ไม่ใช่ความลับแต่ยังบอกไม่ได้ผั๊วะ
เปิดประตูเข้าไปในบ้านปุ๊บ ผมก็ล้มไปชนกับตู้เก็บรองเท้าปั๊บ ยังไม่ทันได้ตั้งสติ ไอ้ฟิวก็กระชากคอเสื้อผมด้วยท่าทางเดือดจัด
รู้สึกมึนๆ เบลอๆในหัว
“ฟิว มึงใจเย็นก่อน” พอได้ยินเสียงจอม ผมหลับตาลงและสะบัดหัว
ลืมตาขึ้นมาถึงเห็นฟิวทำหน้าขัดใจ ก่อนจะปล่อยคอเสื้อผมและเดินลงส้นไปเตะหมอนอิงที่วางไว้บนพรมหน้าทีวี
ผมรีบลุกขึ้นจากพื้นเพื่อจะไปหาน้ำบนห้องนอน
“หยู๊ดดดด อย่าพึ่งไป มึงไปนั่งตรงโซฟาก่อนเลย” จอมรีบเดินมาดันตัวผมให้นั่งลงตรงโซฟา
“แค่โดนเอาเลือดหัวออกยังไม่พอรึไงวะ ถ้ามึงขึ้นไปตอนนี้เดี๋ยวได้กระทืบกันตายคาบ้าน”
“หมอครับ ช่วยทำแผลให้ไอ้บ้านี่อีกคนเถอะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาทันที
หัวคงกระแทกกับเหลี่ยมตู้เก็บรองเท้า
หมัดหนักเป็นบ้า ผมใช้ลิ้นดันกระพุ้งแก้มข้างที่พึ่งโดนชก หมดหล่อไปอีกหลายวันเลยกู
แต่ช่างเหอะ ป่านนี้คนบนห้องนอนเป็นยังไงบ้าง
ไม่รู้ไปทำยังไงให้ตกบันได
เคยบอกแล้วว่าอย่าวิ่งลงบันได
ไอ้ตัวเล็กนี่ยิ่งความรู้สึกช้ากว่าชาวบ้านซะด้วยสิ
เฮ้ออ
ปล่อยให้คลายสายตาไม่ได้เลย
พอทำแผลเสร็จ ผมไหว้หมอแล้วรีบเดินไปห้องนอน
มองตรงเข้าไปในห้องที่เปิดประตูแง้มไว้ก็เห็นคนที่คิดถึงมาหลายวันนอนอยู่บนเตียง ข้างหมอนยังมีตุ๊กตาน้องผสมนอนหงายท้องอยู่ ไอ้ฟิวยืนมองผมที่เดินเข้ามาเงียบๆ
ไม่ได้เจอกันแค่สามวัน ทำไมถึงได้ดูซูบลงขนาดนี้ ตรงข้อพับแขนมีสำลีแปะสก๊อตเทปปิดอยู่
หมอคงพึ่งฉีดยาให้ไป ผมเอื้อมมือปัดผมตรงหน้าผากและเก็บปอยผมทัดข้างหูให้คนที่นอนหลับตาอยู่
หืม ตัวร้อน
ไม่สบายอีกแล้ว
คราวนี้โดนฉีดยา ถ้ายังมีสติอยู่คงไม่ยอม เห็นกลัวเข็มมากขนาดนั้น
“มึงไปไหนมาวะ”
ผมชะงักมือที่กำลังไล้ผิวแก้มคนป่วย
“มีปัญหาอะไรกันหนักหนา พี่ที่ร้านบอกว่ามึงไปนั่งกินเหล้าได้ทุกวัน”
“....” นั่นสิ คนที่มีปัญหาคงมีแต่ตัวผม พลอยให้น้ำต้องคิดมากไปอีกคน
ก็เพราะว่าแคร์กันแบบนี้ไง ถึงตัดใจไม่ได้
เพราะแค่ปล่อยให้คลาดสายตา ก็ป่วยซะแล้ว
“หึ กูพอจะรู้แล้วล่ะว่ามีปัญหาอะไรกัน”
“ชอบก็จีบสิวะ กลัวอะไร อยู่ด้วยกันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่แล้ว ทำเป็นน้อยใจหนีออกจากบ้าน ตัวโตเท่าควาย น่ารักตายล่ะ”
ผมหันไปจ้องหน้าไอ้ฟิวทันที
มัน...ดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอว่าผมคิดไม่ซื่อกับน้ำ
“หายกันนะมึง” ไอ้ฟิวพูดพลางยิ้ม ยิ้มที่บอกว่ามันรู้ทัน
ได้ทีเอาใหญ่เชียวนะมึง โดนชกฟรีเลยกู
“หมัดหนักใช้ได้เลย” ผมยิ้มมุมปากจ้องมันกลับให้รู้ว่าฝากไว้ก่อน
อย่าให้รู้ว่าไปแอบชอบใครเข้านะมึง
“กูต้องกลับแล้ว มึงมีปัญหาอะไรกับน้ำก็เคลียร์ให้มันจบ” ไอ้ฟิวหยิบกุญแจรถบนโต๊ะข้างหัวเตียงก่อนเดินผ่านผมออกไป
เห็นทีเรื่องนี้ตอนจบกูต้องเจ็บว่ะ
ผมล้มตัวลงนอนข้างๆคนตัวเล็ก
อะไรที่ทำให้รักได้ขนาดนี้นะ
ตาโตๆคู่นี้
จมูก จะว่าโด่งก็ไม่โด่ง ดูเชิดรั้นหน่อยๆ
แก้ม ก็ไม่ค่อยนุ่มนะ
หรือจะเป็นผิวเนียนลื่นมือที่สัมผัสอยู่ทุกวัน...
รู้สึกตัวแล้วล่ะสิ แต่รู้ตัวรึป่าวว่าทำอะไรอยู่
มือเล็กที่ไล้ใบหน้าของผมก่อนค่อยๆเอื้อมไปลูบผ้าพันแผล
อยากรู้ คิดเหมือนกันรึเปล่า
ถ้าผมจูบ จะรักกันบ้างรึเปล่า
ไม่อยากมอง
ตากลมคู่นี้รู้สึกยังไง ถ้าในแววตาไม่ได้ฉายภาพผม...
แรงขยับยุกยิกก็รู้ว่าต่อต้าน
แต่ทำยังไงได้
แค่อยากลบออกไปให้หมด
ลบรอยจูบที่ไม่ใช่ของผม
อยากครอบครองทุกๆอย่าง
มองตากลมที่จ้องอยู่ เสียงหอบหายใจน้อยๆและแก้มที่ขึ้นสีเป็นริ้ว
น่าเอ็นดูจนต้องกดจูบอีกหลายครั้ง
ท่าทางที่หลับตาซุกตัวเข้ามาแล้วกำเสื้อเราไว้
นี่ผม...ทิ้งคนในอ้อมกอดนี่ไปตั้งหลายวันได้ยังไง
“ขอโทษนะ”
ไม่รู้ว่าจะขอโทษเรื่องอะไร เพราะรู้แก่ใจ ผมผิดหลายเรื่อง
ผมจะอยู่ข้างๆ ต่อให้ถูกมองว่าเป็นมือที่สามก็จะไม่ไปไหน เว้นเสียแต่จะถูกไล่ให้ไปไกลๆซะก่อน
น้ำคงจะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้
ดีเหมือนกัน แต่อีกใจอยากให้จำได้
อยากจะรู้ ถ้าคิดเหมือนกันก็คงจะดี
ถ้าไม่เหมือน ก็แค่ถูกเกลียด
แบบไหนดีกว่ากันล่ะ
นับจากวันนั้น เราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
พี่ภูรับส่งน้ำไปโรงเรียน
ผมรับส่งเกดไปโรงเรียน
คบกันอยู่นาน จนผมเห็นเกดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากน้องสาว
“ฮั่นแน่ พรุ่งนี้วันเกิดใครเอ่ย” เกดทักผมทันทีที่เจอหน้า
“แล้วไง” ผมถามกลับด้วยความรู้สึกเฉยๆ
“ทำเป็นนิ่งๆ รู้นะ วางแผนสวีทกับพี่น้ำอ่ะดิ” เกดกอดอกพลางหรี่ตา ทำท่าเหมือนจับผิดผมอยู่
“เค้ามีแฟน เค้าก็ไปสวีทกับแฟนเค้าสิ พี่มันคนนอก”
“โถ น่าสงสาร อยู่กับคนที่ชอบทั้งวันแต่ดันไม่มีสิทธิ์แตะ”
“นี่แหละน้า เห็นอยู่ด้วยกันตั้งนานจนนึกว่าเป็นแฟนกัน ที่ไหนได้ มัวแต่รีรอ พี่ภูสุดหล่อเค้าได้ไปควงแล้วมานั่งน้ำตาตกใน โฮะๆ” ผมมองยัยแม่มดที่เดินหัวเราะจากไปด้วยความรู้สึกหมั่นไส้
ระวังนะครับ ผู้หญิงเดี๋ยวนี้น่ากลัว
ผมขี่มอไซต์กลับบ้านตามเคย วันนี้น้าภากลับมาบ้าน ผมเองก็กลับไปนอนบ้านตัวเองบ้างดีกว่า
นานๆทีได้กลับมานอนห้องตัวเอง เงียบแปลกๆ
ป่านนี้ไอ้ตัวเล็กคงกำลังคุยไม่หยุด
แรกๆก็ไม่รู้หรอกครับว่าน้ำพูดมาก
ตอนม.ต้นอยู่ห้องเดียวกัน อยู่ด้วยกันทั้งวัน น้ำก็พูดปกติ แต่พอขึ้นม.ปลาย เวลากลับบ้าน น้ำคุยให้ฟังไม่หยุด
ไปเล่นกับหมาบ้านลุงภารโรงบ้างล่ะ
เจอใคร ที่ไหน ไปทำอะไรมาบ้าง
เล่าชนิดไม่พลาดรายละเอียด
อ้อ แต่ต้องเป็นคนที่เจ้าตัวสนิทใจเท่านั้นนะ
ถ้าไม่ค่อยสนิท จะแค่ยิ้มๆ นิ่งฟัง
“อ๊ะอาอะอาว แค่เธออยู่ข้างๆ อ๊ะอ่าว ก็เปลี่ยนให้ชีวิตฉันไม่เหมือนเก่า เธอทำให้ถนน ของฉันสวยงาม...”
ผมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าใครโทรมา
นอนไม่หลับอีกแล้วล่ะสิ
พอไปถึงบ้านก็เห็นไอ้ตัวเล็ก นั่งไกวชิงช้าอยู่ตรงสนามหน้าบ้าน
รอยยิ้มที่มีให้กัน เก็บไว้ให้ผมคนเดียวได้รึเปล่า
ในคืนนั้น ผมกอดน้ำจนเจ้าตัวหลับไป
ผมมองไปที่ “น้องผสมตัวใหม่” ด้วยความรู้สึกหน่วงในใจ
รู้สึกเหมือน...พื้นที่ระหว่างเราเหลือน้อยลงทุกที
ความจริงที่ว่าซักวันน้ำต้องมีทางเป็นของตัวเองใกล้เข้ามาจนน่าใจหาย
ผมได้แต่ภาวนา...หากวันไหนไม่มีผม ขอให้คนตรงหน้าดูแลตัวเองให้ดี
ผมสัญญา วันเกิดทุกปี ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เราจะมาเจอกัน
“พี่คีไปส่งบ้านหน่อยดิ” เกดตะโกนบอกผมที่กำลังเตะบอลอยู่
“โอเค รอสิบนาที”
ผมไปเอากระเป๋าที่อยู่ข้างสนามแล้วเดินไปโรงรถ
เซ็งๆไม่มีไรทำอยู่เหมือนกัน ชวนฟิวเตะบอลก็บอกรีบกลับ พอชวนจอม ไอ้ฟิวก็โทรมาบอกว่าน้ำอยู่รอพี่ภูคนเดียวบนห้อง
ผมคงอยากเห็นฉากจูงมือกลับบ้านของคนที่ตัวเองรักกับคนอื่นอยู่หรอก
ตุบ
“อ๊ะ ขอโทษครับ” มัวแต่เหม่อเลยเดินชนน้ำซะอย่างนั้น
“อ้าวน้ำ ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
“อ๋อ ยังหรอก พี่ภูเลิกช้าหน่ะ” อืม ผมรู้แล้วล่ะ ยิ่งรู้ว่าทั้งคู่ไปด้วยกันได้ดีแบบนี้ก็ยิ่งหงุดหงิด
เห็นน้ำมองผ่านตัวผมไป คงอยากรู้ว่าเกดเป็นใคร
เอาเถอะ ผมไม่คิดจะขวางทางรักใคร บอกให้สบายใจได้เลยว่าผมเองก็มีแฟนแล้ว ถึงจะเป็นแค่ในนามอ่ะนะ
“จริงสิน้ำ นี่น้องเกดแฟนคี”
“เกด นี่น้ำเพื่อนพี่”
“ดีใจจังที่วันนี้ได้เจอพี่น้ำ พี่คีเล่าเรื่องพี่น้ำให้เกดฟังบ่อยๆ” นั่นยัยแม่มดจะทำอะไร ไม่เห็นต้องยิ้มให้กันหยาดเยิ้มขนานนั้นเลย
“งั้นคีไปส่งน้องก่อนนะ” ผมรีบลากเกดกลับบ้านเมื่อเห็นว่ายัยตัวร้ายจะหลอกจับมือน้ำ
“อะไร แค่นี้ทำหวง”
“เออ หวงโว้ย ห้ามแตะ”
“ถามจริง พวกพี่ไม่ใช่แฟนกันจริงๆเหรอ” ผมชะงักมองเกดทันทีที่ได้ยินคำถาม
“ได้ยินแล้วไม่ใช่เหรอว่าน้ำรอพี่ภู”
“มันก็ใช่อ่ะนะ แต่ว่า...”
“เออ จะยังไงก็ช่างเหอะ กลับบ้านๆ” ผมพูดตัดบทก่อนจะได้ยินคำวิเคราะห์จากเกดที่ทำท่าทางนิ่งคิด
“พี่ หนูว่าพวกพี่ต้องใจตรงกันแน่ๆ” คำพูดของเกดยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
ผมทอดสายตาจากระเบียงห้องนอนไปยังประตูรั้วหน้าบ้านที่รถของพี่ภูขับเข้ามาจอด
มองอยู่นาน ทำไมน้ำไม่ลงจากรถ
เฮ้ย แล้วนั่นอะไรวะ
จะยืนกอดกันหน้าบ้านอีกนานมั้ย เห็นแล้วรมณ์เสีย
ใจตรงกันตรงไหน หึ เค้ารักกันปานนั้น
ยิ่งเห็นน้ำเดินเข้าห้องมาด้วยสภาพระโหยโรยแรง ผมยิ่งโมโห
ที่วันนี้กลับมาช้าเพราะมัวแต่ไปทำอะไรกันมาล่ะสิ
โว้ยยยย
ผมเฝ้าถนอมมาตั้งนาน
แล้วไอ้พี่ภูเป็นใครวะ
ในเมื่อเป็นคนดีแล้วมันไม่ได้อะไรขึ้นมาก็ไม่ต้องเป็นมันแล้ว
โอเค ยอมรับก็ได้ว่าตอนนั้นผมหน้ามืด
ผมไม่ขอแก้ตัวว่าไม่ได้ตั้งใจปล้ำน้ำ เพราะผมตั้งใจและเจตนา
และผมก็พึ่งได้รู้ว่า ผมเป็นคนแรกของน้ำ
อย่าถามเลยว่าทำไม
ช่วยตัวเองยังไม่รู้จักแล้วจะให้ไปมีอะไรกับใครได้ไง
คิดว่าผมเลวล่ะสิที่ไม่ยับยั้งชั่งใจ
ผมไม่ใช่พระเอกละครนะครับ
บอกตรงๆว่าเอ็กซ์สุดๆ
ตาที่หรี่ปรือคลอไปด้วยน้ำตา เสียงหอบหายใจและตัวแดงๆกับน้ำเสียงที่เจ้าตัวพยายามกลั้นไม่ให้ออกมาหน่ะ เซ็กซี่เป็นบ้า
ถ้าไม่เห็นว่าน้ำเจ็บนะ ผมไม่ยอมปล่อยออกมาจากห้องน้ำง่ายๆแน่
ความรู้สึกตอนนั้นมันเต็มตื้นไปหมด
ไม่ว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไง น้ำจะรักผมหรือไม่รัก
ผมจะไม่ยอมปล่อยไปอีก
ต่อให้ต้องกลืนคำพูดตัวเอง ผมก็จะไปขอน้ำคืนจากพี่ภู
“อ๊ะอาอะอาว แค่เธออยู่ข้างๆ อ๊ะอ่าว ก็เปลี่ยนให้ชีวิตฉันไม่เหมือนเก่า เธอทำให้ถนน ของฉันสวยงาม...”
ผมรีบกดรับโทรศัพท์เพราะกลัวคนในอ้อมแขนที่หลับไปแล้วจะสะดุ้งตื่น
“พี่คี มารับเกดกลับบ้านหน่อยดิ” เสียงเพลงที่ดังมาตามสายพอจะทำให้ผมรู้ว่าเกดคงไปเที่ยวกับเพื่อน แต่ขากลับ เพื่อนคงกลับกับแฟนกันหมด
ผมนิ่งมองคนตัวเล็กด้วยความรู้สึกหลากหลาย
ไม่อยากห่างเลย
“พี่ มารับได้ป่าวเนี่ย” ถึงจะซ่ายังไงน้องก็ยังเป็นผู้หญิง ปล่อยไว้แถวนั้นนานๆคงไม่ดี
“โอเค เกดรออยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวพี่ไป”
ผมกดจูบหน้าผากน้ำด้วยความรู้สึกแสนรัก
หืม ตัวรุมๆเหมือนจะเป็นไข้
คงต้องกวนจอมอีกแล้วล่ะสิ
“พี่คีคนนี้แฟนเกด” พอผมไปถึงร้านเหล้าก็ต้องมึนไปตามระเบียบเมื่อน้องเกดแนะนำชาวต่างชาติคนหนึ่งให้ผมรู้จักและบอกว่าเป็นแฟน
“เดี๋ยว แล้วเรียกพี่มาทำไมวะ ไหนบอกไม่มีใครพากลับบ้าน”
“เอาน่าพี่คี วันนี้พาแฟนมาให้รู้จัก ข้อตกลงระหว่างเราเป็นโมฆะ แล้วก็นะ ถ้าเกดไม่บอกว่าไม่มีใครมารับพี่จะออกมาหาเกดเหรอ โฮะๆ” นั่นไง ผมบอกคุณแล้วว่านี่หน่ะเป็นนังแม่มดชัดๆ
“เออๆ งั้นพี่กลับล่ะ” ผมเดินเกาหัวออกจากร้านด้วยความรู้สึกเซ็งๆ
แต่ก่อนเดินออกไปผมก็เหลือบไปเห็นพี่ภูนั่งกินเหล้าอยู่ตรงมุมร้าน
“ไงพี่ ทำไมวันนี้มานั่งคนเดียว”
“อกหักว่ะ” ไอ้พี่ภูยกแก้วดื่มแล้วตอบผมด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
มือผมเริ่มชื้นเหงื่อ หรือไอ้พี่ภูจะรู้ว่าผมได้น้ำแล้ว
“เอ่อ พี่ ผมมีเรื่องคุยด้วย” ผมเลื่อนเก้าอี้นั่งฝั่งตรงข้าม
“แล้วมึงออกมาแบบนี้น้องน้ำอยู่กับใคร” พี่ภูถามพลางยื่นแก้วเหล้าให้ผม
“อยู่กับจอม”
ผมถูฝ่ามือด้วยความประหม่า
“พี่ ผมมาขอน้ำคืน”
“หึ มาขอทำไมวะ ใจน้ำอยู่กับมึงตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” ไอ้พี่ภูหัวเราะขึ้นจมูกเหมือนเยาะตัวเอง
“พี่หมายความว่าไง”
“มึงจะให้กูหมายความว่าไง ก็วันนี้น้องน้ำมาร้องห่มร้องไห้ บอกให้กูเลิกไปรับไปส่ง เพราะน้องรักมึง”
ผมนั่งกุมขมับอยู่ซักพัก
ก่อนจะรู้สึกว่าแก้มกระตุก
“ฮ่าๆๆๆๆ”
ที่ผมกังวลมาตั้งนาน เพื่ออะไรวะ
“หัวเราะอะไร นี่อย่าบอกนะว่ามึงพึ่งรู้” พี่ภูมองผมด้วยสีหน้าเอือมๆ
“โทษทีพี่ ผมพึ่งรู้จริงๆ ดีใจเป็นบ้า”
“คี กูพูดจริงๆนะ มึงดูแลน้องน้ำให้ดี ถ้ากูต้องเห็นน้องน้ำต้องร้องไห้อีก มึงเจ็บแน่”
“ขอบคุณมากพี่ ผมไปก่อนนะ” ผมพยักหน้ารับก่อนตบไหล่พี่ภูและเดินออกจากร้าน
รู้สึกมีความสุขจนเหมือนจะลอยได้ ผม...หุบยิ้มไม่ได้เลย
http://www.youtube.com/watch?v=XlSOAglo_n0 เพลงประกอบตรงกับชื่อตอนเลยค่ะ
แต่พอผมกลับบ้าน
กลับไม่มีใครอยู่ในบ้าน รถจอมก็หายไปด้วย
ดึกๆดื่นๆพากันไปไหนวะ
หรือน้ำจะไม่สบายหนัก
ผมรีบโทรหาจอม
“จอม น้ำอยู่ไหน”
“อยู่บ้านกู” เสียงเครียดแปลกๆ หรือผมจะโทรไปปลุกมันอีก
“ไปอยู่บ้านมึงได้ไงวะ”
“กูน่าจะเป็นฝ่ายถามมึงมากกว่านะ ว่ามึงทำได้ยังไง” ผมตบหน้าผากตัวเองด้วยความรู้สึกเซ็งๆ ถามแบบนี้คงรู้แล้วแน่ๆ
“จอม...กู...” ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง มันสับสนไปหมด
“จอมมึงก็รู้ว่ากูไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้” ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันบานปลายขนาดนี้เลย
“มึงจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกูไม่รู้ แต่มึงไม่มีสิทธิ์ทำกับน้ำแบบนี้” จอมโมโหผมอยู่แน่ๆ
“....” ผมควรจะเริ่มจากตรงไหน
“คี กูขอเหอะ น้ำเป็นเพื่อนเรา ถ้ามึงไม่ได้คิดจริงจัง กูก็ขอให้มึงปล่อยน้ำไปซะ”
“...” ผมจะปล่อยน้ำไปได้ยังไง ในเมื่อ...รักมากขนาดนี้
“...”
“กู...จะไปรับน้ำกลับ” ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากอธิบายให้จอมฟัง แต่คนที่ผมเป็นห่วงตอนนี้ก็คือน้ำ ป่านนี้ไม่รู้เข้าใจผิดไปถึงไหน ถึงได้หนีไปกับจอมแบบนี้
ถ้าจะต้องนั่งคุยหรืออธิบายกับใครซักคน
ผมขอคุยกับน้ำคนแรก
ป่านนี้คงร้องไห้อยู่แน่ๆ
พอผมจะไปรับน้ำกลับ ไอ้จอมก็ไม่ยอมให้เจอ
แล้วการ์ดบ้านไอ้ฟิวอีก
นี่มันชักจะไปกันใหญ่แล้วสิ
ผมกลับบ้านด้วยความรู้สึกหน่วงในใจ
แค่คิดว่าน้ำกำลังเสียใจ ผมก็ตื้อในอกเหมือนหายใจไม่ออก
เห็นคราบน้ำตาที่อยู่บนหมอนก็ได้แต่ถอดถอนใจ
นี่คงคิดมากจนปวดท้องอ้วกอีกล่ะสิ
กลิ่นที่โชยมาจากห้องน้ำ ทำให้ผมรู้ถึงต้นตอที่เป็นพวกกระดาษทิชชู่ในถังขยะ
ยังไงคืนนี้คงไม่ได้เจอ
ผมตื่นมาอีกทีประมาณเที่ยงวัน
หลังจากจัดการกับอาหารมื้อแรกของวันอย่างง่ายๆและมัดถุงขยะไปทิ้งแล้วผมก็ขี่มอไซต์ออกจากบ้าน
คาดว่าวันนี้คงไม่ได้เจอน้ำ แต่อย่างน้อยก็คงต้องคุยกับจอมให้รู้เรื่อง
ผมยืนอยู่หน้าบ้านจอมพลางพยายามโทรหาน้ำ
รอบแรกโดนตัดสายทิ้ง ส่วนรอบสองปิดเครื่องไปเลย
โกรธมากแน่ๆ
ผมโทรบอกจอมให้ออกมาคุยกันหน้าบ้าน เหี้ยจอมยังไม่ยอม ยียวนให้ผมอารมณ์เสียอีก
“กูจะพาน้ำกลับ”
“กูคงให้กลับไปกับมึงไม่ได้ว่ะ” เคยมีใครบอกคุณมั้ยว่าไอ้จอมเป็นคนที่ทำหน้ากวนได้อ้อนตีนสุดๆ
“น้ำเป็นของกู”
“แล้วไง มึงได้ไปแต่ตัว ใจน้ำอยู่ที่มึงรึป่าวก็ยังไม่รู้” กูรู้แล้ว ใจน้ำอยู่ที่กูนี่แหละ
“จอม มึงอย่ากวนโมโห เปิดประตูให้กู”
“กูไม่ได้กวน มึงก็ไม่ได้คิดอะไรกับน้ำอยู่แล้ว ปล่อยน้ำไปซะ”
ตอนนั้นผมเริ่มหงุดหงิดปนรำคาญจริงๆนะครับ
เหมือนอะไรมันไม่ได้ดั่งใจไปซะทุกอย่าง
ตั้งใจจะมาคุยดีๆ ก็ไม่มีใครฟัง
“กูรักน้ำ” แล้วทำไมผมต้องมาบอกรักน้ำให้ไอ้จอมฟังวะ
“มึงมาบอกกูทำไม ไปบอกน้ำเองดิ” ไอ้ห่า มึงยิ้มได้กวนส้นมาก นี่ตกลงที่ทำมาทั้งหมดนี่กะแกล้งกูใช่มั้ย
“เฮ้ยจอม ไมมึงไม่ให้กูเข้าไปหาน้ำซักทีวะ” ผมตะโกนบอกด้วยความหงุดหงิดเมื่อเห็นไอ้จอมเดินเข้าบ้านไป
“ถ้าน้ำอยากเจอมึงก็คงออกมาหาเองนั่นแหละ”
น้ำไม่ยอมฟังกูแบบนี้คงอยากออกมาหากูอยู่หรอก
วู้ว เซ็งโว้ยย
ผมกลับบ้านมานั่งทบทวนตัวเองอีกครั้ง (ถึงได้เล่าให้ฟังเป็นวรรคเป็นเวรอยู่นี่ไง)
ผมจะง้อน้ำยังไง
ทำยังไงให้ได้เจอ
ผมตัดสินใจส่งข้อความสั้นๆไปหาน้ำ
ในเมื่อโทรไปไม่ยอมรับสาย ก็คงมีแต่วิธีนี้เท่านั้น
“คิดถึง” ผมหมายความตามนี้จริงๆ
ประมาณหกโมงเย็นของอีกวัน ผมตั้งใจว่ายังไงก็จะพาน้ำกลับบ้านให้ได้
แวะซื้อขนมปุยฝ้าย ก่อนมุ่งหน้าไปบ้านจอม
พอผมขี่มอไซต์ไปถึงก็เห็นน้ำนอนหลับอยู่ตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน
ไอ้จอมนี่ก็ยังไง รอให้ยุงมาหามน้ำกลับรังก่อนใช่มั้ย
อยู่ห่างกันแค่เอื้อมแต่เข้าไปหาไม่ได้
ผมปีนรั้วเข้าไปในบ้าน
ตอนจังหวะที่กระโดดลงคงเสียงดัง ปลุกให้น้ำลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
ผมรีบเดินไปคว้าข้อมือน้ำไว้ก่อนเจ้าตัวจะเดินหนี
“น้ำ คุยกันก่อนได้รึเปล่า”
“คี ปล่อย น้ำไม่มีอะไรจะคุย” น้ำพยายามบิดมือออก
กลัวข้อมือของคนตัวเล็กช้ำ ผมเลยรวบตัวมากอดไว้
“งอนเหรอ” ผมถามคนในอ้อมกอดที่นิ่งไป
“ไม่ได้งอน” น้ำตอบด้วยน้ำเสียงห้วนๆ นี่ขนาดไม่ได้งอนนะ
“แล้วหนีหน้ากันทำไม”
“น้ำ เปล่า”
ผมค่อยๆคลายกอดก่อนจะชูถุงขนมขึ้นมาตรงหน้า
“คิดว่าให้ขนมแล้วจะหายโกรธเหรอ”
“อ๋อ ตกลงว่าไม่ได้งอน แต่โกรธ”
“คี” น้ำมองผมพลางยู่หน้าด้วยความขัดใจ
“ครับ”
“....”
“เงียบไปแบบนี้ไม่อยากกินขนมแน่เลย ถ้ายังงั้นคงต้องเอาไปทิ้งซะแล้วสิ”
“ใครบอกว่าจะไม่กิน” น้ำวิ่งมาคว้าแขนผมที่แกล้งทำท่าเดินหันหลังไปทางประตูรั้ว
ผมดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดแนบอกอีกครั้ง
“คิดถึงกันบ้างรึเปล่า” ผมถามคนในอ้อมแขนพลางกดจูบตรงกลุ่มผม
“...” น้ำนิ่งจนผมเดาใจเจ้าตัวไม่ออก
“กลับบ้านของเรากันเถอะนะ”
“อื้ม” น้ำกอดผมตอบพลางพยักหน้า
ผมคิดไว้อยู่นะ ถ้าวันนี้น้ำยังไม่ยอมกลับไปด้วยกันดีๆ ผมคงจะต้องฉุด
......................................
วันนี้สอบเสร็จแล้วค่า ดีใจจริง จริ๊ง
ตอนหน้าเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว ดีใจ นิยายเรื่องแรกในชีวิตที่แต่งจบ
@ ข้าว อ่านตอนนี้แล้วหายเคืองรึยังเอ่ย คืนดีกันแล้วน้าาา ใจอ่อนง่ายตามสไตล์น้องน้ำเค้าล่ะ
ขอบคุณมากๆสำหรับกำลังใจในการอ่านหนังสือนะ อ่านจนเป็นไข้เลย ไม่รู้ว่าข้อสอบที่ทำไปมันจะถูกรึปล่าว ต่อไปนี้ก็ต้องรอเกรดอย่างเดียวแว้วว
@ คุณ mild-dy มาต่อแล้วนะคะ เข้ามาอ่านเร้ววว
@ คุณ suck_love คราวนี้หายโกรธรึยังคะ ความจริงน้องคีรักน้องน้ำมากๆอยู่น้า แต่ว่าในมุมมองและเหตุผลของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เรื่องราวเลยออกมาเป็นแบบนี้อ่ะเนอะ
ขอบคุณสำหรับกอดให้กำลังใจกันน้า มีแรงฮึดสู้มากๆเลยพอเห็นคอมเม้นต์ของทั้งคุณ suck_love แล้วก็ข้าว
@ คุณ kasarus อืม อิ๋งว่าตัวละครเรื่องนี้แต่ละคนเป็นพวกคิดในมุมมองของตัวเองเยอะอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ก็จริงที่นายคีเค้าคิดถึงแต่ตัวเองเน๊อะ น้องน้ำเลยต้องเสียใจบ่อยๆ ( :m26:เกรงว่าจะไม่ได้หัวเราะสามวันสามคืนแล้วล่ะค่ะ)
ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ