8
ตอนมัธยมต้นผมก็เคยบ่นนะครับ ว่าทำไมกิจกรรมมันเยอะจังวะ นี่กะจะตั้งใจเรียนวิชาคณิตศาสตร์เสียหน่อย กิกรรมพับดอกบัวก็ดันมาขัดเลยเผลอไปนั่งพับกลีบดอกบัวกับพวกผู้หญิงเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ได้เกรดสองมาแดกแบบงงๆ แต่พอขึ้นมหาลัยเท่านั้นแหล่ะครับ ผมก็ค้นพบชีวิตติดกิจกรรมที่แท้จริง คิดว่าขึ้นปีสองจะรอดพ้น ทีไหนได้ นี่มันคณะมนุษยศาสตร์และการกิจกรรมแท้ๆ!!
ตอนนี้มหาลัยผมก็เต็มไปด้วยเด็กมัธยมยั้วเยี้ยไปหมดเลยครับ เพราะนี่คือวันเปิดบ้านหรือเพ่นเฮาส์ของมหาลัยผม เราจะเปิดมหาลัยให้น้องๆมัธยมต้นมัธยมปลายเด็กมหาลัยหรือใครก็ตามที่ต้องการข้อมูลของคณะต่างๆก็จะได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาสอบถามความรู้เกี่ยวกับคณะนั้นๆ เปิดฟรีไม่พอยังใจปล้ำแจกของอีกต่างหาก ผมต้องไปเหมาปากกาสำเพ็งมาตั้งหลายแพค
งานนี้น้องๆได้ส่องพี่มหาลัย พวกผมชาวมหาลัยก็ได้ส่องน้องๆเช่นกัน แหม่ เด็กสมัยนี้ทำไมผิวดีจังน้า โอ๊ยๆ ฟันเหล็กเด็กแนว หน้าม้าดาเมจ
“คุณ มึงเอาป้ายนี้ไปให้เพื่อนที่ชั้นล่างให้กูหน่อย”
“กูอีกแล้วอ่ะ” ผมหันไปงอแงใส่เพื่อน ฮื่อ วันนี้ขึ้นลงตึกเหมือนตึกมีสองชั้นมาหลายรอบแล้วครับ ฮือๆ เรามันแผนกเจเนรัลเบ๊ ต้องทำทุกอย่างที่เพื่อนสั่ง
“อย่างอแง วันนี้มึงทำอะไรบ้างนอกจากนั่งส่องเด็ก”
“กูนั่งหายใจเผื่อพวกมึงไง”
“เอาป้ายลงไปภายในห้านาที”
เฮอะ เถียงได้ที่ไหน ใช่ซี๊ เรามันแค่ไอ้คุณ ไม่ใช่พี่ปลัดของพวกมึงนี๊ ตัดพ้อในใจไปงั้นเถียงอะไรไม่ได้ ผมมันจำพวกสิ่งมีชีวิตท้ายสุดของบ่วงโซ่อาหาร ได้แต่พองแก้มทำหน้าตูดยอมเอาป้ายลงไปส่งถึงใต้ตึก พอดีโต๊ะลงทะเบียนอยู่ใต้ตึกครับ เลยต้องแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายที่จัดห้องเล่นเกมอะไรก็อยู่ในห้อง ฝ่ายรับน้องก็มาอยู่ตรงหน้าตึก ส่วนผมฝ่ายไม่อยากทำห่าอะไรเลยก็เดินไปเดินมาครับ ที่บ้านสอนไว้ว่าเดินไปมาเดี๋ยวเพื่อนก็มองว่าเราขยันเอง
วันนี้อากาศร้อนเหมือนนรกแต่น้องๆก็ยังเดินกันยิ้มแย้มได้ ดีครับ พี่อยากให้น้องได้ยิ้มเยอะๆ เข้ามหาลัยมาน้องจะไม่ได้ยิ้มอีกเลยครับ น้องจะได้ร้องไห้ว่ากูมาทำอะไรที่นี่ และภาวนาให้จบภายในสี่ปีให้ได้ ฮึกๆ
“คุณๆ กูฝากมึงซื้อน้ำหน่อยดิ”
“น้ำไรวะ”
“โออิชิน้ำผึ้ง เซเว่น ตึกไข่เจียว ฝากหน่อยๆ” ตึกไข่เจียวเป็นชื่อตึกที่มีเซเว่นหนึ่งเดียวขอองมหาลัยผมครับ ห้ามถามว่าทำไมชื่อไข่เจียวเพราะผมก็สงสัยอยู่เหมือนกัน เหมือนไปบังคับให้มันชื่อไข่เจียว จริงๆมันอาจจะอยากชื่อไข่ดาวก็เป็นได้ป่ะวะ
“กูเอาด้วย” ไอ้มิตรรีบสาระแนยกมือทันที
“มึงเอาอะไรวะมิตร”
“เอาชาที่คนรถชนไม่ชอบ”
“ชาอะไรวะเพื่อนมิตร!!”
“ชาหลงอู่!!”
“อู่หลง!!”
“เออหรือเอาชาที่เป็นคำสุภาษิตก็ได้นะ”
“ชาอะไรวะเพื่อน!!”
“ชาชาดายพราเลมงาม”
“พามพาม โขดฮาเลยว่ะเพือน” เพื่อมุกตลกต่อให้เราต้องพูดภาษาไทยสำเนียงอเมริกาเราก็ทำได้ แม่งโคตรเพื่อนตายเลยว่ะ ผมไฮไฟว์กับไอ้มิตรไปหนึ่งทีก่อนจะรีบคว้าเงินเดินลงบันได ถึงจะขี้เกียจแต่ถ้าให้ไปถือป้ายเรียกเด็กก็ไม่อยากทำ สุดท้ายผมก็ยอมรับหน้าที่ไปซื้อน้ำให้แต่โดยดี
เซเว่นเวลานี้แน่นๆพอกับบีทีเอสช่วงเช้าแม้แต่จะเดินเข้าไปยังไม่ได้ ผมเลยตัดสินใจไปเดินเล่นที่อื่นก่อน วิธีเลือกก็ง่ายๆครับ เดินตามหมาไปเลยเรื่อยๆ เห้ยๆ อย่าเพิ่งทำหน้าแบบนั้นครับ ผมได้ทริคนี้มาจากหมาหน้าเซเว่นกับหน้าหอสมุด หมามันมักจะเลือกนอนตรงพื้นที่เย็นๆ ถ้าผมตามหมาไปแสดงว่าผมก็จะได้ไปอยู่ในที่เย็นๆยังไงหล่ะ!!
แล้วปฏิบัติการณ์เดินตามหมากีวี่ก็เริ่มขึ้น ผมเดินตามหางกระดุ๊กกระดิ๊กนั่นไปอย่างใจเย็น มองผ่านๆเหมือนหางหมูเลยอะไรจะขดขนาดนั้น จะว่าไปก็น่าคิดนะ เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด ถ้าเดินตามหมาอ่ะ คือผู้ใหญ่จะไม่กัดเราด้วยป่ะนะ เออน่าคิดจริงๆ มีใครทำวิจัยโต้คนโบราณบ้างไหมนะ
“ไอ้คุณ” ผมชะงักการโฟกัสหางหมาเงยหน้าขึ้นมองซ้ายขวา ปรากฏเป็นพี่ปลัดในลุคใส่หมวกใส่ผ้าปิดปากอำพรางตัวอย่างดี แต่โห ออร่าหล่อทะลุมาสก์ เกินคนไปแล้วว่ะ
“พี่ปลัด!!”
“เรียกเสียงดังขนาดนี้ มึงไม่คิดว่ากูเหมือนคนทำกำลังพรางตัวอยู่หรอ” พี่ปลัดขมวดคิ้วพร้อมกับเอานิ้วเกี่ยวมาสก์ตัวเองออก
“ไม่อ่ะ”
“อือ กูก็ว่าแล้วว่ามึงไม่น่าคิดได้” เออดิ ใครจะไปคิดว่าพรางตัว พรางตัวที่แท้จริงพี่มึงต้องนั่งลงกับพุ่มไม้ หักกิ่งมาปักหัวดิถึงจะเนียน วู้ว คนหล่อมันจะมีข้อเสียตรงความรู้รอบตัวน้อยแบบนี้แหล่ะครับ
“พรางตัวทำไมอ่ะพี่”
“เออหน่ะ มึงเถอะ ทำอะไรของมึง” เออจริงด้วย ผมรีบมองตามไอ้หมากีวี่ สรุปมันไปนอนตากแดดอยู่กลางสนาม หมาเวร มึงคิดว่าตัวเองเป็นหมาฝรั่งเรอะ มาทำดัดจริตอาบแดดโชว์เด็ก
“ผมเดินตามหมาอยู่”
“ห๊ะ”
“เดินตามหมา”
“เดินตามหมา? อ่า ว้าว น่าสนใจดีนี่ มึงนี่ทำแต่อะไรน่าสนใจดีนะ” หรอวะ เออ ถ้าพี่ว่าไงผมก็ว่างั้น
“แล้วพี่อ่ะ มาทำอะไรแถวตึกคณะผม” คือคณะของพี่ปลัดนั้นอยู่ค่อนข้างไกลจากคณะผมพอสมควรเลยครับ พี่ปลัดยกมือขึ้นเกาต้นคอแกร่กๆ
“กู...”
“...?”
“มา..”
“มา?”
“กู... กูก็เดินตามหมามาเหมือนกัน” เป็นงั้นไป ผมพยักหน้ารับรู้ สงสัยเดินตามหมาจะเป็นเทรนด์ไม่ว่ากัน
“แล้วนี่พี่จะไปไหนเนี่ย”
“กูหลงกับหมาที่เดินนำมา เลยไม่รู้จะไปไหนเหมือนกัน มึงหล่ะ”
“ผมตามหมามาหาที่เย็นๆ แต่แม่งหักหลังผมไปนอนอาบแดดโชว์สาวอยู่นู่น โคตรเซ็งเลย” ยังครับยัง ยังไม่หยุดดัดจริต ทำเป็นแอ่นพุงรับแดด มันน่าวิ่งเข้าไปหยิกหัวนม
“ไปนั่งตาบั๊กแถวตึกคณะกูป่ะ มันมีโปรหนึ่งแถมหนึ่งพอดี” พี่มันคิดว่าเอาของฟรีมาล่อผมแล้วจะได้ผลหรอวะ
เฉลยคือ
ได้ผลครับ ชาเขียวปั่นอร่อยมาก เอ้ย ไม่ได้ๆ ต้องกรีนทีเฟรปเป้ ยิ่งได้มาฟรียิ่งอร่อย ถึงชื่อข้างแก้วจะเขียนชัดเจนว่า ‘พี่ปลัด’ แต่ผมก็สามารถกินได้แบบไม่รู้สึกผิด ในเมื่อมันเป็นแก้วแถมฟรีนี่นา
“เด็กมาเยอะไหมคณะมนุษย์”
“ก็เยอะอยู่อ่ะพี่ มีแต่ผู้หญิง คอนต์แวนท์ขึ้นไปทุกวัน”
“ไม่ชอบรึไง สาวเยอะๆ” พี่ปลัดยกกาแฟขึ้นจิบแล้วกระดกคิ้วถามผม
“ก็ชอบนะ บอกให้พี่ สมัยมัธยมผมนี่เสือผู้ชายเลยนะรู้เปล่า!!”
พรวด!!!
พริ้มเลยกู พระปลัดพรมน้ำมนต์อเมริกาโน่ให้ โคตรอินเตอร์ ขนาดน้ำมนต์ยังต้องกิมมิค ไอ้พี่ปลัดไอค่อกแค่กก่อนจะถลึงตาใส่ผมอย่างตกใจ
“สะ เสือผู้ชาย?”
“พี่ตกใจอะไรของพี่วะ โรงเรียนสอนมาว่าเสือมีแต่เพศเมียเรอะ เต็มหน้าเลยอ่ะ ยี้”
“ไอ้คุณ มึงหมายถึงเสือผู้หญิงใช่ไหม?”
“เสือผู้ชายดิ ผมเป็นผู้ชายจะเป็นเสือผู้หญิงได้ยังไง ถามแปลกๆ” พี่ปลัดถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อมกับยกมือใหญ่ๆนั่นมาปาดกาแฟออกจากหน้าผม แต่ถูแรงขนาดนี้ ได้เลขแล้วไลน์บอกด้วยแล้วกัน ไอ้บ้า มือคนหรือตีนหมี
“มึงนี่มัน เห้อ เอาหน้ามาดิ๊” กูก็ยื่นอยู่นี่ไง ให้ถอดหัวให้เรอะ มือพี่ปลัดหยาบเหมือนตีนไอ้มิตร ผิดคาดจากที่คิดไว้เยอะเหมือนกัน คิดว่าคิ้วท์บอยคนดังมือจะต้องนุ่มๆเหมือนพุงแมวเสียอีก
“ว้าวๆ คนดังของโลกใบนี้” พี่ปลัดผงะออกไปที่มีเสียงทักดังขึ้นจากผู้มาใหม่ พอผมหันไปก็พบผู้ชายร่างสูงหัวทอง ว่าแต่มึงเป็นใครเนี่ย มายืนใส่แว่นดำทำไมในที่ร่ม เกือบยื่นเงินให้แปดสิบบาทแล้ว
“ไอ้ทิด”
“ไม่ใช่ทิด ชื่ออาทิตย์โว้ย อาทิตย์!!” ไอ้หัวทองรีบโวยวายลั่นร้านทันที
“มึงมีอะไร”
“แค่เข้ามาทักทายเฉยๆ เห็นเพื่อนหนีออกจากซุ้มไปสักพัก ไอ้กูหรอก็เป็นห่วง ที่แท้มาเดทลับๆอยู่นี่เอง สเป๊กมึงแปลกไปนะ ไปยักรู้ว่าเดี๋ยวนี้ชอบสไตล์แบบนี้” ไอ้พี่หัวทองมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า
“เอ่อ พี่ทิดครับ แบบผมมันทำไมหรอครับ”
“อาทิตย์!!”
“นั่นแหล่ะ พี่ทิด”
“อาทิตย์สิโว้ย!!”
“โอเค พี่ทิด”
“ก็บอกว่าชื่ออาทิตย์ไงวะ!!”
“ค้าบๆ พี่ทิดค้าบ”
“โว้ยยยยยยยย ไอ้ไทมึงทำอะไรสักอย่างกับเด็กมึงสิวะ!!” พี่แกดูไม่ค่อยปกติพูดตรงๆ เอาจริงพี่ทิดมันก็หล่อนะครับ หน้าคุ้นๆเหมือนเคยเห็นในทีวี ดูท่าทางจะเป็นเพื่อนพี่ปลัดมัน สนิทขนาดเรียกชื่อเล่นจริงๆที่ผมลืมไปแล้วด้วย เออว่ะ พี่ปลัดตี้มันชื่อไทนี่หว่า
“ได้” พี่ปลัดแค่หัวเราะออกมาเบาๆแล้วยกมือขึ้นเคาะหัวผมเบาๆ ทำร้ายกันได้โคตรคาวาอี้เลย ผู้ชายแมนๆจะต่อยกันยังไง คิ้วท์บอยมหาลัยเราก็เลือกจะเดินทางสายมิ้งด้วยการตบเหม่ง
“สัดไท มึงนี่เป็นเอามาก เตรียมกลับซุ้มได้แล้ว เดี๋ยวต้องถ่ายรูปโปรโมทของพีอาร์มหาลัยกับเพจพาน้องสอบอีก”
“เออๆ เดี๋ยวกูตามไป ฝากรับหน้าไปก่อน” ไอ้พี่ทิดทำหน้าเบื่อหน่ายแต่ก็ยอมเดินออกไปแบบไม่เถียงอะไรออกมา พี่ปลัดมันลุกขึ้นเก็บมือถือเข้ากระเป๋าผมเลยลุกขึ้นบ้าง เป็นคิ้วท์บอยนี่ก็เป็นเหมือนอีกหนึ่งหน้าตาของมหาลัยครับ บอกเลยว่าบางคนดังกว่าดาวเดือนมหาลัยเสียอีก
“เดี๋ยวผมเดินกลับคณะเองได้ พี่ไปทำงานเถอะ”
“กูต้องไปเอาเสื้อแถวคณะมึงก่อนอยู่ดี” อ่ะ งั้นก็ได้ ผมเดินกลับคณะไปพร้อมกับแก้วชาเขียวในมือ ตอนนี้พี่ปลัดได้ถอดมาสก์ออกแล้วครับ เพราะพี่มันถอดไว้ตอนกินกาแฟ ไอ้ผมเห็นมันจะปลิวเลยเอาแก้วชาเขียวไปทับไว้ สรุปคือเปียกเป็นดวง จะเอามาใส่ก็กลัวคนอื่นคิดว่าน้ำลายย้อย พี่ปลัดเลยขยำทิ้งไปเรียบร้อย
น้องๆหนูๆที่มางานนี่คว้ามือถือมาถ่ายกันเต็มเลยครับ บางคนถึงกับปิดปากร้องแอ๊ะๆสามทีแสดงถึงความฟิน ผมไม่ลืมเดินไปทำหน้าเผลอไปด้วย เผื่อติดกล้องน้องคนไหนไปจะได้ยังดูคนเผลอที่ยังหล่อเสียหน่อย อ่ะฮึ้บมองฟ้าเล็กน้อย อะฮะทำท่าดูดน้ำแต่ไม่ได้ดูดจริงให้มันดูมีมูฟเม้นต์ กะจะแอคท่าคนหล่อต่อถ้าไม่ติดว่า เรติน่าผมไปโฟกัสเจอตูดกลมๆบิดซ้ายบิดขวาอยู่ตรงหน้าเสียก่อน
ไอ้กีวี่!!!
นี่อาบแดดเสร็จก็มาดัดจริตเดินโยกตูดโชว์สาวต่ออีกหรอ!!
“กีวี่ ไอ้หมาเริงเมือง” นี่แหน่ะ ดีดน้ำจากแก้วใส่เสียเลย
“แกล้งหมาว่ะ”
“กีวี่ไม่นับเป็นหมานะพี่”
“แล้วมันเป็นอะไร”
“กีวี่เป็นผลไม้”
“แต่ไอ้กีวี่เป็นหมา”
“แต่กีวี่เป็นผลไม้ เท่ากับมันเป็นลูกครึ่งหมาครึ่งผลไม้” อ่ะงง หน้าพี่ปลัดมันงงมากครับ ไม่เป็นไร ผมก็งง พูดกวนตีนเล่นไปงั้น พูดงงเดี๋ยวก็งงเอง
“น้องปลัดคะ พี่ขอถ่ายรูปลงเพจหน่อยได้ไหมคะ” ยังไม่ทันได้เล่นมุกกีวี่แต่ก็โดนขัดเสียก่อน พี่กะเทยที่สวยเหมือนผู้หญิงฉีกยิ้มกว้างใส่พี่ปลัดพร้อมกับกล้องห้อยคอ
“เพจไหนครับ”
“คิ้วท์บอยค่า”
ห๊ะ!!
เห้ย!!!
แก้วสตาร์บั๊คแทบล่วงพื้น มาแล้วพวก มันมาแล้ว กลิ่นอายความเป็นคิ้วท์บอยมันลอยมาติดจมูก ถึงจะมีกลิ่นหมากีวี่ผสมนิดหน่อยก็ตาม แต่เฮ้ย ดวงคนมันจะได้เป็นคิ้วท์บอยมันก็แบบนี้แหล่ะครับ โอ๊ย ใจเต้นตุ๊บตั๊บ นี่กูควรแอคท่าไหนดีวะเนี่ย โอ๊ยๆๆ อยากโทรไปปรึกษาท่าโพสต์กับคุณชัยยุทธิเลย
“ถ่ายด้วยกันไหม?” พี่ปลัดหันมาถามผม ผมแอบทำหน้าคิดเล็กน้อยประมาณสามวิ ให้ดูเหมือนเราก็ใช้ความคิดเป็นเหมือนกันนะ เราก็มีความคิดเหมือนกันนะ ก่อนจะพยักหน้าตกลงแบบไม่คิดชีวิต
ผมได้แต่ยืนข้างพี่ปลัดแบบเขินอายหน่อยๆ ตอนนี้ตรงพวกผมโดนลุมด้วยน้องมัธยมประหนึ่งเป็นโอป้าในสนามบินแล้วมีแฟนๆมาแห่ต้อนรับ เพราะพี่ปลัดเป็นคนของประชาชนเลยได้พร๊อพเสริมมาเป็นป้ายแฮชแทคโอเพ่นเฮาส์ที่พี่เจ้าของเพจคิ้วท์บอยให้มาถือ ส่วนผมก็ได้แต่ยิ้มเกร็งยิ่งกว่าถ่ายรูปติดบัตร
เกร็งไม่เกร็ง รู้แต่ปากบนสั่นเป็นจังหวะเลยครับ โอ๊ย แม่เจ้าโว้ย จะดังแล้ว คนมันจะดังแล้ว
“กล้องนี้นะคะ หนึ่ง สอง..”
ซั่ม แป๊ปซี่!!
หมับ!!!
เฮ้ย!!!
“ไข่กู ไอ้กีวี่!!!”
แชะ!!
ชี้บหาย เสียงแชะวิเดียวคมเหมือนปาดหัวใจขาด จังหวะที่เสียงชัตเตอร์ดังคือจังหวะเดียวกับที่ไอ้หมากีวี่มาดมไข่ผม ไอ้เราไม่เคยโดนอะไรมาสัมผัสมันก็ต้องมีตกใจกันบ้างใช่ไหมหล่ะครับ ผมสะดุ้งยกขาหนีพร้อมกับอุทานไข่เต็มที่ บรรยากาศน้องนักเรียนที่ยกมือถือถ่ายกรี๊ดกร๊าดเงียบสงบเหมือนกดพลอสเพราะไข่ผม ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะออกมาลั่นรวมไปถึงไอ้พี่ปลัดด้วย ตลกเรอะ!!! เกือบเป็นหมันนี่ตลกเรอะ!!
“ถะ ถ่ายใหม่ได้ไหมครับพี่”
“แบตพี่หมดพอดีเลยอ่ะค่ะ แต่รูปเมื่อกี้ก็น่ารักอยู่นะคะน้อง ไหนน้องชื่ออะไรปีไหน พี่จะได้เอาไปลงในแคปชั่นเพจ” นี่กูต้องดีใจไหมเนี่ย รูปแรกในเพจคิ้วท์บอยคือรูปหมากัดไข่ แคปชั่นรูปมันจะออกมาแนวไหนวะ
น้องคุณ มนุดปีสอง
ที่ว่างคือหัวใจ ส่วนไข่ติดจอง
อะไรแบบนี้หรอวะ!! แล้วคนจองคือหมาเนี่ยนะ!! โลกไม่ยุติธรรมเลย!!
พี่ปลัดที่ขำหน้าดำหน้าแดงรวบรวมลมหายใจก่อนจะเดินเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรซักอย่างกับพี่เจ้าของเพจแล้วก็เดินออกมา
“เอางั้นก็ได้ค่ะ งั้นพี่ขอตัวก่อนนะคะ”
“เอ้า เดี๋ยว ชะ ชื่อผม อ้าว” ไปซะแล้ว... คำถามที่ไม่เอาคำตอบแบบนี้ก็ได้หรอ
“ป่ะ รีบไปเถอะ กูต้องไปถ่ายงานต่อ”
“ตะ แต่ชื่อผม”
“ป่ะๆ” อิหยังวะ ผมโดนผลักหลังเดินแบบงงๆมาจนถึงคณะ พี่ปลัดมันก็โบกมือบ๊ายบายแล้วรีบวิ่งออกไปทันที สงสัยจะรีบไปเอาเสื้อที่สั่งไว้อะไรของพี่มัน ผมได้แต่เอามือทาบหัวใจที่เต้นระรัว เห้ยคือแบบ พูดไม่ออกบอกไม่ถูก อยู่ดีๆก็โดนถ่ายโดยพี่เพจคิ้วท์บอย คือมันเหมือนฝันเป็นจริงครับ ถึงจะถ่ายกับพี่ปลัดแล้วโดนออร่าที่ปลัดบัง ถึงจะมีหมากีวี่ร่วมเฟรม แต่ถ้าเป็นฝีมือเพจคิ้วท์บอยถ่ายแล้ว ผมมั่นใจมากว่าผมคงต้องออกมาดูดีชัวร์ๆ
“อีคุณ!!!!!!!!!!!!”
“นะ นินิว”
“อีคุณ กูให้ไปซื้อโออิชิเซเว่น หายไปเกือบชั่วโมง มึงไปเซเว่นแถวลาดพร้าวหรออีเวร แล้วเสือกกลับมากับแก้วสตาร์บั๊คนี่หมายความว่าไง”
“หมายความว่ากูไปสตาร์บั๊คมาไง”
“กูไม่ได้ต้องการคำตอบ!!”
อิหยังวะ!!
ทำไมวันนี้เจอแต่คนถามไม่ต้องการคำตอบ กูงงไปหมดแล้วเนี่ย!!
“เห้ยไอ้คุณ ในเพจที่ถ่ายกับพี่ปลัดนี่มึงป่ะวะ” เอิงตะโกนถามผม ซึ่งนั่นทำให้ผมรีบหยิบมือถือขึ้นมาดูทันทีทันใด ก่อนที่ภาพในมือถือจะทำให้ผมต้องตะลึง
ในภาพปรากฏเป็นพี่ปลัดยืนยิ้มหล่อกับป้ายโอเพ่นเฮาส์ ส่วนข้างๆมีสัมภเวสีผสมกัปปะกระโดดเขย่งขาโดยมีหมาซุกเป้าอยู่ หน้าตาไม่ต้องพูดถึง ดูหวาดผวาเหมือนเสียดินแดนให้หมาไปแล้ว ยังครับ ยังไม่หมด เพจคิ้วท์บอยยังลงพร้อมกับแคปชั่นขยี้
SCuteboyofficial พี่ปลัด นวัตปีสี่กับหมากีวี่ มาโปรโมทโอเพ่นเฮาส์ <3
...คำถามคือ
ไหนกู๊!!!!!!!!!
หมากีวี่ยังมีตัวตนกว่ากูไปอีกเรอะ!!!!!
ความมีตัวตนในแคปชั่นเป็นศูนย์ทั้งๆที่ในรูปผมเด่นกว่าทั้งพี่ปลัดและหมากีวี่ เพราะตกใจจนปากอ้าเป็นรูปตัวยู กว้างพอที่จะสร้างมหาลัยอีกวิทยาเขตได้ แต่ถึงกระนั้นก็โดนเพจเมินอย่างโหดเหี้ยม ไอ้พี่ปลัดมันต้องไปกระซิบอะไรซักอย่างแน่นอน คิดแล้วโมโห อยากจะเขวี้ยงชาเขียวที่พี่ปลัดเลี้ยงในมือทิ้ง แต่คิดไปคิดมามันแพงเลยดูดให้หมดดีกว่า โถ่โว้ย คราวหน้าจะลงเพจคิ้วท์บอยเดี่ยวๆให้ได้เลย!!!
“พี่คุณคะ พี่คุณ” หือ? ผมหันซ้ายหันขวาหาเสียงเรียกเพื่อไปพบกับน้องอายที่ยืนยิ้มอยู่
“อ้าว น้องอาย” ยิ้มนิดเดียวใจไอ้คุณคนนี้มันก็ระทวยไปหมด
“พี่คุณว่างหรือยังอ่ะคะ” โอ๊ย ว่างมานานแล้วค่ะ ทั้งหัวใจและหน้าที่
“ว่างค่ะ น้องอายอยากให้พี่ช่วยอะไรหรือเปล่า” ไม่ลืมใส่คะเสมอ เพราะผู้หญิงชอบให้พูดคะ ผมจำได้จากหลักการในเฟสบุ๊ค บอกแล้วครับว่าไอ้คุณเนี่ย เสือผู้ชายของแท้
“พอดีว่าอายไปเล่นเกมของซุ้มการตลาดมาแล้วได้ตั๋วหนังฟรีมาสองที่ พี่คุณสะดวกไหมอ่ะคะ”
“จะให้พี่ไปดูแทนหรอคะ?” เอ ไอ้มิตรจะว่างไปด้วยรึเปล่านะ
“ไม่ใช่ค่ะไม่ใช่ อายจะชวนไปดูด้วยกันวันเสาร์นี้ พี่คุณว่างรึเปล่าคะ”
ด้วยกัน
ด้วยกัน...
ด้วยกัน!!!!!!!!!!!
ผมได้แต่ตกตะลึง ตะลึง ตะลึงตึ่งตึง ตะลึงตึ่งตึงอยู่เกือบนาที ไม่ลืมตบแก้มตัวเองแล้วก็แคะหูตัวเองด้วย เห้ย น้องอายชวนไปผมไปดูหนัง ไปดูหนังด้วยกัน มันคือเดทใช่หรือไม่!! เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ ผมเงยหน้ามองเพื่อนที่นั่งเป็นตัวประกอบอยู่ด้านหลังน้องอาย ได้สายตาจากไอ้มิตรตอบมาว่า ‘ใช่เพื่อนคุณ มันคือเดท’ นั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกปิติมานะมานีชูใจ
“วะ ว่างค่ะ พี่ว่าง”
“ดีจังงง งั้นเจอกันวันเสาร์นะคะ เดี๋ยวอายไลน์ไปหาพี่คุณ”
“ดะ เดี๋ยว น้องอายมีไลน์พี่ด้วยหรอ”
“ในกลุ่มปีหนึ่งปีสองไงคะ พี่คุณเล่นมุกไว้เต็มแชทเลย” เชี่ย หรือนี่คือที่มาของหล่อมักนก ตลกมักได้ที่แท้จริง
“อ๋อ อะ โอเค”
“ไว้เจอกันนะคะพี่คุณ”
“ค้าบบบบ”
ถึงตัวน้องอายจากไปแต่เอาใจผมไปด้วย อ๋อย โคตรน่ารักเลยว่ะ ผมได้แต่ยิ้มปริ่ม วันนี้มีแต่เรื่องดีๆวิ่งเข้ามาหาทั้งคิ้วท์บอยมาถ่ายรูปลงเพจ ทั้งน้องอายมาชวนไปเดท ทั้งได้กินกรีนทีเฟรบเป้ฟรี ชีวิตไอ้คุณมันช่วงขาขึ้นสุดๆไปเลยว่ะ!!
---
ซึระจาไนคัทซึระดะฉันใด ทิดจาไนอาทิตย์ดะฉันนั้น
ช่วงนี้ติดสอบ อัพช้านะคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์และวิวจากใจจริงค่ะ
ปล. เรื่องชื่อน้องคุณ เดี๋ยวเราจะแก้ตอนแรกนะคะ ;___; ขอโทษที่ทำให้รู้จักขัดตอนอ่านนะคะ พอดีลืมคิดเรื่องนั้นไปเลย