Because of you ซน ตอนที่ 24 Let’s me go
Special by น่านฟ้า
แสงแดดตอนสายถึงแม้ว่าจะดูไม่ร้อนแรงมากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้คนที่นอนหลับอยู่รู้สึกรำคาญได้ง่ายๆ ผมขยับเดินไปดึงผ้าม่านมาปิดกันแดดให้เขา ก่อนจะลอบมองเรียวหน้าขาวผ่องกับริมฝีปากเล็กแดงที่เด่นอยู่ตรงหน้า เหงื่อยังผุดอยู่ตามไรผม
ซน
รู้ตัวอีกทีมือก็เอื้อมไปเช็ดเหงื่อให้มันแล้ว แถมยังถือวิสาสะนั่งลงข้างๆมันด้วย กลิ่นน้ำหอมจางๆที่เจ้าตัวชอบใช้โชยมาติดที่จมูก นานเท่าไหร่แล้วนะที่ผมไม่ได้มีโอกาสมานั่งอยู่ข้างๆจนได้กลิ่นน้ำหอมของมันแบบนี้ ความห่างไกลของเรามันทำให้ผมรู้สึกแย่
ผมเหนื่อย อยากเลิก
ผมอยากเลิกแผนการที่ตัวเองกำลังทำอยู่แล้ววิ่งกลับมายืนอยู่ข้างๆเขา แม้ว่าฐานะที่ได้อาจจะเป็นแค่คนที่เขาพร้อมเดินจากไปตลอดเวลาก็ตาม ผมไม่เคยรู้ว่าซนรู้สึกยังไง ในความคิดเขาเคยมีผมอยู่บ้างหรือเปล่าอันนี้ผมก็ไม่เคยรู้
สิ่งที่ผมรู้มีเพียง การกระทำ ร่างกาย ทุกอย่างบอกไปในทางเดียวกันว่าซนเองก็รักผม
แต่ทุกอย่างมันไม่มีความหมายเลย ในเมื่อเขาไม่เคยพูด และทุกครั้งที่บีบให้เลือกคนที่เขาเลือกแน่นอนว่าไม่ใช่ผม
ไม่เคยเป็นผม
“อืม” เสียงพำพำในลำคอกับตาที่ปรือขึ้น ซนขมวดคิ้วมองหน้าผมแบบงงๆ “น่านเหรอ...”
“เอ่อ...อืม”
“กูต้องฝันไปแน่ๆ” ซนส่ายหัวเบาๆแล้วขยับนอนต่อ ไม่รู้ว่ามันตั้งใจหรือเปล่าแต่การที่มันขยับเอาหน้าซบลงที่ไหล่ผมมันทำให้ความวาบหวามในใจเพิ่มขึ้นทันที
ผม....คิดถึงมัน
“กูคิดถึงมึง” ลมหายใจสะดุดแทบจะทันทีที่คำพูดแผ่วเบาพ่นออกจากปากมัน ซนเอื้อมมือมาเกาะที่ชายเสื้อผม จับแน่นราวกับกลัวว่าผมจะหายไป ไม่อยากเข้าข้างตัวเอง แต่ที่ซนพูดออกมาก็มีแต่ผมเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้
“กูเองก็คิดถึงมึง...ซน”
“โกหก” จู่ๆซนก็เงยหน้าขึ้นมองผม ดวงตาแดงกร่ำไม่รู้เป็นเพราะว่าเจ้าตัวโกรธหรือไม่พอใจกันแน่ ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากตอนทีมันขยับเอาหัวพิงลงบนบ่าผม มือที่เกาะเสิ้อผมอยู่แล้วบีบแน่นมากกว่าเดิม
“กูเปล่า”
“พอเถอะวะน่าน...”มันกระตุกเสื้อผมหลายที เสียงสะอื้นฮักในลำคอดังขึ้นเบาๆ ถึงมันไม่ได้ดังมากแต่ผมก็พอรู้ว่ามันพยายามอย่างหนักที่จะเก็บเสียงไม่ให้ผมได้ยิน “เลิกทำตัวแบบนี้สักที....กู....”
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของซนดังขึ้นก่อนที่มันจะพูดอะไรจบ มันขยับตัวหนีออกจากอ้อมกอดผมเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ ชื่อ น้องเอย เด่นหราอยู่หน้าจอทำเอาผมอดเบือนหน้าหนีไม่ได้
“ว่าไงครับ....พี่กำลังจะไปต่างจังหวัด...ทะเล...ครับแต่ไม่รู้ว่าจังหวัดไหน...ไปกับเพื่อนๆนี่แหละแล้วก็มีพวกปีสี่....ห้ะ....ทำไมอ่ะ...” ประโยคสุดท้ายมันพูดพร้อมกับหันหน้ามามองผม
“พี่ไม่เข้าใจครับน้องเอย...น้องเอยรู้จักมันได้ไง...อ่อ...ก็มาด้วยนั่งอยู่ข้างๆพี่นี่แหละ..มีอะไรหรือเปล่า....อ่า...ทำไมอ่ะ...ก็ได้ครับ...น่านน้องเอยจะคุยกับมึง” ซนยื่นโทรศัพท์ส่งมาให้ผม “เร็วดิ๊ น้องรอ”
ซนแทบจะยัดมือถือเข้ามาในมือผมทันทีที่มันพูดจบ ผมไม่เข้าใจว่ายัยน้องเอยเขาจะอยากคุยกับผมทำไม เพราะคราวที่แล้วที่กะว่าจะโทรถามเรื่องสถานะอีกรอบ เธอก็กดบล็อคเบอร์ผมแล้ว
“ฮัลโหล”
(เลิกวุ่นวายกับพี่ซนซักทีเถอะค่ะ ก็บอกไปแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าเรารักกันดี ไม่มีที่ว่างให้คนอย่างคุณมาแทรกกลางค่ะ)
“คง...ทำตามที่น้องบอกไม่ได้หรอกครับ” ถึงจะรู้ว่ารักกันดีหรือไม่มีที่ว่างสำหรับแทรกกลางเขาสองคน แต่ผมมั่นใจว่าที่ว่างข้างๆซนอาจจะพอมีที่ให้ผมอยู่บ้าง
(ถ้าคุณยังทำแบบนี้ ฉันจะบอกพี่ซนว่าคุณเป็นคนเอาเรื่องทั้งหมดมาเล่าให้ฉันฟัง มันคงจะรู้สึกแย่ไม่น้อยเพราะคนที่เราไว้ใจที่สุดกลับกลายเป็นคนที่...หักหลังเรา) ผมไม่รู้ว่าน้องเอยพูดกับตัวเองหรือพูดกับผม แต่สิ่งที่น้องเขาพูดถ้าซนรู้ ผมคิดไม่ออกจริงๆว่าแม้แต่หน้าเขายังอยากให้ผมเห็นหรือเปล่า
“ผม...”
(ขอคุยกับพี่ซนต่อค่ะ)
“คือ...”
(ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอคะว่าฉันขอคุยกับแฟนฉันต่อ) ผมถอนหายใจออกมาเบาๆแล้วส่งโทรศัพท์กับไปให้คนข้างๆ ซนขมวดคิ้วทำหน้าไม่เข้าใจแต่ก็รับโทรศัพท์ไปโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ครับ...ก็ดี...ฮ่า ฮ่า...ไม่ใช่แบบนั้นครับ...พี่ก็คิดถึงน้องเอยเหมือนเดิมแหละ” ผมเบนหน้าหนีรอยยิ้มที่คนข้างๆไม่เคยมีให้ผม “แล้วน้องเอยเป็นไงบ้างคะ...จริง....ดีแล้วแหละค่ะ..ดีแล้ว..”
ผมขี้เกียจฟัง เบื่อจะได้ยินคนสองคนพูดรักกันตอนที่ยังมีผมอยู่ตรงนี้ สุดท้ายเลยหยิบมือถือขึ้นมาเสียบหูฟังเปิดเพลงในระดับที่ไมให้ได้ยินเสียงรอบข้าง ตอนที่ซนคุยโทรศัพท์มีบ้างที่เขาหันมามองหน้าผม พอเลิกคิ้วถามมันก็ส่ายหัวแล้วหันไปคุยโทรศัพท์ต่อ
ผมกลัวว่าน้องเอยจะพูดเรื่องที่ผมทำอะไรไว้
ถึงแม้ว่าแผนการที่ทำมามันจะไม่ได้ผล แต่อย่างที่น้องเอยบอก มันคงเจ็บไม่น้อยที่คนที่เราไว้ใจกลับกลายเป็นคนที่หักหลังเรา
Special by ซน
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่เข้าใจคือทำไมน้องเอยถึงเอาแต่กำชับกับผมว่าไม่ต้องบอกคนอื่นว่าเราเลิกกัน พอถามว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น น้องก็เอาแต่หัวเราะแล้วพูดว่า มันสนุกดี หลังจากนั้นก็เบี่ยงประเด็นไปเรื่องอื่น และผมเองก็ไม่ได้รับปากน้องด้วยว่าจะไม่พูดถ้ามีคนถาม ดังนั้นผมคิดว่าถ้าไม่มีใครถามผมก็ไม่คิดจะบอกใครอยู่แล้ว
“อีกชั่วโมงนึงน่าจะถึงที่พัก” เสียงพูดคนข้างกายลอยเข้าหู ผมเหลือบตาไปมองมันก่อนจะหันหลังไปมองกลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่เบาะหลัง เผลอสบตากับพี่แอลแว่บนึงก่อนจะเป็นผมที่หลบตาก่อน ไม่เข้าใจว่าทำไมไอ้น่านมันมานั่งทำบ้าอะไรตรงนี้ ไม่ไปนั่งกับแฟนตัวเองวะ
“แม่ง” พอคิดมากๆเข้าอาการปวดท้องก็ประทุเข้ามาทันที ผมงอตัวเอาหัวพิงที่เบาะหน้า สูดหายใจเข้าปอดแล้วหลับตาลงช้าๆ ถึงมันจะไม่ได้ปวดมากเหมือนก่อนหน้านี้ แต่การปวดเป็นระยะๆแบบนี้ก็น่ารำคาญไม่ใช่เล่น
“มึงไหวไหม” กูจะไม่ไหวก็ตรงที่มึงถามแล้วเอามือตัวเองมาลูบหัวกูนี่แหละน่าน ทำไมมึงทำแบบนี้วะ มาทำท่าเหมือนห่วงกูทำไมทั้งๆที่มึงก็มีคนอื่นอยู่แล้ว
ผมอยากพูดประโยคข้างบน แต่ที่ทำได้ตอนนี้คือการพูดออกไปแค่คำว่า “กูไหว”
อยากปัดมือมันออกแต่ใจผมรับรู้ดีว่าผมทำไม่ได้ ผมโหยหามันมาตลอด อยากสัมผัส อยากทำทุกอย่างที่เคยทำ แต่ความจริงก็มักตอกย้ำให้ผมรับรู้เสมอว่าตอนนี้มันไม่ใช่ของผมอีกต่อไป
“พอเถอวะ” สุดท้ายความถูกต้องแม่งก็ชนะ ผมดึงมือมันออก ขยับนั่งตัวตรงแล้วหันไปมองหน้าต่างข้างทางที่เริ่มจะเห็นทะเลบ้างแล้ว แนวต้นสนกับชายหาดที่ถูกจัดระเบียบ การไม่มีเก้าอี้ผ้าใบวางอยู่ทั่วชายหาดทำให้ชายหาดน่านั่งมากขึ้น ณ เวลานี้ยังไม่มีใครมาเล่นน้ำเพราะแดดที่อาจจะทำให้ผิวไหม้ได้เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง หลายคนอาจจะคลุกตัวอยู่ในห้องพัก นอนกอดกับคนรักของตัวเองอย่างมีความสุข
“กูไม่เข้าใจมึงเลยน่าน มึงทำแบบนี้ทำไม” ทั้งๆที่ผมปัดมือมันทิ้งไปแล้ว บอกให้มันหยุด แต่มันก็ยังเอื้อมมือมาจับมือผม “มึงต้องการอะไรจากกูวะ...น่าน...”
“.....”
“....”
“ซน...” มันบีบมือผมแน่นกว่าเดิม
“อะไร”
“เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหมวะ”
“น้องปีสามแยกย้ายกันเข้าห้องเลยนะคะ” ผมหยิบกระเป๋าแล้วเดินตามไอ้จันไป ยังดีที่ผมได้นอนห้องเดียวกับมันเพราะผมยังไม่ได้สนิทกับเพื่อนคนอื่นมากนัก รีสอร์ทที่นี้ติดทะเล บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยต้นสน กลิ่นน้ำทะเลทำให้ใจผมสงบลงไปได้บ้าง
“กูนอนติดหน้าต่างนะ”
“อืม” ผมพูดบอกไอ้จันในลำคอก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงอย่างหมดแรง คำพูดไอ้น่านที่บอกว่าให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมยังดังก้องอยู่ในหัว ผมไม่เข้าใจในสิ่งที่มันพูด ไม่เคยเข้าใจ พยายามนึกหาเหตุผลร้อยแปดวิธีแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ตอนนั้นผมไม่ได้ตอบคำถามมัน จังหวะมันพอดีกับพี่ที่อยู่หน้ารถตะโกนบอกเราว่าจะถึงแล้ว น่านฟ้าเลยพูดกับผมแค่ว่ามันจะรอคำตอบจากผม
ไม่รู้ดิ...จริงๆผมควรจะปฏิเสธมันตั้งแต่ตอนที่มันเอ่ยปากพูดออกมาแล้วด้วยซ้ำ แต่ก็อย่างที่บอก
ผม...คิดถึงมัน คิดถึงมันทั้งๆที่รู้ว่ามันเองก็มีพี่แอล
“ซน”
“ห้ะ???”
“เป็นไรวะกูเรียกมึงตั้งนานแล้ว ไมไม่ตอบ”
“กู..เพลียๆน่ะ”
“งั้นมึงนอนหลับไปก่อนไหมเดี๋ยวถ้าเขาเริ่มกิจกรรมแล้วเดี๋ยวกูขึ้นมาตาม” ผมพยักหน้ากับหมอน แล้วหลับตาลงช้าๆ ไอ้จันเดินมาขยี้หัวผมทีนึงก่อนจะเดินออกจากห้องไป เสียงปิดประตูห้องดังขึ้นไม่นานหลังจากนั้น ผมหลับตานิ่งสนิท ความเย็นของแอร์ทำให้ผมจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความมืดได้ไม่ยาก
ผมตื่นอีกทีเกือบบ่าย เสียงไลน์จากไอ้จันบอกว่ารีสอร์ทจะปิดบุฟเฟ่ต์ตอนบ่ายสอง ผมเลยรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมากินข้าวที่ห้องอาหารด้านล่าง หลังจากที่กินเสร็จ พี่ปีสี่ก็เรียกรวมไปแบ่งทีมเพื่อเล่นเกมส์ ทีมนึงมีประมาณ 30 คน มีทั้งหมด 6 ทีม ในหนึ่งทีมจะมีผู้หญิงอยู่แค่6-7คนเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงบอกว่าผู้หญิงในวิศวะหายากกยิ่งกว่าขวดเหล้า ก็เล่นมีน้อยขนาดนี้ แถมจะหาแบบเรียบร้อยอ่อนหวาน น่ารักก็ยากเหมือนหาเข็มในมหาสมุทร เพราะที่ผมเจอมามีแต่แมนกว่าผู้ชายผมแทบจะทั้งนั้น
“มึงเล่นฟุตซอลเป็นไหม” คนที่ถามผมคือยัยหมวย สาวหน้าหวาน แต่อย่าพูดถึงนิสัยนะครับ หลอกลวงสุดๆ
“เป็นดิ”
“แน่ใจนะอีซน มันไม่เหมือนโดดยางแถวบ้านมึงหรอกนะ”
“K กูบอกเล่นเป็นก็เล่นเป็นดิ” ผมไม่เคยพูดหยาบกับผู้หญิงเลยสักครั้ง แต่คณะนี้ทำให้ผมเปลี่ยนทัศนคติใหม่เกือบหมด
“โอเคงั้นให้อีซนลงฟุตซอล” ผมพยักหน้าตอบหมวยก่อนจะหันไปฟังมันวางแผนว่าใครจะทำหน้าที่อะไรต่อ หมวยบอกว่าเกมส์แต่ล่ะอย่างมันแข่งพร้อมๆกัน ซึ่งมีทั้งหมด 3 เกมส์คือฟุตซอล ชิงธง และโยนลูกบอลลงตระกร้า ทุกเกมส์จะต้องแข่งเวียนครบทุกสี พี่ปีสี่ให้เหตุผลว่าจะได้รวดเร็วไม่ต้องมานั่งรอทีมไหนแข่งก่อนแข่งหลัง แข่งพร้อมกันแล้วรวมคะแนนทีเดียว ทีเหลือก็อยู่ที่แต่ล่ะทีมจะจัดสรรแบ่งคนยังไง
“งั้นพวกมึง 10 คนรับหน้าที่ในส่วนฟุตซอลไปเลย แข่ง 5 คน ที่เหลือสำรองเวียนๆกันแข่ง ถ้าใครอยากแข่งอันอื่นก็มาแจ้งกูเดี๋ยวกูจะได้ให้คนไปเปลี่ยน ส่วนผู้หญิงพี่เขาบอกว่าจะมีรอบแข่งโยนลูกบอลลงตะกร้าตั้งหาก หลังจากที่แข่งทุกอย่างเสร็จแล้ว ยังไงก่อนหน้านั้นก็คอยช่วยหาน้ำให้พวกตัวผู้ไปล่ะกัน” ไอ้หมวยพูดแจกแจงหน้าที่ของแต่ล่ะคนก่อนจะเริ่มแยกย้ายกันไปตามสถานที่แข่ง ส่วนของผมอยู่ริมหาดด้านนอกเลยรีสอร์ทไปไม่ไกล มีโกลสองเสาที่ทางปีสี่เตรียมพร้อมไว้ให้อยู่แล้ว แข่งแบบแบ่งสาย ใครชนะก็มาเจอกันในรอบต่อไป
“เอาล่ะคู่แรกพี่ขอทีมสีส้มกับสีเขียวก่อน แล้วตามด้วยชมพูกับเหลือง แล้วคู่สุดท้ายเป็นแดงกับน้ำเงินนะคะ” ผมอยู่ทีมสีแดงได้แข่งคู่สุดท้ายมันดีตรงที่มีเวลานั่งพักและดูวิธีเล่นของทีมอื่นแต่ที่แย่คือไอ้จันเป่ายิงฉุบแพ้ทำให้ทีมผมแม่งต้องถอดเสื้อเล่น ไม่รู้ว่ามันโผล่มาจากไหนตอนแรกคิดว่าอยู่ทีมอื่นแล้วซะอีก
“ดีใจล่ะสิมีกูอยู่ทีมด้วย”
“เหอะ” ผมถอนหายใจใส่แล้วหันไปมองที่สนามบอลขนาดย่อมตรงชายหาดแทน ปกติเวลาแข่งฟุตซอลใช้เวลาครึ่งล่ะประมาณ 20 นาที แต่คราวนี้พี่เขาลดเวลาให้เหลือครึ่งล่ะ 10 นาทีเท่านั้น ถ้ายังไม่มีการยิงเข้าหรือเสมอจะแข่งต่อเวลาอีก 10 นาที แต่ถ้ายังไม่มีประตูอีกหลังจากนั้นค่อยยิ่งลูกโทษแทน
“มึงจะลงจริงๆ”
“ก็คงต้องเป็นแบบนั้น” ผมตอบโดยไม่ได้หันไปมองคนข้างกาย ผมเห็นมันเดินมาที่สนามฟุตซอลตั้งแต่ก่อนที่คู่แรกจะลงเล่นแล้ว มันมากับกลุ่มเพื่อน หัวเราะยิ้มมีความสุขเสมอกับคนที่อยู่ข้างๆ ไม่เข้าใจในสิ่งที่มันกำลังยื่นทางเลือกให้เรากลับไปเหมือนเดิมสักนิด
ไม่เห็นเข้าใจ
“มึงแพ้เหงื่อ”
“ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น”
“อันนั้นก็ไม่ได้ร้ายแรง” ความเงียบเข้าครอบงำเราสองคนอีกครั้ง บรรยากาศอึดอัดทำให้ผมรู้สึกหายใจไม่ออก
“ที่ผ่านมามึงเคยรักกูบ้างไหมวะซน...เคยบ้างไหม”
“กูว่า...คนที่รู้ดีที่สุดน่าจะเป็นมึงนะน่าน”
“ซนทีมเราแข่งแล้ว” เพื่อนทีมฝั่งผมตะโกนเรียกให้ผมไปที่สนาม “กูจะแข่งแล้ว” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะยิ้มออกมาเบาๆ
“อื้ม สู้ๆ”
“ขอบใจ” รู้ตัวอีกทีก็เผลอเอื้อมมือไปขยี้หัวไอ้น่านแบบที่ชอบเล่นกับมัน
“เอ่อ...กู” ผมหันไปมองดวงตาคมกริบจากพี่แอลที่มองมาทางเราตั้งแต่ต้น “ขอโทษ” ผมลดมือตัวเองลงแล้วรีบวิ่งมาตรงที่นั่งฝั่งทีมตัวเอง
“หน้าแดงนะ”
“เสือกน่าจัน”
“เค้าเปล่า” มันยกมือสองข้างขึ้นเหมือนยอมแพ้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆผม
“อีซนเปลี่ยนตัวดิ” หมวยเดินมายืนตรงหน้าผมก่อนจะบอกให้ผมถอดเสื้อ อย่างที่บอกว่าฝั่งผมต้องถอดเสื้อ การถอดเสื้อท่ามกลางแดดเมืองไทยไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสำหรับผมนัก
ร้อน อากาศร้อนๆกำลังจะทำให้ผมตาย เหงื่อที่ไหลออกมาโทรมกายไม่ต่างจากน้ำแบบนี้ทำให้ผิวผมรู้สึกคันยุบยับไปหมด
“ซนทำไมตัวมึงแดงเถือกแบบนี้วะ” หลังจากแข่งเสร็จครึ่งแรกจบ พวกเรานำไปสองศูนย์ ตอนนี้กำลังนั่งพักกินน้ำอยู่ข้างสนาม
“กูแพ้เหงื่อน่ะ แต่ไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้ง”
“กูว่าปัญหาน่าจะเยอะอยู่ ดูผิวมึงดิ” หมวยยกแขนผมดูเห็นตุ่มเล็กๆแดงเถือกตามตัวไปหมด “ไปอาบน้ำเหอะมึง เดี๋ยวกูบอกพี่เขาให้ว่ามึงไม่สบาย”
“เอางั้นเหรอ”
“เอาแบบนี้แหละ ไป อาบน้ำ เดี๋ยวกูบอกพี่เขาให้” ผมพยักหน้าขอบคุณหมวยก่อนจะเดินกลับห้องตัวเองเพื่ออาบน้ำ แต่ระหว่างทางสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเห็นคือไอ้น่านกำลังยืนกอดกับพี่แอลอยู่
ผมควรจะรับกับสิ่งนี้ได้ตั้งนานแล้ว
แต่ว่า...ผมไม่เคยรับมันได้เลยสักนิด
ห้องพักที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำไม่ได้ช่วยลดความร้อนในใจของผมออกไปได้เลยสักนิด หลังจากที่เข้ามาอาบน้ำผมก็ไม่มีกระจิตกระใจจะออกไปดูกีฬาด้านนอกอีก ผมก้มมองดูผื่นแดงที่เริ่มขึ้นหนักเรื่อยๆ ยิ่งเวลาที่ใช้มือสัมผัสไปตามเนื้อผิวก็ยิ่งรับรู้ถึงสิ่งที่มันไม่เรียบเนียนอย่างที่เคย
แกร๊ก
“ซน” ผมเงยหน้ามองคนมาใหม่ก่อนจะก้มลงมองมือตัวเองอีกรอบ ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกจากปากผม ทั้งๆที่อยากตะโกนใส่หน้ามันเหลือเกินว่า ออกไป ในเมื่อมันเป็นคนเดินจากผมไปแท้ๆแล้วจะเรียกร้องให้เรากลับมาเหมือนเดิมทำไม
นอกเสียจากมันอยากจะให้ผมเข้าใจความรู้สึกเจ็บปวดของมัน
“กูเอายามาให้”
“วางไว้ตรงนั้นก็ได้เดี๋ยวกูกินเอง”
“มันมียาทา”
“กูทาเองได้” ผมดึงขวดยาน้ำจากมือไอ้น่านมาถือไว้แล้วเริ่มลงบนแขนและขา การก้มหน้ามันทำให้น่านฟ้าไม่เห็นน้ำตาผม
“อย่าดื้อน่าซน” นิสัยขี้บังคับยังไม่หายไปไหน น่านฟ้าดึงมือผมไปทายาให้ด้วยตัวเอง
“กูเห็นมึงกอดกับพี่แอลตรงทางเดิน...”
“อืม”
“เขาดีกับมึงใช่ไหม”
“ก็ดีนะ”
“ดีแล้ว...” ผมดึงมือตัวเองกลับ แต่น่านฟ้ากลับส่ายหัว เปลี่ยนมาทายาให้ตรงลำคอและแผ่นอกแทน
“น่าน” การถอนหายใจออกมาแรงๆช่วยทำให้ความร้อนที่กระบอกตาบรรเทาอาการลงไปได้บ้าง “กูอยากรู้ว่ามึงอยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิมทำไม”
“ก็...ตามความหมายมันนั่นแหละ”
“แต่กูไม่อยาก...กู...ทนมันไม่ไหวหรอกนะ” ผมทนเห็นมันรักกับคนอื่นโดยที่ผมยืนมองมันอยู่ข้างๆเหมือนที่มันทำกับผมไม่ได้
“......”
“ฮึก...น่าน...” การเอื้อมมือไปจับชายเสื้อน่านฟ้าตอนนี้เป็นอะไรที่ยากลำบากพอๆกับการกลั้นน้ำตาตัวเอง “ถ้ามึง..ถ้ามึงต้องการให้กูรับรู้ว่ามึงรู้สึกยังไงตอนที่มึงอยู่กับกู...ฮือ..กูจะบอกว่ากู..กูเจ็บแล้วน่าน กูเข้าใจความรู้สึกมึงแล้ว”
“.........”
“ปล่อยกูไปเถอะนะ ปล่อยกูเถอะ...ฮึก”
“มึงไม่เข้าใจซน...มึงไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง...กูรักแค่มึง มีแค่มึงคนเดียวมาตลอด”
“แล้วที่กูเห็นที่ทางทางเดินคืออะไรวะ มึงจะบอกว่ากูตาฟาดหรือไง” ผมเกลียดคนโกหก แล้วมันกำลังโกหกหน้าตายกับผม
“มึงน่ารัก”
“เชี่ยมันใช่ประเด็นไหมน่าน แล้วหัวนมกูก็ไม่ใช่ที่ที่มึงจะมาทายาซ้ำไปซ้ำมาแบบนี้” ผมกระชากมือไอ้น่านออกจากแผ่นอก แม่งความจังไรของมึนไม่ได้หายไปจากสันดานเลยสักนิด
“เวลามึงหึง...มันก็...น่ารักดีเหมือนกันนะ”
>>>TBC<<<