ตอนที่2
“ว่าไงมึง นั่งหน้าเป็นตูดเลย”ไอ้กี้มันทักผมหลังจากมันหย่อนตูดลงนั่งที่เก้าอี้ตัวข้างๆเรียบร้อย มันมองหน้าผมแบบอมยิ้มนิดๆนั่นยิ่งทำให้ผมหน้าหงิกลงกว่าเดิม ผมไม่ชอบเลยเวลามันทำหน้าตาแบบรู้ทันรู้ไปหมดอะไรเงี้ย
แม่งเกลียดญาติตัวเองชิบหาย
“สัส”ผมด่ามันไป ระบายอารมณ์ล้วนๆ
“ฮ่าๆ มึงแม่งหายหงุดหงิดดิวะ ทำตัวงี่เง่าเหมือนผู้หญิงไปได้”มันพูดเสียงดังเลยครับ พูดกระทบเต็มๆจนผู้หญิงโต๊ะข้างๆหันมามองอ่ะมันหันไปก้มหัวขอโทษเขานิดหน่อย ผมยิ้มเลยครับชอบเห็นคนอื่นล้มนี่แหละสันดารผม
มันหันมามองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะแสยะยิ้มแบบกวนตีนส่งมาให้ ผมหันหน้าหนีครับแกล้งทำเป็นไม่รับรู้แม่งซะเลย เพราะผมรู้ดีว่าที่มันต้องการคืออะไร
“นี่มึงจะไม่เล่าให้กูฟังจริงๆอ่ะ กูเพื่อนมึงนะเว้ย”เอาแล้วครับ เริ่มพิสูจน์ความเป็นเพื่อนอีกแล้วครับ จริงๆผมกับมันไม่เคยมีความลับต่อกันเลยนะเพียงแต่เรื่องที่มันอยากรู้มันเป็นเรื่องที่ผมอายอ่ะ ผมเลยไม่กล้าเล่าให้มันฟัง เมื่อวานมันโทรมากวนส้นตีนผมทั้งคืนจนผมหงุดหงิดปิดเครื่องหนีแม่งซะเลย
“เล่าเหี้ยไร ไปๆเรียนได้แล้วอากูเค้าส่งมึงมาเรียนนะ”ผมพูดจบก็ยัดกระเป๋าเป้ใบเก่งใส่มือมันทันทีครับ เป็นการไล่กลายๆแต่ดูเหมือนมันจะไม่ยอมขยับไปไหนเลยยังเอาหน้าตากวนส้นตีนมองหน้าผมกลับมาแบบขอคำตอบอีก แต่หน้าผมตอนนี้งอกว่าตอนแรกอีกอ่ะ เริ่มโมโหนิดๆละ
“อย่าลีลา ถ้าเห็นว่ากูเป็นญาติมึงไอ้เหี้ยเหนือ”จบกันชีวิตกู ผมค่อนข้างอ่อนไหวกับประโยคนี้ของมันพอสมควรเลยครับ เวลาผมไม่ยอมทำตามใจมันแค่มันพูดประโยคนี้ขึ้นมาพร้อมด้วยสายตาตัดพ้อหน่อยๆ ก็ทำให้ผมใจอ่อนกับมันทุกครั้ง
มึงมันเลวไอ้กี้ ใช่ซี้ เห็นกูยอมตลอดๆก็เอาใหญ่เลยนะ มึงมันควายกูกลับบ้านกูจะฟ้องพ่อมึง
“เฮ้อ เออๆ เรื่องมันเป็นงี้…..”แล้วผมก็ต้องยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานหน้าผับให้มันฟังอย่างละเอียดครับ ย้ำว่าต้องละเอียดเพราะเดี๋ยวไอ้เหี้ยนี่ก็งอนผมอีกว่าไม่เล่าให้มันฟังให้หมดอีก แต่ทำไมกูรู้สึกว่ายิ่งเล่าให้ฟังกูยิ่งโมโหวะ สงสัยกูคงจะเกลียดไอ้เหี้ยหน้าหล่อเมื่อวานไม่หาย อย่าให้กูเจอนะกูจะเอาตีนถีบหน้ามึง
อ้อ แต่ผมไม่ได้เล่าเรื่องที่โดนไอ้หน้าเลวเมื่อวานมันคว้าคอผมไปจูบให้วิสกี้มันฟังหรอกนะ ผมยังรู้สึกทำใจไม่ได้ อีกอย่างเรื่องนี้ผมคงจะเหยียบให้จมดินจะไม่มีวันขุดมันขึ้นมาอีกเป็นครั้งที่สอง
“ฮ่าๆๆๆ อีกแล้วหรอวะกูว่ากูได้ยินคนบอกมึงเหมือนผู้หญิงครั้งสุดท้ายนี่ตอนม.6ไม่ใช่หรอวะ ฮ่าๆๆๆ ขำว่ะไอ้เหี้ยนั่นพูดถูกใจกูฉิบหาย โอ๊ย!”ผมตบกบาลมันไปเต็มๆทีนึงด้วยความรักล้วนๆครับ กูว่าแล้วถ้ากูเล่าให้ฟังมึงต้องขำเพราะงี้ไงกูถึงต้องปิดบังมึง มึงมันเลวไม่ปลอบกูไม่ว่ายังไปชื่นชมไอ้ห่าสองตัวนั้นออกหน้าออกตาอีก กูเกลียดมึงวิสกี้กูเกลียดมึง
“มึงมันเลว”ผมมอบพรให้มันอีกคำครับ
ตอนนี้ผมโกรธจริงๆละโกรธหมดทั้งสองตัวเมื่อวานแล้วก็ไอ้ตัวที่นั่งขำผมด้วย แค่การที่กูหน้าเล็กตัวบางกูผิดใช่ไหม กูแค่อยากเท่ห์เหมือนคนอื่นแต่ร่างกายกูไม่ให้แค่นี้กูผิดหรอ
“แหมะๆ ว่าแต่กูได้ข่าวว่าเรามันก็กรรมพันธุ์เดียวกันนะครับวิสกี้ มึงกะกูได้เชื้อจากย่ามาเต็มๆ หัดส่องกระจกซะบ้าง”หลังจากที่ผมนั่งมองมันหัวเราะอยู่นานผมก็เอาคืนมั่งครับเรื่องอะไรจะให้มันได้ใจอยู่ฝ่ายเดียว ผมจับคางมันจนหน้าหงายแล้วส่ายไปมาเล็กน้อย จากตอนแรกที่มันขำๆอยู่เจอผมพูดเข้าไปมันเงียบเลยครับ ผมโคตรซะใจอ่ะ
“สัส หยุดพูดเลย”มันสะบัดมือผมที่จับคางมันอยุ่ออกอย่างแรงอ่ะ ผมขำตัวงอเลยนานๆได้เห็นมันแสดงอาการไม่พอใจแบบนี้ซะที
แต่ไม่ผิดจากที่ผมพูดนะ ผมกะมันจะได้เชื้อตัวเล็กๆมาจากฝั่งของย่า ส่วนพี่ชายมันสองคนที่ได้หุ่นบึกบึนมาจากฝั่งของปู่ แต่ดีที่ว่าพวกผมสูงไม่งั้นคงเหมือนผู้หญิงกว่านี้ผมกะมันผิวขาวกว่าพี่น้องคนอื่นๆอีกนะ จนญาติผมที่เป็นผู้หญิงยังอิจฉาอ่ะ แต่เหมือนว่าหน้าผมจะเรียวกว่ามันหน่อย แล้วมันก็ดูเข้มกว่าผมอาจจะเพราะว่าบุคลิคของมันด้วยแหละ แต่สรุปคือว่าทั้งผมและมันก็โดนหาว่าเป็นเด็กผู้หญิงทั้งคู่อ่ะครับ
“ตอนนี้กูอารมณ์ดีละขึ้นมานิดนึงละ แต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่นิดหน่อย เสียดายเมื่อวานน่าจะต่อยมันไปอีกหมัด ยังไม่หายแค้นเท่าไหร่เลย”ผมบอกกับวิสกี้ด้วยความเจ็บใจ ความรู้สึกคือแบบยิ่งนึกถึงยิ่งเหม็นหน้า ต่อให้ผมอยากเหมือนมันเท่าไหร่แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากเจอมันอีก
ยิ่งพูดยิ่งมีน้ำโห
“อยากเห็นหน้าไอ้หนุ่มคนนั้นซะจริงๆ”มันบอกกลับมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แบบสุดๆ พูดตรงๆนะถ้าไม่ติดว่าเป็นญาติกะมันผมไม่คิดจะคบมันหรอก
“มึงอย่าเห็นเลย เสียลูกตา แล้วนี่ไม่มีเรียนไง”ผมบอกอย่างชิวๆ แต่จริงๆคืออยากเลี่ยงไปคุยเรื่องอื่นมากกว่าถามแต่เรื่องนี้จนผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมานิดๆละ
“เปลี่ยนเรื่องๆ หึหึ เรียนเสร็จแล้วตอนเย็นอาจารย์เลิกคลาสกะทันหัน แล้วมึงอ่ะมานั่งหน้าหักอะไรตรงนี้ไม่มีเรียนไง”มันตอบแล้วก็ยอกย้อนผมกลับมาด้วย แล้วไม่ใช่มึงหรือไงที่ดึงกูไว้ให้นั่งเล่าเรื่องเมื่อวานจนกูไม่ได้ไปเรียนเนี่ย ฟายยยยยย
ผมมองหน้ามันไม่ตอบครับไม่ตอบ คือมันก็รู้ว่าผมมีเรียนแต่มันถามกวนส้นตีนไปงั้นแหละ ขี้เกียจพูดกับมันละ
“กูอยากกลับบ้าน ไปส่งกูหน่อย”ผมบอกมันแอบบังคับเล็กๆด้วยการหยิบกุญแจรถมันมาถือเอาไว้ คือกะว่ายังไงมึงก็ต้องไปส่งกูแน่ๆ ฮ่าๆๆ โคตรเลวอ่ะ
“หึ”มันยิ้มมุมปากนิดๆ ดูแล้วน่าถีบดีฉิบหายแต่ไม่เป็นไรกูไม่โกรธ
หลังจากที่ผมกับวิสกี้มัวแต่ยืนกวนส้นกันอยู่สักพักใหญ่ๆ ก็บังเอิญเจอพี่เพทายแกผ่านมาทางนี้พอดี แน่นอนครับตามประสาคนรู้จักก็เข้าไปทักแกนิดหน่อย
“ว่าไงพี่ มาทำไรแถวตึกวิศวะเนี่ย”ผมเอ่ยแซวขำๆครับ แต่ดูเหมือนพี่แกจะทำหน้าเหรอหรามีพิรุธยังไงชอบกล แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอ่ะครับบางทีแกอาจจะซุกกิ๊กไว้ที่คณะนี้ก็ได้ เห็นเซอร์ๆเงียบๆแต่สาวเพียบนะครับ
“เอ่อ..ไม่มีไร มาหาส่องเด็ก”พี่แกตอบกลับมากวนๆครับ พวกผมก็หลุดขำกร๊าก
พวกผมยืนคุยกะพี่แกโดยไม่มีสาระอะไรเลยอยู่ประมาณสิบห้านาทีเห็นจะได้ พี่เพทายก็ขอตัวบอกว่ามีธุระด่วนต้องรีบไป พวกผมถึงได้เดินแยกย้ายกันออกมาครับ
ผมกะวิสกี้เดินตรงไปที่รถที่มันจอดอยู่ ได้ที่จอดดีเลยล่ะมีต้นไม้บังแดดให้พอดี ไม่งั้นนะก้าวเข้ารถนึกว่าเข้าเตาอบ
“เดี๋ยวมึง กูโทรหาพี่กูแปป”พวกผมขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้วครับ สตาร์ทเครื่องไว้ให้แอร์มันเย็นจนฉ่ำปอด ผมเปิดดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยในระหว่างที่รอไอ้กี้มันคุยกะพี่มัน
“ม๊าถามว่าเฮียจะกลับบ้านหรือเปล่า เออๆ เดี๋ยวบอกให้ ไม่รู้ไม่ชี้ไปเคลียร์กับป๊าเอาเอง บ้านก็ไม่ได้อยู่ไกล ว่างๆก็กลับบ้านบ้าง อย่าๆ อย่ามาอ้างว่างานสอนมันยุ่ง เออแค่นี้แหละ แม่ง!”
ผมฟังมันคุยกะพี่ชายมันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะใส่หน้ามันครับ จริงๆมันน่ารักดีนะเวลาไอ้กี้มันทำท่าทางงอนๆพี่ชายมันทั้งสองคนอ่ะ มันน้องคนเล็กด้วยมั้งใครๆก็เอาใจ น่าอิจฉาเนอะไม่เหมือนผมที่เป็นลูกคนเดียว
ส่วนเหตุผลที่มันเรียกทุกคนเป็นคำจีน ทั้งม๊า ป๊า เฮีย เพราะว่าฝั่งแม่มันเป็นคนจีนแท้ๆครับ เพราะว่าบ้านฝั่งพ่อพวกผมนี่ก็ไทยแท้เหมือนกัน ก็คงจะมีแต่บ้านผมที่ยังเรียกพ่อแม่ปกติอยู่
“พี่มุธใช่ไหม”ผมถามถึงคนที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดที่มันคุยด้วยเมื่อกี้ครับ มันก็พยักกลับมาน้อยๆ ก่อนที่มันจะเริ่มเคลื่อนรถออกไป
“แม่มึงเค้าให้มึงตามพี่ชายกลับบ้านอีกแล้วไง”ผมถามติดขำเล็กๆครับ เป็นเรื่องปกติของบ้านนี้ ไอ้วิสกี้มันมีหน้าที่ประจำที่ได้รับมอบหมายคือการตามพี่ชายสองคนกลับบ้าน แต่ดีหน่อยที่ช่วงปีที่ผ่านมาพี่ชายคนกลางมันไปเรียนต่อต่างประเทศมันก็เลยเหนื่อยน้อยลง
จริงๆพี่คนโตมันพี่เวอร์มุธอ่ะครับ เป็นอาจารย์สอนวิศวะกรรมที่มหาลัยที่พวกผมเรียนเองนะ แต่ก็ไม่ค่อยได้เจอสักเท่าไหร่ขนาดว่าผมอยู่วิศวะยังไม่ค่อยได้เจออยู่กันคนละสาขาด้วย แต่พี่แกเหมือนนินจาเลยนะ หาตัวจับยากมาก ถ้าผมเป็นวิสกี้ผมคงอยากกินยาฆ่าตัวตาย
“กูล่ะเบื่อไอ้พี่กูสองตัว แม่งโตเป็นควายแล้วยังทำตัวเป็นเด็กๆอีกบ้านช่องก็ไม่ยอมกลับ”ไอ้กี้มันบ่นยาวอารมณ์เหมือนอยากหาที่ระบายมากกว่า มันเคลื่อนรถออกไปอย่างช้าๆ ดีนะคือไม่ว่ามันจะอยู่ในอารมณ์ไหนมันจะเป็นคนที่ขับรถได้ปลอดภัยเสมอ นอกจากเวลามันเมาเหยียบมิดไมล์
“เอาน่ามึงก็ เดี๋ยววันนี้กูพาไปเลี้ยงเหล้า เคป่ะ”ผมบอกมันแบบกวนๆครับ เพราะเรื่องเหล้าเรื่องยานี่ไม่สมควรถามว่าจะไปไหม รู้ๆกันอยู่ว่าไม่น่าจะพลาด ฮ่าๆๆ
“ให้กูไปรับอีกสิ โคตรภาระกู”มันบ่นขำๆครับ ยากนะที่จะเห็นวิสกี้มันหัวเราะอ่ะ ปกติมันได้แต่ยิ้ม แสยะยิ้มแล้วก็ขำในลำคอแบบพอเป็นพิธี
“แหมะ ไอ้ห่า”
“หึหึ”
“เดี๋ยวกูขอแวะเข้าไปเอาของที่คณะแปปนึง กูขี้เกียจทำงานละ เก็บของกลับบ้านพร้อมมึงเลยดีกว่า”มันบอกครับ ผมก็พยักหน้ารับเพราะไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว
“เดี๋ยวกูรอบนรถนี่แหละ ไม่ต้องรีบนะเดี๋ยวกูส่องเด็กคณะมึงคอยไปพลางๆ”ผมพูดแบบติดตลกอ่ะ พวกผมสองคนก็ขำพรืดเลย
ผมมองนู่นนั่นนี่ไปเรื่อยๆ รู้สึกแปลกตากับบรรยากาศของคณะสถาปัตเขาอยู่เหมือนกัน ทั้งตึกที่แปลกกว่าคณะผม บรรดานักศึกษาก็ยังดูแปลกกว่า แต่ละคนนี่มีจุดมุ่งหมายเป็นของตัวเองจริงๆ ผมว่าคณะนี้เจ๋งแล้วนะแต่เจอพวกจิตกรรมผมว่าเจ๋งกว่านี้อีก คือแบบถาปัตยังมีวิทยาศาสตร์บ้าง แต่จิตกรรมนี่เขาเอกเขนกจริงๆ
จริงๆแล้วสาวเซอร์ก็ดูน่ารักดีนะ มองไปเพลินๆดี ผมก็เดินเล่นไปเรื่อยๆครับ ตลอดทางก็มีคนมาทักบ้างยิ้มให้บ้าง ธรรมดาครับผมเดือนมหา’ลัยนี่นะ จนมารู้ตัวอีกทีผมก็เดินมาถึงหน้าคณะจิตกรรมแล้วอ่ะ มีนักศึกษาบ้างประปรายแต่ละคนก็เริ่มบ้ากันทุกที อารมณ์คล้ายๆวิศวะตอนแก้โจทย์แคลไม่ออกเหมือนกันนะ
“มึงอยู่ไหน เรียนอยู่ป่ะ เออกูอยู่หน้าคณะมึงมาหากูดิ”ผมโทรหาไอ้ดินครับ คือแบบอยู่ๆเดินมาโผล่ที่คณะนี้ก็แอบเขินอยู่บ้าง โทรหาเพื่อนมันก็ดูอุ่นใจดี
ไม่ถึงสิบห้านาทีไอ้ดินมันก็เดินเสนอหน้ามาหาผมที่ยืนเตร็ดเตร่มองสาวไปเรื่อย มันทำหน้าสงสัยเหมือนจะถามประมาณว่ามึงเสือกมายืนหน้าหล่ออยู่คณะกูได้ยังไง จะให้มันงงก็คงไม่แปลกอ่ะครับ เพราะนับครั้งได้ที่ผมจะโผล่มาหามัน มีแต่พวกมันที่มักจะรวมตัวไปหาผมที่คณะมากกว่า วันนี้ถือว่าผิดปกติครับ
“อย่าถามนะ เพราะกูก็เดินมาเรื่อยๆจนมาโผล่ที่นี่เนี่ยแหละ”ผมชิงตอบมันไปก่อน ไม่อยากฟังมันถาม ไอ้นี่มันพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องอ่ะ มันติสมากจนบางครั้งผมก็เลี่ยงที่จะไม่คุยกะมันแค่สองคน ต้องมีไอ้แพะไอ้นี่มันแปลไทยเป็นไทยได้เก่งที่สุดในโลก
มันพยักหน้าเล็กๆเป็นเชิงรับรู้ ก่อนที่พวกผมจะทรุดนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง บรรยากาศช่วงเย็นๆ ได้มานั่งที่หน้าคณะศิลปกรรมก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบเหมือนกันนะผมว่า คือยังไงอ่ะปกติสาววิศวะจะเป็นพวกมั่นใจในตัวเองสูง ดูหยิ่งๆ หรือไม่ก็ดูห้าวจนมองไม่ออกว่าหญิงหรือชาย แต่มาเจอเด็กศิลกรรม ใส่กระโปรงยาวๆเสื้อตัวใหญ่ๆผมฟูๆมันก็ดูน่ารักดี
“วิสกี้ล่ะ มันไปไหน”นั่งเงียบมาพักนึงไอ้ดินมันก็เอ่ยปากถามผม ผมสะดุ้งเลยครับเพราะนึกขึ้นได้ว่าผมมากับมันแล้วมันก็ขึ้นไปเอาของบนตึก แต่ช่างมันถ้ามันลงมาไม่เจอผมมันก็ต้องโทรตามแต่นี่ยังเงียบกริบแสดงว่าธุระมันยังไม่เสร็จ
“มันไปเอาของที่คณะ แล้วนี่มึงเรียนอยู่หรือว่าม่อหญิง”ผมถามกวนตีนมันกลับไป คือว่างไงกวนตีนเพื่อนเล่นก็สนุกไปอีกแบบ
“หึหึ สัส”มันไม่ตอบแต่อวยพรผมแทน แต่มันบอกมาแบบนี้แสดงว่ามันเรียนอยู่แน่ๆ ซึ้งใจจัง พวกผมสี่คนนี่เห็นแบบนี้แต่โคตรรักเพื่อนเลยนะคือไม่ว่าใครจะเรียนอยู่ก็ช่างแต่ถ้าเพื่อนโทรตามพวกมันหรือแม้กระทั่งผมจะรีบโดดลงมาทันทีสาเหตุแรกคงเพราะรักเพื่อนสาเหตุสองคือกูขี้เกียจเรียน ก๊ากกกก
“วันนี้กูจะไปแดกเหล้า มึงไปกะกูไหม”ผมหันไปถามมัน ซึ่งคำตอบที่ได้รับก็เป็นสิ่งที่ผมคิดไว้อยู่แล้ว
“จะพลาดหรอ”