เฮ้ย ! มันไม่ใช่ลูกกู
ตอนที่ 44
เดินออกจากห้างหลังจากกินอาหารกันเสร็จ ผมหิ้วถุงข้าวเที่ยงของไอ้ขมกลับมา ส่วนกาลิคก็ได้ขนมจากร้านโปรดของมันมาอีกสองสามกล่อง เรากลับขึ้นมาบนคอนโดตอนที่พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง กลับพบว่าคนป่วยที่คิดว่านอนหลับกำลังนั่งกินน้ำส้มแล้วดูหนังอยู่ที่หน้าทีวีด้วยความสบายใจ
“ อาขมมมมมมมมมม " เสียงใสๆของกาลิควิ่งเข้าไปหาอีกคนที่ก็ดึงหน้ากากอนามัยที่ใส่ไว้ใต้คางขึ้นมาปิดจมูกตัวเองทันที " อาขมตื่นแล้วเหรอครับ " มือเล็กๆกอดอีกคนเข้าเสียเต็มรัก ไอ้ขมก็กอดกลับ
“ ตื่นแล้ว " ขมบอก " หัวหอมกินข้าวมาแล้วละสิ "
“ ครับ กาลิคกับป๊าซื้อข้าวมาให้อาขมด้วยนะ " มันชี้มาที่ผม ที่ก็ยกถุงอาหารโชว์อีกคนก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ
“ ข้าวหน้าไก่ย่างถ่าน กูขอข้าวแบบพิเศษมาสองถ้วยเลยนะ เผื่อมึงจะเจริญอาหารขึ้นมาบ้างแล้ว "
“ ขอบคุณมากครับ " ร่างบางว่าก่อนจะก้มลงมองเจ้าเด็กตัวเล็กที่ก็ยังกอดมันแน่นไม่ยอมปล่อย " มาคุยกันดีกว่า หัวหอมกินข้าวกับอะไรมาเมื่อกี้ "
“ กินหมูทอดกับข้าวแล้วก็กินไอติมกับถั่วแดง แล้วก็นะ วันนี้นะอาขม กาลิคกินหมูหมดเลย แล้วก็กินข้าวหมดด้วย "
“ จริงเหรอออ เก่งจังเลยยยย มาๆ ต้องให้รางวัล " หอมแก้มนิ่มๆของไอ้ตัวเล็กผ่านหน้ากากอนามัยที่ใส่อยู่ไปเสียเต็มฟอด กาลิคก็หัวเราะชอบใจ " แล้วนี่ซื้อขนมอะไรมา "
“ ซื้อเยอะเลยอาขม ป๊าตามใจ ป๊าซื้อให้ " มันว่าก่อนจะดึงถุงขนมไปตั้งไว้บนโต๊ะแล้วเอาออกมาโชว์ไอ้ขมทีละกล่อง " อันนี้เป็นช็อคโกเล็ต อันนี้เป็นอันที่กาลิคชอบกิน อันนี้ก็ด้วย กาลิคชอบหมดเลย อาขมกินด้วยกันนะ "
“ โหห เยอะจัง แต่ห้ามกินหมดภายในวันนี้นะ เข้าใจมั้ย " ขมบอกพลางขยี้อีกคนที่ก็พยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบขนมขึ้นมากล่องนึง
“ ตอนนี้กาลิคจะกินอันนี้ก่อนครับ อันนี้ก็เก็บไว้ " จัดการเอาขนมใส่ถุงไอ้ขมก็ชม
“ เก่งมาก รู้จักแบ่งขนมไว้กินแบบนี้ น่ารักจัง งั้นขอหอมแก้มอีกสักที " เสียงหอมที่ดังฟอด เด็กน้อยก็ยิ้มเฉ่งด้วยความดีใจที่ถูกชม " งั้นอาขมไปกินข้าวก่อนนะ " ขมลุกจากที่โซฟามานั่งที่โต๊ะกินข้าว มันที่กำลังเอากล่องข้าวออกจากถุง ก่อนเอ่ยถามผม " แล้ววันนี้ตอนเย็นเรากินอะไรกันดี "
“ สปาเก็ตตี้! ” กาลิคเสียงดังขึ้นมา ก่อนจะวิ่งจากโซฟามายืนข้างๆไอ้ขมเพื่ออธิบายในสิ่งที่มันรู้ " วันนี้ตอนเย็นอามีนาจะเอาสปาเก็ตตี้มาให้เราครับ อามีนาบอก "
“ อย่างงั้นเหรอ " มือบางลูบหัวเด็กน้อยที่ยืนพิงอยู่ข้างๆ ก่อนจะหันมามองผม ขมถามเสียงนิ่ง " นี่มึง..เจอมีนามาเหรอ "
" อื้ม เจอตอนจะออกไปข้างนอกอะ เค้าจะไปห้างพอดี ก็เลยไปด้วยกัน "
“ ออกไปด้วยกัน " ขมพูดย้ำความเข้าใจของมันพร้อมกับใบหน้าที่ค่อยๆเปลี่ยนไป จากที่ไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรแต่ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันกำลังมองผมด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ผมก็ยอมรับความจริงด้วยการพยักหน้ารับมันไป
“ ทำไมวะ ก็แค่เดินออกไปจากห้องแล้วเจอกัน กูทักมัน มันก็ทักกลับ ก็แค่นั้นอะ " ผมอธิบายแต่เหมือนสีหน้าของขมก็ยังไม่พอใจอยู่แบบนั้นจนกาลิคพูดขึ้น
" แล้วก็อามีนานะอาขมก็บอกป๊าว่า จะทำสปาเก็ตตี้ให้พวกเราละ จะทำมาให้เราด้วย แล้วป๊า ก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ อามีนาก็บอกว่าอามีนาชอบทำอาหารให้คนที่เค้าชอบแหละ " มันว่าก่อนจะเขย่งตัวกระซิบไอ้ขมข้างหู แต่ผมก็ยังได้ยิน " ต้องหมายถึงป๊าแน่เลย "
' ไอ้ชิบหายยยย ทำไมมึงพูดแบบนี้!!!!! กาลิคจะพูดอะไรก็ได้แต่จะพูดแบบนี้ไม่ได้นะลู๊กกกกก ' ผมได้แต่พูดตะโกนอยู่ในใจ ขมหันมามองผมตอนที่กาลิคบอก สายตาขวางๆของมันขมพูดสั้นๆ
" อย่างงั้นเหรอ "
“ นี่เดี๋ยวสิ.. " ผมยิ้มกลบเกลื่อน กาลิคก็พูดต่อ
" แล้วก็นะอาขม ตอนที่เราเดินออกไปจากที่บ้านแล้วจะข้ามถนน ป๊าน้า~ ก็จับมืออามีนาด้วยแหละ "
' ทำไมเก็บรายละเอียดขนาดนั้นครับลูก ถ้าเก็บได้เหี้ยแบบนั้นไม่ได้ต้องเก็บก็ได้ม้างงงง ไอ้กาลิคคคคค ไอ้ตัวแสบ!! ' อยากจะเอาหัวโขกเสา แล้วที่เข้าใจเลยคือ มึงจะมาความจำดีอะไรเอาตอนที่ไอ้ขมมันมองกูตาขวางแบบนั้นวะ สาดดดด เอื้อมมือตบหน้าผากตัวเองผมอธิบาย “ เดี๋ยวๆ เค้าแค่ข้ามถนนไม่เป็น กูเลยไปช่วยตังหาก พูดให้มันดีๆกาลิค เดี๋ยวจะโดน "
“ ก็พูดความจริง เนี้ยๆ ป๊าจับแบบเนี๊ยะเลย " มันจับมือขมขึ้นมาทำให้ดู แล้วจะแสดงให้ไอ้ขมมันเห็นภาพเพื่อออ แค่นี้ก็พอแล้วววว " แล้วก็นะตอนนั้นนะ อาขม อามีนาเค้าก็หน้าแดงเลย "
“ เดี๋ยวเถอะ ไปสังเกตอะไรขนาดนั้น ป๊ายังไม่เห็นเลย " ผมบอกปัด เจ้าตัวเล็กก็ยิ้ม
“ แต่กาลิคเห็นนะ แล้ว~ แล้วก็มีอีกเรื่องนะอาขม "
“ ยังมีอีกเรื่องเหรอออ " ขมถามเสียงยาวก่อนจะเหลือบมองผมด้วยสายตาหงุดหงิดก่อนจะยกยิ้ม สายตาที่ชวนให้ผมรู้สึกถึงความหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาช้าๆ ก่อนที่มันจะก้มลงไปยิ้มให้กาลิค " ไหนเล่ามาสิ เรื่องอะไร "
“ เรื่องนี้มันคิดขึ้นเองชัดๆ ไม่เกี่ยวเลย ไม่ใช่ความจริงเลย " ผมบอกปัดคำพูดของกาลิคที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะพูดว่าอะไร " หยุดเลยนะไอ้ตัวแสบ อย่าเอาความคิดของตัวเองยัดเยียดให้คนอื่นสิวะ ไม่ใช่สักหน่อย "
“ อะไร ไหนหัวหอมเล่าอาขม " มันบอกเร่งไอ้ตัวเล็กด้วยการจับกาลิคให้เผชิญหน้ากับมัน ขมยิ้มก่อนจะเชิดหน้ามามองผมด้วยสายตาหงุดหงิด
“ แล้วมึงจะมามองกูด้วยสายตาหงุดหงิดแบบนั้นทำไม มันไม่ใช่นะเว้ย อย่าไปฟังมันนนน ฟังมันเพื่อ ? ไม่จริงเลย "
“ ถ้าไม่จริงเลย มึงก็ไม่เห็นต้องแคร์นี่ " ขมบอกก่อนจะก้มลงย้ำคำถามกับกาลิค " ไหนหัวหอมบอกอาขมหน่อย "
“ กูไม่แคร์หรอก แต่มึงแคร์นี่ แล้วมึงก็เชื่อมันอะ กูเลยต้องแคร์ "
“ ไอ้วัวสันหลังหวะ " ขมพูดสั้นๆมันหันไปยิ้มให้กาลิค " หัวหอมเล่าอาขมหน่อย แล้วมีอะไรอีกเหรอ มีอีกใช่มั้ย "
“ อื้ม " มันพยักหน้ารับ " ก็ตอนที่ป๊ากับกาลิคถึงห้างแล้ว อามีนาก็ถามป๊าว่า ป๊าชอบคนแบบไหนแหละ อามีนาเค้าถามเพราะว่าเค้าชอบป๊าแหละ รินเน่เคยบอกกาลิคว่า ถ้าใครถามว่า เราชอบคนแบบไหน คนคนนั้นน่ะนะ เค้ากำลังชอบเรา "
“ ไม่ใช่สักหน่อย มีนามันอาจจะถามไปงั้นๆอะ " ผมบอกปัด ไอ้ขมก็เหลือบมองผมด้วยหางตาก่อนจะยิ้มให้กาลิค
“ แล้วป๊าเค้าตอบว่าไงละ "
“ อื้มม ตอบว่าไรแล้วน้า "
“ พอทีแบบนี้ก็เสือกจำไม่ได้ขึ้นมานะไอ้ตัวแสบ " ผมบอก กาลิคก็ยิ้มเขิน ขมจิ้มแก้มมัน
“ ไหงหน้าแดงงี้ละ จำได้ละสิ ว่าป๊าพูดว่าอะไร " เด็กน้อยพยักหน้ารับ
“ แต่กาลิคจะกระซิบบอกอาขมนะ จะไม่บอกให้ป๊าได้ยิน "
“ อย่างงั้นเหรอ ก็โอเคนะ " ขมก้มหน้าลงใกล้มันเจ้าตัวเล็กก็กระซิบบอก เป็นเสียงกระซิบที่เบามาก มากถึงขนาดที่ว่าถ้าผมไปยืนอยู่ในห้องนอนก็คงได้ยิน
“ ป๊าบอกว่า ป๊าชอบคนที่รักกาลิคครับ ป๊าบอกแบบนั้น " มันว่าไอ้ขมก็ยิ้มกว้างก่อนจะขยี้หัวมัน
“ แค่นี้ก็ต้องเขินด้วยเหรอไงเรา "
“ ม่ายยยเอา ไม่อยากจะให้ป๊าได้ยิน " มันกอดไอ้ขมไว้แน่น ไม่อยากจะบอกว่ากูได้ยินทั้งหมดที่มันพูดนั่นแหละ ขมมองมันยิ้มๆแต่พอเงยหน้าขึ้นมามองผมกลับตีหน้าหงุดหงิดใส่ซะอย่างงั้น กาลิคดึงตัวเองออกไปนั่งกินขนมอยู่ที่โซฟา ขมก็เริ่มกินข้าวคำแรก ผมเอ่ยถาม
“ อร่อยมั้ยมึง "
“ ก็อร่อยเหมือนเดิมนั่นแหละ " มันก้มหน้าลงเคี้ยวข้าวในจานตัวเองไปเรื่อยๆ เสียงที่เงียบไปจนได้ยินแต่เสียงทีวีของไอ้กาลิคผมหันมองลูกชายที่นั่งดูทีวีสบายใจ ใช่สิ..มึงสร้างเรื่องให้กูแล้วนี่นะ ขยี้หัวตัวเองเซ็งๆตอนนั้นขมก็เอ่ยบอก " วันนี้กูไม่กินข้าวเย็นนะ ถ้ามันมีส่วนของกูก็แดกให้เลย ไม่ต้องแบ่งไว้ "
“ อะไรวะ นี่มึงงอนเหรอ " ผมถามก่อนจะดึงเก้าอี้ตัวที่อยู่ข้างมัน หย่อนตัวลงไปนั่งใกล้ๆ
“ กูไม่ได้งอน แค่คิดว่ากินไอ้ที่มันมีอยู่ตอนนี้หมด ก็คงอิ่มถึงเย็นแล้ว มันเยอะ ก็แค่นั้นอะ" ไม่จริง ผมโคตรอยากจะบอกมันแบบนั้น ปกติเวลาไปกินอาหารร้านนี้เพราะมันชอบไอ้เมนูไก่ย่างถ่านนี่มาก มันชอบขอข้าวเพิ่มประจำแถมขอเยอะด้วย ผมเอาข้าวมาแค่นี้ไม่ถึงครึ่งกระเพาะมันหรอกสำหรับของโปรดเมนูนี้
“ เอาจริงๆนะ คือกูไม่ได้อยากจะแดกสปาเก็ตตี้ของน้องเค้า แต่น้องเค้าเสนอมา ก็เหมือนตอนที่น้องเค้าเสนอตัวมาสอนมึงทำกับข้าวนั่นแหละ กูก็ปฎิเสธไม่ได้เหมือนกัน "
“ กูไม่คิดจะปฎิเสธนะตอนนั้นน่ะ ไม่ใช่ว่าปฎิเสธไม่ได้ " ขมบอกมันก็เหลือบมองผม " แต่กับมึงมันไม่เหมือนกันอะ มึงปฎิเสธได้ แต่มึงเลือกที่จะรักษาน้ำใจเค้ามากกว่า "
" นี่มึงโกรธกู ที่น้องมีนาเค้ามีท่าทีสนใจกูเหมือนที่ไอ้กาลิคพูด หรือว่า มึงหึงกูที่น้องเค้ามาสนใจกูกันแน่ "
" กูไม่ได้รู้สึกอะไรอย่างที่มึงพูดทั้งสองอย่างนั่นแหละ " มันหันมาบอกก่อนจะก้มลงกินข้าวต่อ มือบางเขี่ยข้าวไปมาก่อนจะถอนหายใจออกมา " อีกอย่างกูรู้มาตั้งแต่วันที่น้องเค้าสอนกูทำกับข้าวแล้ว ว่าเค้าชอบมึง "
“ ห๊า! " ผมอ้าปากค้างตอนที่มันบอก ไอ้ขมก็หันมาชักสีหน้า " แค่ตกใจไง แบบกูคิดว่าเค้าชอบมึง... แล้วก็คิดว่ามึงก็ชอบเค้า " ตอแหลไปอีกกู ทั้งๆที่จริงๆผมตกใจก็เพราะ มันบอกว่า มันรู้ว่าน้องเค้าชอบผมตังหาก ทางนี้ก็คิดมาตลอดว่ามันไม่รู้
“ ที่ไหนละ ตอนนั้น ที่มันมาสอนกูทำกับข้าวก็เพราะว่าอยากจะมาอยู่ใกล้ๆมึงก็เท่านั้นแหละ อยากมาเห็นมึง แถมยังมาหลอกถามอะไรกูตั้งเยอะแยะ มึงชอบคนแบบไหน มีแฟนรึยัง แถมยังบอกอีกนะ ว่าหัวหอมมันคงเป็นลูกกู ไม่ใช่ลูกมึงหรอก หึ " มันหัวเราะในคอก่อนจะพูดเสียงเบาๆ " แล้วสุดท้ายก็เป็นลูกมึง สมน้ำหน้าอยากได้ดีนัก "
“ นี่ มึงหึงกูนี่น่า " ผมยิ้มกับคำพูดของมันที่ฟังยังไงก็แปลความหมายออกมาได้อย่างเดียวคือ ขม ที่กำลังหงุดหงิดอยู่ตอนนี้มันหึงผมอยู่ แล้วก็หึงมากซะด้วย
“ ไม่ได้หึง หึงเหี้ยอะไร จำเป็นต้องหึงเหรอ มึงจะเลือกใครชอบใครก็เรื่องของมึงเถอะ โตจนมีลูกแล้ว แค่คบใครก็หาดีๆหน่อยละกัน อย่าให้เค้ามาทำร้ายหัวหอม มีลูกใหม่ก็รักลูกทุกคนให้เท่ากันด้วยไม่ว่ามันจะเกิดแม่คนไหน ไม่งั้นกูเอามึงตายแน่ " สายตาขู่ๆของมันชวนให้ผมหัวเราะ " หัวเราะเหี้ยไร "
“ ก็หัวเราะมึงอะ จะจริงจังอะไรขนาดนั้นวะ กูบอกเหรอ ว่ากูชอบมีนา " ผมถาม มันก็นิ่งไปสักพักก่อนจะส่ายหน้า
“ ก็เปล่าอะ "
“ แล้วจำได้มั้ย กูบอกว่ากูชอบใคร "
“ ก็..จำได้ " ขมพยักหน้ารับ
“ งั้นกูจะย้ำอีกที ว่ากูจะไม่เปลี่ยนใจจากเค้าหรอก " มันเหลือบมองผมก่อนจะหันกลับมาก้มกินข้าวต่อ ท่าทางที่ชวนผมยิ้มกว้างรู้สึกมันน่ารักอย่างบอกไม่ถูก
" ยิ้มเหี้ยอะไร ขนลุก ไอ้สัด " ไม่มีคำตอบอะไรจากปากผมแต่ตอนที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้มัน ขมกลืนน้ำตาตัวเองลงไปเสียงดัง แก้มแดงๆชวนให้ผมเอื้อมมือขึ้นเกลี่ยแก้มของมันเบาๆก่อนจะบอก " ตอนที่มีนาถามว่ากูชอบคนแบบไหน กูบอกเค้าไปว่า กูไม่สเป็คตายตัวหรอก ถ้าคนคนนั้นรักกาลิค แล้วเข้าใจในตัวกู แล้วกูก็โอเคกับเค้า กูก็คงชอบเค้าแล้วและนั่น มันก็หมายถึงมึงนะ " ยักไหล่ใส่อีกคนก็หันมามองทำท่าจะอ้วกออกมา ผมยกมือขยี้ผมของมันก่อนจะโยกไปมา " ไม่เห็นต้องหึงเลยเมียจ๋า ต่อให้ใครมาชอบผัว ผัวก็ไม่นอกใจเมียหรอก รักเมียคนเดียวนะจ๊ะ จุ๊บๆ "
“ ใครเป็นเมียมึงไอ้สัด หุบปากไปเลย " มันหันมาด่าผมก็ยกยิ้ม
“ หึงกูออกนอกหน้านอกตาขนาดนั้น ยังจะบอกว่าไม่ใช่เมียกูอีก หรือว่าต้องเอากันก่อนถึงจะนับว่าเป็นเมีย งั้นจะเอายังไง คืนนี้เลยมั้ย หายป่วยพอดี "
“ สัด เงียบไปเลยไอ้เหี้ย! ” มันหันมาด่าทำมือเหมือนจะฟาดมาทางผมแต่ก็ถูกผมจับไว้ก่อน " ปล่อยเลย "
" ขอจับหน่อย " มือบางที่พยายามดึงออกแต่ผมก็จับมันไว้แน่นดึงมาตั้งอยู่บนตักมันก็ยังดึงไม่เลิก
“ กูกินข้าวลำบาก จะมาจับทำไมวะ ขาดความอบอุ่นรึไง "
“ ก็เค้าอยากจะให้เมียรู้ว่าเค้าไม่ได้คิดอะไร "
“ ก็บอกว่าไม่่ใช่เมียมึงไงไอ้เหี้ยนี่ก็! " ขมดึงมือตัวเองออก แต่ผมก็พยายามจับมันไว้แน่นแต่คนโดนจับก็ไม่ยอมพยายามดึงมือออกอยู่แบบนั้น
“ แล้วนี่มึงเป็นยังไงบ้าง " คำถามชวนเปลี่ยนเรื่องให้มันเลิกคิดเรื่องดึงมือที่ผมจับอยู่นั่นออกเสียที แล้วก็ได้ผลมือนั้นชะงักหยุดทันทีตอนที่ผมถามมันก็เป็นแบบนี้ เวลาทำอีกอย่างชอบลืมอีกอย่าง ขมพยักหน้ารับ
“ กูหายแล้วละ ถ้าเป็นเปอร์เซ็นต์ตอนนี้กูคงป่วยแค่สัก 30 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นแหละ " มันยักคิ้วให้ก่อนจะหันไปกินข้าวต่อคงลืมไปแล้วละว่ามืออีกข้างของมันมีผมจับอยู่
“ งั้นกินข้าวเสร็จก็อย่าลืมกันยาแล้วกัน "
“ อื้ม " ขมพยักหน้ารับ ผมนั่งมองมันกินข้าวไปเรื่อยๆ มือที่กุมมันอยู่ขยับไปมาจับอีกฝ่ายหันมามองก่อนจะดึงมือตัวเองกลับ
“ อ้าว..รู้ตัวซะแล้วละ "
“ สัด! นิสัยเสีย " มันบ่นผมก็หัวเราะ
“ ใครกันแน่ที่นิสัยเสีย พอได้คุยอีกเรื่อง มึงแม่งก็ลืมอีกเรื่องละ นี่ถ้ากูไม่ขยับมือ มึงไม่มีทางรู้ตัวหรอกว่ากูจับมือมึงอยู่ "
“ มึงนั่นแหละนิสัยเสีย รู้ว่ากูเป็นยังไง ก็เอาจุดอ่อนนั่นแหละ มาแกล้งกูเรื่อยเลย "
“ กูแกล้งอะไรมึงงงง " ผมลากเสียงยาวอีกคนก็หันมาชักสายตาใส่ " อะไรครับมาชักสายตาใส่พี่ทำไมครับน้องขมม " ขมลุกขึ้นหลังจากกินข้าวเสร็จมันบอก
“ มึงคิดว่ากูหายโกรธมึงแล้วเหรอ เรื่องน้องมีนาอะ อย่ามาทำเป็นลืม กูไม่ลืมหรอกไอ้เหี้ย "
“ เดี๋ยวๆ มึงโกรธเรื่อง ? “ เดินตามเข้าไปในครัวเอ่ยถามมันไอ้ขมก็หันมามองหน้า " กูไม่ได้ทำอะไรเลยนะ น้องเค้าเข้ามาหาเอง ถ้าเป็นมึง มึงก็ต้องทำแบบกูนั่นแหละ จะให้ไม่พูด ไม่ทัก ได้ไง ก็เค้าทักเราก่อน แล้วเรื่องข้ามถนนมึงจะปล่อยให้คนรู้จักที่ดูเงอะๆงะๆ ตอนข้ามถนน ข้ามคนเดียวเหรอ เกิดรถชนเค้าขึ้นมาจะทำยังไง ส่วนเรื่องคำถามพวกนั้น กูก็ตอบไปตามน้ำอะ จะให้ไม่ตอบก็ไม่ได้จริงมั้ยละ "
“ แต่เค้าก็ไม่ได้ขอให้มึงจับมือเค้านี่ จริงมั้ย " ขมถามก่อนจะเอียงหน้ามองผม " ถ้ามึงไม่จับแล้วบอกเค้าว่า มีนาตามพี่มาตอนเดินข้ามถนน แค่นั้นก็ได้แล้วปะ แต่นี่มึงจับมือเค้า..”
“ ก็แค่จับมือเปล่าวะ " ผมบอกมันอีกคนก็เงียบ ขมผ่อนลมหายใจออกมามันหันไปหยิบแก้วก่อนจะกินน้ำ ท่าทางของมันทำเหมือนผมเป็นพวกคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรซะอย่างงั้น " อะไรของมึงวะขมพูดออกมาสิ เคลียร์กันให้จบๆ แล้วหายโกรธกันสักที "
“ ถ้าเค้าไม่ชอบมึง กูคงคิดแหละ ว่ามันเป็นการจับมือเพื่อช่วยเหลือเฉยๆ แต่พอเค้าคิดอะไรกับมึง สำหรับกูมันก็ไม่ใช่การจับมือเฉยๆแล้ว เหมือนมึงทำให้เค้าชอบมึงมากขึ้นโดยที่มึงไม่รู้สึกตัว แล้วพอแบบนั้น กูก็..”
“ อะไร มึงก็อะไร " ผมถาม คนที่กำลังสนทนาด้วยก็เหลือบตามอง สายตาที่ดูก็รู้ว่าคนแบบมันคงไม่พูดออกมาหรอก " พูดยากนักกูบอกเอง มึงก็หึง ไม่โอเค ไม่อยากจะให้จับ อย่าเข้าไปใกล้ ถูกมั้ย มา กูจะแก้ไขปัญหานี้เอง " ยกมือที่จับมือมีนาขึ้นมาตรงหน้ามัน " มือนี้กูจับมือมีนามา กูจะเอาไปล้าง " เดินไปที่อ่างล้างจานผมบีบน้ำยาล้างมือ ล้างมือตัวเองถูๆจนสะอาดก่อนจะหยิบทิชชู่ขึ้นมาเช็ด " โอเคเสร็จละ พอใจยัง ถ้ายังไม่พอใจก็นี่ " คว้ามือบางมาจับไว้แน่นอีกคนก็สะบัดออก
“ กูไม่ได้รู้สึกอย่างงั้นเว้ย "
“ กู ม่าย ด้าย ยู้ ซึก อย่าง งั้น เว้ย " ผมว่าเสียงล้อเลียนมันอีกคนก็จิ๊ปากขัดใจ
“ มึงแม่ง.. นิสัย กวนส้นตีน "
“ นี่รู้มั้ยถ้ากูเป็นมึงนะ กูจะบอกความจริงในใจที่กูรู้สึก แล้วรีบรวบรัดกันซะ บอกไปเลย หึงเว้ย อย่าไปให้ชะนีที่ไหนเค้าจับมือมึงสิวะ มือมึงเป็นของกูนะ ไอ้เชี้ยยยจากนั้นกูก็จะเข้ามาใกล้ กอดเอวแล้วก็ซบลงตรงอก เขย่งตัวขึ้นจูบปากสักทีแล้วบอกว่า ' ภาพเป็นของขมนะ ต้องย้ำกันรึเปล่าว่าเราเป็นของกันและกันยังไง ' จากนั้นก็ผลักกูเข้าห้องแล้วเราก็... คึคึ " ผมยิ้มออกมาก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอตัวเอง นึกจินตนาการถึงสิ่งที่ตัวเองพูด ก่อนจะแรงตบหนักๆจะฟาดลงบนหลังเสียเต็มแรง
เพี๊ยะ!!!
“ โอ๊ย! เชี้ย! เจ็บบบบบบบบ "
“ ไปนอนกลางกลางวันไป ไอ้สัด ไร้สาระ " ไอ้ขมส่ายหน้าไปมาก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัว " มึงแม่งก็พูดแต่สิ่งที่มึงต้องการอะ "
“ แล้วผิดเหรออออออ ก็เค้าอยากจะให้มันเป็นอย่างงั้นนี่น่า ตัวเองงงงง " ผมลากเสียงยาวๆถามก่อนจะเอียงหน้าทำแบ๊วใส ขมขมวดคิ้วพลางทำท่าทางจะอ้วกตอนที่มันจ้องหน้าผม มันที่หลุดหัวเราะออกมาก่อนจะส่ายหน้า
“ เป็นบ้าอะไรของมึงวะ ปัญญาอ่อน กูแม่งงงง โอ๊ยยยย ฮ่าๆ ไอ้บ้า เลิกทำหน้าปัญญาอ่อนได้แล้ว "
“ นี่ " ผมเอื้อมมือไปจับมือมัน " กูไม่ได้รู้สึกอะไรกับมีนานะ อย่าโกรธเลย ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก จริงมั้ย "
“ ปล่อยมือกูเถอะน่า กูไม่ใช่สาวแรกรุ่นให้มึงมาพูดคำหวานแล้วเขินนะเว้ย " มันสะบัดมือตัวเองออก แต่ผมที่จับมือมันไว้แน่น ขมหันหน้าไปอีกทางแก้มแดงๆของมันที่แดงจัด
" ไหนบอกว่าไม่ใช่สาวแรกรุ่นแล้วเขินทำไม "
“ ก็ร้อนเว้ย มาอัดกันอยู่ในครัว ถอยๆ กูจะไปหาหัวหอม " มันบอกปัด แต่ผมก็ยังไม่ยอมปล่อยมึอ
“ บอกก่อน ว่าไม่โกรธกูแล้วจะปล่อย "
“ เออๆ ไม่ได้โกรธแล้ว " ขมบอกแบบว่าง่าย ผมก็เอียงหน้าถามยิ้มๆ
“ แล้วเมื่อไหร่จะยอมรับสักทีว่าเป็นแฟนกู " ถามมันที่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง สายตาเชิงตั้งคำถามของมันส่งมา
“ มึงไม่คิดบ้างเหรอว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว " ขมเอียงหน้ามองผมก่อนจะยิ้ม " กูรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว ไม่เห็นต้องเปลี่ยนเป็นแฟนเลย เราอยู่ด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ไปซื้อของ ดูหนัง ไปเรียน ทำอะไรหลายๆด้วยกันมากกว่าคนเป็นแฟนกันแบบไอ้ชัดไอ้โมมันเป็นอีก มึงไม่คิดงั้นเหรอ "
" แต่เพื่อนกันเค้าไม่หึงกันนะ " ผมบอก " ถ้ากูมีเพื่อนใหม่ หรือคุยกับใคร เค้าจะไม่มีการหึงกัน นั่นคือเพื่อน " ขมเงียบไปตอนที่ผมบอก " กูไม่บีบบังคับมึงอยู่แล้วเรื่องความสัมพันธ์ไม่ใช่ว่ากูไม่ยอมต้องเปลี่ยนให้ได้ เปล่าเลย แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดของมึงที่ว่า เพื่อนกับแฟนมันเหมือนกัน เพราะกูคิดว่าไม่เหมือน เพื่อนหึงกันไม่ได้แล้วอีกอย่าง เพื่อนเอากันไม่ได้ นั่นแหละสิ่งที่เพื่อนกับแฟนมันต่างกัน "
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เราที่กำลังสบสายตาคุยกันละความสนใจออกจากกันเพราะเสียงนั้น ผมเดินออกไปที่ประตูเพราะรู้อยู่แล้วว่าคนที่มาเคาะเป็นใครกัน
“ พี่ภาพ มีนาเอาสปาเก็ตตี้มาให้ค่ะ " พอเปิดประตูออกไป เสียงของผู้หญิงที่นัดผมไว้ก็เอ่ยทัก ผมก้มหน้ายิ้มให้เธอก่อนจะมองไปที่กล่องใส่อาหารใบใหญ่ที่เธอถือ
“ ขอบคุณมากนะครับ " บอกไปแบบนั้นตอนที่เอื้อมมือไปรับ เธอก็พยักหน้ารับแต่ก็ยังหยุดยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“ แล้วน้องกาลิคทำอะไรอยู่เหรอคะ " คำถามพร้อมใบหน้าสวยที่เอียงเข้ามาดูในห้อง ถ้าเดาไม่ผิดที่ไม่ออกไปง่ายๆก็คงเพราะอยากเข้ามาข้างในสินะ
“ ดูการ์ตูนน่ะ " ผมบอกเธอก่อนจะเปิดประตูให้กว้างขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ " มีนาเข้ามาก่อนสิ "
“ น้องกาลิค " เธอเอ่ยเรียกอีกคนที่ก็หันมายิ้มกว้างให้แล้วหันกลับไปดูการ์ตูนอีก " แล้วพี่ขมเป็นยังไงบ้างคะ "
“ หายป่วยแล้วแหละครับ " ขมที่ยืนอยู่ในครัวเอ่ยบอก เธอที่หันไปมองเปลี่ยนสีหน้าทันทีตอนที่เห็นขมเดินออกมา
“ อ้าว..พี่ขม " เธอว่าก่อนจะยิ้มจางๆให้อีก
“ มีนาทำสปาเก็ตตี้มาให้พวกพี่เหรอ " ขมถามเธอก็พยักหน้ารับ
“ ใช่ค่ะ พอดีหนูเจอพี่ภาพที่หน้าคอนโดตอนที่ไปซื้ออุปกรณ์พอดี ก็เลยทำมาเผื่อทุกคนเลยค่ะ ลองชิมดูนะคะ ไม่รู้จะถูกใจรึเปล่า "
“ ขอบคุณมากนะครับ " ร่างบางพยักหน้าบอกเธอ มีนาก็หันมายิ้มให้ผมที่ก็ยิ้มให้เธอเช่นกัน
“ อ่ะแฮ่มๆ " เสียงกระแอมของไอ้ขมชวนให้เราหันไปมองมัน มือบางเอื้อมเกาที่คอตัวเองเบาๆ " คันคอ สงสัยยังไม่ค่อยหายดี "
“ แล้วนี่กินยารึยัง " ผมถามมันก็ส่ายหน้า
“ ยังอะ มึงเอาให้หน่อยสิ ปกติมึงเอาให้กูกินทุกวัน กูไม่เคยจัดเอง ยาอยู่ไหนใครจะไปรู้วะ "
“ แล้วก็ไม่บอก " ส่ายหน้าให้มันตอนที่เดินเข้าไปในครัวมีนาก็มองตามผม
“ พี่ภาพ ดูแลพี่ขมดีจังเลยนะคะ "
“ ก็ต้องช่วยกันแหละ อยู่ด้วยกันนี่ ถ้าพี่ไม่สบายมันก็ต้องดูแลพี่ มันไม่สบายพี่ก็ต้องดูแลมัน " เอายาพร้อมกับน้ำมาให้อีกคน ขมกินน้ำจนหมดแก้วก่อนจะวางแก้วลงบนโต๊ะ
“ ดีจังนะคะ มีนาเองก็อยากจะมีคนดูแลบ้าง แต่ติดที่ว่าอยู่คนเดียวนี่สิ " เธอว่าก่อนจะยิ้มให้ผม ไอ้ขมก็เอ่ยถาม
“ แล้วแฟนมีนาละ " คำถามที่ทำให้ผมให้ไปมองหน้ามัน ไม่คิดว่าไอ้เหี้ยนี่จะเลือกถามคำถามที่โคตรจะทำร้ายจิตใจน้องมันออกมาได้ มีนามีแฟนแล้วเท่าที่ผมกับไอ้ขมรู้เพราะผู้ชายคนนั้นเคยมาหาเธอที่คอนโดบ่อยๆ แต่เราก็เลือกที่จะทำเป็นไม่สนใจและไม่พูดอะไร มีนาเงยหน้ามองมันด้วยสายตาไม่พอใจเท่าไหร่ที่โดนถามแบบนั้น เธอคงรู้สึกเสียบรรยากาศแต่ถึงอย่างงั้นเธอก็ยังยิ้มออกมา " พี่จำได้ว่า เมื่อวันก่อนพี่เห็นแฟนมีนานะ "
" ก็น่าจะเป็นเดือน หรือสองเดือนก่อนนะคะ เพราะว่าตอนนี้เราเลิกกันไปแล้ว " เธอบอก ขมก็พยักหน้ารับ
“ มีนาโอเครึเปล่า " ผมถามเพราะท่าทางเธอดูเหมือนจะเศร้าลงไปทันทีตอนที่พูดถึงแฟนเก่า ใบหน้าสวยพยักหน้ารับ
“ โอเคคะ ไม่เป็นอะไรหรอก "
“ พี่ขอโทษแทนไอ้ขมมันด้วย มันถามอะไรไม่คิด พอดีมันป่วยสมองมันเลยเบลอๆอะ " หันไปมองอีกคนที่ตาโตขึ้นมาตอนที่ผมพูดแบบนั้น แล้วคราวนี้ก็กลายเป็นไอ้ขมที่ตีสีหน้าหงุดหงิดขึ้นมาแทน ผมพูดเสียงเบา " ขอโทษน้องเค้าสิวะ มึงพูดเหี้ยไรไปกระทบใจเค้ารึเปล่า "
“ แสดงปะเถอะ " มันพูดเบาๆ
" เอาน่า ถึงจะแสดงมึงก็ควรขอโทษเค้านะ " ผมตอบกลับเสียงเบาๆเช่นกัน ขมหันไปยิ้มแห้งๆให้มีนา
“ พี่โทษทีนะมีนา พี่ไม่ได้ตั้งใจอะ "
“ ไม่เป็นไรหรอกคะพี่ขม " เธอว่าก่อนจะหันมายิ้มให้ผม มีนาก้มหน้าลงท่าทางที่ตกประหม่าของเธอดูเหมือนที่ยืนอยู่ตรงนี้เธอเหมือนยังมีอะไรที่จะพูดอีก " พอดีว่าจริงๆ มีนามีเรื่องอยากจะรบกวนพี่ภาพหน่อยนะคะ "
“ พี่เหรอ ? “ ผมชี้เข้าหาตัวเอง เธอก็พยักหน้ารับ
“ คือจริงๆที่มีนาเอาสปาเก็ตตี้มาให้มีนามีเรื่องอยากจะรบกวนนะคะ " รอยยิ้มเขินๆของเธอเหลือบตามองหน้าผมก่อนจะก้มหน้าลง " คือ..จะเป็นไรมั้ยคะ ถ้ามีนาจะขอให้พี่ภาพ ช่วยติวหนังสือให้หน่อย พอดีมันมีวิชานึงที่มีนาไม่ค่อยเข้าใจแล้วพรุ่งนี้ก็จะสอบแล้วด้วย ยังไงพี่ภาพช่วยติวให้หน่อยได้มั้ยคะ"
“ ตอบแทนค่าสปาเก็ตตี้นั่นสินะ " ผมบอกเธอก็ยิ้มเขินแล้วก็พยักหน้ารับ
“ จะว่าแบบนั้นก็ได้คะ "
“ เอามาให้ดูก่อนแล้วกัน ว่าจะให้สอนเรื่องอะไร ถ้าสอนได้ ก็ไม่มีปัญหาหรอก "
“ เย้! ดีใจจัง งั้นมีนาไปเอาหนังสือก่อนนะคะ " สีหน้าดีใจของอีกคนเดินออกไปจากห้องทันทีตอนที่ผมตอบตกลง ถอนหายใจออกมาตอนที่หันไปมองไอ้ขมมันชักสีหน้าใส่ มือบางที่เอื้อมมือจับที่ไหล่มันยิ้มจางๆ
“ เอาเป็นว่า ไม่ต้องแคร์กันก็ได้มึง ตามสบาย " คำพูดที่บอกถึงขีดสุดความหงุดหงิดของไอ้ขม และแน่นอนตอนนี้ผมเองก็รู้สึกว่าคำพูดที่แสนใจดีของผมกับมีนาเมื่อครู่ จะทำให้เกิดหายนะขึ้นกับชีวิตซะแล้ว
...................................................
จะว่าไปขม ก็ขี้หึงเหมือนกันนะ
แต่ถ้าให้มองอย่างเป็นกลาง เราว่าก็ขมไม่ชัดเจนเอง ยังหวงความเป็นเพื่อนกับภาพ แต่ก็หึงเค้า อยากเป็นเจ้าของเค้าซึ่งแบบนี้มันต้องอยู่ในสถานะแฟนไง แกจะมาย้อนแย้งแบบนี้ไม่ได้นะคะ ถ้าแกหึงเค้าแกควรเป็นเมียเค้า อย่ามายุ่งกับผัวกู แต่ถ้าแกคิดจะเป็นแค่เพื่อน กูไม่ควรหึงเค้า อย่างที่พี่ภาพกล่าวไว้ เพื่อนกับแฟน ไม่เหมือนกัน อย่างน้อย เราไม่หึงเพื่อน และ เราเอากับเพื่อนไม่ได้ด้วย #ขีดเส้นใต้ประโยคท้ายสุดในส่วนความต้องการของพี่ภาพ
ส่วนภาพเอง ก็ถือคติ ก็กูไม่ได้คิดอะไร ก็ช่างหัวมันสิวะ เข้ามาเลยมีนา พี่ไม่ได้คิดอะไร หนูทำอะไรพี่ก็ไม่ไหวหวั่น ตบมือข้างเดียวไม่ดัง #งั้นฉันขอเอามือข้าวเดียวฟาดหน้าแกอยากรู้ว่าดังมั้ย เพราะงั้นถึงไม่คิดอะไร ก็ควรต้องเคร์ คนที่ตัวเองรักด้วยนะคะ คนดี
หนมมี่คนเขียนสายกลาง
สุดท้ายนี้ ขอหยิกแก้มหัวหอมที หมั่นเขี้ยววววววววววววววววววววววววววว
ฝากแท็ก #มมชลก ในทวิตด้วยนะคะ ฝากแชร์ฝากไลค์ในเพจหนมมี่ผู้ใสซื่อ
รักมาก เจอกันตอนหน้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเม้นท์จ้า