ตอนที่14
เพื่อนซี้…ไม่มีซั้ว
ในวันแรกที่เปิดเทอมผมแทบจะถอดใจไม่อยากไปเรียนอีกเพราะความรู้สึกโดดเดี่ยว มองไปทางไหนก็เห็นแต่คนที่เค้ามีเพื่อนๆ
มาเรียนด้วยกัน อย่างบางคนที่ได้ทักทายกันก็แค่ผ่านๆส่วนใหญ่เค้าจะบอกว่ามากับเพื่อนโรงเรียนเก่าก็คงเหมือนผมเมื่อก่อนนี้
ผมบอกได้เลยว่าการมีเพื่อนเป็นเรื่องสำคัญมากในการเรียนหนังสือ ไม่ใช่ว่าจะให้เพื่อนมีอิทธิพลกับชีวิตเราไปซะทั้งหมด
แต่อย่างน้อยๆการมีเพื่อนก็เป็นแรงจูงใจอย่างนึงที่ทำให้เราอยากตื่นไปเรียนในตอนเช้า ได้พูดคุย สรวลเส เฮฮากับเพื่อนๆ
ในทางกลับกันการมีเพื่อนน้อย ไม่ค่อยรู้จักใคร ไม่รู้ว่าจะไปเข้ากลุ่มไหน ย่อมมีผลทำให้ไม่อยากมาเรียนหนังสือด้วย
กรณีที่ว่านี้กำลังเกิดขึ้นกับผมในช่วงสัปดาห์แรกๆ เพราะผมรู้สึกเบื่อ ไม่อยากไปเรียนแค่คิดว่าต้องไปนั่งเรียนคนเดียวก็เซ็งแล้ว
ถึงจะเบื่อและเซ็งแค่ไหน ผมก็ตั้งใจว่าครั้งนี้จะต้องเรียนให้จบให้ได้ ผมจึงยังคงไปนั่งฟังบรรยายอยู่เสมอแม้รู้สึกโดดเดี่ยวเต็มที
สัปดาห์ที่2 ผมเริ่มรู้จักเพื่อนใหม่ๆเพิ่มขึ้นอีกหลายคน จำชื่อได้บ้างไม่ได้บ้าง เมื่อต้องกลับทางเดียวกันผมก็กลับพร้อมเพื่อนๆ
แทนที่จะให้รถมารับเพราะผมอยากใช้ช่วงเวลานอกเหนือการเรียนในการพูดคุยทำความรู้จักกับเพื่อนให้สนิทสนมกันเร็วๆ
ที่มหาวิทยาลัยวิทยาเขตนี้เพิ่งเปิดให้มีนักศึกษาปริญาตรี2ปี จึงมีรุ่นพี่ปี2 กับรุ่นพวกผมเป็นปี1 จะว่าไปคนก็ไม่ได้มากมายนัก
คิดว่าคงไม่ยากเกินไปที่จะค่อยๆรู้จักคนต่างๆให้ทั่วทั้งรุ่นพี่และเพื่อนๆปี1 เริ่มจากเวลาลงรถตอนเช้าเจอเพื่อนก็ทักเค้าก่อนครับ
เพื่อนคนไหนที่จำชื่อได้ก็เรียกชื่อ เพื่อนคนไหนที่ผมจำชื่อไม่ได้ก็ยิ้มๆไปก่อน เวลาเห็นเพื่อนเค้ายกมือไหว้รุ่นพี่ผมก็ไหว้ด้วย
(โปรดจำไว้เสมอว่าความจริงผมอายุมากกว่ารุ่นพี่ซะอีก) พวกรุ่นพี่ก็ดูไม่ออกหรอกครับว่าผมเป็นเด็กซิ่วแถมซิ่วตั้ง3ปีแน่ะ
เค้าก็รับไหว้แล้วก็จะคอยเข้ามาแนะนำเรื่องการเรียนให้กับผมเหมือนที่แนะนำให้กับเพื่อนๆผมที่เป็นน้องปี1เหมือนกัน
1เดือนแล้วครับ สำหรับการย้ายมาเรียนที่นี่ มาเป็นน้องปี1ให้รุ่นพี่ที่เกิดทีหลังผมคอยแนะนำตึกเรียน แนะนำร้านข้าวใกล้ๆ
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมเริ่มมีเพื่อนมากขึ้นอาจไม่ใช่กลุ่มใหญ่เหมือนเมื่อก่อนแต่ก็เป็นกลุ่มที่ผูกพันกันได้ในเวลาอันรวดเร็ว
ตอนนี้ผมไม่เบื่อที่จะไปเรียนแล้วครับ เพราะทุกๆเช้าที่ตื่นขึ้นมาผมรู้ว่าผมจะได้ไปเจอเพื่อน ได้ไปเจอรุ่นพี่ที่ไม่บ้าอำนาจ
เพื่อนแต่ละคนในกลุ่มที่ผมมีอยู่ตอนนี้มาจากหลายทิศหลายทาง เริ่มจากคนนั้นรู้จักคนนี้ แล้วก็มารู้จักกับเพื่อนคนใหม่ไปเรื่อยๆ
อย่างผมเองตอนแรกก็รู้จักับเพื่อนผู้หญิงที่ชื่อสุ แล้วสุก็เช่าห้องพักอยู่ที่เดียวกับหญิง ส่วนหญิงก็เป็นเพื่อนเก่าของนิ่ม แล้วนิ่มเอง
ก็นั่งรถมล์มาทางเดียวกันกับโอ๋ โอ๋ก็นั่งเรียนติดกันกับเป้ย เป้ยเรียนคณะเดียวกันกับผม ก็โยงใยกันไปเป็นลูกโซ่แบบน่ะครับ
อาจจะดูงงๆซักหน่อยนะครับ แต่ก็เพราะได้รู้จักกันแบบงงๆเนี่ยแหล่ะที่ทำให้ผมมีเพื่อนซี้ ที่นับวันก็จะมีมากขึ้นเรื่อยๆแล้วครับ
บรรดาเพื่อนซี้ของผมแต่ละคนฮาๆทั้งนั้นและก็มีความสนใจกันไปคนละทิศละทางเวลารวมกลุ่มคุยกันแต่ละทีเสียงดังลั่นไปทั่ว
ผมว่ามารู้จักเพื่อนๆของผมหน่อยเป็นไร แล้วบางทีคุณอาจจะคิดเหมือนเพื่อนกลุ่มอื่นว่า “พวกมันพูดเรื่องเดียวกันรึเปล่าวะ”
สุ - สาวซึม ยิ้มง่าย เรียกได้ว่ายิ้มมากกว่าพูด แต่ถ้าไม่พูดไม่ยิ้มหน้าเธอจะเศร้าตลอดเวลา
หญิง - เพื่อนสาวสุดห้าว แต่งตัวบ้านๆพร้อมเป้สีเขียวตัดกับสีผิวเข้มๆ ใส่รองเท้าผ้าใบสีตุ่นๆตลอด4ปี
นิ่ม - สาวท้วมที่ห้าวไม่แพ้กัน แต่ออกจะทะโมนน้อยกว่าหญิง เป็นคนจิตใจดีรักเพื่อน
โอ๋ - ชายหนุ่มอารมณ์ศิลป์ ชอบอ่านการ์ตูนเป็นชีวิตจิตใจ ฝันว่าอยากเป็นนักเขียนการ์ตูนใด้ได้
เป้ย - สาวร่างโย่ง มาในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้า เรียนเก่งโคดๆ ผมว่าเธอเหมาะจะเป็นนางแบบนะ
จิม - เพื่อนเกย์คณะนิติศาสตร์ ไม่ออกสาวแต่เห็นผู้ชายไม่ได้ เหล่จนตากลับ มีศัพท์ใหม่ๆมานำเสนอตลอด
พี่แมน - เป็นรุ่นพี่ผมปีนึงเรียนจบป,ตรีแล้ว1ใบแต่อยากเรียนอีกใบเลยมาลงเรียนที่รามปีเดียวกันนี้
แอ๊บ - ช่างกล้องประจำกลุ่ม ถ้าไปเที่ยวกันทั้งกลุ่มนายนี่จะต้องแบกขาตั้งกล้องไปด้วยเสมอ
นาง - สาวสวยแทบจะที่สุดก็ว่าได้ เพราะตัวเล็กน่ารัก แล้วก็ขายออก เอ๊ย…เป็นแฟนกับรุ่นพี่ตั้งแต่ปี1เลยเชียว
นอกเหนือจากที่กล่าวมานี้ก็ใช่ว่าผมไม่สนิทกับคนอื่นนะครับ แต่ความสนิทสนมก็มีมากมีน้อยลดหลั่นกันไปตามความใกล้ชิด
โดยเพื่อนกลุ่มที่ผมเอามาแนะนำตัวให้คุณๆรู้จักกันถือว่าเจอกันบ่อยทั้งเวลาเรียน ตอนกลับบ้าน และนัดกันไปเที่ยวเป็นกลุ่มๆ
แต่อย่างที่บอกล่ะครับว่าเราแต่ละคนมีสนใจต่างกันไปดังนั้นเมื่อรวมตัวกันจึงเหมือนแย่งกันพูดคนละเรื่องแต่ก็เข้าใจกันนะครับ