บทที่ 20
เมื่อน้องปูนตัดสินจบเกม เภสัชฯ แพ้วิศะไปด้วยคะแนน 1-3 ก็ถือว่าไม่ได้กินไข่ล่ะนะ
นักบอลเภสัชฯ ทุกคนทำได้ดีมากครับ เกินคาดเลย ผมคิดว่าวิศวะจะนำโด่งแล้ว เพราะครึ่งแรกเภสัชฯ ก็เสียไปถึงสองประตู มาได้ประตูแรกในสิบนาทีแรกของครึ่งหลัง
นักบอลฝั่งเภสัชทุกคนตั้งใจเล่นอย่างเต็มที่ เมื่อจบเกมก็เลยลงไปนอนแผ่อยู่กลางสนาม พวกเขาคงเหนื่อยกันมาก ดูอย่างพี่เดียวกับเอื้อสิ สองคนนั้นก็ยังลงไปกองกับพื้นเลย
“เอาของไปคืนพี่ว่านกันเหอะมึง” ฟ้าสะกิดผมให้ลุกขึ้นยืน ก่อนที่เขาจะเดินลงบันไดไปคืนของให้พี่ว่าน พี่ว่านเก่งมากครับ เซฟบอลไว้ได้หลายลูก ต้องบอกว่าที่เภสัชฯ ไม่สามารถทำประตูได้ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพี่เขา
“พี่ว่านครับ” ผมเรียกร่างสูงที่กำลังดื่มน้ำอยู่ อีกคนเลยหันมาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ก่อนจะลงขวดน้ำลงแล้วส่งยิ้มมาให้ “ผมเอาของมาคืนครับ ผมกลับก่อนนะพี่”
ผมวางของทั้งหมดไว้บนเก้าอี้ข้างสนามก่อนจะยกมือไหว้ลาพี่เขา พี่ว่านเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่เพื่อนในทีมกลับคว้าคอพี่ว่านไปกอดเสียก่อนแล้วก็ลากกับเข้าไปบูม ผมเลยเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมไอ้ฟ้า ไม่ได้กะจะเดินไปหาเอื้อหรอกครับ ผมจะยังกล้าไปหามันได้ยังไงล่ะจริงมั้ย
“ปูนระวัง!” เสียงฟ้าดังขึ้นร้อมกับตัวผมที่ถูกผลักออกให้พ้นทางน้ำที่กำลังไหลลงมาจากด้านบน “เฮ้ย! ใครวะ!!...พี่น้ำ?!”
พอมองขึ้นไปข้างบนก็พบกับพี่น้ำ ในมือพี่เขาถือน้ำขวดใหญ่อยู่ แถมพี่เขายังค้างมือคว่ำปากขวดที่เปิดแล้วลงมา ตำแหน่งของมันอยู่เหนือหัวผมพอดิบพอดี
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเมื่อกี้ใครเป็นคนทำ
“หาเรื่องเหรอพี่!!” ไม่ใช่ผมหรอกครับที่เป็นคนตะโกน ไอ้ฟ้าต่างหาก
“อย่ามากล่าวหานะ ฉันแค่ไม่เห็นว่ามีคนยืนอยู่ก็เท่านั้นเอง” ไม่เห็นบ้านพี่สิครับ ราดน้ำมาเกือบโดนผมเสียขนาดนี้ ไม่พลาดเป้าแม้แต่น้อย
“โกหกหน้าด้านๆ เลยนะครับ เด็กอนุบาลยังรู้เลยว่าพี่ตั้งใจทำ”
“ตั้งใจแล้วไง...ทำไม? จะให้เพื่อนนายขึ้นมาตบฉันเหรอ แค่แย่งผู้ชายของฉันไปยังไม่พออีกหรือไง” ใบหน้าสวยลอยหน้าลอยตาพูด ให้ความรู้สึกหมั่นไส้แก่คนฟังมาก ผมว่าถ้ามีหนามทุเรียนตรงนี้หลายๆ คนคงอยากจะเอามาขว้างพี่เขา
“ตกลงพี่จะเอายังไงครับ” ผมถามขึ้นในที่สุด ตอนแรกก็นึกว่าเรื่องมันจะจบแค่ผมโดนด่าต่อหน้าคนทั้งแสตนด์ แค่นั้นก็มากเกินพอแล้วนะ มันทำให้ผมรู้สึกแย่ที่สุดในชีวิตเลย
แต่เทียบไม่ได้กับตอนนี้...
“เอายังไงเหรอ...ก็เอาอย่างนี้ไง”
พี่น้ำเปิดฝาขวดน้ำอีกขวดในมือ เขายื่นมันมาก่อนจะเทในทันที ผมเตรียมจะหลบแม้ไม่ว่ายังไงก็คงไม่พ้น คงต้องเปียกบ้าง ทว่าก่อนที่น้ำจะถึงตัวผม ร่างสูงของใครบางคนก็เข้ามาโอบผมเอาไว้
โจกกกกกกก
“ไม่โดนตรงไหนนะ” เสียงคุ้นเคยถามขึ้นที่ข้างหู ก่อนที่ตัวผมจะเป็นอิสระ
เอื้อปาดหยดน้ำออกจากใบหน้า เงยหน้าขึ้นมองพี่น้ำจากทางด้านล่าง สีหน้าคนทำบ่งบอกว่าตกใจแค่ไหนที่ผู้รับเคราะห์ไม่ใช่ผม
“เอื้อ!?”
“น้ำพอใจหรือยัง ถ้าพอใจแล้ว เลิกยุ่งกับปูนได้มั้ย” มันถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ปูนไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องที่ผมบอกเลิกน้ำเลย”
“กล้าพูดนะ! ถ้าไม่ใช่เพราะมันเอื้อก็คงไม่ทำกับเราแบบนี้”
“มันไม่ใช่เพราะปูนหรอก”
“แล้วเพราะอะไร”
“ผมไม่ได้ชอบน้ำตั้งแต่แรกแล้ว ขอโทษนะที่ให้ความหวังไป ผมผิดเองทุกอย่าง”
ผมอึ้ง พอๆ กับทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนี้ ไม่คิดว่าเอื้อมันจะกล้าพูดกับพี่น้ำแบบนี้ คงไม่ต้องบอกถึงสีหน้าของพี่น้ำใช่มั้ยว่าจะช็อกหนักขนาดไหน พี่เขาทำหน้าเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่เอื้อพูด แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ถะ ถ้าไม่คิดอะไรตั้งแต่แรก แล้วเอื้อทำแบบนี้ทำไม” แล้วพี่น้ำก็รวบรวมสติถามขึ้นมาได้ในที่สุด “บอกสิว่าทำแบบนี้กับเราทำไม!!”
เอื้อเหลือบมองผมครู่หนึ่งก่อนจะหันไปตอบพี่น้ำ “ขอโทษนะน้ำ”
“เอื้อออ!!”
“ลาก่อนครับ”
ร่างสูงคว้ามือผมไว้ก่อนจะพาให้เดินตามมันไป ผมที่กำลังงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่ได้แม้แต่จะขัดขืน รู้ตัวอีกทีตัวเองก็เดินออกมาไกลจากสนามตรงนั้นแล้ว พอหันกลับไปมองก็พบว่าทุกสายตามองมาที่เราสองคนเป็นทางเดียว แค่มาดูแข่งฟุตบอลนัดเดียวกลับกลายเป็นทำให้ผมเป็นที่รู้จักของคนทั้งมหา’ลัย เชื่อเถอะว่าพรุ่งนี้เรื่องของผมคงเป็น ทอล็ค ออฟ เดอะ ยู (University)
คนตรงหน้าหยุดเท้าเมื่อเราเดินถึงรถคันสวยคุ้นตาที่จอดไว้ในลานกว้าง ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าถือแล้วหยิบกุญแจจออกมาปลดล็อก
“กูต้องไปช่วยงานที่บูธ” ผมรีบบอกเมื่อมันทำท่าจะดันผมให้ขึ้นไปนั่งข้างใน
“ช่วยอะไรอีก ตัวมึงเปียกไปทั้งตัวขนาดนี้กลับหอไปอาบน้ำซะ!”
“ไม่เป็นไร กูไปได้”
“ปูนอย่าดื้อ!”
“กูไม่เป็นอะไรจริงๆ มึงกลับไปเหอะ” ผมบิดข้อมือตัวเองออกจากมือใหญ่ คราวนี้มันหลุดออกอย่างง่ายดายไม่ต้องเปลืองแรงเยอะ
ตอนนี้ผมไม่กล้าเงยหน้ามองมันเลยให้ตาย ผมไม่อยากเห็นสีหน้าของมัน ไม่อยากเห็นว่ามันจะสงสารผมขนาดไหน ผมไม่อยากดูสมเพชในสายตามัน
อีกอย่างผมก็แค่รู้สึก...แย่ที่ต้องเจอเอื้อเท่านั้น
“ปูน...อย่าเป็นแบบนี้ดิวะ”
“มึงใจร้ายว่ะเอื้อ นั่นคนที่ชอบมึงนะ มึงทำแบบนั้นได้ยังไง” ผมถามด้วยน้ำเสียงที่เบาโหวง สายตาผิดหวังและความเสียใจของพี่น้ำทำให้ผมนึกน้อยไปครั้งก่อน ผมก็เคยผิดหวังเช่นเธอเหมือนกัน ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดี
“กูว่ากูบอกชัดเจนแล้ว ว่ากูไม่ได้ชอบเขา”
“แล้วมึงไปให้ความหวังเขาทำไม” ผมสบตากับร่างสูงตรงหน้า “มึงทำแบบนั้นทำไมเอื้อ มึงจะเลวก็ให้มันมีขอบเขตหน่อยได้หรือเปล่าวะ มึงจะทำร้ายคนอื่นไปเรื่อยๆ แบบนี้ได้ยังไง”
“กูไม่ได้อยากจะให้ความหวังใคร...อาจจะฟังเหมือนคำแก้ตัว เหตุผลที่กูคบน้ำ...เพราะกูอยากเอาสายตาไปไว้ที่อื่นนอกจากมึงบ้าง...”
“นี่เหรอเหตุผลของมึงน่ะ”
“ใช่...ตอนนั้นกูมันโง่ กูไม่รู้ว่าต้องทำยังไง คิดแต่ว่าอยากจะเลิกยุ่งกับมึง แต่แม่ง...ทำไม่ได้ว่ะ”
“มึงมันเหี้ยจริงๆ นั่นแหละ”
หน้ามันผมยังไม่อยากจะมองเลยครับ ที่ผ่านมาทำไมผมต้องหวั่นไหวกับมันด้วย ทำไมผมต้องเขินกับคำหวาน ทำไมผมต้องดีใจที่มันทำดีต่อกัน
“มึงเลิกทำแบบนี้ได้หรือเปล่าวะ ที่มึงทำกับพี่น้ำมันเกินไป มึงอยากจะได้เขา ก็แค่ให้ความหวัง รอวันเบื่อแล้วก็เขี่ยเขาทิ้ง”
“...”
“มึงยังมีหัวใจป่ะวะเอื้อ สนุกหรือเปล่าที่เห็นคนอื่นเขาหัวปั่นเพราะมึง เจ็บเพราะมึงน่ะ!”
ผมอยากจะเกลียดมัน อยากจะโกรธมันให้มากกว่านี้ แต่ทำไมพอมองหน้าเอื้อที่ไรหัวใจของผมกลับปฏิเสธทุกอย่างที่สมองคิด คำที่ด่ามันไป คำที่ผมตะโกนใส่อีกฝ่ายแทบไม่มีความหมายอะไรเลยด้วยซ้ำ
“...แต่กูก็ไม่เคยทำแบบนั้นกับมึง”
“มันแค่ยังไม่ถึงเวลาหรือเปล่าเอื้อ” ผมไม่ชอบความรู้สึกที่เหมือนตัวเองกำลังจะร้องไห้ออกมาได้ตลอดเวลาอย่างตอนนี้เลย ผมควรจะเข้มแข็งกว่านี้ “มันอาจจะแค่...ยังไม่ถึงเวลาขอกูก็ได้ ตอนนี้มึงอาจจะกำลังสนุก เหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่…”
“พอ!”
“แต่สักพักมึงก็จะเบื่อ แล้วทิ้งไปเหมือนที่มึงเคยๆ ทำ…”
“กูบอกให้พอไง!!”
“แล้วความรู้สึกของกูอ่ะเอื้อ ความรู้สึกของกู มึงจะรับผิดชอบยังไง” แม่ง...เสียงนี่ก็สั่นอยู่ได้ แต่ละคำที่พูดออกไปแทบฟังไม่ออกเลยสักนิด เข้มแข็งหน่อยโวยไอ้ปูน มึงต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ “ถ้าวันหนึ่งมึงเบื่อแล้วทิ้งกูไปเหมือนที่ทำกับทุกคน กูจะทำยังไงวะ”
“...”
“บอกกูหน่อยดิ ถ้ามึงพบว่าตัวเองไม่รู้สึกอะไรกับกู ทั้งที่สุดท้ายกูอาจจะ…”
ผมหยุดคำพูดไว้แค่นั้น ไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์ที่มันยังไม่เกิดขึ้น
“...”
“บอกตรงๆ กูคงรับไม่ได้ว่ะ” เอาล่ะ โอเคแล้ว น้ำตาผมหยุดไหลจนได้ “เพราะงั้น...เราพอเถอะ ถือว่ากูขอร้อง อะไรที่มันเกินๆ มาในความรู้สึก ก็ปล่อยให้มันหายไป แล้วกลับมาเริ่มใหม่...กลับมาเป็นคนที่ไม่รู้จักกันได้หรือเปล่า”
“...”
“...”
ผมรอฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ แต่เอื้อก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เราเงียบกันไปหลายนาที น่าแปลกที่สถานการณ์ตอนนี้ราวกับเ็นใจให้เราทั้งคู่ ลานจอดรถตอนนี้เงียบสงบ ไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด ไม่มีใครเดินเข้าออก แม้แต่ยามที่ประจำอยู่ก็ไม่เห็น
“ถ้ามึงทำไม่ได้...กูทำให้เอง”
เอื้อเงยหน้ามองผมด้วยความตกใจ “มึงคงไม่ได้…”
“ต่อไปนี้อย่ามายุ่งกัน…”
“ไม่!!”
“พอทีเถอะเอื้อ”
ผมพูดแค่นั้นก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกมา โชคดีที่ในตอนนั้นฟ้ามันขับรถมาจอดตรงหน้าผมพอดี ผมเลยขึ้นซ้อนท้ายมันอย่างรวดเร็ว
“คุยกันก่อนดิปูน” เอื้อเดินมาจับมือของผมไว้แต่มันก็ไม่แน่นมากจนผมสามารถสะบัดออกได้อย่างง่ายดาย “เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ”
“เอาไง” ฟ้าถามพร้อมกับส่งหมวกกันน็อคมาให้
“ไปเลย”
“ปูน!!”
“ไปฟ้า!”
ฟ้าทำตามคำสั่งของผม มันบิดคันเร่งก่อนรถมอเตอร์ไซค์คันเก่าของผมจะพุ่งออกไปข้างหน้า เสียงท่อดังกลบเสียงตะโกนจากคนที่อยู่ข้างหลัง แต่ถึงแบบนั้น เสียงของเอื้อก็แว่วมาเข้าหูของผมอยู่ดี
“ปูน!! กูจะรอมึงนะ!!”
…
..
.
“กูว่าวันนี้บรรยากาศมันหม่นแปลกๆ ว่ะ” เสือกหมายเลขหนึ่งเอ่ยขึ้นกลางบูธขายผักออร์แกนิค วันนี้เป็นวันสุดท้าย คนมาเดินงานค่อนข้างจะน้อยกว่าทุกวัน แต่คนในบูธเราเยอะกว่าปกติ เพื่อนๆ ในสาขามากันเกือบครบเลยครับ เพราะถ้างานเลิก จะได้ทยอยกันเก็บของให้เสร็จในวันนี้ไปเลย
“นั่นดิ ฟ้ามันครึ้มเหมือนฝนกำลังจะตก” ไอ้บอยเอ่ยเห็นด้วย อ่า...ใช่เลยครับ นี่เพิ่งหกโมงกว่าๆ เองนะ ฟ้ามึดไปหมดเลย
ผมเกลียดฝน และดูเหมือนวันนี้มันกำลังจะมาเยือนอีกครั้ง
“เฮ้อออออ คนก็ไม่รู้หายไปไหนหมด” กล้าตอบกลับ ก่อนมันจะหันมาหาผมกับฟ้า “แล้วมึงอ่ะ ทำไมตับเปียกแบบนี้วะ ไปดูบอลหรือไปเล่นสงกรานต์”
เลือกได้กูก็ไม่อยากจะเปียกหรอกเว้ย
“มึงว่าวันนี้จะเสร็จกี่โมงวะ กูไม่อยากเปียกฝน” ผมขี้เกียจอธิบายเลยเลือกที่จะไม่ตอบคำถามมัน ต้องขอบคุณโชคชะตาที่ไม่ใจร้ายกับผมขนาดให้พี่น้ำกลับมาขายนมที่บูธข้างๆ ต่อ ไม่อย่างนั้นบีียากาศมันคงหม่ยหมอง อึมครึม และขมุกขมัวกว่านี้อีกร้อยเท่า
“ไม่รู้ดิ คนมาซื้อน้อยฉิบหาย คงจะต้องอยู่จนงานเลิกแหละ แต่ถ้ามึงอยากกลับเร็วๆ ก็หาคนมาเหมาเหมือนเมื่อครั้งก่อนสิ”
เหอะๆ ดูท่ามึงคงชอบเรื่องละทึกใจสินะไอ้กล้า
“ไร้สาระน่า”
“แล้วไปดูบอลสนุกมั้ย” ผมอุตส่าห์ข้ามเรื่องนี้ไปแล้วไอ้โจมมันยังขุดมาถามอีกครับ พอหันไปมองก็พบว่ามันก้มมองหน้าจอมือถืออยู่ไม่ได้สนใจผม
“ก็สนุกดีนะ”
“อือ...ก็ดูเป็นคู่ที่มีสีสันดี” ว่าแล้วมันก็หันหน้าจอโทรศัพท์มาให้ผมดู ภาพที่เห็นเล่นเอาผมหน้าซีด
“เฮ้ย! เชี่ยปูนนี่มันอะไร!” ไอ้กล้าคว้ามือถือเครื่องสวยไว้ในมือ เสียงของมันทำเอาไอ้บอย หนูนา และจี๊ดที่อยู่ใกล้ๆ กันมาให้ความสนใจ
“นี่มันมึง...พี่น้ำ พี่เอื้อ?”
ครับ นั่นมันพวกผมเอง ภาพในจอนั่นก็คือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เป็นภาพที่พี่น้ำเทน้ำลงมาแล้วเอื้อก็เป็นคนรับน้ำไว้ทั้งหมด คนถ่ายภาพนี่เก่งจริงๆ ครับ สามารถจับภาพช็อตเด็ดคนดังไว้ได้ ต้องขอปรบมือให้ (มันใช่เรื่องเหรอ)
“เชี่ย...พี่น้ำแม่งร้ายว่ะ”
“ผู้หญิงสวยๆ พิษเยอะตาย” หนูนาเอ่ยขึ้นหลังจากล้าส่งโทรศัพท์คืนให้โจมเป็นที่เรียบร้อย “แล้วนี่นอกจากนี้มึงไม่โดนพี่เขาทำอะไรใช่ป่ะ”
“น้อยไปดิ ปูนมันโดนพี่มันด่าต่อหน้าคนทั้งสแตนด์เลย”
“ฟ้าเงียบ” ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้ฟ้า กูก็กะว่าจะให้เรื่องนี้มันเงียบๆ ไปไม่ให้เพื่อนคนอื่นรู้ มึงยังจะจุดประเด็นขึ้นมาอีกทำไม
“มึงไม่ต้องไปห้ามฟ้าหรอก” โจมสั่งผม มันจ้องมาทางผมที ฟ้าที สลับกัน “ใครจะเป็นคนเล่า”
“กูเอง ปูนมันคงไม่อยากพูดหรอก”
จากนั้นฟ้าก็เล่าเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เอื้อมาหาผม เล่าประหนึ่งว่ามันเป็นคนสนทนากับเอื้อเอง ก่อนจะเลยไปถึงเรื่องที่พี่น้ำมาหาเรื่องผม สมแล้วที่ผมให้มันเป็นแหล่งข้อมูลประจำกลุ่มของเรา เห็นมันนั่งเงียบๆ ข้อมูลมันเพียบเชียวครับ จำได้ทุกฉากทุกตอน บางทีผมให้ผมเล่าเองคงไม่ละเอียดเท่ามัน
ทุกคนเงียบหลังจากฟังเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว…
“เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ โคตรไร้สาระเลยเนาะว่าป่ะ ฮะๆ” เสียงหัวเราะของผมแม่งโคตรฝืนเต็มที แต่ผมไม่อยากให้บรรยากาศมันแย่ไปกว่านี้
“มึงเจ็บมากป่ะวะปูน” คำถามของหนูนาทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้
“เจ็บ? เจ็บอะไร กูไม่ได้โดนทำร้ายอะไรสักหน่อย”
“หมายถึงหัวใจมึงอ่ะ” บอยเป็นคนตอบ “มึงเจ็บบ้างป่ะวะที่ต้องเจออะไรแบบนี้ ถ้าเป็นกู...คงโคตรเจ็บเลยว่ะ”
“เฮ้ย กูโอเค”
“มึงไม่โอเค”
“จะไม่โอเคเพราะพวกมึงบิ้วกูนี่ล่ะ” ผมยิ้ม ทั้งที่มันยากเหลือเกิน “กูไม่ได้เป็นอะไรมากสักหน่อย พวกมึงห่วงกูเวอร์เกินไปแล้ว”
ปัง!
“เอางี้!” พวกผมสะดุ้ง เมื่อจู่ๆ ไอ้กล้ามันก็ตบโต๊ะเสียงดังลั่น จนไอ้ฟ้าหันไปด่า
“เชี่ยอะไรของมึงเนี่ย เพื่อนเขายิ่งเครียดๆ กันอยู่มาทำให้ตกใจหาป้ามึงเหรอ”
“กูคิดอะไรดีๆ ออกต่างหาก” มันหันไปดุฟ้า “เพื่อเป็นการปลอบใจเพื่อนปูนกับเรื่องวันนี้ กูว่าเราควรพามันไประบาย...แดกเหล้ากันเถอะมึง ตื่นเช้ามาจะได้ลืมๆ มันไป”
กูว่ามึงอยากหาเรื่องแดกเองหรือเปล่าวะ ก็งี้แหละครับพวกผม ดีใจ เสียใจ เศร้า เหงา อกหัก หรือไม่ว่าจะเกิดเกตุการณ์เชี่ยไรในชีวิตก็เอาไปลงขวดหมด มันไม่ใช่การแก้ปัญหาหรอก แต่มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งแค่นั้น
“ไม่เอาร้านพี่เติมนะ วันนี้เหมือนฝนจะตก”
“งั้น...ห้องไอ้โจมดีป่ะ แดกเมาแล้วก็ค้างห้องมันไปเลย”
“มาเป็นภาระกูอีก”
“เพื่อเพื่อนไงมึงงงงงง แค่นี้เองทำไม่ได้อ๋อออ” หน้ามึงกวนตีนมากไอ้กล้า แบบนี้ถ้าไอ้โจมมันไม่ยอมกูไม่สงสัยเลย
แต่เพื่อนผมใจดีครับ เพราะพอไอ้กล้าพูดแบบนั้น มันก็ตอบกลับมาว่า
“เออ ก็ได้ เพื่อความสบายใจ (ชั่วคราว) ของเพื่อน”
ครับ เตรียมตัวเมาหัวราน้ำกันได้เลย
♣♣♣♣♣
“แต่ละคำที่เธอพูดมามันคล้ายว่าห่วงใย
เธอคงพูดไปแบบนั้น แต่ว่าฉันจำขึ้นใจ…”
เสียงใสๆ ของหนูนาร้องเพลงคลอไปกับเสียงกีตาร์ที่บอยกำลังดีดอยู่ ตอนนี้พวกเราทั้งหมดมานั่งรวมหัวกันที่หอโจม บอยมันหวังจะสร้างบรรยากาศให้เหมือนร้านเหล้าเลยขอยืมกีตาร์เพื่อนที่คณะติดมือมาด้วย จนกลายมาเป็นการเปิดคอนเสิร์ตเล็กๆ ของมันกับหนูนาในที่สุด และขอบอกว่าแต่ละเพลงที่พวกมันร้องเล่นกันอยู่นั้นช่างบาดลึกไปถึงขั้วหัวใจ
อย่างเพลงนี้...ที่ผมเคยได้ยินผ่านหูมาบ้าง แต่ไม่ได้ลองตั้งใจฟังสักครั้ง จนกระทั่งครั้งนี้
“รู้บ้างไหมว่าใครบางคนสับสนและไม่แน่ใจ
เธอทำให้ฉันต้องหวั่นไหว เธอทำให้ใครต้องคิดมากเพราะเธอ
รู้บ้างไหมที่เธอทำไปฉันหลงเอาไปละเมอ
“ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอ ถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะจริงจัง”
ผมดื่มไปไม่น้อยแต่ก็ไม่เยอะ ตอนนี้กำลังตึงๆ เลยครับ ถ้ามากกว่านี้คงได้เมาพอดี ผมจึงเลือกที่จะหยุดแล้วหันมานั่งฟังเพลงของบอยกับหนูนาชิวๆ ดีกว่า ส่วนคนที่กำลังคลองขวดอยู่ตอนนี้เป็นไอ้กล้ากับฟ้า ไม่สงสัยเลยทำไมมันเมาเป็นหมาทุกครั้ง
หนูนาสบตาผมก่อนจะร้องท่อนสุดท้ายของเพลง
“ได้โปรดอย่าทำให้รักเธอถ้าเธอไม่เคยสักนิดที่คิดจะรักกัน”
ได้โปรด : แพรว คณิตกุล
โอ๊ยยยยยยย เอามีดมาแทงกูเลยดีกว่าาาาา
กูว่าจะไม่แดกต่อแหละ เปลี่ยนใจเลยแล้วกัน
ครืดดดดด ครืดดดดด
ผมหันไปมองโทรศัพท์มือถือของตัวเองที่กำลังสั่งอย่างบ้าคลั่ง หน้าจอโชว์เบอร์ของคนที่ผมไม่อยากคุยด้วยมากที่สุด
“หน้าจอมือถือ โชว์เบอร์แต่ไม่โชว์ใจ
คนโทรเขาคิดยังไง มือถือรุ่นใดบอกได้จะซื้อ”
โชว์เบอร์ไม่โชว์ใจ : ดวงจันทร์ สุวรรณี
ผมถลึงตาใส่หนูนาที่แอบมองโทรศัพท์ของผม ก่อนที่ผมจะหยิบเครื่องมือสือสารขึ้นมาแล้วกดปิดเครื่อง
“แค่นี้ก็ไม่โชว์แล้ว”
ใช่ แค่นี้ผมก็ไม่รู้แล้วว่าใครบางคนกำลังรอผมอยู่
ตั้งแต่ที่งานเลิก ผมก็พาตัวเองมาห้องโจมทันที ประมาณสามถึงสี่ทุ่มเห็นจะได้ ตอนนี้เป็นเวลาเกือบๆ ตีหนึ่งแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเอื้อก็ยังไม่เลิกโทร.และส่งข้อความมาหาผมเสียที
‘อยู่ไหนปูน ดึกแล้วนะ’
‘เมื่อไหร่จะกลับ กูรออยู่นะ’
‘ปูนบอกมาสักที เป็นห่วงนะ’
และข้อความอีกมากมายทำนองนี้ สายเข้ากับข้อความรวมกันเกือบห้าสิบแจ้งเตือนภายในเวลาสามชั่วโมง จนในที่สุดความอดทนของผมก็หมดลงและเลือกที่จะไม่รับรู้มันอีกต่อไป
ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง หยาดน้ำฝนกระทบกระจกไม่หยุดตั้งแต่เมื่อชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว โชคดีของผมเหลือเกินที่แม้วันนี้จะไม่มีอ้อมกอดอันอบอุ่นเหมือนครั้งที่แล้วแต่ผมก็ไม่ได้อยู่คนเดียวในวันที่น่ากลัวอย่างนี้
‘ฝนตกแล้วนะ เหมือนจะมีฟ้า กลัวไม่ใช่เหรอ รีบกลับมาเถอะ’
จะมาใส่ใจกันทำไม...แค่นี้ยังทำร้ายกันไม่พออีกเหรอ
‘เป็นห่วงนะ…’
“เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกวะ” พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะกระจกเย็นเฉียบ
“ดูท่าคืนนี้คงไม่หยุด” จี๊ดตอบกลับมา “ดีนะที่ไม่ตกตอนงานยังไม่เลิก ไม่อย่างนั้นพวกเราคงแย่ ตกหนักอย่างกับฟ้ารั่ว…”
“นั่นสิ…”
ฝนตกหนักขนาดนี้แล้ว ยังจะรออีกเหรอ กลับเข้าห้องไปนอนได้แล้วล่ะ
ไม่ต้องรอหรอก…
อย่ารอเลย
ถ้าขืนยังรอต่อไป...คงทนไม่ไหวแน่ๆ
หมายถึง...หัวใจผมเอง…
======================================================
============================================
ฮาโหยววววววววววว
(ตอนนี้แนะนำให้เปิดเพลงฟังไปด้วยนะคะ)
รู้สึกว่าทุกคนจะเกลียดพี่เอื้อของเรามากเหลือเกิน ซึ่งถ้าเป็นเราๆ ก็เกลียดแหละ
ทุกอย่างที่ทุกคนด่ามา เราให้น้องปูนด่าให้แล้วค่ะ
แต่เราชอบนะ ถือว่าตรงกับจุดประสงค์ของเราค่ะ
คือเราอยากให้ความสัมพันธ์มันคลุมเคลือไม่ชัดเจน แบบที่พี่เอื้อให้ปูนนี่แหละ
พี่เอื้อเขาเลวเนาะ แต่เราว่ามันโคตรปกติของคนสมัยนี้เลยอ่ะ
แบบยังไม่คบก็คุยกันคนนั้นคนนี้ไปเรื่อย (อันนนี้เรื่องใกล้ตัวเราเลย
)
แต่ทุกคนคะะะ (นี่คือการสปอยเนื้อหา) เขาเลิกกับพี่น้ำแล้วนะคะะะะ
ตอนนี้เป็นดราม่า (หรือเปล่า) ตอนสุดท้ายแล้วค่ะ
ต่อไปนี้พี่เอื้อของเราจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่แล้วววววว
ใครที่ติดตามไปถึงตอนนั้นก็มาพบกัวความน่ารักละมุนของพี่เอื้อกันเนาะ
ส่วนใครที่ไม่ตามต่อแล้วก็ต้องขอขอบคุณที่อยู่ด้วยกันมาเกือบครึ่งเรื่องค่ะ
ส่วนใครที่จะตามต่อก็ขอบคุณไว้ล่วงหน้าเลย
เราแต่งไว้จบแล้ว รับรองไม่ค้างค่ะ (แต่อาจมาช้าหน่อยก็ขออภัย)
รักทุกคนนะคะ
ขอบคุณสำหรับคอมเมนต์
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ