ต้นน้ำ “นั่งเงียบเชียวครับน้องต้น”
ผมอยู่บนรถของพี่ซิคซ์ครับ การรับมือพี่ซิคซ์คือการทำตามใจพี่ซิคซ์ดีกว่าอย่าไปหือกับแกเลย
“โกรธอะไรพี่รึเปล่าครับ หน้างอเชียว”
“ขับรถไปเถอะครับ”
“มือชั้นนี้แล้วพี่ไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับน้องต้นหรอกครับ ไม่งั้นอากงพี่กับน้องต้นเอาพี่ตาย ยิ่งกงวีแกเหลือแต่น้องต้นเป็นหลายชายคนเดียวด้วย”
ผมเลือกที่จะเงียบครับ การโต้ตอบที่ดีที่สุดคือการเงียบ แล้วปล่อยให้พี่ซิคซ์พล่ามไปคนเดียวครับ
“แน่ะ เงียบอีกแล้ว ต้องโกรธพี่แน่ๆ เลยอ่ะ”
ทั้งๆ ที่พี่ซิคซ์รู้ว่าผมโกรธ แต่กลับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงจัง แถมยังมีหน้าเอามือมาขยี้หัวผมเล่นอีก ผมเบี่ยงตัวหลบทันทีแต่ก็เจ็บแผลที่หลัง
“นั่นๆ เจ็บตัวเลยเห็นมั้ย ความโกรธทำให้คนเราเป็นทุกข์นะครับ ฮ่าๆ”
“ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะพี่ซิคซ์นั่นแหละครับ!”
“แปลว่าเราโกรธพี่จริงๆ ด้วย ฮ่าๆ ว่าแล้ว”
เชื่อเค้าเลย! ที่ทำมาทั้งหมดนี่ก็แค่ยั่วผมให้ยอมรับว่าโกรธเขาเนี่ยนะ?
“พี่พูดความจริงน้า ต้นไม่เห็นต้องโกรธพี่เลย”
“แต่เรื่องบางเรื่อง เราก็ไม่จำเป็นต้องพูดนี่ครับ”
“พี่ก็ไม่ได้พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดนี่ ไม่ดีรึไงพี่ช่วยดับความหวังเด็กผู้หญิงคนนั้นแล้วก็ปิดทางเด็กผู้ชายอีกคนไปในตัวเลยนะ แถมความลับต้นก็ยังอยู่ดีด้วย”
“แต่พี่ก็ไม่ควรเอาไนน์มาเป็นเครื่องมือ พี่ซิคซ์พูดแบบนั้น ไนน์จะเสียหายนะครับ ผมกับไนน์เป็นแค่เพื่อนกัน”
“พี่ก็ไม่ได้บอกว่าต้นกับไนน์เป็นอะไรกันนี่ พี่แค่บอกว่าบ้านต้นกับบ้านพี่อยากให้พวกเราดองกัน”
ใช่แล้วครับ แม้ตอนแรกที่เจ้าสัวท่านรู้ว่าผมสนิทกับไนน์ท่านจะอยากให้พวกเรารุ่นหลานดองกันอีกคู่ แต่พอรู้ว่าผมชอบผู้ชายและมีแฟนอยู่แล้วซึ่งก็เป็นแค่เซลล์ขายยา เจ้าสัวท่านก็เกิดเป็นห่วงขึ้นมาทำท่าจะจับผมส่งให้พี่ซิคซ์แทน เพราะทางบ้านพี่ซิคซ์ก็สงสัยว่าที่พี่ซิคซ์ไม่ยอมควงสาวที่ไหนซักทีอาจจะเป็นเพราะพี่ซิคซ์ชอบผู้ชาย ทางนั้นไม่คิดมากเพราะมีลูกชายเหลืออีกสองคน แถมคนโตก็แต่งงานมีหลานให้อุ้มแล้ว
หวยก็เลยมาลงล็อคที่ผมเพราะไม่ใช่ใครที่ไหนหลานๆ คนกันเอง นี่ถ้าเป็นสมัยก่อนผมคงถูกจับยัดใส่เกี้ยวเจ้าสาวส่งถึงมือพี่ซิคซ์ไปแล้วมั้งครับ แถมพี่ซิคซ์ก็ไม่ยอมปฏิเสธอะไรเลย ใครส่งอะไรให้พี่แกก็เล่นไปตามน้ำซะงั้น เขาจับคู่ให้กับผมก็ยิ้มขำๆ ทำหน้าระรื่นยอมรับการจับคู่ของผู้ใหญ่ ไม่มีใครถามผมซักคำ!
แต่เรื่องนี้ผมไม่กล้าบอกพี่ชัชหรอกนะครับ บอกพี่ชัชไม่ได้เด็ดขาดไม่งั้นมีหวังอาละวาดบ้านแตกแน่ๆ ผมแค่บอกพี่ชัชว่าเจ้าสัวท่านหวงผมก็พอแล้วครับ พี่ชัชเองก็พอจะรู้เลาๆ อยู่แล้วว่าท่านไม่ชอบหน้าตัวเอง แต่พี่ชัชก็ถือดีตรงที่แม่ของผมยอมรับพี่เขา ผมไม่กล้าบอกพี่ชัชว่านอกจากเจ้าสัวจะไม่ชอบหน้าพี่เขาแล้วยังพยายามยัดเยียดผู้ชายคนอื่นให้ผมหรอกนะครับ กลัว!
ผมเถียงอะไรพี่ซิคซ์ไม่ออกหรอกครับเลยได้แต่นั่งเงียบ แต่พี่ซิคซ์สิยิ้มขำตลอด มีความสุขนักรึไงที่ได้แกล้งผม? แถมยังชอบขยี้หัวผมแบบนี้อีก ผมอนุญาตให้พี่ชัชทำได้คนเดียวนะครับ!
“แล้วพรุ่งนี้เราจะไปมหาลัยยังไง? ให้พี่ไปรับมั้ย?”
“ไม่จำเป็นครับ ผมนั่งแท็กซี่เอาได้”
“งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่ไปรับ เอ๊ะ... หรือพี่จะค้างห้องต้นคืนนี้เลยดีน้า พี่มีเสื้อผ้าสำรองติดรถไว้อยู่แล้ว”
“นั่นมันห้องของแฟนผมครับ ไม่ใช่ห้องผม! ละผมก็มีเพื่อนมานอนค้างด้วยแล้วให้พี่ซิคซ์ค้างด้วยไม่ได้หรอกครับ”
“ไม่เห็นต้องขึ้นเสียงใส่พี่ขนาดนั้นเลยต้น ตื่นเต้นดีออก พอแฟนไม่อยู่ก็ให้พี่ไปดูแลเราแทนไง ไม่คิดว่ามันน่าหนุกดีเหรอ”
“สนุกอยู่บนความทุกข์ของคนอื่นน่ะสิครับ ให้ตายเถอะ! ทำไมชอบแกล้งผมจัง?”
ผมพูดพลางปัดมือพี่ซิคซ์ที่ขยี้ซะจนผมของผมยุ่งไปหมดแล้ว
“ก็ทีเราล่ะ ทำไมชอบยั่วโมโหลุงต้นจังเลย น่าๆ พี่ขอโทษ พี่เห็นเราชอบทำหน้าบึ้งก็เลยอยากให้ยิ้มบ้าง”
“โดยการแกล้งผมแบบนี้เนี่ยนะครับ?”
ผมสาบานกับตัวเองว่าผมจะทำดีกับผู้ชายคนนั้นมากขึ้น ผมรู้แล้วละครับว่าเวรกรรมสมัยนี้เขาตอบสนองรวดเร็วทันใจด้วย4G! และพี่ซิคซ์ก็เป็นเจ้ากรรมนายเวรของผมโดยแท้!
“ถึงแล้วคร๊าบ น้องต้น”
ผมมองหน้าพี่ซิคซ์ที่ถอยรถเข้าจอดในซองเรียบร้อย อย่าบอกผมนะครับว่า... หลายวันที่ผ่านมานี้ผมอนุญาตให้ผู้ชายคนอื่นขึ้นห้องของผมกับพี่ชัชมากเกินไปแล้ว!
ผมไหว้ขอบคุณพี่ซิคซ์ที่มาส่งผม แล้วก็รีบลงจากรถทันที
นั่นไง! พี่ซิคซ์เดินตามผมมาจริงๆ ด้วย ถ้าวิ่งได้แล้วไม่เสียมารยาทผมทำไปแล้วครับ
“พี่จะตามผมมาทำไมครับ?”
“พี่หิวน้ำ พี่ปวดฉี่ พี่ง่วง พี่อยากไปพักผ่อนในห้องของแฟนต้น”
แล้วผมควรจะเถียงกลับไปว่าอะไรดีครับ?
พี่ซิคซ์ตามผมขึ้นคอนโดมาจริงๆ แถมพอเข้ามาถึงในห้องแล้วก็เดินดูจนทั่ว ค้นโน่นค้นนี่จนแทบจะไม่มีคำว่าเกรงใจ
“ห้องสวยเหมือนกันนะนี่ กว้างดีด้วย สองห้องนอน แฟนต้นก็เก่งไม่ใช่เล่นนะเนี่ย แพงมะ?”
“จะซื้อคอนโดบ้างหรือไงครับ?”
“อื้อ พี่ก็ว่าอยู่ บ้านพี่หลังใหญ่ก็จริงแต่ลูกชายตั้งสามคน ลูกสาวอีกหนึ่ง พี่เป็นคนเล็กซะด้วยไม่รู้จะเหลืออะไรบ้าง ว่าจะหาเมียรวยๆ มีบ้านหลังใหญ่ๆ ไปเป็นเขยร้านเพชรก็ไม่เลว ต้นว่าป่ะ?”
นั่น! เข้าตัวอีกแล้วครับ ผมอุตส่าชวนเขาคุยดีๆ แล้วนะทำไมถึงโยงเข้าไปเรื่องแบบนั้นอีกแล้วล่ะ?
ผมได้แต่ภาวนาว่าขอให้เมษรีบๆ มาซะที ผมไม่อยากอยู่กับพี่ซิค์สองต่อสอง บอกตามตรงว่าเดาใจพี่ซิคซ์ไม่ถูกจริงๆ ผมไม่รู้ว่าพี่เขาชอบผู้ชายจริงหรือเปล่า? และยิ่งเดาท่าทางเขาไม่ถูกใหญ่ว่าพี่เขาจะเอายังไงกับผม? ผมได้แต่ภาวนาว่าพี่เขาคงไม่ได้บ้าจี้นึกพิศวาสผมขึ้นมาจริงๆ หรอกนะครับ
“ส่งผมเสร็จแล้วพี่ซิคซ์ก็กลับไปได้ละครับ เดี๋ยวเพื่อนผมก็มาแล้ว”
“เพื่อนต้นก็เหมือนเพื่อนพี่แหละ พี่ชอบมีเพื่อนเยอะๆ”
ผมเลี่ยงเดินหนีไปโทรศัพท์ทันที!
“เมษ นายอยู่ไหนแล้ว?”
“เออๆ ใกล้ถึงละ อีกสองป้าย ทำไมยะ?”
“รีบๆ มาเลย เราต้องการกำลังเสริม!”
เมษมาแล้วครับ ในที่สุดกำลังเสริมของผมก็มาถึง! เมษสตั้นไปห้าวิกับความหล่อของพี่ซิคซ์ ก็ใครใช้ให้พี่ซิคซ์ขาวตี๋แต่ตาโต แถมยังมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าตลอดเวลาละครับ แต่แค่ห้าวินาทีเท่านั้นแหละครับ เพราะพอพี่ซิคซ์เปิดปากออกมาเมษก็แทบถลาเข้าไปตบ
“โว้ว! เพื่อนต้นนี่สวยจัง ไม่บอกไม่รู้นะเนี่ยว่ากระเทย”
ผมบอกแล้วว่าพี่ซิคซ์นี่ปากเสียแบบจงใจ ต่างจากอาร์มลิบลับ
“แล้วหนูไปเป็นกระเทยบนหัวพี่รึไงคะ!”
“เปล่าคร้าบ พี่ก็แค่ชม เห็นคนเขาว่ายังไม่เฉาะแท้ๆ แต่สวยขนาดนี้ ซิลิโคนไซส์อะไรครับนี่ ดูเต็มไม้เต็มมือดีจัง”
เมษเกือบแล่นเข้าไปตบพี่ซิคซ์แล้วครับถ้าไม่ได้ผมดึงไว้ก่อน พวกราศีเมษนี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยรึเปล่า?
“นังต้น ปล่อยฉัน! ถ้าไม่ได้ตบไอ้บ้านี่ฉันตายตาไม่หลับ!”
“ฮ่าๆ เพื่อนต้นนี่ตลกจัง แต่เห็นแบบนี้ก็วางใจแล้วล่ะ”
วางใจ? วางใจอะไรกันครับ ผมตามพี่ซิคซ์ไม่ทันจริงๆ
“เอาล่ะๆ พี่ขอโทษครับน้องคนสวย พี่ชื่อซิคซ์ครับ น้องชื่อไรเอ่ย?”
พี่ซิคซ์ยกมือทำท่าขอโทษอย่างน่ารักแล้วก็หยอดคำหวานๆ ใส่ซะจนเมษเผลอเคลิ้ม
“ชื่อเมษาค่ะ”
“ชื่อเพราะจังนะครับ ใช่เดิมชื่อเมษรึเปล่าเอ่ย?”
เลิกกวนตีนคนอื่นได้แค่สองวิเท่านั้นสินะครับพี่ซิคซ์ เมษเลยหันไปแยกเขี้ยวทำท่าอยากเข้าไปหักคอพี่ซิคซ์
“โอเคๆ พี่ไม่แกล้งพวกเราแล้ว ขอโทษที่แหย่แรงไปครับ พี่ก็แค่อยากรู้อะไรนิดๆ หน่อยๆ อย่าถือสาพี่เลยนะ พี่เป็นพี่ชายของไนน์ ไม่รู้ว่าน้องเมษารู้จักไนน์รึเปล่า”
เมษหันมามองผมอยู่ครู่หนึ่ง ผมเลยพยักหน้าให้
“ก็พอรู้จักค่ะ แต่ไม่ได้สนิทมาก หนูเรียนคนละห้องกัน”
“อ้าว! งี้ก็คนละห้องกับต้นด้วยสิ? แล้วมาสนิทกันได้ไงครับนี่?”
“อยากรู้ทำไมไม่ถามต้นมันดูละคะ”
เมษพูดพร้อมกับเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นทาน ส่วนผมก็เอากระเป๋าเมษเข้าไปเก็บในห้องนอนให้ ถือโอกาสหนีเลยครับ ปล่อยให้พี่ซิคซ์ตามกวนเมษไปนั่นแหละ
“ก็ต้นไม่ยอมเล่าอะไรให้พี่ฟังเลยไง พี่เลยต้องมาถามน้องเมษาเอา น้องเมษาสวยขนาดนี้ ใจดีแน่ๆ เลยใช่มั้ยครับ”
“ถ้าต้นมันไม่เล่าหนูก็ไม่พูดค่ะ กระเทยก็มีสัจจะนะคะ ไม่ขายความลับเพื่อน!”
พี่ซิคซ์ยิ้มแบบเจ้าเล่ห์นิด แล้วก็ยอมถอยออกไป
“โอเค พี่สบายใจละ จะได้กลับบ้านซะที”
“สบายใจอะไรครับ?”
ผมตงิดๆ นะ เห็นแบบนี้ ผมสังหรณ์ใจมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว
“พี่ซิคซ์ พี่วางแผนอะไรไว้แน่ครับ?”
“ทีตะกี้ก็ไล่พี่กลับจัง แต่พอแบบนี้แล้วก็ดันรั้งพี่ไว้ ต้นนี่เอาใจยากจัง”
พี่ซิคซ์พูดพร้อมกับหันหลังมาเหล่มองมือผมที่ดึงเสื้อพี่เขาเอาไว้
“พี่ทำอะไรลงไปแน่ครับ ทำไมต้องหาเรื่องเพื่อนผมขนาดนั้นด้วย?”
ผมไม่ยอมหรอก ผมทำเสียงเข้มใส่พี่ซิคซ์ทันที มีเมษยืนกอดอกเป็นแบคอัพให้ผมอยู่อีกทาง
“โอเคๆ เฉลยแล้ว”
พี่ซิคซ์หันหลังกลับมาประจันหน้ากับพวกเราแล้วเริ่มสาธยายความชั่วร้ายของตัวเอง
“ก็กงวีเขาเป็นห่วง พี่ก็เลย... เลยทดสอบดูนิดๆ หน่อยๆ ว่าเราสองคนเป็นเพื่อนกันจริงรึเปล่า”
“คุณพี่คิดว่าหนูจะทำอะไรนังต้นมันเหรอคะ!”
เมษกรี๊ดลั่นห้องทันทีครับ ท่าทางโมโหมาก เมษเดินมายืนข้างๆ ผมประจันหน้ากับพี่ซิคซ์ทันที
“คุณพี่คะ! ดูให้ดีนะคะ หนูเป็นกระเทยค่ะ!”
แต่พี่ซิคซ์ยักไหล่แบบไม่ยี่หระ
“ก็... อะไรๆ มันยังไม่เรียบร้อยนี่ กงเขาก็เลยเป็นห่วง”
“จะบ้าเหรอคะ! ถ้าหนูขืนทำอะไรแบบนั้นผัวนังต้นมันได้มากระทืบหนูตาย! แล้วก็ดูปากหนูให้ดีๆ นะคะ กระเทยชอบรับประทานแต่ผู้ชายค่ะ!”
“แต่ต้นก็เป็นผู้ชายนี่ บางที...”
“ผมรักแฟนของผมนะครับ แล้วก็ไม่ได้มีนิสัยมักง่ายแบบนั้นด้วย ผมกับเมษเป็นเพื่อนกันครับ!”
ผมเถียงกลับยืนยันความบริสุทธิ์ใจของตัวเองแล้วหันไปหาแนวร่วมอย่างเมษ แต่ว่า...
“โอ้ยคุณพี่ขา! อย่าเอานิสัยตัวเองมาตัดสินคนอื่นสิคะ อย่างนังต้นน่ะเหรอคะจะทำอะไรใครเป็น!”
อ้าวเมษ! ทำไมดูถูกกันแบบนั้นล่ะ? ถึงผมจะรุกพี่ชัชไม่เป็นแต่ผมก็ยั่วพี่ชัชได้นะ อย่างน้อยพักหลังผมก็เริ่มเซอร์วิสพี่ชัชเก่งขึ้นแล้วด้วย
“ก็เพราะงั้นไงอากงเขาถึงห่วง เขากลัวว่าหลานชายเขาจะโดนปล้ำ”
“พี่ก็เลยจะมาชิงตัดหน้าปล้ำนังต้นมันก่อนรึยังไงคะ!”
พี่ซิคซ์หัวเราะกับคำจิดกัดของเมษเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อแบบชิลๆ แต่ผมนี่สิ เหงื่อตก ขออย่าให้พี่ซิคซ์คิดอะไรกับผมเลยครับ
“เปล๊า! พี่ก็แค่กันท่าไว้เฉยๆ พี่จะปล้ำต้นได้ยังไง พี่ไม่กินน้องตัวเองหรอก เพื่อนน้องก็เหมือนน้องแท้ๆ นั่นแหละ ยิ่งเราสองครอบครัวก็ดองเหมือนเป็นญาติกันอยู่แล้วด้วย”
พี่ซิคซ์พูดพร้อมกับเอามือมาขยี้หัวผมอีกแล้ว
“แปลว่ถ้านังต้นมันไม่ใช่น้องนี่พี่ก็งาบสินะคะ”
“มั้งนะ? เสป็กพี่เลยแหละ ฮ่าๆ ถ้าเป็นผู้หญิงพี่คงบอกเตี่ยไปสู่ขอมาละ ไปนะเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มารับ!”
“พี่ซิคซ์!”
พี่ซิคซ์เผ่นหนีออกจากห้องก่อนผมตวาดเสร็จซะอีกครับ เร็วจริงๆ เลย ผมกับเมษมองหน้ากันทันที แล้วเมษก็จิกผมไปอีกหนึ่งดอก
“สเน่ห์แรงจริงๆ นะแก กี่คนแล้วล่ะที่มาหลงแกเนี่ย”
“บ้า! พี่เขาคงพูดเล่นมั้ง ยิ่งกวนๆ อยู่”
“ฉันบอกแกไว้เลยนะนังต้น ระวังตัวไว้ อีตาพี่ซิคซ์ไรของแกเนี่ยมันเป็นไบย่ะ แล้วยิ่งเป็นคนที่บ้านใหญ่เขาพยายามจับจะคู่ไว้ให้แกด้วยใช่มั้ย? ระวังเถอะอย่าไปยั่วมันมาก เกิดมันถูกใจแกไปมากกว่านี้จริงๆ แล้วแกจะร้องไม่ออก คนแบบนี้น่ากลัวนะแก กินไม่เลือกอ่ะ”
ผมสับสนนะครับ กลัวด้วย คำขู่ของเมษทำให้ผมกลัว
“ไม่มั้ง.....”
“เออๆ ช่างเถอะ เย็นแล้ว จะกินไรย๊ะ? ฉันจะได้ทำให้ ละนี่แผลแกเป็นไงมั่ง มาให้ฉันดูสิ”
ว่าแล้วเมษก็เจ้ากี้เจ้าการมาถลกเสื้อผมดูแผล พอผมเปิดเสื้อให้ดู เมษเห็นแล้วก็ทำสีหน้าโล่งใจนิดหน่อย
“โอ้ยค่อยยังชั่ว! ฉันก็นึกว่าเหวอะหวะอะไรซะอีก เห็นแกบอกให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อน”
“ก็มันเจ็บนี่ เราทายาเองไม่ถึง”
“ย่ะ แล้วนี่ฉันต้องทำไรบ้าง?”
“ก็แค่ช่วยเราทายา จะช่วยเราทำงานบ้านด้วยก็ได้นะ”
ผมอมยิ้มแซวเมษ
“น้อยๆ หน่อยนังนี่ ว่าแต่อยากกินไรล่ะ ไหนดูซิ ในครัวมีไรบ้าง?”
“อยากกินต้มข่าไก่”
เมษหันขวับมามองผมทันที
“แกว่าอะไรนะ?”
“อยาก กิน ต้ม ข่า ไก่”
ผมพูดช้าๆ เน้นทีละคำชัดๆ
“แกจะกินต้มข่า! ฝันไปเถอะย่ะอีนี่! ละฉันจะไปเสกตะไคร้ที่ไหนมาให้แกย๊ะ!”
“น่านะ นายมาทั้งที ทำให้เรากินหน่อยสิ ก็นายทำอาหารอร่อยอ่ะ”
“แล้วฉันจะทำได้ยังไง? แหกตาดูตู้เย็นแกก่อนสิ!”
“ไปช็อปกัน”
“เลี้ยงขนมฉันด้วยนะ ไม่งั้นไม่ช่วย”
“อืม พี่ชัชให้เงินไว้อื้อเลย มีเงินช็อปแล้วล่ะ”
“ต๊าย! นังนี่ หมกเม็ดเงินผัว!”
“นิดหน่อยเอง ก็พี่เขาเป็นห่วงเลยให้เพิ่มไว้เผื่อเรานั่งแท็กซี่ แต่เราไม่ได้ใช้ก็เอามาช็อป ไม่เห็นเป็นไร”
“แผนสูงนะแก เดี๋ยวพรุ่งนี้อีตานั่นก็มารับอีก”
“บ้า! ไม่เอาแล้วน่ากลัวจะตาย ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ หรอก อยู่ด้วยแล้วอึดอัดอกจะแตกตาย”
ผมพูดพร้อมกับเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน ส่วนเมษคว้าเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำครับ แต่เราสองคนยังตะโกนคุยกันต่อ
“อ้าว? งี้แล้วพรุ่งนี้แกจะไปยังไงย๊ะ ฉันมีชั่วโมงเช้าด้วยนะแก”
“ก็ว่าจะนั่งแท็กซี่ไป แต่ตอนเย็นแม็กซ์บอกจะมาส่ง เห็นบอกว่าว่างจะมากินข้าวด้วย”
“ผัวแกไม่ตบเอาเหรอ?”
“ไม่หรอก พี่ชัชอนุญาตแล้ว”
“เออๆ ทำไรก็ตามสบายเรื่องของแก แต่ฉันไม่ไปด้วยนะมีงาน คงกลับมาดึกๆ หน่อย”
“อือไม่เป็นไรหรอก พรุ่งนี้นายกลับเลยก็ได้นะ พี่ชัชบอกว่าถ้าเคลียร์งานได้เร็วก็คงถึงดึกๆ พรุ่งนี้เหมือนกัน แต่ถ้าไม่ได้ก็กลับอีกวันนึง”
“พี่ชัชนี่ก็งานยุ่งดีเนอะ ขยันทำงานงกๆ หาเงินให้แกใช้ น่าอิจฉาอ่ะ”
“ไว้เราติดต่อเพื่อนพี่ชัชให้มั้ยล่ะ?”
“บ้า! ไม่เอาหรอกย่ะ ฉันไม่ชอบคนแก่!”
“พี่ชัชยังไม่แก่นะ! แค่สามสิบสามเอง”
พี่ชัชของผมยังไม่แก่ซักหน่อยครับ เพิ่งจะสามสิบสามเอง สำหรับผู้ชายถือว่าเป็นวัยกำลังภูมิฐานเลย อบอุ่นดีออก เมษมาว่าพี่ชัชของผมได้ยังไง!
“แหมแตะต้องผัวแกไม่ได้เลยนะ เชอะ!”
เมษเดินออกมาจากห้องน้ำในชุดเสื้อยืดกางเกงขาสั้นสบายๆ ผมเองก็ใส่กางเกงขาสั้นครับ แต่ใส่กับเสื้อแขนสั้นแบบมีกระดุมนะ มันยังเจ็บแผลจนไม่อยากยกแขนใส่เสื้อยืด แล้วกางเกงขาสั้นของผมไม่ใช่แบบสั้นเสมอหูสองคืบแบบของเมษด้วย เป็นกางเกงแบบผู้ชายตามปกติน่ะแหละครับ
เห็นแล้วทึ่งจริงๆ เพื่อนผมแต๊บได้เนียนมาก แต่เมษเคยบอกผมว่าเป็นเพราะเมษทานฮอร์โมนตั้งแต่เด็กตรงนั้นของเขาก็เลยมีสภาพคล้ายของเด็ก ทำให้แต๊บได้ง่ายเพราะเป็นแค่หนอนตัวเล็กไม่ใช่งู ไม่มีปัญหาอะไรกับการนุ่งสั้นโชว์ขาเนียนๆ นอกจากการต้องคอยแว็กซ์ขนหน้าแข้งบ่อยๆ
เราสองคนไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้านกัน กลับมาทำอาหาร ทานข้าวเย็น ทำการบ้านไปคุยไป ก่อนต่างคนจะเข้าโหมดอ่านหนังสือเตรียมสอบ แล้วก็ต่างคนต่างก็ไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนครับ
เมษนอนห้องนอนของผมกับพี่ชัชนี่แหละ ความจริงในห้องว่างอีกห้องที่พี่ชัชทำเป็นห้องทำงานก็มีเตียงแบบโซฟาเบดอยู่นะครับ แต่ผมกับพี่ชัชไม่ถือ ผมก็เลยชวนเมษมานอนบนเตียงนี้นี่แหละ ผมจะถือเรื่องนอนทับรอยทำไมละครับก็ในเมื่อคนที่นอนอยู่กับพี่ชัชก่อนหน้าผมก็คือพี่ฟ่างผมยังไม่รังเกียจเลย
เมษยังขนครีมบำรุงทั้งหลายมาดูแลตัวเองเหมือนเดิม แต่ผมก็มีบ้างแล้วนะครับ หลังจากที่อยู่ด้วยกันแล้วพี่ชัชคลั่งกลิ่นพีช(จากสบู่)บนตัวผมมากๆ พอปีที่แล้วพี่เขาไปญี่ปุ่นแล้วเจอโลชั่นกลิ่นพีชยี่ห้อนึงพี่เขาก็เลยซื้อกลับมาให้ผมลองใช้ครับ บอกว่าหอมดี ผมเองใช้แล้วก็ชอบเพราะมันหอมมาก แล้วก็ทาแล้วผิวนุ่มชุ่มชื่นขึ้นจริงๆ เนื้อครีมไม่เหนอะหนะแถมผมไม่แพ้ก็เลยติดใจครับใช้มาตลอด รอบที่ผ่านมานี่พี่ชัชก็เลยเหมามาทั้งครีมอาบน้ำทั้งโลชั่นเยอะเชียวครับ ใช้ได้อีกครึ่งปีเลยแหละผมว่า
ทำไงได้ล่ะครับถ้าขืนผมปล่อยให้ตัวเองโทรมผมกลัวพี่ชัชจะเบื่อผมนี่นา แต่พวกครีมบำรุงผิวหน้านี่ผมไม่ค่อยได้ใช้อะไรหรอกนะครับ มีเอาครีมให้ความชุ่มชื้นทาบ้างนิดหน่อย ถ้าสิวขึ้นก็เอาเจลแต้ม คนที่ใช้เยอะหน่อยก็พี่ชัชแหละครับ ก็เป็นผู้แทนนี่นาต้องดูแลหน้าตัวเองบ้างพอสมควร แต่ถึงยังไงก็ไม่เท่าเมษแน่ๆ ครีมบำรุง เซรั่ม อายครีม สารพัดเยอะไปหมดจนผมงง
พวกเรานอนหลับกันไปทั้งๆ ที่ต่างคนต่างยังมีหนังสือคาอยู่ในมือ ผมก็นั่งท่องสูตรลองทำโจทย์คำนวน ส่วนเมษก็นั่งท่องจำวิชาอ่าน เราตื่นกันอีกทีตอนนาฬิกาปลุกดังราวๆ ตีห้า แล้วพวกเราก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมออกจากบ้านครับ ผมคิดว่าผมพร้อมสำหรับการสอบวันนี้นะ แต่ผมไม่พร้อมที่จะเจอพี่ซิคซ์!
พี่ซิคซ์มายืดกดออดรอพวกเราตั้งแต่หกโมง! ทำไงได้ ก็เลยต้องให้พี่เขาไปส่งน่ะสิครับ เซ็งจริงๆ เลย...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ต้นน้ำ ความจริงแล้ววันนี้ผมมีสอบบ่ายแต่ที่มาเช้าๆ คือพวกผมนัดกันมาติวนั่นแหละครับ ชีทของผมเป็นที่ต้องการอย่างมากสำหรับเพื่อนๆ แต่ในระหว่างที่กำลังนั่งติวกันอยู่นั่นเอง เพื่อนเด็กภาคเคมีก็เดินเข้ามาหาผมแล้วก็ยื่นถุงอะไรซักอย่างให้
“ต้น อาจารย์ต้นฝากมาให้นายอ่ะ”
“เธอเป็นเด็กส่งสารให้อาจารย์เขารึไงนิว?”
“ย่ะ รับๆ ไปเหอะ เราต้องไปละ”
นิวพูดแล้วก็วางถุงไว้บนโต๊ะ ผมจะร้องห้ามแต่นิวก็เดินหนีไปซะก่อน
“นิวเดี๋ยวก่อน เอาไปคืนอาจารย์ให้ที ... ไปซะแล้ว”
นิวเดินหนีผมไปอย่างรวดเร็ว คงกะมาแล้วว่ามุขนี้ได้ผล แต่ที่ผมคิดไม่ถึงคือไปป์จอมยุ่งเร็วกว่า
“ไรอ่ะ? ไหนดูดิ๊ ห่อของขวัญด้วย”
ไปป์เอาของที่อยู่ในถุงออกมาดูแล้วเรียบร้อยครับ
“มารยาทน่ะสะกดเป็นมั้ยไปป์”
ผมปรายตามองไปทางไปป์แล้วก็ด่าด้วยน้ำเสียงเย็นๆ แต่อย่างไปป์น่ะเหรอครับจะสลด
“น่านะ ขอแกะหน่อย เราอยากรู้ว่าข้างในมีอะไร”
“ถ้านายแกะ นายต้องเอาไปคืนอาจารย์ให้เราด้วย เอามั้ยล่ะ?”
“ได้เลย!”
ไปป์... บางครั้งนายก็หน้าด้านเกินไปนะ แต่เอาเถอะ ถือว่าผมได้ประโยชน์ อย่างน้อยก็มีคนเอาของไปคืนแทนผม ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมของถึงถูกแกะ ผมก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนตอบ
ผมก้มหน้าลงอ่านหนังสือต่อไม่ใส่ใจปล่อยให้ไปป์นั่งแกะของขวัญของผมมันมือ ผมหันไปอธิบายตรงที่ผมพูดค้างไว้ให้โอมฟังต่อ เมย์กับแก้วก็นั่งอ่านหนังสือกันเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว มีแต่ป่านที่กระตือรือล้นช่วยไปป์แกะของขวัญสุดฤทธิ์
“โอ้โห! กระเป๋าตังค์ สวยจัง Pierre Cardin ด้วยคงแพงน่าดูเลยนะเนี่ย”
ไปป์พูดขึ้นทันทีที่แกะของขวัญชิ้นนั้นเสร็จ ผมเหลือบตาไปมองนิดหน่อย กระเป๋าเงินใบสั้นแบบพับสองตอนสีดำเรียบๆ แต่ตัดเย็บอย่างดี ผู้ชายคนนั้นซื้อกระเป๋าเงินให้ผมเพื่ออะไรนะ?
“อาจารย์เขาซื้อเป๋าตังค์ให้แกทำไมว... เอ้ย! ต้น...”
เสียงของป่านที่แปลกไปกระทันหันทำให้ผมต้องเงยหน้าหันไปมอง พร้อมๆ กับที่ไปป์พูดต่อพอดี
“มีเงินอยู่ในนี้เป็นปึกเลย!”
ไปป์หยิบแบงค์พันปึกนั้นออกมาจากกระเป๋า ผมรีบคว้ามาดูทันที พวกเราทั้งโต๊ะพูดอะไรไม่ออก อึ้งกันหมดแล้วครับ
“เท่าไหร่อะ? ไม่ต่ำกว่าหมื่นนึงแน่ๆ เป็นฟ่อนเลย”
“เราจะเอาไปคืนอาจารย์! พวกนายติวกันไปก่อนนะ เดี๋ยวเรามา!”
ผมโมโหจนทนไม่ไหวแล้วครับ เขาทำแบบนี้กับผมได้ยังไง! ผมพึ่งจะขอร้องเขาว่าไม่ต้องมายุ่งกับผมไม่ใช่เหรอ
“เฮ้ยต้นใจเย็นๆ รอเราด้วย”
ไปป์พูดแล้วก็วิ่งตามผมมาติดๆ ผมวิ่งไปที่ห้องภาคเคมีไม่รอช้าแต่ดันโชคร้ายเขาไม่อยู่ ผมตามหาเขาซะทั่วจนไปป์ต้องเตือนสติผม
“ต้นๆ ใกล้เข้าสอบแล้ว ไปก่อนเหอะ เดี๋ยวค่อยเอาไปคืนอาจารย์เขาก็ได้”
“ไม่ได้! ถ้ายังไม่ได้คืนไอ้กระเป๋ากับเงินบ้าๆ นี่เราไม่มีสมาธิสอบแน่!”
“ต้นมีไรเปล่า?”
เสียงของอาร์มดังขึ้น อาร์มวิ่งมาหาผมพอดีครับ
“อาร์ม!”
ผมโผเข้าไปหาอาร์ม ดูอาร์มตกใจนิดหน่อยก่อนจะลูบหลังปลอบผม
“มีไร! ใจเย็นๆ เกิดไรขึ้น?”
“ผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว! เขาทำงี้กับเราได้ไง บ้าที่สุด!”
“ใจเย็นนะต้น”
อาร์มหันไปส่งสายตากับไปป์ เพราะผมกำลังดราม่าไม่มีอารมณ์จะเล่าอะไร
“มีเด็กเคมีเอาของมาให้ต้น บอกว่าอาจารย์ต้นตระการฝากมา แล้วพอแกะออกดู ก็เป็นกระเป๋าตังค์กับเงินเป็นฟ่อนอ่ะ แล้วต้นก็ของขึ้นวิ่งตามหาอาจารย์ซะทั่วอย่างที่นายเห็น”
“ต้นใจเย็นนะ นายกลับไปสอบก่อน ไว้สอบเสร็จนายค่อยเอาของไปคืนเขาก็ได้ ไม่ต้องรีบคืนหรอก ตอนนี้เรื่องสอบสำคัญกว่านะ”
อาร์มปลอบผมเหมือนปลอบเด็กแล้วก็ฉวยถุงใส่กระเป๋าสตางค์กับเงินพวกนั้นออกจากมือผมโยนไปให้ไปป์ อาร์มมีอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมสบายใจเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผมไม่อายถ้าต้องร้องไห้ต่อหน้าอาร์ม เพราะผมรู้ว่าอาร์มจะเช็ดน้ำตาให้ผมได้
“ของนี่ฝากเพื่อนนายไว้ก่อนก็ได้ ไปสอบก่อนนะ เดี๋ยวตอนเย็นพวกเรานัดกับแม็กซ์ด้วยไม่ใช่เหรอ ไว้ละไปหาไรอร่อยๆ กินให้สบายใจกัน”
อาร์มเดินลากผมกลับไปยังตึกแล้วก็บอกให้ไปป์ช่วยดูแลผมเป็นพิเศษ มีพูดติดตลกทิ้งท้ายไว้ว่าเพราะผมอยู่ในภาวะอารมณ์ไม่มั่นคงอย่างรุนแรงแล้วก็กำชับว่าสอบเสร็จแล้วห้ามไปไหนเพราะอาร์มกับแม็กซ์จะมารอผมที่นี่
โชคดีที่พักหลังผมหลุดบ่อยจนเพื่อนๆ เริ่มชินแล้วเลยไม่ใคร่จะถือสาหาความอะไรกับผม ทุกคนพากันเบนเข็มไปถามไปป์ด้วยสายตาแต่ไปป์ก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดเอาตอนนี้และเบี่ยงประเด็นไปเรื่องอ่านหนังสือสอบแทน ถุงของขวัญนอนนิ่งอยู่ในเป้สะพายของไปป์ๆ ไม่เอาออกมาให้ขัดตาผมเลยแม้แต่น้อย แล้วผมก็เข้าห้องสอบไปทั้งอย่างนั้น นั่งสอบแบบไม่มีสมาธิ จนหมดชั่วโมง....