กรี๊ดดด ทำไมยะ คนอย่างชั้นจะมีคนมาจีบ มันเเปลกนักหรือไง
วันนี้ขอตัวไม่ลงอัพต่อนะคะ ขอตัวไปเที่ยวดูหนังกับน้องบ่าวก่อนละกัน คริๆ
อย่าอิจฉาค่ะ อย่าอิจฉาปล. บทพิเศษอีกเเล้วนะคะ หวังว่าคงชอบกันเน่อ
บทที่ B พบกันอีกครังปักษรหันมองไปรอบตัว เพื่อนคนสนิทที่เคยวิ่งไล่กันอยู่เมื่อ2-3 นาทีที่ผ่านมา กลับหายตัวไปเสียดื้อๆ เขาลองเดินย้อนกลับไปอีกสักเล็กน้อย พร้อมกับสายตาที่สาดส่องไปทั่ว แต่ก็เหมือนจะเป็นการงมเข็มในทะเล คลื่นประชากรมหาสารต่างหลั่งไหลเข้ามาร่วมสนุก สายน้ำที่ต่างกระหน่ำสาดไปมา รวมถึงแป้งที่พอกหนาขึ้นบนใบหน้าของเขาขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาเองก็ต้องยอมแพ้เสีย
‘น่าจะเอาโทรศัพท์มาด้วย’
ปักษธรนึกเสียดายที่ไม่ได้พกเอาโทรศัพท์ไปด้วย เขาเดินเล่นน้ำไปอีกสักพัก (ความจริงเดินให้เขาประแป้งต่างหาก) ชายหนุ่มเดินหาร้านค้าข้างทางหวังหาเครื่องดื่มเพื่อดับกระหาย ความรู้สึกอยากสนุกนั้นค่อยๆลดลงไป
สงสัยคงต้องกลับไปรอที่ห้อง
เมื่ออยู่เพียงลำพัง ความเงียบกลับเข้ามาในใจอีกครั้ง ปกติปักษธรเองก็เป็นคนค่อนข้างเงียบ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาดูเข้าถึงยาก และมีเพื่อนเพียงไม่กี่คน หนึ่งในนั้นก็คือ อาทิตย์ คนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก อาทิตย์กับเขา แตกต่างกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครก็ต่างไม่อยากจะเชื่อว่าทั้งสองจะสามารถเป็นเพื่อนกันด้ยาวนานถึงเพียงนี้
คนหนึ่ง เยือกเย็น เงียบเชียบ ราวกับดวงจันทร์ที่ฉายแสงเพียงโดดเดี่ยวบนราตรีที่ไร้ดาว
อีกคน สดใส ร่าเริง เต็มไปด้วยพลังงาน เฉกเช่นดวงตะวันอันอบอุ่น
ดวงอาทิตย์ที่คอยเติมเต็ม แต่งแต้มสีสันให้กับโลกใบนี้
“แกแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้”
“ใช่ดิแก ทำไมอะ”
“เพราะเราไม่มั่นใจกับความรัก แบบนี้น่ะสิ”
เขานั่งทวนคำพูดของเขากับเพื่อนสนิทครั้งเมื่อสามเดือนที่แล้ว เวลาที่เพื่อนสาวอยากที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง เลือกที่จะเสียความเป็นตัวเองไป
“แต่……”
“น่านังธร ฉันไม่เป็นไรหรอก เชื่อดิ”
“………..ก็ได้ ถ้าแกเลือกแบบนั้น”
ทำไมกันนะ ทำไมดวงอาทิย์ดวงนี้ถึงเลือกหนทางที่จะหรี่แสงตนเอง……….อยากกลายเป็นดวงดาวที่หนาวเหน็บเหมือนเขาหรือยังไง
ถ้าเลือกเอง…..ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา………เช่นเดียวกับตัวเขาเอง
ปักษธรจ่ายเงินให้พนักงานชายหนุ่มพนักงานร้านสะดวกซื้อ เขามองเห็นประกายตาวิบวับในตัวชายหนุ่ม เขารีบรับเงินทอนแล้วออกไป แต่ก็ไม่วายโดยรั้งตัวไว้
“ไม่เติมเงินมือถือหน่อยหรอครับ” พนักงานชายหนุ่มร้องทักไว้ รอยยิ้มที่แทบจะปิดความคิดไว้ไม่มิดแสดงออกมาอย่างล้นปรี่ เด็กน้อยเฝ้าคิดเพียงหมายได้หมายเลขโทรศัพท์จากคนๆนี้เท่านั้น
ปักษธรถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน รายที่ 30 แล้วของเดือนนี้
“ผมใช้แบบรายเดือนครับ”
เขาเดินออกมาโดยไม่ได้สนใจคนที่ทำหน้าผิดหวัง เขาเดินหลีกผู้คนมากมายหาที่นั่งสงบๆพัก ไม่นานนักเขาก็เจอม้านั่งเล็กๆ ที่พอจะหย่อนก้นลงได้ ขวดน้ำขวดน้อยถูกมือทั้งสองปิดไปมาหมายเปิดฝาเพื่อดื่มกิน แต่ถึงกระนั้นกลับโชคร้าย เมื่อพลาสติกที่ปากขวดกลับไม่ยอมแยกออกจากกัน เขาทั้งบิด ทั้งใช้ผ้าครอบไว้ที่ฝาเพื่อทุ่นแรง แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
‘แบบนี้ทุกทีเลย’
ชายหนุ่มนึกหงุดหงิดตัวเองที่ต้องหวนนึกถึงเรื่องที่ไม่อยากคิดถึงในอดีต
“มา….ผมช่วย”
เสียงทุ้มดังขึ้น ยังไม่ทันที่ปักษธรจะทันรับรู้การมาถึง ชายตัวใหญ่ก็ดึงขวดน้ำไปจากเขา และเพียงบิดมือครั้งเดียวฝาน้ำก็หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
“นี่ครับ” เขาถือโอกาสนั่งลงข้างๆพร้อมกับคืนขวดน้ำให้เจ้าของ
“นาย…..” ปักษธร มองอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเจอเขาคนนี้
“เอ้า เรียกอยู่ได้ นี่ครับน้ำ” ชายหนุ่มในชุดเสื้อยืดดำ ยิ้มให้อีกครั้งเมื่อเห็นปักษธร ทำหน้างอใส่
“ใครขอให้เปิด”
“อ้าว ก็เห็นบิดไปบิดมาอยู่ตั้งนาน นึกว่า”
ปักษธรกัดฟันกรอด……หนอยแอบมองมานานแล้วสิ
“ไม่ได้จะเปิด แค่ออกกำลัง ยุ่งไม่เข้าเรื่อง”
“โห…..วันนี้ไม่แอ๊บสาวหรือครับ น้องธอร่า” ชายหนุ่มหยอกเย้าอย่างสนุกปาก เมื่อเห็นคนข้างๆ ลืมที่จะทำเป็นสาวแตกใส่เหมือนครั้งที่แล้ว
ปักษธร อยากจะทุบหัวตัวเองนักที่ลืมจุดนี้ไป ใครจะนึกล่ะว่าจะเจอคนที่ช่วยเก็บของให้ ในที่แบบนี้ แล้วยังท่าทีที่แสดงออกมา ไหนจะรอยยิ้มยั่ว ไหนจะประกายในตาวิบวับ นั่นอีก
เห็นแล้วชวนให้หงุดหงิด
เขาคว้าขวดน้ำมาแล้วรีบลุกขึ้น
“อ้าวจะรีบไปไหนล่ะครับ” คนตัวใหญ่ไม่รอช้า เมื่อเห็นคนตัวเล็กกว่าเดินไปโดยไม่สนใจคำทักท้วงของตน
ปักษธรต้องพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะไม่สนใจ ทั้งไอ้คำพูดที่กวนใจ หรือจะไอ้ปืนฉีดน้ำที่ปล่อยน้ำมาโดนหลังเขาเป็นระยะ เขาเดินเลี่ยงโซนเล่นน้ำจวนเจียนจะถึงถนนใหญ่
“อ้าวจะกลับแล้วหรอครับ”
ปักษธรไม่สนใจ ยืนรอรถเมย์สายที่ต้องการ แต่ก็เหมือนโดนฟ้าแกล้ง ผ่านไปนานแล้ว ก็ยังไม่มีวี่แววรถสายที่ต้องขึ้น
“จะรีบไปไหนครับ หาอะไรกินกับผมก่อนมั้ย”
ปักษธรนึกแหวะในใจ ถึงคำพูดที่ใช้ เขาเบื่อคำพูดเหล่านี้……….คำพูดที่หวานราวน้ำผึ้ง
แต่กลับทำร้ายจิตใจเสียมากมาย
“โห…..คนอุตส่าห์เก็บของไปคืนให้……เลี้ยงข้าวสักมื้อก็ไม่ได้น้อ” ชายหนุ่มทำเสียงตัดพ้อ พลางสังเกตคนที่ยืนเยื้องไปข้างหน้า เขาแอบเห็นว่าร่างนั้นสั่นเทาเล็กน้อย
“พี่ว่ามั้ยครับ” เมื่อเห็นว่าคนข้างหน้ายังเงียบ จึงเอาคุณป้าคนที่ยืนอยู่ข้างๆเข้าเป็นตัวช่วย
“ไอ้เราก็หวังดี ตามเอาของไปคืนให้เจ้าของที่ลืมไว้……อย่างน้อยก็น่าจะเลี้ยงข้าวตอบแทนเนอะพี่”
คุณป้าข้างตัวก็บ้าจี้เออออไปกับชายคนนั้น ไม่ทราบด้วยว่าเพราะหน้าตาที่ดีเสียจนคนบริเวณนั้นมองกันเป็นตาเดียว หรือเพราะ ที่ชายคนนั้นเรียก พี่ กันแน่
“โอ้ย หิวข้าวจังเลย”
สำหรับปักษธรแล้วเสียนั้นฟังดู ‘ตอแหล’ เป็นที่สุด (ถ้านังอาทิตย์คงจะว่าอย่างนั้น)
“แค่ข้าวใช่มั้ย”
ปักษธร หันไปตอบอย่างหมดความอดทน กับชายร่างใหญ่ ที่ตัวใหญ่เสียเปล่าแต่ทำตัวไม่สมตัว ทั้งๆที่อายุอานามก็น่าจะ 30 กว่าแล้วแท้ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขายังดูแลสุขภาพตนเองได้เป็นอย่างดี กล้ามเนื้อแม้ไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ก็ไม่ได้ปล่อยตัวให้อวบอ้วน หน้าแกหนานั้นดูแกร่ง ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลา ชวนให้หลง
ถ้านังอาทิตย์เห็นต้องน้ำลายหกแน่ๆ
เขารีบเดินหาร้านข้าวที่ยังเปิดอยู่ แต่ไอ้คนที่บ่นหิวเมื่อตะกี้ กลับเดินอ้อยอิ่ง เล่นน้ำไปเสีย ยิ่งทำให้เขาหงุดหงิดมากขึ้น กว่าจะมาถึงร้านก็กินเวลานานเป็น10 นาที
“จะเอาไรก็สั่ง” เขาบอกห้วนๆพร้อมนั่งลงที่โต๊ะว่าง
“งั้นไม่เกรงใจนะครับ เอา…….” ชายหนุ่มจัดแจงสั่งอาหารเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะหันมายิ้มให้คนที่นั่งอีกฝั่ง
“ยิ้มหน่อยสิครับ วันสงกรานต์ทั้งที”
ปักษธรไม่ตอบอะไร นี่คงยังไม่รู้ตัวสินะว่าคุณนั่นล่ะที่ทำให้หงุดหงิด
หงุดหงิดที่เหมือน คนนั้น มากเกินไป
จนกระทั่งอาหารลำเลียงมาวางบนโต๊ะเป็นที่เรียบร้อย ปักษธร รีบตรงรี่ไปชำระค่าใช้จ่ายโดยไม่ทันฟังคำค้านของอีกคน แล้วออกวิ่งไปสู่ถนนใหญ่ทันที ทิ้งให้คนตัวใหญ่นั่งโดดเดี่ยวอยู่ลำพัง
เขายิ้มกริ่ม บรรจงตักอาหารเข้าปากทีละอย่าง
จะหนีได้อีกกี่น้ำ คุณ ปักษธรเริ่มพบ.......จบจาก