เจ้าป่า
บทที่ 5
“เคน เราไปถามคนขายกันเถอะ ว่าเขาได้รูปนี้มาจากไหน”
“เฮ้ย มิเกล เดี๋ยวสิวะ”
พูดจบมิเกลก็วิ่งกลับเข้าไปในแกลลอรี่รวมทั้งหอบหิ้วกรอบรูปที่ด้านในมีลายเส้นคุ้นตาเข้าไปด้วย ส่วนเคนได้แต่วิ่งตามไปด้วยความสงสัย มิเกลนำภาพนั้นไปวางไว้บนโต๊ะของชายสูงวัยคนหนึ่งที่นั่งอยู่เพียงคนเดียวและเอ่ยถามทันที
“ขอโทษนะครับ ผมอยากรู้ว่าจิตรกรคนนี้เขาชื่ออะไรและอยู่ที่ไหน”
“ผมตอบไม่ได้หรอกพ่อหนุ่ม ผมเป็นแค่คนดูแลแกลลอรี่เท่านั้น และไม่มีใครรู้ว่าคนวาดรูปเป็นใครนอกจากชื่อในวงการว่าลีโอน่า”
คำตอบของชายชราทำให้มิเกลใจเสีย แต่เขาก็ยังไม่ละความพยายาม
“ได้โปรดเถิดครับ ผมจำฝีมือการวาดแบบนี้ได้ ช่างเหมือนคนสำคัญของผมเหลือเกิน ได้โปรดบอกผมเถอะ”
“โธ่ ลุง เพื่อนผมมันอ้อนวอนขนาดนี้แล้ว ลุงก็ช่วยบอกมันไปเถอะน่า จะลึกลับอะไรขนาดนั้นกันนะ”
“ไม่ได้”
ไม่ใช่เสียงของผู้สูงวัยที่มีสีหน้าลำบากใจ หากแต่เป็นอีกเสียงที่ดังมาจากห้องอีกห้องหนึ่งที่อยู่ถัดไป เจ้าของเสียงเป็นบุรุษอายุราวๆสามสิบปี เขาเดินเข้าสู่วงสนทนาด้วยสีหน้าไม่พอใจนัก เมื่อเดินมาถึงชายสูงอายุก็รีบลุกขึ้นยืนพลางค้อมศีรษะให้ก่อนเดินแยกจากไป
“ผมชื่อไทเลอร์ ฮิวจ์ เป็นเจ้าของแกลลอรี่ที่นี่”
เสียงแนะนำตัวยังห้วนจนเคนไม่ค่อยพอใจนัก เขาดึงแขนมิเกลมากระซิบข้างหู
“มิเกล กลับกันเหอะ เจ้าของแม่งหน้าอย่างโหด เขาไม่ตอบเราหรอก”
มิเกลใจเสียแต่เขาอยากจะลองอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มส่งสายตาอ้อนวอนกลับไป
“ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณไทเลอร์ ผมชื่อมิเกล อาร์มันโด ขอโทษที่ทำให้คุณไม่พอใจแต่ว่าเทคนิคการวาดรูปแบบนี้ทำให้ผมคิดถึงแม่เลี้ยงของผมที่เกิดอุบัติเหตุรถตกเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนและเขาหายสาบสูญไป เมื่อผมเห็นแล้วผมจึงสงสัยว่าเป็นแม่เลี้ยงของผม หากคุณทราบว่าจิตรกรผู้นี้เป็นใครช่วยบอกผมด้วยเถิดครับ”
เหตุผลของมิเกลทำให้สีหน้าของไทเลอร์คลายขุ่นข้องลงไปบ้าง แต่กระนั้นคำตอบของเขาก็ไม่ได้ทำให้มิเกลใจชื้นขึ้นมาเลย
“ต่อให้เหตุผลของคุณดีแค่ไหนผมก็คงช่วยคุณไม่ได้ เพราะผมเองก็แค่รับฝากงานมาขายเท่านั้น โดยมีนายหน้ามาส่งงานหลายทอดอยู่ จนไม่อาจรู้ได้ว่าแท้จริงแล้วจิตรกรคนนี้อาศัยอยู่ที่ไหน”
สีหน้าของมิเกลหมองลง ความหวังที่เพิ่งถูกจุดขึ้นมาพลันดับลงไปในชั่วพริบตา ไทเลอร์มองเห็นแล้วจึงเอ่ยขึ้นมา
“อาจจะช่วยไม่ได้มากนัก แต่มีข้อมูลเดียวเท่านั้นว่าภาพทั้งหลายของจิตกรที่ใช้ชื่อว่าลีโอน่ามาจากเขตเวสต์ทาวน์ ผมคงช่วยคุณได้แค่นี้”
มิเกลฝืนยิ้ม อย่างน้อยก็ยังได้เบาะแสมาบ้าง
“ขอบคุณนะครับ เคน กลับกันเถอะ”
ไทเลอร์ ฮิวจ์มองตามหลังชายหนุ่มทั้งสองที่ยกกรอบรูปกลับไปที่รถด้านนอก เมื่อเห็นว่ารถยนต์คันนั้นขับออกไปจากหน้าแกลลอรี่ เขาก็เดินไปที่โทรศัพท์ของออฟฟิศแล้วโทรหาปลายทาง
“สวัสดีครับคุณอาโทนี่” เขาทักทายเมื่ออีกฝั่งรับโทรศัพท์ “มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาถามหาเจ้าของภาพวาดที่คุณอาฝากผมขาย เขาอ้างว่าเทคนิคการวาดของลีโอน่าเหมือนแม่เลี้ยงของเขาที่เกิดอุบัติเหตุรถตกเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน ครับ ไม่เป็นไร ยินดีครับ”
ไทเลอร์โทรไปหาโทนี่ คนที่ฝากเขาขายรูปเหล่านี้ ศิลปินที่ใช้นามว่าลีโอน่ามีผลงานไม่มากนัก ตกปีละสองถึงสามชิ้นเท่านั้น ระยะแรกที่ชื่อเสียงยังไม่โด่งดังราคาขายก็ยังไม่แพงนัก แต่เมื่อเริ่มมีชื่อเสียงในช่วงหลังมูลค่าของผลงานจึงเริ่มแพงมากขึ้น แม้แต่ไทเลอร์เองที่เป็นทั้งจิตรกรและเจ้าของแกลลอรี่ก็ยังไม่เคยมีใครเคยเห็นศิลปินลึกลับแม้แต่คนเดียว
มิเกล อาร์มันโดกลับถึงบ้านแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เลิกครุ่นคิดถึงจิตรกรนามว่าลีโอน่า ข้อมูลเพียงอย่างเดียวว่าภาพวาดของเขามาจากเวสต์ทาวน์ทำให้มิเกลกลับมามีความหวังอีกครั้ง แต่การครุ่นคิดของเขากลับหยุดลงเมื่อกำลังจะเดินผ่านห้องของบิดากับภรรยาคนใหม่ ประตูที่ปิดไม่สนิททำให้บทสนทนาเล็ดลอดออกมา มิเกลจะไม่สนใจเลยถ้าในบทสนทนาไม่ได้มีเขาอยู่ด้วย มิเกลจึงหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เงี่ยหูฟังสิ่งที่บุคคลภายในห้องกำลังพูดคุยกันอยู่
“ฉันบอกคุณแล้วว่าอย่าเพิ่งขยายขนาดโรงงานคุณก็ไม่เชื่อ เป็นไงล่ะทุ่มเงินลงทุนไปมันจะได้กลับมาไหม”
เสียงแอมเบอร์ตวาดใส่สามี มิเกลเดาได้ว่าหล่อนต้องเท้าเอวเชิดหน้าขณะพูดแน่นอน
“ก็ใครมันจะไปรู้เล่าว่ารัฐบาลมันจะห่วยแตกจนนักลงทุนหนีไปหมด”
พอล อาร์มันโดบิดาของมิเกลส่งเสียงดังโต้กลับ เครียดอยู่ไม่น้อยเพราะพิษเศรษฐกิจที่กำลังผันผวนจนเงินที่ลงทุนไปแล้วอาจจะไม่ได้รับกลับคืน เมื่อเจอเสียงแข็งของพอล แอมเบอร์ก็ต้องยอมอ่อนข้อ
“นี่ คุณ ฉันรู้มาว่ารัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์คนนี้เป็นอัลฟ่านะ คุณลองส่งมิเกลไปทำความรู้จักกับท่านสิ”
พอลชะงัก เขามองแอมเบอร์อย่างรู้ทัน
“เธอจะให้ฉันส่งลูกไปให้ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นเหรอแอมเบอร์ นี่มันขายลูกกินชัดๆ”
แอมเบอร์ชักสีหน้าส่งเสียงกระฟัดกระเฟียด
“แล้วจะเก็บมันเอาไว้บูชาเหรอ วันๆทำแต่อะไรก็ไม่รู้ เพาะเนื้อเยื่อต้นไม้ไร้สาระ แทนที่จะมาช่วยกันทำงานให้เงินมันงอกเงย อีกอย่างนะ ฉันก็ไม่ได้จะให้คุณขายลูกกินสักหน่อย แค่พาไปแนะนำให้รู้จักกับท่านรัฐมนตรีไว้ แต่ถ้าท่านชอบก็ค่อยว่ากัน แหม ทำอย่างกับคุณรักลูกมากมายอย่างนั้นแหละ ก็แค่ลูกเมียเก่า อย่าทำตัวเป็นพ่อดีเด่นนักเลยน่า”
มิเกลขอบตารื้นด้วยความน้อยใจ เขารีบเดินกลับห้องก่อนที่พ่อและแม่เลี้ยงจะรู้ว่าเขาได้ยินบทสนทนา ชายหนุ่มเปิดคอมพิวเตอร์ของเขาก่อนจะหาข่าวในอดีตเพราะตอนที่ดีแลนตกเขามิเกลยังเด็กมากจนจำไม่ได้ว่าเรื่องเกิดขึ้นที่ไหน ดวงตาหวานเปิดกว้างเมื่อเปิดข่าวแล้วพบว่าสถานที่ที่รถยนต์ของดีแลนตกลงไปในหุบเหวนั้นอยู่ในเขตเวสต์ทาวน์
อะไรจะพอดีกันขนาดนี้!
บริเวณนั้นเป็นเขตของอุทยานแห่งชาติที่มีป่าหนาทึบบริเวณกว้าง และเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่มีให้นักศึกษาวิชาพฤกษศาสตร์ชั้นปีสุดท้ายไปเก็บข้อมูลสำหรับงานวิจัยก่อนเรียนจบ มิเกลคว้าโทรศัพท์มากดโทรไปหาเคนทันที
“เคน ตัดสินใจหรือยังว่าจะไปเก็บข้อมูลงานวิจัยที่ไหน เราไปที่อุทยานแห่งชาติเขตเวสต์ทาวน์กันเถอะ”
มีต่ออีกนิด....