหดร้าย”
“แกที่โดนเข็มฉีดยา.. น่าจะตายตั้งแต่ตอนนั้นแแล้ว!” ใช่ คิวพูดถูก มันน่าจะตายตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว หรือว่า..
“ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าหมออาร์จะโดนหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ยอมรู้ใจผมสักที ..ว่าผมน่ะไม่ใช่คนที่จะยอมตายง่ายๆ” ไอ้โทนี่ยื่นมือมาจะจับหน้าผม แต่ก็ถูกคิวปัดทิ้ง
“..คิลนัมเบอร์ซีโร่ เราเจอกันเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ”
“…”
“สายตาแบบนี้แสดงว่ายังมีเรื่องค้างคาใจ ฉันเองก็เหมือนกัน อยากกำจัดแกให้พ้นๆ หมออาร์จะได้เป็นของฉันสักที”
“คงจะยาก เพราะฉันเพิ่งตกลงจะคบกับเด็กนี่”
“ได้ยินแล้วน้ำตาจะไหล ดีใจด้วยนะครับหมออาร์ แต่ก็นะ มันต้องดูด้วยว่าพวกคุณจะยังมีเวลา..รึเปล่า” โทนี่ ฉินพูดไม่ทันจบก็ยกมือที่ถือปืนขึ้นชี้มาที่คิว ส่วนผมที่จ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของมันอยู่ก่อนแล้วเพราะไม่ไว้ใจเลยมีปฏิกิริยาตอบสนองทันที ผมเตะเข้าที่ข้อมือของมันจนปืนหลุดกระเด็นไป แต่ผมคงลืมไปว่ามันไม่ได้มาคนเดียว เพียงเสี้ยววินาทีหลังจากรู้สึกเจ็บแปลบที่ต้นคอ ผมก็ล้มฟุบหมดแรงลง ภาพที่เห็นก่อนสติจะตัดคือภาพของคิวที่โดนเหมือนกันกับผม
“บวกหนึ่งแต้มให้หมออาร์ โต้ตอบได้ดี แต่ก็เท่านั้นล่ะนะ”
.
.
..ห้องประชุมของกองกำลังพิเศษ
..นายพลพละ (พ่อของอาร์)
“เป็นห่วงไอ้อาร์เหรอวะ”
“เออ ยังไงก็ลูกคนเดียว ถึงจะภูมิใจถ้ามันจะต้องตายในสนามรบแบบชายชาติทหาร แต่กูก็เศร้าในฐานะพ่อ”
“แต่กูว่าไอ้อาร์มันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น เลือดพ่อมันแรง”
“เออ กูก็ขอให้มันเป็นอย่างนั้น ไม่อย่างงั้น กูคงมองหน้าแม่วรรณไม่ติด”
“วรรณเขาก็ต้องเข้าใจ เป็นเมียเป็นแม่ของทหาร มันก็ต้องทำใจไว้อยู่แล้ว ถ้าวันหนึ่งจะต้องเจอกับความสูญเสีย”
“อืม ถ้าไอ้อาร์มันรอดกลับมา กูคงต้องคิดใหม่เรื่องอาชีพของมัน”
“?”
“ยังไงกูก็เป็นพ่อ กูไม่อยากเผาศพลูกชายตัวเอง”
“…”
Rrrrrrrrr
“ว่าไง..”
[…]
“แน่ใจนะแม่!”
[…]
“อืม ว่ามาได้ พ่อพร้อมจด”
[…]

“มีอะไรวะ เมียมึงโทรมาทำไม” นายพลกรถามทันทีที่โทรศัพท์ที่ถืออยู่ถูกลดระดับลงจากหู
“เมียกูบอกว่าอาร์ส่งพิกัดของโนอาห์มาให้”
“เห้ย!! ยังไงวะ”
“มันส่งเมลล์หาเพื่อนหมอที่ไว้ใจได้”
“รอบคอบสมเป็นลูกมึง งั้นเราก็ได้เวลาลุยแล้ว”
“…” ..รอพ่อก่อนนะอาร์ มึงด้วยไอ้คิว
.
.
..ทางเดินไปดาดฟ้า
“Bell 525 พร้อมที่ลานจอดแล้วครับท่านประธาน”
“อืม แล้วแผนอพยพ?”
“ทุกจุดพร้อมดำเนินการเคลื่อนย้ายคนครับ”
“ดีมาก คิลนัมเบอร์ซีโร่ล่ะ”
“ผมพาตัวมาเรียบร้อยแล้วครับท่านประธาน”
“อืมดีมาก แล้วคนที่อยู่กับคิล?”
“ผมจัดการส่งไปอยู่รวมกับคุณคีย์แล้วครับ”
“อย่างนั้นเหรอ.. อืม ดี มันคงเป็นจุดจบที่ดี ขอบคุณมากคุณฉิน”
“เป็นเกียรติของผมครับที่ได้รับใช้บุคคลที่จะอยู่เหนือคนทั้งโลก”
“…”
“พวกนายพาตัวคิลขึ้นฮอได้แล้ว”
“ครับ”

“อ๊ะ!!!”
“มีอะไร”
“คือ..”
“นี่มันไม่ใช่คิลนิคุณฉิน เป็นแค่โคลนตัวอื่น ใช่ไหมด็อกเตอร์”
“ใช่ครับท่านประธาน คิลจะมีร่างกายที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ และ..”
“..ขออภัยครับ คงเป็นความสะเพร่าของผม เชิญท่านประธานล่วงหน้าไปได้เลยครับ ผมจะไปพาคิลมาเอง”
“อืม”
.
..10 นาทีก่อนหน้า
..คิล
นอนไม่ถนัด รู้สึกได้ถึงความโคลงเคลง ที่นอนของห้องไหนทำไมนอนไม่สบายขนาดนี้ อยากจะบิดตัวให้หายเมื่อย แต่พอลืมตาตื่นขึ้นก็ดันเจอภาพของหลอดไฟยาวตามทางเดินที่กำลังเลื่อนไหล ไม่ใช่หลอดไฟที่กำลังขยับ แต่เป็นตัวเองที่กำลังถูกเคลื่อนย้าย ..??
“..นอนนิ่งๆ สักพัก” เสียงใครสักคนดังขึ้นเบาๆ เหลือบมองด้วยหางตา ..เลขาทิม คนสนิทของท่านประธาน เท่าที่รู้จัก ..ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร บอกให้นอนนิ่งงั้นเหรอ..โอเค เชื่อ “พาร่างโคลนนี่ไปที่ลานฮอ ส่วนโคลนนี่มากับฉัน” เลขาทิมพูดเสียงดัง น่าจะออกคำสั่งกับลูกน้อง

ถูกแบกต่อได้อีกสักพักก็ถูกพาตัวหักเลี้ยวไปด้านซ้าย ถ้าจําไม่ผิด เป็นทางที่จะไปห้องผ่าตัด ดูได้จากสีขาวของเพดานที่ต่างจากบริเวณอื่น จําได้แม่น เพราะเป็นทางที่คุ้นเคยหลังจากตื่นขึ้นมาตอนนั้น ก็คงเป็นหลังจากที่โดนผ่าสมอง นึกภาพความทรงจำยังไม่ทันถึงไหน เปลหามก็ถูกวางลง
“..ฝากคุณคีย์ด้วย หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีก” เลขาทิมพูดเสียงแหบตํ่าในลำคอ ก่อนจะรีบเดินจากไปพร้อมลูกน้อง เสียงฝีเท้าดังห่างออกไปไกล ได้เวลาลุกขึ้นจากเปลที่ถูกวางอยู่หน้าห้องผ่าตัด ..ฝากมันทำไม อะไรก็ไม่รู้ เอาเป็นว่ารีบเข้าไปในห้องผ่าตัด คีย์คงอยู่ในนี้ ว่าแต่เด็กนั่นอยู่ไหน?

เป็นจริงอย่างที่คิด คีย์กับอิชะนั่งอยู่มุมหนึ่งของห้องผ่าตัด แต่ที่สะดุดตาก็คือร่างที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผ่าตัด ..เด็กนั่น ขาสองข้างรีบย่างเท้าเดินเข้าไปหา
“หมออาร์แค่สลบไปน่ะ” อิชะพูด
“..ดูนายจะเป็นห่วงเด็กนี่?”
“มันเรื่องของฉัน”
“รีบห่วงกันให้มากๆ ซะตอนนี้ เพราะอีกไม่นานพวกเราก็จะตายกันหมด”
“ทำไม?”
“พวกเราจะตายเพราะสารพิษ ไม่ก็ตายเพราะแรงระเบิดนิวเคลียร์..”
“แล้วทำไมไม่หนีซะตอนนี้ จะมานั่งรอความตายทำไม!”
“หนียังไงก็ไม่พ้น นอกจากจะมีปีก ไม่ก็..”
“..หยุดระบบทั้งหมดให้ได้” คีย์พูดต่อคำของอิชะ
“แต่ว่า..”
“คงต้องลองดู”
“…”
“พวกเรามีหน้ากากกันสารพิษพร้อมออกซิเจนบริสุทธ์ที่จะอยู่ได้ราวสามสิบนาที ฉันจะไปที่ห้องควบคุมนิวเคลียร์ อิชะนายไปที่ศูนย์ควบคุมส่วนกลาง และนาย..คิล อยู่ที่นี่กับหมออาร์”
“ไม่ได้! นายจะไปที่นั่นคนเดียวไม่ได้ ..ฉันจะไปกับนาย”
“ถ้านายไปกับฉันแล้วใครจะไปดูระบบส่วนกลาง”
“..ผมเอง” เสียงเบาๆ ดังขึ้นจากเตียงผ่าตัด ..เด็กนั่นฟื้นแล้ว
“นายโอเคไหม”
“อืม โอเค ได้หลับสักพักก็ดีเหมือนกัน แต่ถ้ายังนอนต่อคงได้หลับยาว”
“…” ดีใจที่มันยังตื่นมาต่อปากต่อคำได้
“ผมพอจะช่วยอะไรได้บ้าง”
“เอลฟ์กับคิลไปที่ห้องควบคุมส่วนกลาง”
“ไม่ได้ หมออาร์ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับระบบของที่นี่สักนิด ยังไงนายก็ต้องไป..อิชะ”
“แต่ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้นายไปที่ห้องควบคุมนิวเคลียร์คนเดียวเหมือนกัน”
“นี่ไม่ใช่เวลามาดื้อนะอิชะ! ช่วยมีเหตุผลหน่อย”
“คีย์..นายอ่อนแอ นี่แหละคือเหตุผล”
“อิชะ!”
“พวกนายไม่ต้องทะเลาะกัน ฉันจะไปกับนายเองคีย์ แค่นี้คงจะพอใจกันทุกฝ่าย ..ว่าไง?”
“…”
“งั้นก็เอาตามนี้ แต่สัญญากันก่อนว่า ถ้าเห็นว่าไม่ไหว อย่าฝืน ขอให้รีบกลับมาที่ห้องนี้”
“..ทำไม”
“เพราะห้องนี้เป็นห้องเดียวที่จะปลอดภัยจากแก๊สพิษ ถึงจะไม่ทนต่อแรงระเบิดนิวเคลียร์”
“นายหมายความว่า..”
“ใช่ ท่านประธานรู้ดีว่าห้องนี้ปลอดภัยจากแก๊สพิษ เพราะฉันขอท่านปรับผังห้องผ่าตัดใหม่ทั้งหมดเมื่อปีที่แล้ว ที่ส่งฉันมาที่นี่ ก็เพราะอยากให้ฉันรอดจากแก๊สพิษ รวมถึงนายด้วย ..เพราะท่านประธานรู้ว่านายต้องตามฉันมาแน่ๆ และก็เพราะถ้าหนีไม่พ้นรัศมีของระเบิด ..ยังไงก็ตายอยู่ดี สู้ให้นายกับฉันได้อยู่ที่นี่ และใช้ช่วงเวลาสุดท้ายด้วยกัน แต่ถ้ารอด.. เราก็จะรอดทั้งคู่”
“…”
“เป็นความรักครั้งสุดท้ายจริงๆ ถ้าแค่ฉันกับนายรอดจากระเบิดนิวเคลียร์ไปได้”
“…”
“นายเสียใจไหมคีย์ ถ้าเรื่องทั้งหมดนี่เป็นเพราะฉัน..”
“ไม่เลย ยังไงสักวันฉันก็คงทำเรื่องแบบนี้ ฉันแค่ไม่กล้าพอ จนวันที่นายเป็นคนเริ่ม”
“…”
“เอาล่ะ ซึ้งกันพอแล้ว เผื่อว่าเราทั้งหมดจะรอด อิชะ..”
“…”
“ฝากดูแลเด็กนี่ด้วย”
“ไม่ต้องฝาก กูดูแลตัวเองได้”
“ก็ดี แล้วเจอกัน”
.
.
..กองกำลังพันธมิตรร่วมอุดมการณ์โค่นล้มโนอาห์ (ANC : Anti Noah Corps)
“J-20 เรียก ANC, J-20 เรียก ANC”
“ANC ทราบ”
“พบสถานที่ตามพิกัดที่ได้รับแจ้งที่ความสูง 40,000 ฟุต”
“ANC ขอทราบลักษณะภายนอก”
“เป็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ ทิศเหนือล้อมรอบด้วยภูเขา ทิศใต้มีแม่น้ำสายใหญ่ออกสู่ทะเล”
“ANC ทราบ จะรีบตรวจสอบด้วยระบบดาวเทียมทันทีที่สามารถเจาะระบบได้”
“F-22 เรียก ANC, F-22 เรียก ANC”
“ANC ทราบ”
“ที่ความสูง 20,000 ฟุต ทางทิศตะวันออก ตรวจสอบพบอากาศยานลำเลียง C-130 เฮอร์คิวลิสจำนวนหลายลำกำลังบินอยู่เหนือพื้นที่เป้าหมาย กำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก F-22 ขอคำสั่งปฏิบัติการ”
“F-22 ลดระดับการบินลง ตรวจสอบโดยรอบอย่างลำเอียดว่ามีเครื่องบินรบหรือไม่”
“F-22 ทราบ”
“J-20 เรียก ANC”
“ANC ทราบ”
“ตรวจพบอากาศยานสองลำทางทิศใต้ จากระบบสแกนและเปรียบเทียบ เป็น Bell 525 และมีอากาศยานติดอาวุธคุ้มกันนับสิบลำ และกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก”
“ANC ทราบ ทุกหน่วยรอคำสั่ง ขอให้ติดตามเป้าหมาย และเปิดเครื่องอำพรางเรดาห์”
“J-20 ทราบ” / “F-22 ทราบ”

ความเงียบชวนอึดอัดปกคลุมทั่วห้อง เหล่าผู้ปกครองประเทศ ผู้บัญชาการความมั่นคงของโลก ต่างทำหน้ามีคำถามกับสถานการณ์ที่ได้รับรายงาน
“เหมือนพวกมันกำลังอพยพ..” นักวิเคราะห์รหัสสัญญาณจากสักประเทศพูดขึ้นบนจอแอลอีดีขนาดใหญ่
“มีความเป็นไปได้ ดูจากจำนวนอากาศยานลำเลียงที่พวกมันใช้ อาจจะเกิดข้อผิดพลาดบางอย่างในโนอาห์”
“เราได้ข้อมูลจากดาวเทียมรึยัง?”
“ได้แล้วครับทุกท่าน!”
“…”
“ผลจากการสำรวจผ่าน..”
“ขอผลเลยได้ไหม”
“ครับท่าน พื้นที่นี้กินอาณาเขตลึกลงไปหนึ่งกิโลเมตรใต้พื้นโลก พบว่ามีแหล่งพลังงานนิวเคลียร์ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ โดยค่าความร้อนใต้พิภพกำลังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ”
หลายคนมองกันและต่างพยักหน้า
“ผมเดาว่าพวกมันกำลังเผชิญปัญหาใหญ่”
“พวกเราก็ด้วย”
“แจ้งประเทศเป้าหมายให้อพยพประชากรในรัศมีสามสิบกิโลเมตรจากพิกัด!”
“ถอนกำลังภาคพื้นดินทุกหน่วยจากพิกัดโนอาห์โดยด่วน!”
“หน่วยรบทั้งหมด ให้แบ่งเป็นสองทีม ทีม A จะไล่ล่าประธานของโนอาห์ ซึ่งคาดว่าจะอยู่หนึ่งในสองของ Bell 525 ทีม B ให้ติดตามอากาศยานลำเลียงพลเรือน C-130 เฮอร์คิวลิส จำไว้ว่าพวกเขาเป็นแค่พยาน และตัวประกัน ไม่ใช่ตัวการ”
“ทราบ!” / “ทราบ”

“ไอ้พละ มึงจะไปไหน”
“กูก็จะไปช่วยลูกกู ไอ้คิวด้วยอีกคน”
“มึงแน่ใจนะว่ามึงพร้อมเจอหน้าไอ้สรมัน”
“กูว่ากูพร้อมมาเป็นยี่สิบปีแล้ว”
“ดี สมเป็นเพื่อนกู ไปกันเถอะ”
.
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
019
- ฉุกเฉิน -
.
.
..น่านฟ้าทิศตะวันตกของโลก
“เฮอร์คิวลิสซับไนน์เรียกเฮอร์คิวลิสทั้งหมด”
“ทราบ” / “ทราบ”
“ตอนนี้ที่สิบสามนาฬิกาพบอากาศยานติดอาวุธกำลังมุ่งหน้าใกล้เข้ามา สามารถมองเห็นได้ในระยะสายตา เรดาห์ตรวจจับไม่พบ”
“ทราบจุดประสงค์ไหม”
“ไม่ แต่คงไม่มาดี ดูจากความเร็วที่คงที่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทิศทาง และไม่แจ้งวัตถุประสงค์”
“แจ้งหน่วยรบโนอาห์”
“ทรา..”

“กองกำลังพันธมิตรร่วมอุดมการณ์โค่นล้มโนอาห์ (ANC : Anti Noah Corps) เรียกเฮอร์คิวลิสทั้งหมด”
“พวกคุณต้องการอะไร”
“โนอาห์คือภัยต่อโลก ในนาม ANC ขอให้เฮอร์คิวลิสทุกลำลงจอดที่ลานจอดนานาชาติ เราจะรับรองความปลอดภัยต่อทุกชีวิตที่ยอมจำนนโดยดี ภายใต้กฎสากลในการจับกุมผู้ก่อการร้ายอันเป็นภัยต่อโลก”

“เฮอร์คิวลิสวันเรียกเฮอร์คิวลิสทุกลำ เราควรจะทำยังไงดี นี่มันสถานการณ์ฉุกเฉิน!”
“อย่าเพิ่งกังวล เราจะติดต่อ Bell 525 และฟังคำสั่งจากประธานโนอาห์เท่านั้น”
“…”

“เฮอร์คิวลิสวันเรียกหน่วยรบโนอาห์”
“หน่วยรบโนอาห์ทราบทุกอย่างแล้ว คำสั่งจาก Bell 525 คือ ให้เฮอร์คิวลิสทุกลำยังคงทำการอพยพตามแผนเดิม ให้บินอ้อมไปตามช่องแคบทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ แล้วพวกเราจะคอยสกัด ANC ไว้ให้เอง”
“ทราบ” / “ทราบ”
“ขอให้พระเจ้าอวยพร”
“เช่นกัน”

“ในนาม ANC ขอให้เฮอร์คิวลิสทุกลำลงจอดที่ลานจอดนานาชาติ ย้ำลงจอดที่ลานจอดนานาชาติ”
“…”
“นี่ไม่ใช่การขอร้อง แต่คือคำสั่ง เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรมและชีวิตพลเรือนของโนอาห์ทั้งหมด ยอมจำนนซะ”
เสียงอาวุธวิถีไกลดังหวีดแหวกเสียดอากาศจากอากาศยานของหน่วยรบโนอาห์พุ่งเข้าหาเหล่าอากาศยานของฝ่าย ANC ..แทนคำปฏิเสธอย่างจริงใจจากโนอาห์
“นี่จะเป็นคำเตือนครั้งสุดท้ายจาก ANC! ยอมจำนนซะ!”
“พวกเราชาวโนอาห์ กลุ่มคนที่จะเปลี่ยนโลก เราไม่คิดว่าพวกเราเป็นอาชญากรที่ต้องยอมก้มหัวให้กับพวกที่เอาแต่ทำลายล้าง ใช้อำนาจกอบโกยเอาแต่ผลประโยชน์เข้าตัว”
“..นั่นเป็นข้อหาที่ระบุคนผิดไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่โนอาห์ทำก็คืออาชญากรรมร้ายแรงต่อโลก การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่ใช่ทางเลือกของการทำให้โลกดีขึ้น ขอย้ำอีกครั้ง ANC ไม่มีเจตนาทำร้ายพลเรือน ขอให้เฮอร์คิวลิส และอากาศยานทุกลำของโนอาห์ลงจอด..”
“พวกเราคงทำตาม ANC ไม่ได้ เพราะเราคือโนอาห์!”
สิ้นสุดคำสนทนาโต้ตอบ น่านฟ้าทิศตะวันตกของโลกในอาณาเขตทวีปยุโรปก็เกิดฉากต่อสู้กันระหว่างอากาศยานรบที่ต่างฝักฝ่าย เสียงขีปนาวุธอานุภาพทำลายล้างสูงดังสนั่นจนโลกเงียบ หมอกควันจากระเบิดลอยขีดคลุ้งหนาระบายไปทั่วทั้งท้องฟ้า
“ANC ขอเตือนอีกครั้ง เราไม่มีเจตนา..”
“เลิกพล่ามได้แล้ว อย่างมากก็แค่ตายเพื่อเจตนารมณ์แห่งโนอาห์”
“พวกนายมันก็แค่พวกแยกแยะความถูกต้องไม่เป็น งั้นก็อย่าหาว่าพวกเราไร้มนุษยธรรมก็แล้วกัน”
.
..น่านฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโลก
“ตอนนี้อากาศยานที่ระบุตัวตนว่าเป็น ANC กำลังเปิดฉากรบกับหน่วยรบโนอาห์ครับท่านประธาน”
“อย่างนั้นเหรอ”
“…”
“พวกมันรู้พิกัดของโนอาห์ได้ยังไง”
“คงเป็นตอนที่ระบบเน็ทเวิร์กของเราล่มครับท่านประธาน”
“อืม คงเป็นอย่างนั้น”

“ANC เรียก Bell 525 และโนอาห์ทั้งหมด ยอมจำนนและลงจอดเพื่อเห็นแก่ชีวิตของตัวเองและพวกพ้องซะ”

“โจมตีพวกมันซะเหล่านักรบแห่งโนอาห์ เพราะโลกนี้ยังต้องการผู้กล้าอย่างพวกเรา”
“หน่วยรบโนอาห์ทราบ พร้อมปฏิบัติตามคำสั่ง”

“มึงมาไกลมากเลยนะ..”
“?”
“..จากหน่วยลับผู้รักชาติ กลายมาเป็นว่าที่ผู้ครองโลก”
“คุณเป็นใคร”
“คงจำกูไม่ได้แล้วสิ..ไอ้สร”
“…”
“ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างมึงจะทำอะไรยิ่งใหญ่ได้ขนาดนี้”
“เป็นมึงสินะ..ไอ้พละ”
“ใช่กูเอง”
“ไม่ได้เจอกันนาน พอมาได้เจอ เลยออกจะไม่ธรรมดา”
“หึ เจอกันบนท้องฟ้าที่คุ้นเคยเวลาทำภารกิจลับอันภาคภูมิ ..แต่ตอนนี้ช่างต่างจากตอนนั้น”
”มันก็แค่ประสบการณ์ของชีวิต ออ ต้องขอบใจมึง ที่ดูแลคิลให้เป็นอย่างดี”
“ถ้ากูรู้ว่าไอ้คิวเป็นคิล กูจะทำลายมันทิ้งซะ”
“ลูกมึงคงไม่ยอม เพราะยังอุตส่าห์ตามคิลมาถึงที่นี่”
“…”
“ออ ต้องขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้ดูแลลูกให้ ..ป่านนี้ก็คง”
“พูดมาให้หมด! ตอนนี้ลูกกูอยู่ไหน”
“ก็ยังอยู่ข้างล่างนั่น..สักที่ ส่วนว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม กูก็ไม่แน่ใจ”
“มึง!!!”
“ออ ขอเตือนในฐานะคนที่เคยเป็นเพื่อนกันมา”
“…”
“ตัดใจ แล้วก็ลืมว่าเคยมีลูกคนนี้ซะ”
“..!!!”

“J-20 รหัส T1 เรียก ANC ขอคำยืนยันการปฏิบัติการโจมตี Bell 525 ของโนอาห์!! ประธานของโนอาห์กรุ๊ปอยู่ในอากาศยานนี้แน่นอน”
“ANC ทราบ ยืนยันให้โจมตี Bell 525 และกำลังรบของโนอาห์ได้”
.
..อาณาจักรโนอาห์
..ห้องควบคุมส่วนกลาง
..อาร์
“เราต้องเริ่มจากตรงไหน”
“ตอนนี้ระบบควบคุมทั้งหมดถูกไวรัสตัวนึงก่อกวนอยู่ และไวรัสนี่เป็นฝีมือของคีย์”
“ยอดเยี่ยม ผมกำลังชมนะ ในฐานะของแฮกเกอร์” ไม่อยากคิดว่าถ้าคิวได้รับคุณสมบัติด้านนี้ของคีย์มาด้วย..กูคงเอามึงไม่อยู่แน่
“…”
“แล้วแอนตี้ไวรัส..คีย์คงมี?”
“ไม่ มันเป็นไวรัสที่มีสมการซับซ้อน คีย์ต้องการไช้ไวรัสเพื่อทำลายอยู่แล้ว เลยไม่ได้คิดว่าจะต้องมีแอนตี้ไว้แก้”
“..งั้นสิ่งที่พวกเราต้องทำ?”
“หยุดไวรัสตัวนี้ให้ได้”
ผมปล่อยลมหายใจบางๆ “..เป็นเกียรติมากที่จะได้ร่วมทำงานกับคุณอีกครั้ง..อิชะ”
“ผมเองก็เช่นกัน..เอลฟ์”
.
..ห้องควบคุมนิวเคลียร์
“นายแน่ใจนะว่าไหว”
“ตรงไหนของฉันที่มันบอกนายว่าฉันไม่ไหว”
“ก็ทุกตรง นายเริ่มไอหนักขึ้น เดินเป๊ๆ หน้าก็เริ่มซีด ..เรากลับกันไหม”
“ไม่ได้ ถึงฉันจะอยากตายพร้อมอิชะมากกว่านาย แต่ถ้าฉันหยุดมันได้..”
“..ก็จะได้อยู่ต่อไปกับอิชะ”
“…”
“เอาล่ะ หลังประตูนี่เป็นห้องควบคุมพลังงานนิวเคลียร์ ตอนนี้ประตูนิรภัยบานนี้ถูกปิดแน่นหนาที่ระดับสาม ซึ่งจะช่วยปิดกั้นความดันจากภายใน และแน่นอน ห้องนี้ถูกออกแบบ ใช้วัสดุที่ดูดซับ ทนแรงระเบิดได้สามสิบเปอร์เซ็นต์ก่อนที่ทุกอย่างจะหลอมละลายเพราะความร้อน ตอนนี้ ฉันกับนายอยู่ใกล้ความตายแค่เอื้อมมือ”
“..นั่นสินะ แต่มันก็คุ้มค่าที่จะเสี่ยงนิ แล้วก็ถ้ารอดออกไปได้ ฉันไม่ขออะไรมาก ..แค่ให้ฉันได้อยู่กับเด็กนั่นก็พอ”
“งั้นเหรอ ขอน้อยดีนะ”
“..ฉันไม่ได้ขอน้อยสักนิด ออกจะเห็นแก่ตัวด้วยซ้ำ”
“ฉันชอบความคิดของนาย”
“งั้นเหรอ งั้นเราก็ลุยกันเถอะ”
“..อืม”
.
..น่านฟ้าทิศตะวันตกของโลก
เครื่องบินรบนับสิบลำตกร่วงราวฝนโปรยในหน้ามรสุม เขม่าควันเพลิงรุกท่วมซากอากาศยานที่หักพังกองอยู่เหนือพื้นนุ่มสีขาวของหิมะในหน้าหนาว ยังมีคนจำนวนหนึ่งที่หลงรอดจากการปะทะกันบนท้องฟ้า แต่คงไม่นาน.. หากภัยจากนิวเคลียร์เดินทางมาถึง
“F-22 เรียก ANC”
“ANC ทราบ”
“ขอรายงานสถานการณ์จากทิศตะวันตก ขณะนี้อากาศยานรบของโนอาห์ถูกทำลายเรียบร้อย เหลือเพียงอากาศยานลำเลียงพลเรือนที่ยังไม่ยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของเรา”
“ขอทราบความเสียหายที่สามารถประเมินได้”
“เบื้องต้นเครื่องบินรบฝ่าย ANC ตกเก้าลำ และทางฝั่งของโนอาห์ตกสิบเอ็ดลำ โดยไม่สามารถระบุได้ว่าพลขับทั้งหมดรอดชีวิตหรือไม่”
“ANC ทราบ และจะส่งหน่วยกู้ภัยเข้าช่วยเหลือทั้งหมดออกจากพื้นที่สู้รบโดยด่วน ส่วนอากาศยานลำเลียงพลเรือนของโนอาห์ ANC ยืนยันให้ใช้วิธีเจรจาเพื่อลดความสูญเสีย”
“F-22 ทราบ จะพยายามต่อไป โดยจะเข้าบินล้อมกรอบเพื่อกดดัน”
“ANC ทราบ ขอให้สันติสุขจงยืนอยู่ข้างเรา”
.
..ห้องควบคุมนิวเคลียร์
..คิล
อากาศภายในโถงกว้างหนักหน่วงจนนึกอยากเวียนหัว ถึงจะมีหน้ากากพ่วงออกซิเจนบริสุทธิ์ที่ครอบอยู่บนใบหน้า แต่ก็ยังรับรู้ได้ว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนทนมีชีวิตรอดในสภาวะนี้ได้แน่ แถมอุณหภูมิที่ร้อนระอุจนต้องถอดเสื้อแจ็กเกตหนังออกจนเหลือแค่เสื้อยืดตัวใน เหงื่อเริ่มแตกซึมทั่วตัว ขนาดคนแข็งแรงมากยังอยู่ยากขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคีย์ที่ร่างกายอ่อนแอ
“ในห้องคอนโทรลนั่นจะมีแผงควบคุมระบบการทำงาน นายเปิดมันที”
“…”
……………………..
“อ๊ะ คุณคีย์!!!”
“พวกนาย? คนดูแลระบบของที่นี่.. ทำไมยังอยู่ทั้งที่มีคำสั่งอพยพ”
“พวกเราพยายามที่จะแก้ไข.. แต่มันก็”
“พวกนายทำได้ดีมาก เอาล่ะ ฉันจะลองดู เรามาลองพยายามไปด้วยกัน”
“ครับ”
“ก่อนอื่น เราคงต้องลดความดันของที่นี่ แล้วก็อุณหภูมิ ในเมื่อระบบท่ออากาศมีปัญหา เราคงต้องใช้วิธีพื้นฐานที่พอทำได้”
“…”
“ขอฉันดูพิมพ์เขียวของที่นี่”
“นี่ครับคุณคีย์”
…………………….
“ตรงนี้คือทางออกฉุกเฉินออกไปข้างนอกใช่ไหม”
“ใช่ครับ”
“เราจะเปิดมัน”
“แต่คุณคีย์ครับ ถ้าเราเปิดมันออก แรงดันอากาศจากด้านนอกจะไม่ยิ่งไหลอัดเข้ามาภายในเหรอครับ มันอาจจะยิ่งเลวร้าย..”
“ใช่ครับ แล้วยิ่งตอนนี้ด้านนอกมีหิมะปกคลุม ผมไม่คิดว่าจะสามารถเปิดประตูบานนี้ได้ด้วยซ้ำ หรือต่อให้เปิดได้ ก็เสี่ยงกลับการโดนหิมะทับตาย ไม่ก็หิมะนั่นแหละที่ปิดทางไม่ให้อากาศเข้าออก”
“เราอยู่ชั้นใต้ดินนะครับ ความเป็นไปได้นี้มันแทบจะเป็นไปไม่ได้”
“แต่นี่เป็นทางเดียว..”
“ก็แค่ลองดู ไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้วนิ ไม่ใช่รึไง”
“ใช่ คิลพูดถูก”
“แต่ว่าคุณคีย์..”
“มันน่าจะดีกว่านั่งรอความตาย ไปกันเถอะ”
“นายไม่ต้องไปหรอก รออยู่นี่”
“อย่ามาทำเหมือนฉันอ่อนแอ ฉันไม่ชอบ”
“แต่อิชะต้องยิ่งไม่ชอบแน่ ถ้ารู้ว่านายฝืนทำอะไรแบบนี้”
“ถ้านายไม่พูด อิชะก็จะไม่มีวันรู้”
“ว๊าววว เซอร์ไพรส์ นึกว่านายจะเกรงใจอิชะซะอีก”
“…”
“เอางี้ นายทำอะไรกับแผงควบคุมนี่ได้บ้าง เผื่อว่านายจะแก้ปัญหาพวกนี้ได้ก่อนฉันไปถึงประตูฉุกเฉินนี่”
“..คิดออกวิธีนึง คือเราต้องรีเซตระบบทั้งหมด”
“แต่นั่นมันไม่ง่ายเลยนะครับคุณคีย์ แถมใช้เวลาไม่น้อย”
“งั้นเอาตามนี้ คีย์กับหัวหน้าระบบอยู่นี่ แก้ปัญหาด้วยสมอง ส่วนฉันกับที่เหลือจะไปที่ทางออกนั่น ไปใช้แรงแก้ปัญหา”
“ได้ เอาตามนี้ ..ดูแลตัวเองด้วย มีคนรอนายอยู่”
“อืม แน่นอน ฉันรักตัวเองอยู่แล้ว”
“…”

พูดไปแบบนั้นทั้งที่ไม่ได้มีความมั่นใจสักนิด เอาวะ ความตายไม่ได้น่ากลัวสักนิด ตายช้าตายเร็วสักวันก็ต้องตาย..
ประตูนิรภัยถูกเปิดออกให้เห็นอุโมงค์ทางเดินขนาดพอดีสำหรับสองคน ถึงจะไม่ได้ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามเพอร์เฟคตามแบบฉบับของโนอาห์ แต่มันก็มีเสาเหล็กค้ำยันอย่างแน่นหนาน่าไว้ใจ
“เราต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหน” อย่างน้อยเสียงพูดคุยกันใต้หน้ากากออกซิเจนก็น่าจะช่วยผ่อนอารมณ์ความตึงเครียดได้บ้าง
“ประมาณอีกหนึ่งกิโล”
“..เราคงต้องเร่งฝีเท้า เวลาเหลือน้อยแล้ว”
“…”
“พวกนายมีลูกเมียไหม”
“มี”
“ฉันก็มี”
“แล้วพวกเขาอยู่ไหน”
“อพยพพร้อมทีม”
“ของฉันก็เหมือนกัน”
“อืมดี งั้นเรามาพยายามเพื่อพวกเขา”
“…”

ร่างกายเริ่มล้าเพราะอุณหภูมิ ความกดอากาศ และออกซิเจนที่ร่อยหรอ ลำคอแห้งหนืดกลืนน้ำลายยาก ..สติใกล้วูบเต็มที สภาพของอีกสองคนที่มาด้วยกันยิ่งแย่กว่า แรงจะเดินคงใกล้หมด แขนที่ยังพอมีเรี่ยวแรงต้องคอยเกาะก่ายพยุงร่างไปตามผนังหินหยาบ
“เอาล่ะ หยุดหายใจกันก่อน” พูดกับ ทั้งสองคนเสร็จก็นั่งลงเพื่อพัก ..ขอแค่สองนาที เพราะหลังจากนี้คงต้องใช้แรงทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อแลกกับการมีชีวิตต่อ
.
..ห้องคอนโทรลระบบควบคุมพลังงานนิวเคลียร์
..คีย์
“เอาล่ะ ฉันจะกดรหัสเพื่อรีเซตระบบทั้งหมด เวลาของเราจะนับถอยหลังทันที”
“ครับคุณคีย์”
“..แค่ห้านาที”
“...”
“เราต้องกรอกการตั้งค่าทั้งหมดที่ควรเป็นให้ทันก่อนที่เราจะควบคุมอะไรไว้ไม่ได้เลย”
“ครับ”
“คิล.. ได้ยินฉันไหม”
“..ได้ยิน ถึงเสียงจะซ่าๆ หายๆ ก็เถอะ”
“ตอนนี้ถึงไหนแล้ว”
“ฉันมาถึงประตูที่ว่าแล้ว ใครเป็นคนออกแบบ เผอิญฉันไม่ได้พกขวานมาซะด้วย”
“นายจะบ้ารึไง แค่สแกนตาของนายมันก็เปิดออกแล้ว มันถูกออกแบบมาอย่างดี”
“งั้นครั้งสุดท้ายที่มันถูกตรวจสภาพก็คงเมื่อทศวรรษที่แล้ว”
“หมายความว่าไง”
“เพราะมันถูกล็อก ขึ้นสนิม”
“?!?”
“อากาศก็ใกล้หมดเต็มที สองคนที่มากับฉันก็นอนนิ่งไปนานแล้ว ออ แต่ยังหายใจนะ”
“..นายอยู่คนเดียว?!”
“ฝากความคิดถึงถึงเด็กนั่นด้วย.. ห่างกันยังไม่ถึงยี่สิบนาทีก็อยากเจอหน้าซะแล้ว”
“กลับมาซะ!!”
“ฉันยังไม่คิดจะยอมแพ้หรอกนะ”
“เลิกดื้อแล้วกลับมา นายยังพอมีเวลา..”
“เอาเป็นว่านายทำหน้าที่ของนายให้เสร็จไวๆ ล่ะกัน ฉันจะทำในส่วนของฉันให้ดีที่สุด”
“..นายนี่มัน”
“ฉันก็คือนาย จำไว้”
“...”

“จากห้องนิวเคลียร์ติดต่อห้องควบคุมส่วนกลาง ได้ยินฉันไหมอิชะ”
“อืม ได้ยิน ยังชัดดีอยู่”
“แสดงว่าระบบการสื่อสารไม่ได้เสียหาย”
“นายเป็นไงมั่ง สภาพอากาศที่นั่นคงแย่มาก”
“อืม ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ เอาล่ะ ไม่มีเวลาแล้ว ฉันกำลังจะรีเซตระบบทั้งหมด และจะมีเวลาแค่ห้านาทีเพื่อทำให้ระบบทั้งหมดเหมาะกับสถานการณ์ตอนนี้”
“...”
“ทางนู้นเป็นไงบ้าง”
“ฉันกับหมออาร์กำลังเขียนแอนตี้ไวรัสของนายอยู่ คงอีกไม่นาน หมออาร์ชมด้วยนะว่านายเก่งมาก ไวรัสที่นายเขียนซับซ้อนน่าปวดหัว”
“ขอบคุณสำหรับคำชม ออ ตอนนี้คิลไปที่ทางออกฉุกเฉินเพื่อเปิดประตูระบายความดันของที่นี่..”
“นั่นมันแทบเป็นไปไม่ได้ อันตรายเกินไป!”
“ใช่ ตอนนี้ไม่ว่าทางไหนก็อันตรายทั้งนั้น..”
“...”
“ฉันรักนายนะ..อิชะ”
“...”
“ฉันอยากบอกนาย ..เผื่อว่าจะไม่มีโอกาส”
“...”
“ขอบใจที่อยู่ข้างฉันมาตลอด..”
“..ฉันอยากฟังนายพูดใกล้ๆ เพราะฉะนั้น ฉันยังไม่ขอรับคำขอบคุณจากนาย”
“อืม ก็ได้”
“..ได้เวลารีเซตแล้ว ทุกอย่างจะเริ่มต้นใหม่ด้วยดี รีบทำแล้วรีบกลับมา ฉันรอนายอยู่..”
“ครับ”
.
..ห้องควบคุมส่วนกลาง
..อิชะ / อาร์
“คีย์เหรอ”
“ใช่ คีย์กำลังจะรีเซตระบบการควบคุมระบบพลังงานนิวเคลียร์ จะมีเวลาแค่ห้านาทีเพื่อการตั้งค่าระบบที่สอดคล้องและเหมาะสม”
“...”
“ส่วนคิล.. กำลังไปที่ทางออกฉุกเฉินคิลจะเปิดประตูลดความดันและระบายอากาศ”
“..ยังเหมาะสำหรับงานใช้แรงเหมือนเดิม”
“ไม่เลย มันไม่ได้ใช้แค่แรงหรอก แต่มันต้องใช้ทั้งชีวิต เพื่อจะทำมันให้สำเร็จ”
“...”
“แล้วก็.. คิลฝากบอกนายว่า ‘คิดถึง’”
“...”
.
.
.

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 020 - ประตู
«ตอบ #25 เมื่อ14-07-2019 22:39:49 »

020
- ประตู -
.
.
..น่านฟ้าทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโลก
..นายพลพละ (พ่อของอาร์)
“มึงควรยอมแพ้ได้แล้วไอ้สร!”
“ทำไมถึงคิดว่ากูจะต้องยอมแพ้”
“เพราะมองยังไงมึงก็ไม่มีทางชนะ”
“งั้นก็ลองดูกันสักตั้ง”

“J-20 รหัส T1 ล็อคเป้าหมาย Bell 525 เรียบร้อย พร้อมยิง”
“ยืนยันคำสั่งการ ..ยิง”
เสียงกระทบของวัตถุจุดระเบิดเข้ากับตัวเครื่องของ Bell 525 ดังสะท้อนก้องท้องฟ้า เศษวัสดุหนักปลิวกระจายราวกับไร้น้ำหนักไปทั่ว ขณะที่ส่วนหลักของเครื่องร่วงหล่นอย่างรวดเร็วตามแรงดึงดูดของโลก
“J-20 รหัส T1 ล็อคเป้าหมาย Bell 525 อีกลำเรียบร้อย พร้อมยิง”
“ยืนยันคำสั่ง ..ยิง”
ชาตินี้มึงกับกูคงอยู่ร่วมชาติกันได้แค่นี้ กูขออโหสิให้มึง เพราะแค่บาปที่มึงทำไว้ กูก็ไม่รู้แล้วว่ามึงจะได้ตื่นจากนรกเมื่อไหร่
“J-20 รหัส T1 รายงานผลการปฏิบัติการ Bell 525 อากาศยานที่คาดว่าจะมีประธานโนอาห์กรุ๊ปอยู่ถูกโจมตีตกสู่พื้นดินเรียบร้อย ขอให้หน่วยอื่นรีบเข้าตรวจสอบ”
“ANC ทราบ จะรีบปฏิบัติการตามที่แจ้ง”
“J-20 รหัส T1 จะรีบกลับไปที่พื้นที่ของโนอาห์กรุ๊ป เนื่องจากได้รับการรายงานว่ายังมีผู้บริสุทธิ์หลงเหลืออยู่ภายใน”
“ANC ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติการที่แจ้งมา ตอนนี้พื้นที่ของโนอาห์เป็นเขตพื้นที่สีแดง พร้อมระเบิดทุกเมื่อ ANC ยืนยันให้ J-20 รหัส T1 ยกเลิกการปฏิบัติการ และกลับฐานที่มั่นเท่านั้น!”
“ไม่.. ด้วยเกียรติของทหาร”
“…”
“..และความเป็นพ่อ J-20 รหัส T1 จะออกปฏิบัติการค้นหาผู้รอดชีวิตและให้การช่วยเหลือ”
“ไอ้พละ!!” เสียงตะคอกของไอ้กรดังทะลุจนปวดหูทั้งที่มันนั่งพูดอยู่ในห้องประชุมใหญ่ที่ไกลออกไป
“…”
“เลิกบ้าแล้วกลับมาซะ!”
“กูไม่กลับ กูจะกลับก็ต่อเมื่อมีไอ้อาร์กลับไปพร้อมกัน!”
“!!!”
“J-20 รหัส T1 จะขอรับผิดชอบต่อผลที่ตามมาเองทั้งหมดด้วยตำแหน่งผู้บัญชาการทหารแห่งประเทศ อดีตหน่วยลับของชาติ”
“พูดจาหล่อคมคายได้ตลอดเลยนะ”
“?”
ยังไม่ทันเข้าใจว่าเสียงพูดแทรกที่คุ้นเคยเป็นเสียงของใคร ปลายปีกด้านซ้ายของเครื่องบินรบก็ถูกโจมตีจนเกือบสูญเสียการควบคุม
“ไอ้สร?!”
“กูเอง คงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่ากูจะตายง่ายๆ อยู่ในซากฮอนั่น” เสียงวีดของอาวุธหนักที่กำลังพุ่งแหวกม่านเมฆดังทะลุแทรกเข้ามาในหูฟัง ..เฉียดหัวไปเพียงนิดเดียว ถ้าไม่ลดระดับและเลี้ยวหลบคงได้ตายเป็นผีเฝ้าท้องฟ้าไปแล้ว
“นั่นสินะ กูน่าจะคิดได้ว่าคนอย่างมึงไม่น่าจะติดหรูเอาแต่นั่งหลบอยู่ในฮอนั่น”
“สร ..กูว่ามึงยอมมอบตัวเถอะ” ไอ้กรพูดแทรก ถึงจะไม่ได้สนิทกับไอ้สรเท่าผม แต่เราก็เป็นทหารร่วมรุ่น ร่วมกอง ร่วมเป็นร่วมตายในสมรภูมิรบร่วมกันมา
“มึงเงียบไปเลยไอ้กร ทำคนตายไปเป็นพันอย่างมัน ชีวิตในคุกยังดีเกินไป”
“โดยเฉพาะหมออาร์ลูกของมึงใช่ไหม”
“มึงจะมีปากไว้พูดได้อีกแค่ประโยคเดียว”
“แน่ใจเหรอว่าจะทำได้ เมื่อก่อนมึงแพ้กูยังไง วันนี้ก็คงไม่ต่างกัน”
“!!!!”
..ไม่เคยคิดว่าในวัยนี้จะต้องมาบินผาดโผนเหมือนเมื่อครั้งเป็นหน่วยลับ ภาพในอดีตย้อนกลับมาให้คิด ..ช่างแตกต่าง ยุคนี้สบายกว่าเป็นไหนๆ ไม่ต้องขับอากาศยานเป็นก็เป็นหน่วยลับได้ แต่ใครจะรู้ว่าการต่อสู้บนท้องฟ้านี่แหละที่ท้าทายที่สุด จะรอดไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับฝีมือในการคอนโทรลเครื่องจักรขนาดยักษ์นี่ ถ้าไม่เจ๋งพอ ก็ร่วงตายมันคาเครื่อง ..ไอ้ที่ว่าดีดตัวออกจากเครื่องก่อนเครื่องโหม่งโลกน่ะเหรอ? ทฤษฎีที่ง่ายแต่ทำได้ยากในภาคปฏิบัติ
เสียงระเบิดดังต่อเนื่อง เสียงการเคลื่อนที่ของเครื่องบินเหล็กที่บินด้วยความเร็วสูงแหวกอากาศดังอู้อยู่ในหู ตอนนี้ทำได้แค่บินหนีเพื่อตั้งหลัก แต่ที่เลวร้ายกว่านั้นคือขีปนาวุธล็อกเป้าที่ไล่ตามหลังที่ระยะห่างไม่เกินหนึ่งกิโลเมตร!
“ANC ขอให้เครื่องบินรบ F-22 ติดตามช่วยเหลือ J-20 รหัส T1!”
“ไม่ต้องไอ้กร! กูดูแลตัวเองได้ ..จะได้รู้กันไปสักทีว่าใครกันแน่ที่เป็นตัวจริง”
“ดื้อไม่เคยเปลี่ยน ไม่ยอมรับสักทีว่าถ้ามึงไม่มีกู มึงก็อยู่เป็นหน่วยลับคนเดียวไม่ได้”
“อยากเข้าใจแบบนั้นก็เชิญ” อีกไม่เกินสิบกิโลเมตรข้างหน้ามีภูเขา ถ้าบินอ้อมหลังเนียนไปกับเมฆขาวแล้วย้อนกลับมาโจมตี.. อืม แผนที่ดี คงเป็นวิธีเดียวที่จะได้ประจันหน้าต่อสู้แบบเต็มกำลัง จะปล่อยให้มันไล่ล่าตามหลังอยู่แบบนี้ไม่ได้
“หึ คิดจะทำอะไรท่านนายพล จะอ้อมไปหลบหลังภูเขารึไง ถึงจะหลอกคนได้ แต่คงหลอกขีปนาวุธที่ถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาดไม่ได้ อย่าหวังว่าอาวุธของโนอาห์จะโง่ชนภูเขาแล้วระเบิดไปเอง”
“?!?!”
“คงช็อกสินะที่โดนรู้ทัน กูรู้จักมึงดีพอๆ กับที่รู้จักตัวเอง”
“งั้นเหรอ กูว่ากูก็รู้จักมึงดีเหมือนกัน” คันบังคับอยู่ในมือ เครื่องบินรบทั้งลำเหินขึ้นฟ้าทันทีที่ออกแรงข้อมือ
“ไม่หลบหลังภูเขา หรือจะให้กูพุ่งชนภูเขางั้นเหรอ คิดว่ากูจะโง่?”
“เปล่าเลย..” หลังจากทะยานย้อนกลับสู่เส้นทางเดิมด้วยความเร็วสูงสุดแบบไม่คิดผ่อนแรง อากาศยานที่นั่งอยู่ก็พุ่งตัวเข้าหาเป้าหมายแบบไม่กลัวเกรง ขีปนาวุธสุดล้ำของโนอาห์ก็ยังไล่ตามตูดแบบไม่คิดหยุดพัก ..ดี ยิ่งฉลาดแค่ไหนก็ยิ่งดี
“มึงทำบ้าอะไร!!!”
“ก็ทำสิ่งที่มึงไม่คิดว่ากูจะทำ”
“ทำอะไรโง่ๆ อยากตายพร้อมกูรึไง”
“ไม่ได้คิดแบบนั้นสักนิด”
“ไอ้พละ! มึงแค่เชิดหัวขึ้น”
“ไม่ว่ะไอ้กร กูคงไม่ทำตามที่มึงบอก กูไม่อยากพลาดโอกาสนี้ โอกาสเดียวที่ไอ้สรจะจบชีวิตด้วยอาวุธของตัวมันเอง”
“แต่มึงจะตาย!”
“กูว่ากูจะไม่ตาย” ระยะห่างระหว่างเครื่องบินรบสองลำลดน้อยลงทุกวินาที ..5 ..4 ..3 ..2 มือขวาที่กำคันบังคับเลื่อนไปกดปุ่มๆ หนึ่งบนแผงคอนโทรลด้านหน้า เก้าอี้ที่นั่งอยู่ดีดตัวออกขณะที่ฝาครอบใสเหนือหัวถูกเปิดออกในจังหวะเดียวกัน ..หวังว่าจะพ้น เสียงระเบิดดังสนั่นลั่นจนหูดับ ซ้ำแรงปะทะหนักๆ ของสองวัตถุขนาดร่วมสี่สิบตัน ยังผลักร่างให้ปลิวกระเด็นไกลออกไป อยากจะหันหลังไปดูผลงาน แต่ลมร้อนและสะเก็ดไฟที่กำลังโหมลุกไหม้ทำให้ล้มเลิกความคิด ..หลังผ่านความสูงที่เหมาะสม ร่มชูชีพก็ทำงานอย่างรู้หน้าที่ พอมองดูที่นาฬิกาข้อมือ..ยังทำงานได้ดีอยู่ แค่ลงอย่างปลอดภัย จีพีเอสติดตามตัวก็จะบอกพิกัดให้การช่วยเหลือเดินทางมาหา ด้านล่างเป็นผืนน้ำสีฟ้าอมน้ำเงินของมหาสมุทร เลยออกไปทางใต้ราวสองกิโลเมตรมีเกาะแห่งหนึ่งตั้งอยู่ ดูจากความดกทึบของผืนป่า ท่าทางจะยังไม่มีความเจริญใดๆ มาถึง ..ดี จะได้ไม่ต้องทนลอยคอในน้ำหนาวที่ปลายสุดขอบโลกนี่ ..สายรัดร่มชูชีพถูกปลดทิ้งไว้กลางน้ำ ชุดทหารที่ใส่หนักถ่วงเพราะชุ่มเปียก การได้ทิ้งตัวลงนอนเหยียดบนหายทรายนุ่มและหายใจคือการพักเบรกที่ดีที่สุดในเวลานี้ ..เหนื่อยแต่ก็โล่งใจ
“เรียก ANC, เรียก ANC ถ้าได้ยินตอบด้วย”
“ANC ทราบ กำลังส่งความช่วยเหลือไปให้”
“มึงแน่มากไอ้พละ”
“กูดีใจที่ยังได้ยินเสียงมึง ไอ้กร”
“..แล้วเสียงของกูล่ะ”
“!!!” ทันทีที่ได้ยินเสียงแปลกปลอมก็รีบลุกขึ้นมองไปที่ท้องทะเลตรงหน้า มันกำลังเดินโซซัดโซเซตามแรงคลื่น
“..ไอ้สร!”
“อืม กูเอง”
.
..อาณาจักรโนอาห์
..ห้องควบคุมส่วนกลาง
..อิชะ
“ส่วนของผมใกล้เสร็จแล้ว”
“ผมก็เหมือนกัน เอาล่ะ คิดว่ารันแอนตี้ไวรัสได้แล้ว”
“ผมขอดูอีกนิด โอเค”
“ขอให้คีย์ของคุณไม่ทำอะไรยากไปมากกว่านี้”
“ผมก็หวังอย่างนั้น”
……………….
ตัวเลขและตัวอักษรหลายพันตัวกำลังวิ่งเลื่อนขึ้นลงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ ..เหงื่อที่ซึมไหลบนกรอบหน้าคงเพราะอุณหภูมิในห้อง แต่จริงๆ มันอาจจะเพราะความกังวลว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดจะได้ผลรึเปล่า ถ้าแก้ไวรัสไม่ได้ คงได้นั่งจินตนาการถึงที่ชอบๆ ที่อยากไปหลังความตาย ..ชุดคำสั่งสุดท้ายถูกรันและกะพริบค้างอยู่ตรงหน้า เสียงหายใจของทั้งผมและเอลฟ์พาลหยุดเงียบ ..จะได้ผลไหม
“สำเร็จ..” ทั้งผมและเอลฟ์ต่างถอนหายใจและยิ้มให้กัน
“ต่อจากนี้ผมจะรันคำสั่งให้ระบบกลับเข้าสู่โหมดปฏิบัติการปกติ”
“...” เอลฟ์พยักหน้าบอกการรับรู้
“คีย ..ได้ยินไหม ถ้าได้ยินตอบด้วย”
“อืม ได้ยิน”
“ทางฉันกับหมออาร์จัดการกับไวรัสของนายเรียบร้อย ระบบทุกอย่างกำลังจะกลับมาอยู่ในคอนโทรล ฉันดูแล้ว ระบบระบายอากาศจะใช้เวลาประมาณสิบนาทีในการเคลียร์อากาศพิษทั้งหมด แต่ในส่วนของนิวเคลียร์ นายรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่ามันใช้ระบบควบคุมแยก”
“ฉันรู้ ตอนนี้เหลืออีกสิบเปอร์เซ็นต์ ระบบจะรีเซตเสร็จ ..ส่วนคิล เงียบไปสักพักแล้ว น่าจะอยู่ในจุดที่อับสัญญาณ”
“นายยังโอเคอยู่ไหมคีย์ เสียงของนาย..”
“ฉันยังปกติดีอยู่”
“ให้ฉันไปหานายไหม”
“ไม่ต้อง แล้วนายทั้งคู่ก็กลับไปที่ห้องผ่าตัดซะ”
“ทำไม”
“เพราะฉันจะสบายใจ”
“..ได้ อย่าลืมเรื่องออกซิเจนด้วย ของนายอาจจะหมดเร็วกว่าคนปกติ”
“ฉันรู้ตัวเองดี เลิกบ่นเป็นคนแก่เถอะ”
“ฉันกับนายอายุเท่ากัน”
“จะไม่ยอมกันเลยสินะ ..อิชะ ฉันต้องป้อนรหัสคำสั่ง”
“ได้ ..ฉันรักนาย”
“ฉันก็รักนาย”

“เกรงใจผมบ้างก็ได้นะอิชะ”
“ขอโทษครับ ผมกับคีย์เพิ่งจะเคยบอกรักกัน ก็เลยออกจะ..”
“ผมเข้าใจ ว่าแต่เราจะเอาไงต่อ”
“คีย์บอกให้คุณกับผมกลับไปที่ห้องผ่าตัด”
“แล้วคิว? เอ่อ แล้วคีย์กับคิว?”
“พวกเขาจะรีบตามมาเมื่อเสร็จงาน”
“...”
.
..อุโมงค์ทางออกฉุกเฉิน
..คิล

..ถึงสักที
ขนาดในความคิดยังหอบ แถมยังหอบอยู่คนเดียว เพราะอีกสองคนที่มาด้วยกันสลบพิงผนังอุโมงค์ไปตั้งแต่ห้านาทีแรกแล้ว กว่าจะผ่านประตูไม้บานแรกมาได้ แรงก็แทบหมด ในพิมพ์เขียวคงไม่ได้บอกว่ามีประตูไม้ง่ายๆ ปิดอยู่ก่อนหนึ่งชั้น มันถูกลงกลอนคล้องโซ่แน่นหนา ต้องกระโดดถีบล้มลุกนับร้อยครั้งกว่าเนื้อไม้จะแตกพอมีช่องให้ลอดผ่าน ..ประตูเหล็กทรงกลมบานหนาถูกปิดสนิทแน่นอยู่ที่ปลายทาง ..นี่สิถึงเป็นประตูสุดล้ำที่คีย์มันบอก ที่ด้านขวาของประตูมีอุปกรณ์สแกนม่านตา เป็นโคลนของลูกประธานโนอาห์มันก็ดีอย่างนี้ จะไปที่ไหนในโนอาห์ก็ไม่มีปัญหา ..ประตูบานยักษ์เปิดออกอย่างช้าๆ ทันทีที่ม่านตาได้รับการยืนยันความถูกต้อง ลมเย็นอ่อนๆ พัดลอดทะลุผ่านขอบของบานประตูอีกชั้นที่อยู่ไกลออกไป ..หวังว่าจะจบที่บานนี้นะ แผ่นพลาสติกขุ่นหนาหลายเส้นที่ทิ้งตัวทอดลงเกือบถึงพื้นยกตัวขึ้นตามแรงลมด้านนอกเป็นระยะๆ ยิ่งพอเดินเข้าไปใกล้ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บเสียดกระดูกที่กำลังพุ่งเข้ามา อุณหภูมิต่างจากในอุโมงค์ที่เดินมาลิบลับ ..อย่างกับมีพายุหิมะ คิดถึงเสื้อแจ็กเกตที่ถอดทิ้งไว้ ไม่น่าเลย ..สองมือจับกระชับเข้าที่มือจับประตู มันเย็นและดูดเนื้อเพราะเป็นแท่งเหล็กเปลือยเปล่า ..น่าจะบอกกันก่อน จะได้เตรียมถุงมือมาด้วย
..ฮึบ!!!

“ตอนที่นายจะเปิดประตูบานสุดท้ายต้องระวังให้มาก”
“ทำไม”
“เพราะระบบดูดอากาศของเราบวกกับความเร็วลม แรงดันอากาศจากข้างนอกนั่น อาจจะทำให้ร่างกายของนายแข็งชาและแหลกเป็นชิ้นๆ ..แทบจะในทันที”
“...”
“เพราะฉะนั้น ฉันเลยไม่อยากให้นายทำมัน”
“แต่เราไม่ได้มีทางเลือกมาก”
“ใช่ ฉันถึงอยากให้นายรอก่อน รอจนกว่าฉันจะบอกให้นายทำ”

..แต่ตอนนี้ดันติดต่อคีย์ไม่ได้ จะทำหรือไม่ทำ ..ผลก็ได้ไม่ต่างกัน แรงที่มีก็ใกล้หมดเต็มที มือทั้งคู่เริ่มแข็งชา ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้คงทำอะไรไม่ได้แน่ ..ให้มันรู้ไปว่าจะตายเพราะของแค่นี้
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
ทันทีที่ออกแรงกระชากประตูให้เปิดออกก็เข้าใจเลยว่าความรู้สึกใกล้ตายเป็นยังไง พายุลมและความหนาวเหน็บพุ่งด้วยความเร็วแรงปะทะเข้าที่ใบหน้า ลําคอ ทุกส่วนของร่างกายแม้แต่ตรงที่มีเสื้อผ้าปิดบัง ..เหมือนโดนเข็มนับพันทิ่มแทง ..ต้องปล่อยมือ! คิดได้ แต่ทําไม่ได้ เพราะเนื้อมือถูกเหล็กเย็นดูดติดเหมือนใครเอากาวที่ติดแน่นที่สุดมาทาไว้ ..อย่างน้อยหนึ่งข้าง ต้องเอามือออกอย่างน้อยหนึ่งข้าง จะได้หลบจากแรงปะทะ ..คิดเสร็จก็ค่อยๆ ง้างนิ้วมือออกทีละนิ้วด้วยความเจ็บปวด ..ฝ่ามือ ส่วนที่กินพื้นที่บนด้ามเหล็กเยอะสุด กลายเป็นส่วนที่ยากที่สุด ..อีกนิดเดียว! กัดฟันเรียกพลังทั้งหมดที่มี ยันเท้าข้างนึงเข้าที่บานประตูฝั่งนั้นให้สวนทางกับทิศที่มือกําลังจะหลุดออก
“อ๊ากกกกกกกกกกก” ถ้าใครผ่านมาได้ยินคงนึกสมเพชเพราะเป็นเสียงกู่ร้องโหยหวนที่ดังออกมาด้วยความเจ็บปวด ..ทันทีที่มือหลุดออกจากด้ามจับประตูข้างหนึ่ง แรงลมก็สะบัดเอาบานประตูอีกข้างที่มือยังติดอยู่ ฟาดเข้ากับผนังกําแพงเต็มแรง ถึงมือจะหลุดออกจากประตูทันที แต่แผ่นหลังกับศีรษะก็กระแทกเข้ากับผนังแข็งอย่างจังจนแทบจะร่วงสลบลงกองกับพื้น ..พลังลมและความหนาวเย็นพัดสาดทะลวงจนอุณหภูมิตลอดอุโมงค์เริ่มแปรเปลี่ยน ..สําเร็จ! ฉันนี่เก่งจริงๆ ..หลังจากชื่นชมกับผลงานของตัวเองได้สักครึ่งนาที ก็พยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน ..ต้องรีบกลับไปหาคีย์ ต้องลากไอ้สองคนที่สลบนั่นกลับไปด้วย ..รู้สึกแข็งชาไปทั้งตัว คงเพราะความเย็นที่กลายเป็นยาชา เพราะไม่รู้ตัวสักนิดว่าเนื้อตัวถูกความหนาวเย็นกัดกร่อนจนเลือดซึม แม้กระทั่งมือทั้งสองข้างที่เต็มไปด้วยเลือดเพราะผิวเนื้อถูกกระชากจนขาดติดคาอยู่ที่ด้ามจับประตู..
.
..เกาะร้าง
..นายพลพละ (พ่อของอาร์)
“..ไอ้สร!”
“อืม กูเอง”
“ทำไมมึงยังเดินอยู่ได้ มึงน่าจะตายไปแล้ว”
“นั่นสิ คงเพราะกูยังต้องอยู่ช่วยโลกใบนี้”
ยิ่งไอ้สรเดินเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเห็นว่าสภาพของมันในตอนนี้ไม่ต่างจากซากคนตาย ..ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะยุบผิดรูป ดวงตาข้างซ้ายมีช่องว่างกลวงลึก แขนข้างนึงขาดหาย ขาข้างเดียวกันกับแขนก็งอหักจนไม่น่าเชื่อว่ามันจะยังใช้การได้ ..ทนดูไม่ไหว รีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างมันไว้ก่อนที่ความไม่สมประกอบของมันจะทิ้งดิ่งจมลงในน้ำทะเลใสที่ถูกย้อมด้วยสีแดงทุกขณะที่มันย่ำเท้าผ่าน
“ขอบใจ” ไอ้สรพูดเบาราวกระซิบเมื่อมันได้นั่งพิงกับลำต้นของต้นมะพร้าวใหญ่ที่ไกลจากสายลมและแสงแรงของทะเลยามกลางวัน
”กูจะทำแผลให้..” พูดไปอย่างนั้นทั้งที่ไม่มีอุปกรณ์อะไรสักอย่าง จะมีก็แค่ผ้าสามเหลี่ยม เข็มขัด และเสื้อผ้า ..ห้ามเลือดได้ ดามขาได้ “กูจะไปหาไม้มาดามขามึง รอกูอยู่ตรงนี้”
ไอ้สรใช้มือข้างที่เหลืออยู่จับเข้าที่ข้อมือผม มันรั้งไว้ไม่ให้ผมลุก “มึงไม่ต้องไปไหน นั่งเป็นเพื่อนกูตรงนี้แหล..” มันพูดไม่ทันจบ เลือดข้นก็พุ่งออกจากปาก
“..มึงรอกู เดี๋ยวกูไปหาสมุนไพรในป่ามาประคบ รับรองได้ผล มึงหายแน่..”
“กูรู้ว่ามึงเก่งเรื่องรักษาคน เหมือนตอนนั้น..ในสงคราม กูรอดมาได้ก็เพราะมึง ไม่งั้นเลือดคงไหลหมดตัวตาย”
“งั้นมึงปล่อยกู เพราะครั้งนี้มึงก็ต้องรอดเหมือนกัน”
“ทำไมวะ..”
“…”
“เมื่อกี้มึงยังจะฆ่ากูอยู่เลย แล้วเสือกมาเป็นคนดีอะไรตอนนี้”
“เมื่อยี่สิบนาทีก่อนกูทำเพราะหน้าที่ ความถูกต้อง แต่ตอนนี้กูทำเพราะมึงเป็นเพื่อนกู”
ไอ้สรหัวเราะ ..หัวเราะทั้งที่เลือดยังคงพ่นทะลักออกจากปาก “กูดีใจที่มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนทั้งที่กูทำเลวไว้ขนาดนี้”
“…”
“กูขอโทษถ้าลูกมึงตาย แต่อย่างน้อย ลูกมึงก็ไม่ต้องทนอยู่บนโลกที่เสื่อมลงทุกวัน ..ลูกกูก็เหมือนกัน”
“..กูถามจริงๆ มึงรู้ตัวไหมว่าสิ่งที่ตัวเองทำมันไม่ถูกต้อง”
“รู้สิ แต่กูทนดูโลกนี้ดีขึ้นทีละน้อยๆ ไม่ไหว มันช้าเกินไป”
“…”
“การซ่อมโลกแบบกูมันได้ผลเร็วกว่า เด็ดขาดกว่า และเห็นผลแน่นอน”
“..งั้นเหรอ กูเองก็อยากเห็นโลกเป็นแบบเมื่อก่อนตอนกูยังเด็ก”
“…”
“..แต่กูไม่เห็นด้วยกับวิธีของมึง ถึงเราจะเปลี่ยนทั้งหมดไม่ได้ แต่แค่เราค่อยๆ ทำให้กงล้อของมันปรับเปลี่ยนทีละนิดๆ กูว่ามันก็ไม่ได้ช้าเกินไปไหมวะ”
ไอ้สรหัวเราะเบาลง ลมหายใจถูกพ่นพร้อมเลือด หน้าอกยกตัวกระตุก
“มึงเลิกหัวเราะได้แล้ว! หายใจช้าๆ ความช่วยเหลือกำลังจะมา มึงนั่งพักก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไร ..ได้ยินที่กูพูดใช่ไหม”
ไอ้สรหยุดหัวเราะ และนั่งนิ่ง มันหลับตาฟังสิ่งที่ผมพูดด้วยรอยยิ้ม ..มันคงเข้าใจดีแล้วว่ามันควรทำตัวยังไงเพื่อจะให้มีชีวิตรอด
“หน่วยพยาบาลเรียกนายพลพละ ได้ยินแล้วตอบด้วย” เสียงเรียกจากหน่วยพยาบาลเรียกสติให้กลับคืนมา ผมละสายตาจากเพื่อนเก่ามองออกไปที่ท้องฟ้าและผืนน้ำ เสียงเครื่องยนต์ของเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆ ดังใกล้ แรงลมจากใบพัดปะทะกับแผ่นน้ำ สีฟ้าวาดเป็นวงกระเพื่อม
“ผมนายพลพละ..”
“คุณมีอาการบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่ เรากำลังจะส่งเชือกโรยตัวลงไป คุณต้องการให้เราส่งคนลงไปรับคุณรึไม่”
“ไม่”
“โอเค เรากำลังจะไปถึงตำแหน่งของคุณ ขอให้รอที่หาดหน้าเกาะ”
“ทราบ”

“..ไอ้สร”

“กูคงอยู่เป็นเพื่อนมึงตรงนี้ไม่ได้ ไอ้อาร์กำลังรอกูอยู่”

“มึงนั่งพักตรงนี้ให้สบายนะ กูว่าตรงนี้วิวดีมาก เหมือนตอนที่มึงกับกูไปซัดพวกเดนตายที่ขนอาวุธเถื่อนมาขึ้นที่อ่าว.. กูรู้ว่ามึงจำได้ เพราะตอนนั้นมึงได้เจอกับพยาบาลสาวรักแรกของมึง ซึ่งมึงก็ได้เขาเป็นเมียจนได้”

“ตอนนี้เขาคงรอมึงอยู่..”

“ออ ถ้ากูเจอลูกของมึง กูจะบอกเขาให้..ว่ามึงรักเขามาก”
...
“..ลาก่อน”
.
.
..ห้องคอนโทรลระบบควบคุมพลังงานนิวเคลียร์
“เอาล่ะ พร้อมนะ เราจะนับถอยหลังและเปิดระบบทั้งหมดพร้อมกันแบบแมนนวล”
“ครับคุณคีย์”
“5.. 4.. 3.. 2.. 1..” เสียงบูทของเครื่องจักรขนาดใหญ่ดังสนั่นหวั่นไหวจนน่ากลัวว่ามันจะระเบิดออก แต่ก็คงดังไม่เท่าเสียงการเต้นของหัวใจ มันรัวเร็วจนปวดในอก
“คุณคีย์เป็นอะไรไหมครับ!” หัวหน้ารีบวิ่งเข้ามาประคองผมให้ไม่ล้ม
“ฉันโอเค..” ตอบแบบนั้นทั้งที่หัวใจ..
“คีย์ได้ยินฉันไหม”
“..อืม”
“เครื่องตรวจวัดความดันบอกว่าความดันในห้องนิวเคลียร์ลดระดับลงแล้ว อากาศพิษก็เริ่มบางลง ออ ฉันสั่งเปิดประตูอีกฝั่งเพื่อถ่ายเทอากาศออกข้างนอก เพราะมีแรงลมจากด้านนอกไหลเข้ามา ..เราทำสำเร็จ”
..ฝีมือของคิล “..อืม”
“นายกับคิลกลับมาได้แล้ว ฉันกับหมออาร์รออยู่”
“…”
“คีย์?”
“…”
“คีย์ตอบด้วย!!”
“คุณอิชะครับ ผมหัวหน้าควบคุมระบบนิวเคลียร์ครับ”
“ครับ เกิดอะไรขึ้นกับคีย์?!!”
“คุณคีย์หมดสติไปแล้วครับ”
“รีบปลดกระดุมเสื้อของเขาแล้วทำซีพีอาร์!! ผมจะรีบไป”
“นายไม่ต้องมา..”
“นาย..?”
“ฉันเอง..คิล”
“…”
“ฉันจะพาคีย์กลับไปหานายเอง”
.
.

ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
Re: The Mission ลุ้นรักภารกิจ LOVE - 021 - End Mission
«ตอบ #26 เมื่อ15-07-2019 12:02:20 »

021
- End Mission -
.
.
..น่านฟ้าทิศตะวันตกของโลก
“ANC เรียกเฮอร์คิวลิสทุกลำ”
“…”
“ตอนนี้ประธานของพวกคุณถูกกำจัดเรียบร้อยแล้ว พวกคุณควรยอมจำนนและลงจอด พวกคุณจะถูกควบคุมตัวไว้ฐานะพยานไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย”
“…”
“เราจะให้เวลาพวกคุณห้านาที หลังจากเวลานี้แล้ว เราจะไม่รับรองความปลอดภัย”
“…”

“เฮอร์คิวลิสซับวันเรียกเฮอร์คิวลิสทั้งหมด”
“ทราบ” / “ทราบ”
“เราจะไม่ยอมตกอยู่ใต้การควบคุมตัวของ ANC แน่นอน ใครจะรู้ว่าพวกเขาจะทำยังไงกับพวกเรา”
“แต่เราสู้อะไรพวกเขาไม่ได้! นั่นมันเครื่องบินรบ”
“ใช่ เราเป็นแค่อากาศยานลำเลียง ฉันคิดว่าเราควรทำตามที่เขาบอก”
“ฉันเห็นด้วย พลเรือนที่อยู่บนเครื่องไม่ควรจะต้องมาเสี่ยงตาย”
“แต่ฉัน..”
“ฉันไม่คิดว่านายจะรับผิดชอบชีวิตคนทั้งหมดไหว..”
“!!”

“เฮอร์คิวลิสแห่งโนอาห์เรียก ANC”
“ANC ทราบ”
“เราจะทำตามข้อเสนอถ้า ANC สามารถทำตามสิ่งที่เรากำลังจะร้องขอ”
“ANC พร้อมรับฟังเงื่อนไข”
“เราขอคำมั่นจากผู้ปกครองประเทศสิบประเทศขึ้นไป ลงนามเป็นลายลักษณ์อักษรในข้อตกลงว่า พลเรือนทั้งหมดของโนอาห์จะมีชีวิตรอดและจะไม่ถูกดำเนินคดีใดๆ เพื่อเห็นแก่มนุษยธรรมและความถูกต้อง”
“เราไม่คิดว่าพวกคุณมีอำนาจในการต่อรองใดๆ”
“!!!”
“ผม..ประธานาธิบดีของประเทศ.. เอาล่ะ ในนามตัวแทนของ ANC กองกำลังพันธมิตรร่วมอุดมการณ์โค่นล้มโนอาห์ (ANC : Anti Noah Corps) เราขอให้คำมั่นกับพลเรือนของโนอาห์ว่า หากตรวจสอบแล้วว่าพวกคุณเป็นเพียงแค่พนักงาน หรือผู้รับจ้างเท่านั้น”
“…”
“พวกคุณจะไม่มีความผิดใดๆ แน่นอน ด้วยเกียรติของผู้นำประเทศ”
“..ตกลง พวกเรา..พลเรือนทั้งหมดของโนอาห์จะปฏิบัติตามข้อเสนอของ ANC”
.
..ทางเดินไปห้องผ่าตัด
..คิล
น้ำหนักตัวของไอ้คนที่หมดสติที่ถูกแบกอยู่บนหลังไม่ได้หนักอะไร แต่ไม่รู้ทำไมร่างกายถึงได้รู้สึกเหนื่อยล้าขนาดนี้ ..อยากจะถอดหน้ากากออกซิเจนจะแย่ อึดอัด อากาศก็ใกล้หมด แต่อิชะบอกว่ายังยืนยันค่าของสารพิษในอากาศไม่ได้ ..ทนมันต่อไป บอกตัวเองว่าต้องเร่งและเร่ง อาการของคีย์น่าเป็นห่วง ถึงจะกลับมามีลมหายใจหลังจากทำซีพีอาร์ให้ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันว่ามันจะไม่จากโลกนี้ไปก่อนถึงมือหมอ ..เลี้ยวซ้ายข้างหน้า เดินไปตามทางอีกสิบเมตรก็จะถึงห้องผ่าตัด อิชะจัดการต่อได้แน่ แค่นี้ก็เรียบร้อย อยากเจอหน้าไอ้เด็กนั่นจะแย่ แค่นึกถึงหน้ากวนๆ ของมัน ..ก็รู้สึกดีแปลกๆ ..แต่แล้วขาทั้งสองข้างก็ต้องหยุดชะงัก เพราะมีคนยืนขวางเต็มทางนับสิบ มีไอ้คนที่ตายยากตายเย็นเดินฝ่าพวกของมันออกมายืนอยู่ด้านหน้า
“..ไง”
“ฉันรีบ ไม่มีเวลามายืนคุยกับนาย ขอทางด้วย ตอนนี้คีย์อาการหนัก”
“..ก็เรื่องของคุณคีย์สิ ไม่เห็นเกี่ยวกับฉัน”
“แต่นี่มันลูกของประธานโนอาห์?”
“แล้วยังไง”
“!!!”
“ฉัน..โทนี่ ฉิน ไม่เคยมีใครอยู่เหนือฉันทั้งนั้น”
“นายนี่มัน.. งั้นคงพูดดีๆ กันไม่ได้”
“จริงๆ ก็ได้นะ แค่นายไปกับฉันดีๆ รู้อยู่แล้วนิว่าตัวเองเป็น ‘โคลน’ ตัวทำเงินของท่านประธาน ถ้านายไปกับฉัน คุณคีย์ก็อาจจะรอด”
“หึ นายคิดว่าฉันจะยอมไปดีๆ ไหมล่ะ”
“ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายจะยอม..” มันพูดยังไม่ทันจบก็โบกนิ้วเรียกให้พรรคพวกเดินดาหน้าเข้ามา
..ขอเวลาฉันสองนาที นึกบอกคีย์ในใจแล้ววางมันลงพิงกับผนัง ..ยังหายใจอยู่ถึงตาจะยังปิดเหมือนคนนอนหลับลึก ..จากหางตาในมุมเกือบร้อยแปดสิบองศามันคนนึงเดินเข้ามาและตั้งท่าจะยกเท้าสูง ..คงกะเตะเข้าที่หัว หึ ไอ้พวกไม่มีฝีมือแถมยังไร้จรรยาบรรณ ไม่เห็นรึไงว่ายังไม่ทันวางคนป่วยเสร็จเรียบร้อย! มือข้างที่ว่างยกปัดเข้าที่ข้อเท้าของไอ้คนไม่มีมารยาท ตามด้วยกระโดดสองขาคู่ถีบตามเข้าที่ท้องของมัน หวังจะใช้มันแทนลูกโบวลิ่งเก็บสไตรค์เพื่อลดเวลาต่อสู้ ..ได้ผล พวกมันล้มลงไปนอนกองกับพื้นเกินครึ่ง ซึ่งไม่มีไอ้จอมตายยากอยู่ในนั้น พวกของมันที่เหลือตีโอบเข้ามาจากด้านหลัง คงไม่คิดเสียเวลาเหมือนกัน มันคนนึงกระโดดขึ้นบนหลังและใช้แขนหนารัดที่คอ เพื่อนของมันตามเข้าปล่อยหมัดหนักที่หน้าท้อง ..ไม่แรงเท่าไหร่ ยังไม่ทันที่มันจะซ้ำ ไอ้คนบนหลังก็ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด เพราะถูกทิ้งตัวเอาหลังลงกระแทกเข้ากับพื้นอย่างรวดเร็ว ส่วนไอ้คนด้านหน้าก็โดนปลายเท้าเตะอัปเปอร์คัตเสยเข้าใต้คาง ..ไม่ทันมองเต็มๆ แต่คิดว่าร่างของมันคงลอยกระเด็นไปไกลในสภาพกลับเข้าสังเวียนต่อไม่ได้ ..พวกมันทยอยล้มร่วงเป็นใบไม้ แต่ก็ยังไม่หมด ตอนนี้ถ้าได้ถอดหน้ากากที่ออกซิเจนใกล้หมด ร่างกายคงจะพร้อมลุยต่อมากกว่านี้..
.
..ห้องผ่าตัด
..อาร์
ทำไมไอ้คิวมันช้าขนาดนี้!! ..ร้อนใจกว่าอิชะก็น่าจะเป็นผมที่เดินวนมันไปมาอยู่หน้าประตูด้านในของห้องผ่าตัดที่เตรียมอุปกรณ์ไว้ช่วยชีวิตคีย์เรียบร้อย
“ผมจะออกไปข้างนอก” บอกอิชะไปแบบนั้น เพราะขืนยังยืนหายใจอยู่แบบนี้ คงได้ตายเพราะความรู้สึกอึดอัดของตัวเองแน่
“ผมไปด้วย”
“ไม่ได้ คุณเป็นหมอของคีย์ คุณควรพร้อมที่สุดเมื่อเขามาถึงที่นี่”
“..งั้นฝากด้วยครับ” อิชะไม่ดื้อกับเหตุผลที่ผมให้ ผมรีบหยิบหน้ากากออกซิเจนที่ยังเหลืออยู่สวมเข้าที่หน้าแล้วเดินออกจากห้อง ทันทีที่ประตูชั้นในของห้องผ่าตัดเปิดออก ก็ได้ยินเสียงโหวกเหวกดังทะลุผ่านผนังห้องเข้ามาเบาๆ ..ไม่บอกก็รู้ว่าข้างนอกนั่นเกิดอะไรขึ้น ผมกดปุ่มเปิดประตูอัตโนมัติ พอเดินออกมาก็เห็นพวกหมาหมู่กำลังรุมคิว!! ส่วนคีย์..หมดสตินั่งอยู่ที่พื้นไกลออกไป พอประมวลเหตุการณ์เสร็จก็วิ่งเข้าหาพวกของมันที่ยืนหันหลังให้ ใช้แขนล็อกเข้าที่คอแล้วหักบิดโค้งจนมันหมดสติล้มลงอย่างเงียบๆ

“คุณอาร์ไม่เก่งเรื่องการต่อสู้ประชิดตัว ถ้าไม่มีอาวุธ แล้วคู่ต่อสู้มาเยอะ ผมว่า.. คุณอาร์วิ่งหนีดีกว่า”
มันเป็นบ่ายแก่ๆ ของวันหนึ่งในหน้าร้อน ในห้องฝึกที่บ้าน และเป็นวันที่เราอยู่กันแค่สองคน.. ตอนนี้เรื่องสมัครเข้าเป็นหน่วยลับกำลังอยู่ในหัวสมอง พอคิวเป็นได้ ผมก็อยากเป็นด้วย การฝึกการต่อสู้เลยเป็นสิ่งที่จำเป็น ผมต้องเชี่ยวชาญให้ได้ คงไม่ยากเท่าจำชื่อเซลล์ประสาทในสมอง แถมผมยังมีแต้มต่อ เพราะมีหน่วยลับติวเข้มให้แบบตัวต่อตัว
“คนเป็นหน่วยลับเขาควรทำแบบนั้นรึไง ถ้ามีใครเห็น คงได้เก็บไปแบล็คเมลล์แน่”
“ผมไม่ได้บอกให้หนีแบบหนีไปเลย แต่ผมกำลังบอกว่าให้หนีไปตั้งหลัก หาที่ที่มันเหมาะกับการจัดการ”
“…”
“ในเมื่อเราจัดการพวกมันทีเดียวหลายๆ คนไม่ได้ เราก็ต้องหนี เพื่อล่อ.. ล่อให้พวกมันแยกกัน เราก็จะเพิ่มโอกาสในการซัดพวกมันได้”
“…” ผมพยักหน้าเข้าใจ ..แล้วก็ไม่บอกแต่แรก
“ถ้ามีซอยมีตรอกให้หลบ ก็หลบ พอมันเผลอก็เข้าโจมตีจากด้านหลัง เคลียร์ทีละคนและต้องแบบเงียบๆ พวกมันจะได้ไม่แห่กันมา”
“ยังไง? ไอ้ที่ว่าจากด้านหลัง เงียบๆ”
“จริงๆ ครูฝึกก็สอนแล้ว?”
“นายก็รู้ว่าฉันอ่อน..”
“คุณอาร์แค่ไม่สนใจตังหาก”
“เออ”
“คุณอาร์ก็แค่..” คิวพูดไปด้วย แล้วก็สอนไปด้วย มันเดินอ้อมมาที่ข้างหลังของผม “..ก่อนอื่น เอาแขนรัดเข้าที่คอแบบนี้”
“…”
“ไงครับ อึดอัดใช่ไหม”
“อืม”
“คุณอาร์ต้องออกแรงทั้งหมด โดยต้องไม่กลัวว่าจะเผลอทำมันตาย”
“!!!”
“อีกมือกดเข้าที่ตำแหน่งนี้.. ไม่ก็ใช้มือของข้างที่รัดนั่นแหละกด แล้วจับคอให้งอลง อย่าลืมว่าต้องปิดปากมันไว้ด้วย เพราะมันต้องแหกปากแน่”
“…”
“ยิ่งคุณอาร์ทำได้เร็วเท่าไหร่ โอกาสรอดของคุณอาร์ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น”
“…”
“ลองดูหน่อยนะครับ”
“..อืม” เป็นผมที่เดินอ้อมเข้าข้างหลังของคิวบ้าง ..ทำตามทุกขั้นตอนที่มันสอน กว่าจะทำถูกและหวังผลได้จริงก็เล่นเอาเหนื่อย เพราะไอ้คิวมันสอนแบบจริงจังและตั้งใจมาก ไม่ยอมให้ผมหยุดพักสักนิด
”งั้นถ้าเราเป็นฝ่ายโดนล็อกคอแบบนี้บ้างล่ะ?” ไอ้คิวถามผม
“..ก็” ผมพยายามเอามือสอดใต้แขนของคิวที่รัดคอของผม ทั้งที่มันรัดไว้หลวมๆ มือของผมก็ยังแทรกเข้าไปไม่ได้ ..ต้องทำไงวะ ไอ้คนตัวสูงกว่านิดหน่อยเห็นผมออกอากาศหงุดหงิด มันเลยกระซิบที่ข้างหู
“คุณอาร์ก็แค่ก้มตัวลง ออกแรงงัดแบบรวดเร็ว แล้วม้วนตัวไปพร้อมกัน..แบบนี้”
..อั่ก!!!! “โอยยย ไอ้เชี่ยคิววว” ทั้งที่ผมนอนทับอยู่บนตัวของมัน และเป็นมันที่กระแทกกับพื้นแข็ง แต่กลับเป็นผมที่ร้องเสียงหลง
“มือที่รัดอยู่ก็จะคลายออกทันที”
“ทำไมไม่บอกก่อนวะ ตกใจหมด”
“…”
“แล้วไหนบอกมือจะหลุด มือมึงก็ยังอยู่บนคอกูเนี่ย”
“ก็คุณอาร์ยังไม่ได้ทิ้งน้ำหนักลงมาจริงๆ”
“…”
“..แล้วผมก็ไม่ยอมปล่อยมือเองด้วย”
“จะฆ่าให้ตาย?”
“ใช่ ผมจะฆ่าคุณอาร์ให้ตายคามือผมเลย” มันพูดจบก็เอามือล้วงเข้าไปใต้กางเกงของผม!
“ไอ้คิว!!”
“อยากตายอยู่ตรงนี้ หรือว่า..”
“จะว่าอะไร.. กูเหนียวไปทั้งตัวแล้ว อยากอาบน้ำ”
“งั้นผมไปอาบให้”
“ไม่ต้อง!”
“งั้นผมไม่ปล่อย” ไอ้คิวไม่พูดเปล่ายังเอาขาสองข้างรัดลำตัวช่วงล่างของผมไว้ ในขณะที่มือของมันก็ยัง..
“ว่าไงครับ หรือว่า..ตรงนี้”
“อืออ..” เสียงครางต่ำของผมคงแทนคำตอบได้ เพราะมันพลิกตัวเองขึ้นอยู่ข้างบนและปล้นลมหายใจของผมทันที

..ดีที่ตั้งใจเรียนวิชาจากไอ้คิวมา ผมจัดการพวกมันสลบไปได้หลายคน พวกมันบางคนเริ่มรู้ตัวและหันหลังมา คิวเองก็เหมือนกัน
“มาทำไม!” ไอ้คิวส่งเสียงดังมาจากอีกฝั่งทั้งที่กำลังซัดพวกมันที่รุมล้อม
“ก็มาช่วยมึงกับคีย์”
“ไม่เห็นจำเป็น แต่ไหนๆ มาแล้ว ก็ช่วยเอาคีย์ไปที มันดูไม่ค่อยดีแล้ว”
ผมพยายามหลบหลีกมากกว่าจะต่อสู้กับพวกมันเพื่อไปให้ถึงคีย์ คิวเองก็คอยกันพวกมันไว้ให้ ..ผมหิ้วปีกของคีย์โดยที่สองเท้ากับมือที่ว่างก็เตะถีบปัดพวกมันเป็นระยะ จนมาถึงห้องผ่าตัดในที่สุด
“อิชะ!”
“คีย์!”
“รีบช่วยคีย์ ผมจะไปช่วยคิว”
“…” อิชะพาคีย์ไปที่เตียงในห้องผ่าตัด และใส่เครื่องช่วยหายใจ สีหน้าของอิชะไม่ดีพอๆ กันกับคีย์ที่หมดสติ คนนึงหน้าซีดเพราะร่างกายป่วย แต่อีกคน..ใจกำลังป่วยเพราะคนรักนอนเจ็บและเสี่ยงจบชีวิต
“ผมเชื่อว่าคีย์จะผ่านไปได้”
“…”
“ผมจะรีบกลับมาช่วยนะครับ”
“ขอบคุณครับหมออาร์”

“นายจะออกมาอีกทำไม ฉันจัดการพวกมันเองได้”
“สองหัวดีกว่าหัวเดียว”
“ฉันไม่เข้าใจ”
“เอาเป็นว่า ช่วยกันจะได้จบเร็วๆ”
ผมดูออกว่าคิวเองก็ล้ามาก เพราะถ้าเป็นคิวที่ร่างกายพร้อมสมบูรณ์ จำนวนคนแค่นี้ไม่น่าเกินห้านาที ไหนจะร่องรอยเลือดตามตัวกับที่มือ ดูไกลๆ ก็รู้ว่าบาดเจ็บไม่น้อย ละอองน้ำใต้หน้ากากก็ออกมาก ..มันกำลังจะขาดออกซิเจน!!
“คิว! รีบเข้าไปที่ห้องผ่าตัดซะ มึงกำลังจะช็อก”
“..เพราะอากาศน่ะเหรอ”
“ใช่!”
“ง่ายนิดเดียว” ไอ้คิวพูดจบก็กระชากหน้ากากของคู่ต่อสู้ของมันออกแล้วสวมบนหน้าของตัวเองแทน “ไง แค่นี้ก็เรียบร้อย”
“…”
“น่าจะคิดได้ก่อนหน้านี้ ค่อยยังชั่ว”
แล้วไอ้คิวก็เปิดฉากลุยกับพวกมันต่อ ผมเองก็เหมือนกัน ..คงอีกไม่นาน ปรายตามองเห็นพวกมันเหลือยืนอยู่ไม่ถึงห้าคน ผมหยุดยืนหอบ ที่เหลือปล่อยให้คิวจัดการไป ผมควรเตรียมสติสำหรับการดูแลมันหลังการต่อสู้ ไหนจะคีย์ที่ไม่รู้ว่าได้สติรึยัง
“มองดูคนรักเพลินเลยนะครับคุณอาร์” ผมหันหลังไปมองเจ้าของเสียง
“..โทนี่!” ผมถีบเข้าที่ท้องของมันทันที กลัวว่าถ้าเปิดโอกาสให้มันแม้เพียงเสี้ยววิ ผมอาจเพลี่ยงพล้ำเสียท่าให้มัน ผมรีบพุ่งตัวตามปล่อยหมัดเข้าที่หน้าของมันไม่ยั้งแม้มันจะล้มลงนอนอยู่ที่พื้น แต่ถึงเลือดจะกลบปาก และผมหยุดเหนื่อยหอบ มันก็ยังแสยะยิ้มออกมาได้
“หมัดหนักใช้ได้นะครับคุณอาร์” พูดจบมันก็หัวเราะในลำคอ “แต่ถ้าผมยังไม่ตายคุณอาร์ก็ยังไม่ปลอดภัยนะครับ” มันยกตัวขึ้นเอาอกหนากระแทกตัวผมจนเป็นผมที่เซถอยออกจากตัวของมัน เผลอสติหลุดนิดเดียวมันก็ยืนอยู่ข้างหลังขณะที่ผมกำลังคุกเข่า เท้าของมันเหยียบหนักอยู่บนน่องขาทั้งสองข้าง ส่วนมือก็ถูกบิดไพล่หลังจนหลุดเสียงร้อง ขณะที่พวกของมันคนสุดท้ายก็ล้มลงใต้ปลายเท้าของคิว
“!!!”
“ไง..นัมเบอร์ซีโร่ จะยอมไปกับฉันดีๆ ได้รึยัง”
“!!”
“บอกเลยนะว่า ต่อให้เป็นคุณอาร์ที่ฉันอยากได้ ยังไงเรื่องผลประโยชน์ก็ต้องมาก่อน” ไอ้โทนี่เอามีดปลายแหลมจ่อเข้าที่ลำคอของผม ของเหลวซึมไหลทันทีที่ปลายแหลมทะลุผ่านเนื้อ
“ไม่ต้องสนกู จัดการมันซะ!”
“ปากเก่งจังเลยน้าคุณอาร์ มันไม่ง่ายเหมือนในหนังหรอกนะ อย่าคิดว่าคนดีต้องเป็นฝ่ายชนะมันทุกครั้ง”
..กูจะทำให้ดู ผมล้มตัวลงนอนและหมุนตัวไปด้านขวา ขาสองข้างหลุดจากน้ำหนักที่กดทับของโทนี่ ฉินทันที คิดว่าคิวน่าจะมาถึงตัวและรับช่วงจัดการโทนี่ต่อได้แน่นอน แต่หนึ่งในพวกของมันดันลุกขึ้นมารั้งคิวไว้ได้ แค่จังหวะเดียวเท่านั้น ผมก็ถูกลำแขนใหญ่ของไอ้โทนี่กระชากให้ยืนขึ้น ..หายใจแทบไม่ออกเพราะแรงรัดที่คอ
“ปล่อยเด็กนั่นซะ!”
“ถ้าฉันไม่ปล่อย นายจะทำอะไรได้ แน่จริงก็เข้ามา..”
“ไม่ต้องท้า!” ไอ้คิววิ่งเข้ามาหาผมกับโทนี่พร้อมกับหมัดที่ง้างพร้อม ผมหลับตาสนิทเพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะหลบแรงปะทะของคิวยังไง
………………………..
..ไม่เกิดอะไรขึ้น! ผมลืมตาขึ้นดู เห็นคิวคุกเข่าอยู่ตรงหน้าด้วยระยะห่างเพียงเมตร!
“ดีนะที่ยอมเสียเวลาไปหาของชิ้นนี้มา”
“!!!”
“โคลนโง่เง่าอย่างนาย ยังไงก็เป็นได้แค่อาวุธที่ต้องทำตามคำสั่ง มันจะไปมีความคิดเป็นของตัวเองได้ยังไง”
ผมมองไปที่มือของโทนี่ ..อุปกรณ์หน้าตาคล้ายไอแพต บนหน้าจอมีหน้าตาคล้ายปุ่มควบคุม ..อย่าบอกนะว่า..!
“ฉันจะให้แกมีความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดก่อนแกจะถูกรียูสเป็นแค่อาวุธโง่ๆ” ไอ้โทนี่พูดพลางออกแรงกดมีดเข้าที่ลำคอของผม ความปวดแสบทำผมกลั้นหายใจ ..จะไม่ส่งเสียงร้องเด็ดขาด!
“ความอดทนเป็นเยี่ยม แต่ผมชอบฟังเสียงไง ทำไมไม่ร้องล่ะครับ” มันยิ่งกดมีดให้จมลึกและกรีดลากเป็นทาง สองมือของผมพยายามปัดป้องขัดขืน แต่ก็ไม่มีผลอะไรกับความแข็งแกร่งที่ต่างชั้น ..เจ็บจนอยากร้องตะโกน แต่กลับไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา ..ความกลัวเริ่มเกาะกุมหัวใจ เลือดของตัวเองไหลอุ่นเปรอะเปื้อนคอ ผมหายใจแรงเหมือนปลาแห้งขาดน้ำ ความรู้สึกใกล้ตายคงเป็นประมาณนี้ 
“ปล่อย..” เสียงของคิว.. มันพยายามพูดทั้งที่โดนควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย
“โอ๊ะโอว นายนี่มันอึดถึกสมกับที่เป็นตัวท็อป”
“!!!” คิวพยายามที่จะขยับร่างกาย แต่มันเป็นไปไม่ได้ ชิปที่อยู่ในสมองของคิวตอนนี้ไม่ต่างจากแม่กุญแจขนาดใหญ่ที่ล็อกอยู่กับโซ่เส้นหนาที่พันรอบตัวคิว ..ขยับไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว
“..ไม่ต้องสนใจกู! อย่างมากก็แค่ตาย อย่าฝืนขยับตัวเด็ดขาด สมองของมึงรับไม่ไหวแน่” ใช่ เซลล์สมองต้องเกิดความเสียหาย ..มันอันตรายถึงชีวิต!
..แต่คิวก็ฝืนลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก “แต่ฉะ.. ฉัน.. จะ.. ไม่.. ยอม.. ให้.. ใคร.. มาทำอะไรนายได้!” พูดจบคิวก็พุ่งตัวเข้าหาโทนี่ มันชนร่างใหญ่จนกระเด็นออกจากตัวของผม
“รีบไปหาอิชะซะ!!” คิวตะโกนบอกผม ถ้ามองไม่ผิด ..มันมีเลือดไหลออกมาจากตา!!!!
“กูไม่ไป!”
“ฉันบอกให้รีบไป อย่าอยู่เป็นภาระ”
“!!!” คิวพูดถูก ขืนผมยังยืนอยู่ตรงนี้ คิวก็ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ผมกุมคอที่เปื้อนเลือดและเดินห่างออกไปจากจุดต่อสู้ อย่างน้อยโทนี่ก็ลากผมเข้าไปเกี่ยวไม่ได้อีก แต่จะให้ทิ้งคิวไป ..ผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน
.
..คิว
“ฉันบอกให้รีบไป อย่าอยู่เป็นภาระ” พูดเก่งทำเท่ห์ทั้งที่ข้างในหัวปวดจนแทบจะระเบิด ตาสองข้างก็เริ่มพร่าเบลอ หน้าก็เปื้อนทั้งของเหลวข้นที่ออกจากตากับจมูก ..หึ แค่ต้องเคลียร์ไอ้บ้านี่ให้จบๆ ไปสักที ปล่อยหมัดตรงซัดเข้าที่หน้าของมัน ..ถึงจะหลบได้ แต่มันก็หลบขายาวๆ ที่ยกเตะสูงฟาดเข้าที่คอไม่ทัน แถมก่อนที่มันจะเซล้มก็โดนเท้าคู่กระแทกที่อกหนาเต็มแรงจนตัวมันปลิวไปปะทะกับเสาเหล็กและล้มล่วงลงนอนกับพื้น แต่มันก็ไม่ได้สลบอย่างที่ใจหวัง มันลุกขึ้นยืนแทบจะทันที และคว้าเอาของสะท้อนแสงออกจากอก ..มีดพก! มันคว้างมาแบบเต็มแรงมือ ..พลาดไปนิดเดียว แต่ก็เฉี่ยวเข้าที่เนื้ออกจนได้เลือด มันไม่ปล่อยโอกาสแม้ตอนคู่ต่อสู้เผลอ วิ่งเข้ามาจู่โจมเตะตอกที่ท้อง ..เล่นเอาจุก แถมตอนนี้ภาพที่เห็นก็แย่ลงเรื่อยๆ การเคลื่อนไหวร่างกายก็ช้าลง ..ต้องรีบจบ คิดเสร็จก็วิ่งเข้าปะทะมันอย่างบ้าคลั่ง เอาหัวกระแทกจนมันได้เลือด..
.
..อาร์
ผมทนมองต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว สภาพของคิวแย่เต็มที การเคลื่อนไหวของมันในตอนนี้มาจากประสาทสั่งการแบบอัตโนมัติที่ร่างกายคุ้นชินทั้งหมด เซลล์สมองของคิวในตอนนี้เสียหายจนรักษาไม่ได้อีกแล้ว ..น้ำตาอุ่นๆ ของผมไหลอาบสองแก้ม บาดแผลที่คอไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดอย่างที่ควรจะเป็น ..พอได้แล้ว!! ต่อให้ผมตะโกนบอกมันไป เสียงของผมก็คงไปไม่ถึง คิวแน่วแน่กับความตั้งใจของมันทุกครั้ง ไม่ว่าตอนนี้มันจะเป็นคิวคนไหน.. คิวสู้กับโทนี่ ฉินแบบไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของมันทำผมเจ็บปวด ..บาดแผลที่เพิ่มขึ้น เลือดที่หยดไหลไปตามทาง ความทรมานที่มันไม่ยอมแสดงออกมา ..จนกระทั่งแรงรัดสุดท้ายที่มันใช้กับคอของโทนี่ ฉิน คนร่างหนาที่อยู่ใต้อาณัติของคิวดิ้นขลุกขลักพยายามกระทุ้งศอกหนักๆ เข้าที่ท้องของคิวหลายต่อหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้ผล.. คิวของผมอยู่ในโหมดปิดกั้นการรับรู้ถึงความเจ็บปวด ไม่ก็อยู่ในภาวะต่อสู้แบบแลกชีวิต และในที่สุด..มันก็ทำสำเร็จ โทนี่ร่างแข็งเกร็ง สีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมานก่อนจะหมดลมหายใจ ..จบสิ้นกันที ผมรีบวิ่งเข้าไปรับร่างของคิวที่ทิ้งตัวลงหลังจากมันคลายอ้อมแขนออกจากคอของซากศพ ผมจับคิวขึ้นหลังแล้วรีบแบกมันกลับมาที่ห้องผ่าตัด ..อิชะเป็นหมอที่เก่งมาก อิชะดูแลคีย์มาตลอดชีวิตได้ อิชะก็ต้องรักษาคิวได้.. ผมพยายามหยุดเสียงสะอื้นเพราะกลัวว่ามันจะสะเทือนไปถึงคิว ..มันเจ็บมากพอแล้ว
“..จะ ..ร้อง ..ทำไม” คิวพยายามเปล่งเสียงพูด
“เรื่องของกู.. มึงไม่ต้องพูดมาก”
“หึ” มันส่งเสียงในลำคอก่อนจะเงียบไปจนผมใจเสีย
“คิว! มึงยังอยู่ใช่ไหม”
“จะ.. เอา.. ไง.. แน่..” เสียงของคิวติดๆ ขัดๆ และช่างแผ่วเบา ไม่ต่างจากใจของผม ..มันเต้นอ่อนแรงลงทุกที
“กูยังอยากได้ยินเสียงมึง..ต่อไปเรื่อยๆ”
“ดี.. ใจ..”
“กูก็ดีใจที่ได้เจอมึงอีก อดทนหน่อย ใกล้ถึงมือหมอแล้ว”
“นาย.. ก็.. หมอ..”
“ไม่..” ..ตอนนี้ผมไม่เหลือสติไว้รักษาใครทั้งนั้น
“นาย.. เป็น..”
“…”
“เป็น.. ให้.. ที..”
“ไม่.. กูเป็นไม่ไหว แต่ไม่ต้องห่วงนะ มีอิชะทั้งคน เขารักษามึงได้แน่” ผมพยายามข่มเสียงที่สั่นเครือ แต่ร่างกายผมมันไม่เชื่อฟัง น้ำตาก็ไหลรื้นท่วมจนผมมองทางไม่ถนัด มันเอ่อร้นเต็มกรอบตาจนเห็นภาพโมเสค
“เอา.. ใจ.. ฉัน.. ให้คีย์..”
ขาของผมเดินช้าลง “มึง..”
“ฉัน.. กำลัง.. จะ.. ตาย..”
“…”
“รู้.. ใช่.. ไหม..”
“…” ผมพยักหน้า เท้าสองข้างก้าวเดินด้วยความหนักหน่วง หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ผมเม้มริมฝีปากแน่นกล้ำกลืนคำพูดและความรู้สึกที่ดำดิ่ง มันเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่เคยคิดจินตนาการ ..มันเร็วเกินไป ผมเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะได้คิวกลับคืนมา ..คิวคนใหม่ที่ยังคงเป็นคิว ผมกำลังจะสร้างความทรงจำใหม่กับมันอีกครั้ง แต่ตอนนี้..ผมไม่เหลือโอกาสอะไรอีกแล้ว..ไม่ว่าจะกับคิวคนไหน
“ทำ.. ได้.. ไหม..” เสียงของคิวเบาลงทุกที
“..ได้สิ” ผมพูดทั้งที่ทนเก็บความรู้สึกไว้แทบไม่ไหว ใจของผมแทบจะแตกออกเป็นชิ้นๆ
“ขอบ.. ใจ..” เหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน หัวใจของคิวเต้นอ่อนลง ผมสัมผัสมันได้ผ่านแผ่นหลัง ..เวลาของคิวใกล้หมดแล้ว ผมกระชับมือแน่น เร่งฝีเท้าจนมาถึงห้องผ่าตัด อิชะมองผมด้วยความตกใจ
“เกิดอะไรขึ้นครับ!!”
“คุณ..เคยผ่าตัดหัวใจไหมครับ” ผมไม่สามารถพูดโดยที่เสียงยังเป็นปกติ
อิชะนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะตอบ “ผมซ้อมเปลี่ยนหัวใจมาเป็นร้อยรอบ เพื่อที่จะผ่าตัดให้คีย์..”
“..ดีครับ”
“…”
“คุณคงได้ผ่าตัดให้คีย์จริงๆ สักที”
“คุณหมายความว่า..”
“คีย์มีหัวใจที่เหมาะสมที่สุด..ของคิว”
“…”
“คิวอยากให้หัวใจของมันกับคีย์.. ไม่มีเวลาอธิบายอะไรแล้วครับ คุณรีบเตรียมตัวดีกว่า” ผมพยายามหลบตาของอิชะที่มองมา ..ผมอยากจะเห็นแก่ตัว อยากจะบอกให้อิชะรักษาสมองให้คิว อยากจะขอร้องให้ยื้อชีวิตของคิวให้ผม อยากจะบอกว่าคีย์ยังอยู่ต่อไปได้โดยไม่ต้องใช้หัวใจของคิว ..ทำเพื่อผมได้ไหม
“..ครับ แต่หมออาร์จะเป็นผู้ช่วยผ่าตัดได้ใช่ไหมครับ”
ผมยิ้มตอบทั้งน้ำตา.. กดความรู้สึกเจ็บปวดไว้ข้างใน และหายใจลึก “ได้สิครับ คิวขอผมไว้ ..ภารกิจสุดท้ายของมันกับผมที่จะทำด้วยกัน”
“ขอบคุณมากครับ”

..ทั้งผมและอิชะต่างสวมชุดคลุมสำหรับผ่าตัด ไฟสว่างฉายเหนือร่างของคนหน้าเหมือนกันที่ต่างนอนสงบนิ่ง ..คนหนึ่งโอกาสรอดชีวิตเป็นศูนย์ ส่วนอีกคนยังมีโอกาสใช้ชีวิตต่อ
“หมออาร์พร้อมนะครับ”
“ครับ”
“รบกวนด้วยครับ”
..มันเป็นครั้งแรกของผมในการเป็นผู้ช่วยในห้องผ่าตัด ผมควรจะรู้สึกตื่นเต้น ตื่นตัว แต่สติและสองมือของผมตอนนี้กลับกำลังทำหน้าที่ตามคำสั่งเท่านั้น เพราะหัวใจของผมมันด้านชาไปหมด ..เปลือกตาที่ปิดสนิทราวกับคนนอนหลับเป็นใบหน้าที่ผมแอบมองมาตลอดนับครั้งไม่ถ้วน คิวชอบคิดว่าตัวมันตื่นก่อนในทุกครั้งที่เราหลับไปด้วยกัน ทั้งที่จริงๆ แล้ว เป็นผมตังหากที่ตื่นขึ้นมาเพื่อจ้องมองมันที่กำลังหลับอยู่ข้างๆ ..เพราะผมไม่กล้ามองมันเต็มตาสักครั้งเวลาได้อยู่ใกล้ ..กลัวว่าตัวเองจะเผลอแสดงออกมากเกินไปว่ารู้สึกกับมันมากกว่าแค่เพื่อนร่วมงาน หรือคู่นอน จนกระทั่งคืนที่ผมสารภาพความในใจออกไป ..คิวรู้สึกเหมือนกันกับผม ผมดูออกมาตลอด ติดแค่ไอ้คิวมันไม่กล้า.. เรากำลังจะเริ่มสถานะของคนรักที่ชัดเจน  แต่มันก็กินเวลาได้แค่สามวันก่อนที่คิวจะถูกพาตัวจากผมไป
..ผมมองหัวใจของคิวที่ถูกประคองอยู่ในมือ และมองไปที่ใบหน้าของคนที่ผมรัก ..งานชิ้นสุดท้ายของเรากำลังจะสำเร็จลุล่วง ..มึงเก่งมากคิว กูจะทำให้ได้เหมือนมึง

..มันไม่ง่ายเลยกับเวลาร่วมสามชั่วโมง จนการผ่าตัดปิดแผลของคีย์เลร็จเรียบร้อย และร่างของคิวที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดีโดยอิชะ ..ผมยืนยิ้มทั้งที่รู้สึกอิดโรย
“หมออาร์.. ขอบคุณมากนะครับ”
“เป็นการผ่าตัดที่ยอดเยี่ยมมากครับ”
“แต่ถ้าผมไม่ได้ผู้ช่วยที่มีความสามารถ ผมคงทำมันไม่ได้แน่”
“ขอบคุณครับ” ผมยิ้ม มันเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แม้ว่าความรู้สึกของผมตอนนี้มันจะ..
“ไอ้อาร์!” ผมหันไปมองต้นทางของเสียง นายพลพละพ่อของผมยืนอยู่ที่หน้าประตูชั้นนอกของห้องผ่าตัด พ่อคงเข้ามาหลังจากสัญญาณไฟหน้าห้องบอกว่าการผ่าตัดได้เสร็จสิ้นลงแล้วตามมาตรฐานการรักษา ผมเดินไปหาพ่อ พลางถอดหมวกและเสื้อคลุมที่เปื้อนเลือดออก
“..พ่อ” พ่อดึงผมเข้าไปกอดแน่น
“แกไม่เป็นไรสินะ”
“อืม ผมสบายดี”
“ไอ้คิวอยู่ไหน”
พอได้ยินคำถาม ..น้ำตาที่เก็บกลั้นมาตลอดก็กลับไหลออกมาอีกครั้ง ผมจะทำยังไงต่อไปในวันที่ผมจะไม่มีคิวอีกแล้ว
.
.



ออฟไลน์ After5p.m.

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
022
- บทส่งท้าย –
.
.
..สองปีผ่านไป
..โรงพยาบาล B
..อาร์
“ทำซีพีอาร์!!”
“ส่งเอกซเรย์กระดูก”
“เอาล่ะ หมอจะฟังเสียงของปอดนะ ค่อยๆ หายใจ”

..ชีวิตของผมกำลังเป็นไปในแบบเดิมๆ ทุกๆ วัน และยุ่งๆ ตามแบบฉบับของหมอแผนก ER
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น พ่อก็ไม่บังคับให้ผมกลับไปเป็นหน่วยลับ พ่อให้เหตุผลว่า ถ้าผมตายขึ้นมา พ่อต้องทนฟังแม่บ่นจนหูชาแน่ ผมว่ามันคงเป็นเหตุผลอ้อมๆ ของคนเป็นพ่อที่ฟอร์มเก่ง กระดากแม้กระทั่งจะแสดงความรู้สึกของตัวเองออกมาว่าห่วงลูกมากแค่ไหน ..ส่วนผมเองก็หมดความคิดที่จะเป็นหน่วยลับ คิวเองก็คงต้องการให้เป็นแบบนั้น เราได้ทำภารกิจสุดท้ายร่วมกันแล้ว และผมคิดว่ามันควรจะเป็นความทรงจำสุดท้ายของการเป็นหน่วยลับ ไม่ควรมีภารกิจไหนหรือคู่หูคนใดมาลบภาพระหว่างผมกับคิวได้
อาณาจักรโนอาห์ถูกปรับจากการอยู่ในที่มืดให้มาอยู่ในที่สว่าง กลายร่างเป็นศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ที่ล้ำสมัย มีนักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ที่คอยคิดค้น ประดิษฐ์ และทดลอง รวมพลังการสร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก แน่นอนว่ามีประธานคนใหม่นั่นก็คือนายไบรตัน ออสบอร์ หรือก็คือคีย์ และมีเลขาส่วนตัวเป็นอิชะ ผลงานที่สร้างสรรค์ภายใต้โครงการของโนอาห์ถูกเผยแพร่ ตีพิมพ์อยู่ตามนิตยสารวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก ผมเองก็ติดตามข่าวของคนทั้งคู่ตลอด แรกๆ ก็เพราะอยากมองหน้าของคีย์ เพราะมันทำให้ผมยังคงจำหน้าของคิวได้ แต่พอเวลาผ่านไปก็รู้สึกได้ว่า ..คีย์ ไม่ใช่คิว.. ผมเลิกที่จะมองหาหน้าของคีย์ และดูเหมือนคีย์เองก็ไม่ชอบการตกเป็นเป้าสายตาของใครๆ ถึงได้ไม่ปรากฎตัวตามสื่อหรือที่สาธารณะ ผมเองก็เลยพลอยลืมใบหน้าของคิวไปสนิท แต่มันก็ไม่ได้จำเป็นอะไรนัก เพราะผมจดจำคิวได้ ..ทุกอย่างยังคงชัดอยู่ในความทรงจำ แม้กระทั่งวันแรกที่เราได้เจอกัน

“เป็นเรื่องน่าทึ่งมากเลยนะครับที่เราจะสามารถถ่ายโอนความทรงจำของเราออกมาได้”
“ครับ ถึงจะอยู่ในขั้นเก็บข้อมูล และทดลอง แต่มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่เราจะทำตามสมมติฐานได้”
“สมมติฐาน?”
“ครับ ทางทีมวิจัยคิดว่า ในเมื่อสมองของเรามีระบบคลื่นไฟฟ้าในการส่งสัญญาณสื่อสารกันระหว่างเซลล์ เราก็น่าจะมีวิธีการถอดรหัสและแปลงคลังความทรงจำให้ออกมาอยู่ภายนอกสมองได้ครับ”
“โอ้ว มันฟังดูมหัศจรรย์ราวเวทมนตร์เลยนะครับ”
“…”

ผมกำลังนั่งดูรายการยอดนิยมอันดับต้นๆ ของโลกที่พิธีกรมักเชิญนักวิทยาศาตร์เบอร์ต้นๆ ของโลกมาเล่า มาอัพเดทเทคโนโลยีล้ำๆ นวัตกรรมใหม่ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นบนโลก และยิ่งอีพีนี้มีแขกรับเชิญเป็นคนใกล้ตัว ผมเลยยิ่งต้องดู ..เขาก็คือหมอชิน ผู้ที่ทำให้ชะตากรรมของโลกยังคงเป็นไปในแบบที่ควรเป็น
“มันจะเป็นไปได้เหรอครับคุณหมอ”
“อาร์จะเรียกพี่ว่าพี่หมอไม่ได้จริงๆ เหรอ” หมอชินทำหน้าอ้อนวอน
 ผมยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเพื่อดึงจังหวะในการตอบ “คุณหมอครับ ผมเรียกแบบนี้เหมาะที่สุดแล้วครับ”
“เฮ้อ พี่เสียใจนะ”
“ขอโทษครับ เอาเป็นว่ามันจะเป็นไปได้เหรอครับ แล้วการทดลองที่ว่า ทีมวิจัยของคุณหมอทำไปถึงขั้นตอนไหนแล้วเหรอครับ ผมถามได้ไหม”
“สำหรับอาร์ พี่พร้อมตอบทุกคำถามนะ”
“…”
“..ถ้าเย็นนี้อาร์ยอมไปกินข้าวกับพี่”
“ผมขอตัวนะครับ วันนี้ผมล้าจริงๆ อยากรีบกลับไปนอน”
“..งั้นไว้วันหลังก็ได้ ส่วนที่ว่าการทดลองนี้ไปถึงขั้นไหนแล้ว”
ผมมองหมอชินด้วยความตั้งใจ แต่ในใจก็พอจะรู้คำตอบ ..มันไม่มีทางเป็นไปได้
“มีการทดลองนึงที่ทำสำเร็จ”
“จริงเหรอครับ”
“อืม ใช่ อีกไม่นานอาร์ก็คงได้เห็น แต่ตอนนี้ ..มันเป็นความลับที่ยังเปิดเผยไม่ได้”
“...” ผมพยักหน้ารับรู้ก่อนจะล้วงเอามือถือที่สั่นประท้วงอยู่ในกระเป๋าเสื้อกาวน์ “ครับ”
[คุณหมอยังอยู่ในโรงพยาบาลไหมครับ]
“อืม ผมยังไม่กลับ” ตอนนี้ผมแทบจะใช้โรงพยาบาลเป็นบ้านอีกหลัง จะกลับคอนโดก็ต่อเมื่อเป็นวันหยุด ไม่ก็ในวันที่เหนื่อยล้าจนต้องชาร์จพลังให้ตัวเอง..ด้วยสถานที่ที่มีความทรงจําของคิวอยู่ ..พลังใจของผม
[งั้นดีเลยครับ! ศูนย์วิทยุแจ้งเข้ามาว่าเดี๋ยวจะมีผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ไฟไหม้เข้ามาครับ น่าจะเกินสิบราย]
“ได้ ผมจะรีบไป” ผมรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที มันเป็นเคสฉุกเฉินที่ต้องการแพทย์เพื่อให้การรักษาอย่างเร่งด่วน ไม่รู้ว่าอาการจะหนักแค่ไหน
“เคสด่วนเหรออาร์”
“ครับคุณหมอ ..ไฟไหม้”
“งั้นคืนนี้อาร์คงไม่ได้กลับอีกตามเคย”
“คงงั้นครับ”
“งั้นพี่อยู่รออาร์นะ”
“อย่าเลยครับ คุณหมอทําแบบนี้ผมลําบากใจนะครับ”
“พี่เข้าใจอาร์นะ แต่พี่ก็อยากให้อาร์เปิดใจ ..ชีวิตคนเรามันสั้น หาความสุขให้ตัวเองไม่ดีกว่ารึไง”
ผมยิ้ม “ครับ ชีวิตคนเรามันสั้น แต่ผม..ไม่เคยรู้สึกว่าเขาหายไปไหน”
“...”
“ผมไปก่อนนะครับ” ..มันคือเรื่องจริงที่ผมรู้สึกแบบนั้น ไม่ได้กําลังหลอกตัวเองหรือไม่คิดเดินไปข้างหน้า ผมแค่เลือกจะหยุดความรู้สึกไว้แค่ที่คิว ไม่รู้คุณเคยเป็นไหม.. การที่เรารักใครได้แค่คนเดียว เพราะเขาคือคนที่เกิดมาเพื่อคุณ

หน้าโรงพยาบาลกําลังเกิดความวุ่นวาย  เหมือนทุกครั้งที่มีรถฉุกเฉินเข้ามาส่งต่อผู้บาดเจ็บเร่งด่วน ผมวิ่งเข้าหารถเข็นนอนคันนึงที่มีเด็กน้อยนอนร้องไห้เสียงดังด้วยความเจ็บปวดทรมาน ตามตัวมีรอยแดงที่เกิดจากความร้อน เส้นขนถูกทําลายเล็กน้อย มีแผลถลอกที่น่าจะเกิดจากการล้มลุกคลุกคลานเอาตัวรอด
“เข็นเข้าห้องฉุกเฉิน เตรียมอุปกรณ์ทําแผล”
“ครับ”
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ถึงมือหมอแล้ว เดี๋ยวก็หายเจ็บ ไม่ต้องร้องนะครับ” ผมพูดปลอบเด็กชายที่ขวัญเสีย โชคยังดีที่ระดับของการเผาไหม้อยู่แค่ระดับที่หนึ่ง
“คุณหมอครับ! มีผู้ป่วยโคม่าครับ หมดสติอยู่ในที่เกิดเหตุ”
ผมมองหาคนไข้ที่ว่า “เตียงไหน”
“กําลังมาครับคุณหมอ”
ผมมองไปที่ประตูห้องฉุกเฉิน ชายร่างสูงผิวสองสีกำลังก้าวเท้าเดินเข้ามาด้วยความมั่นคงและหนักแน่น สายตามองตรงมาที่ผมแบบไม่คิดหลบสายตา ..ไม่ถูกชะตา บนหลังของคนๆ นี้ มีผู้ป่วยที่หมดสตินอนสลบไสลอยู่ ผมถอนหายใจและเดินตรงไปที่ชายแปลกหน้าทันที คงเป็นญาติของผู้ประสบภัย
“ทําไมคุณไม่ให้บุรุษพยาบาลรับคนไข้ต่อ คุณไม่ควรแบกเขาขึ้นหลังแบบนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น คุณจะรับผิดชอบไหวรึไง!”
“...” คนตรงหน้าไม่ตอบ
“..งั้นคุณวางเขาลงบนเตียง แล้วก็เชิญออกไปรอด้านนอก” ไม่มีประโยชน์ที่จะซักหาเหตุผล ..เสียเวลาเปล่า ผมหันกลับมาตั้งสติกับอาการของคนไข้ มีแผลสด ปุ่มน้ำอยู่ตามตัว รวมถึงใบหน้า ขนจมูกถูกเผาไหม้ มีเสียงตอนหายใจ ..ระดับการเผาไหม้อยู่ระดับที่สอง “น่าจะสําลักควัน มีภาวะ Inhalation Injury ให้สารน้ำ แล้วก็ให้ออกซิเจนความเข้มข้นร้อยเปอร์เซ็นต์ วัดค่า COHb ในเลือด”
“ค่ะคุณหมอ”
ผมเดินตรวจตามเตียงผู้ป่วยหลายคนจนหมดแรง ยังดีที่ไม่มีใครเสียชีวิตถึงจะมีอาการหนักบ้างเบาบ้าง ..สถานการณ์คลี่คลาย ผมมองไปรอบๆ ห้องฉุกเฉินเพื่อดูว่ายังมีผู้ป่วยคนไหนต้องการการรักษาเร่งด่วน จนกระทั่งสายตามาสะดุดเข้ากับผู้ชายคนเดิมที่พาผู้ประสบภัยเข้ามา ผมเดินเข้าหาด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์ “ทำไมคุณยังอยู่ในนี้ ที่นี่ห้ามบุคคลที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์เข้า ไม่ทราบกฎรึไงครับ”
มันยิ้มมุมปากข้างเดียว ท่าทีสบายๆ “ผมยังไปไม่ได้”
“ทำไมครับ”
“ผมต้องเฝ้าเขาไว้” มันชี้ไปที่คนไข้ที่ตัวเองพาเข้ามาเมื่อราวชั่วโมงที่แล้ว “ผมจะไปก็ต่อเมื่อตำรวจมาเท่านั้น”
“ทำไมครับ กลัวเขาหายรึไง”
“ใช่”
“ผมจะพูดกับคุณดีๆ อีกครั้ง ญาติ..กรุณารอด้านนอก”
“...”
“ถ้าคุณยังดื้อที่จะอยู่ในนี้ ผมคงต้องให้ รปภ. มาเชิญคุณออกไป”
“ผมไม่คิดว่าจะมีใครเชิญผมออกไปได้ ถ้าผมไม่ต้องการ”
ผมมองหน้าไอ้คนตรงหน้า ถ้าไม่ติดว่าตอนนี้ผมกำลังสวมบทหมอผู้ช่วยชีวิตคน ผมคงใช้กำลังจัดการสถานการณ์นี้ ถึงจะไม่แน่ใจว่าตัวเองจะทำให้ไอ้คนตัวสูงกว่าเล็กน้อยเจ็บตัวได้รึเปล่า ผมคลายมือที่กำหมัดแน่น “งั้นลองดูหน่อยล่ะกันครับ” ..ไม่ลงมือเองก็ได้ ผมเดินไปที่เคาเตอร์พยาบาลและยกหูโทรศัพท์กดเบอร์เรียกหน่วยรักษาความปลอดภัยของโรงพยาบาลทันที ..อยากรู้ว่าจะแน่สักแค่ไหน แต่ทันทีที่ รปภ. มาถึง ผมก็ได้คำตอบ มันแน่กว่าที่ผมคิด แรงฉุดกระชากของ รปภ. สองคนไม่อาจทำให้ไอ้ร่างแกร่งขยับเขยื้อนออกจากจุดที่ยืนอยู่ได้สักนิด และถึงจะพยายามจัดการเงียบๆ แต่ทั้งคนไข้ พยาบาล และหมอคนอื่นๆ ก็เริ่มหันมาสนใจสถานการณ์เป็นตาเดียว
“ผมขอยืนยันอีกครั้งนะครับ ญาติกรุณารอด้านนอก ช่วยอย่าสร้างความวุ่นวายได้ไหมครับ!” ผมพยายามข่มเสียง และพูดด้วยรอยยิ้ม ..ไม่อยากโดนร้องเรียน
“ผมก็ยืนยันว่าจะรอเจอตำรวจก่อน”
“ไหนครับ! คนไหน” เสียงโหวกเหวกนำมาก่อนที่ประตูห้องฉุกเฉินจะถูกเปิดออก ตำรวจสองสามนายกำลังเดินเข้ามา ..ไม่ใช่ภาพที่เห็นได้บ่อย
“มีอะไรรึเปล่าครับคุณตำรวจ ถ้าไม่เร่งด่วน กรุณารอด้านนอกด้วยครับ” ทำไมมีแต่คนไม่เคารพกฎวะ!
“ผมได้รับแจ้งมาว่า หนึ่งในผู้ประสบเหตุเป็นคนวางเพลิงครับ”
“..คนวางเพลิง?”
“ครับ”
“ถามน้องคนนี้เลยค่ะคุณตำรวจ” หนึ่งในผู้ประสบเหตุพูดขึ้น และชี้ไปที่ไอ้คนกวนอารมณ์ “น้องเขาเป็นพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยไอ้เวรนั่นไม่ให้ตายคากองเพลิง แต่ไม่รู้จะช่วยทำไม น่าจะปล่อยให้ตายๆ ไปซะ”
“?!!?” ห่ะ ไอ้บ้าเนี่ยนะพลเมืองดี ..แถมช่วยไอ้คนวางเพลิง?
“ว่าไงครับคุณ ผู้ต้องสงสัยอยู่ไหน” ตํารวจถามไอ้พลเมืองดี มันชี้ไปที่คนไข้ที่มันแบกเข้ามา
“โอเค ขอบคุณคุณมาก ไว้ทางตํารวจจะติดต่อกลับไป คุณสะดวกที่จะให้ปากคําที่โรงพักไหม”
“ผมยินดีเสมอครับ” มันเหลือบตามองมาที่ผม “..เพราะผมเป็นพลเมืองดี ที่ไม่เคารพกฎ” แล้วมันก็เดินทอดน่องออกไปจากห้องฉุกเฉิน ..คิ้วของผมกระตุกขมวด แล้วทําไมไม่รีบบอกว่าตัวเองกําลังเฝ้าคนร้าย โธ่เว้ย! เสียหน้าชะมัด ผมพยายามผ่อนลมหายใจนับหนึ่งถึงยี่สิบก่อนจะเดินกลับไปที่เตียงของไอ้คนวางเพลิง ..ได้สติ แสดงสีหน้าประหลาดแถมยังฝืนจะลุกขึ้นจากเตียงทั้งที่มีสายระโยงระยาง และพยาบาลก็กำลังพยายามกดร่างของเขาให้นอนลง แต่แล้วพยาบาลสองคนก็ถูกมันสลัดจนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ทันที ตํารวจก็เช่นกัน
“อยู่นิ่งๆ อย่าคิดหนี! ยังไงก็ไปไหนไม่รอด” ตํารวจนายหนึ่งพูดโพล่งออกไป ส่วนไอ้คนร้ายก็แสยะยิ้มใต้หน้ากากออกซิเจน ผมรู้ได้เลยว่ามันคิดจะทําอะไรดูจากการใช้สายตาเหลือบมองของมัน ..ด้านขวาของมันมีชุดเครื่องมือทําแผล หนึ่งอุปกรณ์ในถาดเครื่องมือนั่นคือกรรไกร ส่วนเตียงด้านซ้ายก็มีเด็กน้อยที่ยังตื่นตระหนกจากเหตุการณ์ไฟไหม้ ..หนีแน่ และมันมีตัวประกัน ผมคิดประมวลยังไม่ทันเสร็จ มันก็ชิงลงมือ แต่ผมก็ไวพอที่จะพุ่งตัวเข้าชาตที่ข้อมือของมัน ผมออกแรงหักบิดจนกรรไกรหลุดออกจากมือของมัน แต่ผมคงประมาทเกินไป เพราะมันกลับกระชากคอของผมเข้าใต้แขนที่เต็มไปด้วยแผลเหวอะ
“ตอนนี้คุณต้องรักษาตัวก่อน!” ผมพูดทั้งที่ตกใจไม่น้อย แต่ผมว่าผมชินชากับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายที่อันตรายมากกว่าครั้งนี้มาแล้ว ..แค่นี้ เลยไม่ทําให้ผมรู้สึกกลัวอะไรมากนัก
“มึงไม่ต้องสอนกู เป็นหมอก็อยู่ส่วนหมอ”
“อาการของคุณอาจถึงตายได้ ผมว่..”
“เลิกพล่ามได้แล้ว!!” มันเพิ่มแรงรัดที่ลําคอ ..เริ่มอึดอัด ด้านหลังของมันเป็นเตียงคนไข้ที่อยู่ติดกัน ด้านหน้าก็เป็นทางเดินที่คับแคบ ไม่มีพื้นที่ให้จัดการไอ้บ้านี่
“ฉันขอรถหนึ่งคัน! ห้ามตาม! ไม่งั้นหมอนี่ตายแน่”
“ได้ แต่นายต้องปล่อยหมอก่อน”
“ไม่! หมอต้องไปกับฉั..” เสียงของมันขาดห้วง ขณะที่ผมเองก็ถูกแรงกระแทกจากด้านหลังส่งให้ตัวกระเด็นไปที่ด้านหน้า ดีที่คุณตํารวจยืนเป็นแผงกันไม่ให้ผมล้ม พอตั้งหลักได้ผมก็รีบหันไปมองเหตุการณ์ ไอ้คุณพลเมืองดีกําลังโหนราวของผ้าม่านที่ใช้ปิดระหว่างเตียงผู้ป่วย เดาว่าก่อนหน้านั้นมันคงใช้เข่ากระทุ้งเข้าที่หลังของคนร้ายจนมือไอ้คนร้ายคลายออกจากคอของผม ไอ้พลเมืองดีหย่อนตัวเองลงยืนบนพื้นอย่างมั่นคงก่อนจะจับและบิดแขนของคนร้ายให้ไพล่หลัง แล้วใช้มืออีกข้างกดจุดบนคอ ต่อด้วยจับงอจนกลัวว่ากระดูกคอจะหัก แล้วไอ้ผู้ร้ายนั่นก็สิ้นฤทธิ์สงบลงโดนจับตัวให้นอนบนเตียง ..ทั้งหมดนี่ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ..เสียงของประชากรในห้องฉุกเฉินที่พากับเงียบเพราะมัวแต่ลุ้นระทึกจึงค่อยคืนกลับมา ไอ้คุณพลเมืองดีพอทําหน้าที่เสร็จก็เดินเอาสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินออกจากห้อง ..ไอ้ขี้เก๊ก แถมตอนเดินผ่านหน้าผม มันยังปรายตามองเหมือนพูดว่า ..ไงล่ะฝีมือของกู เห็นแล้วหงุดหงิด

พอสถานการณ์ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ผมก็บึ่งรถกลับคอนโด ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ผมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มทันทีที่วางของลงบนโต๊ะข้างตัว ..แช่น้ำอุ่นสักยี่สิบนาที แล้วค่อยหาอะไรง่ายๆ กิน จะได้ไม่นอนทรมาน ..ผมยังอยู่ในคอนโดเดิมที่ผมกับคิวเคยอยู่ ช่วงแรกมันทรมานมาก ผมเอาแต่จมอยู่กับภาพของความทรงจำที่ยังวนเวียนมาให้นึกถึง แต่พอเวลาผ่านไป ผมก็เปลี่ยนความโศกเศร้าให้กลายเป็นพลังในการที่จะอยู่ต่อไป ความทรงจำและเรื่องราวระหว่างผมกับคิวยังคงมีอยู่ ..ลู่วิ่งที่มีรอยแผลเพราะคิว ..ครัวที่คิวมักหันหลังทำกับข้าวให้ผมกิน ..เตียงนอนที่เราเคยซุกตัวอยู่ข้างกัน ผมมักเอาแต่ยิ้มเมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับคิว ..ผมมองกองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ วันนี้แม่พาแม่บ้านมาทำความสะอาดห้องให้ผม จดหมายและเอกสารหลายฉบับที่ถูกส่งไปที่บ้านจึงเดินทางมาหาผมพร้อมแม่ ..ผมหยิบดูจดหมายที่เร่งด่วนมาก รอได้บ้าง และไม่สำคัญบ้าง ..รอบนี้เยอะแหะ ส่งอะไรมากันนักกันหนา ผมไม่ได้สนใจจะดูให้หมดตอนนี้เพราะอยากแช่น้ำมากกว่า ..ผมถอดเสื้อผ้าและสวมเพียงชุดคลุมเข้าห้องน้ำ น้ำในอ่างอุณหภูมิกำลังดี ผมวางร่างเปลือยเปล่าของตัวเองลงในน้ำ เปิดเพลย์ลิสเพลงโปรดและพักสายตา ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าห้องของตัวเองกำลังถูกบุกรุก ..จนกระทั่งผมลืมตาขึ้นหลังเผลอหลับไปราวยี่สิบนาที เสียงรองเท้าที่ย่ำเดินอยู่นอกห้องเล็ดลอดเข้ามาใกล้หน้าประตูห้องน้ำ ประสาทสัมสัมผัสของผมตื่นตัวทันที ผมลุกขึ้นจากอ่างนํ้า สวมชุดคลุม และเปิดตู้หยิบเอาปืนคู่ใจที่เก็บซ่อนไว้มาถือกระชับในมือ พร้อมสําหรับการจู่โจมของใครก็ตามที่บุกรุกเข้ามา มือข้างหนึ่งของผมจับที่ลูกบิดประตูและบิดหมุนด้วยความแผ่วเบา ประตูค่อยๆ ถูกเปิดแง้มออก ผมเห็นหลังของผู้บุกรุกที่ยืนอยู่ไกลออกไปในครัว มันกําลังทําท่าทางบางอย่างที่ผมคุ้นเคย ..เปิดตู้เย็นงั้นเหรอ? เป็นโจรที่เห็นแก่ของกินรึไง ผมย่องเข้าไปหามันอย่างเงียบๆ ดูเหมือนมันจะไม่รู้ตัวสักนิด ในหัวก็เกิดคําถามว่า มันฝ่าระบบซิเคียวริตี้ของที่นี่ขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง ..แต่ยังไม่ทันที่ผมจะเปิดฉากจู่โจมมันในระยะสองเมตร เป็นมันที่หันหลังมาเผชิญหน้ากับผมใต้แสงของโคมไฟสีส้มนวล และแสงจากถนนด้านล่างที่ทะลุผ่านม่านสีขาวละมุน ดวงตาคมแข็งมองมาที่ผม ..ไอ้พลเมืองดีที่โรงพยาบาล!
“คุณเป็นใครกันแน่ แล้วขึ้นมาบนนี้ได้ยังไง ต้องการอะไร”
“ถามเยอะขนาดนี้ จะให้ผมตอบคําถามไหนก่อนดีครับคุณอาร์”
“..เข้ามาได้ไง!”
“...” มันไม่ตอบ แถมยังถือวิสาสะเดินผ่านหน้าผมไปเที่ยวจับข้าวของที่วางอยู่  ไม่ได้สนใจอาวุธในมือผมสักนิด “ผมเป็นหน่วยลับ”
..หน่วยลับ? วอทเดอะฟ..!!! ข้อมูลตัวตนที่เป็นความลับ มันจะหลุดมาจากเบื้องบนได้ยังไง “คุณโกหก บอกมาดีๆ ดีกว่าว่าคุณเป็นใคร มาทําอะไรที่นี่!” ผมเดินอ้อมไปดักหน้าและชี้ปืนไปที่หน้าไอ้คนตัวสูงกว่า ถึงร่างกายจะดูแข็งแกร่งตามแบบฉบับหน่วยลับ แต่ผมไม่คิดจะปล่อยให้มันมากร่างถึงที่แบบนี้แน่ๆ ..มันจับเข้าที่กระบอกปืนแล้วจับขึ้นชี้ไปบนเพดาน ก่อนจะดันตัวของผมพิงเข้ากับผนังเปล่าอย่างรวดเร็ว มันมองผมแบบไม่ละสายตา ผมเองก็เหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!? ผมพยายามออกแรงข้อมือที่ถือปืน แต่ก็สู้แรงของมันไม่ไหว มืออีกข้างก็โดนมันกดติดผนังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ..ขายังว่าง ผมดึงเข่าจะกระทุ้งเข้าเป้าของมัน แต่ก็ถูกมันแนบประชิดแบบไม่เหลือช่องว่าง!! เมื่อการดิ้นรนของผมไม่เป็นผล ผมเลยเลือกที่จะเจรจา “แล้วคุณหน่วยลับมาทําอะไรที่นี่!?” ถึงร่างกายผมจะสู้ไม่ได้ แต่รับรองว่าสงครามสายตา..ผมไม่แพ้แน่
..มันยิ้มอ่อนลงแต่ก็ยังแฝงความเจ้าเล่ห์ ก่อนจะโถมทั้งตัวลงบนตัวของผม แล้วกระซิบที่หูของผมด้วยเสียงเบา “ผมมาหาคุณอาร์ของผมครับ..”
“?!”
“ผมคิดถึงคุณอาร์..แฟนของผม”

จดหมายถึง ‘หมออาร์’ จาก ‘อิชะ-โนอาห์’
สวัสดีครับคุณหมอ เราไม่ได้ติดต่อกันเลยนะครับ จริงๆ ผมควรเมลล์หาคุณหมอซึ่งเป็นวิธีที่แสนง่าย แต่คนข้างตัวผมเขาเสนอวิธีนี้ พอดีเรากําลังทําวิจัยเกี่ยวกับความรู้สึกที่แตกต่างกันระหว่างการอ่านจดหมายที่เป็นกระดาษติดอากรแสตมป์กับการอ่านจากเมลล์น่ะครับ เอาเป็นว่าผ่านเรื่องนี้ไปก่อน คุณอาร์เป็นยังไงบ้างครับ ทางผมกับคีย์ก็มีความสุขดีตามประสานักวิทยาศาสตร์และเจ้าขององค์กร ซึ่งคุณอาร์คงรู้จากข่าวสารบ้างแล้ว ..เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมต้องขอโทษที่ใช้เวลากว่าสองปีถึงจะส่งของขวัญไปให้คุณได้สําเร็จ มันเป็นการทดลองที่ผมเองก็ไม่คิดว่าจะทําได้ ต้องขอบคุณความคิดอันลํ้าหน้าของคีย์เขา ..ตอนที่เราได้ตัวคิลกลับมา ก่อนที่จะผ่าตัดสมองผ่าเอาเซลล์ส่วนของความทรงจําออก เราได้ทําการแปลงคลื่นไฟฟ้าของสมองและบันทึกเก็บไว้เป็นอย่างดี โดยที่ไม่รู้ว่าเราจะสามารถทําอะไรกับมันได้ จนเวลาล่วงเลย และความพยายามของเราก็เห็นผล ผมขอคืน ‘คิว’ ที่มีความทรงจําเกือบสมบูรณ์ให้คุณ ถือเป็นคําขอบคุณจากทั้งผมและคีย์

ป.ล. โลกใบนี้จะมีแค่คิวของหมออาร์เท่านั้นครับ
.
.
.


จบบริบูรณ์

ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะฮะ ขอบคุณจริงๆ หวังว่าทุกคนจะสนุก ^^ ฝากอ่านเรื่องแรกด้วยนะฮะ ‘YR Mine นายผู้ปกครอง’ นิยายที่เบากว่าเรื่องนี้ และเป็นเรื่องแรกของชีวิต

ออฟไลน์ Kaamnutt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ tookta

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-0
ขอบคุณนะคะ
ลุ้นไปด้วยทุกตอนเลย สนุกมากๆ เลยคะ
เป็นกำลังใจให้กับเรื่องต่อไปนะคะ :)

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด