16.2 ปากกา พัดลม กิ๊ง...
เจ็บใจนัก! ไอ้กันย์แม่งโหดชิบหาย เล่นกินจนเหลือแต่ขุนแล้วนับตาให้เดินขุนหนี แล้วก็ไล่อย่างโหดสามตาจน!!
“อีกตาป่ะ?” โหดขนาดนี้ มึงยังกล้าถามว่ากูจะเล่นกับมึงต่อไหมอีกเหรอ?
“กู-ไม่-เล่น-แล้ว” ถลึงตาตอบอย่างเคืองขุ่น แถมสะบัดบ๊อบงอนอีกต่างหาก เป็นไงมึง หน้าเสียไปเลย
“กันย์ขอโทษ คราวนี้จะใจเย็นๆ แล้ว”
“มึงรู้จักเปล่าหมากชี้แนะอ่ะ” ผมถาม เป็นศัพท์ที่ได้จากการอ่านการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเล่นหมากล้อม
“ก็มึงเก่งเหมือนอากิระไง กูเลยต้องดาบเดียวสะพายแล่ง” แม่งแก้ตัว กูเก่งที่ไหน อ่อนสุดอ่ะ
“จะให้เล่นอีกก็หงายเรือเลยสองตัว” ต่อรองแบบหน้าเลือดอ่ะ
“มากไปมั้งมึง กูไม่มีเรือแล้วจะเอาอะไรไปต้อนขุน”
“เรื่องของมึง!!” เมื่อตกลงกันไม่ได้เราก็เลยเลิกเล่นหมากรุกมาเล่นโดมิโน่แทน ปัญญาอ่อนกันสุดๆ ฮา ทีนี้ไอ้กันย์แม่งอ่อนแพ้ตลอดครับ รู้งี้กูไม่น่าเล่นหมากรุก กูชวนเล่นโดมิโน่ตั้งนานแล้ว ฮา
กินนมเสร็จแล้วมันก็ไปส่งผมตามปกติ ผมเปิดประตูรถกำลังจะก้าวออก มันก็คว้าแขนผมไว้ ผมชะงักแล้วดึงประตูรถเข้าไม่ได้ก้าวออกหันมามองหน้ามัน คอยว่ามันจะพูดอะไรแต่มันก็ไม่ได้พูดเอาแต่มองหน้าผมนิ่งจนอึดอัด
“จะมองอีกนานไหมกันย์ กูจะละลายอยู่แล้ว” ผมถามอย่างกวนตีน เพราะสายตามันหวานเยิ้มจนใจผมสั่น
“อย่าเพิ่งละลายนะ เดี๋ยวหาหลอดก่อน”
“เอามาทำอะไร”
“ก็กิ๊งจะละลายไง กันย์จะเอาหลอดมาดูด”
“ไอ้บ้า มีอะไรรึเปล่า จะพูดอะไรก็พูดสิ กิ๊งจะได้ขึ้นห้อง” อีกฝ่ายยังคงนิ่งก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่มีอะไร... ฝันดีนะ” แล้วมันก็ปล่อยแขนผม
แปลก... มันไม่ได้เว้าวอนจะไปส่งผมที่ห้อง และมันไม่ได้จูบผม ตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่มันเป็นแบบนี้....
ที่จริงไม่จูบก็ดีแล้ว เพราะจูบทีไรมันก็ลวนลามต่อทุกที จูบทีไรผมเคลิ้มทุกที
แต่พอมันเฉยชาแบบนี้ ทำไมหงุดหงิดวะ!
วันอาทิตย์ 18:45 น.
วันนี้มีคอนเสิร์ตครับ กันย์อาสาจะมารับผม ซึ่งเราจะไปกินข้าวที่ข้างมอกันก่อน แต่พอผมเดินออกมาหามันที่ยืนรออยู่หน้าหอ ก็งงนิดหน่อยเพราะผมไม่พบว่ามันพกรถมาด้วย
“วันนี้เราคงต้องเดินกันบ้างแล้วล่ะ”
“ไม่ได้เอารถมาเหรอกันย์”
“เอามาแต่เอาไปจอดไว้ที่จอดรถหอ”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ก็เดี๋ยวกินข้าวเสร็จแล้ว เราเดินไปรอดูคอนเสิร์ตด้วยกันต่อเลยไง กันย์ว่ารถมันต้องเยอะไม่มีที่จอดแน่เลย อีกอย่างกันย์กลัวรถหายด้วยอ่ะ จอดไว้ที่หอก็ปลอดภัยดี” อืมเดินออกกำลังกายก็ดีไปอีกแบบครับ ไม่เป็นไรเราไปทานข้าวกันก่อนแล้วก็เดินไม่ไกลไปดูคอนเสิร์ตที่ลานเอนกประสงค์ต่อ ก่อนจะมีคอนเสิร์ต รุ่นพี่ก็ประกาศผลการแข่งขันกีฬาแล้วก็เรียกตัวแทนขึ้นไปรับของขวัญเล็กน้อย
ต่อมาก็เอาซีดีมีลายเซ็นพี่บุรินทร์แล้วของรางวัลอีกหลายอย่างมาล่อลวงเรียกสาวกออกไปทำกิจกรรม
“กิ๊งป่ะกัน” กันย์ชักชวน เมื่อรุ่นพี่บอกถึงของรางวัล
“ไม่เอา กูอาย เขาจะให้ทำอะไรก็ไม่รู้” ผมปฏิเสธทั้งๆ ที่ก็อยากได้
“งั้นรอตรงนี้นะ” กันย์ว่าแล้วรีบวิ่งเวทีไป
กว่าจะได้ของรางวัลมานี่ก็เล่นเอาเหนื่อยครับ เล่นเกม “หัว ไหล่ ตูด” อยู่นาน ไอ้กันย์นี่ก็สมาธิดีใช้ได้ พอเล่นเกมจบ ก็ได้ซีดีหนึ่งแผ่นกับเสื้อหนึ่งตัว แล้วเราก็ดูคอนเสิร์ตกันจนเลิกครับ โคตรสนุก....
จบการแสดงคอนเสิร์ตแล้ว... เราสองคนเดินกลับมาที่หอของผม มือใหญ่ของกันย์กุมมือผมไว้ตลอดเวลาที่เราเดินอยู่ข้างทาง ถ้าทางแคบจนไม่สามารถเดินคู่กันย์ก็จะก้าวช้าให้ผมเป็นฝ่ายเดินนำเสมอ
“ทำไมต้องให้เดินนำตลอดเลยนะกันย์” ผมถาม เมื่อกันย์ไม่ยอมเดินแซงหน้า
“เผื่อมีรถมาสอยสุดที่รักกันย์ไป กันย์จะได้ช่วยทันไง”
“โห...เว่อร์”
“อีกอย่าง อยู่ข้างหลังมันเห็นกิ๊งตลอดเวลานี่ กันย์อยากเห็น อยากมีกิ๊งในสายตา...ตลอดไป” น้ำเสียงของมันช่างแสนอบอุ่นครับ จนอดจะหวั่นไหวไม่ได้
“ที่จริงแล้ว ที่กันย์ไม่อยากเอารถไปด้วยก็เพราะว่า ถ้าเอารถไปแค่ไม่เกินห้านาทีเราก็มาถึงหอแล้ว และกิ๊งก็ไล่กันย์กลับตลอดเลย แต่เวลาเดินมาด้วยกัน เราจะได้อยู่ใกล้ๆ กันนานมากขึ้นอีกนิด แค่หนึ่งวินาทีที่ได้อยู่ข้างๆ กิ๊ง กันย์มีความสุขมากแค่ไหน รู้บ้างไหม” ไม่บ่อยครั้งที่กันย์พูดอะไรซึ้งๆ ได้ยาวๆ โดยไม่มีมุขตลกคั่นกลาง มันแปลก แต่ไม่ได้ไม่ชอบ ทุกอย่างที่เป็นกันย์ ไม่ว่าจะมุมไหนๆ จะซึ้งเศร้า เมาฮายังไง ผมก็ชอบหมด ผมทำได้เพียงแค่ยิ้มกุมมือหนาของกันย์แน่นขึ้นอีก ไม่ว่าจะเดินเคียงข้าง หรือเดินนำหน้า ผมก็ไม่ยอมปล่อยมือของมันออก...
“ถึงแล้วกลับไปได้แล้ว” ผมบอกเมื่อกันย์เดินเข้ามาถึงโถงกลางของหอ
“ไหนๆ ก็เดินมาถึงนี่แล้ว ให้กันย์เดินไปส่งถึงห้องเลยนะกิ๊ง” ถึงจะเหมือนเป็นคำถามแต่มันไม่รอคำตอบครับ พอถึงหอ มันไม่ได้ให้ผมเดินนำ แต่มันกลับเดินจูงมือผมนำเข้าหอไปเฉยเลย
อันที่จริงเรื่องที่จะให้เพื่อนมาห้องเนี่ยมันก็ไม่แปลกหรอก แต่การที่กันย์จะเดินมาส่งจนถึงห้องน่ะทำให้ผมเกรงใจมากกว่า และบรรยากาศของการอยู่ในห้องแคบๆ ด้วยกันสองต่อสองนั้นมันดีเกินไป และผมไม่มั่นใจว่า มันจะสามารถทำให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นหรือเปล่าน่ะสิ กับคนที่รู้ว่ารักและชอบเราเนี่ย พาไปอยู่ด้วยกันสองต่อสองก็ไม่ต่างจากการเปิดโอกาสให้เลยไม่ใช่เหรอ?
เพราะฉะนั้นผมคิดไว้ว่า ถ้าถึงห้องผมก็จะขอให้มันกลับไปอยู่ดี หรือถ้ามันจะเข้ามาผมก็จะไม่ปิดประตูเด็ดขาด
กันย์เดินไปหยุดที่ห้องผม ซึ่งบางทีถ้าหากว่าผมไม่ได้พูดประโยคนั้นออกไปในวันนั้น มันอาจจะกลายเป็น “ห้องของเรา” ก็ได้
“มาส่งถึงห้องแล้วนี่ กลับไปได้แล้ว” ผมไล่ขณะที่ดึงกุญแจขึ้นมาไขเปิดประตูแล้วเปิดเข้าไป
“โห...มาถึงเหนื่อยๆ ก็ไล่กลับแล้วเหรอ” เสียงกันย์ส่อว่าน้อยใจอย่างไม่จริงจังนัก
“เข้ามานั่งก่อนก็ได้” ผมเปิดประตูค้างไว้ปล่อยให้กันย์ที่ยิ้มระรื่นเดินเข้าไปนั่งบนเตียงของผมอย่างถือวิสาสะ เดินตามเข้าไปโดยไม่ปิดประตู เลือกที่จะเปิดค้างไว้อย่างนั้นทั้งที่ถ้าอยู่คนเดียวผมชอบความเป็นส่วนตัวมาก
“กิ๊ง...” น้ำเสียงนั้นลอยๆ
“หือ...”
“ทำไมไม่ปิดประตู”
“ปิดทำไม เปิดไว้ลมเข้าเย็นดี” ผมแก้ตัว
“นี่มึงกลัวกูขนาดนั้นเลยเหรอ” คำถามเหมือนจะกลั้วหัวเราะ กันย์คงติดใจเรื่องที่ผมไม่ได้ปิดประตูห้อง ผมมองหน้ากันย์นิดหนึ่งแล้วปิดประตูอย่างไม่เต็มใจนัก หันไปมองหน้ามันทั้งที่ตัวเองก็ยืนอยู่ที่ประตู
“ไม่ได้กลัว...แต่มึงไม่คิดเหรอว่าการที่กูยอมให้มึงอยู่ในห้องกูสองต่อสองแบบนี้เป็นการให้ท่าน่ะ”
“ไม่คิด...แต่...กูก็แค่ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้คิดถึงเรื่องนั้นได้ก็เท่านั้นเอง”
“ฟังกูนะกันย์ กูไม่ใช่ผู้หญิง กูชอบผู้ชายก็จริง แต่กูไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้น... กูกลัวเลือด กลัวเจ็บ และสิ่งที่กูกลัวมากที่สุด คือสักวันนึง มึงจะรู้สึกตัวขึ้นมาว่า มันไม่ใช่ สักวันนึงที่มึงจะกลับไปชอบผู้หญิงอีก กูคงทนไม่ไหว”
“แล้วถ้ากูไม่ได้กลับไปชอบผู้หญิง แต่เปลี่ยนไปชอบผู้ชายคนอื่นแทน มึงจะไม่เสียใจใช่ไหม”
“มันไม่เหมือนกัน” ผมเถียงเสียงอ้อมแอ้ม ขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าถ้ามันเลิกรักผมแล้วกลับไปหาผู้หญิง แม้จะทรมานมากแค่ไหน สิ่งที่ผมจะทำคือจะทำใจปล่อยมันกลับไปแต่โดยดี แต่ถ้ามันจะเกิดไปชอบผู้ชายอื่นขึ้นมาจริงๆ... กูไม่ยอม!!
“ไม่เหมือน แต่ก็ไม่ต่างเท่าไรหรอก มึงน่ะคิดมาก” กันย์บอกแล้วเดินเข้ามาหา
“กันย์ให้” กันย์ยื่นซีดีกับเสื้อที่ได้มาจากงานให้ ผมรับมาถือไว้ที่จริงก็อยากได้นะแต่ว่า...
“ให้ทำไม กันย์ก็ชอบวงนี้มากเหมือนกันไม่ใช่เหรอ”
“ไม่เป็นไร ก็กันย์อยากให้ของที่กันย์รัก อยู่กับคนที่กันย์รักมาก” กันย์บอกด้วยเสียงที่อ่อนโยนยกมือขึ้นประคองแก้มผมไว้แล้วก้มลงเหมือนจะจูบ ผมจ้องดวงตาทอประกายหวานของกันย์ที่เคลื่อนเข้าใกล้ด้วยหัวใจที่เต้นดังโครมคราม พริ้มตาลงอัตโนมัติอย่างรอคอย
5 วินาทีผ่านไป
10 วินาทีผ่านไป
30 วินาทีผ่านไป
ผมลืมตาขึ้นอีกครั้งพบว่ากันย์ยังคงนิ่งค้างอยู่ที่เดิม มันไม่ยอมจูบแต่ก็ไม่ได้ผละออก ผมมองหน้ามัน ดวงตาแสดงความหวั่นไหวและไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
“กิ๊งไม่น่าบอกเลยว่า กันย์จูบกิ๊งได้อีกสามครั้ง” กันย์บอกด้วยเสียงเศร้า
“ทำไม ไม่อยากจูบ...กิ๊งแล้วเหรอ” ผมถามในหัวใจก็มันโหวงเหวง และหวาดหวั่น
“เปล่า แต่ตอนนี้มันเหลือแค่ครั้งเดียวแล้วนี่ กันย์กลัวมันจะหมดไป กันย์อยากเก็บไว้นาน นาน กันย์อยากรู้สึกว่าตัวเองมีโอกาสนั้น โอกาสที่จะได้สัมผัสกิ๊งอีกครั้ง” กันย์เผยสิ่งที่อยู่ภายในใจออกมา การที่กันย์พยายามจะไม่จูบผมมาตลอดหลายวันนี้เพราะตามสัญญาที่ให้ไว้มันจะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนั่นเอง ผมอึ้งกับคำตอบของมัน ซึ้งจนอยากจะร้องไห้ เป็นฝ่ายเคลื่อนศีรษะเข้าหาเขย่งปลายเท้าจูบที่ริมฝีปากมันเบาๆ อย่างรวดเร็วแล้วถอนออก
“ทีนี้ก็หมดโปรโมชั่นจูบฟรีสามครั้งแล้วนะ” ผมบอกเรียบๆ รอยยิ้มบางๆ เคลือบที่ริมฝีปาก
“กิ๊ง!” กันย์เรียกเสียงดังทำตาโต “เมื่อกี้มึงเป็นคนจูบกูนะ เพราะงั้นมึงห้ามนับ” กันย์โวยวายเหมือนเด็กทำให้ผมอดขำไม่ได้
“งั้นถ้าหมดจูบทดลองใช้อะไรนั่น มึงอยากจูบกูอีกไหมล่ะ”
“มึงมีระบบต่อเวลาด้วยเหรอ” กันย์ถามอย่างมีความหวัง รู้สึกเหมือนผมไหมว่ามันน่ารัก
“กิ๊งขออะไรกันย์สามอย่างได้ไหมล่ะ” ผมถามและมันพยักหน้ารัวๆ ตั้งใจฟัง
“สัญญากับกิ๊งว่าต่อจากวันนี้ ... ข้อหนึ่ง ห้ามมอมเหล้า หรือบังคับให้กิ๊นกินเหล้า ข้อสอง เรื่องอย่างว่าไม่ได้ห้ามแต่ถ้าไม่ยอมดีๆ ห้ามใช้กำลังบังคับ ข้อสามอย่าเลิกรักกิ๊งนะ ทำได้ไหม”
“ได้สิ” กันย์ตอบใบหน้าของมันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าทำได้ กิ๊งก็จะยอมให้กันย์มาปากกา พัดลม กิ๊ง ส่วนกิ๊งก็จะปากกาพัดลมปืนเสียที”
กันย์นิ่งอึ้งกับคำพูดของผมเหมือนมันใช้เวลานานมากที่จะประมวล
“จริงเหรอกิ๊ง ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม” กันย์ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ด้วยความดีใจ เว่อร์มาก ผมพยักหน้าหงึกๆ แล้วก็รู้สึกถึงแรงบีบรัดมหาศาล มันกระโดดเข้ามากอดผมแน่นจนกระดูกจะหัก
“รักกิ๊งที่สุดเลย” กันย์ว่า พร้อมทั้งจูบแก้มซ้ายแก้มขวาจนผมอดเขินไม่ได้
คิดว่าง่ายไปไหมที่ผมตอบตกลงอะไรปุบปับแบบนี้....
แต่ความจริงไม่ใช่เรื่องง่ายหรอก...ที่จะทำให้คนขี้กลัวอย่างผมก้าวข้ามความ “กลัว” นั้นไปได้
แต่กันย์ก็เก่ง... ที่แสดงความจริงใจออกมาให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่า... จนผมรู้สึกผิดที่ยังกลัวอะไรไร้สาระ...
ความจริง มันก็แค่ความรู้สึกที่ล้นเกินกว่าจะกักเก็บ....
มันคงไม่รู้หรอกมั้งว่า....ไม่ใช่แค่กันย์หรอกที่ “รัก” เป็น
ไม่ใช่แค่กันย์....ที่อยากจะ “จูบ” ได้โดยไม่กำกัด
ไม่ใช่แค่กันย์....ที่นึกอยาก “เป็นเจ้าของ ... กันและกัน”
จนตอนนี้ผมก็ยัง “กลัว” ...แต่สิ่งที่กลัวมากกว่าทุกอย่าง....
คือกลัวว่าจะถูกกันย์ปล่อยมือ ... กลัวจะสูญเสียกันย์ไป....
..................................................
.................................................
เย้ๆ ........................ รักกิ๊งจังเลย ในที่สุดก็ยอมแล้ว
แต่อย่างที่รู้ๆ กันว่า...
นายเอกเรื่องนี้ “ขี้กลัว”
พระเอกเรื่องนี้ “ขี้ขลาด”
ฮา.... ไม่อยากให้ได้กันเลย เพราะหมายถึงว่าเรื่องนี้ใกล้จบแล้ว ....
ยังอยากจะยืดเยื้อต่ออีกนานๆ จังเลย....
ไม่เจ็บหรอกค่ะเชื่อเรา 5555555555
ไม่เชื่อเด็ดขาด!!!!!!!!!!!
........................................
Dee^daY แต่ไม่รักกิ๊งกับกันย์แล้วเหรอ
คนของเธอ สองคนนี้เค้าจะไปคุยกันตอนไหนล่ะคะ ฮา
YELLOWSTAR นิพยายามจะหาเป็นการบ้านแต่ ทฤษฎีกับปฏิบัติมันต่างกันค่ะ ง้า
kokikung กิ๊งก็กลัวทำกันย์เลือดออกเหมือนกันค่ะ ฮา....
ordkrub เสี่ยวแล้วไม่ดีเหรอ ฮาๆๆ
ChCh13 ไปอ่านคอมเม้นที่ทู้โน้นมาละไม่กล้าเขียนเลยอ่า เกร็งมาก... กลัวมันออกมาไม่ดี แง้ๆๆ ยิ่งคนรอกันเยอะยิ่งประหม่า
yayee2 ฮา กิ๊งก็ไม่ได้ ห้าม...แต่ต้องมีศิลปะนิดนึงง่า ฮา
punchnaja คิดแต่เรื่องกดก็ไม่ดีอีกค่ะ ถ้าไม่มีมุขเสี่ยว กิ๊งก็ไม่เปิดใจสักทีหรอก ฮาๆ