S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง [ บทพิเศษ : 4/4/2019 ] หน้า 10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง [ บทพิเศษ : 4/4/2019 ] หน้า 10  (อ่าน 31479 ครั้ง)

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
น้องปองงงง พี่หยามมมมม :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
สมหยัม

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 49 ช่วงเวลาพิเศษ



"อื้อออ.อ....อย่ายุ่ง"

สมปองจะนอน

"ตื่นได้แล้ว"

ตื่นหน้ามึงอะ

"อื้อ.อ.อ....." ผมพลิกตัวหนีก่อนจะซุกเข้ากับหมอนข้าง "จะนอน"

"เช้าแล้วนะ ตื่นได้แล้ว"

ผมลืมตามองท้องฟ้าด้านนอกที่ยังมืดสนิทก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มากดดูเวลา "เพิ่งตี 5 พี่สยาม มึงอย่ามามโนว่ะ"

ตบให้หลับลืมโลกเลยหนิ

"ตื่นเร็วววว" พี่สยามขยับขึ้นมาก่ายตัวผม ก่อนจะกดจมูกลงคลอเคลียอยู่ข้างแก้ม ".....ที่รักครับ"

หึ....ไอ้นี่มันร้าย

"อื้อออ.อ....หนัก มึงต้องให้กูนอนต่อนะที่รัก กูง่วง" ผมบ่นอู้อี้ ตาก็ยังปิดอยู่ ทำไมจะต้องมาโดนก่อกวนตอนตี 5 ของวันที่อากาศดีแบบนี้ด้วยวะ

นี่ไม่ติดว่ามึงเป็นแฟนกูนะพี่สยาม....มึงโดนเนรเทศไปคอกม้าแล้ว

ผมนอนนิ่งๆ บ่อยให้คนหื่นกามทำตามอำเภอใจ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจะยุ่มย่ามกับผมตั้งแต่เช้ามืดแบบนี้ คึกอะไรวะ ผมว่าที่มันร่าเริงแต่เช้าแบบนี้น่าจะเป็นเพราะว่ามันกำลังจะหายดีแน่ๆ พี่สยามกบดานอยู่ในห้องผมตั้ง 2 วันแบบไม่ได้ออกไปไหนเลยเพื่อพักรอแผลหาย เอาจริงๆ ผมเป็นคนสั่งมันเองแหละ ใจก็อยากให้มันหายดีก่อนไงจะได้พาไปทัวร์ไร่แบบไม่ต้องเป็นห่วง

ไงล่ะ....โคตรแฟนที่ดี

2 วันมานี้ไม่มีใครมาวอแวผมเลยนะซึ่งมันก็เป็นเรื่องดี มีแต่ผมเนี่ยะไปวอแวชาวบ้านโดยเฉพาะพ่อกับณนนท์ เมื่อวานไปป่วนในไร่มาครับ แอบขโมยองุ่นมาให้พี่สยามได้พวงนึงด้วย พี่มันก็ดูชอบใจกับองุ่นนั่นมากเลยนะ กินหมดพวงเหมือนเด็กที่ไม่เคยกินองุ่นมาก่อนยังไงอย่างงั้น แถมหน้าตอนกินแม่งโคตรคิ้วท์เลย

ผมถ่ายรูปไว้เต็มโทรศัพท์เลยอะ

เดี๋ยวเอาไว้ไปลงเฟซบุ๊ก

จะว่าไป....วันนี้ผมมีนัดกินข้าวเช้ากับพ่อแม่ด้วยนะตอน 7 โมง ที่พี่สยามมันตื่นเร็วก็อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้ก็ได้มั้ง แต่แหม่ มันจะตื่นไวไปไหมล่ะโว้ย เหลือเวลานอนอีกตั้งพักนึงแน่ะ สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดหน้าอยู่ผมจึงลืมตาขึ้นมามองก็พบกับหน้าของพี่สยามที่มองผมอยู่นิ่งๆ มือเรียวเลื่อนขึ้นมาเขี่ยผมที่ปรกหน้าผมออกก่อนจะยิ้มบางๆ ให้

ตึกตัก

อา....ใจเต้นแรงเฉยเลยว่ะ

ผมยกมือขึ้นไปกุมแก้มขาวของพี่สยามไว้พลางไล่มองหน้ามันอยู่แบบนั้น เหมือนห่างช่วงเวลานี้มานานเลยนะ ช่วงเวลาที่ตื่นมาแล้วได้เจอหน้ากัน ได้มองหน้ากันแบบนี้น่ะ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงจะปล่อยให้เรื่องพวกนั้นเกิดขึ้นอยู่ดีแหละ เพราะว่าหลายๆ บทเรียนที่เราได้รับจากตรงนั้นมันก็คุ้มค่าที่จะเอามาสอนเราให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในวันข้างหน้าได้อะ

ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดอะไร

ผมคงไม่ต้องหวั่นใจแล้วล่ะ

"สมปอง"

"....หืม"

"หน้ามึงดูบวมๆ ขึ้นนะ"

ผมบีบแก้มมันจนปากจู๋ "มึงอยากตายหรอห้ะ พูดแบบนี้"

"ก็พูดจริงนี่นา" พี่สยามยิ้มหวานก่อนจะจูบขมับผม "อยู่บ้านนี่กินเยอะน่าดูเลยสิ"

"กับข้าวแม่อร่อยนี่หว่า" ผมบ่นอุบอิบก่อนจะเลิกคิ้วมองพี่สยาม "ทำไม ถ้ากูอ้วนขึ้นแล้วมึงจะไม่รักกูรึไง"

"ไม่เคยพูดแบบนั้นเลย กูนี่รักใครก็ดูหน้าตาก่อนนะ ไม่ได้ดูที่เค้าอ้วนไม่อ้วน"

เดี๋ยวนะ....มันน่าจะดูที่จิตใจป้ะวะ

"พี่สยาม มึงรักกูที่หน้าตาหรอ"

"ก็....ใช่ มันก็ต้องใช่สิ เจอมึงครั้งแรกก็เห็นหน้าก่อน พอรู้ตัวว่าสนใจก็ตามยุ่งไง ทำไมอะ"

"กูนึกว่ามึงจะพูดทำซึ้งแบบ รักกูที่จิตใจอะไรงี้"

"โถ่เมีย ใครมันจะรู้ว่าจิตใจของคนอื่นเป็นไงถ้าไม่รู้จักกันก่อนจริงไหม อีกอย่างคือกูเห็นหน้ามึงก่อนจริงๆ อะ กูพูดไม่เข้าใจหรอ"

ผมส่ายหัวเบาๆ "ไม่อะ"

"งั้นช่างมันเถอะ กูพูดไม่ค่อยเก่งไง" ว่าแล้วมันก็จูบปากผมหนักๆ ทีนึงก่อนจะยิ้มหวาน "แต่รักหมดใจนะครับ"

"ไม่ต้องเลยไอ้บ้า คิดว่าตัวเองเป็นพี่กวาง เอบีนอมอลหรอวะ" ผมพลิกตัวหันหนีมัน ได้ยินเสียงหัวเราะของพี่สยามดังอยู่ข้างหู มันน่าทุบซะจริง

พรุ่งนี้ผมกับพี่สยามต้องกลับกรุงเทพฯ แล้วครับเพราะว่าวันมะรืนนี้ก็เปิดเรียนแล้ว อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะรับน้องแล้วด้วย แก๊งค์ประธานสันฯ คงหัวปั่นน่าดูเลยล่ะ ผมรู้มาว่าการรับน้องของวิศวะฯ เนี่ยะจะมีประเพณีวิ่งเกียร์ คือต้องวิ่งรอบมหา'ลัย 2 รอบ แล้วมหา'ลัยผมโคตรใหญ่ วิ่ง 2 รอบนี่ก็คงหนักเอาการเลยล่ะ

ต้องสู้นะปองนะ

พวกรุ่นพี่เขายังผ่านไปได้เลย ทำไมรุ่นพวกผมจะทำไม่ได้ล่ะจริงไหม ช่วงก่อนรับน้องผมไม่มีงานคณะต้องรับผิดชอบอะไรมากมายด้วย เนี่ยะ เดี๋ยวซ้อมวิ่งทุกวันเลย ถือว่าออกกำลังและก็ซ้อมความฟิตไปในตัว วันที่วิ่งจริงผมจะได้แข็งแกร่ง รู้สึกว่าพอวิ่งเสร็จเนี่ยะ ตอนเย็นก็จะเป็นพิธีบายศรีฯ แล้วก็มอบเกียร์

เกียร์ของคณะวิศวะฯ

"พี่สยาม" ผมพลิกตัวหันมามองมัน "กูถามอะไรหน่อยสิ"

"....ว่ามา"

"เกียร์มึงอยู่ไหนอะ"

"อ๋อ ไม่รู้ดิ"

ผมมองมันตาโต "ไม่รู้ได้ด้วยหรอวะ"

"กูจำไม่ได้แล้วว่าเอาไปเก็บไว้ไหน มึงถามทำไมอะ"

"ก็แค่อยากรู้เฉยๆ " เหมือนจะได้ยินมาว่าเด็กวิศวะฯ ส่วนมากจะดูแลรักษาเกียร์ของตัวอย่างดีเพราะว่ามันเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นของแทนใจ สงสัยผมจะเข้าใจผิดไปเอง หรือไม่ก็....

แค่พี่สยามนี่แหละที่ไม่เป็นแบบคนอื่น

ผมเห็นลันตาสวมสร้อยที่มีจี้เกียร์อยู่ติดคอตลอดเวลาเลยนะ ดูก็รู้แหละว่ามันเป็นของพี่ทะเล เด็กวิศวะฯ ส่วนมากนี่จะให้เกียร์กับคนที่ตัวเองรักเพราะมันเปรียบเสมือนหัวใจนี่นะ แล้วนี่ถ้าผมได้เกียร์มาผมต้องให้มันกับพี่สยามไหม แต่ตัวมันก็ยังไม่รู้เลยนะว่าเกียร์ตัวเองอยู่ไหน แล้วดูทรงแล้วก็ไม่ได้คิดที่จะให้ผมด้วย เพราะถ้าจะให้....ก็คงไปหามาให้นานแล้ว

นี่ต้องเศร้าไหม

เอาจริงๆ อะไรที่มันเป็นสิ่งของเนี่ยะ สำหรับผมมันไม่สำคัญเท่าการกระทำกับความรู้สึกที่มีให้กันหรอก ตราบใดที่มันยังทำตัวเป็นแฟนที่ดี เกียร์ไม่ต้องมีให้ผมก็ได้ ส่วนเกียร์ที่ผมจะได้มานั้นเดี๋ยวขอคิดดูก่อนว่าจะยังไงดี ผมกลัวว่าให้ไปแล้วมันจะเอาไปวางไว้ตรงไหนก็ไม่รู้ ถ้าเป็นแบบนั้นนี่ผมจะทุบมันให้ตายกันไปข้างนึงเลยคอยดู

"อย่ามาวางแผนฆ่ากูในใจ"

อย่ามาทำเป็นรู้ได้ไหมล่ะโว้ยยยย



[บันทึกพิเศษ : สยาม]



"ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้นล่ะ"

"มึงไม่ต้องงงง"

"กูยังไม่ทันทำอะไรเลย"

"มึงไม่ต้องพี่สยาม มึงมีความลับกับกูอีกแล้ว กูโป้ง"

"ก็พ่อมึงสั่งว่าไม่ให้บอก" ผมขยี้หัวคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างหมั่นเขี้ยว "อยากรู้ก็ไปถามพ่อเอาสิ"

"เค้าไม่บอกกูหรอก หื้ออ.ออ....อย่าเผลอนะ กูจะง้างปากมึงให้พูดออกมาให้ได้เลยคอยดู" สมปองทำมุ่ยใส่ผมก่อนจะเดินสะบัดไปอีกทาง

น่ารักชะมัด

ผมเดินตามน้องต้อยๆ พลางมองไร่องุ่นที่อยู่รายล้อม ตอนนี้เกือบ 10 โมงแล้วครับ ผมกับสมปองมาเที่ยวเล่นในไร่กัน วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้อยู่ที่นี่ แผลจากการยิงของผมก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บแล้วล่ะ เมื่อเช้าก่อนที่จะมาที่นี่ผมก็กินข้าวร่วมกับครอบครัวน้องมา ขอบอกเลยว่าโคตรบันเทิง แม่ปองใจดีกับผมมาก ส่วนฝ่ายพ่อก็ยังคงทำเก๊กใส่ผมอยู่ แต่เอาจริงๆ ที่เขาทำแบบนั้นเพราะอยากแกล้งลูกชายตัวเองมากกว่า

แถมแกล้งได้สำเร็จด้วยนะ

ก่อนที่จะออกมาที่ไร่นี่พ่อปองเรียกผมไปเพื่อบอกว่าหลังจากนี้ให้ดูแลน้องให้ดี ให้อดทนกับเขามากๆ ไม่ว่าจะกับเรื่องอะไร ถ้าปองดื้อใส่มากไปก็มาฟ้องได้เลย เดี๋ยวเขาจัดการให้เอง อีกอย่างคือกำชับกับผมเลยว่าห้ามทำให้สมปองเสียใจหรือร้องไห้อีกเด็ดขาด ไม่งั้นเขาจะเชือดผมทิ้งแล้วจับมาทำปุ๋ยใส่องุ่นในไร่ซะ

มันก็ประมาณนี้แหละครับ

เนี่ยะ ถ้าผมบอกเรื่องนี้กับสมปองนะ เจ้าตัวต้องไปโวยวายใส่พ่อแน่ๆ ก็นะ เขาเป็นคนแบบนั้นหนิ สิ่งที่พ่อปองพูดออกมาผมก็ให้สัญญากับเขาไปแล้วนะว่าจะทำให้ได้ตามนั้น ผมคิดว่าตัวเองทำได้อยู่แล้วแหละ ไม่ได้รู้อนาคตหรอกนะแต่ว่ารู้ตัวเองไง เรื่องของแซนด์น่ะ มันเป็นสิ่งเตือนความจำผมเลยว่าจะให้เป็นแบบนั้นอีกไม่ได้

ผมจะทำให้สมปองเสียใจอีกไม่ได้จริงๆ

"มึงเด็ดองุ่นมากินแบบนั้นเลยได้หรอปอง"

"ก็ไม่ได้หรอก แต่จะกิน" เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะส่งองุ่นมาให้ผม "เอาไป ของดีเลยนะน่ะ"

"มึงนี่มันจริงๆ เลยนะ"

"กูมันทำไมห้ะ" มือเรียวดึงเสื้อผมอย่างเรื่อง

ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ก่อนจะยิ้มหวานให้ "....น่ารัก"

"เรื่องนั้นกูรู้ตัวเองมั้งเถอะ นี่คนคิ้วท์แห่งโยธานะ ตำแหน่งนี้ได้มายังไงกูยังงงใจตัวเองเลย" น้องบ่นก่อนจะลากผมให้เดินตามไปเรื่อยๆ

"คนเค้าเห็นมึงน่ารักไง เค้าก็เลยยกตำแหน่งคนคิ้วท์แห่งโยธาให้ มันไม่ได้ได้มาง่ายๆ นะปอง"

"คนตั้งก็ไม่ได้ถามกูเลยสักคำอะนะ" เจ้าตัวยัดองุ่นใส่ปากก่อนจะหันมองผม "ไปดูสมหยัมกัน"

"ลูกม้าน่ะนะ"

"ใช่ ตามกูมา" สิ้นเสียงสมปองก็เดินนำไปทางคอกม้า ทางเดียวกับวันที่พาผมวิ่งหนีพ่อตัวเองนั่นแหละ

ผมชอบบ้านของปองนะ ชอบบรรยากาศที่นี่ ชอบแทบทุกอย่าง เห็นที่นี่แล้วนึกถึงบ้านตัวเองที่ลำปางเลย บ้านผมเองก็เป็นบ้านสวนเหมือนกัน สภาพแวดล้อมก็จะไม่ได้ต่างจากที่นี่เท่าไหร่ ที่บ้านผมเนี่ยะจะทำสวนมะม่วงน้ำดอกไม้ครับ มะม่วงที่บ้านนี่โคตรอร่อยอะ หวานฉ่ำ นึกแล้วก็อยากให้ถึงหน้ามะม่วงออกเร็วๆ ผมว่าจะพาน้องไปบ้านผมช่วงนั้นแหละ

เจ้าตัวคงชอบใจน่าดู

สมปองเดินนำผมมาจนถึงคอกม้าก่อนจะเข้าไปทักทายกับเจ้าม้าทั้งหลายในคอกอย่างสนิทชิดเชื้อ ผมเห็นมีม้าตัวใหญ่อยู่ 4 ตัวแล้วก็มีเจ้าตัวเปี๊ยกอีกตัวนึง นั่นคงจะเป็นสมหยัมที่น้องพูดถึงสินะ ถือว่าเป็นม้าที่สวยเลยนะครับ ลักษณะก็ดูดีแถมขนยังขาวสะอาดไปทั้งตัว

สมปองจูงลูกม้าตัวนั้นเข้ามาใกล้ผม "นี่ไงพ่อมึง ดูหน้ามันไว้ซะสมหยัม"

"หน้าเหมือนมึงเลยนะเนี่ย" ผมลูบหัวสมหยัมเบาๆ มันดูเชื่องมากเลยนะ ตอนแรกผมหวั่นๆ ด้วยว่าจะโดนมันทำอะไรรึเปล่า เอาจริงๆ ผมเป็นคนที่กลัวม้าในระดับนึงเลยนะ แต่แบบนี้คงจะไม่เป็นไร

"มึงว่ากูหน้าเหมือนม้าหรอพี่สยาม ไอ้บ้า" เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยใส่ผม พอเห็นแบบนั้นก็อดไม่ที่จะหยิกแก้มขาวๆ นั่น

"มึงพูดเองทั้งนั้น"

"อื้ออ.อ.อ....ลูบหัวม้าแล้วยังมาบีบแก้มกูอีก"

"ทำไมวันนี้มึงขี้บ่นจังหืม" ผมรั้งเอวสมปองมาใกล้ "โน่นก็บ่น นี่ก็บ่น"

"ทำไม กูบ่นไม่ได้รึไง"

"ขี้บ่นไม่พอ ยังคิดเองเออเองอีก มึงนี่นะ" ผมงับหัวน้องเบาๆ เพื่อเป็นการลงโทษ ไม่รู้ทำไมเดี๋ยวนี้ถึงได้เถียงเก่งนัก ไม่สิ ก็เถียงเก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่หว่า

แค่ช่วงนี้เก่งเป็นพิเศษ

"อย่างับหัวสิ" มือเรียวตีผมแรงๆ "เหมือนสมหยัมจะชอบมึงนะ"

"หึงไหม"

น้องหันขวับมองผมทันที "นี่มันม้า กูจะหึงทำไมล่ะ มึงก็ติ๊งต๊อง"

"แล้วถ้าเป็นคนอะ"

"ไม่รู้คำตอบหรอว่าจะหึงหรือไม่หึง"

"ไม่รู้สิ" ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกชนกับคนตรงหน้า "ช่วยตอบให้ชื่นใจหน่อยสิครับ"

ริมฝีปากบางเลื่อนเข้ามาจูบปากผมเบาๆ ก่อนจะละออกไปแล้วยกยิ้มให้ "....นั่นแหละคำตอบ" ว่าแล้วเจ้าตัวก็เดินหนีไปทันที

นี่มัน....ร้ายจริงๆ เลยนะ

ผมอมยิ้มให้กับการกระทำของน้องก่อนจะเดินตามหลังมาเงียบๆ เมื่อกี้นี่ใจเต้นตึกตักๆ เลยว่ะ ไม่คิดว่าปองจะทำอะไรแบบนั้นไง เดี๋ยวนี้ชักพัฒนาใหญ่แล้ว พอเป็นแบบนี้แล้วย้อนกลับไปนึกถึงสมัยก่อนที่ดูไม่ประสีประสากับเรื่องพรรค์นี้เลยมันก็ดูตลกเหมือนกันนะ แถมตอนนั้นยังตามผมไม่ทันเลยสักนิด แต่เดี๋ยวนี้นี่เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว

ติดจากผมไปเยอะก็เงี้ยะ

ผมเดินตามน้องมาสักพักใหญ่ๆ จนมาถึงน้ำตก ตอนแรกผมนึกว่าจะพาหลงป่าซะละ ไม่นึกเลยว่าจะมีน้ำตกอยู่ในไร่ด้วย น้ำตกนี่สวยมากเลยนะครับ น้ำโคตรใสอะ ผมว่าที่น้ำมันใสมากแบบนี้อาจเพราะไม่มีคนเข้ามาเล่นด้วยละมั้ง สมปองนั่งลงที่โขดหินใหญ่ พอเห็นแบบนั้นผมก็เดินไปนั่งซ้อนด้านหลังเขา คนตัวเล็กกว่าเอนตัวพิงผมไว้

"ตั้งแต่กลับมาบ้านครั้งก่อน กูก็อยากจะพามึงมาที่นี่ตลอดเลย" น้องเหลือบมองผมก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ "มันสวยแบบที่กูบอกมึงไว้ เห็นไหม"

"เห็นแล้ว เชื่อแล้วว่ามันสวยจริงๆ "

"ครั้งก่อนที่กูมาอะ กูคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้เต็มไปหมดเลยนะพี่สยาม ตอนแรกกูกลัวว่าครอบครัวกูจะไม่ยอมรับมึง กูกลัวพวกเค้ารับไม่ได้ แต่ตอนนี้กูก็ได้รู้แล้วล่ะนะว่ามันไม่ได้เป็นเรื่องร้ายๆ แบบที่กูคิดขนาดนั้น นับว่าโชคดีจริงๆ "

"ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วนะ หลังจากนี้กูจะมานั่งดูน้ำตกกับมึงบ่อยๆ โดยที่มึงไม่ต้องหวั่นใจอะไรอีกแล้ว"

"ขอบคุณนะพี่สยาม" น้องหันมาหอมแก้มผมดังฟอด แหม่ ทำตัวน่าฟัดอีกละ ไว้แขนหายก่อนเถอะนะปองนะ

ไม่รอดแน่

"กูมีความสุขนะปองที่ได้อยู่กับมึงตรงนี้น่ะ" ผมเลื่อนมือไปกุมมือเรียวไว้ "อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ"

น้องยกมือผมขึ้นไปจุ๊บเบาๆ "เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว รักมึงขนาดนี้ เรื่องที่กูจะหายไปจากชีวิตก็เลิกคิดไปได้เลยพี่สยาม"

ตึกตัก

คำพูดคำจานี่มันน่า....

"ทำไมพูดอะไรแบบนี้เก่ง"

"อะไรที่ว่าเก่ง"

"พูดจาให้กูใจสั่น"

"นี่กูยังเก่งไม่ได้ครึ่งมึงเลยนะพี่สยาม" สมปองบีบจมูกผมอย่างหมั่นเขี้ยว "เรื่องพูดจาให้ใจสั่นน่ะ ไม่มีใครเก่งกว่ามึงอีกแล้ว.....แค่มึงจริงๆ "

งั้นเหรอ....

ผมกระซิบข้างหูน้องเบาๆ "พี่รักปองนะ"

"อื้ออ.อ.อ.อ.....พี่สยามมมม มึงขี้โกง" เจ้าตัวโวยวายก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่ผม ฮ่าๆ ๆ ๆ น่ารักว่ะ เนี่ยะ ทำตัวแบบเนี้ยะผมจะไปไหนรอดวะ

ยอมแล้ว....ยอมทั้งชีวิตเลย

ผมจุ๊บหัวน้องเบาๆ พลางลูบไปด้วย ความรู้สึกนี้ใช้คำอื่นมาอธิบายไม่ได้หรอกนอกจากคำว่าความสุข มันเป็นช่วงเวลาที่ดี และหลังจากนี้ผมก็จะพยายามให้มันมีแต่ช่วงเวลาแบบนี้ เดี๋ยวพอกลับไปเรียนผมต้องวุ่นเรื่องงานรับน้องอีก ประเพณีวิ่งเกียร์ที่จะถึงนี่ก็ต้องเตรียมอะไรหลายๆ อย่าง ที่สำคัญคือผมต้องเตรียมเกียร์เพื่อจะให้กับคนที่ผมรักด้วย

ใกล้จะได้แลกเกียร์กันสักที.....รอเวลานี้มาตั้งนาน

หวังว่าวันนั้นผมจะได้เห็นรอยยิ้มของสมปองนะ

.....รอยยิ้มกว้างๆ



[จบบันทึกพิเศษ : สยาม]












TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งหยัมปองแล้วนะ ความจริงมันต้องลงตั้งแต่เมื่อวานแต่ว่าสภาพไม่ไหวจริงๆ มันเหนื่อยมาก ชาลเลยไม่ฝืนตัวเองเพราะว่ากลัวจะป่วย พวกบี๋ก็ดูแลตัวเองด้วยนะ

ชาลเหลือเวลาฝึกงานอีก 2 อาทิตย์ค่ะ ช่วงนี้แม่งเป็นช่วงที่โคตรเหนื่อยอะเพราะว่าต้องรีบเคลียร์งาน ทำโปรเจ็กต์ให้มันเป็นชิ้นเป็นอันซึ่งอันค่อนข้างยาก แล้วพอฝึกงานเสร็จชาลก็ต้องทำรายงานส่งและเตรียมพรีเซ้นต์ อาจจะหายไปช่วงนึงนะ ถ้าจะหายเดี๋ยวจะชี้แจงนะคะ

ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-07-2018 11:31:52 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ครอบครัวสุขสันต์ แฮปปี้เอนดิ้งงง ฮือออ เป็นตอนที่น่ารักมากๆเลย เขินตัวบิด พี่สยามนี้โคตรพระเอก ส่วนสมปองลูกแม่ก็น่ารักทุกตอนอยู่แล้ว ไม่มีตอนไหนไม่น่ารักเลยยย

สมปองอยู่กับพี่สยามเกือบจะ24ชม.อ่ะ น้องเลยติดนิสัยพี่ไปด้วยเลย เป็นไงล่ะ น้องเริ่มแพรวพราวเจ้าเล่ห์แสนกลแล้วนะ โทษใครไม่ได้เลยนอกจากตัวพี่เองนะพี่สยามมม อีกอย่าง มาทำเป็นจำไม่ได้ว่าเกียร์อยู่ไหน ตอนแรกกะจะบ้องหูโบกกบาลพี่แล้วนะ ของสำคัญแบบนั้นมาทำไม่รู้ได้ไง ทีตอนน้องลืมป้ายชื่อพี่ยังลงโทษน้องแล้วบอกไม่มีใครลืมของสำคัญหรอก เกือบแล้วๆ นี่ถ้าไม่บอกจะแลกเกียร์ทีหลังนะ ฉันจะบ้องหูพี่ให้ดับจริงๆด้วย

สมปองงงง ทำไมหนูน่ารักขึ้นทุกตอนเลยล่ะลูกกกกก สงสารใจแม่นิดนึงนะ รับความน่ารักของหนูทุกตอนแล้วเลือดลมมันวิ่งวุ่น หอบหื่นจะขึ้นตามมม //หอบหืดไหมล่ะ!// ตลกน้องอ่ะ ทำไมมันคิ้วท์ได้ขนาดนี้ หนูคือความน่ารักสดใสของโลกใบนี้ไม่น่ามาถูกนังพี่สยามคนหื่นกามล่อลวงเลย แม่จะร้องเรียนที่ไหนได้บ้าง ศาลไคฟงได้ไหม หรือศาลเจ้าแม่ชาลดี //โดนตบ// อ่ะ พอล่ะๆ 555555555

คุณชาลล ดูแลตัวเองด้วยน้าาา พักผ่อนเยอะๆ อย่าหักโหมกับงานมาก คนเราต้องรีเฟรชบ้าง อะไรเครียดๆเห็นแล้วป่วยจิตขำแห้งก็อย่าไปสนใจเลยเนอะ ยังมีบี๋อีกเยอะที่รักคุณชาลลล อย่างน้อยก็เราคนนึง อิอิ รักและเทคแคร์นะคะ :กอด1: :L2: :L1:

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
แหมมมมมม นึกว่าเกียร์พี่หยามหายซะอีก :katai3:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
น่าร้ากกก :o8:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อิคนพี่นี่มันแผนเยอะ
ส่วนคนน้องอ่ะใส๊ใส
ฮ่าฮ่า

+1 ให้หยัมปอง

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ทำเอาอีน้องใจแป๋วเลยนะเรื่องเกียร์เนี่ย  :hao3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่สยาม  แกล้งสมปองอีกแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
น่ายัก น่าใคร่

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 50 สมปองคนหลงผัว


มหา'ลัยนี้ใหญ่มากนะครับ

การวิ่งรอบมหา'ลัยมันเป็นอะไรที่.....โอ่ยยยย

จะตายแล้วโว้ยยยย

ผมวิ่งหอบแดกมาทรุดตัวลงที่หน้าตึกคณะแพทย์ฯ โอ๊ยแม่เจ้าาาา ตอนแรกคิดว่าแค่การวิ่งรอบมหา'ลัยมันอาจจะไม่ได้นักหนามาก แต่ที่ไหนล่ะ แม่งหนักหนาจนกว่าคนอย่างผมจะรับไหว นี่เพราะว่าไม่ได้ออกกำลังแถมยังอ้วนขึ้นด้วยรึเปล่าวะมันถึงได้หมดสภาพแบบนี้ ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ เรื่องนี้ต้องโทษพี่สยามที่มันชวนผมไปกินโน่นกินนี่บ่อย และเวลาที่ผมกินเยอะมันก็ไม่เคยห้าม

ความผิดมันนนน

จากที่ผมกลบับบ้านนี่ก็ผ่านมาอาทิตย์กว่าๆ แล้วที่กลับมาเรียน แต่ละวันที่ผ่านมาช่างเรียบง่ายจนมาถึงวันนี้ ความที่ผมตั้งใจไว้ว่าจะเริ่มซ้อมวิ่งเพื่อเตรียมร่างกายไว้เพื่อประเพณีวิ่งเกียร์นั้นก็เริ่มวันนี้ไง แล้วก็จะตายวันนี้นี่แหละ พวกพี่ๆ เขาวิ่งกันได้ยังไงวะตั้ง 2 รอบมหา'ลัย ตอนแรกที่คิดว่าจะวิ่งมันเหมือนง่ายนะแต่พอมาวิ่งจริงมันไม่เป็นแบบที่คิดเลยอะ

ปวดจิตปวดใจสุด

"ไหวไหมปอง" เพื่อนแยมเอ่ยถามก่อนโบกมือเพื่อพัดให้ผม "เหนื่อยขนาดนั้นเลยหรอ"

ผมพยักหน้ารับ "มากกกก ทำไมพวกมึงยังดูสบายๆ กันอยู่เลยนะ นี่รอบมหา'ลัยนะมึง"

"กูวิ่งทุกวันอยู่แล้วไงที่ฟิตเนส แค่นี้มันก็ไม่เท่าไหร่" สีเทียนบอกก่อนจะส่งขวดน้ำให้

"ของกูก็เหมือนกัน พี่ทะเลบอกไว้ก่อนละไงว่ามันต้องวิ่งเกียร์ กูเลยเริ่มออกกำลังกาย" อีงูพิษบอกก่อนจะนั่งลงข้างๆ ผม "ไม่เป็นไรน่ะปอง วันแรกที่กูวิ่งก็สภาพไม่ต่างจากมึงหรอก เดี๋ยวมันก็จะดีขึ้นแหละ"

"จริงที่ลันตาพูดนะ งั้นวันนี้เราไว้แค่นี้ก่อนไหม พรุ่งนี้ค่อยมาวิ่งเพิ่มระยะขึ้นอีกนิดนึง"

"ตามนั้นเลยสมแยม เพราะสมปองไม่ไหวแล้ว" ผมทิ้งตัวนอนแผ่ลงบนพื้นโดยไม่สนว่ามันจะเปื้อนหรืออะไรทั้งสิ้น คือเหนื่อยอะ ขอให้คนคิ้วท์ได้นอนเถอะ

"มึงนี่นะ....งั้นเดี๋ยวกูไปหาพี่ทะเลก่อน เจอกัน 2 ทุ่มห้องแยมนะ"

"เออ กูว่าจะกลับไปนอนเหมือนกัน แล้วเจอกันนะพวกมึง" สีเทียนบอกก่อนจะเดินตามลันตาไปติดๆ ส่วนแยมก็ยังคงนั่งอยู่ข้างผม

ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้โทรศัพท์อีกต่างหาก

"แน่ะ มึงคุยกับใคร"

"พี่นมปั่น"

"ร้ายว่ะ แล้วความสัมพันธ์เป็นไงบ้างล่ะตอนนี้"

"ก็ตามจีบนั่นแหละ พี่เค้าเองก็เปิดใจรับกูนะ ก็ต้องรอเวลาอีกหน่อย ที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็มีความสุขนะ คุยกัน ไปกินข้าวด้วยกันบ้าง ใช้เวลาอยู่ด้วยกันบ้าง มันก็ดีอะ"

"เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว กูก็ดีใจที่เห็นมึงมีความสุข" ผมยิ้มแฉ่งให้เพื่อนรักพลางนอนมองท้องฟ้าช่วง 5 โมงกว่าๆ อยู่แบบนั้น

อากาศประมาณนี้มันเป็นอะไรที่ดีจริงๆ ลมเย็นๆ ที่กระทบผิวนี่อีก ถึงที่นี่มันจะไม่ได้บรรยากาศดีเท่าที่บ้านผมแต่มันก็ไม่ได้แย่น่ะนะ ช่วงหลายวันมานี้ผมชอบย้อนกลับไปนึกถึงช่วงที่เข้ามาเรียนที่นี่ตั้งแต่วันแรก ไม่รู้ว่าทำไม แต่ก็นึกตลกในหลายๆ เหตุการณ์ที่เจอนะ ช่วงเวลาแค่ไม่กี่เดือนเองแต่เหมือนเจอเรื่องวุ่นวายเป็นล้านเรื่องได้

แถมได้อะไรมาจากเรื่องวุ่นวายพวกนั้นเยอะเลย

ข้อตกลงระหว่างผมกับพ่อยังไม่ได้หายไปนะ ผมอาจจะเหลือเวลาที่จะได้เรียนที่นี่แค่เทอมหน้าก็ได้ ครบปีเมื่อไหร่ก็ต้องไปรอลุ้นเอา ส่วนเรื่องเขียนไดอารี่ผมก็ต้องเขียนไปเรื่อยๆ ยังไงก็ต้องบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตให้พ่อได้รับรู้ให้ได้มากที่สุด อย่างน้อยพ่ออาจจะเห็นความบันเทิงในชีวิตของผมแล้วยอมให้ผมเรียนที่นี่ต่อก็ได้

ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ต้องมารอดูอีกที

ผมก็คิดนะว่าถ้าไม่ได้เรียนที่นี่ต่อมันจะเป็นยังไง พี่สยามมันจะยอมไหมถ้าผมต้องอยู่ไกลมัน ต้องเรียนคนละที่กับมัน หลายๆ อย่างมันคือสิ่งที่คาดเดาไม่ได้อะนะ ผมรู้ทั้งรู้แหละว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเราไม่สามารถรับรู้ได้แต่มันก็อดคิดไปก่อนไม่ได้อยู่ดี งืม....ช่างมันดีกว่า ไว้ถึงตอนนั้นก็ค่อยว่ากัน เรามีเวลาอีกตั้งหลายเดือน

ตักตวงมันให้คุ้มดีกว่า

พูดถึงพี่สยาม....ตอนนี้มันไปประชุมกับคณะว้ากเกอร์ครับ เรื่องงานรับน้องนี่แหละ ช่วงนี้มีการเข้าสันทนาการบ่อยมาก พรุ่งนี้ผมก็ต้องเข้ากิจกรรม ไม่รู้ว่าร่างจะเดี้ยงมากแค่ไหนแต่ก็คงหนักเอาการ ผมนี่ได้แต่หวังว่าประธานสันฯ คงจะไม่แกล้งผมมากจนเกินไป เอาจริงๆ ผมก็ลั่นวาจาไปแล้วนะว่าถ้ามันแกล้งผมเยอะๆ ผมจะไล่มันไปนอนห้องน้ำ

อันนี้จริงจังเลย

ครืดดดด....ครืดดดด

ผมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ามากดรับสาย "....ฮัลโหล"

(มึงเอาโทรโข่งกูไปซ่อนไว้ไหนห้ะเมีย)

"อะไร พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย" ผมชี้โบ๊ชี้เบ๊ใส่มันทันที ใครมันจะบอกวะ ถ้าเอาไปซ่อนแล้วต้องมาบอกนี่กูจะเอาไปซ่อนเพื่อ

หาให้ตาแหกไปซะเถอะมึง

(มึงไม่ต้องเลยสมปอง เมื่อวานมึงถือโทรโข่งกูอยู่กูเห็นนะ)

"มึงตาฝาดเปล่า กูไม่ได้ถืออะไรเลย"

(อีเมียนับหนึ่ง)

"กูต้องนับสองตามป่ะ"

(กวนส้นตีน เอาดีดีเร็ว เอาไปไว้ไหนหืม....)

"ไม่ต้องมาทำเสียงนุ่มแล้วหืม....ใส่กูเลย กูไม่รู้กูจะบอกได้ยังไง"

(กูให้โอกาสมึงแล้วนะอีเมีย)

"เอามาเวลาเค้นกูไปตามหาโทรโข่งไป"

(หึ....มึงโดนแน่)

"ไม่กลัวหรอกโว้ย แบร่บๆ ๆ ๆ ๆ " ผมแลบลิ้นใส่รัวๆ ก่อนจะกดวางสาย เชื่อเลยว่ามันจะต้องทำหน้าเป็นยักษ์แน่ๆ

นึกภาพตามก็ตลกละอะ

"พี่สยามหรอ"

"อืม มันโทรมาตามหาโทรโข่ง"

"ที่มึงเอาไปไว้ในพุ่มไม้หน้าตึกอะนะ"

"ใช่ มึงอย่าไปบอกมันนะ ปล่อยให้มันหาไม่เจอไปเลย เชื่อไหมแยมว่าทุกวันนี้มันแทบจะเอาโทรโข่งมานอนกอดด้วย นั่นเมียพี่สยามสองเลยนะ" คิดแล้วก็หมั่นไส้จริง เป็นแค่โทรโข่งแท้ๆ แต่ได้รับความรักพอๆ กับผมที่เป็นแฟนมันเลย

น่าทุบทั้งคนทั้งโทรโข่งนั่นแหละ

"แล้วมันจะไม่มีปัญหาหรอปอง"

"ไม่มีหรอก"

....น้ำหน้าอย่างพี่สยามจะกล้าทำอะไรกู





"โว้ยยยยยยยยยยย กูบอกว่าไม่รู้ไงพี่สยาม ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ อื้ออ.อ.อ....ไอ้เชี่ย"

"จะบอกดีดีหรือจะบอกด้วยน้ำตาหืม...."

"อือ.อ.อ....อย่ามาหืม ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ พี่สยามมมม" ผมหัวเราะลั่นพลางดิ้นไปมาอย่างบ้าคลั่ง ฮืออ.อ.อ...อย่าจี้เอวสิโว้ยยยย

มึงนี่มันขี้โกง

"หืมมมม.....หืม.....หืม....." ใบหน้าคมเลื่อนลงมาใกล้ก่อนจะใช้ปลายจมูกถูแก้มผมอย่างเอาเป็นเอาตาย

ฮือออ.อ.อ....ทำไมร้ายกาจแบบนี้

ร้ายกาจเกินใครเทียบ

มือเรียวที่ตรึงแขนผมไว้ตอนแรกก็ปล่อยออก จมูกโด่งก็ไล่ฟัดแก้มผมอยู่อย่างนั้น หัวใจเต้นแรงไปหมดแล้วเนี่ยะ ทำไมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยวะ รู้ทั้งรู้ว่าถ้าทำแบบนี้แล้วสมปองจะแพ้ก็ทำอยู่ได้ มันน่านักนะ

"อื้ออ.อ.อ...พอแล้ว แก้มกู" ผมดันหน้าพี่สยามออก คนเจ้าเล่ห์ยกยิ้มก่อนจะงับนิ้วผม "มันเจ็บนะ" ผมผงกหัวขึ้นไปงับแก้มมันคืนแรงๆ

"โอ๊ยยยย....ทำไมซาดิสท์งี้ล่ะตัว"

"ใครทำใครก่อน" ผมดึงแก้มมันก่อนจะออกแรงพลิกให้คนที่ตัวใหญ่กว่าไปอยู่ด้านล่าง ส่วนผมก็นอนทับมันไว้

มือเรียวกอดเอวผมไว้แน่น "มึงไงทำกูก่อน"

"กูไปทำมึงตอนไหน"

"ตั้งแต่เอาโทรโข่งกูไปซ่อน"

"ใครเค้าเอาของมึงไปซ่อน เลอะเทอะใหญ่แล้ว" ผมก้มเอาหน้าซุกอกพี่สยามเพื่อหนีความผิด อย่าไปยอมรับครับถึงแม้ว่าเราจะเป็นคนทำก็ตาม

"มึงมันร้ายสมปอง"

"มึงร้ายกว่ากูตั้งเยอะ ไม่ต้องมาพูด" ผมถกเสื้อยืดของคนด้านล่างขึ้นมาก่อนจะมุดหัวเข้าไป อย่า....อย่ามายุ่ง ปลีกวิเวกขนาดนี้แล้วห้ามยุ่งเด็ดขาด

"ทำอะไรของมึงเนี่ยะปอง"

"อื้ออ.อ.อ....จะนอน"

"แล้วมานอนอะไรในเสื้อกู"

"อย่ายุ่ง" ผมงับผิวขาวๆ มันไปทีนึงก่อนจะแนบแก้มเอาไว้ สัมผัสได้ถึงแรงลูบเบาๆ ที่หัวด้วย ทำดีมากพี่สยาม นี่แหละ....สามีที่ดีมันต้องแบบนี้

เมื่อเย็นที่ผมคิดว่าพี่สยามมันทำอะไรผมไม่ได้นี่คือคิดผิดมาก ตั้งแต่ที่มันกลับมา มันก็จับผมทุ่มลงกับเตียงแล้วก็จี้เอวไม่หยุด นี่ขำจนเหงือกแห้งอะคิดดู แม่งรู้ว่าผมบ้าจี้ไงถึงได้ทำแบบนี้ เดี๋ยวไว้ผมหาวิธีเอาคืนมัน เรื่องนี้สมปองจะไม่ยอม

โดนแน่พี่สยาม

ตอนนี้เกือบทุ่มครึ่งแล้วนะครับ เดี๋ยวผมจะต้องไปทำงานกลุ่มที่ห้องแยม พี่สยามเองก็ต้องไปห้องพี่ชาเพื่อทำงานเหมือนกัน ผมเห็นสีหน้ามันผมก็รู้แล้วว่าเหนื่อยมาก ใกล้งานรับน้องก็ต้องยุ่งหัวปั่นแบบนี้แหละ ของผมนี่จะหัวปั่นอีกทีตอนงานกีฬาสีเดือนหน้าโน่น เมื่อสมัยมัธยมฯ ผมเคยเป็นคฑากรไม้หนึ่งของคณะสีด้วยนะ

เหลือเชื่อไหมล่ะ

จำได้ว่าช่วงซ้อมนี่โยนคฑาโขกหัวตัวเองไปหลายรอบมาก ผมจะไม่ให้ประวัติศาสตร์มันซ้ำรอยอีกแล้ว ผมยังไม่รู้ว่าปีไหนเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องขบวนพาเหรด อาจจะเป็นปี 2 ก็ได้มั้ง เดี๋ยวต้องรอดูแผนงานของเทอมหน้าอีกที

"ปอง"

"หืม...."

"มึงเขียนไดอารี่ละเอียดขนาดนี้เลย"

ผมโผล่หัวออกมาดู "เห้ยยยย มึงเอามาตอนไหน"

"มันอยู่ใต้หมอน"

อา....ลืมเอาไปเก็บ

"อื้ออ.อ....เอามา"

"ไม่ มึงดูเคียดแค้นกูหลายอย่างเหมือนกันนะ แต่ละอย่างที่เขียนนี่แฝงไปด้วยความหมั่นไส้" พี่สยามมองผมสลับกับไดอารี่

"ก็มึงมันน่าหมั่นไส้" ผมย้ายลงมานอนข้างๆ ก่อนจะเอาหัวหนุนแขนมัน "อันนี้คือช่วงที่มึงเข้าโรง'บาล"

"เป็นห่วงกูขนาดนั้นเชียว"

"ก็ต้องห่วงสิ....กูรักมึงหนิ"


พี่สยามหันมาจุ๊บหัวผมเบาๆ "พูดจาน่ารักแบบนี้กูก็รักแย่เลยสิ"

"มันต้องเป็นอย่างนั้นแหละ" ผมเลื่อนมือไปจับมือพี่สยาม ตาก็อ่านในสิ่งตัวเองเขียนเอาไว้

ลายมืออ่านยากพอสมควรเลยแต่พี่สยามมันก็ตั้งใจอ่านนะ ผมเหลือบมองรีแอคชั่นที่เจ้าตัวแสดงออกมาเป็นระยะๆ ตลกว่ะ บางทีมันก็ทำหน้าเหี้ยมใส่ บางทีมันก็อมยิ้มออกมา พอเห็นแบบนั้นมันก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มขาวๆ นั่น มือเรียวยกขึ้นมาขยี้หัวผมเบาๆ งื้ออ.อ.อ...ชอบโมเม้นท์นี้มากเลยอะ

ความอบอุ่นนี่ของจริงเลย

ผ่านไปได้สักพักนึงพี่สยามก็ปิดสมุดไดอารี่ก่อนจะหันมองผมนิ่งๆ ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของเราชนกัน มือเรียวเกลี่ยแก้มผมเบาๆ คนตัวใหญ่กว่ากดจูบหนักกว่าเดิมก่อนจะสอดลิ้นเข้ามาทักทาย ผมจูบตอบเจ้าตัวพลางยกมือขึ้นไปโอบรอบคอมันไว้ อื้ม.มม.ม.....รู้สึกดีจริงๆ เลย อะไรที่เป็นผู้ชายคนนี้ผมชอบมันไปหมดทุกอย่างเลยสิน่า

สมปองคนหลงผัว 2018

คือโคตรใช่

"อืม.ม.ม...." พี่สยามละจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะยิ้มบางๆ "พี่รักปองมากเลยนะรู้ไหม"

"รู้แล้ว"

"ขอโทษนะ"

ผมส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ "มันผ่านไปแล้วก็ช่างมันเถอะ....เรื่องของวันต่อๆ ไปต่างหากที่สำคัญกว่า ทำมันให้ดี"

"จะทำให้ดีที่สุด" เจ้าตัวยิ้มหวานให้ผมก่อนจะผละออกไป "ไปทำงานกันดีกว่า ขืนอยู่ตรงนี้น่าจะได้ทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่งานมากกว่า"

"หื่นกาม"

"ยังไม่ทันพูดอะไรเลย ใครหื่นกันแน่"

ผมเบ้ปากใส่มัน "หน้ามึงมันบอกทุกอย่างแล้วพี่สยาม"

"เดี๋ยวเถอะ ไว้รองานเรียบร้อยก่อน มึงไม่รอดแน่ปอง"

"คิดว่ากลัวหรอ"

"พูดแล้วนะที่รัก" มือเรียวหยิบผ้าเช็ดตัวก่อนยิ้มกริ่มมองผม "ถึงตอนนั้นอย่าร้อง....ไม่สิ อย่าครางให้พี่หยุดนะ" ว่าแล้วมันก็เดินเข้าห้องน้ำไป ทิ้งให้ผมนั่งหน้าร้อนผ่าวอยู่คนเดียว

โว้ยยยย ร้ายกาจอีกแล้ว

ผมลูบหน้าตัวเองเบาๆ เพื่อระบายความร้อน คำพูดคำจานี่มันจริงๆ เลยนะพี่สยาม เอาจริงๆ ผมว่าอีกสักพักนึงมันก็ไม่น่าจะทนไหวแล้วล่ะมั้งสำหรับเรื่องอย่างว่า ติดว่าช่วงนี้มีงานเยอะเท่านั้นแหละก็เลยยังไม่วอแวผมไปมากกว่ากอด หอมแก้มหรือว่าจูบ มันก็เป็นเรื่องดีแหละนะที่มันยังยั้งตัวเองได้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะยั้งใจตัวเองไปได้อีกนานเท่าไหร่

อา....ผมต้องเตรียมกายเตรียมใจไว้รอสินะ

แค่คิดมันก็....อื้ออ.อ.อ.อ.อ.อ..อ........










TBC.

สวัสดีค่ะบี๋ชาลมาส่งหยัมปองแล้วค่ะ ชาลคิดว่าอีก 3 บทก็จะจบแล้วนะคะสำหรับนิยายเรื่องนี้ ใกล้จะครบรอบ 1 ปีด้วยที่แต่งมา ชาลจำได้ว่าเปิดเรื่องวันที่ 2 สิงหาคม 2017 ช่วงนั้นฝึกงานครั้งแรกจนมาตอนนี้ฝึกงานครั้งที่ 3 แล้ว รู้สึกโหวงๆ อยู่นะที่จะจบแต่ว่าก็ถึงเวลาแล้วจริงๆ

เดี๋ยวช่วงที่ชาลพักลงนิยายยาวๆ หลายเดือนชาลจะจัดการเรื่องรีไรท์นิยายและจัดการเรื่องของหนังสือที่จะทำให้นะคะ ถ้ามีความคืบหน้าก็จะแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ นะ

ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
โอ๊ยยยยยย หวานชื่นรื่นรมณ์ประหนึ่งน้ำแดงเฮลบลูบอยยย หวานมากกกก เลี่ยนจังเลยยย ขออะไรแซ่บๆมาตัดความหวานนี่หน่อยเถอะ อยากเห็นพี่สยามดุอ่ะ อะไรดุ เยดุ-- แค่กๆๆ //โดนตบ//

ถ้าเรื่องนี่จบมันคงโหวงๆน่าดูเลยอ่ะ ไม่ได้ติดตามมาตัังแต่แรกแต่จะอยู่ด้วยจนจบเลย ไม่สิๆ จะอยู่ด้วยทุกเรื่องเลยย อยู่ด้วยกันไปนานๆ อิอิ :กอด1:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ปองนี่หึงแรงไปไหม กับโทรโข่งก็ไม่เว้น  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่สยาม มีความบ้ากับโทรโข่งจริงๆ เป็นพวกโทรโข่งลิสึ่ม   :laugh: :m20: :laugh:
ขนาดพูดกับคนใกล้ๆ ห่างกับแค่ฟุต สองฟุตยังใช้โทรโข่งเลย  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

สยาม สมปอง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4061
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6
โดนแน่ๆ ..

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สมปองต้องทำใจนะ โทรโข่งเขามาก่อนสมปอง555

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
​บทที่ 51 สยามคนกาม [Nc]

เคยอยู่ดีดีก็รู้สึกแปลกๆ ป้ะ

แปลกแบบ....แปลกๆ อะ

ความรู้สึกนี้มันคืออะไรวะ

ผมกระดกน้ำลงคอก่อนจะมองไปรอบๆ ตึกแพทย์ฯ ที่ตอนนี้มีเหล่าคุณหมอในอนาคตเดินกันให้ว่อน ตอนนี้เกือบ 5 โมงแล้วครับ ผมกับเหล่าสหายก็มาซ้อมวิ่งกัน ตอนนี้ร่างกายผมโอเคแล้วนะสำหรับการวิ่งระยะรอบมหา'ลัยน่ะ ถ้าเทียบกับวันแรกก็ดีขึ้นเยอะมากเลยแหละ ซึ่งผมคิดว่าการวิ่งเกียร์ในอาทิตย์หน้ามันคงไม่เป็นปัญหาสำหรับผมเท่าไหร่แล้ว

คิดแบบนั้นนะครับ

"โอเคแล้วใช่ไหมปอง" เพื่อนแยมเอ่ยปากถามพลางเช็ดเหงื่อที่หน้า

"โอเคขึ้นเยอะเลย กูคิดว่าวันจริงคงไม่น่าจะเป็นอะไร"

"ไม่เป็นไรหรอกมึง ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาเค้ามีแพทย์ฯ สนามอยู่แล้ว พี่ทะเลเค้าบอกมาว่าทุกอย่างมันก็ต้องเซฟที่จุด มันก็ไม่ได้วิ่งต่อเนื่องตลอดด้วยน่ะนะ เขาคงให้สลับเดินในบางจังหวะ" ลันตาบอกก่อนจะหยิบพัดขึ้นมานั่งพัดข้างผม

"เออแล้วเรื่องรูปขบวนนี่ยังไง พี่ๆ เค้าได้บอกอะไรมึงบ้างไหมปอง"

ผมส่ายหัวเบาๆ "ยังเลยว่ะ เหมือนจะยังตกลงกันไม่ได้มั้งว่าจะเอายังไงกันแน่ รู้สึกว่ามันอาจจะไม่เหมือนกับประเพณีปีที่แล้ว สำหรับเรื่องรูปขบวนนะ"

"ถ้าเขาตกลงกันเสร็จ เดี๋ยวก็คงจะบอกเองล่ะมั้ง เออมึงกูไปก่อนนะนัดกับพี่ทะเลไว้ว่ะ แล้วเจอกันพรุ่งนี้" สิ้นเสียงพูด อีงูพิษก็รีบเดินไปทันที แหมๆ ๆ ๆ ติดนัดผัวอีกแล้ว ติดนัดผัวตลอดแหละ

ที่พูดนี่ไม่ได้อิจฉานะครับ

"งั้นเดี๋ยวกูก็ไปบ้างดีกว่า เหนื่อยว่ะ อยากกลับไปนอน ตื่นมาว่าจะไปดูหนังด้วย"

"แน่ะ ดูกับใครจ๊ะสมเทียน" ผมส่งยิ้มกรุ้มกริ่มให้เพื่อนรัก

"ดูกับตัวเองนี่แหละ กูไปแล้วนะ ละเจอกัน" ว่าแล้วสีเทียนก็เดินไปอีกคน เหลือแค่สมแยมที่ยังอยู่กับผมตรงนี้ แต่คงอยู่อีกแปปนึงล่ะมั้งประมาณ....ชั่วอึดใจ

"แยม" เสียงเรียกดังมาจากด้านหลัง เจ้าของเสียงนั่นคือร่างโปร่งของผู้ชายหน้าตาคนนึงที่สวมยูนิฟอร์มของเด็กที่เรียนการบินฯ

พี่นมปั่นนั่นเองครับ

"กูขอตัวก่อนนะปอง เจอกันพรุ่งนี้"

"เออ เจอกันพรุ่งนี้" ผมรับคำเสร็จ สมแยมก็วิ่งไปหาพี่นมปั่นทันทีก่อนจะพากันไปไหนต่อไหนก็ไม่รู้ เออ ไปกันให้หมดเลยนะ สมปองคนคิ้วท์สามารถอยู่คนเดียวตรงนี้ได้ เพราะงั้น....ไปกันให้เลยไป้!!!!

อ๊ากกกกกกกกกกก

ผมทำเป็นส่งเสียงอ๊ากในลำคอ กลัวว่าถ้าแหกปากแล้วชาวบ้านจะตกใจ เอาจริงๆ นี่ถ้าผมเป็นก็อตสิล่าแล้วผมอ๊ากไปนี่ลำแสงออกแล้วนะ แล้วคนที่จะปราบปองสิล่าได้ก็คืออุลตร้าสยามเท่านั้น ซึ่งตอนนี้ผมไม่รู้ว่าอุลตร้าสยามทำอะไรอยู่ ก็คงทำงานคณะอยู่เหมือนกับทุกวัน ไม่ก็นั่งเล่นเกมกับเพื่อนๆ ที่ไหนสักที่

ติดเกมยิ่งกว่าเมียอีกเอาจริงๆ

ใช่สิ ผมมันไม่ได้สกิลเยอะเหมือนตัวละครเกมที่มันเล่นหนิ เนี่ยะ วางแผนไว้ว่าจะแอบเอาโทรศัพท์มันไปจุ่มน้ำ ไม่ก็ทำร่วงหน้าต่างแบบเนียนๆ มันน่าหมั่นไส้นะกับการที่เราเนี่ยะเป็นแฟนใช่ไหม นอนอยู่ข้างๆ กันแต่มันสนใจเกมมากกว่า ที่พูดนี่ไม่ได้อิจฉาเกมหรืออะไรนะครับแต่ว่าผมควรได้รับความสนใจจากแฟนตัวเองมากกว่านี้

มากกว่านี้มากๆ

ครืดดดด....ครืดดดด


ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย ".....ฮัลโหล"

(อยู่ไหนอะ)

"อยู่ไหนก็ได้ โตแล้ว"

(กวนส้นตีน เรายังติดคดีโทรโข่งกันอยู่นะเมียนะ)

"พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลยสักนิด"

(สมปอง)

"แบร่บๆ ๆ ๆ ๆ " ผมชืงแลบลิ้นก่อนจะกดวางสาย ฮ่าๆ ๆ ๆ เชื่อได้เลยว่ามันต้องประสาทเสียแน่ที่ผมทำแบบนี้ใส่

โป๊กกกก

"โอ๊ยยยย" ผมยกมือกุมหัวก่อนจะหันไปมองคนที่ทำการหยาบช้าทันที "พะ....พี่สยาม"

ชิบหายละ

"เออ กูเอง นี่แน่ะ กวนส้นตีนเก่งนัก" มือเรียวโขกหัวผมอีกทีนึง โอ๊ยยยย โขกขนาดนี้สมองตายพอดี นี่กะให้กูกลายเป็นสมปองคนเอ๋อแล้วจะทิ้งกูเพื่อไปหาเมียใหม่สินะ

ไอ้คนเลว

ผมเบะปากใส่มัน "กูเจ็บนะ มึงทำอย่างนี้กับกูได้ไงอะพี่สยาม รักกูจริงป้ะเนี่ย"

"ไมรักแล้ว" ร่างสูงเบ้ปากใส่ผมก่อนจะหันหนี "มึงดื้อ"

"หื้อออ.อ....อย่ามาพูดว่าไม่รักกันนะ" ผมสอดแขนเข้าไปคล้องแขนมันไว้ก่อนจะเอาหน้าไถไหล่กว้างนั่นอย่างอ้อนๆ ใบหน้าคมเหลือบมองผมก่อนจะยิ้มบางๆ ให้

แน่ะ เอ็นดูกูล่ะสิ

ธรรมดาอะนะ....คนคิ้วท์ก็งี้แหละ

ผมนั่งเอาหน้าแนบไหล่พี่สยามอยู่อย่างนั้นก่อนจะเนียนเช็ดเหงื่อกับเสื้อมันด้วย จะว่าไป....มันรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่วะ ตอนแรกผมบอกมันไปว่าจะไปนั่งทำงานที่ห้องสมุด ไม่ได้บอกว่าจะมาวิ่ง ไม่แน่ว่ามันอาจจะไปหาผมที่ห้องสมุดมาแล้วแต่ไม่เจอก็เลยมาหาที่นี่แทน เอออาจจะใช่ นี่คงแปลว่างานมันเสร็จแล้วสินะถึงได้มาหาผมไวแบบนี้

"ปอง"

"หืม...."

ใบหน้าคมเลื่อนมากระซิบข้างหูผมเบาๆ "....พี่อยากอะ"

ตึกตัก

อยาก....อยากอะไร

"อยาก....กินหมูกระทะใช่ป้ะ เออนี่ก็อยากกินเหมือนกัน" ผมยิ้มแฉ่งให้พี่สยามทันที เอาจริงๆ ผมก็รู้แหละว่าสิ่งที่มันพูดนั่นหมายความว่ายังไงแต่ก็นะ....

ขอค่าตอบแทนที่จะเสียพลังกายหน่อยได้ไหมล่ะ

"มึงนี่มันร้ายจริงๆ เลยนะเมีย"

"ร้ายอะไรเล่า" ผมทำแก้มป่องใส่ "ว่าไง จะพาไปกินไหม"

"ถ้าพาไปกินแล้วจะได้อะไร"

ผมเลื่อนไปกระซิบข้างหูมันบ้าง "ได้....กู"

"งั้นไปกันเถอะ"

ทีนี้ล่ะรีบเชียวไอ้คนกาม





"อื้ออ.อ.อ....ขออาบน้ำก่อน"

"ไม่ต้อง หอมแล้ว"

หอมหน้ามึงอะ หัวกูมีแต่กลิ่นหมูกระทะเนี่ยะ

"ไม่เอาจะอาบน้ำ" ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของพี่สยาม "มึงอย่าใจร้อนสิวะ"

"ก็กูอยาก"

"กูก็อยากเหมือนกันแต่ขอกูอาบน้ำก่อนได้ไหมล่ะ" ผมแกะมือพี่สยามออกก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มมันเบาๆ "นะครับนะ" อ้อนถึงขนาดนี้ก็ต้องใจอ่อนแล้วนะ

"เร็วๆ นะ"

"รอบนเตียงเลยจ่ะที่รัก" ผมขยิบตาให้มันทีนึงก่อนจะรีบชิ่งเข้าห้องน้ำ ถ้ายังลีลาเยอะอยู่ผมคงโดนพี่สยามมันขย้ำหน้าห้องน้ำนั่นแหละ

ผมถอดเสื้อผ้าตัวเองออกก่อนจะเริ่มชำระร่างกาย ต้องสระหัวด้วยเพราะว่ากลิ่นควันหมูนี่ติดหัวผมเลย เอาจริงๆ พี่สยามก็ควรต้องมาอาบน้ำด้วยป้ะวะ มันก็มีกลิ่นควันติดมาเหมือนผมอะ พอคิดได้แบบนั้นผมก็เปิดประตูห้องน้ำก่อนจะชะเง้อหน้าไปมองคนที่นั่งอยู่บนเตียง

นั่งอย่างเดียวไม่พอ ทำหน้าหื่นกระหายอีกต่างหาก

"พี่สยาม"

"หืม...."

"อาบน้ำด้วยกันไหม"

"อาบ" ร่างสูงกระโจนมาด้วยความเร็วแสง แต่ก็ต้องชะงักไปเพราะผมยกมือปรามมันไว้ก่อน

"กูมีข้อแม้นะ"

คนโดนเบรกทำหน้ามุ่ยทันที "ข้อแม้อะไรอีกล่ะเมีย"

"อาบน้ำคืออาบน้ำ มึงห้ามทำอะไรกูเด็ดขาด กูไม่อยากโดนเอาในห้องน้ำโอเค้ พื้นที่มันไม่เอื้ออำนวย เข้าใจที่พูดไหม"

"เข้าใจ"

"ดี ถ้ามึงเจ๊าะแจ๊ะกูคือมึงอดเลยนะ"

"ได้ ไม่มีปัญหา" พี่สยามถอดเสื้อผ้าตัวเองออกก่อนจะเดินมาในห้องน้ำ ร่างสูงที่เปลือยอยู่ตรงหน้านี่มันทำให้รู้สึกเขินๆ ยังไงก็ไม่รู้ว่ะถึงแม้ว่าจะเห็นกันมาบ่อยแล้วก็เถอะ

หน้าก็ร้อนอยู่ทุกครั้งอะนะ

พี่สยามเดินไปใต้ฝักบัวก่อนจะจัดการตัวเอง ผมก็ยืนถูสบู่อยู่ข้างๆ ทำเป็นเหม่อมองฝ้าเพดานไปเรื่อย จะได้ไม่ต้องไปเห็นอะไรที่มันตำตา อา....วันนี้สมปองต้องเจ็บปวดอีกแล้วสินะ แต่ไม่เป็นไรนะปอง มันเป็นความเจ็บปวดที่สุขสม เจ็บหน่อยแต่ก็มีความสุข ไม่รู้เลยนะครับว่าเมื่อไหร่ที่ร่างกายนี้จะชินเวลาที่ถูกพี่สยามกอด สำหรับผมแล้วทุกอย่างยังคงเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นเสมอ

ใจสั่นไปหมด

"หนิ....ไม่ให้เจ๊าะแจ๊ะไม่ใช่หรอ"

"กูห้ามมึงแต่กูไม่ได้ห้ามตัวเอง" ผมลูบสบู่ทั่วแผ่นหลังกว้าง คนบ้าอะไรหลังขาวชะมัดแต่ว่าเสียใจด้วยนะ อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้ามันก็จะมีแต่รอยข่วนยาวๆ แดงเถือกเต็มไปหมด

"ขี้โกงหนิ"

"ไม่ได้โกง แหมๆ ๆ ๆ กูแค่ถูสบู่ให้ไหม ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านี้ซะหน่อย"

พี่สยามหันมาหาก่อนจะรั้งเอวผมให้เข้าไปชิด "แต่กูอยากให้มึงทำมากกว่านี้นะ"

"คนกาม" กามเก่งกว่าอะไรทั้งหมด

"กามแล้วทำไมหืม" ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้จนจมูกชนกับจมูกผม "ถ้าพี่กามแล้วปองจะยังไง"

"ก็...." ผมเลื่อนเข้าไปจูบปิดปากพี่สยามก่อนจะยกมือโอบรอบคอแกร่งไว้ คนตัวใหญ่กว่าเปิดปากรับลิ้นผม มือเรียวก็เลื่อนมาลูบเบาๆ ที่สะโพก

อื้ออ.อ...ไปกันใหญ่แล้ว

รู้ครับว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นี่คือการกลืนน้ำลายตัวเองแต่ลองคิดดูสิว่าแฟนตัวเองที่หุ่นแซ่บมากยืนอาบน้ำอยู่ตรงหน้า ผมสีดำที่ลู่ไปกับน้ำนั่นก็ดูเซ็กซี่ไม่หยอก ใครไม่อยากดีปคิสด้วยก็บ้าแล้ว อีกอย่างตัวผมเองก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน เรื่องแบบนี้ก็ห่างมาตั้งพักใหญ่ มันก็ต้องมีของขึ้นกันบ้างแหละน่ะ

"อื้ออออ.....อ...." ผมแลกลิ้นอยู่กับพี่สยามไม่ห่าง มือเรียวยกตัวผมให้ลอยขึ้น เชี่ยยยย ตัวนี่ก็ไม่ได้เล็กๆ นะพี่สยาม มึงอุ้มลอยแบบนี้ได้เลยเหรอ

"อืมม.ม...." ริมฝีปากร้อนไล่จูบมาที่ซอกคอผมก่อนจะขบเม้มแรงๆ ตามแบบที่มันชอบทำ รับรู้ได้ถึงอะไรร้อนๆ ที่อยู่ตรงร่องก้นเลยว่ะ ฮันแน่ะ อยากเข้ามาในตัวเราล่ะสิ แต่เสียใจด้วยนะ ตอนนี้ยังไม่ได้

เข้ามาตอนนี้ก็มีแต่ตายกับตายน่ะสิ

"อื้ออ.อ....พี่สยาม อ๊ะ....มึงผิดคำพูดอะ"

"พี่ไม่ได้เป็นคนเริ่มนะครับ" ลิ้นร้อนละเลงลงที่ยอดอกผมรัว อื้ออ.อ.อ....ความรู้สึกนี้มัน

"อ๊า....อื้ออ..อ...อย่า" ผมประคองใบหน้าคมขึ้นมา "ไปทำที่เตียงสิ"

"....ได้สิ" ว่าแล้วร่างสูงก็เดินออกมาจากห้องน้ำโดยที่มีผมห้อยเป็นลูกลิงอยู่ด้านหน้า พี่สยามแม่งตัวใหญ่และแรงเยอะมากจริงๆ นั่นแหละ อุ้มผมเดินแบบนี้ไม่มีอิดออดเลยสักนิด

"หนักมากไหม"

"หนัก"

ผมถลึงตาใส่มัน "หนิ"

"ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ก็มันหนักจริงๆ อะ" เจ้าตัววางผมลงบนเตียงก่อนจะคร่อมไว้ ดวงตาคมไล่มองผมอย่างพิจารณา สายแบบนี้เนี่ย นอกจากกูแล้วห้ามเอาไปมองใครเลยนะพี่สยาม

กูหึงหน้ามืดแน่นอน

"มึงอย่าทำแรงมากนะพี่สยาม เดี๋ยวก็วิ่งเกียร์แล้ว กลัวมันล้าจนไม่ไหว"

นิ้วเรียวลูบที่ริมฝีปากผมเบาๆ "แล้วถ้าปากบางๆ นี่บอกให้กูกระแทกแรงๆ ล่ะ กูต้องทำยังไง"

"ก็กระแทกแรงๆ ไง"

"มึงจะเอายังไงกันแน่เมีย จะให้แรงหรือไม่ให้แรง"

"ก็ไม่ต้องแรงมาก"

"แต่ถ้ามึงบอกให้กระแทกแรงๆ ก็กระแทกแรงๆ แบบนี้น่ะหรอ"

ผมพยักหน้ารัวๆ "ใช่ ทำไมอะ"

"ฮ่าๆ ๆ ๆ มึงนี่มันจริงๆ เลยนะสมปอง" พี่สยามก้มมาจูบที่ขมับผมแรงๆ "จะทำให้หลงรักไปถึงไหนกัน" สิ้นเสียงพูด ริมฝีปากบางก็เข้ามาทาบทับกับปากผม

ลิ้นร้อนไล่เกี่ยวรัดกับลิ้นผมอยู่ไม่ห่าง สัมผัสนี้มันดีจริงๆ เลย ผมเลื่อนมือไปลูบเบาๆ ที่ลูกรักของพี่สยามก่อนจะเอามาประกบกับของผมแล้วขยับไปพร้อมกันเบาๆ แม้เจ้าโว้ยยยย เคยคิดแค่ว่าอยากทำแบบนี้แต่ไม่คิดว่าพอทำแล้วมันจะดีแบบนี้ อื้ออ.อ.อ...มันดีไปหมดเลยอะ

ฮืออ.อ.อ...จะขาดใจตายแล้วนะ

"อื้ออ.อ.อ..."

ผมนอนหอบหายใจแรงๆ ปล่อยให้พี่สยามทำตามใจชอบ เอาเลยพี่มึง อยากทำอะไรทำไปเลยกูยอมแล้วทุกอย่าง ถือว่าตอบแทนค่าหมูกระทะและก็ความรักที่มีให้กัน ตอนนี้ความรู้สึกหลายอย่างถาโถมเข้ามามากมายเหลือเกิน นึกแล้วก็เขินอยู่ไม่น้อยเลยถ้าใครจะต้องมาเห็นเราสองคนทำอะไรแบบนี้ เพราะงั้น....

ขอแพลนกล้องไปที่ต้นไม้ตรงริมระเบียงก่อนนะครับ

"อ๊ะ....พี่สยาม"



[บันทึกพิเศษ : สยาม]



ซี๊ดด.ด.ด....สมปองจะรู้ไหมว่าตัวเองทำหน้ายังไงอยู่

น้องจะรู้ไหมว่าตัวเองน่าเอามากแค่ไหน

ใช้คำว่าน่าเอาเนี่ยนะสยาม

"กามจริงๆ แหละว่ะ" ผมพึมพำเบาๆ ก่อนจะลูบต้นขาขาวของคนที่นั่งขย่มอยู่บนร่าง นี่เป็นครั้งที่สองที่สมปองยอมออนท็อปให้ ส่วนตัวผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ดีมากเลยนะกับการที่ได้เห็นอะไรแบบนี้น่ะ

มันน่าไปหมด

"อ๊ะ....อื้ออ.อ.อ....อย่าเด้งสวนขึ้นมาแบบนั้นสิ"

"ทำไมล่ะหืม...."

"มันเสียว....อ๊าาาา พี่สยาม"

ก็พูดจาแบบนี้....ใครมันจะไปห้ามใจอยู่

"ซี๊ดดด.ด....นั่นแหละครับ โยกแบบนั้นแหละที่รัก" ผมผงกหัวขึ้นไปแลกจูบกับน้อง สมปองในตอนนี้ถือว่ารู้งานขึ้นเยอะเลยนะถ้าเทียบกับช่วงแรกๆ

รู้ว่าควรจะใช้คำพูดยังไง ใช้สายตา ใช้ลิ้น หรือใช้เอวยังไงเพื่อให้ผมชอบ เขาเป็นที่คนยั่วเก่งมากเลยนะ แต่น้องอาจจะไม่รู้ตัวเอง ความจริงแล้วคนที่กำลังควบอยู่บนตัวผมนี่ก็ฮอตใช่เล่นเลยนะในหมู่ของเด็กวิศวะฯ น่ะ

มีแต่คนหมายปองเต็มไปหมด

แต่เสียใจด้วยเถอะว่ะ นี่อะ แฟนผม

"อื้อออ.อ...." ผมยึดเอวน้องไว้ก่อนจะกระแทกสวนขึ้นไปถี่ๆ ใบหน้าขาวเต็มไปด้วยเหงื่อ ตามซอกคอและหน้าอกก็มีแต่รอยจูบที่ผมทำทิ้งเอาไว้ ที่คอผมเองก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก

สมปองทิ้งรอยกัดไว้เต็ม

ซี๊ด.ด.ด....น้องเป็นคนที่ชอบแสดงความเป็นเจ้าของในระดับนึงเลยนะ ขี้หึงพอสมควรเลยด้วย แล้วหึงแต่ละอย่างนี่โคตรคิ้วท์ หึงเกมที่ผมเล่น หึงต้นไม้ที่ผมปลูก วันดีคืนดีหึงหมอนตัวเองที่ผมเอามากอดด้วย ดูเขาสิ ไม่มีใครบอกรึไงว่าทำตัวแบบนั้นมันน่าฟัดแค่ไหน

หึ้ย.ย.ย...หมั่นเขี้ยวจริงๆ

"อ๊ะ....พี่สยาม....อื้ออ.อ.อ....เสียว....อ๊ะ" น้องเชิดหน้าขึ้นพลางกัดปากตัวเองเพื่อข่มความเสียว เชี่ยยยย ถ้าข้างในจะตอบสนองกันแบบนี้ก็ไม่ไหวนะที่รัก

ใจคอไม่ดีเลย

"อื้ออ.อ...ชอบไหมครับ" ผมสวนเอวขึ้นไปเน้นๆ

"อ๊า....ชอบ....อื้ออ.อ....จะไม่ไหวแล้ว....อ๊ะ..."

ผมจับเอวน้องไว้แล้วสวนเข้าไปเต็มแรง "ซี๊ดดด..ด...งั้นพร้อมกันนะ"

"อื้ออ.อ.อ....อ๊ะ....."

"อื้ม.ม.ม...."

"อ๊ะ...พี่สยาม....อื้ออ.อ...อ๊ะ....อ๊าาาาาาา" สิ้นเสียงครางอันสุขสม น้ำรักสีขาวขุ่นก็ถูกปล่อยออกมาเลอะหน้าท้องผม ตัวผมเองก็ไม่ต่างกัน

คนบนร่างซุกหน้าลงกับไหล่ผมอย่างเหนื่อยอ่อน ผมถอนกายออกก่อนจะพลิกให้น้องลงมานอนข้างๆ ใบหน้าขาวดูเพลียอย่างเห็นได้ชัด แน่ล่ะ ผมกินเขามาจะ 4 ชั่วโมงแล้วหนิ มันนับว่าเป็นเวลาที่นานพอสมควรเลยนะครับสำหรับการมีเซ็กซ์น่ะ สมปองคงไปต่อไม่ไหวแล้วล่ะ แต่แค่ที่ผมได้มาจาก 4 ชั่วโมงนี้มันก็คุ้มค่านมากแล้วนะ

ทั้งออรัลเอย ทั้งออนท็อปเอย

ปลิ้มปริ่มใจไปหมด

"ปองครับ"

"อื้ออ.อ.อ...." เจ้าตัวส่งเสียงอู้อี้ หน้าก็ซุกอยู่กับไหล่ผม "ไม่ไหวแล้ว"

เสียงเป็นเป็ดเชียว

"นี่สมปองหรือสมเป็ดเนี่ยะ"

"มึงแหละทำให้กูเป็นสมเป็ด" น้องโผล่หน้ามามองผม "มึงรับผิดชอบเลยนะ"

ผมเลื่อนเข้าไปจุ๊บปากน้อง "ให้รับผิดชอบทั้งชีวิตก็ยังได้"

"ให้มันจริง"

"พูดจริงทำจริงอยู่แล้ว"

"หึ...." น้องขยับเข้ามาซุกอกผม มือเรียวเลื่อนมากุมมือผมไว้นิ่งๆ "ใกล้วิ่งเกียร์แล้วเนอะพี่ รู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้"

"วันจริงจะตื่นเต้นกว่านี้อีก ใกล้ถึงวันที่จะได้เกียร์แล้วนะปอง"

"อื้มม.ม...ใกล้จะ...ได้เกียร์แล้ว" สิ้นเสียงแผ่วๆ คนที่นอนกอดผมก็หลับไปทันที คงเพลียจัดเลยนั่นแหละที่ได้สลบไปแบบนี้

ผมลูบหัวน้องเบาๆ พลางมองไฟสลัวๆ จากโคมไฟที่หัวเตียง ผมกลายเป็นคนที่นอนไม่หลับไปแล้วนะถ้าไม่ได้เปิดไฟทิ้งไว้ มันคงเป็เพราะความเคยชินล่ะมั้ง ผมใช้ชีวิตอยู่กับน้องมาหลายเดือน ผ่านอะไรด้วยกันมามากเลยแหละ นึกถึงตัวเองสมัยก่อนที่ไม่ยอมใครเลยแต่ก็ต้องมายอมเด็กนี่ ความเป็นสมปองมันทำให้สยามคนนี้แพ้ไปหมดทุกอย่างเลย

ชีวิตของผมคงรักใครไม่ได้อีกแล้วล่ะ

"พี่รักปองนะครับ"

วิ่งเกียร์นี้เรามาแลกใจกัน....เนอะ



[จบบันทึกพิเศษ : สยาม]













TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งหยัมปองแล้ว ขอโทษที่มาซะดึกเลย นี่เก่งมากนะที่ไม่ชิงหลับไปกลางคัน555555 ชาลยังไม่ได้นอนเลยตั้งแต่เมื่อคืน สมองนี่อ๊องมาก ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ เดี๋ยวจะตามแก้ให้

ด้วยความเบลอจะไม่ขอทอล์คใดใดเพราะเบลอจริงๆ

ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สมเป็ดมาแล้วว :z2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zenith

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
สมปองคนคิ้วท์กับนังพี่สยามคนหื่นกาม ทำไมสองคนนี้เหมือนเกิดมาเพื่อกันและกันเลยอ่ะ แต่สมปองคือเด็กคิ้วท์จริงๆ นะ ไม่แปลกใจทำไมพี่สยามถึงได้รักถึงได้หลง นี่ก็รักก็หลงน้องเหมือนกัน อยากแย่งมาจากพี่สยามอ่ะ ขอได้ไหมอ่ะพี่ เดี๋ยวน้องหาคนใหม่ให้พี่สยามเอง ฮือออ

สงสัยอย่างนึงทำไมเวลาncทีไรต้องเป็นพาร์ทพี่สยามทุกทีเลยอ่ะ มันมีนัยยะอะไรหรือเปล่า แบบเพราะพี่สยามเป็นคนหื่นกามเลยต้องเป็นพาร์ทพี่สยาม555555

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ใกล้ได้เกียร์ ได้เวลาฝากเกียร์ฝากใจไว้กับอีกคนแล้ว วุ้ยๆ 5555 สองคนนี้มันเคมีกันดีจริงๆ พูดคุยกันรู้เรื่องดี สมปองมันก็สมปองจริงๆ สมปองคนคิ้วท์ บ้าๆฮาๆแต่น่ารักตามสไตล์สมปองละ 55555 พี่สยามหลงน้องปองโงหัวไม่ขึ้นแล้ววววว ยิ่งพ่อไฟเขียว จัดไปๆ อยากทำแล้วก็ยอมให้ คือncดีค่ะ 555 เก่งขึ้นมากเลยสมปองสมกับคนหื่นๆอย่างพี่สยามอะนะ ชอบละสิชอบมากละสิพี่หยัม แหมมมมม 5555 สนุกๆค่ะ เป็นอะไรที่อ่านได้เรื่อยๆอยากรู้เรื่องราวของสองคนนี้ไปเรื่อยๆ เป็นไดอารี่จริงๆ ชอบอ่ะ รอตอนต่อไปเลย ขอบคุณที่มาอัพค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-08-2018 01:36:45 โดย blove »

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รอดูปองวิ่งเกียร์  o18

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
สมปองคนคิ้วท์กับนังพี่สยามคนหื่นกาม ทำไมสองคนนี้เหมือนเกิดมาเพื่อกันและกันเลยอ่ะ แต่สมปองคือเด็กคิ้วท์จริงๆ นะ ไม่แปลกใจทำไมพี่สยามถึงได้รักถึงได้หลง นี่ก็รักก็หลงน้องเหมือนกัน อยากแย่งมาจากพี่สยามอ่ะ ขอได้ไหมอ่ะพี่ เดี๋ยวน้องหาคนใหม่ให้พี่สยามเอง ฮือออ

สงสัยอย่างนึงทำไมเวลาncทีไรต้องเป็นพาร์ทพี่สยามทุกทีเลยอ่ะ มันมีนัยยะอะไรหรือเปล่า แบบเพราะพี่สยามเป็นคนหื่นกามเลยต้องเป็นพาร์ทพี่สยาม555555

ใกล้ได้เกียร์ ได้เวลาฝากเกียร์ฝากใจไว้กับอีกคนแล้ว วุ้ยๆ 5555 สองคนนี้มันเคมีกันดีจริงๆ พูดคุยกันรู้เรื่องดี สมปองมันก็สมปองจริงๆ สมปองคนคิ้วท์ บ้าๆฮาๆแต่น่ารักตามสไตล์สมปองละ 55555 พี่สยามหลงน้องปองโงหัวไม่ขึ้นแล้ววววว ยิ่งพ่อไฟเขียว จัดไปๆ อยากทำแล้วก็ยอมให้ คือncดีค่ะ 555 เก่งขึ้นมากเลยสมปองสมกับคนหื่นๆอย่างพี่สยามอะนะ ชอบละสิชอบมากละสิพี่หยัม แหมมมมม 5555 สนุกๆค่ะ เป็นอะไรที่อ่านได้เรื่อยๆอยากรู้เรื่องราวของสองคนนี้ไปเรื่อยๆ เป็นไดอารี่จริงๆ ชอบอ่ะ รอตอนต่อไปเลย ขอบคุณที่มาอัพค่ะ

คิดเหมือน

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 694
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ทำไมเราเขิลฉาก NC ของหยามปองอ่ะะะ
เขิลแบบขำๆ ฮาๆ ชอบจริงๆ เล้ยยยยยย
อยากจับน้องปองคนคิวส์มาฟัดว้อย !! ยึ๋ยยย

:really2: :really2:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 52 : เกียร์แลกเกียร์


ในที่สุด....วันแห่งเกียรติยศก็มาถึง

มันดูยิ่งใหญ่ไปป้ะวะ

ช่างเถอะ

ผมนั่งดูคลิปปลาคาร์ฟอยู่หน้าตึกคณะวิศวะฯ ตอนนี้เกือบบ่ายโมงครึ่งแล้วครับ ซึ่งเป็นช่วงเบรกจากกิจกรรมสันทนาการของการรับน้องใหญ่ วันนี้เป็นวันรับน้องใหญ่ของวิศวะฯ ซึ่งผมตื่นเต้นมากๆ จะได้วิ่งรอบมหา'ลัยแล้ว ทีนี้ก็จะได้เห็นความพยายามซ้อมวิ่งในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาว่ามันจะเป็นยังไง วิ่งเสร็จแล้วผมจะตายหรือว่ารอด

ต้องรอดสิวะปอง

ถ้าตายไปนี่พี่สยามเป็นหม้ายเลยนะ

ช่วงที่ผ่านมาผมกับพี่สยามก็ไม่ค่อยได้กุ๊กกิ๊กอะไรกันมากนะเพราะว่าพี่มันต้องจัดการเรื่องงานรับน้องไง ซึ่งมันก็ทั้งดีและก็ไม่ดีนั่นแหละ มันดีตรงที่ผมไม่ต้องเปลืองเนื้อเปลืองตัวแต่มันก็ไม่ดีตรงที่มันจะเหงาใจเหงากายหน่อยๆ แต่เชื่อได้เลยว่าถ้าผ่านรับน้องไป พี่สยามมันต้องมาทำตัวหื่นกามใส่สมปองคนนี้อย่างแน่นอน

คิดแล้วก็แบบ....

"ทำอะไรอะหืม"

"นั่งดูคลิป" ผมหันมองคนที่มานั่งลงข้างๆ "มึงรู้ป้ะพี่สยามว่าปลาคาร์ฟอะเป็นตัวผู้"

"ทำไมอะ"

"เพราะถ้าเป็นตัวเมียจะเรียกว่าปลาค่ะ ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ " ว่าแล้วผมก็หัวเราะลั่น

พี่มันทำหน้านิ่งใส่ "มุขนี้ซื้อทิ้งกี่บาทอะ"

"ไม่ให้ซื้อทิ้งโว้ย" ผมบอกก่อนจะทำตาโตใส่ "ว่าแต่มึงอะ ทำไมมาอยู่ตรงนี้ได้ ไม่ต้องไปช่วยชาวบ้านชาวช่องหรอ"

"กูเป็นประธานสันฯ นะ กูอู้ได้"

ผมตีไหล่พี่สยามทันที "ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ"

"ทำไมล่ะ ก็อยากมาวอแวแฟน" เจ้าตัวยิ้มหวานก่อนจะยื่นมือมาบีบแก้มผม "มึงอ้วนขึ้นป้ะเนี่ยะปอง"

"หนิ ทักว่ากูหล่อขึ้น กูจะรู้สึกดีกว่านี้มากๆ แล้วมือมึงเปื้อนอะไรมาป้ะเนี่ยะ จับแก้มกูนี่สิวขึ้นพอดี" ผมจับมือเรียวออกก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่มัน

ทำไมพี่สยามถึงชอบทักว่าผมอ้วนขึ้นวะ ไม่เข้าใจเลย รู้อยู่หรอกว่าอ้วนขึ้นนิดหน่อย บางทีผมก็สงสัยตัวเองว่าทำไมไปซ้อมวิ่งถึงขนาดนั้นแต่ไม่ได้รู้สึกว่าผอมลงเลย เนี่ยะ พอพี่สยามมันมาทักแบบนี้อีก ยิ่งรู้สึกแปลกๆ

นี่ผมอ้วนขึ้นจริงเหรอวะ

"ทำไมทำหน้างั้นล่ะ"

"กูอ้วนขึ้นจริงหรอ" ผมถามพลางเบะปากใส่ ไม่นะ อย่าบอกว่าอ้วน ต้องบอกว่าไม่อ้วนแต่ที่พูดแบบนั้นคือแกล้งเล่น

ตอบแบบนี้สิพี่สยาม

"ใช่"

.....จบแล้ว

"อึก" ผมเบะปากจนสุด ไม่สนใจด้วยว่ามันจะน่าเกลียดขนาดไหน ไอ้คนหื่นกามมันต้องได้รับรู้ความชอกช้ำระกำใจของผม

"โอ๋ๆ ล่อเล่น" มือเรียวลูบหัวผม "ไม่ได้อ้วนขึ้นหรอก แต่เวลาที่ทักแบบนี้มึงชอบทำหน้าตลกอะ มันน่ารัก กูชอบ"

"แต่กูไม่ชอบ ปกติกูก็คิ้วท์อยู่แล้ว ไม่เห็นต้องบอกว่าอ้วนเลย ถ้ามึงพูดอะไรแบบนี้อีกนะกูจะโกรธมึงมาก กูจะให้มึงไปนอนห้องน้ำ ไม่ก็นอนกับต้นไม้ริมระเบียงนั่นแหละ กูจะไม่ให้มึงหอมแก้มกู กอดก็ไม่ให้กอด แล้วกูก็จะไม่ให้มึงเอากูด้วย ใช้มือไปเลยนะมึงงงง" ผมโวยสั่งมันก่อนจะลุกหนีมาจากตรงนั้นทันทีโดยปล่อขยพี่สยามเอาไว้ตรงนั้น

นั่งเหวอแดกไปซะเถอะมึง

คอยดูนะผมจะโป้งมัน โป้งยันวันพรุ่งนี้เลยด้วย เดี๋ยวผมกลับหอเมื่อไหร่ผมจะเขียนไดอารี่ฟ้องพ่อ อันนี้คือจริงจัง พอวันพรุ่งนี้ผมจะไปฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายอย่างจริงจัง ผมจะงดของหวานหลายๆ อย่าง ผมจะไม่กินพวกบุฟเฟ่ต์หรือหมูกระทะ ชาบูก็จะไม่กิน อะไรที่ทำให้อ้วนก็จะไม่กินเด็ดขาดเลยคอยดู

"ปอง ถ้าวันนี้รับน้องเสร็จ เราไปกินชาบูกันป้ะ"

"ไปๆ กูไป" ผมตอบรับทันที คือไม่ได้จะกลืนน้ำลายตัวเองนะแต่ผมบอกว่าจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเพราะงั้นวันนี้ไม่นับ

"โอเคงั้นตามนี้เลย" ลันตารับคำ "เค้าจะเริ่มวิ่งกี่โมงวะ"

"บ่าย 2 เป๊ะ กูว่าอีกแปปนึงก็น่าจะเตรียมตั้งแถวแล้วล่ะ" ผมบอกก่อนจะมองคนที่เพิ่งเดินเข้ามา "พี่ขันมาแล้วว่ะ"

ร่างสูงเดินมาหยุดอยู่หน้าพวกผมก่อนจะยกมือขึ้นจับคอตัวเอง "ปี 1 ทั้งหมด!!!! จัดแถว" สิ้นเสียงสั่งเหล่าเด็กปี 1 ก็รีบเข้ามาจัดแถวทันทีรวมถึงพวกผมด้วย

กิจกรรมใกล้จะเริ่มแล้วสินะ

"เริ่มแล้วใช่ป้ะประเพณี" สีเทียนเอ่ยถามจากด้านหลัง

"ใช่แหละ เดี๋ยวพี่ขันจะเป็นคนเดินนำขบวนพวกเราไปส่งต่อให้พวกพี่ปี 2 พี่สยามมันบอกกูมาแบบนี้"

"เรียบร้อยรึยัง!!!!" เฮดว้ากเอ่ยถาม

"เรียบร้อยแล้วครับ / ค่ะ"

"ดี....ต่อจากนี้คือประเพณีวิ่งเกียร์ ผมจะเป็นคนนำขบวนพวกคุณไปส่งยังรุ่นพี่ของพวกคุณ แล้วพวกเขาจะวิ่งนำคุณไป" มือเรียวยกธงสีเลือดหมูของคณะวิศวะฯ ขึ้นพาดบ่า พี่ทะเลกับพี่จันทร์ฉายก็ถือธงสีขาวขนาบข้าง

โคตรเท่เลยว่ะ

วันนึงผมก็จะได้อยู่ในจุดนั้นเหมือนกันสินะ

"เริ่มขบวน" สิ้นเสียงของเหล่าพี่ว้าก ขบวนของเด็กวิศวะฯ ปี 1 ก็เดินกันมาอย่างเป็นระเบียบตามหลังของพี่ขัน ขนาดแค่เดินตามยังรู้สึกขนลุกยังไงไม่รู้

ขบวนของพวกเราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงบริเวณที่มีพวกพี่ปี 2 ที่จะวิ่งนำขบวนรออยู่ ด้านหน้าสุดคือพี่ขุนศึก ข้างๆ นั่นก็คือพี่สยามกับพี่ข้าวก้อง เด็กมากมายจากหลายคณะก็พากันมาดูประเพณีวิ่งเกียร์ เยอะมากเลยนะครับ ถ้าวิ่งแล้วล้มนี่มีเขินแน่นอนอะ ซึ่งผมจะไม่เป็นคนๆ นั้นแน่นอน อีกอย่างถ้าผมล้มนี่น่าจะโดนเหยียบตาย

ก็นะ....เป็นหัวแถวเลยนี่

พี่ขันเดินไปส่งธงคณะต่อให้พี่ขุนก่อนจะเดินไปยืนไพล่หลังอยู่หน้าขบวนพร้อมกับพี่ว้ากคนอื่นๆ ดวงตาคมไล่มองไปทั่วทั้งขบวน วันนี้นับได้ว่าเป็นวันสุดท้ายของการทำหน้าที่เป็นเฮดว้ากของพี่ขันด้วยนะ พอบายศรีฯ ตอนเย็นเสร็จเขาก็เป็นไทแล้ว ทีนี้หน้าที่นี้ก็จะเป็นพี่ขุนศึกที่ต้องรับผิดชอบต่อไป แล้วก็ตามด้วยอีงูพิษเพื่อนรักของผม

"ผมขอบอกพวกคุณไว้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นคุณห้ามทิ้งเพื่อนที่อยู่ข้างๆ คุณเด็ดขาด ระยะทางมันอาจจะไกลหน่อยแต่มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณจะจับมือกันแล้วก้าวผ่านมันไปได้ไหม ประเพณีวิ่งเกียร์นั้นคุณจะทำสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อคุณสามัคคีกัน ผมหวังว่าผมจะเห็นพวกคุณวิ่งเข้ามาถึงเส้นชัยด้วยกัน....ขอให้โชคดี" สิ้นเสียงพี่ขันกล่าว เสียงปรบมือก็ดังขึ้น

โคตรรู้สึกหึกเหิมเลยว่ะ

ผมมองแผ่นหลังของพี่สยามที่อยู่ตรงหน้า ผมต้องวิ่งตามไอ้บ้านี่สินะ หลังจากงานนี้เชื่อได้เลยว่าผู้ชายตรงหน้าจะต้องดูเท่ขึ้นประมาณล้านเท่าในสายตาของคนอื่น มันเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นแต่ว่ามันก็พอเดาได้น่ะนะ จะต้องมีคนมายุ่มย่ามกับมันแน่นอนซึ่งผมก็จะไม่ทำอะไรมากหรอกครับเพราะว่าต่อให้คนนับแสนมาอ่อย

คนที่อร่อยที่สุดก็คือผมไง

อา....พูดเองก็เขินเองเลยนะเนี่ย

"พร้อมไหมปอง" สมแยมเอ่ยถาม

"พร้อมสิ" ผมยิ้มให้เหล่าเพื่อนๆ "เรามาวิ่งไปด้วยกันนะ"

"ห้ามล้มเลยนะพวกมึง"

พี่ขุนยกธงขึ้นสะบัดสามครั้งก่อนจะจับตั้งพาดไว้บนบ่า "ข้าพเจ้า นายขุนศึก สุธานันสวัสดิ์ คณะวิศวกรรมศาสาตร์ชั้นปีที่ 2 เป็นผู้รับผิดชอบการวิ่งนำขบวนของรุ่นน้องชั้นปีที่ 1 ในประเพณีวิ่งเกียร์ครั้งที่ 21 "

ปัง....ปัง....ปัง

สิ้นเสียงปืนให้สัญญาณทั้งขบวนก็เริ่มออกวิ่ง บรรดาแก๊งค์สันทนาการที่วิ่งนำพวกผมอยู่นั้นก็กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ ปี 1 อย่างพวกผมก็ต้องทำให้เต็มที่เหมือนกัน การวิ่งนี้มันแลกเกียร์เลยนะ เกียร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของคณะวิศวะฯ เกียร์ที่เป็นเหมือนของแทนใจของเด็กวิศวะฯ และการวิ่งเกียร์ครั้งนี้....ก็เพื่อนำมันไปให้คนที่เป็นเจ้าของหัวใจของผม

คนที่วิ่งนำผมอยู่ด้านหน้านี่ไง

รอก่อนนะพี่สยาม





"แด่วันรับน้องงงง"

"แด่วันรับน้อง"

"แดวันรับน้อง"

"แด่วันรับน้อง" กับสมปองที่ยังไม่ได้เกียร์

อา....ชักหงุดหงิดใจ

หลังจากที่คีบหมูชนสามชั้นไปขนกับของเพื่อนๆ เสร็จผมก็จัดการยัดเจ้าความอร่ยนั้นเข้าปากทันที ตอนนี้เกือบ 1 ทุ่มแล้วครับและกิจกรรมรับน้องของวิศวะฯ ก็ผ่านไปแล้วด้วยดี ทั้งประเพณีวิ่งเกียร์หรือการบายศรีฯ ผมนี่ได้เชือกผูกคอมือมาเต็มเลย อีกนิดนึงก็ลามมาจนจะถึงข้อศอกละ เป็นน้องรักของเหล่าพี่ๆ ก็แบบนี้แหละ แต่บางทีก็รัดแน่นเกินไปนะ

เลือดจะไม่เดินอยู่แล้ว

กลับถึงหอเมื่อไหร่ผมจะให้พี่สยามแกะออกให้แล้วค่อยใส่ถุงเก็บไว้ พี่สยามมันต้องเคลียร์อะไรที่มอไม่รู้ครับ มันบอกว่าให้มากินชาบูกับเพื่อนๆ ก่อนแล้วเดี๋ยวมันจะมารับ พร้อมกับเอาเกียร์ของผมมาให้ คือว่าเหล่าพี่รหัสเนี่ยะจะเป็นผู้มอบเกียร์ให้น้อง ตอนที่เขาบายศรีฯ กันเขาก็ให้เกียร์กันเรียบร้อยยกเว้นพี่สยาม

มันหายไปไหนไม่รู้

เป็นรุ่นพี่คนเดียวเลยมั้งที่ไม่อยู่ตอนที่เขาผูกข้อมือกันน่ะ เพราะแบบนี้แหละผมเลยยังไม่ได้เกียร์แถมข้อมือนี่ก็ไม่มีเชือกของพี่สยามผูกอยู่ด้วย คิดแล้วมันก็น่าน้อยใจอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าจะน้อยใจไปทำไมเหมือนกัน เอาเป็นว่าถ้ามันมาผมจะบ่นมันสักหน่อยละกัน เผื่อมันจะง้อผมด้วยการพาไปกินของหวานปิดท้ายจากชาบูอะไรทำนองนี้

วันสุดท้ายแล้วครับเพราะงั้นต้องกินให้มันสุด

"กูว่านะ พรุ่งนี้ขาพวกเราหมดแรงแน่เลยว่ะ" ลันตาบอกก่อนจะแย่งตับในชามผมไป

"กูก็ว่างั้น เราวิ่งระยะไกลเลยน่ะนะ แต่ถือว่าดีนะที่ไม่มีคนล้มหรือว่าเป็นลมน่ะ" สีเทียนบอกก่อนจะคีบโน่นนี่มาใส่ถ้วยให้ผม

"ฟ้าเป็นใจน่ะตอนที่พวกเราวิ่ง แดดล่มแถมลมก็พัดเย็นๆ โคตรโชคดีเลย" แยมบอกก่อนจะหยิบถ้วยน้ำจิ้มถ้วยใหม่ให้ผม "ร่างกายโอเคใช่ไหมปอง"

"โอเคนะ นี่ถ้าไม่ซ้อมวิ่งไว้ก่อนก็น่าจะหนักอยู่เหมือนกัน"

"ทีนี้ก็เหลือแค่เรียนกับเรียนแล้วสินะ"

"เหลือประกวดดาวเดือนอีกงาน ก็จะหมดกิจกรรมของเทอมนี้แล้ว" ผมคีบสันนอกใส่ปาก "มีอีกทีก็คือกีฬาสีของเทอมหน้า"

สีเทียนนั่งเท้าคางมองเพื่อนแยม "สู้ๆ นะมึง เดี๋ยวกูไปทำป้ายไฟมาเชียร์เลย"

"กูไม่มั่นใจเท่าไหร่เลยว่ะ แต่ก็จะพยายามทำให้เต็มที่"

"มึงทำได้อยู่แล้ว" ผมฉีกยิ้มแฉ่งให้เพื่อนรักก่อนจะคีบหมูไปใส่ไว้ในถ้วยให้ จะว่าไปงานประกวดดาวเดือนที่จะถึงนี่ก็น่าเหนื่อยเหมือนกันนะ

ถึงหน้าที่การรับผิดชอบมันจะเป็นของคณะนิเทศฯ ก็เถอะ แต่ว่าพวกคณะกรรมการก็ต้องช่วยประสานงานหลายอย่างอยู่ดี ไหนจะเรื่องที่ต้องคอยซัพพอร์ตดาวเดือนของคณะอีก ต่อให้รู้สึกเหนื่อยก็ต้องอดทนน่ะนะ อีกอย่างนี่ก็เป็นงานสุดท้ายของเทอมนี้แล้วด้วย อดทนอีกหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก

สู้เขานะสมปองคนคิ้วท์

ผมนั่งสังสรรค์กับเพื่อนอีกพักใหญ่จนเวลาล่วงเลยมา 2 ทุ่มกว่าๆ ขอบอกเลยว่าตอนนี้รู้สึกอิ่มและสามารถอ้วกใส่หน้าลันตาเพื่อนรักได้ทันที แน่นมากอะ กินแบบลืมโลก ท้องผมต้องป่องมากแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยววันนี้พรุ่งนี้ก็จะกลับไปฟิตแอนด์เฟิร์มแล้ว เพราะงั้นเราจะปล่อยตัวปล่อยใจเป็นรวัยสุดท้ายครับ

ผมต้องทำแบบที่พูดได้สิน่า

ครืดดดด....ครืดดดด

ผมหยิบโทรศัพท์มากดรับสาย "ว่าไง"

(อยู่หน้าร้านแล้ว ออกมาเลย)

"เคแปป" ผมรับคำก่อนจะกดวางสาย มือก็หยิบเงินส่งให้เพื่อนๆ "อะนี่ส่วนของกู พี่สยามมันมาละ เดี๋ยวกูขอตัวก่อน"

"เออ โชคดีนะ"

"แล้วเจอกัน" ว่าแล้วผมก็เดินออกมานอกร้าน รถของพี่สยามจอดรออยู่แล้ว พอเห็นแบบนั้นผมก็ลากสังขารของตัวเองขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับที่ประจำ

หันไปยกยิ้มให้เจ้าของรถทีนึง

"อร่อยเลยสิ"

"อร่อยมากๆ ห้ามว่ากูอ้วนนะ เพราะกูจะไล่มึงไปนอนที่อื่นเลยคอยดู" ผมบอกก่อนจะคาดเบลท์

"ทำไมโหดจังล่ะหืม...." มือเรียวเลื่อนมาจับมือผมไปกุมไว้ "ไปนั่งรถเล่นกันเนอะ"

"อารมณ์ไหนเนี่ยะ"

"ก็แค่อยากพาไปเฉยๆ อะ หัดโรแมนติกบ้างสิวะ" พี่สยามทำหน้ามุ่ยใส่ผม

"เออๆ จะพาไปไหนก็ไป"

ถือซะว่า....นั่งรถย่อยก็ได้วะ





รู้ไหมครับว่าการนั่งรถเล่นของเราสองคนมันมาไกลขนาดไหน

บางแสนชลบุรีเลยล่ะ

จิ๊....หมดคำพูดเลยจริงๆ

ผมนั่งให้ลมทะเลตีหน้าอยู่ข้างพี่สยามที่นั่งดูดน้ำผักอยู่ มันควรจะเป็นการนั่งจิบเบียร์อะไรทำนองนั้นมากกว่าแต่ว่าพี่มันต้องขับรถกลับไง ก็เลยงดแอลกอฮอลล์จะดีกว่า พอเป็นนั้นพ่อคุณเขาเลยไปซื้อน้ำผักมากินแทน กลายเป็นรักสุขภาพขึ้นมาเฉยๆ เลยอะนะ

เพลียใจเลย

"ทำไมทำหน้าแบบนั้นอะ ไม่ชอบอ๋อพามาทะเล"

"มึงพามาตอนกลางคืนเนี่ยะนะ"

"อืม....ดาวที่ทะเลสวยออก" เจ้าตัวเอ่ยเบาๆ ก่อนจะหันมองผม "ไม่ชอบหรอ"

"ชอบสิ แฟนพามาทั้งที่จะไม่ชอบได้ยังไง" ผมยิ้มหวานให้พี่สยามแวบนึงก่อนจะแบมือตรงหน้ามัน "ไหนของๆ กูล่ะ"

มือเรียวหยิบของในกระเป๋าเสื้อก่อนจะวางไว้บนมือผม "ยินดีต้อนรับสู่คณะวิศวกรรมศาสตร์อย่างสมบูรณ์นะครับน้องปี 1 "

"ขอบคุณนะครับพี่ปี 2 " ผมมองเกียร์ที่อยู่ในมือแต่ว่ามันไม่ได้มีแค่อันเดียว "พี่สยาม"

"พี่ขันเคยบอกว่าการที่เราจะให้เกียร์กับใครสักคน เราก็ต้องมั่นใจแล้วว่าเขาคนนั้นจะเป็นเจ้าของหัวใจของเราไปตลอดทั้งชีวิต ซึ่งตอนนี้....กูว่ากูเจอแล้วล่ะ"

ตึกตัก

"พี่สยาม" ผมมองคนที่หยิบสร้อยเกียร์ของตัวเองมาคล้องคอ ตอนนี้หัวใจเต้นแรงมากเลยอะ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกัน

"หัวใจ....ให้ไปแล้วก็ดูแลให้มันดีดีนะ" ว่าแล้วมันก็ยื่นหน้าเข้ามาจูบผมเบาๆ ก่อนจะละออกไปแล้วยิ้มหวานให้

เชี่ยยยย

อยากจะละลายเป็นฟองไปรวมกับกองคลื่น

"ทำไมอ่อนโยนแบบนี้วะ ไม่สมเป็นมึงเลยอะ" ผมยกมือลูบแก้มตัวเองเพื่อคลายความร้อน

"ความจริงก็เป็นคนอ่อนโยนนะ จะแข็งก็ตอนที่มีอารมณ์"

"เดี๋ยวววว" ผมตีไหล่มันทันทีที่มันพูดออกมาแบบนั้น "มึงนี่มันจริงๆ เลยนะ"

"ชอบล่ะสิ"

"ไม่ชอบหรอก" ผมเอาเกียร์ของตัวเองห้อยที่คอของพี่สยามก่อนจะยิ้มบางๆ ให้ "เพราะว่ารักต่างหาก"

มือเรียวรั้งผมเข้าไปกอดไว้ "พูดจาน่ารักนะเราน่ะ แบบนี้พี่จะไปไหนได้"

"ก็ไม่ต้องไปไหนไง อยู่ด้วยกันตรงนี้นี่แหละ" ผมกุมมือพี่สยามไว้แน่น "ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน กูไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีวันนี้ กูจำความรู้สึกแรกที่เจอมึงได้เลยนะ กูไม่ชอบขี้หน้ามึงเอามากๆ แต่ตอนนี้คนที่กูเคยไม่ชอบมากๆ กูกลับรักมาก จนแทบไม่อยากห่างไปไหน มึงทำของใส่กูแน่ๆ เลยพี่สยาม"

"ก็ใช่ไง เอาให้หัวปักหัวปรำ" จมูกโด่งกดลงที่แก้มของผมหนักๆ

"อื้ม.ม.ม....."

"กูดีใจนะปองที่วันนี้เราได้มาอยู่ด้วยกันตรงนี้ ดีใจที่เราได้แลกเกียร์กัน กูมีความสุขมากที่ได้เจอมึงนะ"

"กูก็เหมือนกัน" ผมหอมแก้มพี่สยามดังฟอด "หัวใจของกู....กูให้ไปแล้ว มึงก็ต้องรักษามันอย่างดีเหมือนกันนะ"

"กูจะรักษามันให้ดีที่สุด" พี่สยามยิ้มหวานให้ผม ชอบจริงๆ รอยยิ้มนี้น่ะ ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมันดูกวนประสาทมากแท้ๆ

ไปไหนไม่รอดแล้วล่ะสมปอง

ผมกอดพี่สยามอยู่อย่างนั้น ช่วงเวลานี้มันดีและมีความสุขจริงๆ เรื่องที่เราแลกเกียร์กันมันก็ต้องถูกบันทึกลงไดอารี่ของผมเหมือนกัน ตอนที่พ่อได้อ่าน เขาจะต้องยิ้มออกมาแน่ๆ ผมจะถ่ายทอดความสุขนี้ให้พ่อได้อ่าน หวังว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นมันจะทำให้พ่อยอมปล่อยให้ผมได้เรียนที่นี่ต่อในปีต่อๆ ไป ผมหวังแบบนั้นจริงๆ

ถ้าผมได้เรียนต่อที่นี่....ผมก็จะได้อยู่กับคนที่ผมรักไงล่ะ

"พี่สยาม....ปองรักพี่สยามนะ"

"พี่ก็รักเราเหมือนนะ....สมปอง"


มันคือ....ความสุขจริงๆ นั่นแหละว่ะ















TBC.

สวัสดีค่ะชาลมาส่งหยัมปองแล้วหลังจากที่หายไป 2 อาทิตย์ ต้องขอโทษด้วยที่ให้รอกันนานเลย ชาลต้องจัดการเรื่องต้นฉบับขันหมีซึ่งตอนนี้ก็เสร็จไปแล้ว ต้องเคีลยร์เรื่องค่าเทอมก็จัดการแล้ว ตอนนนี้ก็เหลือแค่เปิดเทอมวันจันทร์นี้เท่านั้นเองค่ะ

ยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ แต่เดี๋ยวจะตามแก้ให้นะ ก็ตอนหน้าก็จะเป็นตอนจบของนิยายเรื่องนี้แล้วนะ ก็อยู่ด้วยกันมาปีกว่าแล้วสำหรับเรื่องนี้ ก็ถึงเวลาที่น้องต้องจบลงแล้วนะคะ ตอนสุดท้ายจะเป็นยังไงรอติดตามนะ

ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสาร + ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
บอกรักก็แล้ว ให้เกียร์ก็แล้ว ตอนหน้าจะจบแล้ว  :heaven

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
หวานเว่อร์555

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทส่งท้าย


ครึ่งปีผ่านไป

.

.

ความรู้สึกใจเต้นตึกตักๆ นี้มันจริงๆ เลยนะ

ลุ้นกับคำตอบของพ่อจัง

ผมนั่งมองคนที่นั่งอ่านไดอารี่อยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยใจที่สั่นระรัว ไม่รู้เลยครับว่าคำตอบของพ่อจะออกมาเป็นยังไง นี่ก็ได้แต่หวังว่าพ่อจะเซย์เยสให้ผมได้เรียนต่อที่เดิม แต่ถ้าพ่อเซย์โน ผมอาจจะต้องไปเข้าทางแม่ก่อน แล้วถ้าแม่ไฟท์จนหมดหนทางจริงๆ ผมก็จะหนีแม่งเลย

เราทำแบบนั้นไม่ได้ป้ะวะ

โอ๊ย กดดันจังโว้ย

คนคิ้วท์จะบ้าแล้วน้า

ผมทำหน้ายับพลางเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ไม่ใช่ใครไหนไกลครับ พี่สยามนั่นแหละ สีหน้าเจ้าตัวก็ดูลุ้นกับคำตอบของพ่ออยู่นะ เพราะว่ามันก็เป็นตัวตัดสินในอะไรหลายๆ อย่างเลยแหละ ทั้งเรื่องในอนาคต ไหนจะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเราอีก มันมีหลายอย่างที่ทำให้คิดมากน่ะ ผมก็ได้แค่หวังให้มันเป็นไปตามแบบที่คิด อยากเรียนที่เดิมนะถึงแม้ว่าจะสาหัสมากเลยก็เถอะ

แต่ผมก็เป็นคนเลือกสิ่งเหล่านั้นเองไง

ตั้งช่วงมัธยมฯ ที่ต้องอ่านหนังสือแล้วไปสอบ ต้องทำโนนี่นั่นเองทุกอย่าง ตอนนั้นผมพยายามมากเลยนะเพราะมันตั้งใจจริงๆ ที่จะเรียนวิศวะฯ และก็ต้องเป็นของมหา’ลัยนี้อะ ผมรู้ว่ามันจะหนักแต่ก็เตรียมใจรอเอาไว้แล้วไง พอได้เข้าไปเรียนก็เออแม่งหนักจริงแบบที่คิดไว้ บ่อยครั้งนะที่คิดแบบมันเหนื่อยว่ะ แล้วยิ่งได้รับหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมการนักศึกษาแล้วด้วย

ไม่คิดเลยว่าจะผ่านช่วงปี 1 มาได้โดยไม่ตาย

ผมว่ามันอาจจะเป็นเพราะปัจจัยหลายๆ อย่างก็ได้ ช่วงปีที่ผ่านมาชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะเลย มีทั้งเพื่อนที่ขี้แกล้งชิบหาย มีแฟนเป็นผู้ชายทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมี เรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดช่วงที่ผ่านมามันก็สนุกดีและก็สอนอะไรหลายๆ อย่างให้ผมตั้งเยอะ สมปองในตอนนี้กับสมปองเมื่อปีก่อนต่างกันเยอะมากเลย ที่แน่ๆ คือ....อ้วนขึ้นเยอะเลยครับ   

พูดเองก็รู้สึกเจ็บเอง

คำว่าอ้วนนี่ พูดในใจก็เจ็บสินะ

“จบละ” พ่อปิดสมุดไดอารี่ก่อนจะวางมันไว้ตรงด้านหน้า “มีอะไรอยากจะพูดกับพ่อไหมสมปอง”

“อยากเรียนต่อที่เดิมครับ หวังว่าพ่อจะเมตตาลูก”

“ขอเหตุผล”

“เหตุผลมีหลายข้อมากครับ อย่างแรกเลย....ลูกพยายามที่จะเข้าไปเรียนที่นั่นมากและลูกก็ทำได้ ลูกไม่อยากสูญเสียสิ่งสำคัญที่ตัวเองได้พยายามลงไปน่ะครับ”

“แล้วยังไงต่อ”

“ลูกมีความสุขที่ได้อยู่ตรงนั้นมากถึงแม้ว่าจะโดนเพื่อนแกล้งบ่อย งานที่รับผิดชอบหนัก เวลามีควิซของฟิสิกส์จะรู้สึกใกล้ตายแต่ว่าทั้งหมดนั่นก็เป็นสิ่งที่ลูกเลือกเอง ลูกรับมือกับมันได้ การไปใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นทำให้ลูกได้รู้ว่าคนเราไม่มีอะไรได้ดั่งใจเสมอไป มีเรื่องดีเกิดขึ้นได้ เรื่องไม่ดีก็ต้องเกิดขึ้นได้มันเป็นธรรมดา”

“ปรัชญาดี แล้วยังไงอีก”

“ลูกเปลี่ยนไปเยอะจากเมื่อก่อนอย่างน้อยก็เรื่องการใช้ชีวิตมั้งครับ อีกอย่างนึงที่ลูกได้รับมาจากตรงนั้นคือลูกได้รู้จักกับคนๆ นึง คนที่เข้ามาเปลี่ยนชีวิตลูก ซึ่งพ่อคงได้รับรู้เรื่องของเราทั้งหมดแล้วตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้” ผมหันมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ “ลูกเขียนลงไดอารี่ไปหมดแล้ว”

“ปอง” พี่สยามหลุดยิ้มออกมาก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือผมไว้ สัมผัสนี้มันอบอุ่นเสมอนั่นแหละ

ไม่เคยเปลี่ยนเลย

ผมไม่รู้ว่าพ่อจะตัดสินใจในเรื่องนี้ยังไง ช่วงที่เรียนจบปี 1 มันเป็นช่วงที่ผมหวั่นใจมากเพราะว่ามันถึงเวลาตามข้อตกลงแล้ว ยอมรับครับว่ากลัวการที่พ่อจะบอกว่าพ่อยังยืนยันคำเดิมว่าจะให้ผมย้ายมาเรียนบริหารฯ ใกล้ๆ บ้านแทน ความน่ากลัวของมันไม่ใช่เรื่องการเรียนนะแต่เป็นระยะห่างของความสัมพันธ์หลายๆ อย่างต่างหาก มิตรภาพที่ผมได้รับมาตลอดช่วงปี 1 ไม่ว่าจะกับใครก็ตามมันเป็นสิ่งที่ดีที่ผมไม่อยากเสียไป

ที่สำคัญก็คงเป็นพี่สยาม

เราอยู่กันมาตลอดเลยนะครับ มันเกือบจะปีแล้วด้วยอีกไม่กี่เดือนเอง เรื่องราวระหว่างเรามันมากมายจนผมยังอยากให้มันคงเป็นเหมือนเดิม ลองคิดว่าคนที่ตื่นมาเจอหน้ากันทุกวัน พูดคุยกัน ระบายปัญหาแสนแปดให้กันฟัง กินข้าวด้วยกัน นอนกอดกัน แล้วถ้าวันนึงมันไม่เหมือนเดิม ถ้าวันนึงเราต้องอยู่ห่างกันจริงๆ มันคงจะไม่ใช่การปรับตัวที่ใช้เวลาแปปๆ แล้วจะชินแน่นอน

ใครสักคนต้องประสาทแดกก่อนแน่ๆ

อาจจะเป็นผม

ถ้าเราต้องห่างกันจริงๆ ผมคงจะกังวลหลายอย่างมากและก็คงคิดถึงมันน่าดูเลย ผมได้ยินบ่อยนะเรื่องความสัมพันธ์ของความรักกับระยะทางน่ะ บางคนเขาต้องอยู่ห่างกันเป็นซีกโลกแต่ด้วยความรักและไว้ใจกันมันก็ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ยังคงอยู่ได้ แต่ถามจริงๆ นะ มันเป็นความสุขที่พูดได้ว่าสุดจริงๆ เหรอ การได้ฟังแค่เสียง การได้เห็นหน้าเขาผ่านแค่หน้าจอโทรศัพท์มันจะสุขไปเท่ากับการได้เจอเขาตัวเป็นๆ ได้ยังไง

จริงไหมล่ะ

ความสัมพันธ์ที่อยู่กันมันเป็นเรื่องของข้อจำกัดมากกว่า คนเราย่อมอยากอยู่ใกล้ๆ คนที่ตัวเองรักอยู่แล้วซึ่งผมก็เป็นประเภทนั้นแหละ ผมจะต้องพยายามทำทุกทางเพื่อที่จะได้อยู่กับพี่สยาม ถึงมันจะชอบบีบแก้มผมแล้วพูดว่าอ้วนแล้วนะปองก็เถอะ แต่ผมก็ยังอยากให้มันทำแบบนั้นอยู่ดี ทั้งหมดนั่นมันคือความรักของเราอะ

อา....ทำไมเพ้อเจ้อเก่งแบบนี้วะ

“ปองรู้ไหมว่าทำไมพ่อถึงให้ลูกเขียนไดอารี่เพื่อเอามาให้พ่ออ่าน”

“มันคือข้อตกลงที่จะทำให้ลูกได้เรียนต่อหรือไม่ได้เรียนต่อไงครับ”

พ่อส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมา “ความจริง พ่อให้ลูกเขียนไดอารี่เพราะอยากจะรู้ว่าการที่ลูกต้องไปอยู่คนเดียวไกลๆ การไปอยู่ในที่ๆ ตัวเองชอบมันเป็นยังไงต่างหาก ที่สำคัญคือช่วงที่ผ่านมาพ่ออยากรู้ว่าลูกโตขึ้นมากแค่ไหนซึ่งตอนนี้พ่อก็ได้เห็นมันทั้งหมดแล้ว”

“.....พ่อ”

“ความคิดที่ย้ายให้ลูกไปเรียนบริหารฯ หรือเกษตรฯ นั่นมันไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกหรอกนะ แต่สิ่งที่พ่อพูดมันคือจิตวิทยาที่ทำให้ลูกต้องพยายามมากขึ้นเพื่อที่จะอยู่ในจุดที่ลูกต้องการซึ่งพ่อก็คิดว่ามันดีแล้ว ที่สำคัญคือ....ตอนที่ได้แกล้งแบบนั้น แล้วลูกทำหน้าตลกๆ ออกมามันคือความสุขของคนเป็นพ่อจริงๆ ”

ผมเบะปากสุดใส่เขาทันที “ทำไมทำแบบนี้ล่ะครับ” ทุกคนดูพ่อทำกับผมสิ ทุกคนดู้ววววววววววว

แล้วที่เครียดมาเกือบเดือนนี่มันคืออะไรวะเนี่ย

“พ่อก็บอกไปแล้วไงว่าทำไม” เขาลุกมาหยุดอยู่ข้างๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวผมเบาๆ “มีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือกเถอะสมปอง ครอบครัว....จะคอยสนับสนุนทุกอย่าง”

“ขอบคุณครับ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะยกขึ้นกอดเอวพ่อไว้แล้วเอาหน้าจุมปุ๊กอยู่ตรงนั้น

“สยาม”

“ครับ”

“ฝากน้องด้วยนะ ดื้อไปหน่อยแต่เราก็คงรับมือได้ใช่ไหมล่ะ”

“รับมือได้ครับ....ผมจะดูแลน้องอย่างดี”

ผมหันขวับไปมองเจ้าตัว “ตลอดทั้งชีวิตด้วย”

“ตลอดทั้งชีวิตครับ”





“โล่งใจเนอะที่พ่อให้เรียนต่อที่เดิมน่ะ เหมือนสิ่งที่คิดมากมาตลอดมันเป็นแค่ความฝันเลยว่ะ”

“กูก็บอกแล้วว่าอย่าคิดมาก มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เป็นไงล่ะ”

“ก็คนมันคิดมากไปแล้วป้ะวะ” ผมทำหน้ามุ่ยใส่ก่อนจะตักไอติมรสนมที่ตัวเองชอบเข้าปาก

อื้ออ.อ.อ....นี่แหละความสุข

หลังจากที่ฟังการตัดสินเรื่องอนาคตจากพ่อเสร็จเรียบร้อย ได้ผลว่าทั้งหมดนั่นพ่ออยากแกล้งผมเฉยๆ มันก็รู้สึกอยากจะเบะปากแล้วงอแงเป็นเด็กๆ อะนะ แต่อีกใจก็ดีใจนั่นแหละที่เขาไม่ได้คิดจะให้ผมย้ายที่เรียนจริงๆ ทุกอย่างที่มันอึดอัดในใจผมก็ถูกยกออกไปหมดแล้วครับ โล่งมากๆ นี่คิดไว้ว่าถ้าเปิดเทอมเมื่อไหร่ผมก็จะตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง ให้สมกับที่ได้เรียนต่อที่นั่นน่ะนะ

อาจจะมีอิดออดบ้างแต่ว่าจะตั้งใจจริงๆ

ขึ้นปี 2 นี่ผมก็ต้องรับผิดชอบงานหลายอย่างเลยเพราะว่าเป็นประธานกรรมการนักศึกษาไง เดี๋ยวต้องคอยช่วยน้องรุ่นต่อไปด้วย ไหนจะเรื่องกิจกรรมต่างๆ ที่ต้องจัดการอีก คิดแล้วก็ตื่นเต้นอยู่นะ เดี๋ยวต้องหาคนไปเป็นประธานสันทนาการด้วยซึ่งคนที่ผมเล็งไว้นั่นก็คือสีเทียนเพื่อนรักนั่นเอง ผมว่าเพื่อนเทียนฮามากพอที่จะเป็นพี่สันฯ และดึงดูดพวกเด็กๆ ได้ เอาจริงๆ แค่หน้าสวยๆ นั่นโผล่ไปให้น้องๆ เห็นก็มากพอละ

ของแรร์เลยนะนั่นน่ะ

ผมปิดเทอมมาประมาณเดือนกว่าๆ แล้วครับ แต่ว่าเพิ่งจะว่างกลับมาบ้านก็ช่วงนี้นี่แหละ ก่อนหน้านี้ก็ทำงานให้คณะหลายอย่าง ขอบอกเลยว่าหนักหนาสาหัสมากพอสมควร ไหนจะต้องร่วมกิจกรรมของโครงการประกวดคลิปสั้นที่คณะนิเทศฯ จัดขึ้นมาอีก คือท่านเฮดว้ากเขาสั่งมาไง ประธานคณะกรรมการต๊อกต๋อยอย่างผมก็ต้องทำตามอย่างขัดไม่ได้อยู่แล้ว

ย้อนไปนึกทีไรก็รู้สึกอยากกอดตัวเองแล้วบอกว่าโอ๋นะปองนะ

“เอาอีกไหม” พี่สยามเอ่ยถามก่อนจะตักเชอร์รี่มาใส่ถ้วยผมให้ วันนี้มาแปลก ไม่ห้ามแถมยังถามด้วยว่าเอาอีกไหม

“ปกติจะห้ามไม่ใช่หรอ”

“เห็นมึงกินแล้วมีความสุข เลยอยากให้กินเยอะๆ ” เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะยิ้มหวานให้ผม

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ “กูกินอะไรก็อร่อยมั้งเถอะ”

“รวมถึงกูด้วยป้ะ”

“ไม่ มึงไม่อร่อย เอ้า อะไรเล่า เอาถ้วยคืนมานะ” ผมโวยใส่คนที่แย่งถ้วยไอติมไปทันที ทำไมถึงชอบแกล้งสมปองคนคิ้วท์แบบนี้วะห้ะ แกล้งแล้วมันสนุกนักรึไง

“ถอนคำพูดเลย”

“ถอนคำพูดอะไร”

“ถอนคำพูดที่บอกว่ากูไม่อร่อย ถ้ามึงไม่พูดก็ไม่ต้องกิน”

“หื้อออ.อ.อ.....พี่สยามมมม” ผมเบะปากใส่มัน คือกำลังจะกินหมดอยู่แล้วอีกสามคำเองนะนั่นน่ะ

“เร็วๆ ”

ผมทำเป็นตาใสใส่ “กูถอนคำพูดก็ได้ มึงอร่อยที่สุดในโลกเลย โอเคแล้วใช่ไหม”

“เออ ให้มันรู้เรื่องซะบ้าง” มือเรียวส่งถ้วยไอติมคืนให้ผมพร้อมกับทำหน้าที่เหนือกว่า แหม่ มันน่าตบนัก อย่าเผลอเชียวนะ เดี๋ยวจะแอบหยิกให้เนื้อเขียวเลย

ผมตักไอติมที่เหลือเข้าปาก ตอนนี้เรามานั่งกินไอติมกันอยู่ที่ตลาดในเมืองครับ ถือว่าย้อนวัยพาพี่สยามมาเจอสภาพแวดล้อมที่ผมเคยอยู่ เดี๋ยวอาทิตย์หน้าผมก็ต้องไปบ้านพี่สยามที่ลำปางเหมือนกัน ถึงเวลาที่ต้องเอาตัวเองไปฝากเนื้อฝากตัวไว้กับครอบครัวนั้นแล้ว หวั่นใจอยู่เหมือนกัน แต่ว่าผมจะทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูเพื่อทำให้พวกท่านหลงผมให้ได้ ผมคิดว่าตัวเองจะทำได้น่ะ

ขนาดลูกเขาผมยังทำให้หลงได้เลย

พูดจามั่นหน้ามากเว่อร์

“ปอง”

“หืม....”

“ดีใจด้วยนะที่ได้เรียนที่เดิมน่ะ”

ผมคลี่ยิ้มให้มันบางๆ “กูก็ดีใจกับสมปองเหมือนกัน ทีนี้เราก็ยังจะได้อยู่ด้วยกันนะพี่สยาม อย่าเพิ่งเบื่อกูไปซะก่อนล่ะ”

“มันไม่มีวันนั้นหรอก” มือเรียวเลื่อนมาแตะที่มุมปากของผมเบาๆ ก่อนจะเอาไปเลีย “มันเลอะอะ”

ฉ่าาาา

นี่คือวิธีเช็ดปากของมึงงั้นเหรอ

ผมยกมือขึ้นทาบอกตัวเอง “มึงนี่....ร้ายนะพี่สยาม”

“กูยังไม่ทันทำอะไรเลย มึงเถอะ หน้าแดงทำไม”

“ยังจะมาถามอีกไอ้บ้า ไปจ่ายเงินไป อิ่มแล้ว”

“หึ....” ร่างสูงยกยิ้มให้ก่อนจะเดินไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ส่วนผมก็หยิบไดอารี่สีขาวของตัวเองไปรอที่หน้าร้าน ชอบบรรยายกาศแบบนี้จริงๆ ช่วง 5 โมงที่แดดอ่อนลงแล้วนี่มันเยี่ยมไปเลย

อยากเห็นอะไรแบบนี้ทุกๆ วัน

พี่สยามเดินออกมาจากร้าน ผมก็จูงให้มันเดินตามมา ร่างสูงไม่เอ่ยถามอะไรกับผม เออดีละ เดินตามมาเรื่อยๆ แบบนั้นแหละ ผมมีที่นึงที่อยากจะพามันไป มันเป็นสถานที่ที่ผมชอบและก็อยู่ไม่ไกลจากตลาดเท่าไหร่ ไม่ได้ตรงนี้ก็ปีกว่าแล้ว ไม่รู้มันจะเปลี่ยนไปขนาดไหน

สวนสาธารณะที่ผมวิ่งหนีหมาเป็นครั้งแรกน่ะ

หมาตัวใหญ่มากด้วยนะ

ผมลากพี่สยามเดินเข้ามาในตัวสวนเรื่อยๆ จนมาถึงม้านั่งที่ผมนั่งเป็นประจำในสมัยก่อน ผมตบที่นั่งข้างๆ พี่มันก็นั่งลงอย่างรู้งาน มือเรียวหยิบไดอารี่ของผมไปเปิดอ่านช้าๆ เอาจริงๆ ผมตกลงกับพี่สยามเอาไว้ว่าจะไม่ให้มันอ่านจนกว่าจะถึงวันนี้ซึ่งมันเองก็โอเคกับข้อตกลงนะ ตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วล่ะที่มันจะได้รับรู้เรื่องทุกอย่างที่ผมเขียน

ช่วงเทอม 2 ที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันบันเทิงมากจริงๆ

เทอม 2 เนี่ยะ มันจะมีกิจกรรมกีฬาสีเป็นกิจกรรมใหญ่ ผมก็ขึ้นสแตนด์แล้วก็คอยทำโน่นนี่ ส่วนพี่สยามมันเป็นคฑากรไม้ 2 ครับ ขอบอกเลยว่าโคตรเท่ แต่เพราะเท่แบบนั้นนั่นแหละมันก็เลยเป็นที่หมายปองของชาวบ้านเต็มไปหมด แน่นอนว่าผมหึงแบบชิบหายวายวอดเลย เข้าใจฟีลพี่สยามไหมอะ ฟีลประธานสันฯ ที่ต้องเป็นมิตรกับชาวบ้านในระดับนึง รู้สึกได้เลยว่าช่วงนั้นผมทำหน้าเหี้ยมตลอดเวลาที่เดินอยู่ข้างมัน

เหมือนประสาทแดกไปช่วงนึง

ผมเกรี้ยวกราดในระดับที่ใครมองแฟนผมมากๆ แล้วอยากจะเอาหนังยางไปยิงให้ตาแตก นี่เขียนเรื่องนี้ลงไดอารี่เยอะมากและผมคิดว่าพี่สยามมันกำลังอ่านตรงนี้อยู่แน่ๆ มันถึงได้มองหน้าผมแล้วขำถึงขนาดนั้น

มีปัญหาเหรอวะ

“ขำอะไรวะ”

“ขำมึงหึง”

“ก็หึงจริงๆ แต่ช่วงนี้ดีละ มึงไม่ฮอตแล้ว”

“แล้วยังหึงอยู่ไหม” พี่สยามเอ่ยถามผม “ไหนพูดให้ชื่นใจซิ”

“ไม่”

“สมปอง”

“เออหึง” ไม่เห็นต้องกดเสียงต่ำขนาดนั้นเลย ผมเอียงหัวไปใกล้มัน “แล้วมึงอะ หึงกูป้ะ”

“ไม่”

“พี่สยาม”

“ไม่หึงก็บ้าแล้ว” จมูกโด่งกดลงที่แก้มผมฟอดใหญ่ มึงนี่ทำอะไรโจ่งแจ้งชะมัด ถึงตรงนี้จะมีแค่นกเขาตัวเดียวมึงก็ควรอายนกบ้างนะ

“อื้ออ.อ.อ....อย่าหอมสิ นี่มันข้างนอกนะ” ผมตีแขนมัน

“ไว้ถึงบ้านก่อน กูจะฟัดให้ตาย” เจ้าตัวบอกก่อนจะไล่เปิดไดอารี่อ่านไปเรื่อย ผมก็มองตามอยู่แบบนั้น เห็นสีหน้าของพี่สยามที่แสดงออกมานี่ก็เพลินตาดีเหมือนกัน

น่ารักเชียว

รู้สึกดีใจนะครับที่ผ่านไปครึ่งปีกว่าๆ แล้วเรายังคงอยู่ด้วยกันเหมือนเดิม มีงอแงใส่กันบ้างแต่มันก็ผ่านกันมาได้ ตอนนี้ผมกับพี่สยามก็เรียกได้ว่าปรับตัวเพื่อเข้าหากันได้อย่างดีเยี่ยมเลยล่ะ ในอนาคตมันก็คงจะเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ นั่นแหละ เมื่อก่อนผมเคยคิดด้วยนะว่าความสัมพันธ์ของผู้ชายกับผู้ชายมันจะยั่งยืนสักแค่ไหนกันเชียว ตอนนั้นยังไม่ได้สัมผัสกับตัวเองไง พอมาอยู่จุดนี้แล้วมันก็เลยทำให้ได้รู้ว่ามันไม่เกี่ยวกับเรื่องเพศแต่ว่ามันเป็นความรู้สึกของคนสองคนต่างหาก

มันโคตรใช่เลย

ผมไม่สนใจสายตาของใครที่มองว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายหรอกนะเพราะผมไม่รู้จักคนพวกนั้น ครอบครัวของผม เพื่อนๆ และคนรอบๆ ข้างเขายอมรับในความรักของเราสองคนนั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว เราไม่จำเป็นต้องแคร์คำพูดของคนที่เราไม่รู้จักขนาดนั้นหรอกนะครับ เนี่ยะ เพราะคิดแบบนี้มาตลอดก็เลยเป็นคนปลงๆ กับโลกได้มากถึงขนาดนี้ไง ซึ่งมันก็ดีแล้วแหละ   

ก็สะดวกจะคิดแบบนี้อะ

“จบละ” พี่สยามส่งไดอารี่ให้ผม “นี่มันไดอารี่ที่เขียนไว้เพื่อด่ากูชัดๆ ”

“ด่าอะไรไม่ใช่แล้ว มึงอะมองไม่เห็นความรักของกูเองมั้งเถอะ สะเหล่อ” ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะเปิดไปที่หน้าสุดท้าย ความจริง....ไดอารี่เล่มนี้มันเดินทางมาถึงหน้าสุดท้ายแล้วครับ

วันนี้ผมจะเขียนมันเป็นครั้งสุดท้าย

“ปอง”

“หืม....” ผมหันมองพี่สยาม จังหวะนั้นใบหน้าคมก็เลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะประทับจูบลงมาอย่างแผ่วเบา

ตึกตัก

นี่มัน....

ริมผีปากอุ่นละออกไป “ทั้งหมดนี่มันสนุกมากเลย ถ้าวันนั้นกูไม่บอกว่ามึงชื่อโบราณมันจะเป็นยังไงนะ”

“เรื่องราวในไดอารี่มันก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้มั้ง เอาจริงๆ กูไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตจะมีวันนี้น่ะ”

“ไม่เคยมีใครคิดหรอก” มือเรียวดันหัวผมให้พิงไหล่ตัวเองไว้ก่อนจะลูบเบาๆ “แต่มันก็ดีใช่ไหมล่ะ”

“ใช่มันดีที่สุด กูมีความสุขมากเลยที่มีมึงอยู่กับกูตรงนี้” ผมยิ้มหวานให้พี่สยาม “ช่วยอยู่เป็นความรักของกูไปเรื่อยๆ นะเลยนะพี่สยาม กูก็จะเป็นความรักเรื่อยๆ ของมึงเหมือนกัน”

“จะพูดจาให้หลงไปถึงไหนอะปอง” พี่สยามจุ๊บหัวผมเบาๆ “แค่นี้ก็จะเป็นบ้าแล้ว”

“ก็เป็นบ้าไปด้วยนี่แหละ” ผมหยิบปากกาขึ้นมาก่อนจะเริ่มเขียนสิ่งที่อยากจะบอกเล่าในหน้าสุดท้าย แต่หน้านี้พ่อคงไม่ได้อ่านแล้วล่ะ ก็จะเป็นแค่ผมกับพี่สยามเท่านั้นที่จะอ่านมัน

เอาล่ะนะ



เดินทางมาถึงหน้าสุดท้ายของไดอารี่แล้ว

ไม่เชื่อเลยว่าตัวเองจะเขียนจนจบเล่มน่ะ

วันนี้เป็นวันที่รู้สึกดีใจมากๆ เลยเพราะว่าพ่อให้เรียนที่เดิมแล้วนะ อนาคตที่ลองวาดเอาไว้คร่าวๆ ก็อาจจะได้ทำตามนั้น ขอสัญญากับหน้ากระดาษนี้เลยว่าจะทำทุกอย่างออกมาให้ดีที่สุด จะทำให้ดีที่สุดไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม วันนี้ตอนที่พ่ออ่านไดอารี่จบพ่อก็พูดในสิ่งที่เขาเคยพูดไปแล้วด้วยนะว่านี่มันเป็นไดอารี่ที่เขียนถึงพี่สยามชัดๆ พอมาได้นั่งอ่านก็จริงแบบที่เขาว่านั่นแหละ

พี่สยามมีอยู่ในหน้าแรกจนถึงหน้าสุดท้ายเลย

ก็นะ มันเป็นส่วนสำคัญของเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตเลยหนิ ไม่เคยคิดเลยว่าจากที่เกลียดขี้หน้ามากๆ จะกลายมาเป็นคนที่รู้สึกรักมากซะได้ ฟังแล้วบ้าบอแต่มันก็จริงอะ ทุกช่วงเวลาที่ถูกบันทึกเอาไว้ ทุกเหตุการณ์มันล้วนสำคัญไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายมันก็ถือว่าเป็นบทเรียนให้กับชีวิตทั้งนั้น นี่ยังเชื่อตลอดว่าประสบการณ์ที่ไม่ดีจะสอนให้เราไม่ทำมันอีก ส่วนสิ่งที่ดีดีเราก็จะทำให้มันดีไปยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไงแต่ว่าขอให้มีคนที่ตัวเองรักอยู่ข้างๆ ก็พอ

ผมอยากขอบคุณพี่สยามนะที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวต่างๆ ขอบคุณที่เข้ามาสอนอะไรให้เยอะแยะ ขอบคุณที่รักผม.....อยากขอบคุณจริงๆ ทุกสิ่งที่มันคือช่วงเวลาแห่งความทรงจำที่ดีที่สุดแล้ว

ความจริงผมเรียกไดอารี่เล่มนี้ว่า ‘ไดอารี่ของสมปอง’ มาตลอด แต่มันน่าจะต้องชื่อว่า ‘ไดอารี่ของเรา’ มากกว่า

…..ไดอารี่ความรักของเรา

สมปองรักพี่สยามนะครับ

ขอบคุณนะ :)



29/08/20XX : สมปอง










---------- END ----------



สวัสดีค่ะชาลมาส่งหยัมปองแล้วนะ ก็บทจบแล้วนะคะ รู้สึกดีใจมากๆ ที่พาน้องมาจนถึงตอนจบได้ มันเป็นเรื่องที่ใช้เวลาแต่งยาวนานเป็นปีเลย จำได้ว่าบทแรกที่ลงคือวันที่ 2 สิงหาคม 2017 ซึ่งตอนนี้ก็ 29 สิงหาคม 2018 แล้วน่ะเนอะ มันนานมากจริงๆ

ไดอารี่ของสมปองเป็นนิยายที่พล็อตไม่แน่นเลยค่ะถ้าเทียบกับเรื่องอื่นๆ เป็นนิยายที่ชาลบอกว่าเป็นลูกเมียน้อยเพราะว่าเป็นพล็อตไฟไหม้อยากแต่งก็แต่งเลยด้วยเหตุผลที่ว่าอยากให้นิยายของตัวเองมีนายเอกที่ชื่อ สมปอง เท่านั้นเอง แต่มันก็ดีที่บี๋เอ็นดูน้องนะ อยากจะขอบคุณจริงๆ ที่ตามอ่านกันมาถึงแม้ว่าคำผิดจะเยอะมากๆ เลยก็เถอะ ชาลกำลังไล่รีไรท์ให้อยู่นะคะ เดี๋ยวจะทยอยเอาลงให้นะ

ขอบคุณที่เดินทางตั้งแต่ไดอารี่หน้าแรกมาจนถึงหน้าสุดท้ายนะคะ....ขอบคุณจริงๆ ค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด