เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้ | Not today, he said. [ตอนพิเศษ] 05/10/20  (อ่าน 122876 ครั้ง)

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 297
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ยาวได้ใจจริงๆเลยค่ะ

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
พ่อก้องดูมีพิรุธ แต่ก็ดีใจที่พี่อู๋ยอมมาหาก้องแล้ว

ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
อึดอัด อึดอัดมากๆ
จะไม่ไหวแล้วน้าาาา
อยากเลิกอ่านก็ใจไม่แข็งพอ
ฮึ่ยยยยยยยยยยยยยย


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
อึดอัดมากกก

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
หน่วงไปหมด

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7208
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
พี่อู๋หลอกเด็กก้องให้หลงรักหัวปักหัวปำขนาดนี้แล้วจะมาทิ้งกันไว้กลางทางไม่ได้นะ
สงสารก้องร้องไห้จนน้ำหมดตัวแล้วมั้ง
พ่อน่าสงสัยที่สุด คงไปขู่พี่อู๋ไว้แน่ ๆ

ส่วนเรื่องครอบครัวพ่อหรือการรับสืบทอดกิจการ ก้องก็ค่อย ๆ คิด ยังพอมีเวลา

ออฟไลน์ newyork_jaja2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
น้องก้อง 20 แล้ววว... อ่านในมุมมองน้องความรู้สึกจะสีอมเทาหน่อย ผ่านวันนี้ไป ทุกอย่างน่าจะดีขี้น  :L2:

ออฟไลน์ Kimmoominn

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 78
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่อู๋ต้องมีเหตุผลดีๆ มาอธิบายนะ ไม่งั้นโกธร

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
ปวดใจไปกับก้องเลยอ่ะ เกิดอะไรกับพี่อู๋กันแน่ น้ำตาจะไหลตอนรุ้ว่าเลยวันเกิดแล้วยังไม่มาหากัน สุดท้ายมาแต่ก็ไม่รุ้อีกว่าจะดีหรือร้าย  :ling1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Majariga

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อาม่า!!! อาม่าแน่ๆ เบื้องหลังจอมบงการให้พี่อู๋ขับไสไล่ส่งน้องก้องคืออาม่าแน่ๆ จากไม่ค่อยยินดีกับก้อง อยู่ๆก็เอาตังให้แถมพูดจาแปลกๆ อาม่าแน่ๆ ตอนหน้ามีคนเจ็บตัวด้วย อาม่า อาม่าแน่ๆ :serius2:

ปล.1 ตอนเสี่ยอู่โผล่มาถือเค้กข้างกำแพงคือจะร้องงงง :mew6: มีคนบังคับจิตใจเสี่ยแน่ๆ เสี่ยก็อยากอยู่กับน้องแหละ เรามั่นใจ!!
ปล.2 ก้องจุ๊บเสี่ยก่อนอ่ะ ชั้นกรีดร้องงงงง :hao7:

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พี่อู๋มีอะไรก็บอกน้องงงงงง :ling1:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ ติดตาม

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
42 [PART 1/3]


ที่ไหนก็ได้ที่มีแค่เรา – คือเบอร์เกอร์คิงในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งซึ่งเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

พี่อู๋ไม่ได้พาผมกลับลาดพร้าว ไม่ได้พาออกต่างจากหวัด ไม่ได้พาไปพักค้างคืนที่อื่นซึ่งเราสามารถอยู่ลำพังกันสองต่อสองได้ แต่เขากลับถามผมว่าหิวไหม กินอะไรหรือยัง พี่หิวจังเลยอ่ะ ถ้าก้องไม่ว่าอะไร เราแวะกินเบอร์เกอร์คิงกันหน่อยดีไหม

ผมไม่ขัดคอคนที่ผมชอบอยู่แล้ว แค่รู้ว่าพี่อู๋หิว ผมก็แทบจะวิ่งกุลีกุจอไปกดดันพนักงานให้รีบทำเบอร์เกอร์เสิร์ฟพี่อู๋ไวๆ นาฬิกาบอกเวลาว่าตีสองสามสิบเจ็ดนาที ผมกับพี่อู๋นั่งบนเก้าอี้เบาะนวมที่อยู่ลึกสุดในร้านเพื่อความเป็นส่วนตัว บนโต๊ะมีทริปเปิ้ลวอปเปอร์ชีสของเขา ชีสเบอร์เกอร์เนื้อของผม โค้กสองแก้ว แฮชบราวน์ และพายแอปเปิ้ลอีกหนึ่งชิ้น ผมไม่ได้อยากกินแฮมเบอร์เกอร์เท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่าการเห็นพี่อู๋อ้าปากกว้าง งับเอาเบอร์เกอร์คำโตจนแก้มตุ่ยนั้นเจริญอาหารมาก เราสองคนนั่งกินเหมือนคนหิวโซมาร่วมเดือน พอท้องอิ่มคุณอิศรินทร์ก็อารมณ์ดี เขายิ้มอย่างพออกพอใจเมื่อเห็นก้องเกียรติกินชีสเบอร์เกอร์จนหมด

“อร่อยไหม?”

พี่อู๋ถามเหมือนเคย ผมรีบพยักหน้าแทนคำตอบและบอกต่อว่าโหยอาหารฟาสต์ฟู้ดขนาดไหน พี่รู้ไหมที่บ้านไม่มีใครกินของพวกนี้เลย ทุกคนกินกับข้าวฝีมืออาแตง กินข้าวกล้อง ปลาและผักทุกวันเหมือนชมรมคนรักสุขภาพ แต่อาหารของอาแตงอร่อยมากเลยนะ โดยเฉพาะพวกต้มๆผัดๆ ผมชอบมากเลย

“พี่เห็นหมาที่เห่าในบ้านไหม? หมาตัวเมื่อกี๊ชื่อหมี อีหมีที่ผมถ่ายรูปให้พี่ดูไง” ผมใช้หลอดกระทุ้งน้ำแข็งในแก้วก่อนจะเงยหน้ามองพี่อู๋ที่กำลังเท้าคางมองมาด้วยแววตาอบอุ่นและอ่อนโยน “ทำไมพี่มองผมแบบนี้อ่ะ?”
“เพราะพี่คิดถึงก้องมากๆ”
“โกหก ก่อนหน้านี้พี่เพิ่งบอกว่าไม่รู้ยังรักผมเหมือนเดิมไหมอยู่เลย”
“ไม่ได้โกหก ก็พี่รู้สึกอย่างนั้นจริงๆ” พี่อู๋หุบยิ้ม เขาดูจริงจังกับบทสนทนาขึ้นมากะทันหัน
“พอเจอหน้าผมแล้ว ตกลงความรู้สึกของพี่มันว่ายังไงครับ?”

ผมถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พี่อู๋เลิกคิ้วขึ้นก่อนจะค่อยๆเลื่อนมือเข้ามาใกล้แล้วบีบมือของก้องเกียรติเอาไว้แน่น

“ยังรักเหมือนเดิม”

แค่นั้นก็พอแล้วสำหรับเหตุผลทั้งหมด หลังจากนี้ผมจะไม่พูดถึงความใจร้ายและความโกรธที่เคยมีต่อพี่อู๋อีก ผมจะไม่กวนน้ำให้ขุ่น ไม่หาเรื่องให้เราต้องทะเลาะเบาะแว้งกันเพราะทุกๆวันมีค่า มันมีความหมายเกินกว่าจะเสียเวลาไปกับการถามหาเหตุผลให้เคืองใจกัน

“วันนี้พี่ที่เย็นชา พี่ก็แค่แกล้งแต่จริงๆแล้วตั้งใจมาหาผมใช่ไหม?”

พี่อู๋ไม่ได้ตอบในทันที เขาเงียบไปพักใหญ่เหมือนมีความลับในใจที่ไม่สามารถบอกใครได้ แต่ใช้เวลาครุ่นคิดไม่นานเขาก็ยิ้มแบบฝืนๆและบอกว่าไม่ เขาไม่ได้วางแผนจะมา ที่โผล่มาตีสองก็เพราะมันกะทันหัน เขาเพิ่งรู้สึกว่าไม่ควรปล่อยให้เราต้องทะเลาะกันแบบนี้ เขาไม่อยากทำให้ก้องเกียรติมีวันเกิดปีที่ยี่สิบแบบเฮงซวย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจขับรถมาหา ซื้อเค้กราคาถูกจากร้านข้างทางที่ยังไม่ปิดพร้อมกับเทียนหนึ่งกล่องและตรงดิ่งมาบ้านของผมตามโลเคชั่นที่เคยแชร์ให้

“เพราะพ่อใช่ไหม?” ผมถามต่อ พี่อู๋ดูหนักใจมากขึ้น ผมเดาได้ทันทีว่ามาถูกทางแล้ว “พ่อไม่อยากให้พี่มาหาผมใช่ไหม?”
“ก็ไม่เชิงหรอก พี่ไม่อยากมาเองด้วย” ตอนที่พี่อู๋พูดประโยคนั้น ผมเจ็บจี๊ดไปทั้งอกเลย “พี่กลัวว่าเจอหน้าก้องแล้วมันไม่เหมือนเดิม”
“ยังไง?”
“พี่กลัวว่าพี่จะรักก้องน้อยลง” ผมน้ำตาคลอเมื่อได้ยินคำว่ารักน้อยลง
“ทำไมพี่ถึงรักผมน้อยลงล่ะ?”
“ก้องบอกเพื่อนว่าคบกับพี่เพราะเงิน มันทำให้พี่ไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมา – ระหว่างเราเป็นเรื่องจริงจังสำหรับก้อง หรือก็แค่ทำไปเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด”
“จริงจังสิครับ ผมจริงจังกับพี่มาตลอด ถ้าไม่จริงจังผมจะตามง้อพี่อย่างนี้เหรอ? ถ้าไม่เคยรักพี่จริง ป่านนี้ผมคงไม่กลับไปหาพี่แล้ว ผมมีพ่อที่รวยกว่าพี่ตั้งเยอะ ผมจะแคร์เงินจากพี่อีกทำไม แต่ที่เรากลับมาหากันวันนี้ก็เพราะเรารู้สึกเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” ผมถามพี่อู๋เสียงสั่น “หรือพี่ไม่รู้สึกเหมือนผมแล้ว?”
“รู้สึกสิ” เขาถอนหายใจ “พี่ก็ยังรักก้องเหมือนเดิมนั่นแหละ มันแค่อารมณ์ชั่ววูบน่ะ นึกออกไหม แบบ – จู่ๆเราก็ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง”
“งั้นผมขอยืนยันตรงนี้เลยว่าก้องเกียรติรักพี่อู๋คือเรื่องจริง”
“จริงขนาดไหน?”
“ขนาดที่ถ้าเราสามารถจดทะเบียนสมรสได้ พรุ่งนี้ผมจะไปอำเภอกับพี่ เราจะแต่งงานกัน พี่อู๋จะได้มั่นใจเสียทีว่าผมอยากคบกับพี่จริงๆ ไม่ใช่แค่พูดไปเรื่อย”

พี่อู๋พึมพำว่าเพ้อเจ้อและยิ้มเขิน ถ้าหากร้านนี้มีแค่เราสองคน ไม่มีพนักงาน ไม่มีลูกค้าคนอื่นในปั๊มน้ำมัน ผมจะโน้มหน้าเข้าไปจูบพี่อู๋และร่วมรักกันบนโต๊ะตัวนี้ แต่เพราะบริเวณนี้มีคนอยู่มากเกินไป และการมีเซ็กส์ในที่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้งถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ผมจึงทำอะไรไม่ได้นอกจากบีบมือพี่อู๋และบอกรักเขา ตอนนี้คุณอิศรินทร์ที่เคยเย็นชาหายไปแล้ว เหลือแค่พี่อู๋คนเดิมที่รักและมองผมด้วยแววตาอ่อนโยนเท่านั้น

การได้เจอกันมันดีอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วย อย่างน้อยพี่อู๋ก็ไม่ต้องกังวลอีกว่าเขาจะรักผมน้อยลงหรือไม่ ผมเองก็ไม่ต้องทนเศร้าเสียใจกับการลาจากแบบไม่มีเหตุผล ผมอมยิ้มพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมาบนหลังมือเขา เรามองหน้ากัน ชั่วขณะนั้นเหมือนมีประกายไฟจุดติดขึ้นในพริบตาเพราะการสัมผัสที่แสนจะแผ่วเบา ผมที่ไม่รู้ว่ากลายเป็นเด็กแก่แดดตั้งแต่เมื่อไหร่ค่อยๆพาดขาบนเก้าอี้ของพี่อู๋ที่นั่งอยู่ตรงข้าม จงใจกดปลายเท้าตรงหว่างขาของเขาและยิ้มหวานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พี่อู๋ตกใจมากที่นายก้องเกียรติทำอะไรประเจิดประเจ้อในที่สาธารณะ แต่ริมฝีปากของเขาก็ยกยิ้มเช่นกัน

“ก้อง”
“ครับ?”

ผมเสแสร้งแกล้งไร้เดียงสา วินาทีนั้นผมคิดว่าเราต้องได้ร่วมรักกันแน่ๆ ในที่ไหนซักแห่งใกล้ๆนี้ อาจจะในโรงแรมข้างทาง ในห้องน้ำ หรือในรถที่เรานั่งด้วยกันประจำ ผมมั่นใจว่าพี่อู๋จะต้องจูบนายก้องเกียรติ เขาจะฟัด จะหอมแก้มผม จะกดจูบลงมาเหมือนที่เคยทำในห้องนอน เราจะโอบกอดกันด้วยความคิดถึงทางกายภาพที่กำลังปะทุจนแทบบ้า แต่พี่อู๋ก็ดับฝันนั้นด้วยการพูดว่า

“เอาเท้าลง พี่เจ็บไข่”





นาฬิกาบอกเวลาว่าตีสามห้าสิบแปดนาที

อีกสองนาทีจะตีสี่ แต่เราไม่ได้อยู่ในโรงแรม ในห้องน้ำ หรือสถานที่ที่เอื้ออำนวยสำหรับการรำลึกความหลังเลยด้วยซ้ำ หลังสั่งให้นายก้องเกียรติเอาเท้าลง พี่อู๋ก็เก็บวาดเศษซากที่กินจนเกลี้ยงใส่ถาด และเดินตรงไปที่รถเหมือนไม่มีอะไร เขาปล่อยให้ผมเสียเซลฟ์อยู่นานเพราะไม่รู้ว่าตัวเองทำพลาดตรงไหน มันอาจผิดกาลเทศะที่ทำแบบนั้นในร้านฟาสต์ฟู้ด แต่พี่อู๋ก็ไม่ควรหมดอารมณ์เร็วขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ ผมมั่นใจว่าเขาเองก็หวั่นไหวเหมือนกัน เพราะจังหวะที่กดปลายเท้า ผมสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างมันต่อต้าน ทันทีที่เราขึ้นรถพร้อมกัน ผมก็ถามพี่อู๋ว่าเรากลับลาดพร้าวกันเลยดีไหม แต่พี่อู๋กลับบอกว่า

“เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ก้องต้องกลับไปนอนที่บ้าน”

 พอได้ยินแบบนั้น ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นลำดับถัดไป ผมดื้อ ผมโวยวายและเอาแต่ใจ ผมร้องไห้งอแงขอให้พี่อู๋ขับรถกลับลาดพร้าวเดี๋ยวนี้แต่คุณอิศรินทร์ดูใจแข็งกว่าที่คิดไว้ เขายืนยันคำเดิมว่าผมจะไม่ได้ไปลาดพร้าวจนกว่าพ่อจะอนุญาต ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว เราไม่ได้มีกันแค่สองคนแล้วนะก้อง ก้องเองก็มีพ่อ มีครอบครัวที่ต้องกลับไปอยู่ด้วย เราจะหนีตามกันไปแบบนี้ไม่ได้ คิดถึงใจของพ่อบ้าง พ่อจะรู้สึกยังไงถ้าพี่พาก้องหนีออกจากบ้าน

“ทีพ่อยังพาแม่หนีได้เลย! ทำไมผมจะหนีไปอยู่กับพี่ไม่ได้!”

ผมบอกเขาว่าผมโตแล้ว ผมอายุยี่สิบปีเมื่อวาน ผมมีสิทธิ์เลือกว่าจะย้ายไปอยู่กับใคร และตอนนี้ผมเลือกพี่ แต่พี่อู๋ก็ย้อนกลับว่าในเมื่อเขาไม่อนุญาต ก้องจะกลับไปอยู่ลาดพร้าวได้ยังไง พูดถึงตรงนี้ผมก็ปล่อยโฮอีกลูกใหญ่ ผมโกรธที่พี่อู๋ไม่ยอมให้ไปอยู่ด้วย ทำไมเขาถึงทำแบบนี้ ทำไมถึงพาผมไปส่งบ้านทั้งๆที่เขาเองก็รู้ว่าผมไม่มีความสุข แต่พี่อู๋คงเตรียมใจกับอาการกอริลลาตกมันแล้ว เขาถึงสามารถอดทนขับรถเงียบๆจนถึงหน้าบ้านของก้องเกียรติโดยไม่ระเบิดอารมณ์ออกมา นาฬิกาบอกเวลาว่าตีสี่ห้าสิบนาที วีออสร้ายๆจอดห่างจากประตูบ้านนิดหน่อยเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจของคนในบ้าน

ผมยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้น รู้สึกเสียใจที่ทุกอย่างของเรามันไม่เหมือนเดิมจริงๆอย่างที่พี่อู๋ว่า ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเราถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ในเมื่อเราเป็นแฟนกันแล้ว พ่อเองก็รับรู้ เขาเองก็รักผม ทำไมเราถึงอยู่ในคอนโดสองคนเหมือนเดิมไม่ได้ พี่อู๋ที่เห็นนายก้องเกียรติยังคงคร่ำครวญเสียใจก็ปลอบผมด้วยการสวมกอด แต่ผมดื้อ ผมผลักเขาและตัดพ้อว่าเขาไม่รักผมแล้ว ถ้าเขารักผม เขาจะไม่พาผมมาส่งที่บ้าน

“มีเหตุผลหน่อยสิก้อง เราจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ”

พี่อู๋พูดอย่างใจเย็นและเช็ดน้ำตาให้ ผมที่กำลังอยู่ในห้วงของความเสียใจได้แต่นั่งสะอึกเป็นพักๆพลางเหลือบมองคนรักอย่างโกรธเคือง

“ถึงก้องจะไม่รักบ้านหลังนี้ แต่มันก็เป็นบ้านของก้อง”
“บ้านของผมอยู่ที่ลาดพร้าว” ผมตอบห้วนๆ พี่อู๋ถึงกับถอนหายใจ
“ก้อง -- พี่อยากให้ก้องมีคนอื่นบ้างนอกจากพี่ เราจะมีกันแค่สองคนไม่ได้นะ ก้องต้องมีครอบครัวเป็นของตัวเอง พี่ไม่อยากให้ชีวิตก้องมีแค่พี่คนเดียว”
“พี่อยากให้ผมมีผัวอีกคนเหรอ?”
“ไอ้ก้อง --” พี่อู๋หน้าบึ้งไม่สบอารมณ์ ทำไมเขาถึงไม่ขำกับมุกนี้ล่ะในเมื่อเขาพูดเองนะว่าไม่อยากให้ผมมีเขาแค่คนเดียว “มีผัวอีกคนมึงตายแน่”

ฟังดูโรแมนติคดีเนอะ ผู้ชายที่เรารักขู่เราด้วยการบอกว่าจะเอาเราถึงตาย ผมมองหน้าพี่อู๋ด้วยความไม่พอใจเหมือนกันเพราะไม่ชอบให้เขาขู่แบบนี้ ทำไมต้องขึ้นมึงขึ้นกูด้วยในเมื่อเขานั่นแหละเป็นคนจุดประเด็นก่อน และเหมือนพี่อู๋จะรู้ตัวว่าเขาผิด แน่ล่ะว่าเขาต้องรู้เพราะทุกครั้งที่เราไม่พอใจกัน สาเหตุหลักๆมันก็มีอยู่ไม่กี่อย่าง ดังนั้นพี่อู๋จึงย่อมเอ่ยขอโทษที่ใช้คำหยาบและย้ำอีกครั้งว่าชีวิตผมไม่ควรมีพี่อู๋คนเดียว ผมควรมีพ่อและน้องสาวด้วย เผื่อวันไหนที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน ผมจะได้ไม่เสียหลักจนอยู่คนเดียวไม่ได้

“ถึงเวลาที่เราต้องคุยกันจริงจัง” พี่อู๋บอก “คุยกันแบบผู้ใหญ่”

เขาย้ำอีกครั้งเพื่อให้ก้องเกียรติเข้าใจว่าสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น พี่อู๋บอกว่าเขาเป็นห่วงผมมาก ตอนนี้เรายังคบกัน ยังรักกันอยู่มันก็ไม่เป็นไร พี่อู๋ยังแข็งแรงดี งานของเขาก็มั่นคงจนไม่ทำให้เราต้องกลายเป็นคู่รักกัดก้อนเกลือกินเร็วๆนี้ แต่สมมตินะว่าวันหนึ่ง – วันหนึ่งในอนาคต เราหมดรักกันแล้ว หรือพี่อู๋เจ็บป่วยล้มตายกะทันหันโดยไม่ทันตั้งตัว เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผมจะไม่ถูกทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง ดังนั้นผมจำเป็นต้องมีพ่อและครอบครัวคอยซัพพอร์ต ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่รวมถึงจิตใจด้วย

“ถึงก้องจะบอกว่าอยู่คนเดียวได้ แต่จากสองอาทิตย์ที่ผ่านมา พี่ไม่สบายใจเลยถ้าก้องต้องเจอเรื่องแบบนี้อีก”

น่าแปลกที่ผมมักจะเป็นฝ่ายพูดว่าถ้าเราเลิกกัน ถ้าวันหนึ่งเราไม่เหลือความรักต่อกันโดยไม่รู้สึกอะไร แต่คราวนี้พี่อู๋ที่เป็นคนพูดเองทำเอาผมปวดใจใช่เล่น ถ้าลองมองในมุมผู้ใหญ่อย่างที่เขาว่ามันก็จริง หากวันไหนพี่อู๋ไม่อยู่ วันนั้นผมคงขาดใจตายแน่ๆเพราะอยู่คนเดียวไม่ได้ และสิ่งที่แฟนของผมต้องการคือหลักประกันดีๆที่จะช่วยดูแลก้องเกียรติไม่ให้ตรอมใจตายอย่างที่เขากลัว แต่พี่อู๋จะเข้าใจบ้างไหมว่าครอบครัวแค่ในนามมันช่วยอะไรไม่ได้หรอก ในเมื่อผมไม่สนิทใจกับพ่อ ไม่รู้สึกรักใครในบ้านหลังนั้น จะหวังให้พึ่งพาพวกเขาในอนาคตคงเป็นไปไม่ได้ ผมยอมตายตามพี่อู๋ไปน่าจะดีกว่า

“อีกอย่าง ก้องควรมีครอบครัวเป็นของตัวเอง” พี่อู๋ย้ำอีกหน “ไม่ใช่ว่าพี่ไม่รักก้อง พี่รัก แต่พี่เห็นด้วยกับหลายๆคนว่าก้องควรมีโลกสองใบ ควรมีพื้นที่ส่วนตัวของตัวเองจริงๆ ไม่ใช่ผูกติดกับพี่จนแยกจากกันไม่ได้”

ผมนั่งฟังสารพัดเหตุผลตามฉบับผู้ใหญ่จากพี่อู๋ แต่ฟังไปก็ไม่เห็นด้วยหรือคล้อยตามกับคำพูดของเขาเลย ผมคงเป็นเด็กดื้อจริงๆอย่างที่พี่อู๋ว่า อะไรไม่ได้ดั่งใจหรือขัดกับความต้องการตัวเอง ผมจะไม่ตอบรับโดยเด็ดขาด แต่ที่นั่งเงียบอยู่หลายนาทีเป็นเพราะผมไม่อยากทะเลาะกับพี่อู๋ต่างหาก ผมเหนื่อยที่จะให้เรากลับไปอยู่ในจุดที่พ่นแต่ถ้อยคำแย่ๆใส่กันแล้ว ดังนั้นตอนที่พี่อู๋ถามเข้าใจไหม ผมจึงตอบจ๋อยๆว่าเข้าใจครับ แต่ความจริงก็คือไม่ได้ใส่ใจหรือเห็นความสำคัญของครอบครัวตัวเองมากขึ้นเลย

“ดีมาก” พี่อู๋ลูบหัวผม เขาคงคิดว่าเด็กในปกครองเป็นหมาเชื่องๆที่พูดอะไรสั่งอะไรก็เข้าใจ “ทีนี้กลับเข้าบ้านไปนอนได้แล้ว”
“เมื่อไหร่เราจะได้เจอกันอีกครับ?” ผมถาม แต่พี่อู๋ให้คำตอบทันทีไม่ได้
“เอาเป็นว่าพี่จะแอบมาหาเรื่อยๆก็แล้วกัน”

แค่พูดว่า ‘แอบ’ ผมก็รู้แล้วว่าใครอยู่เบื้องหลังของต้นเหตุที่สร้างความว้าวุ่นใจตลอดสองสัปดาห์ พ่อกับพี่อู๋ต้องคุยกันนอกรอบแน่ๆแต่พวกเขาโกหกผม ถ้าหากพ่อไม่ว่าอะไรจริง มีเหรอที่พี่อู๋จะไม่มาหา เรารักผมแทบบ้า รักผมจนไม่อยากปล่อยให้เดินลงจากรถด้วยซ้ำ ผมอยากถามพี่อู๋จริงๆว่าพ่อมีสิทธิ์อะไร ทำไมเราต้องเกรงใจพ่อด้วยในเมื่อเรารักกันก่อนที่พ่อจะโผล่มาอีก

“ขอผมกินเค้กวันเกิดก่อน แล้วผมจะกลับไปนอน”

ผมแกล้งต่อรองก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบเค้กจากเบาะหลัง ในกล่องกระดาษมีเค้กสีขาวเขียนหน้าว่าHappy Birthday Kong เหมือนพ่อ แค่เปลี่ยนจาก N’Kong เป็น Kong เฉยๆ ผมลองใช้ส้อมจิ้มเนื้อเค้กขึ้นมากิน รสชาติมันไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้อร่อยน้ำตาไหล พี่อู๋เห็นผมตักเค้กกินเรื่อยๆจึงถามว่าเป็นยังไง เขาขอโทษอีกครั้งที่ไม่ได้สั่งจากร้านดีๆแพงๆเหมือนปีที่แล้ว ผมจึงปลอบใจด้วยการบอกว่าไม่เป็นไรหรอก เพราะของขวัญวันเกิดที่ผมต้องการที่สุดอยู่ตรงหน้าแล้ว เค้กและของอย่างอื่นไม่สำคัญ ว่าแต่พี่มีของขวัญวันเกิดให้ผมไหม

“มีสิ” พี่อู๋หัวเราะเมื่อโดนผมทวง “หลับตาก่อน เดี๋ยวเอามาให้”

ผมหลับตาทั้งๆที่ปากยังกินเค้กอยู่ หลังจากฟังเสียงเปิดปิดประตูและเสียงกรอบแกรบของถุงกระดาษ พี่อู๋ก็บอกให้ลืมตาได้ เขาส่งกล่องของขวัญห่อลายตัวการ์ตูนมาให้และอวยพรวันเกิดนายก้องเกียรติอีกรอบ

“อะไรเหรอครับ?” ผมถามพลางเขย่ากล่องของขวัญ ไม่ค่อยได้ยินเสียงอะไรเท่าไหร่ คาดว่าน่าจะเป็นของใช้เพราะมันหนักพอสมควร “ผมฉีกกระดาษเลยนะ”
“ตามใจเลยไอ้หมูอ้วง”

พี่อู๋หยิกแก้มผมด้วยความมันเขี้ยวและนั่งดูนายก้องเกียรติแกะห่อของขวัญใจจดใจจ่อ ผมฉีกกระดาษสวยๆออกก่อนจะเปิดกล่องเพื่อดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน

“อะไรอ่ะ?” ผมยกกล่องกระดาษสีน้ำเงินกรมท่าขึ้นมาดูใกล้ๆ พอแกะกล่องอีกชั้นก็เห็นขวดแก้วสี่เหลี่ยมสีดำอยู่ข้างใน “น้ำหอมเหรอครับ?”
“ใช่”

พี่อู๋ยิ้มหวานในขณะที่ผมเริ่มเสียเซลฟ์แล้วว่าตัวเองกลิ่นตัวแรงหรือเปล่า ทำไมจู่ๆแฟนถึงซื้อน้ำหอมให้เป็นของขวัญวันเกิด

“วันก่อนน้ำหอมพี่หมด พี่ก็เลยเดินเลือกดู” พี่อู๋ว่าพลางเปิดฝาแล้วฉีดสองสามครั้งเหนือหัวของก้องเกียรติ เราเงยหน้าดมกลิ่นพร้อมกัน “พี่ว่ากลิ่นนี้เหมาะกับก้องดี”

ผมสูดจมูกฟุดฟิด มันก็หอมดี เป็นกลิ่นหอมที่แตกต่างจากกลิ่นตัวของพี่อู๋ มันแปลกๆบอกไม่ถูกว่าต่างยังไง เหมือนกลิ่นผลไม้อบควันที่นัวๆชวนเคลิ้มหน่อยๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกสดชื่นไปพร้อมกัน พี่อู๋ถามว่าชอบไหม ผมจึงตอบว่าชอบครับแม้ว่าจะเข้าไม่ถึงโลกของน้ำหอมราคาแพงก็ตาม พอเห็นนายก้องเกียรติยิ้มดีใจกับของขวัญวันเกิด เขาก็สอนวิธีใช้น้ำหอมด้วยการบอกว่าต้องฉีดตรงไหน

“ข้อมือ ข้อพับ หลังหู --” พี่อู๋ฉีดฟุดฟิดตามจุดต่างๆให้ผม “แต่ถ้าขี้เกียจจะฉีดมั่วๆแล้วเดินทะลุละอองมันก็ได้ พี่ทำบ่อย”
“วันนี้พี่ฉีดของพี่มาไหมครับ?”

ผมถาม เมื่อพี่อู๋พยักหน้า ผมก็ถือวิสาสะดึงข้อมือของเขามาดม แต่ผมกลับได้กลิ่นของทอดซึ่งน่าจะมาจากเบอร์เกอร์ที่เราเพิ่งกินด้วยกันเมื่อครู่

“วันนี้พี่ล้างมือตั้งหลายรอบ ตรงข้อมือไม่มีกลิ่นหรอก ลองดมตรงนี้สิ” พี่อู๋ใช้นิ้วตบหน้าอกตัวเองเบาๆ “แล้วก็หลังหู พี่แต้มไว้นิดหน่อย ไม่รู้กลิ่นยังพอเหลือไหม”

ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ สูดดมเบาๆตรงเสื้อเชิ้ตสีขาวก็ได้กลิ่นอ่อน มันเป็นกลิ่นเจือจางที่แยกไม่ออกว่าหอมแบบไหน ดังนั้นผมจึงนั่งหลังตรง ใช้มือจับต้นแขนพี่อู๋ก่อนจะยื่นจมูกเข้าไปตรงหลังหูของเขา

อืม – มันหอม

ใช่ มันหอมจางๆ เป็นกลิ่นหอมสะอาดที่ทำให้นึกถึงภาพหนุ่มออฟฟิศตามรถไฟฟ้า ผมฟุดฟิดดมต่ออีกหน่อยเพราะอยากให้กลิ่นชัดมากกว่านี้ แต่ปลายจมูกกลับค่อยๆไล้ต่ำลงเรื่อยๆจนถึงคอของเขา ผิวเนียนนุ่มของหนุ่มตัวหอมทำเอาผมเคลิ้มชั่วขณะ มันให้ความรู้สึกวาบหวามที่ได้เป็นฝ่ายชิมเขา ผมจึงตัดสินใจ ค่อยๆประทับริมฝีปากลงไป จูบเบาๆตรงคอของพี่อู๋หนึ่งที

พี่อู๋ดูพอใจกับสิ่งที่ผมทำ เพราะเขาเชิดคอขึ้นเพื่อเชื้อเชิญให้นายก้องเกียรติได้สัมผัสตัวเขามากกว่านี้อีกหน่อย ผมที่กำลังย่ามใจจึงพรมจูบไปเรื่อย ริมฝีปากลากผ่านตรงไหนก็จะทิ้งจุมพิตเบาๆเอาไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ผมไล่จูบพี่อู๋ตั้งแต่ลำคอจนถึงคาง หลังจากนั้นก็เลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ริมฝีปากและค่อยๆสัมผัสเขาอย่างนุ่มนวล



ต่อพาร์ท 2 ข้างล่างเลยคับผม  :katai2-1:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
42 [PART2/3]

นี่คือจูบแรกของเราในรอบสองสัปดาห์ หลังจากห่างหายกันไปนาน ผมก็ชดเชยโอกาสที่เสียไปด้วยการไล่ต้อนจนพี่อู๋หอบ เราจูบกันต่ออีกไม่กี่วินาที พี่อู๋ก็ผละออกเพื่อปรับเบาะไปด้านหลัง เขาตบหน้าตักตัวเองเป็นเชิงเรียกให้ก้องเกียรติมานั่งบนนั้น ผมไม่รอช้า สะบัดรองเท้าแตะที่สวมอยู่แล้วรีบปีนไปคร่อมเขา ทันทีที่วางก้นลงบนส่วนกลาง อะไรบางอย่างที่แข็งขืนทะลุเนื้อผ้าก็ทำให้ผมเขินอาย

เราจะไม่ปิดบังกันว่าต้องการขนาดไหน ผมจะไม่บอกให้พี่อู๋หยุดเมื่อเขาพยายามสอดมือเข้ามาใต้เสื้อยืด และเขาก็ไม่ห้ามเมื่อผมใช้มือปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของเขาออกอย่างรวดเร็ว ผมทำได้คล่องแคล่วราวกับเป็นมืออาชีพ กระดุมทั้งสี่เม็ดถูกปลดอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของก้องเกียรติ ยิ่งในรถที่มองเห็นได้เลือนลาง อารมณ์ของเรายิ่งพุ่งทะยานสูงขึ้นเพราะความตื่นเต้นเร้าใจ เราไม่เคยมีเซ็กส์นอกสถานที่มาก่อน แต่ตอนนี้เรากำลังจะทำมัน – ผมกับพี่อู๋ เรากำลังจะร่วมรักกันในรถที่จอดอยู่หน้าบ้านของก้องเกียรติ

“ใจเย็นๆ” พี่อู๋บอกเมื่อผมพยายามถอดเข็มขัดของเขา “ปลดแค่ซิบก็ได้”

ผมยิ้มและก้มหน้ารูดซิบกางเกงสแลคสีดำตามคำขอ มันค่อนข้างลำบากเมื่อต้องล้วงต้องจับภายในพื้นที่จำกัดขนาดนี้ ผมหงุดหงิดขัดใจที่ไม่สามารถสัมผัสส่วนอ่อนไหวของเขาได้เต็มสองมือแต่พี่อู๋กลับไม่รีบร้อน เขาทำตัวสบายๆเพื่อให้ผมผ่อนคลายไปพร้อมกับใช้นิ้วสะกิดหน้าอกของผม

มันรู้สึกดีมาก –

ทุกครั้งที่เขาลงน้ำหนักเบาๆบนปลายนิ้ว ผมจะบิดเร่าเพราะความรู้สึกดีที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนนักหนา พี่อู๋ใช้ปลายนิ้วขยี้มันอยู่พักใหญ่ก่อนจะเลิกปลายเสื้อของก้องเกียรติขึ้นแต่ไม่ได้ถอดออกทั้งหมด เขาก็แค่ร่นมันไปไว้ข้างหลัง เกี่ยวชายเสื้อไว้ตรงหลังคอของผมก่อนจะใช้ลิ้นเลียเบาๆ อย่าให้ผมต้องบรรยายมากไปกว่านี้เลย ผมไม่สามารถพูดได้ว่ารู้สึกดีกับความแปลกใหม่ขนาดไหน ผมรู้แค่ว่ามันดีและชวนเคลิบเคลิ้มจนเผลอร้องในลำคอ ขณะที่เขารัวลิ้นบนหน้าอกข้างซ้าย ข้างขวาก็ถูกนิ้วของเขาเขี่ยจนผมแทบคลั่ง

“พี่อู๋ --” ผมร้องคราง “พี่ – เอาผมเถอะ” ผมตัดสินใจพูด “เอากันเลย ในรถนี่แหละ”

พี่อู๋ยิ้มกว้างอย่างชอบใจ เขาละออกจากหน้าอกของก้องเกียรติและเลื่อนหน้ามาจูบกันใหม่ เราดึงดูดจนเสียงดังจวบจาบไปทั้งรถ จูบกันแทบหมดลม จูบกันจนเจ็บนิดๆเพราะบดขยี้กันแรงเกินไป เมื่อพี่อู๋ได้ลิ้มลองจนพอใจเขาก็ผละตัวออกและบอกว่าวันนี้ไม่ได้หรอก

“ทำไมล่ะ?”
“พี่ไม่มีถุงยาง”
“ไปเซเว่นกัน”
“กว่าจะซื้อเสร็จคงหมดอารมณ์แล้ว”
“งั้นสดเลยก็ได้”

ผมบอกเขา แต่พี่อู๋ไม่ยิ้มดีใจ เขาดึงปลายจมูกผมก่อนจะบอกว่าไม่ได้ ไม่สด เจลหล่อลื่นก็ไม่มี วันนี้เราสองคนไม่มีใครพร้อมเลย

“อีกอย่างก้องต้องทำแท้งก่อน เราถึงจะมีอะไรกันได้” เขาพูด
“ทำแท้งอะไร?”
“สวนก้นไง” พี่อู๋อธิบาย คำว่าทำแท้งทำเอาผมเกือบหมดอารมณ์ “ครั้งแรกก้องคงทำไม่เป็น ไว้คราวหลังเดี๋ยวพี่สอนให้”

ผมตอบแค่โอเคครับ ใจหนึ่งก็เซ็งเพราะจุดที่มั่นใจว่าพร้อมไม่ได้มาบ่อยๆ แต่อีกใจก็โล่งที่ไม่ต้องเจ็บตัววันนี้ พี่อู๋คงสัมผัสได้ถึงความต้องการและความกังวลในเวลาเดียวกัน เขาจึงบอกให้ผมใจเย็นๆไม่ต้องรีบร้อน รู้ว่าโตแล้ว อายุยี่สิบแล้ว แต่ถ้าจะมีอะไรกันก็ขอให้เป็นตอนที่เราพร้อมกว่านี้ดีกว่า อย่าเสียดายเลย

“งั้นเรามาต่อกันดีไหมครับ?” ผมเบียดสะโพกเบาๆบนส่วนกลางของเขา พี่อู๋ยิ้มอย่างชอบใจอีกหนก่อนจะบอกว่า
“เอาสิ”

ผมยิ้มก่อนจะถอดเสื้อออกจนเปลือยท่อนบน หลังจากนั้นเราก็นัวเนียกันเหมือนเดิม เหมือนก่อนหน้าที่จะตัดเข้าเรื่องถุงยางอนามัยและการทำแท้ง พี่อู๋ยังคงรู้ใจผมเป็นอย่างดี เขาไม่ได้ปลุกเร้าด้วยการถอดกางเกงจนผมเปลือย หากแต่ค่อยๆลูบผ่านกางเกงผ้ายืดจนมันเริ่มตึงเครียด ผมหอบหายใจด้วยความอึดอัด ทั้งเสียวและรู้สึกดีจนเผลอขยับสะโพกเสียดสีต้นขาของพี่อู๋อยู่หลายหน

ผมว่าการสัมผัสผ่านเนื้อผ้าก็เร้าอารมณ์ดีเหมือนกัน ส่วนนั้นของเราสองคนเบียดกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ด้วยการสัมผัสที่มีผ้ากั้นทำให้อารมณ์มันไม่สุดเท่าที่ควร ทั้งนั้นพี่อู๋จึงล้วงมือเข้ามาในกางเกงของผม ขยี้ปลายเบาๆอย่างอ้อยอิ่งจนผมเบ้หน้าเพราะทนอารมณ์ที่ถ่าโถมเข้ามาไม่ไหว ผมสูดปาก ร้องโอดโอยเหมือนกำลังถูกทรมาน พี่อู๋ยิ่งยิ้มกว้างขึ้นไปอีกเมื่อผมกำคอเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เชิดหน้าขึ้นและครางกระเส่าราวกับตัวเองกำลังโดนเอาอยู่จริงๆ

“เสียวไหม?”
“ครับ” ผมหลับตาพริ้ม อึดอัดนิดหน่อยแต่ก็รู้สึกดีไปพร้อมๆกัน “โอย – พี่อย่าหยุดนะ”

ผมร้องขอ และพี่อู๋ก็ตอบสนองอย่างดีด้วยการขยับรูดขึ้นลงสุดความยาว ผมเปลี่ยนอิริยาบทเป็นการโอบกอดเขาแน่นเหมือนหมีโคอาล่า ยิ่งร่างกายของเราสัมผัสแนบแน่นเท่าไหร่ ความเสียวก็ยิ่งทะยานพุ่งขึ้นเรื่อยๆจนไม่รู้ว่ามันจะสิ้นสุดตรงไหน ผมซบหน้าลงบนไหล่ของเขาและพรมจูบซ้ำๆบนคอ ผมเริ่มเปลี่ยนจากจูบเป็นเลียจนพี่อู๋ขนลุกเกร็งไม่แพ้กัน เราเอียงหน้าเข้ามาแลกลิ้นกันอีกหนก่อนที่ผมจะกลับไปซบไหล่เขาดังเดิมและเริ่มร้องครางดังขึ้นเรื่อยๆ

“โอ๊ย – ดีจังเลยครับ”

ผมชมพี่อู๋ที่เริ่มขยับมือเร็วขึ้น ยิ่งเสียวเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งขยับสะโพกไปมากับเป้าของเขาราวกับมีอะไรสอดใส่อยู่ในช่องทางข้างหลัง ผมไม่อาจพูดได้ว่าพี่อู๋เป็นฝ่ายปรนเปรอนายก้องเกียรติอยู่ฝ่ายเดียว แต่ผมก็ช่วยเขาด้วยการเสียดสีและหยอกล้อกับหน้าอกด้วย ภายในรถที่แสนจะแคบสำหรับผู้ชายตัวสูงสองคน เราครางกระเส่าในลำคอสอดประสานกันเป็นอย่างดีเพราะเซ็กส์ที่เร่งเร้ารุนแรง ผมใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว ผมร้องบอกพี่อู๋ ร้องหวีดหวิวอย่างลืมตัวเมื่อความอึดอัดค่อยๆไล้ขึ้นมาตามความยาว ผมยิ่งขยับสะโพกแรงขึ้นเพื่อหวังให้ตัวเองถึงจุดสุดยอด

อีกนิดเดียว – ผมคราง อีกนิดเดียวจริงๆเพราะความเสียวเริ่มทะลักจนห้ามไม่อยู่ ผมกัดริมฝีปากตัวเอง คำราม ก่อนจะกระตุกไปมาสองสามหนและแตกเลอะใส่หน้าท้องของพี่อู๋

“อา --” ผมโน้มหน้าจูบเขาเพื่อเป็นการขอบคุณ “ดีจังเลยครับ”

พี่อู๋ไม่ถือโทษที่ผมเสร็จก่อน หากแต่ยื่นหน้าเข้ามาแลกลิ้นกับก้องเกียรติต่ออีกหน่อยก่อนจะยิ้มมุมปากเมื่อผมเริ่มใช้มือสัมผัสส่วนนั้นของเรา เราส่งยิ้มโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเพื่อเตรียมตัวสำหรับเซ็กส์ยกที่สอง จังหวะที่เรากำลังนัวเนียนกัน ดูดดื่มไปกับรสจูบแสนอ่อนหวานและร้อนแรง –


ก๊อก! ก๊อก!

 
“ลงมาคุยกันหน่อยสิอู๋”


เสียงของพ่อและใบหน้าขึงขังของเขาก็พังทุกอย่างลง






“ผมจะทำยังไงดี?”

ผมถามพี่อู๋ด้วยความกระวนกระวายขณะที่เขาช่วยแต่งตัวให้ก้องเกียรติ เมื่อครู่พ่อเดินมาเคาะกระจก เขาพูดสั้นๆว่าให้พี่อู๋เข้าไปคุยด้วยแล้วก็หมุนตัวเดินเข้าบ้านไปโดยไม่ตำหนิทุบตีที่เห็นว่าเราทำอะไรกันในรถ ผมรีบมองแผ่นหลังของพ่อที่ค่อมเล็กน้อยเพราะอยากรู้ว่าเขาจะทำอะไร เขาจะหยิบไม้มาตีผมไหม จะฆ่าพี่อู๋ไหม แต่สิ่งที่พ่อทำมีแค่เปิดไฟชั้นหนึ่งของบ้านจนสว่างและล่ามโซ่ไอ้หมีไม่ให้มันหนีออกจากบ้านเท่านั้น

“พ่อต้องเห็นแน่ๆว่าเรามีอะไรกันในรถ” ผมเสียงสั่นจนแทบกลายเป็นร้องไห้ “พี่อู๋ – ผมจะทำยังไงดี? ผมจะบอกพ่อยังไงดี?”

พี่อู๋ส่งเสียงชู่ว! ชู่ว! เพื่อปลอบให้ผมสงบลง เขาค่อยๆใช้นิ้วเช็ดน้ำตาให้นายก้องเกียรติอย่างใจเย็นและบอกว่าไม่เป็นไร ก้องไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น พี่จะรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้นเอง

“รับผิดชอบบ้าบออะไร! พ่อผมฆ่าพี่ตายได้เลยนะ!”
 
ผมเริ่มสติหลุดและโวยวาย แต่พี่อู๋ก็ยังใจเย็นด้วยการบอกว่ามันไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรให้กังวล ผมจึงตะคอกถามเข้าว่าจะไม่ให้กังวลได้ไง! พ่อเห็นลูกชายตัวเองขึ้นขย่มกับผู้ชายในรถหน้าบ้าน! พี่ว่าพี่จะรอดเหรอ! พี่คิดจริงๆเหรอว่าพ่อจะไม่ทำอะไรพี่น่ะ! พอเถอะ อย่าเข้าไปหาพ่อเลย เราไปจากที่นี่กันดีกว่า กลับไปใช้ชีวิตที่มีแค่เราสองคนเหมือนเดิมดีกว่า แต่พี่อู๋ปฏิเสธหนักแน่น

“ไปคุยกับพ่อให้เรียบร้อยเถอะ”

เขาพูดสั้นๆและติดกระดุมเสื้อ ส่วนผมได้แต่นั่งกุมขมับเพราะไม่รู้จะทำยังไงต่อไปดี สมองตีกันยุ่งเหยิงไปหมดจนจับต้นชนปลายไม่ได้ ไม่รู้ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าพ่อ ผมควรขอโทษเขาเรื่องไหนก่อนระหว่างขอโทษที่หนีออกจากบ้านตอนตีสองหรือมีอะไรกับแฟนในรถหน้าบ้าน ทุกความผิดที่นายก้องเกียรติทำไม่น่าให้อภัยเลยซักอย่าง

“ก้อง – ฟังพี่ ฟังพี่นะ” พี่อู๋ใช้สองมือประคองแก้มผมอย่างแผ่วเบา “เราโตแล้ว เราต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเองทำ เรามีเซ็กส์กันมันไม่ผิด แต่เราผิดที่หนีออกจากบ้านโดยไม่บอกพ่อ ผิดที่เราหยามพ่อด้วยการมีอะไรกันหน้าบ้าน เราต้องขอโทษพ่อส่วนนี้”
“ถ้าพ่อโกรธจนไม่ให้ผมเจอพี่อีกล่ะ?”
“เขาบังคับก้องไม่ได้หรอก” พี่อู๋อมยิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ไม่ช่วยให้สบายใจขึ้นเลย “ถ้าก้องคุยกับพ่อดีๆ บางทีเราอาจจะได้เจอกันบ่อยๆเหมือนเดิมก็ได้”

คำพูดของพี่อู๋ให้กำลังใจแต่ก็ไม่เท่าไหร่ เพราะผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าพ่อคงไม่ยอมให้วันนั้นมาถึงง่ายๆหรอก หลังแต่งตัวเสร็จ พี่อู๋ก็เดินลงจากรถ เขากดรีโมตล็อครถก่อนจะเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน ในขณะที่นายก้องเกียรติไหล่ตกและเครียดสุดขีด พี่อู๋กลับดูใจกล้า ไม่กลัวว่าพ่ออาจจะถือปืนมายิงหัวตัวเองเลยซักนิด เราถอดรองเท้าตรงชานบ้าน ผมเอื้อมแขนไปบีบมือพี่อู๋แน่นก่อนจะเปิดประตูมุ้งลวดเข้าไปเจอพ่อกับอาแตงที่กำลังกระวนกระวายไม่ต่างกัน

“สวัสดีครับ”

พี่อู๋ยังจะมีกะจิตกะใจทักทายตามมารยาท อาแตงรับไหว้ก่อนจะเชิญให้เรานั่งบนโซฟาเพื่อพูดคุยถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นหน้าบ้าน ผมเหลือบตามองพ่อ พยายามอ่านสีหน้าเรียบเฉยของเขาเพราะอยากรู้ว่าพ่อโกรธมากแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ผมบอกตัวเองซ้ำๆว่าอย่าฟูมฟาย อย่าฟูมฟาย ผมต้องเป็นผู้ใหญ่เสียทีอย่างที่พี่อู๋ว่า ผมต้องหนักแน่น ห้ามร้องไห้หรือพูดด้วยอารมณ์เด็ดขาด ในขณะที่พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล จู่ๆพ่อก็เดินเข้ามาใกล้เราสองคนด้วยท่าทีไม่มีสัญญาณคุกคาม แล้วปล่อยหมัดใส่หน้าพี่อู๋โดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว




Part 3 อยู่ถัดไปเลยค่ะ  :hao5:

ออฟไลน์ ambiguous95

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-4
42 [PART 3/3]

“พ่อ! พ่อต่อยพี่อู๋ทำไม?!”
“มึงไม่ต้องมาพูดเลย!” พ่อแสดงสีหน้าออกมาแล้ว เขาโกรธจนผิวเปลี่ยนเป็นสีแดงทั้งใบหน้าหน้าและลำคอ โกรธจนส่งสายตาอาฆาตให้พี่อู๋ราวกับจะฉีกเขาให้แหลกเป็นชิ้นๆให้ตายคามือ “ทำอะไรคิดถึงหน้าหม่าม้ามึงบ้างเถอะ! ทำไมมึงทำตัวแบบนี้! มึงเป็นผู้ชายนะก้องเกียรติ! มึงทำแบบนั้นทำไม?!”

พ่อปรี่เข้ามากระชากคอเสื้อผมและเริ่มทุบตี แต่เขาฟาดได้แค่ทีสองทีพี่อู๋ก็รวบตัวผมเข้ามากอดและเอาตัวเองบังแทน อาแตงร้องห้ามเสียงดังเมื่อเราชุลมุนวุ่นวายกันบนโซฟา ในขณะที่พ่อพยายามทุบตีผมโทษฐานมีอะไรกับผู้ชาย ภรรยาของเขากลับร้องขอความเมตตาให้ลูกเลี้ยงและแฟนหนุ่ม

“ลื้อไม่ต้องมาห้ามเลยอาแตง!” พ่อสะบัดอาแตงออกและหันมาชี้หน้าก้องเกียรติที่เริ่มสะอึกสะอื้นร้องไห้ “ทำแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน?! มึงหยามหน้าป๊าเกินไปแล้วนะก้อง! ในหัวใจของมึงยังมีความละอายอยู่บ้างไหม?! บนที่สาธารณะมีคนพลุกพล่านไปมา มึงกลับขึ้นขี่ผู้ชาย –  มึงไม่กลัวคนมาเห็นเหรอ? มึงไม่อายบ้างเหรอเวลากูเปิดประตูออกไปแล้วเห็นมึงเอากับผัวมึงในรถน่ะ!”
“พูดกันดีๆก็ได้ครับ ทำไมต้องพูดกับก้องแรงๆด้วย”

พี่อู๋ที่เลือดกำเดาไหลจนเลอะถามพ่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเย็นชา ส่วนผมร้องไห้ตัวสั่นเพราะทั้งกลัวและอับอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ทุกอย่างที่พ่อพูดเป็นความจริงทั้งนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสิ่งที่เราทำมันผิดและไม่ให้เกียรติพ่อที่อยู่ในบ้าน รถก็จอดห่างจากรั้วไม่ถึงสิบก้าวแท้ๆ ทำไมผมถึงกล้าขอมีเซ็กส์กับพี่อู๋ ทำไมถึงไม่ยับยั้งชั่งใจ ไม่รักษาหน้าของพ่อบ้าง

“ยังจะให้พูดดีอีกเหรอ?!”

พ่อตวาดใส่พี่อู๋

“เพราะอู๋ทำแบบนี้กับก้องไง! อู๋หาเศษหาเลยจากลูกผม! ขนาดในรถกลางถนนอู๋ยังไม่เว้นเลย! คิดอะไรอยู่อู๋? ผมถามจริงเถอะ -- สมองของอู๋คิดอะไรอยู่ถึงได้พาลูกผมหนีออกจากบ้าน ถึงได้มั่วกันในรถเหมือนก้องมันไม่มีพ่อมีแม่! ต้องให้พูดอีกกี่ครั้งว่าลูกผมไม่ใช่เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้า! เขามีพ่อ! อู๋จะรักจะชอบเขาผมไม่ว่าแต่ต้องทำให้ถูกต้อง! ไม่ใช่คิดจะลากลูกผมไปไหนก็ลากไป จะเอาตรงไหนก็เอา อู๋ต้องให้เกียรติผมด้วยเพราะผมเป็นพ่อของก้อง! ไว้หน้าผมบ้างไม่ใช่ทำประเจิดประเจ้อขนาดนี้! บางทีคนรักสนุกอย่างอู๋ต้องได้เป็นพ่อคนนะ เผื่ออู๋จะเข้าใจคำว่าดวงใจของพ่อแม่ เผื่ออู๋คิดได้ – ว่าไม่ควรพาลูกเขาไปไหนมาไหน ไม่ควรทำอะไรทุเรศแบบนี้กับลูกเขา!”
“แต่พ่อไม่ได้เลี้ยงผมมา! พ่อไม่มีสิทธิ์ยุ่งกับชีวิตของผม!”
“เลิกพูดแบบนี้ซักทีจะได้ไหม?! ป๊าย้อนอดีตกลับไปแก้ไขได้ที่ไหน แต่ปัจจุบันป๊าก็ทำดีที่สุดแล้วไง!”

พ่อตะคอกใส่ด้วยความไม่พอใจ

“เอะอะก็บอกว่าไม่ได้เลี้ยงๆ แล้วตอนนี้ป๊าไม่ได้เลี้ยงก้องเหรอ?! ไม่ได้จ่ายค่าเทอมให้ ไม่ได้ปกป้องดูแลในฐานะพ่อเลยเหรอ?! อย่างน้อยถ้าไม่ให้เกียรติป๊า นึกถึงหน้าหม่าม้าบ้าง ไม่ใช่ว่าม้าตายไปแล้วจะทำตัวยังไงก็ได้ คิดบ้างไหมว่าถ้าม้ารู้ม้าจะเสียใจขนาดไหน แค่มีลูกเป็นเกย์ก็ช้ำตายอยู่แล้ว ยังทำตัวหน้าไม่อายแบบนี้อีก ป่านนี้หม่าม้ามึงร้องไห้ ตีอกชกหัวตัวเองแล้วที่เลี้ยงลูกมาเป็นเด็กแบบนี้!”
“พอเถอะครับ พูดถึงคนเป็นก็พอ ไม่ต้องคิดแทนคนตาย”

พี่อู๋ปรามพ่อไปพร้อมกับปลอบนายก้องเกียรติ คำพูดเมื่อครู่ของพ่อ – ทำเอาผมหัวใจสลายราวกับแม่ก็มองเห็นว่าผมทำอะไรผิดมา ผมเริ่มหมกมุ่นคิดถึงแม่ที่ตายไปแล้วว่าถ้าแม่ยังยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าแม่เห็น ถ้าแม่เป็นคนเคาะกระจกเรียก แม่จะคิดยังไง แม่จะอับอายไหมที่ก้องเกียรติเป็นเกย์ จะโมโหแค่ไหนที่เห็นผมมีอะไรกับผู้ชายในรถ แล้วแม่จะตีผมไหม แม่จะพูดว่าอะไรเป็นประโยคแรกถ้าได้เจอกันอีกครั้ง

ผมกำลังอ่อนไหวเพราะคิดถึงแม่

แน่นอนว่าผมสามารถพูดได้เต็มปากว่าไม่ใส่ใจพ่อ ไม่แคร์ด้วยว่าเขาจะยอมรับในตัวผมหรือไม่ แต่เมื่อพ่อเอ่ยถึงแม่ที่จากไป ผมก็อ่อนไหวมากจนเจ็บไปหมดทั้งใจเพราะกลัวแม่ผิดหวัง แม่จะรู้สึกแย่ไหมที่ผมไม่ใช่เด็กดีอีกแล้ว ถ้าแม่รู้ -- แม่จะว่ายังไง แม่จะรับได้ไหมที่ผมเป็นเกย์ หรือแม่เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่พ่อแสดงออกในตอนนี้ บางทีแม่อาจพอใจที่พ่อต่อยพี่อู๋และเตือนสติเขาว่าให้เกียรติพ่อกับแม่บ้าง ผมคิดมากจนคุมตัวเองไม่ได้นอกจากร้องไห้อยู่อย่างนั้นจนอาแตงสงสาร อาแตงขอให้พ่อใจเย็นๆเพราะผมร้องเหมือนจะขาดใจตายแล้ว อาคงคิดว่าผมเสียใจที่ถูกพ่อด่า แต่เปล่าเลย ผมกำลังละอายใจและเป็นกังวลว่าแม่จะคิดยังไงทั้งๆที่แม่ตายไปสองปีแล้ว

ทั้งๆที่การมีอยู่ของแม่ – ไม่มีความหมายกับก้องเกียรติแล้วด้วยซ้ำ
 
“คุณสมปราชญ์ครับ โกรธเกลียดอะไรให้ลงที่ผม อย่าว่าก้องเลย” พี่อู๋กอดผมที่กำลังสะอื้นเอาไว้แนบอก “ผมผิดเองที่แอบมาหาก้องตอนค่ำ ผมผิดเองที่พาเขาออกจากบ้านโดยไม่ขอ ผมผิดเองที่ไม่คิดให้รอบคอบจนคุณต้องเห็นภาพไม่ดี ถ้าคุณไม่พอใจ คุณโกรธ คุณอยากหาทางระบายก็มาลงที่ผมเถอะครับ ก้องไม่ได้ทำอะไรผิด”

ถึงชายที่ผมรักจะพูดแบบนั้น แต่ผมกลับรู้สึกว่าความผิดทุกอย่างเป็นของก้องเกียรติคนเดียว

“อีกอย่างตอนนี้ก้องโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เขาอายุยี่สิบแล้วนะครับ อย่าทุบตีเขาเหมือนเป็นเด็กไม่รู้เรื่อง เราพูดกันดีๆก็ได้ อย่าใช้กำลังแบบนี้”
“อย่าปากดีหน่อยเลย ตอนอายุยี่สิบ อู๋เองก็ยังแบมือขอเงินพ่อแม่เรียนหนังสือเหมือนกัน เผลอๆยังเป็นวัยรุ่นรักสนุกทั่วไปที่เคยทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง แต่คนอย่างคุณนี่มันเหลือเกินจริงๆ โตจนสามสิบกว่าแล้วยังคิดไม่ได้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร!”
“ครับ ผมคงคิดน้อยไปจริงๆ ผมขอโทษครับ”

พี่อู๋น้อมรับความผิดโดยไม่แก้ตัวแต่ความโกรธของพ่อก็ไม่ได้เบาบางลง ผมสัมผัสได้ถึงความอัดอั้นตั้นใจของพ่อที่เริ่มเอ่อล้นเป็นน้ำตา พ่อดูโกรธแค้นมากจนไม่สามารถสรรหาคำมาตำหนิเราสองคนได้อีกจึงเดินหนีหายเข้าไปในครัว อาแตงบอกให้เรานั่งรอตรงนี้และรีบตามเข้าไป ผมไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกันบ้าง แต่พอได้ยินเสียงพ่อสะอื้น ผมก็ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

ผมเสียใจจริงๆที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลัง เสียใจที่ทำให้พ่อผิดหวังจนต้องร้องไห้ ถึงเราจะไม่เคยมีช่วงเวลาที่ดีเหมือนพ่อลูกทั่วไปแต่ผมสำนึกได้ว่าคราวนี้ทำเกินไปจริงๆ ผมทำให้พ่อเป็นห่วง ทำให้เขาอับอายที่ต้องเห็นลูกมีอะไรกับผู้ชาย ต่อให้อ้างว่าไม่จำเป็นต้องแคร์พ่อที่ไม่เคยเลี้ยงดูแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพ่อมีบุญคุณกับผม ตอนที่ทะเลาะกับพี่อู๋จนไม่รู้ว่าจะไปนอนที่ไหน พ่อก็ขับรถมารับและเตรียมทุกอย่างให้ ไหนจะค่าเทอม ค่าทนายที่พ่อยอมจ่ายเพื่อปกป้องชื่อเสียงของผมอีก พ่อทำเต็มที่ตามที่เขาพูดแล้วจริงๆ พ่อให้ทุกอย่างเท่าที่จะให้ได้แล้ว และผมควรตระหนักถึงความรักของพ่อเสียที ไม่ใช่เอาแต่กล่าวโทษถึงช่วงเวลาที่หายไปอย่างที่พ่อตัดพ้ออีก

ในห้องนั่งเล่นที่มีแค่เราสองคน พี่อู๋นั่งขรึมไม่แสดงออกว่าโกรธหรืออยากเอาคืนพ่อเลยซักนิด เขายังคงใจเย็นและแสดงออกแบบที่ผู้ใหญ่ทำกัน ทั้งๆที่เลือดกำเดาไหลจนเปรอะปกเสื้อ พี่อู๋ก็ยังดูไม่ทุกข์ร้อนหรือโวยวายเอาเรื่องที่ถูกพ่อต่อย ผมหยิบทิชชู่ช่วยซับเลือดให้เขาและขอโทษที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด

“อยากได้ลูกเสือก็ต้องเจอพ่อเสือเป็นธรรมดา”

เขาพูดติดตลกแต่ผมไม่ขำ มันไม่มีอะไรน่าขำเลยเมื่อต้องมองหน้าคนที่ตัวเองรักโชกเลือดแบบนี้ เราสองคนนั่งเป็นกำลังใจให้กันอยู่ยี่สิบนาทีพ่อจึงเดินออกมา ใบหน้าของพ่อแดงก่ำ ปลายจมูกช้ำราวกับเพิ่งสั่งน้ำมูกมาอย่างหนัก พ่อเดินมาหยุดตรงหน้าผมกับพี่อู๋แล้วบอกว่าอย่าทำแบบนี้อีก เขาพูดแค่นั้น แต่ทำเอาผมน้ำตาแตกจนต้องยกมือไหว้ขอโทษ

“ผมขอโทษ” ผมร้องไห้บอกพ่อ “ผมขอโทษที่ทำอะไรไม่คิด ผมขอโทษที่ทำให้พ่อเสียใจ”

พ่อไม่ตอบสนองคำขอโทษจากผมนอกจากปรายตามองมาด้วยความช้ำใจ เขาถามผมสั้นๆว่ารู้ตัวไหมว่าทำผิดอะไร ผมจึงบอกว่ารู้ ผมรู้ทุกอย่าง แต่ผมละอายจนไม่สามารถพูดได้ พ่อจึงถามซ้ำอีกครั้งว่ารู้จริงๆใช่ไหมว่าผิดเรื่องไหน ผมหยักหน้ารับ

“ผมหนีออกจากบ้านตอนตีสอง” ผมสะอื้นเมื่อคิดว่าต้องพูดประโยคถัดไป “ผมมีอะไรกับพี่อู๋ในรถที่จอดอยู่หน้าบ้าน”
“ต่อไปจะทำแบบนี้อีกไหม?” พ่อถามเสียงสั่น
“ไม่ทำแล้วครับ” ผมให้สัญญา “ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”

 ผมยกมือไหว้อีกครั้ง พ่อใจแข็งอยู่นานแต่สุดท้ายก็รวบสองมือของผมที่พนมกลางอกและไม่พูดอะไรอีก ไม่มีการสวมกอดเหมือนฉากเรียกน้ำตาในละครเพราะเขาคงเสียใจเกินว่าจะพูดว่าไม่เป็นไรได้จากใจจริง ซึ่งผมไม่โกรธพ่อ ผมเข้าใจดีว่าเขามีเรื่องให้หนักใจเยอะแยะมากมายขนาดไหน เริ่มจากมีลูกชายเป็นเกย์ ลูกหายไปจากบ้านตอนตีสอง จนกระทั่งเจอลูกในรถที่จอดอยู่หน้าบ้านกับผู้ชายที่แก่กว่าถึงสิบสี่ปี แค่คิดก็ประสาทแดกตายแล้ว ลองจินตนาการว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นกับลูกคุณสิ เป็นใครก็คงทำใจและให้อภัยไม่ได้ทั้งนั้น

เราสี่คนไม่ต่อความยาวสาวความยืดอะไรนอกจากนิ่งเงียบจนกระทั่งแสงแรกของวันที่ยี่สิบหกธันวาสาดเข้ามาในบ้าน อาแตงจึงบีบมือให้กำลังใจพ่อก่อนจะชวนพี่อู๋อยู่ทานมื้อเช้าด้วยกันก่อน ผมคิดว่าพี่อู๋จะปฏิเสธ แต่เขากลับตอบรับคำเชิญชวนนั้นโดยไม่อิดออด

“ไปช่วยอาแตงทำกับข้าวเถอะ” พี่อู๋บอกพลางตบไหล่ของก้องเกียรติเบาๆ “ทำให้สุดฝีมือเลยนะ พี่คิดถึงกับข้าวของก้องจะแย่”

ผมยิ้มและพยักหน้ารับ ก่อนจะหายเข้าครัวไปช่วยอาแตงเตรียมมื้อเช้าเพราะอึดอัดไม่อยากคุยกับพ่อ อาบอกว่าวันนี้ตั้งใจจะทำไข่เจียว ผัดเห็ดเข็มทอง กับแกงจืดหมูสับเป็นมื้อเช้า ก้องช่วยอาล้างเห็ดกับตอกไข่รอได้เลย เสร็จแล้วตั้งกระทะเตรียมน้ำมันเอาไว้ เดี๋ยวอาจะให้ก้องโชว์ฝีมือด้วยการเจียวไข่นะ

“อย่าเจียวรวดเดียวล่ะ แบ่งไข่เป็นถ้วยละสามฟองสามถ้วย ทยอยเจียวทีละถ้วยเพราะบ้านเราคนเยอะ”

ผมตอบครับและปลีกตัวไปล้างเห็ด ส่วนอาแตงง่วนอยู่กับการตั้งเตาและปั้นหมูให้เป็นก้อน เราสองคนทำงานคนละฟากของครัวโดยไม่พูดอะไร ผมกำลังเศร้าเพราะรู้สึกว่าอะไรๆยังไม่เคลียร์ ส่วนอาแตงวุ่นวายกับมื้อเช้าที่ต้องเตรียมเผื่อคนตั้งเก้าคน พอเห็นผมดูอิดโรยไม่มีชีวิตชีวา อาก็ถามด้วยความเป็นห่วงว่าไหวไหม ไม่ไหวจะขึ้นไปพักก่อนก็ได้ ปกติอาทำกับข้าวคนเดียวทุกวันอยู่แล้ว ก้องไม่ต้องช่วยหรอก ไปนอนเถอะ เดี๋ยวอาจะแบ่งเก็บไว้ให้นะ

ผมรีบบอกอาแตงว่าไม่เป็นไร ผมไม่ได้เหนื่อยเท่าไหร่ก็แค่รู้สึกไม่ดีมากๆที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น อาแตงคงเข้าใจว่าผมหมายถึงอะไร เธอจึงสะบัดมือไล่หยดน้ำและเดินมาหาก่อนจะบอกว่าไม่เป็นไรหรอก มันผ่านไปแล้ว ป๊าเองก็เข้าใจแล้วว่าก้องยังเด็กเลยอาจจะไม่ทันคิด เพราะฉะนั้นไม่ต้องเครียด ป๊าไม่ว่าอะไร รออีกซักสองสามวันก็คงหายโกรธไปเองแหละ

“ผมได้ยินเสียงพ่อร้องไห้ด้วย” ผมบอกอาแตง “ผมทำพ่อเสียใจมากเลยใช่ไหม?”
“หัวอกคนเป็นพ่อแม่เนอะก้อง มันก็ต้องเสียใจอยู่แล้วแหละ” อาแตงพูดอย่างเห็นใจ “ป๊าเขาทำใจยอมรับได้ซักพักแล้วเพราะอาบอกอาป๊าเองว่าพวกเราไม่มีสิทธิ์ผิดหวังในตัวก้องในเมื่อเราไม่ได้เลี้ยงก้องตั้งแต่เล็ก ที่ได้กลับมาพบกันตอนนี้ถือเป็นกำไรชีวิต ทำใจยอมรับมันเถอะ ได้เจอกันก็บุญแล้วอย่าไปคาดหวังอะไรนักเลย แต่ที่อาป๊าโมโหเนี่ยไม่ใช่เพราะเรื่องเป็นเกย์หรอก เพราะเขาเสียใจที่ก้องหนีออกจากบ้านแล้วมีอะไรกับอู๋ในที่สาธารณะต่างหาก มันประเจิดประเจ้อเกินไป”
“ตอนนั้นผมทำเพราะคิดถึงพี่อู๋ ผมไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ก็เลยไม่ทันคิดอะไร ผมนึกว่ามันเป็นแผนของพ่อที่ไม่ให้พี่อู๋มาหา ไม่งั้นเขาคงไม่พูดว่าจะแอบมาใหม่หรอก”
“ป๊าเขาไม่อยากให้เราสองคนเจอกันจริงๆนั่นแหละ”
“ทำไมล่ะครับ?”

อาแตงคงรู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปจึงได้เงียบครู่หนึ่ง แต่พอเห็นสายตาเว้าวอนขอคำตอบ เธอก็ถอนหายใจ

“ก้อง – ตอนนี้ก้องเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเราแล้วนะ” อาแตงยิ้มบาง “ป๊าเขาอยากให้ก้องอยู่ที่นี่ อยากให้ก้องยึดบ้านหลังนี้เป็นบ้านตัวเองไม่ใช่อยู่กับอู๋”
“ทำไมผมถึงไปอยู่กับพี่อู๋ไม่ได้ในเมื่อผมรักเขา”
“ตอนนี้น่ะใช่ แต่ต่อไปในวันข้างหน้า ถ้าอู๋เขาไม่รักก้องแล้วล่ะก้องจะทำยังไง?”

อาแตงถามคำถามที่ผมเองก็ไม่สามารถตอบได้

“ป๊าเขามองในมุมของผู้ใหญ่ เขาไม่อยากให้ก้องเอาชีวิตไปผูกติดกับอู๋มากเกินไปเพราะกลัวก้องผิดหวัง กลัวว่าอู๋จะทำก้องเสียใจ ดูอย่างอาทิตย์ก่อนที่เขาให้ก้องมาอยู่กับป๊าสิ บทจะไล่ก็ไล่กันเหมือนหมูเหมือนหมา ปล่อยให้นอนตากลมตากยุงอยู่ตั้งนานไม่สนใจใยดี ในอนาคตเราก็ไม่รู้นี่ใช่ไหมว่าอู๋เขาจะคิดอย่างนั้นอีกหรือเปล่า อย่างน้อยนะ ถ้าก้องอยู่กับป๊าตั้งแต่ตอนนี้ เราคงสนิทกันมากขึ้น ผูกพันกันมากขึ้น ก้องเองก็จะได้มีภูมิคุ้มกันและรู้ว่าอู๋ไม่ใช่คนเดียวที่รักก้อง แต่เราทุกคนที่นี่รักก้องทั้งนั้น”
“จริงเหรอครับ?”
“จริงสิ มะนาวชอบก้องจะตาย แม้แต่อาม้าก็รักก้องเหมือนกัน รู้ไหมว่าตั้งแต่ป๊าหาก้องเจอ อาม้าพูดตลอดเลยว่าต้องเอาก้องมาเลี้ยงให้ได้เพราะอาม้ารู้สึกผิดที่ทำให้แม่ของก้องหนีไป แกก็เสียใจตามประสาคนเป็นย่านั่นแหละ ใครบ้างจะอยากเห็นหลานอดๆอยากๆ ยิ่งอาม้าเป็นคนมีเงิน แค่คิดว่าหลานไม่ได้กินของดีๆเหมือนตัวเองก็อกแทบไหม้แล้ว”
“แต่อาม้าเป็นคนไล่แม่กับผมไปไม่ใช่เหรอ?”
“ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้น่ะ บางทีก็เข้าใจยาก” อาแตงยิ้มแหยๆ  “แต่อาก็รู้จักก้องตั้งแต่วันแรกที่แต่งเข้าบ้านนี้นะ อาม้ากับป๊าพูดตลอดว่ามีก้องอยู่เพียงแค่หาไม่เจอ พวกน้องๆก็รู้จักก้องทั้งนั้น เขารู้ว่ามีเฮียก้องแค่ไม่เคยเห็นหน้า”
“ผมคิดมาตลอดว่าคนที่นี่ไม่ชอบผม” ผมร้องไห้ “ทุกคนดูไม่ชอบที่ผมย้ายเข้ามาในบ้านหลังนี้โดยเฉพาะหนึ่ง --”
“หนึ่งไหนเหรอ?”

อาแตงถามงงๆ ผมจึงต้องบอกเธอตามตรงว่าหนึ่งคือลูกสาวคนโต แต่ผมจำชื่อพวกเธอไม่ได้ก็เลยเรียกเป็นหมายเลขหนึ่ง สอง สาม สี่ อาแตงดูผิดหวังที่นายก้องเกียรติไม่ใส่ใจคนในครอบครัวขนาดนี้ เธอตำหนิว่าผมเองก็ตั้งกำแพงสูงแล้วหวังว่าใครจะปีนขึ้นไปหา เพราะฉะนั้นเลิกเมินเฉยทุกคนเดี๋ยวนี้เลย และจำชื่อน้องๆเอาไว้ด้วย ชมพู่ แอปเปิ้ล ส้มจีน มะนาว

“ผลไม้หมดเลย” ผมยิ้ม
“ก็อาชื่อแตง อาก็อยากให้ลูกชื่อเป็นผลไม้สิ” อาแตงหัวเราะ “ทีนี้เลิกเศร้าได้แล้วนะ เลิกคิดไปเองด้วยว่าคนบ้านนี้ไม่รัก ทุกคนเขารักก้องทั้งนั้นแหละ”
“อาแตงว่าพ่อจะทำอะไรพี่อู๋ไหมครับ?”
“แบบไหนล่ะ?”
“พ่อจะฆ่าพี่อู๋ไหม?”
“โอ๊ย – ไม่ฆ่าหรอก บ้านเรามีกฎหมายนะก้อง” อาแตงหัวเราะอีก “อีกอย่างคุยกันตรงๆก็ดี อาป๊าเขาคิดหนักมาหลายคืนแล้วว่าจะยอมให้อู๋มาเจอก้องตอนไหน จริงๆเขาไม่ว่าหรอกถ้าก้องกับอู๋คบกันแต่ขอให้มันมีขอบเขตหน่อย อย่าหยามน้ำใจอาป๊านักเลยก้องเอ๊ย อาป๊าตั้งรับไม่ทัน เดี๋ยวก็ได้หัวใจวายตายกันพอดี”

อาแตงตบไหล่ผมเบาๆก่อนจะบอกให้รีบทำกับข้าว เดี๋ยวหกโมงครึ่งอาแตงต้องไปอาบน้ำแต่งตัวให้ย่าอีก ผมพยักหน้ารับก่อนจะล้างผักเตรียมให้อาเรียบร้อย จากนั้นก็ทอดไข่เจียวสามจานตามที่อาสั่งและช่วยดูแกงจืดในหม้อระหว่างที่อาไปดูแลย่า เจ็ดโมงครึ่ง ผมกับอาแตงและชมพู่ช่วยกันยกอาหารไปวางบนโต๊ะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยผมก็ตามหาพี่อู๋พราะไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน พอเดินเข้าห้องนั่งเล่นก็เห็นเขาเอนหลับบนโซฟาน่าสงสาร ผมสะกิดพี่อู๋เบาๆให้เขาตื่นมากินข้าว กินเสร็จผมจะพาไปนอนบนห้องจะได้ไม่ต้องนั่งหลังขดหลังแข็งแบบนี้

“ไปตามอาป๊าด้วยก้อง อยู่หน้าบ้านหรือเปล่าน่ะ ไปเรียกมาเร็ว”

ผมขานตอบก่อนจะเดินออกไปชานบ้านซึ่งพ่อกำลังเทอาหารเม็ดให้หมีอยู่ ผมมองพ่อจากข้างหลังเพราะละอายใจเกินกว่าจะเผชิญหน้ากับเขาตามลำพัง แต่ดูเหมือนพ่อจะรู้ว่ามีคนแอบมอง เขาจึงค่อยๆหันมา พอเห็นว่าเป็นก้องเกียรติเขาก็เงียบและเปลี่ยนเรื่องว่ากับข้าวเสร็จแล้วเหรอ

“ครับ อาแตงเรียกให้ไปกินข้าว”

พ่อขานตอบแค่ว่าเดี๋ยวตามไปและจ้องผมอีกพักใหญ่ พ่อดูมีเรื่องอยากพูด ส่วนผมเองก็กำลังสับสนว่าจะเอายังไง ผมควรพูดอะไรกับพ่อหน่อยไหมเพื่อไม่ให้ระหว่างเราแย่ไปกว่านี้ สุดท้ายผมตัดสินใจรวบรวมความกล้าเพื่อขอโทษพ่ออีกครั้งจากใจจริง

“อืม” พ่อตอบเสียงเบาในลำคอ “อย่าทำแบบนี้อีกก็แล้วกัน”
“พ่อโกรธมากไหม?”

ผมถามตามตรงเพราะคิดว่ามันคงจะดีถ้าเราได้ระบายความในใจทุกอย่างออกไป เพื่อที่ผมกับพ่อจะได้รู้ว่าเราคิดยังไง เรารู้สึกยังไงต่อกันดีกว่าเก็บความขุ่นข้องหมองใจเอาไว้จนตาย

“เสียใจสิ เพราะก้องทำอะไรไม่คิด”
“ผมขอโทษ”
พ่อพยักหน้าและฝืนยิ้ม “ไปกินข้าวแล้วไปนอนเถอะ ยังไม่ได้นอนไม่ใช่เหรอ?”

ผมตอบว่าครับก่อนจะถามถึงพี่อู๋บ้าง ผมถามพ่อว่าเขาโอเคไหมถ้าหากเราสองคนจะคบกันต่อ พ่อเงียบไปพักใหญ่ ดูเจ็บปวดและเสียใจในเวลาเดียวกันก่อนจะบอกตามตรงว่าเขาไม่ค่อยชอบผู้ชายแบบพี่อู๋ พ่อไม่อยากให้ผมลงเอยกับคนแบบนี้

“แต่เขาดีกับผมมากเลยนะ”
“เพราะก้องรักเขาไง ถึงได้มองว่าอะไรๆก็ดีไปหมด” พ่อบอก “เอาเถอะ จะทำอะไรก็ทำ แต่คิดหน้าคิดหลังให้ดีก็แล้วกัน”

พูดจบพ่อก็เงียบเหมือนกำลังใช้ความคิด ซักพักเขาจึงพูดต่อ

“รักและให้เกียรติตัวเองบ้างนะก้อง” พ่อสอน “อย่ายอมอู๋ไปเสียทุกเรื่อง”

ผมหน้าร้อนนิดหน่อยเมื่อตีความได้ว่าประโยคที่พ่อพูดคงหมายถึงเซ็กส์ ผมไม่รู้จะบอกพ่อยังไงดีว่าที่เรามีอะไรกันไม่ใช่เพราะผมยอมทำตามความต้องการของพี่อู๋เพื่อรักหรืออะไรทำนองนั้น แต่มันเกิดขึ้นเพราะความสมัครใจของเราต่างหาก ที่ผมทำไปก็เพราะตัวเองล้วนๆ พี่อู๋ก็แค่สนองเพราะเรารักกัน

เรารักกัน – เราจึงมีเซ็กส์กัน

เรื่องมันมีแค่นี้เอง ไม่มีใครหลอกใคร ไม่มีใครบังคับใคร ถึงพูดไปพ่อคงไม่เข้าใจ ในหัวของเขาคงถูกโปรแกรมเอาไว้ว่าก้องเกียรติเป็นเด็กแสนซื่อบริสุทธ์ที่ถูกผู้ชายอายุเยอะกว่าหลอกฟัน ผมคงไม่แก้ชุดความคิดนั้นของพ่อเพราะบางที -- การเชื่อในสิ่งที่ตัวเองอยากเชื่อน่าจะเจ็บปวดน้อยกว่าการรับรู้ความจริง

พ่อมองหน้าผมอีกหน่อยก่อนจะชวนไปกินมื้อเช้า บนโต๊ะกลมที่มีสมาชิกของครอบครัวนายก้องเกียรติ วันนี้เพิ่มคนพิเศษมาอีกหนึ่งคน น่าแปลกที่ย่าไม่ตั้งคำถามว่าพี่อู๋เป็นใคร ทำไมจู่ๆถึงมากินมื้อเช้ากับเรา ผมเดาเอาว่าเสียงทะเลาะกันเมื่อเช้าคงทำให้ย่ารู้เรื่องทั้งหมดแล้ว ย่าเองอาจจะต้องทำใจยอมรับอีกพักใหญ่ แต่หวังว่าสิ่งที่ผมเป็นจะไม่ทำย่าเศร้าจนเกินไป ไม่ควรมีใครต้องเศร้าเพียงเพราะรสนิยมทางเพศของผมทั้งนั้น

เรากินข้าวด้วยกันประมาณสามสิบนาที ตลอดเวลาที่พี่อู๋นั่งร่วมโต๊ะ ผมสังเกตว่าน้องสาวของผมต่างจับจ้องเขาด้วยแววตาประหลาด มันไม่ใช่ความพิศวาสหรือหลงใหลในความหล่อหรอก แต่ชมพู่มองแบบไม่พอใจนิดหน่อยราวกับไม่ชอบที่ผมพาแฟนเข้าบ้าน ส่วนแอปเปิ้ลมองแบบผ่านๆ ไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ส้มจีนยิ่งแล้วใหญ่ มองเพราะระแวงว่าพี่อู๋จะแย่งไข่เจียวในจานไปกินคนเดียว ส่วนมะนาว – มองด้วยแววตาปิ๊งๆเหมือนเด็กตกหลุมรัก เธอมองราวกับสงสัยว่าพี่อู๋เป็นใคร ใจดีไหม ซื้อขนมให้ได้ไหม พาไปเที่ยวได้ไหม ผมเห็นเธอมองแล้วยิ้มอยู่นานจนต้องถามว่าทำไม จะเอาอะไรอีกล่ะ

“เฮียก้องกับพี่ผู้ชายพามะนาวไปซื้อไอติมได้ไหม?”
“ที่ไหน?”
“โลตัส”
“ไกลไป” ผมบอก “ค่อยไปพร้อมพ่อตอนเย็นก็แล้วกัน”

มะนาวเบ้หน้าแล้วกินข้าวจนเกลี้ยง หลังทานเสร็จผมกับชมพู่ก็ช่วยอาแตงเก็บจาน ส่วนพี่อู๋คอยเดินตามไม่ห่างเพราะทำตัวไม่ถูกเมื่อต้องอยู่ในบ้านที่มีผู้หญิงถึงหกคน หลังล้างจานและทำความสะอาดเรียบร้อย ผมก็เดินไปขอร้องพ่อให้พี่อู๋นอนหลับที่นี่ซักงีบได้ไหม พ่อดูไม่ค่อยอยากให้เขาอยู่บ้านเรานานเท่าไหร่ แต่พอเห็นสภาพพี่อู๋ที่เสื้อเปื้อนเลือดกำเดา แถมยังดูเพลียๆจนสามารถล้มนอนตรงไหนก็ได้ พ่อจึงอนุญาต ยอมให้พี่อู๋นอนพักแค่ช่วงกลางวัน พระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่เขาต้องกลับไป ห้ามนอนค้างที่นี่เด็ดขาด

พี่อู๋ยกมือไหว้ขอบคุณพ่อก่อนจะตามผมขึ้นไปชั้นสองของบ้าน ผมเดินนำเข้าไปในห้องนอน แนะนำที่วางข้าวของต่างๆและหาเสื้อผ้าให้เขาเปลี่ยน พี่อู๋หายไปอาบน้ำจัดการตัวเองแค่ห้านาทีก็กลับมาพร้อมเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงขาสั้น เขาเดินโงนเงนไปที่เตียงและล้มตัวลงนอน พอหัวถึงหมอนเขาก็หลับเลย ไม่รอให้ก้องเกียรติขึ้นไปนอนข้างๆด้วยซ้ำ

ผมต่อคิวรอชมพู่กับแอปเปิ้ลอาบน้ำไปเรียนพิเศษอยู่เกือบชั่วโมง จากนั้นก็ได้เวลาเข้านอนเพื่อพักผ่อนด้วยเช่นกัน ผมปิดม่านและดึงผ้าห่มมาคลุมตัวพี่อู๋ สีหน้าของเขาดูเหนื่อยล้าอ่อนเพลียหมดสภาพ เขาคงเหนื่อยมากเพราะเมื่อวานก็ทำงานทั้งวันแถมยังไม่ได้นอน

โถ่ -- พี่อู๋ที่น่าสงสารของผม

เหนื่อยขนาดนี้ยังอุตส่าห์ขับรถมาหาและอยู่เคลียร์กับพ่ออีก ผมรู้สึกซาบซึ้งในสิ่งที่คนรักทำจนต้องโน้มหน้าลงไปหอมแก้มเขาเบาๆ บอกเขาว่ารักนะครับ หลังจากนั้นก็เอนตัวลงนอน บนเตียงขนาดห้าฟุตอาจจะเบียดนิดหน่อยสำหรับผู้ชายตัวสูงสองคน แต่ความแคบไม่เป็นปัญหาเมื่อพี่อู๋พลิกตัวนอนตะแคงแล้วกวาดแขนโอบกอดก้องเกียรติเอาไว้แน่น หลังจากปรับเปลี่ยนท่าให้สบายตัวอยู่พักใหญ่ เราก็นอนหลับสนิทในห้องด้วยกันเป็นครั้งแรกในรอบสองสัปดาห์



TBC


__________________

#เขาบอกผมว่าไม่ใช่วันนี้


สวัสดีวันจันทร์ค่ะ :)
ขอบคุณสำหรับกำลังใจน่ารักๆที่มีให้กันมาเสมอนะคะ
เป็นอีกครั้งที่ส้มก็ยังไม่โดะแกะ แหะๆๆ แต่มันต้องมีซักวันค่ะ ซักวันนะคะ ซักวันที่ยัยน้องเป็นของพี่เค้าซะที

หวังว่านิยายตอนนี้จะทำให้คุณมีความสุขไม่มากก็น้อยนะคะ  :mew1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ร้องไห้อีกแล้ว ดุเดือดพีคทุกตอนเลย ยัยก้องเอ้ย สงสารพ่อที่ต้องมาเจอ แต่ก็นะ วัยรุ่นมันใจร้อน ถ้าพ่อมาได้ยินว่ายัยจะร่วมรักกับพี่เขาบนโต๊ะอาหารคงเป็นลมอ่ะ สู้เขา พี่อู๋ด้วย  :hao5:

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
ต้องมีซักวัน ต้องมีสักวัน.....นะก้อง

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ nut2557

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ก็เข้าใจทุกคนนะ
แต่ผมอยากให้
ก้องเล่าเรื่องของตัวเอง
ที่เจอแม่ผูกคอตายที่ราวบันได
ไม่ด้ไปสอบโอเน็ตไม่มีที่พึ่ง....
.......อะไรอีกเยอะแยะ
จนอยากฆ่าตัวตาย แล้วมาเจอพี่อู๋
ได้ช่วยไว้ ผมอย่ากรู้ความรูสึกนี้จ่ากพ่อของก้อง
อาม่าและทุกๆคน.....นะนะช่วยแต่งหน่อยนะ
อยากอ่านมากๆๆๆๆๆกำลังอิน..มากๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
โตขึ้นมาอีกนิดแล้วสินะก้อง ค่อยๆพยายามไปแล้วกัน เห็นใจแต่แกก็แรดไปนี้ดนึง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mellowshroom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 976
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
^
^
^
ชอบเม้นบน 5555 เห็นด้วยเลย


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ nonlapan

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 156
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
ถ้ามองตัวเองเป็นก้องเราคงย้ายตัวเองไปอยู่กับแม่นานแล้วอ่ะ 5555 ไปตั้งแต่พี่อู๋ไล่แล้ว เราคงไม่รู้สึกอะไรกับครอบครัวพ่อหรอก หายไปตั้งนานจะมาทำไมตอนนี้ ออกเดินทางไล่ตามไปอยู่กับแม่ดีกว่า ไม่ต้องรู้สึกอะไรอีก อินมาก   :serius2:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
คิดถึงตอนก้องพลาดพูดว่าคบกับพี่อู๋เพราะเงิน แล้ววันนั้นโดนพี่๋ทิ้งจนพ่อต้องไปรับกลับ ในความเป็นพ่อย่อมไม่ไว้ใจพี่อู๋เป็นธรรมดาแหละ วันนั้นทิ้งได้ วันต่อไปจะไม่ทิ้งลูกเขาอีกหรอกเหรอถ้าก้องเผลอทำผิดขึ้นมาอีก.... เราเข้าใจความรู้สึกพ่อนะ :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
หลายๆครั้งหลายๆตอนที่อ่าน​ นึกอยากให้ทุกคนรู้ว่าทั้งคู่เตอกันได้ยังไงในสภาพไหน​ ผ่านแต่ละวันมาได้ยังไง​ เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องเงิเรื่องเซ็ก​ซ์นะ​ ไหนจะอาการป่วยของทั้งคู่อีกที่กว่าจะรักษาให้อาการดีขึ้นได้มันไม่ง่ายะเฮ้ย​ แล้วก้องเองก็เหมือนกันที่เป็นอยู่ตอนนี้มันเหมือนว่าอาการป่วยมันยังอยู่นะพร้อมจะกลับมาได้ตลอดเวลาเลย
ฉะนั้นทุกคนควรจะต้องพูดคุยแบบเปิดอกต่อกันเถอะ​ อย่ามาบังคับกับเกณฑ์​อะไรให้กันเลย

ออฟไลน์ swanji

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ดีใจที่ได้เคลียร์กันสักที หน่วงมาก :hao5:

ออฟไลน์ PrimYJ

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3473
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-3
โอเค โล่งใจล่ะเพราะเขาเข้าใจกันแล้ว แต่ก็อยากให้พ่อก้องรู้ด้วยเช่นกันว่าที่ผ่านมาพี่อู๋ดูแลเอาใจใส่ก้องดีขนาดไหนเหมือนกัน ให้รู้ว่าทั้งหมดนั้นมันเป็นความรักของทั้งคู่จริงๆนะ ไม่ใช่อารมณ์หลงใหลของวัยรุ่นเลย อยากให้มีความสุขกันทั้งสองฝ่าย

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
ไม่รู้จะเม้นท์ไรแต่อยากเม้นท์ แง มันอธิบายไม่ถูกเหมือนมันยังไม่สุดเลย อยากให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันมากกว่านี้ นี่ชอบสองคนเค้าอยู่ด้วยกันคุยกัน มันน่ารัก ยังไงก็เอาใจช่วยนะ พ่อก็เปิดใจขึ้นแล้ว อยู่ที่ทั้งสองคนจะรักษาคสพ.นี้พิสูจน์ให้พ่อเห็นแหละ แงงง

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
พอได้อ่านตอนนี้ก็พอจะเข้าใจสิ่งที่พ่อ กับพี่อู๋ทำอยู่หน่อยๆ เพราะคนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดแหละ พี่อู๋กับก้องอาจจะทะเลาะกันอีก แต่ยังไงก้องก็ยังมีพ่อ  ถึงอย่างนั้นก็อยากให้พี่อู๋เวลามีปัญหาอะไรก็ค่อยๆพูดกันแบบวันนี้เนอะ งั้นไงก็ขอให้พ่อใจอ่อนไวๆและก้องก็เเข้าใจความเป็นผู้ใหญ่ไวๆละกัน เหอๆ

เป็นกำลังใจให้ค่ะ :กอด1:


ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
สงสารหมูอู๋มากกกกกกกๆๆๆ เราสงสารพี่อู๋มากกว่าพ่อก้องนะ
น้องก้องคอนนี้แรดไปนะลูกก 555 เราว่าตอนนี้ก้องผิดจริงๆแหละที่ทำอะไรไม่คิด แต่ก็เข้าใจน้องนะ ไม่ได้เจอพี่อู๋นานจนลืมคิด และทำอะไรโดยขาดสติไป น้องได้บทเรียนแล้ว คิดไเแล้ว ครอบครัวก้องดูไม่ชอบพี่อู๋มากๆ คำว่า คนแบบนั้น มันฟังเหมือนพี่อู๋เป็นคนเลวมาก
เราว่าเรื่องที่พี่อู๋ไล่ก้องมันดูมีอะไรมากกว่านั้น ไม่รู้สิ มันดูใจร้ายเกินไปมากๆ อย่างน้อยๆก็น่าจะฟังเหตุผลสักนิด เคลียร์กันสักหน่อย แต่นี่คือตัดขาดกันโดยไม่ฟังอะไรเลย มันแปลกเกินไป พี่อู๋คือไม่ใช่เด็กแล้ว เลยคิดว่าคงมีอะไรสักอย่างที่ทำให้ตัดสินใจแบบนั้น พี่อู๋ดูมีอะไรในใจนะ  คล้ายกับมีอะไรที่ไม่ได้พูดออกมา พี่อู๋ก็รักและคิดถึงก้องมาก ก่อนหน้านี้ก็เหมือนฝืนใจที่ต้องตัดขาดกัน
ป.ล.เราชอบอาแตงมากเลย เขาใจเย็น เข้าใจความรู้สึกคนอื่น ใจดี และมีเหตุผล
ป.ล.2 แอบฮาส้มจีน ระแวงว่าพี่อู๋จะแย่งไข่เจียว :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-10-2019 02:29:29 โดย rockiidixon666 »

ออฟไลน์ palette_burgundy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 79
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :mew6:
คิดไม่ออกว่าจะพิมพ์อะไรดี เอาเป็นว่าติดตามนะครับ ให้กำลังใจคุณคนเขียน รอข่าวรวมเล่มนะครับ
แปะเพลงไว้ให้เป็นกำลังใจนะครับ ผมว่าก้องเหมาะกับเพลงนี้มากๆ Kacey Musgraves - Happy & Sad

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด