กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
1
พูดคุยทั่วไป / World of free relationships
« กระทู้ล่าสุด โดย YJoum เมื่อ 11-05-2024 03:53:18  »
Casual dating at its finest – join the leading platform for relaxed and fun encounters!
Uninhibited dating, no boundaries
Legitimate Girls
Prime casual Dating
2
EP.5 สิ่งที่พี่ตุ๊คิด

               Part’ s พี่ตุ๊ หลังจากที่กลับมาจากงานทำบุญครบรอบวันเกิดของขวัญ ขวัญเสียไป 7 ปีแล้วแต่ว่าผมยังได้รับคำเชิญจากแม่ของขวัญให้ไปร่วมทุกปี ปีแรกผมก็ลากต้าร์ไปด้วย ต้าร์เองก็รุ่นเดียวกับพัฒน์ เขาเป็นเพื่อนขวัญแต่ไม่สนิทกันมากเหมือนพัฒน์ พัฒน์น่ะอ่อนโยนมันเลยทำให้ขวัญมองความอ่อนโยนเป็นอะไรผมเองก็ไม่แน่ใจแต่ขวัญไม่เคยมองพัฒน์ในธานะเพื่อนที่จริงใจแน่นอนแต่พัฒน์บอกผมว่าเขาเข้าใจขวัญเพราะว่าขวัญป่วย เป็นโรคไพโบลาร์ เหมือนคนมีโลกสองใบในคนเดียวกัน มีโลกที่สวยงามและโลกที่เหมือนซาตาน และนี้ทำให้ผมทนคบขวัญไม่ไหวจริงๆ ผมไม่โกรธที่เขาไปนอนกับไอ้อ้นแต่ว่าผมโกรธเพราะว่าตอนนั้นไอ้อ้นมันทำให้ต้าร์เริ่มเปลี่ยนไปนี่แหละ ถึงต้าร์จะไม่ได้บอกผมว่าต้าร์แอบคบกับไอ้อ้น แต่ถึงขั้นไหน ผมว่าน่าจะยังไม่ไกลมาเลยพยายามกันต้าร์ออกมาจนส่งไปเรียนเมืองนอกนั่นแหละ

            ก๊อกๆ เสียงเคาะประตูห้องนอนและเป็นห้องทำงานด้วยเช่นกัน ห้องนอนผมกว้างมาก ผมเดินไปยังประตูห้องนอน พร้อมกับเปิดเข้ามาและคนที่มายืนเคาะประตูไม่ใช่ใครอื่นนั้นคือน้องชายผมเอง ต๋อมกับแต๋ม เป็นคู่แฝดกัน

      “ว่าไง” ผมถามทั้งคู่

      “ผมจะกลับแล้วอ่ะพี่ตุ๊” น้องชายฝาแฝดบอกผม

      “เดินทางกลับดีดีล่ะและช่วยห้ามปรามน้องรักเราด้วยไอ้ต้าร์น่ะ ส่งไปอยู่ด้วยกันเพื่อช่วยๆ ดึงกันไม่ใช่ดันกันไปด้วย น่าจริงๆ” ผมพูด

      “มาเคาะประตูให้พี่ตุ๊บ่นแท้ๆ เลยอ่ะ” แต๋มบ่นผมทันที ผมชี้นิ้วน่าจะจริงๆ น้องชายแต่ล่ะคนของผม (ทำไมน้องไอ้อ้นมันไม่เหมือนน้องชายผมบ้างว่ะ) ผมแอบคิดในใจ ผมเหลือบมองยังมาทำปากขมุบขมิบนินทาพี่อีก

      “ให้ใครไปส่งที่สนามบิน หึ?” ผมถามทั้งคู่

      “พี่พงษ์ไงเพราะว่าพี่พงษ์เขาขอพ่อกลับไปหาภรรยาเขาอ่ะ ที่กำลังจะคลอดที่คลองสาม ส่วนพี่เมฆยังไม่กลับมาเลยและคิดว่าคงไม่รอล่ะ เดี๋ยวต้องไปวิ่งหาเกตขึ้นเครื่องอีก นี้ไอ้ตอลคงลากพี่เมฆไปหาที่ถ่ายรูปสวยๆ ไกลแน่ๆ เลย ป่านนี้ยังไม่กลับเลย” ต๋อมพูด ผมเหลือบมองนาฬิกาแบรนด์เนมหรู นี้พี่เมฆยังไม่กลับมานั้นแปลว่าตอลก็ยังไม่กลับเหมือนกันน่าจริงๆ น้องคนนี้

      “พี่ตุ๊ งั้นผมสองคนลาเลยน่ะและผมสองคนจะลงไปไหว้พ่ออีกคน ตอนนี้ไหว้พ่อเบอร์หนึ่งไปแล้ว เหลือพ่อเบอร์สองอยู่ด้านล่าง” แต๋มพูด ผมพยักหน้าแต่ว่ามันบอกว่าลงไปไหว้พ่ออีกคน นั้นมันก็ว่าผมเป็นพ่อมันซิ

      “ไอ้ต๋อม!!” ผมหันมาอยากจะเค้กกบาลมันจริงและทั้งคู่ก็เดินลงไปซะก่อน ผมเดินกลับเข้าห้อง ตั้งแต่กลับมาผมก็ไม่ได้คุยอะไรกับพัฒน์เลย พัฒน์หายเข้าห้องไปไม่รู้ไปนอนหรือไปทำอะไร ถ้าผมกับพัฒน์อยู่บ้าน ผมจะไม่แสดงอะไรเหมือนที่เคยทำที่บ้านพักครู ผมยังไม่กล้าต่อหน้าน้องๆ และยิ่งพ่อด้วย ผมยิ่งไม่กล้า ไม่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่เหมือนกัน ผมได้ยินมาเยอะมากเกี่ยวกับพัฒน์และพ่อผม ผมรู้ว่าพ่อไปหาพัฒน์ บ่อยที่นั่นและพักที่โรงแรมเสมอ พัฒน์เองก็ดูแลพ่อผมดี ดีกว่าลูกแท้ๆ ซะอีก ทั้งที่พัฒน์เป็นลูกบุญธรรม

      “กึก” ผมเปิดโน้ตบุ๊คลงก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะเดินลงไปด้านล่าง ระหว่างที่ผมเดินลงมาจนถึงชั้น จะว่าไปผมคิดว่าจะเข้าไปคุยกับพ่อผมเรื่องคุณวันชัยสักหน่อย เรื่องลูกสาวเขาด้วย ผมคิดว่าให้พ่อผมพูดเพื่อว่านายวันชัยจะฟังพ่อบ้าง พอผมเดินถึงทางเข้าห้องรับแขกสิ่งที่ผมเห็นคือพัฒน์ที่นั่งอยู่ข้างๆ พ่อผม บีบนวดให้พ่อผม พ่อผมก็ลูบหัวอย่างเอ็นดู ต่อให้พ่อผมมีแฟนแล้วแต่ผมก็แอบคิดไม่ได้มันสับสน จนผมเองไม่กล้าดึงพัฒน์ออกมาเพราะว่าพ่ออาจจะต้องการพัฒน์มากกว่าผม หรือว่าเพราะผมเองที่ได้ยินสิ่งที่พนักงานโรงแรม ครูบางคนในโรงเรียน ต่างพูดถึงพัฒน์กับพ่อผม ผมเองพยายามไม่คิดอะไรตรงนี้

      “พี่ตุ๊!” ผมสะดุ้ง ก่อนจะหันมาเจอเต้ เต้เรียนมหาวิทยาลัยปีสี่แล้ว น่าแปลกเต้เลือกอยากจะเป็นเภสัชกรมากกว่า เขาชอบด้านยามาก 

      “พึ่งจะกลับมาถึงเหรอเต้” ผมถามเต้

      “ใช่ครับพี่ตุ๊ พอดีวันนี้มีคาปเรียนเสริมตอนเย็นนะครับพี่ตุ๊” เต้พูด ผมฟังเต้แต่ตายังมองพัฒน์อยู่

      “พี่ตุ๊มองใครอ่ะ พ่อหรือพี่พัฒน์” เต้ถามผม ผมหันมามองน้องชายอีกครั้ง

      “พ่อดิ “ผมพูด

      “แน่เหรอ” ไอ้เต้พูดพร้อมเลิกคิ้วสูง

   “ก็พ่อดิจะใครล่ะ จะเข้าไปคุยธุระกับพ่อหน่อยแต่พ่อยังคุยกับพัฒน์อยู่ “ผมพูดแก้เขิน จริงๆ แล้วมองพัฒน์มากว่า

      “พี่ตุ๊ สิ่งที่พี่เห็นอาจจะไม่ใช่ก็ได้น่ะ ส่วนสิ่งที่ฟังมาก็อาจจะไม่ใช่เหมือนกัน ผมว่าพี่ควรจะฟังจากปากพี่พัฒน์มากกว่า แต่น่าแปลกปกติพี่ชอบตัดสินใจให้น้องแต่ทำไม ไม่ทำให้ตัวเองบ้างล่ะ” เต้พูดก่อนจะเดินออกไป ทิ้งคำคมไว้ให้ผมคิดซะด้วย ระหว่างนั้นผมได้ยินเสียงเครื่องยนต์แล่นเข้ามาในบ้านแล้ว ผมเดาได้ว่าเป็นเครื่องยนต์รถประจำบ้านของผมและเป็นรถที่ใช้รับส่งตอลและคนอื่นๆ ไปมหาวิทยาลัยและไปทำกิจกรรมนั้นนี้ ตอลเขาเข้าชมรมถ่ายภาพ

      (คุณตอลครับ ผมช่วยถือให้ครับ) พี่เมฆ คนขับรถและเป็นการ์ดฝีมือดีของบ้านผม เคยเป็นครูสอนยิงฝีมืดีและเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติมาก่อนด้วย แต่ว่าตอนนี้เขาเลือกที่จะลากมาทำงานให้พ่อของผม

      (พี่เมฆ อันนี้พี่เก็บไว้ทานน่ะ อร่อยดี)

      (ขอบคุณครับคุณตอล)

      “อะแฮม” ผมกระแอมเสียงเพื่อให้ทั้งคู่รู้ว่าผมยืนอยู่ ผมยืนกอดอกมองอยู่ด้านหลังทั้งคู่

      “พี่ตุ๊” ตอลหันมามองผมด้วยความตกใจก่อนจะหันไปรับของที่ซื้อมา ดูท่าจะไปเที่ยวตามตลาดน้ำมาแน่นอน เพราะเขาชอบไปหาสถานที่สวยๆ ถ่ายรูป

      “สวัสดีครับคุณตุ๊” พี่เมฆทักทายผม

      “เข้าบ้านตอล “ผมบอกตอล ตอลพยักหน้าก่อนจะหันไปมองพี่เมฆและเดินผ่านผมเข้าไป ผมหันมามองพี่เมฆ

      “พี่เมฆ พี่จะลากลับไปหาครอบครัวพี่บ้างใหม่ ผมยินดีน่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยอยุ่งนะครับ” ผมพูด

      “ไม่ดีกว่าครับ “พี่เมฆบอกผมด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

      “พี่ไม่ไปเยี่ยมลูกชายพี่เหรอครับ อายุเท่าไหร่แล้วนะครับ” ผมถามพี่เมฆ พี่เมฆมองหน้าผมก่นอจะหลบตาผมไป

      “อายุจะสิบแปดแล้วครับ” พี่เมฆพูด

      “ฑี่เมฆ พี่คงรู้ว่าผมไม่อยากให้หน้องผมที่มีอนาคตต้องหมองลงเพราะเรื่องพวกนี้ พี่เมฆคงเข้าใจนะครับ” ผมพูด พี่เมฆพยักหน้าผมเบาๆ

      “ผมว่าพี่ไปพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้พี่หยุดหนึ่งวันและวันอังคาร ผมจะรบกวนพี่ต้องไปส่งผมกับครูพัฒน์ที่โรงเรียนแทนพี่พงษ์ทีนะครับเพราะว่าพี่พงษ์เขาน่าจะอยู่กับภรรยาที่กำลังคลอดบุตรและแสตนบายที่นี้ด้วยดังนั้นพี่ต้องไปแทนพี่เขาสักพักนะครับพี่เมฆ “ผมบอกพี่เมฆ พี่เฆมนิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าตกลง ผมเดินกลับเข้าไปด้านในทันที พอผมเดินเข้ามาก็เจอตอลยืนอยู่ แสดงว่าเขาได้ยินที่ผมพูดกับพี่เมฆ

      “ทำไมพี่ตุ๊ต้องให้พี่เมฆไปด้วยอ่ะแล้วใครจะไปส่งผมอ่ะ ผมต้องไปถ่ายรูปเพราะว่าผมเป็นหัวหน้าชมรมถ่ายภาพพี่ตุ๊ก็รู้” ตอลพูดกับผม

      “เรามีคนขับรถหลายคนและพี่พงษ์ก็แสตนบายที่นี้แทน ไม่พอเหรอตอล” ผมถามตอล

      “พี่ตั้งใจ” ตองถามผม ผมหันมามองหน้าตอล

      “ใช่พี่ตั้งใจตอล” ผมพูด

      “ทำไมอ่ะ” ตอลถามผม

      “ตอล พี่เมฆเขามีลูกมีเมียแล้วน่ะตอล!” ผมหันมาบอกตอล

      “ตอลรู้มานานแล้ว” ตอลบอกผม ผมตกใจพอสมควร ตอลรู้อย่างนั้นเหรอแต่ก็ยังทำหรือ

      “เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันมานานแล้วพี่ตุ๊” ตอลพูด

      “แต่เขายังคงสถานะพ่อแม่ของลูกเขาอยู่ตอลและที่สำคัญ ตอลก็ต้องไปเรียนเมืองนอกได้แล้วเมื่อเรียนจบ ดังนั้นพี่ไม่รู้ว่าพี่เมฆเขาอยากจะไปหาอาชีพอื่นทำหรือเปล่าเพราะว่าไม่มีใครอยากจมอยู่กับเราแบบนี้ไปตลอดหรอกตอล เข้าใจที่พี่พูดใช่ไหม” ผมพูด ตอลมองหน้าผมนิ่ง

      “ไปขึ้นบ้านนอนได้แล้ว” ผมพูดพร้อมกับเดินแทรกไปทันที ผมเดินเข้าไปถึงก็เจอแค่พ่อผมนั่งอยู่ ผมเดินเข้าไปหาพ่อผม พ่อผมนั่งอ่านรายงานของโรงแรมทุกสาขาทั่วโลก พ่อหันมามองหน้าผม

      “ได้ยินเสียงคุยกัน เอ็ดอะไรน้องอีกล่ะตุ๊” พ่อหันมามองหน้าผมพร้อมกับถอดแว่นสายตาออก พ่อภาคย์มองผม

      “ตอลนะครับพ่อ” ผมพูด

      “ตุ๊ ไม่มีใครกำหนดทิศทางใครได้หรอกน่ะ เราเองก็เหมือนกัน ต่อให้เป็นพี่หรือว่าเป็นพ่อก็เถอะ” พ่อบอกผม

      “บางคนชอบคิดน่ะว่าของที่หนักมากๆ คือของที่มีค่ามาก จึงพยายามแบกมันเอาไว้ แต่ความจริงๆ มันก็แค่ก้อนหินที่ไร้ค้าแบกมาจนถึงที่หมายกลับไม่มีราคาอะไรเลย เสียเวลาเปล่าๆ “พ่อผมพูด

      “ปล่อยวางไปบ้างตุ๊ ยิ่งแบกยิ่งหนัก ไม่ใช่ซูเปอร์อีโร่ไม่ต้องไปแบกอะไรหนักหนาหรอกตุ๊ “พ่อพูด

      “พัฒน์เขาทำเอาไว้ให้ เขาบอกว่าเราไม่อยู่ในห้องน่าจะเดินไปรอตอลกลับบ้าน เลยฝากบอกพ่อว่าให้เราเอาไปดื่มด้วย จะได้หลับสบายและจะได้เลิกคิดนั้นคิดนี้ซะบ้าง คิดเยอะนะ น้องจะเรียกพ่ออีกคนกันหมดแล้ว” พ่อผมพูด ชมว่าผมหน้าแก่ขึ้นอีก ผมหยิบแก้วนมที่อุ่นเอาไว้พร้อมกับใส่น้ำผึ้งไปด้วย ให้ผมดื่มจะได้หลับสบาย พัฒน์ทำแบบนี้ให้ผมดื่มทุกคืน ตื่นมาก็เหมือนคนได้นอนผักเต็มทีจริงๆ นี้ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้คุยกันเลย อาหารเย็นก็ไม่ได้คุยกันมากเพราะว่าพัฒน์นั่งติดกับพ่อ ดูแลพ่อ ตักอาหารนั้นนี้ให้พ่อ หรือว่าผมหึงกันแน่ ไม่น่ะ ไม่น่าจะใช้

      “ตุ๊ พ่อจะไปทำธุระที่ต่างประเทศหน่อย” พ่อบอกผม

      “ไปกี่วันครับพ่อ” ผมถามพ่อผม

      “สักสามสี่วันน่ะ” พ่อบอกผม

      “เอาไอ้ตอลกับเต้ไปด้วยซิพ่อ ให้เรียนรู้การเดินทางบ้าง ไม่ใช่หาแต่ที่เที่ยวตลอน เมื่อเขาไปเรียนเมืองนอกจะได้ปรับตัว” ผมบอกพ่อผม พ่อหันมามองหน้าผมแอบสั่นหัวเบาๆ นี้คือแผนการให้น้องผมห่างๆ จากพี่เมฆบ้าง

      “ก็ได้ พ่อจะบอกตอลเองน่ะ ให้เราบอก มีหวังงอลอีกแน่นอน” พ่อบอกผม ผมยิ้มกับพ่อ

          ผมดื่มจนหมดแก้วก่อนจะเอาไว้วางเก็บไว้ในเครื่องล้างและคนใช้ในบ้านจะมาจัดการเองตอนเช้า พวกผมไม่จำเป็นต้องใช้พวกเขาเกินเวลามากหนัก ผมเดินกลับขึ้นห้อง ผมมองห้องนอนพัฒน์ ผมทำท่าจะเคาะประตูเรียกพัฒน์แต่ว่าผมไม่แน่ใจว่าพัฒน์จะนอนหรือยังนี่ซิ ใจก็อยากเรียก ใจก็อยากเข้าไปเพราะยังไม่ได้คุยอะไรกันหลังจากกลับมา ใจก็ไม่อยากรบกวน ผมง้างฝ่ามือเอาไว้แต่ไม่เตาะสักที

      “ก๊อกๆ” เสียงเคาะประตูห้องแต่ว่าไม่ใช่ผมที่เป็นคนเคาะเพราะว่ามือของผม ยังคงง้างรอการตัดสินใจอยู่ว่าจะเคาะเรียกดีหรืไม่ดีกว่า แต่ไม่ทันเสียแล้ว ผมจึงหันไปมองคนนั้นคือไอ้เต้น้องชายผม ไอ้น้องชายผม มันยิ้มให้ผมแบบเจ้าเล่ห์ให้ผม ผมจะหันไปด่าไอ้เต้แต่ว่าพัฒน์เปิดประตูออกมาซะก่อน มองผมแบบงง ดูจากชุดนอนน่าจะเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวเข้านอน

      “เออ พัฒน์พี่ไม่ได้..” ผมทำท่าจะปฏิเสธแต่ว่าไอ้เต้มันหายไปแล้ว มันทิ้งผมยืนอยู่หน้าประตูห้องพัฒน์คนเดียว ผมถึงได้บอกว่าพ่อสื่อเยอะมากทั้งบ้าน

      “พี่ตุ๊มีอะไรหรือเปล่าครับ” พัฒน์ถามผม

      “คือพี่จะ บอกว่า ขอบคุณเรื่องนมอุ่นนะครับ” ผมพูด พร้อมกับเกาหัวแกรกๆ

      “ไม่เป็นไรนี่ครับเพราะว่าพัฒน์ก็ทำให้พี่ตุ๊ทุกวันอยู่แล้ว กลับมาบ้านก็ทำให้ปกติไม่ใช่เหรอครับ” พัฒน์พูด

      “เออ พี่จะมาบอกว่า นอนหลับฝันดีครับ” ผมพูด พัฒน์มองหน้าผมยิ้มๆ

      “นอนหลับฝันดีครับ คุณผู้อำนวยการ” พัฒน์พูด เรียกซะเต็มเชียว

      “ไม่ต้องทำแล้วนะงานน่ะและพรุ่งนี้พี่จะพาไปดูโรงแรมสาขาใหม่พึ่งจะทำพิธีเปิดไป โดยพ่อกับลุงเพราะว่าพี่ยุ่งแต่ว่าจะพาพัฒน์ไปดูสักหน่อย” ผมพูด พัฒน์ยิ้มให้ผมพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ

      “นอนหลับฝันดีครับ พรุ่งนี้เจอกันนะครับ “ผมพูด ผมไม่กล้าขอพัฒน์นอนด้วยเหมือนที่บ้านพักหรอกครับ ผมเดินเลยไปยังห้องนอนของผมเอง เอกสารทุกอย่างทุกเก็บเอาไว้เรียบร้อยแล้ว ผมเดินเข้าไปในห้อง ก่อนจะมองแล็ปท๊อป มีงานมากมายแต่ว่าผมควรจะพักได้แล้วเหมือนกัน ที่ผมจะชวนพัฒน์เป็นโรงแรมหรู ถูกตกแต่งเอาใจคนต้องการสถานที่แต่งงานและเอาใจคู่รักที่จะมาพัก ถ้ามาเป็นครอบครัวก็ได้แต่ห้องสำหรับคู่รักจะจัดมุมให้เห็นวิวสวยๆ ของแสงไฟในกรุงเทพ ผมเลยจะลองชวนพัฒน์ไปดู วันจันทร์วันหยุดพรุ่งนี้พ่อไม่อยู่ด้วย

   TBC
3
 
EP.36 เธียนวิชญ์X กันต์ธีร์  ข้อตกลง

      Part’ s กันต์ธีย์ หลังจานทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ผมก็อุ้มเจ้าตัวเล็กไปส่งอาม่าของพี่เธียร ผมรู้ว่าใครหลายคนอาจจะมองว่าผมใจร้าย ที่เลือกพี่เธียรวิชย์ เหตุผลมันมากมายเหลือเกิน แต่ที่ผมเลือกเหตุผลหลักๆ คือ เขาคือพ่อของลูกผม และเขาขอโอกาสเพื่อจะได้ทำหน้าที่พ่อให้ลูกชายของผมกับเขา ผมยอมรับว่าผมเริ่มใจอ่อน เมื่อได้เห็นใบหน้าเจ้าลูกโซ่ที่มองเขาราวกับว่าผูกพันมานาน นี้ใช่ไหมที่เขาเรียกว่าสายใยแห่งรัก เส้นตายที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นแต่สัมผัสได้ด้วยใจ แต่ผมยังมีอีกเหตุผลที่สำคัญมากๆ ผมว่าเหตุผลนี้มันควรจะเป็นอาจารย์กันตภณเท่านั้นที่รู้ ว่าทำไมผมไม่เลือกเขาที่ดีพร้อมมากกว่า

   “เอาไว้อาม่ามาเยี่ยมอีกน่ะ” อาม่าบอกผม

   “มาอีกเมื่อไหร่อ่ะอาม่า” เฮียธันถาม

   “พรุ่งนี้” อาม่าพูด

   “อาม่า!!”

   “ก็มาเยี่ยมอีกไง พรุ่งนี้อ่ะ” อาม่าพูด

   “ม๊า ยิ่งเดินไม่ค่อยจะไหวอยู่ วันหยุดให้อาเธียรพาไปที่บ้านอาม่าแล้วกัน “ม๊าบอกอาม่า

   “พาไปนะ ไม่พาไปน่ะ มึงโดน ไอ้เธียร!!” อาม่าพูด ก่อนจะขึ้นรถเฮียธีไป เฮียธีจะไปส่งพี่มิว แฟนสาวของเขาและกลับคอนโดตัวเองด้วย พี่ธีเขานอนคอนโดตัวเอง เพราะว่าใกล้ที่โรงเรียนที่พี่เขาดูแลที่สุด ส่วนพี่ธันก็นอนบ้างไม่นอนบ้าง พี่ธามจะนอนคอนโดเฉพาะคืนวันศุกร์เสาร์และอาทิตย์ถึงพฤหัสบดี นอนบ้านกัน

   “พาลูกไปนอนได้แล้วเธียร ดูซิ ตาปรือแล้ว” ม๊าหันมาบอกพี่เธียร

   “ครับม๊า” พี่เธียรหันไปบอกม๊าก่อนจะหันมาพยักหน้ากับผม คนใช้ก็โบกมือโบกมือไม้ให้เจ้าลูกโซ่กันใหญ่ ผมยอมรับว่าอาม่าทำให้ผมคิดถึงยายของผมมาก ท่านรักและเป็นห่วงผม แต่แปลกที่ญาติพี่น้องแม่ผมเขาไม่อยากรับผมเลยสักคน อาจจะเป็นเพราะว่าพ่อผมไม่ค่อยช่วยเหลือทางการเงินเหมือนครอบครัวคนอื่นที่เขาได้สามีเป็นคนต่างชาติและมีบ้านใหญ่โต เหมือนคนอื่นๆ ที่ได้แต่งงานกับสามีต่างชาติ

   “บีมอาบน้ำก่อนไหม พี่ดูลูกให้ก่อน” พี่เธียรบอกผม ผมพยักหน้า และพี่เธียรเขาก็ส่งชุดนอนของเขามาให้ผม

   “ชุดใหม่ครับ” พี่เธียรพูด

   “ไม่ได้ว่าอะไรนี่ “ผมพูดและแอบอมยิ้ม

   “บีม เดี๋ยวพี่มาน่ะพี่ไปคุยกับเฮียธันแป๊บหนึ่ง” พี่เธียรพูดก่อนจะอุ้มเจ้าลูกโซ่ไปด้วย ผมหันไปเห็นภาพที่เหมือนจะคล้ายกันแต่กลับให้ความรู้สึกที่ต่างกั้น คือภาพที่พี่กันตภณอุ้มเจ้าลูกโซ่กับพี่เธียรวิชย์ผู้ชายที่ทำให้ผมมีลูกโซ่ มันต่างกันอย่างเห็นได้ชัดตรงรอยยิ้มของลูกโซ่ที่ดูมีความสุข

   “ไปเราไปหาแปะธันดีกว่า ไปอ้อนแปะธันซื้อรถแข่งให้ดีกว่า” พี่เธียรเขาบอกลูกชายเขา ผมคิดว่าผมควรจะเลือกได้แล้ว ผมนึกในใจถ้าผมเลือกผิดล่ะแต่ว่ารอยยิ้มของลูกโซ่ที่มีให้พี่เธียรวิชย์ มันทำให้ผมตัดสินใจ

   //ฮัลโหลครับน้องบีม//ผมกดโทรหาพี่หมอภีมปภพ ผมมีเบอร์เขาแต่ผมมักจะให้พี่กันเป็นคนโทรทุกครั้ง

   //พี่หมอครับ ผม”

   // พ่อลูกเขาเจอกันแล้วเหรอครับ//

   //พี่หมอรู้ได้ยังไงครับ//

   //พี่ไปหากันมาเมื่อสามวันก่อน พี่เจอหลานของกันเขาเข้า คนที่ชื่อเธียรวิชย์น่ะ และพี่ก็ยอมรับว่าพี่ตกใจที่เห็นใบหน้าของเขาและสิ่งที่พี่นึกถึงคือลูกโซ่ //

   //ครับพี่หมอ แต่ผมไม่รู้มาก่อน //

   //แล้วกันล่ะ //

   //พี่กันเขาออกไปแล้วครับ แต่ผมได้ยินอาม่า ม๊าของพี่กันบอกว่าพี่กันไม่ได้กลับบ้าน ผมอยาก….///

   //พี่ดูแลเอง พี่รู้ว่ากันมันไปไหน//

   //ขอบคุณนะครับพี่หมอ//

   //พี่เข้าใจเหตุผลของบีมน่ะ//

   //แค่นี้ก่อนนะครับ //

   //โอเคบีม มีอะไรปรึกษาพี่ได้น่ะ พี่ยินดี และอย่าลืมพาเจ้าลูกโซ่มาฉีดวัคซีน 8 เดือนด้วยน่ะ //

   //ครับพี่หมอ ขอบคุณครับ// ผมกดวางสายจากพี่หมอภีมปภพ ก่อนจะรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมเอาเสื้อผ้าพี่เธียรวิชย์มาใส่ มันก็จะหลวมโครงไปสักหน่อย พอผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็เห็นเจ้าลูกโซ่ที่พี่เธียรวิชย์อุ้มมา น้ำตาเอ่อมาด้วย

   “พี่ไม่รู้ เล่นกับเฮียธันอยู่ดีดี ก็ร้องไห้จ้าเลย พี่ปลอบเท่าไหร่ก็ไม่ยอมเงียบเนี๊ยะบีม” พี่เธียรวิชย์พูดด้วยสีหน้ากังวลที่เห็นเจ้าลูกโซ่ร้องไห้ ที่สะอึกสะอื้น

   “ฮือๆๆ”

   “เป็นอะไรล่ะบอกป๊าซิ ป๊าไม่รู้ หึ เจ้าก้อนเต้าหู้ของป๊า” พี่เธียรวิขย์พยายามปลอบโยนและเรียกลูกผมว่าก้อนเต้าหู้อีก ผมหันไปเหล่ตามอง

   “พี่ชอบทานเต้าหู้มาก และลูกพี่ก็ขาวจั๋วเหมือนก้อนเต้าหู้เชียว” พี่เธียรวิขย์พูด ผมเหลือกตาขึ้นมองบนทีหนึ่ง เหมือนตรงไหน???

   “น้องน่าจะหิวนมน่ะพี่เธียร เดี๋ยวผมจะลงไปชงนมให้น่ะครับ “ผมพูดและรีบเดินลงไปชั้นล่างทันที ผมเดินไปจัดการประกอบขวดนมที่ผมล้างและใส่เครื่องนึ่งขวดนมที่พี่มิวเอามาให้ ปกติผมใช้ที่นึ่งใส่ไมโครเวฟเอา แต่อันนี้สะดวกกว่า ผมรีบประกอบขวดนมแข่งกับเสียงร้องเจ้าลูกโซ่ที่ร้องไห้ เพราะว่าหิวนม ดูท่าแล้วพี่เธียรจะเอาไม่อยู่ บทจะหิวก็หิว ผมก็รีบวิ่งขึ้นมาบนบ้านทันที ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมรู้ว่าผมคิดถูกแล้วที่เลือกคนที่นี้ ทั้งป๊าและม๊าของพี่เธียร พี่ชายของพี่เธียรก็พากันออกมา ช่วยปลอบโยน ช่วยหลอกล้อ ให้หยุดร้อง

   “ร้องทำไมละลูก มาเล่นกับ…” พี่ธามพูดแต่ว่าหันไปชำเลืองมองป๊าของพี่เธียร

   “แปะลูก เรียกน่ะแปะนะลูกน่ะ” พี่ธามพูด

   “แหง๋ๆ” ยังคงร้องไห้จ๋าเลย นมก็ยังอุ่นเกินไป ผมวิ่งเข้าไปเปิดน้ำเพื่อจะได้คลายความร้อนออกไปบ้าง ผมได้ยินเสียง ทุกคนกำลังพยายามหลอกล้อลูกโซ่

   “มาหาอาม่าลูก ร้องทำไมลูก ไม่ร้องลูกน่ะ นี่ๆ ดูนี่ อากงลูก อากงก็อยู่ลูก ไม่ร้องลูก” ม๊าของพี่เธียรอุ้มอยู่ ผมเดินมาหยุดมอง แต่พอหันมาเห็นขวดนมนี้รีบกางมือมาทันที

   “หิวนม!!” บรรดาลุงๆ พูดออกมาพร้อมกัน และเจ้าลูกโซ่ก็รีบรับขวดนมไปจากผมทันที

   “เอาล่ะเข้าห้องได้แล้วมั้ง หลานจะได้นอน ร้องแบบนี้ง่วงมากแล้ว” ม๊าพูดและส่งเจ้าลูกโซ่มาให้ผม

   “แต่ก็ดีน่ะ บ้านเงียบมานานน่ะป๊าตั้งแต่ ลูกๆ เราโตกันหมดน่ะ” ม๊าพูดก่อนจะหันมายิ้มให้ผม และผมก็พาเจ้าลูกโซ่ที่หิวน่าดูแลประกอบกับง่วงนอนมากด้วย เข้าไปในห้องนอน ผมรีบเอาขวดนมจ่อปากเจ้าลูกโซ่ทันที

   “พี่อาบน้ำก่อนน่ะ ม๊า” พี่เธียรวิชย์บอกผม ผมหันไปมองคนที่กำลังถอดแหวนถอดนาฬิกาออกและกำลังปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตแต่ว่าผมรู้สึกแปลกๆ ตรงที่เขาเรียกผมว่าม๊า มันแอบรู้สึกดี เหมือนเวลาที่แด้ดแทนตัวเองว่าแด้ดและเรียกแม่ผมว่ามัม

   “ก็ไปอาบซิ “ผมพูดและพยายามไม่มองคนที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตออก มันเผยให้เห็นผิวขาว รูปร่างที่ดูสมส่วนแม้จะไม่มีมวลมัดกล้ามเหมือนหนุ่มเล่นกล้ามก็ตาม

   “เพื่อว่าลูกหลับจะแอบเข้ามาดูพี่ก็ได้น่ะและพี่ไม่ชอบล๊อกประตูห้องน้ำ” และคนที่ถอดทุกอย่างออกหมดแต่โชคดีที่เอาผ้าขนหนูมาพันกายไว้แบบหมิ่นๆ

   “จ้างให้ก็ไม่ไปดูต่อให้เปิดประตูเอาไว้ก็เถอะ!” ผมพูดโดยไม่ได้มองหน้า แอบค้อนด้วย และแอบคิดจะไปดูทำไมไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อยแค่แม่ของลูกชิส์! ผมป้อนนมเจ้าลูกโซ่จนหมดขวดแต่ก็ยังไม่ยอมหลับ แถมยังแหวกเสื้อผมเพื่อจะหาเต้าแบนๆ อีกแล้ว ผมก็หันซ้ายแลขวา คงจะไม่มีใครเปิดประตูเข้ามาน่ะ

   “จริงอ่ะ” ผมถามลูกโซ่ เจ้าก้อนเต้าหู้ที่ป๊าเขาเรียก ก็เงยหน้าขึ้นมองหน้าผมทำตาปริบๆ อีก

   “ทำแบบนี้มี้ใจอ่อนอ่ะดิ’ ’ ผมบอกเจ้าลูกโซ่ ก่อนจะมองคนที่อยู่ในห้องน้ำ คงยังไม่เสร็จหรอกมั้ง เอาว่ะเดี๋ยวลูกไม่หลับ และผมก็จัดการถลกชายเสื้อขึ้นไป หนึ่งข้างและเจ้าลูกโซ่ก็รีบหมุดหัวเข้าไปอ้าปากงับจุดสี่ชมพูดเรือๆ ของผมดูดอย่างเมามันอีกครั้ง และทำตาปรือเหมือนจะหลับแต่จู่ๆ ประตูห้องน้ำก็ถูกเปิดออก พี่เธี่ยรวิชญ์ และคนที่ตกใจก็คือพี่เธียรวิชญ์

   “เฮ้ยยย!!!” ถึงกับผงะไปทันที ผมแค่หันไปชำเลืองตามองพร้อมกับทำนิ้วจุ๊ปากด้วยว่าอย่าเสียงดัง พี่เขาก็ปิดปาก และคนที่นอนมุดหน้ากับอกแบนๆ ของผมที่ตอนแรกกำลังตาปรือเลยเชียว ก็ตาโพลงขึ้นมาอีกและหันไปเอียงคอมอง ป๊าตัวเอง

   “เอาจริงดิ” พี่เธียรวิชญ์เขาชี้มาที่เจ้าลูกโซ่ ก่อนจะเดินมานั่งบนเตียงอีกฝั่งตรงข้ามกับผม

   “ก็ใช่ไง ไม่อย่างนั้นเขาไม่นอน “ผมหันไปบอกคนข้างๆ

   “เออ มี เออ มี “ยังทำมือชี้ตรงอกแบนๆ ของผมด้วยน่ะ

   “ไม่มีแล้ว เมื่อก่อนมี แต่มีนิดเดียว และใช้ผมเป็นผู้ชายที่ให้พยายามให้นมลูกไง “ผมตอบผมเข้าใจว่าพี่เขาคงหมายถึงน้ำนมละซิ

   “ก็เห็นอยู่น่ะว่ามี นิดเดียว” คนข้างๆ ผมพูดและชี้มาที่อกแบนๆ ของผม

   “ผมหมายถึงน้ำนมน่ะมีนิดเดียว “ผมหันมาพูดและถลึงตาใส่คนพูดด้วย

   “แม้ทำเป็นผู้หญิงไปได้ พอบอกนมเล็ก ทำหน้างอนเชียว” พี่เธียรพูดปนหัวเราะ ผมหันมาค้อน ก่อนจะหันมาตบก้นเจ้าลูกโซ่ จะได้หลับ ว่าแต่ผมจะนอนยังไง จะนอนเตียงเดียวกันอย่างนั้นเหรอ ไม่ดีมั้ง ผมคิดว่าจะลงไปนอนพื้นดีกว่าและพื้นก็มีพรมหนาอยู่ ส่วนเจ้าลูกโซ่ให้นอนบนนี้แหละ ผมเอามือลูกใบหน้าหล่อๆ นั้น ขนตาที่งอนยาว และเสียงดูดเต้าผมดังจ๊วบๆ ไปด้วยก่อนจะหันมาเจอสายตาคนที่ชะโงกหัวมอง เต้าผมแบบใกล้ชิด

   “เฮ้ย!! มองอะไรน่ะ” ผมรีบหนีบเจ้าลูกโซ่ เข้าหาอกของผมทันที

   “ก็มองลูกดูดไง”

   “ไม่เคยเห็นหรือไง”

   “เคยเห็นแต่เต้ากลมๆ นมเด็งๆ แต่อันนี้ไม่เคยอ่ะ แบนแต่ดูเร้าใจน่ะ “คนที่พูดก็ยังชะเง้อคอมองอยู่นั่นแหละ ส่วนเจ้าลูกโซ่ก็ดูดไม่ปล่อยเลย จนผมเองต้องดันหน้าป๊าจอมหื่นนี่ออก

   “มีสองข้างเนอะ” คนข้างๆ ผมพูด “หึ??? “ผมหันมามองคนที่พูด

   “แล้วใครมีข้างเดียวล่ะ ถามแปลกๆ” ผมหันมาถามยังชะเง้อมองอีก

   “ต้องดูดแบบนี้ด้วยเหรอ ถึงจะหลับอ่ะ” พี่เธียรถามผม ผมพยักหน้าและก้มลงมองเจ้าลูกโซ่ที่หลับแต่ยังดูดไม่ยอมปล่อย

   “มีตั้งสองข้างอ่ะ แบ่งมาสักข้างได้ไหมอ่ะ นอนไม่หลับเหมือนกัน” ผมหันมามองคนข้างๆ กี่ขวบแล้ว เขาก็มองผมทำหน้าตาออดอ้อน

   “ก็แค่ถามดู และพี่รู้สึกช่วงนี้พักผ่อนน้อย นอนไม่ค่อยหลับไง เลยอยากมีตัวช่วยบ้าง “คนข้างผมพูด ผมหันไปมอง

   “ตลกบริโภคแล้ว นอนไปเลย “ผมหันมาชี้หน้า

   “แค่นี้ก็ดุด้วยอ่ะ”

   “นอนไปเลย ทะลึ่งจริงๆ เพี๊ยะ!”

   “เอ้าท์” ร้องเสียงหลงเลยผมตีที่ต้นแขนคนข้างๆ พี่เขาก็ค่อยๆ เอนตัวลงนอน ส่วนเจ้าลูกโซ่ ก็อ้าปากปล่อยจุกสีชมพูเรือของผม ผมก็รีบเอาชายเสื้อลงทันที ผมหันมาเห็นพี่เธียรวิชย์เขานอนดูทีวีอยู่ ผมก็เลยหยิบหมอนลงไปวางไว้ที่พื้น ผมขอแม่บ้านเอาไว้ คือผ้าห่มพื้นเล็กๆ พี่เขาก็เลยเอามา เขาคงคิดว่าผมเอาไว้ให้น้องลูกโซ่

   “ทำอะไรน่ะบีม” พี่เธียรวิชย์ถามผม

   “ผมก็นอนไง”

   “ทำไมไม่นอนบนนี้ด้วยกันล่ะบีม”

   “เราไม่ได้เป็นอะไรกัน ทำไมผมต้องนอนบนนั้นกับพี่ ผมให้ลูกนอนคนเดียวพอแล้ว” ผมพูดก่อนจะเอนตัวลงนอน แต่คนบนเตียงก็ไม่ได้พูดอะไร

         ผมขอหมอนมาเพิ่มหลายใบอยู่เพื่อกันไม่ให้เจ้าลูกโซ่ดิ้นลงมา แต่ดิ้นมาก็เจอผมอยู่ดี เสียงทีวีเงียบไปแล้ว พี่เธียรเขาปิดทีวีเรียบร้อยแล้วเตรียมเข้านอน ตอนนี้บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด ผมก็ทำได้แค่ชะเง้อคอไปดูเจ้าลูกโซ่ที่นอน หลับปุ๋ย และพี่เธียรวิชญ์ก็หลับแล้ว ผมทิ้งตัวลงนอน ผมเองก็พยายามข่มตาให้หลับ จะด้วยแปลกทีก็ใช่ แล้วเราจะอยู่กับด้วยสถานะอะไร แค่พ่อแม่ของลูกใช่ไหม ผมเห็นสีหน้าแววตาของผู้หญิงคนนั้น เขาดูเสียใจ เป็นใครก็เสียใจ ที่มีคนมาฉกเอาของรักของหวงไปแบบนี้ ผมนอนตะแคง คิดอะไรเพลิน จู่ๆ ก็มีคนลงมานอนข้างหลังผม

   “เฮ้ย!!” ผมหันมามองคนที่ลงมานอนแทรกระหว่างผมกับที่นอน

   “พี่ลงมาทำไมอ่ะ” ผมถามพี่เธียร

   “ก็ไม่ยอมขึ้นไปนอนด้วยนิ “พี่เธียรพูด

   “ไม่อ่ะ ขึ้นไปนอนเลยน่ะ “ผมพูดและหันหน้าหนี ผมพยายามขยับหนีแต่โดนดึงรั้งเอาไว้

   “หมับ” เขากอดผมจากด้านหลัง ผมพลิกตัวหันมามอง มาไม้ไหนอีกเนี๊ยะ!

   “ก็อยากรู้”

   “อยากรู้ว่า” ผมพลิกตัวหันมาถามคนข้างหลัง

   “วันนั้นพี่ทำยังไง “ยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำยังไง

   “เฮ้ย!” ผมร้องออกมาเบา เพราะคนที่นอนตะแคงรวบเอวผมโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากอวบอิ่มครอบลงที่ริมฝีปากบางๆ ของผม ผมก็พยายามทุบหน้าอกให้หยุด แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงร้องดังเพราะกลัวเจ้าลูกโซ่จะตื่น ถ้าตื่นมานี้ร้องยาวเลย และคนที่จูบผมก็ไม่ยอมหยุดซะด้วยน่ะ มือไม้ก็ลูบไล้ไปเรื่อย ผมต้องปล่อยให้ทำไปสักพัก ผมหยุดดิ้น คนที่จูบผมก็เริ่มได้ใจ เริ่มได้ใจบดขยี้ริมฝีปากอย่างเมามัน

   “เห็นลูกดูดอ่ะ ขอมั้งดิ” ไม่พูดเปล่าถลกชายเสื้อขึ้นมาและทำท่าจะครอบปากลงที่สองจุดสีชมพู ผมก็ช้อนตามอง หน้าคนหื่นคงได้ใจคิดว่าผมคงอ่อนระทวยไม่ยอมดิ้นต่อต้านใช่ไหม

   “ผลัก!” ผมตีเข่าเข้าตรงพิกัดนั้นเต็ม

   “โอ้ววว โอ๊ยย อู้ด บีม”

   “ชู้!!” เดี๋ยวลูกก็ตื่นหรอก ผมทำหน้าดุ “อย่าร้องดัง เดี๋ยวลูกตื่น” ผมพูดและทำหน้าดุใส่ คนที่นอนดิ้นกุมเจ้าโลกเอาไว้ไปมา

   “ก็ตีเข่า ใส่ ลูกคนโต พี่ทำไมอ่ะ โอ๊ยยย เจ็บ”

   “ทะลึ่งหนักนิ และหื่นกามไม่รู้เวลาล่ำเวลาเลย “ผมดันตัวเองขึ้นนั่งมองคนที่นอนตัวงอ

   “รู้ไหมว่าพี่เคยผ่าไส้เลื่อนตอนเด็กๆ น่ะบีม” พี่เธียรพูด ผมก็ตกใจซิ

   “จริงอ่ะ เฮ้ย! ผมขอโทษ “กลายเป็นผมเองที่ รู้สึกผิด ผมพูดและคนที่นอนตัวงอหรี่ตามองผม ผมเข้าไปสะกิดว่าเป็นไงบ้างล่ะ

   “เจ็บมากไหมอ่ะ ผมไม่ตั้งใจอ่ะ “ผมพูดอย่างคนที่รู้สึกผิดจริงๆ

   “นี้ขนาดไม่ตั้งใจน่ะ ยังเข้ามาเต็มประตูขนาดนี้ โอ๊ยย! จุกเลยเนี๊ย” พี่เธียรวิชย์พูด

   “แล้วใครให้ลงมาล่ะ หื่นนี่ ผมมานอนเพราะลูกน่ะ ไม่ได้มานอนเป็นตัวช่วยบรรเทาอารมณ์หื่นกามของพี่น่ะ” ผมพูด

   “ก็ทำหน้าที่ พ่อของลูกไง” ยังมาแถอีก

   “ก็นอนกับลูกไปซินั่นแหละหน้าที่พ่อของลูก” ผมพูดและโบ้ยปากไปที่ลูกโซ่ที่นอนกางแขนกางขายึดที่นอนอยู่นั้น

   “ลูกหลับแล้ว หน้าที่พ่อของลูกก็คือสามี สามีเขาก็ต้องเล่นจ้ำจี้กับภรรยาไม่ใช่เหรอ” พี่เธียรพูด ยิ้มกริ่มให้ผมด้วยแสดงว่าดีขึ้นแล้วและไม่ได้เจ็บอะไรมาก

   “ไม่ ไม่ และก็ไม่ ขึ้นไปเดี๋ยวนี้เลย” ผมชี้นนิ้วไล่คนที่นอนตะแคงหันมามองผม

   “ใจร้ายจังเลยอ่ะ “คนที่นอนแผ่ข้างๆ มองผม ผมเหลือกตาขึ้นมองบนก่อนจะหลุบตาลงมองคนข้างๆ

   “พี่ผิดมากเลยเหรอครับจนบีมให้อภัยพี่ไม่ได้ และนี้พี่ยอมรับผิดแล้วอ่ะ บีม” เบื่อจริงๆ มิน่าล่ะลูกโซ่มันได้ระบบขี้อ้อนนี้มาจากใคร พ่อมันนี้เอง ผมแอบคิดในใจ

   “ก็ลงมานอนพื้นทำไมอ่ะ รังเกียจพี่เหรอ” พี่เธียรเขาถามผม

   “ไม่ได้รังเกียจแต่แค่ ผมยังไม่เคลียร์หลายเรื่องอ่ะ เลย ยัง” ผมพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งที่สุด

   “เรื่องอะไรบ้างล่ะ” พี่เขานอนตะแคงและเอามือมายันศีรษะมองผม

   “หนึ่งเรื่องสถานะเพราะว่าเรายังไม่ได้รักกัน” ผมพูด

   “พี่ต้องพยายามทำให้บีมรักพี่อย่างนั้นเหรอ” พี่เธียรวิชญ์ถามผม ผมหันไปมองพี่เขา

   “มันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นน่ะ “ผมพูด

   “สอง เรื่องผู้หญิงของพี่ “ผมพูด พี่เธียรวิชญ์เปลี่ยนท่ามาเป็นนอนตะแคง

   “แพรวานะเหรอ? นี่หึงพี่เหรอ” พี่เธียรวิชย์ถาม มุมปากนั้นกระตุกขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่ผมหันมากอดอกมอง

   “ไม่หึงก็ไม่หึง” พี่เธียรพูด

   “เวลาทำตาดุนี้น่ากลัวเหมือนกันเลยน่ะ แม่กับลูกนี่” พี่เธียรพูดและแอบหันไปมองเจ้าลูกโซ่

   “พี่น่ะไม่เคยคิดอะไรกับแพรวาเกินไปกว่าน้องสาว ส่วนแพรวาก็เป็นเด็กเอาแต่ใจเพราะว่าเป็นลูกคนเดียวของเพื่อนพ่อพี่อีกที ครอบครัวของแพรวากับครอบครัวพี่สนิทกันมาตั้งแต่รุ่นอากงแล้ว เรียกได้ว่าก่อตั้งโรงเรียนมาด้วยกันแต่จู่ๆ อากงของแพรวาก็ถอนตัวและถอนหุ้นออกไปแต่ก็ยังเป็นเพื่อนกัน “พี่เธียรพูด

   “อากงแพรวาเขาเสียชีวิตก่อนอากงของพี่ห้าปี ส่วนอากงพี่น่ะเสียชีวิตไป” พี่เธียรพูด

   “เมื่อห้าปีที่แล้ว” ผมตอบ พี่เธียรมองผมด้วยแววตาแปลกใจ

   “ผมรู้ว่าพี่กันตภณเขาหย่าขาดกับภรรยาเขาหลังจากนั้นเมื่อห้าปีทีแล้วเช่นกัน” ผมพูด พี่เธียรพยักหน้า

   “และแพรวาเธอโดนตามใจจนมาก ชนิดที่เรียกได้ว่า เธอไม่เคยไม่ได้สิ่งที่เธออยากได้ ส่วนพี่ก็ไม่อยากทำให้พ่อของพี่ต้องขัดใจกับพ่อเธอและส่วนมากแม่เธอจะเป็นคนขอน่ะเพราะว่าเขารักลูกสาวเขามาก ขอให้พี่ยอมให้เธอตามพี่จนเธอเหลิงได้ใจ ตอนนี้พี่รู้ว่าที่ผ่านมาพี่คิดผิดที่ยอมเธอมากเกินไป” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมพยักหน้า

   “ผมเองก็ไม่อยากมานั่งทำสงครามกับผู้หญิงเพราะว่าคนที่ดูไม่ดีคือผมและยิ่งผมมีลูกผมจะไม่ทำตัวอย่างแบบนั้นให้ลูกดู เพราะนั้นอาจจะทำให้เขาคิดว่าการทำร้ายผู้หญิง คือเรื่องปกติ พี่เข้าใจไหมครับ” ผมพูด พี่เธียรวิชญ์พยักหน้าเบาๆ

   “ดังนั้นข้อนี้พี่ก็ต้องจัดการให้ผม เพราะว่าถ้าข้อนี้ไม่ผ่าน ไม่ต้องถามถึงข้อแรกว่าพี่จะได้ไหม” ผมพูด คนที่ตอนฟังถึงกับหน้าเสียไปทันที

   “ข้อแรกพี่ทำได้แต่ข้อสองอ่ะ ยากน่ะ เพราะว่าพี่ก็ทำมาตั้งนานแล้ว ไม่รู้จะหาวิธีไหนแล้ว ยังไม่ได้ผลเลย จนป๊าให้พี่เลือกไปเรียนต่อเมืองนอก นางยังไม่ยอมปล่อยพี่เลยอ่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้น ผมว่าผมเลือกไปข้อสามเลยดีกว่าพี่จะได้ไม่ต้องเหนื่อย” ผมหันไปพูดกับพี่เธียรวิชย์ยิ้มเลยละซิ

   “ข้อสามอะไรล่ะ” พี่เธียรวิชญ์ถามผม

   “และสามคือพี่กันตภณเพราะว่าที่ผ่านมาพี่กันตภณเขาดูแลและทำหน้าที่แทนพี่มาตลอด ดูแลผมดูแลเจ้าลูกโซ่ ตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยซ้ำ ส่วนพี่น่ะไปหมุดหัวอยู่ตรงไหนผมยังไม่รู้เลย” ผมพูดก่อนจะหันมามองหน้าพี่เธียรวิชญ์ดันตัวเองขึ้นนั่งทันที

   “ขนาดตอนคลอดพี่กันยังนั่งเฝ้าผมเลย คนดีขนาดนี้ ผมควรจะทิ้งเขามาหาพี่ไหมล่ะ! “ผมถามพี่เธียรวิชญ์

   “แล้วบีมคิดว่าอากันเขาควรทำหน้าที่ได้ดีกว่าพี่หรือเปล่า ทั้งที่พี่ยังไม่ได้ลองเลยน่ะบีมและพี่ก็เป็นพ่อแท้เจ้าลูกโซ่น่ะ อากันไม่ใช่พ่อเด็กซะหน่อย และอากันเขาก็เป็นหมัน” พี่เธียรวิชญ์พูด ทำหน้าเหมือนเด็กน้อยขึ้นมาทันทีเลยน่ะ

   “ดังนั้น กว่าเฮียธีจะแต่งงาน ผมยังมีเวลาคิดและตัดสินใจทำให้ผมเห็นว่า ผมกับลูกโซ่ควรฝากชีวิตไว้กับพี่ได้ไหม ถ้าไม่ผมก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูก “ผมพูดกับพี่เธียรวิชย์

   “และพี่คงรู้น่ะว่า หนึ่งในสามข้อนี้ ข้อไหนที่พี่ควรจะจัดการก่อน “ผมพูดพร้อมกับกอดอกมอง

   “สงสัยต้องข้อสองแน่ๆ เพราะเล่นบอกถ้าข้อสอบไม่ผ่านไม่ต้องถามถึงข้อหนึ่งและถ้าสองข้อแรกไม่ได้ ข้อที่สามน่ากลัวกว่า จะทิ้งพี่ไปหาคนอื่นอีกอ่ะ พี่ไม่ยอมอ่ะ “พี่เธียรวิชญ์พูดและทำท่าจะเข้ามากอดผมแต่ผมดันเอาไว้ ชี้หน้าด้วย

   “แล้วจะมานอนแยกแบบนี้ได้ยังไงอ่ะ เดี๋ยวลูกขาดความอบอุ่น ไม่ครบพ่อแม่ลูกน่ะ” คนงอแงพูด

   “ผมไม่ขึ้น พี่นั้นและขึ้นไปนอนเลย ไปนอนกับลูกนั่นแหละ” ผมพูดและพยายามดันพี่เธียรวิชญ์ให้ขึ้นไปแต่จู่ๆ

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะประตูห้องนอน ก็ดังขึ้น ผมก็หยุดส่งเสียงเพื่อฟัง

   “ก๊อก ก๊อก ก๊อก “เสียงเคาะอีกสามทีไม่ดังมาก

   “เธียร นอนหรือยัง” เสียงม๊าของพี่เธียรวิชย์

   “ม๊ามา ถ้าม๊าเห็นบีมนอนบนพื้นแบบนี้ม๊าว่าพี่แน่ พี่โดนป๊าว่ามาแล้วน่ะ จะให้โดนม๊าว่าพี่อีกคนเหรอ” พี่เธียรวิชญ์พูด ผมก็รีบลุกและเก็บทุกอย่างก่อนจะรีบขึ้นไปบนเตียงนอน พี่เธียรวิชญ์เดินไปเปิดประตู

   “ป๊าให้ม๊าเดินมาดูว่าตกลงนอนกันได้ไหม เพราะกลัวจะแคบไปน่ะเตียงเราน่ะ และจะดิ้นไปทับลูกเอา ป๊าเขาเป็นห่วง “ม๊าเดินมาถามพี่เธียรวิชย์

   “เป็นห่วงผมเหรอม๊า”

   “เป็นห่วงหลาน!!” ม๊าพูดชัดเจนมาก ผมแอบสมน้ำหน้า

   “นอนได้ม๊า หมอนั้นน่ะหลับปุ๋ยไปแล้วม๊า”

   “เอาไว้ซื้อเตียงใหม่หรือไม่ก็ซื้อเตียงเด็กไว้ในห้องนอนแล้วกัน และโตหน่อยค่อยแยกห้อง” ม๊าบอกพี่เธียรวิชญ์

   “นึกว่าเดินมาดูกลัวลูกสะใภ้ลงไปนอนพื้นซะอีก”

   “แล้วกล้าทำแบบนั้นหรือเปล่าล่ะ”

   “ถ้าทำม๊าคงได้”

   “แน่ล่ะ ห้ามให้เมียลงไปนอนพื้นล่ะ ไม่งั้นเราน่ะโดนแน่ๆ เอาไปนอนได้แล้ว และพรุ่งนี้เลิกเร็วได้ป๊าบอก พากันไปซื้อของใช้ลูกชายเราด้วยล่ะ “ม๊าพูด

   “อีกอย่างน่ะเธียร อย่าเปิดแอร์จนเย็นจัดล่ะ ลูกจะไม่สบายเอา เราน่ะเปิดแอร์จนเย็นม๊าเดินมาปิดให้ทุกคืน เข้าใจไหมเธียร ลูกยังเล็กหนัก” คำสั่งม๊าที่บอกพี่เธียร นี้แค่คืนแรกที่เจ้าลูกโซ่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้ เขายังรักเจ้าขนาดนี้

   ผมนอนหลับตาปี๋แต่แอบฟัง ผมไม่รู้ว่าม๊าไปตอนไหน แต่ที่นอนตรงข้ามผมยุบลงเบาๆ ผมลืมตามองคนที่กำลังจะหอมแก้มแต่เป็นแก้มเจ้าลูกโซ่ พี่เธียรวิชย์ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายคนนี้คือคนเดียวกับคนในคืนนั้น พฤติกรรมที่ต่างกันราวกับฟ้ากับดินหรือนี่คือสัญญาณของความเป็นพ่อ ผมค่อยๆ หลับตาลงอีกครั้ง โดยไม่กล้าลืมตาต่อผมนอนใช้ความคิดมากมายในหัว พ่อของลูกสำคัญกว่าคนที่เคยทำหน้าที่ดูแลลูกผมจริงหรือ???

   “ป๊าบอกกับพี่ว่า ถ้าพี่ทำได้ไม่ดีพอ ก็ให้คืนให้เจ๊กกันไป หรือบีมคิดว่าพี่ควรจะทำแบบนั้นจริงๆ แต่พี่รักลูกน่ะ และพี่เชื่อว่าลูกพี่รักบีมมาก ดังนั้นคนที่เป็นแม่เขา คนอื่นก็แทนไม่ได้ พี่ไม่อยากเสียใครไปทั้งนั้น ทั้งบีมและลูกโซ่ พี่ขอโอกาสก่อนได้ไหมครับ ให้พี่ได้ลองก่อน “เสียงที่ดังอยู่ข้างหูผม ไม่รู้ว่านี้คือการตัดพอหรือว่าแค่แอบน้อยใจกันแน่ แต่จะให้ผมยอมเลยมันคงง่ายไปน่ะ เธียรวิชญ์

   TBC....
4
 
EP.14 เรื่องธรรมชาติครับพี่เขม(ครึงหลัง) NC

            Part's เขมชาติ  ผมแกล้งทำเป็นหลับจนกระทั่งผมรู้สึกว่าคนข้างๆ ผมเงียบไปแล้ว และนั้นผมถึงได้ค่อยๆ ลืมตาขึ้นในความมืด ผมค่อยๆ กระดกศีรษะเพื่อหันไปมองคริส ที่ซบหน้าลงที่ด้านหลังของผมใจผมเต้นแรงมากและที่สำคัญผมกำลังมีอารมณ์อีกครั้ง ไม่ได้นะต้องนอนเขม! ผมบอกกับตัวเองพยายามข่มตาให้หลับลงแต่มันก็ยาก หรือว่าจะลุกไปคริสโตเฟอร์ก็จะรู้ว่าผม....อึ้ย!!! ไม่ได้ ไม่ได้ ตอนนี้คนที่กอดผมไว้เขาเงียบไปแล้วหรือว่าจะหลับแล้วจริงๆ น่ะ หลับง่ายดีจังแต่ผมก็ลุกขึ้นไม่ได้อยู่ดีเพราะว่าแขนของคริสโตเฟอร์กอดผมไว้อยู่แบบนี้

      "ฟู่" ผมเผลอพ่นลมออกมาทางปาก

      "นอนไม่หลับเหรอครับพี่เขม" เสียงกระซิบถามที่ข้างหูผม ทำให้ผมต้องหยุดนิ่ง นี่ผมกำลังปลุกนายคริสใช่ไหม เพราะว่าน้ำเสียงของเขานั้นบ่งบอกว่า เขาพูดทั้งที่เขายังหลับตาอยู่และผมสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดต้นคอผมอยู่ ก็เมื่อสักครู่ ใบหน้าของเขายังอยู่ที่แผ่นหลังของผมอยู่เลย แต่ตอนนี่เขาเลื่อนมาอยู่ที่ซอกคอผมแล้วและแขนก็สอดเข้ามากอดผมไว้ดูเหมือนจะเลื่อนไปเลื่อนมาแถวๆ ท้องน้อยและค่อยเลื่อนต่ำลง ต่ำลง จนกระทั่งถึงตรงนั้น ...ของผม..นั้นมันของสงวนครูนะคริส!!!

      "เพราะอันนี้หรือเปล่าอะครู" ผมทำตาโตเพราะว่านายคริสจับตรงแกนกายผมเข้าแบบเต็มกำมือ ผมหลับตาปี๋อายซิครับ คริสเลยรู้จนได้ว่าผมกำลังอยู่ในห่วงอารมณ์ไหน

      "ผมก็เป็นพี่เขม ตั้งแต่ตอนบ่ายแล้วด้วย เรามาทำด้วยกันนะ ถ้าไม่ทำนี้คงนอนไม่หลับแน่ๆ " คริสโตเฟอร์กระซิบข้างหูผมแต่มันดังก้องเหมือนตะโกนใส่ซะมากกว่า

      " แต่ผมยังไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกัน..เคยแต่ให้ผู้หญิงทำให้ " หูผึ่งมันจะดีเหรอ?

      "ครูหันมาซิครู...นะ..ผมว้อนอะ" น้ำเสียงของคริสโตเฟอร์ มันยั่วยวนผมมาก อย่ายั่วครูเดี๋ยวครูใจแตก!

      "I need you help me, please! ." ถึงจะเป็นคำขอที่สุภาพก็เถอะ คริสโตเฟอร์ดันผมให้พลิกไปหาเขา ผมก็ค่อยๆ พลิกตัวเองเข้าหาคนที่นอนตะแคงรอผมอยู่ แล้วแถมยังอยู่ในท่าเท้าแขนมองผมด้วยสายตาที่เซ็กซี่ซะด้วย ผมจ้องมองคนที่นอนข้างๆ ผม เขาไม่ได้สวมเสื้อนอนแต่กางเกงนี้ผมไม่รู้ว่าสวมไหมเพราะผ้าห่มมันคลุมอยู่ครึ้งท่อน คริสก็ดันผ้าห่มออก ผมก้มมองตรงนั้นของคริส มันแข็งและเรียกได้ว่าชี้หน้าผมอยู่ดีกว่า ยังดีที่คริสใส่กางเกงบอล แต่ว่าดูแล้วไม่ได้ใส่กางเกงยืดข้างในแน่ๆ

      "นะครู ..ผมอยากให้ครูสอนผม" ผมก็มองหน้าจะดีเหรอ ผมไม่ใช่ครูที่ชำนาญการเรื่องเพศศึกษาแต่แค่มีประสบการณ์เฉยๆ

      "แต่ว่า..." ผมทำท่าจะปฏิเสธ

      "ครูมันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่ใช่เหรอครับ...นะครู..ของครูก็พร้อมแล้วอะ...นะเรามาทำด้วยกันนะครู...อืมม" คริสโตเฟอร์พูดออดอ้อนผมและเขาดึงผมเข้าไปแนบชิดแผ่นอกแน่นๆ ของคริส คริสโตเฟอร์ก้มลงจูบปากผมเบาๆ และคลอเคลียไปตามแก้มไล่ลงมาที่ต้นคอ มือผมก็กุมส่วนนั้นของคริสไว้มันแข็งและเต็มมือมาก อายุแค่นี้ยังซูซีกับผมแล้วไปกินอะไรมาทำไมมันโตไวจังของผมนี้กว่ามันจะโตใช้เวลาตั้งนาน นี้อายุแค่17จะแซงหน้าผมอยู่แล้ว

      "อืมม..คริส...ซี้ด" ผมซี้ดปากเพราะว่าคริสกำลังใช้มือปฏิบัติกับของผม ผมก็ใช้มือปฏิบัติให้คริสตอบเช่นกันแต่ของผมอาจจะรู้งานมากกว่าคริสโตเฟอร์ เพราะว่าเขายังดูขัดๆ เขินๆ แต่เขาก็พยายามทำให้เหมือนที่ผมทำให้เขานั่นแหละ ผมก็จูบคริสเราแลกลิ้นกันพัลวันเลย ม้วนรัดกันอย่างไม่เกรงกลัวว่ามันจะพันกันจนเอาไม่ออก (แต่มันคงไม่ขนาดนั้นหรอกมั้งเนอะ) ขาก็กอดก่ายกันไปมา ตอนนี้ผมปลดปล่อยความรู้สึกของตัวเอง เรียกได้ว่าตอนนี้ผมเป็นตัวของตัวเองเต็มที่

      ตอนนี้ความต้องการของห่วงอารมณ์ความใคร่มันก็กำลังครอบงำความถูกผิดไปหม และคงห้ามได้ยากเพราะนี้ก็คือพื้นฐานของความต้องการของมนุษย์ที่ทุกคนต้องมี และผมเองก็เป็นเช่นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีรัก โลภ โกรธ หลงและยังคงมีกิเลสตัณหา ผมทั้งจูบทั้งไซ้ลงที่ซอกคอขาวๆ นั้นของคริสโตเฟอร์ เมื่อตอนบ่ายมีแค่คริสที่รุกผมส่วนผมก็นอนดิ้นรองรับลิ้นนั้น แต่ตอนนี้ผมรุกเองแบบผู้ใหญ่เขาทำกันด้วยประสบการณ์ที่เหนือกว่าด้วย

      "ที่รัก..อืม..เก่งสุด..คริส..ชอบ..อ่าห์....ขอแรงนิดหนึ่งซิที่รัก"เสียงกระเซ้าบอกให้ผมเร่งระดับการปฏิบัติด้วยมือ ขอมาผมก็จัดให้

      "อืมมม...อืมม..อ่าห์..โอ้วว..คริส..ซี้ด..โอ้วว" ผมร้องครางออกมาเช่นกัน นี้ขนาดบอกว่าไม่เคยทำให้ผู้ชายด้วยกันนะ

      "อะ..อะ ..อ่าห์...คริสสสสสส...โอ้วว..อู้ " เสียงสุดท้ายผมก็เรียบร้อยไปแล้วและคริสก็เช่นกัน

      "แฮ้กๆ " เสียงหอบของผมและคริส หลังจากที่เราทั้งคู่เสร็จสมอารมณ์หมาย ผมก้มมองมือที่กุมของรักของหวงคริสไว้ น้ำสีขาวขุ่นๆ เต็มมือผมไปหมดและที่มือคริสก็เช่นกัน คริสโตเฟอร์มองหน้าผมและก้มลงมาบดขยี่เบาๆ ผมยังคงจ้องมองใบหน้าของคริสโตเฟอร์ นี้ถ้าบอกว่าอยู่มหาวิทยาลัยนะเชื่อสนิทเลยเด็กมัธยมอะไรถึงได้เชี่ยวชาญเรื่องอย่างว่าแบบนี้

      "คราวนี้นอนหลับสบายแหละ" คริสโตเฟอร์พูดปนยิ้มๆ ให้ผม แน่ละเรียบร้อยไปพร้อมกันขนาดนี้ไม่มีอะไรติดค้างแล้วนิแถมยังออกมาจนหมดแม็กเลยก็ว่าได้ เขาเอื้อมไปหยิบกล่องกระดาษทิชชูและส่งมาให้ผมสองสามแผ่นเพื่อเช็ดทำความสะอาดของตัวเอง

      "ที่รักเปิดไฟตรงหัวเตียงให้หน่อยซิครับ" คริสโตเฟอร์บอกผมเขาเรียกผมว่าที่รักมันรู้สึกดีแปลกๆ คริสโตเฟอร์ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อนำกระดาษทิชชูที่ใช้แล้วทั้งของผมและของเขา เขาหยิบของผมโดยไปทิ้งให้โดยไม่รังเกียจสักนิด คริสโตเฟอร์เช็ดทำความสะอาดบนเตียงนอนจนเกือบหมดคาบแต่ก็ยังมีเลอะเทอะอยู่นิดหน่อย พรุ่งนี้ผมต้องเอาไปซักให้ซะหน่อย แค่คิดใบหน้าผมก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมาทันที มันเป็นเรื่องที่น่าอายจริงๆ

      "คริส...ครูขอโทษนะ..ที่จริง" ผมพูดขอโทษคนที่นั่งลงบนเตียงข้างผมทิ้งตัวลงนอนลงและสวมกอดผมทันที

      "ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยครู...มันเป็นเรื่องธรรมชาติ...แต่มันสุดยอดมากเลยนะดีกว่าทำเองอีก..ครูว่าไหมและยิ่งทำให้กันแบบนี้ด้วย..มันรู้สึกฟินกว่าดูหนังโป้และทำไปด้วยอีก" คริสโตเฟอร์พูด นี้พูดมาได้ไม่คิดจะอายกันบ้างสักนิดเลยหรือไง คริสกำลังใช้นิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากผมเบาๆ

      "นี้แค่มือนะผมยังรู้สึกดีได้ขนานนี้ถ้ามากกว่านั้นละ" คริสโตเฟอร์พูดในตาเป็นประกายผมรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร ผมหันไปมองคริสแว๊ปหนึ่ง

      "ครูยังไม่พร้อมในขั้นนั้นนะคริส" ผมออกปากปฏิเสธไว้ก่อนเลย

      "ผมรอได้...ผมรักครูนะ...แต่ผมก็กลัว.."คริสโตเฟอร์พูด

      "ผมกลัวถ้ารักแล้วครูทิ้งผมไปอีกคนผมจะทำยังไง...ครู"

      "คนที่เธอบอกว่ารักเธอและเขาทิ้งเธอไปเธอหมายถึงพ่อเหรอ"

      "อืม"

      "ถ้าอย่างนั้นเธอต้องตามหาเขาซิจะได้รู้ความจริงๆ "ผมหันบอกคริสโตเฟอร์ ให้ออกตามหาพ่อเขา ผมไม่อยากให้เขาคิดเอาเองว่าพ่อไม่รักเขาทิ้งเขาไป ผมไม่อยากให้เขามีความรู้สึกที่ไม่ดีกับพ่อเขา ผมเชื่อว่าเขาอาจจะมีเหตุผลที่มากพอว่าทำไม

      "ถ้าครูไม่มีแฟนก็คงจะดี..." คริสโตเฟอร์นอนพลิกตัวนอนตะแคงยกข้อศอกขึ้นตั้งฉากยันศีรษะของเขาไว้ สายตาเขามองผม สายตาคู่นี้ไม่ใช่สายตาเด็กนักเรียนทั่วไปที่ผมเคยเห็นแต่เขาก็ยังเป็นเด็กนักเรียนของผมอยู่ดี

      "คริสครูกลัวว่านี้มันจะเป็นการทำร้ายเธอ"

      "ความรักไม่เคยทำร้ายใครไม่ใช่เหรอครู และผมก็เชื่อว่าครูรักผม...ผมมองมันผ่านสายตาของครูได้ ผมรู้สึกแบบนั้น ว่าเราคิดตรงกัน" คริสโตเฟอร์พูด เขาใช้ฝ่ามือประคองใบหน้าของผม

      "ผมดูออกว่าครูคิดยังไงกับผม...และผมก็รู้ว่าตัวเองคิดยังไงกับครู...เหมือนเราได้เจอคนที่ใช่แต่ในเวลาที่ผิดใช่ไหมครู" พอผมได้ยินแบบนี้ทำไมผมรู้สึกมันเจ็บขึ้นมาที่อกข้างซ้ายของผมยังไงก็ไม่รู้ มันผิดที่ผมเป็นครูและเขาเป็นนักเรียนของผมนี้ซิ

      "เพราะครูคิดว่าผมเป็นเด็กนักเรียนและเด็กกว่าครูอีกด้วยใช่ไหมครับ ..นี้มันเวทีรักนะครับครูไม่ใช่เวทีนักมวยจะได้ขึ้นชกข้ามรุ่นกันไม่ได้นะ" นายคริสโตเฟอร์พูดและยังมาขำผมอีก

      "หึหึ" เสียงหัวเราะในลำคอของผมกับมุขที่คนอายุน้อยกว่าพยายามใช้อ้างอิงขอความรักคนอายุเยอะกว่าอย่างผมนะซิ และมันก็ได้ผล ผมเอื้อมมือไปแตะแก้มคริสโตเฟอร์คริสเขาใช้แก้มเขาหนีบมือผมไว้ มือเขาก็บีบมือผมเล่น บีบแล้วคลายบีบแล้วก็คลายอยู่แบบนั้น

      "นอนได้แล้วคริส...ครูเริ่มง่วงแล้วแหละ..นอนหลับฝันดีนะครับ" ผมพูด คนที่นอนตะแคงก้มลงมาจุมพิตที่ริมฝีปากบางๆ ของผม

      "นอนหลับฝันดีครับ..อยากเรียกที่รักไม่อยากเรียกครูแล้วอะ"

      "นอนได้แล้ว...ได้คืบจะเอาศอกนะเรานะ " ผมพูด พอคริสโตเฟอร์ทิ้งพร้อมกับสอดแขนเข้ามากอดผมเหมือนเดิม กอดไว้แน่นเชียวเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปซินะ ผมเอื้อมมือไปกดปิดสวิตช์ไฟและความมืดก็เข้ามาอีกเยือนอีกครั้งแม้จะมีแสงไฟจากไฟภายนอกแต่ก็สว่างแค่นิดเดียว

      "ครูรู้ไหมว่าผมกลัวความมืด ผมกลัวการอยู่คนเดียวแต่ผมก็กลัวการมีความรักผมไม่อยากรักใครที่ผมไม่รู้ว่าผมจะไว้ใจเขาได้หรือไม่ ผมกลัวการจากลา" เสียงของคนที่กอดผมอยู่เขาซบหน้าลงที่แผ่นหลังของผม

      "พอผมได้กอดครูความกลัวเหล่านี้มันก็หายไป ครูอย่าทิ้งผมไปนะ ผมรักครู " เสียงที่พร่ำบอกผมว่าอย่าทิ้งเขาไปมันดังก้องอยู่ในหัวผมตลอดจน ผมเริ่มได้ยินเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอของคริสเขาคงหลับไปแล้ว

            พอผมได้ยินแบบนี้แล้วผมควรจะเลือกทางไหน และเขาก็พูดถูกซะด้วย ใช่ผมกำลังรักเขาและเหมือนจะรักเขามากกว่าณัฐกานต์ซะด้วย แต่ว่าผมกับณัฐกานต์ยังไม่ได้เลิกกันอย่างเป็นทางการ เพราะว่ายังมีอะไรร่วมกันอีกหลายอย่าง สมุดบัญชีที่เปิดด้วยกันตั้งแต่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัยผมรับสอนพิเศษให้เด็กเล็กและรับจ๊อบทำงานที่ร้านกาแฟสดของอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเขาเปิดคาเฟ่เล็กใกล้กับย่านที่พักของนักท่องเที่ยว เขาเห็นว่าผมเป็นคนเก่งภาษาอังกฤษผมพูดได้ดีเลยทีเดียว เขาจึงชวนผมไปทำ จนผมกับณัฐกานต์พอจะมีเงินเก็บหลักแสนและคอนโดที่ผมกับณัฐกานต์ช่วยกันจ่ายจนเป็นอิสระ และมันก็สมบัติของผมและณัฐกานต์เป็นที่เรียบร้อยเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่าน ถูกโอนเป็นชื่อของผมสองคน

       

               ผมขอให้มันจบลงด้วยดีอย่างน้อยความเป็นเพื่อนก็ยังคงอยู่ สี่ปีมันก็ผูกพันมากพอสมควร ถามว่ารักไหมก็รักมากพอ แต่ถ้าเทียบกับความเหนื่อยล้าแล้วผมยอมรับว่าเหนื่อยมากเหมือนกันเพราะเส้นทางความรักของสองเรามันเหมือนเส้นทางที่ขนานกันสองเส้นที่ไปกันไม่ได้เลย เพราะเรามองต่างกันคิดก็ต่างกัน มองสิ่งเดียวกันแต่ให้ความหมายกันไปคนละอย่างดังนั้นเขมจะไม่รั้งณัฐกานต์ไว้ด้วยคำว่า "เรารักกันมานาน " เพราะบางที่รักเราอาจจะหมดไปตั้งนานแล้วก็ได้แต่ที่ทนอยู่ก็แค่ยื้อไว้เพื่อหวังว่ามันอาจจะดีขึ้นแต่จริงๆ แล้วมันกลับยิ่งแย่ลงกว่าเดิม

      "หมับ" ผมจับมือของคนที่กอดผมไว้มากุมไว้หลวม

      "ครูจะไม่ทิ้งเธอ ครูสัญญา " คำพูดที่เบามากแต่ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะทำแบบนี้ และผมคงต้องยอมรับถึงสิ่งที่จะต้องตามมาและปัญหามากมายที่ผมและเขาจะต้องพบเจอ ซึ่งมันอาจจะรอผมสองคนอยู่เบื้องหน้าแต่ผมจะไม่ทิ้งเขาเด็ดขาด


TBC….
5
เรื่องสั้น / Free connections, expand your social circle
« กระทู้ล่าสุด โดย Phonix_Chimz เมื่อ 10-05-2024 19:17:07  »
Elevate your dating game with the top site for hassle-free connections.
Dating for unattached relationships
Genuine Ladies
Optimal casual Dating
6
EP.14 เรื่องธรรมชาติครับพี่เขม(ครึ่งแรก)

                      Part’ s เขมชาติ ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง ระหว่างที่ผมใช้มือสองข้างของผมกำพวงมาลัยอยู่ ผมก็เหลือบไปเห็นแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายผมถอดมันออกและโยนใส่ไปที่กล่องเก็บของในรถเก๋งผมทันที ไม่ใช่แหวนหมั้นแต่มันก็แสดงถึงว่าผมมีแฟนแล้ว ณัฐกานต์ซื้อให้ผมในวันวาเลนไทน์เมื่อสามปีที่แล้วและผมก็ซื้อให้เขาเช่นกัน ผมก็เห็นเขาใส่บ้างไม่ใส่บ้าง เขาบอกว่า มันเป็นแหวนเกลี้ยงไม่สวย ผมก็ไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้ผมเลือกที่จะถอดมันออกไปก่อน

      "หรือว่าความรักของเรามันถึงทางตันซะแล้วละกานต์...ถึงยังไงเขมก็ขอบคุณนะที่...เราเคยรักกันมาก " ผมพูดเบาๆ ผมขับรถตรงไปที่บ้านพักของคริสโตเฟอร์ เห็นมีเพื่อนของคริสมายืนคุยด้วยสี่ห้าคน ผมจำได้ว่าเคยเห็นเขาเล่นบาสเกตบอลด้วยกัน ผมนำรถเข้าไปจอดด้านข้างของบ้านพักคริสโตเฟอร์ คริสโตเฟอร์รีบเดินมาแย่งผมถือพวกกระเป๋าเสื้อผ้าผมและของคริสไปจากมือผม และพวกเพื่อนๆ ของคริสโตเฟอร์มองผมกันคริสโตเฟอร์สลับกันไปมาอยู่พักหนึ่ง

      "สวัสดีครับครู...ไอ้คริสมันบอกพวกผมว่าครูน้ำแตกในห้องน้ำ " ผมสะบัดหน้าไปมองว่ายังไงนะและหันมามองพ่อตัวดี ผมเข้าใจความหมายนะ

      "ไอ้เชี้ย! ปันปันกูบอกว่าแป๊บน้ำในห้องน้ำครูแตก มึงพูดขาดไปเยอะไอ้นี่" คริสโตเฟอร์หันไปทำท่าโบกเพื่อนเขา

      "ขอโทษครับครูผมคงได้ยินเพี้ยนไป แป๊บน้ำในห้องน้ำครูแตกเหรอครับ" เพื่อนของคริสถามผม

      "ใช่แล้ว...ครูเลยต้องมาค้างกับคริสน่ะ"ผมพูด

      "Q_Q" ทุกสายตาเบี่ยงไปทางคริสโตเฟอร์

      "แค่คืนเดียวนะ...พรุ่งนี้ครูโจ้คงจะมาแล้วครูรอให้ครูโจ้ซ่อมให้ก่อน" ผมรีบตอบแทนคริสโตเฟอร์ทันที ผมขยิบตาให้พ่อตัวดีช่วยกันบ้างซิ

      "ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยผู้ชายทั้งคู่ถ้าผู้ชายนอนด้วยกันไม่ได้แล้วมึงจะให้กูไปเอาหมาที่ไหนมานอนวะ" คริสโตเฟอร์ถามเพื่อน

      "อืมม" พร้อมกันมาก แต่สายตาแต่ละคนนี้ ผมว่าไม่มีใครเชื่ออยู่แล้ว ยุคต์นี้สมัยนี้แหล่งข่าวเยอะแยะไปทำไมเขาจะไม่รู้จัก ผมหันไปมองคริสต์ส่ายหัวว่าอย่าอธิบายเลยเพราะนายนี่แหละที่ทำให้ความลับผมแตก

      “แต่ครูไอ้คริสมัน...” เพื่อนนายคริสอีกคนกำลังจะพูดผมก็ต้องถลึงตาขึ้นมีอะไรเหรอ ก่อนจะหันมาเหล่ตามองแต่ทว่านายคริส

      “หมับ...” นายคริสโตเฟอร์รีบเอามือไปปิดปากเพื่อนไว้ซะก่อน

      “อาร์ทมึงรีบกลับไปอาบน้ำดีกว่าแล้วกลับมารับไอ้ปันปันไปปล่อยโค.” คริสโตเฟอร์พูดผมก็มองมันต้องมีอะไรแน่ๆ เลย ผมหันมามองพ่อตัวดีข้างๆ ผมอีกที นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดนะที่มานอนด้วยเนี๊ยะ!

      "ถ้าอย่างนั้นพวกกูไปเตรียมตัวอาบน้ำแต่งตัวหล่อจะออกไปหา...บ้างอะไรบ้างนะคริส...เออ..พรุ่งนี้พวกกูไม่ซ้อมบาสกันนะดูท่ามึงจะ...เหนื่อยละงานนี้ ..ไปก่อนนะ ..ไปก่อนนะครับครู " พวกเพื่อนๆ คริสโตเฟอร์พูดและพากันแยกย้ายไป ผมหันมามองหน้าคริสโตเฟอร์ ก็เพื่อนเล่นแซวแบบนี้

      “พรุ่งนี้วันอาทิตย์ กูไม่ซ้อมอยู่แล้ว ไอ้เชี้ย!” คริสโตเฟอร์พูดตะโกนตามหลังเพื่อนจนเพื่อนเดินหายออกไปกันหมด เหลือแค่ผมกับพ่อตัวดี

      "เข้าบ้านเถอะครับครู" คริสโคเฟอร์บอกผม และผมก็เดินตามเขาขึ้นไปบนบ้านพัก ผมเหลือบมองไปรอบๆ ภายในบ้านพัก ตอนแรกที่ผมมาเคาะนะเสื้อผ้ากระจัดกระจายไปคนละทิศละทางแต่ตอนนี้ถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ

      "แม่บ้านมาทำความสะอาดให้นะครับครู...เขาจะมาทำให้อาทิตย์ละครั้ง" คริสโตเฟอร์หันมาบอกผม

      "อืม...ที่จริงเธอหัดทำเองก็ได้นะและผู้ชายทำงานบ้านนะมีเยอะแยะไป" ผมบอกนายคริสโตเฟอร์

      "เอาไว้รอเป็นพ่อบ้านให้ครูก่อนแล้วผมจะหัดทำนะครู" คริสโตเฟอร์หันมาพูดว่ารอเป็นพ่อบ้านให้ผมก่อน แอบชำเลืองตามอง คิดจะแย้งตำแหน่งพ่อบ้านจากผมงั้นเหรอ!!

      “ครูรับสมัครแต่แม่บ้าน จะเป็นไหม” ผมหันไปถามและยิ้มๆ มีทำท่าคิดและยิ้มอีกนะ อันนี้น่ากลัวสำหรับผม

      “ไม่ต้องคิดแล้วไม่เอา ทำเองดีกว่า” ผมพูดตัดบท และผมก็เอากระเป๋าไปหาที่วางเพราะว่าแค่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันแบบจริงๆ จังๆ ผมนี้ยังโดนจูบไปนับไม่ถ้วนถ้าเป็นขึ้นมานี้ ไม่อยากจะคิดเลยครับเขมชาติ!

      “ทำไมอะพี่เขม...กลัวผมเหรอ”

      “มาก!!” ผมพูดและ

      "ครูหิวไหมผมต้มมาม่าให้ ผมต้มมาม่าอร่อยนะครู" ผมหันไปมองหน้าคนที่บอกว่าต้มมาม่าอร่อย ผมว่าเด็กเล็กก็ต้มอร่อยนะถ้าอย่างนั้นนะ คริสฉีกยิ้มให้ผมก่อนจะเดินไปกรอกน้ำรินใส่กาต้มน้ำไฟฟ้า ส่วนผมก็จัดการหยิบเสื้อผ้าจากในกระเป๋าออกมาสวมใส่ไม้แขวนให้ดูเรียบร้อย

      "ครูแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้าผมก็ได้ครับ" คริสโตเฟอร์ละสายตาจากกาต้มน้ำร้อนหันมาบอกผม ผมพยักหน้า ผมเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของคริสก็ตู้เสื้อผ้าผู้ชายนะ มันก็จะรกเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ผมเห็นคริสโตเฟอร์สาละวนกับการต้มมาม่าให้ผมทาน คงจะอร่อยจริงอย่างที่เขาบอกแน่ๆ

         ผมจัดการเปิดตู้ค้างไว้และรื้อเอาเสื้อผ้าออกมาหมดเลย ผมเห็นว่าตู้เสื้อผ้าของเขามีลิ้นชักเยอะอยู่ผมคิดว่าจะเอาพวกเสื้อยืดพับใส่ไว้จะดีกว่าและว่าจะพับเรียงเป็นสีให้ด้วยจะได้หยิบได้สะดวก

      "ครูทำอะไรนะครับ" นายคริสโตเฟอร์หันมาถามผมด้วยน้ำเสียงที่ตกใจ

      "ครูจัดตู้ให้เธอไง" คริสโตเฟอร์เดินมาหาผม ผมหันไปมองหน้าเขาว่าผมอยากทำให้ เห็นเขาแบบนี้แล้วผมรู้สึกว่าเขาคงไม่ค่อยมีใครทำให้เหมือนเช่นผมแม่ผมทำให้ผมตลอดและผมก็เรียนรู้จากแม่รดาของผมนี้แหละ ผมเลยทำเองจนแม่ไม่ต้องมาทำให้ผมแล้ว

         แต่คริสโตเฟอร์ซิแม่เขาคงไม่มีเวลาที่ดูแลเขาเหมือนเช่นแม่ผม ต้องดูแลรีสอร์ตไหนจะลูกใหม่อีก ผมหันไปจัดการแยกเสื้อผ้าจะได้เป็นสัดเป็นส่วน เสื้อผ้าพวกนี้ของคริสโตเฟอร์ยี่ห้อดีทั้งนั้น จะว่าไปแม่เขานี้ก็ซื้อเสื้อผ้าให้คริสได้ทันสมัยดีเหมือนกัน เช่นพวก Shaps , Desel , Jaspal ผมเลือกแขวนเสื้อผ้าใส่ไปเที่ยวไว้อีกด้านและชุดนักเรียนของคริสโตเฟอร์ ถุงเท้าก็ม้วนจับคู่ให้เรียบร้อย กางเกงยีนก็พับเก็บให้อย่างเรียบร้อยเช่นกัน แม้กระทั่งกางเกงชั้นในอีกด้วย (แอบคิดนี้ตกลงใครเป็นแม่บ้านผมหรือหมอนั้นถ้าได้มาเป็นแฟนกันจริงๆ ฮาๆ)

      "ครูมาทานก่อนเถอะเดี๋ยวมาม่าอืด" คริสโตเฟอร์บอกผม ผมพยักหน้าเดี๋ยวค่อยมาจัดให้ต่อก็แล้วกัน ผมเดินมานั่งที่โต๊ะกลมเล็กๆ บ้านพักนักเรียนนี้ก็ดีเหมือนกันมันน่าอยู่กว่าหอพักหน่อยมีมุมเล็กๆ ไว้ทำอาหารง่ายที่ใช่ไมโครเวฟแต่ไม่มีเตาแก๊สแค่นั้น

      "อร่อยแน่นะ" ผมถามคริสโตเฟอร์ เขาต้มมาม่าสองห่อเอาไว้

      "ไหนเราบอกครูว่าไม่หิวไง"

      "ไม่อยากให้ครูนั่งกินคนเดียวผมรู้ว่านั่งกินคนเดียวมันเหงา" คริสโตเฟอร์พูด

      "ผมเลยต้องคอยออกไปกับเพื่อนตลอดไปอย่างนั้นแหละครู...ไปแค่ไม่ให้ตัวเองรู้สึกเหงาแต่จริงๆ " คริสโตเฟอร์พูด เขาก็ใช้ส้อมตักมาม่าทาน ผมก็นั่งทานไปด้วย

      "แม่เธอไม่มาหาเธอบ้างเหรอคริส"

      "แม่ผมนะแอบมาบ้าง...ผมเข้ากับพ่อเลี้ยงไม่ค่อยได้ครับครู...คงเพราะว่าผมไม่ชอบภาษาอังกฤษมั้งครับและผมก็มีปัญหากับทางโรงเรียนเรื่องนี้ประจำ ผมเกือบไม่จบม.ต้น จนแม่มาขอร้องให้ผมไปแก้ศูนย์ที่ติดอยู่ตั้งแต่เทอมแรก..แม่นะรักผมมากแต่แม่ก็รักสามีใหม่ของแม่ด้วย ผมรู้ว่าแม่ลำบากใจนะครับครู"คริสต์พูด ผมพยักหน้า

      "ดังนั้นเธอควรจะทำให้เธออยู่บนโลกนี้ได้ด้วยตัวของเธอเองคริส" ผมพูด ผมแตะที่หลังมือของคริสโตเฟอร์

      "มีอะไรที่ครูช่วยได้ครูยินดีนะและเต็มใจช่วยเราน่ะ " ผมพูดบอกนายคริสโตเฟอร์ เขาพยักหน้าเบาๆ ผมสองคนทานกันต่อและคริสโตเฟอร์ก็เป็นคนเก็บล้างเองผมกลับไปจัดตู้ให้คริสโตเฟอร์ต่อแยกว่าชั้นไหนใส่อะไร แยกเสื้อผ้าให้ดูเป็นสัดเป็นส่วน คริสโตเฟอร์เข้ามาช่วยผม พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ผมกับคริสโตเฟอร์ช่วยกันจัดจนเป็นระเบียบเรียบร้อยคราวนี้จะหยิบจับอะไรก็สะดวกแล้วซิ

      "ครูครับขอบคุณนะครับ ไม่เคยมีใครมาทำให้ผมแบบนี้เลย" คริสโตเฟอร์พูด ผมหันไปมองทำท่าจะร้องไห้ ไม่อยากจะเชื่อนะว่าดูเขาเหมือนเป็นคนที่แข็งที่ภายนอกแต่ภายในก็มีมุมที่เรียกว่าอ่อน ผมตรงเข้าไปกอด

      "ไม่เป็นไรอันไหนครูทำให้ได้ครูก็ทำให้นะ" ผมบอกคริส ผมเหลือบมองนาฬิกาข้อมือตัวเองมันเกือบจะห้าทุ่มแล้วด้วย

      "ครูอาบน้ำก่อนไหมครับเดี๋ยวผมอาบทีหลังครู" คริสโตเฟอร์ถามผม ผมพยักหน้าก็ดีนะ

      "ก็ได้คริส" ผมตอบตกลงว่าผมอาบน้ำก่อนผมเดินไปในห้องน้ำก่อนเลย ผมเห็นคริสโตเฟอร์กำลังเล่นมือถือตัวเองอยู่ที่นอนรออาบน้ำหลังผม ผมก็ปิดประตูแต่ว่ามันล๊อกไม่ได้นี้

      "คริสประตูห้องน้ำเธอมันล๊อกไม่ได้" ผมเปิดประตูโผ่หน้าออกมาถามคริส

      "ใช่ครับครูมันล๊อกไม่ได้ ทำไมเหรอครู" คริสโตเฟอร์ละสายตาจากมือถือขึ้นมาถามผม แล้วผมจะกล้าอาบเหรอครับ คนที่หันมามองผมทำหน้าได้เหมือนเป็นเรื่องที่ปกติของเขาแต่มันผิดปกติของผม

      "เออ...คือ.." ผมจะพูดยังไงดีแบบนี้ผมจะกล้าอาบน้ำไหม

      "ครูกลัวผมแอบดูเหรอครู ...ผมนะไม่ใช่พวกถ่ำมองนะ เพราะว่ามันมองเห็นไม่ชัด ผมชอบเปิดดูเลยครู.... เห็นแบบจะจะมันได้อารมณ์กว่าเยอะ" คริสโตเฟอร์พูดนั่นแหละที่ผมกลัวว่าหมอนี่นั้นแหละที่จะเปิดเข้ามาดูผมขณะที่ผมกำลังโป้ (ผมคิดในใจว่ามันยังไม่ถึงเวลาให้ดู)

      "ผมไม่เปิดเข้าไปหรอกครับครู...ผมรอให้ครูเปิดให้ผมดูดีกว่า..ตื่นเต้นกว่าเยอะ" ผมจะอมยิ้มดีใจทำไมและผมก็ปิดประตูห้องน้ำถอยหลังกลับเข้าไป ผมอาบน้ำเสร็จก็รีบแต่งตัวด้วยชุดนอนที่ผมสวมใส่ปกติ ชุดนอนกางเกงขายาว พอเสร็จเรียบร้อยก็รีบออกจากห้องน้ำคริสโตเฟอร์จะได้อาบน้ำต่อจากผม

      "เฮ้ย! " ผมร้องซะเสียงหลงถึงแม้จะมีผ้าเช็ดสวมพันกายอยู่ครึ่งท่อนก็เถอะ มันทำให้ผมใจสั่น

      "ครูตกใจทำไมละครับ" คริสโตเฟอร์ถามผม "หึๆ " แถมยังขำผมด้วยนะ

      "ว่าแต่ครูเถอะ ใส่มิดชิดขนาดนี้เลยเหรอครับเวลานอน" คริสโตเฟอร์ชี้ที่ชุดที่ผมสวมอยู่ ผมก้มลงมอง

      "ก็ใช่นะซิ.... ดังนั้นเธอไม่มีทางเห็นสัดส่วนของครูแน่นอน" ผมพูด หยักคิ้วให้ด้วย ว่าแต่ผมจะนอนเตียงไหนละ

      "ครูนอนเตียงไหนละคริส" ผมถามคริสโตเฟอร์เขาหันมามองหน้าผมและเบนสายตาไปที่เตียงนอนเขาไง

      "นอนเตียงผมไง เตียงเดียวกันนี่แหละทำไมเหรอครู"

      "เตียงเธอเล็กนิดเดียวนะ"

      "ผมกลัวไอ้โป้งมันว่าเอานะครูมันหวงเตียงมันครับครู แต่มันให้ไอ้ปันปันนอนได้คนเดียวแค่นั้น" คริสโตเฟอร์พูด ผมถึงกลับต้องกลืนน้ำลงคอเตียงนี้มันเตียงเดี่ยวนะถ้านอนสองคนผมว่าต้องก่ายกันนอนแล้วแหละมั้ง

      "ครูว่ากลับไปนอนบ้านครูดีกว่าคริส..คือครูไม่อยากเบียดเธอนะ"

      "ครู..จะทิ้งผมไว้คนเดียวจริงๆ เหรอ นี่ผมไม่ไปกับเพื่อนเพราะอยากอยู่กับครูนะ" คริสโตเฟอร์พูดผมหันมามองคริสโตเฟอร์ ทำยังไงละ เมื่อตอนบ่ายก็ทำผมซะกระเจิงไปพักหนึ่งแต่ว่าเอาวะเขมต้องผ่านไปได้คืนเดียว

      "โอเคครูนอนนี้ก็ได้...ก็แค่คืนเดียวเนอะ" ผมเห็นสีหน้าคริสโตเฟอร์ก็ไม่กล้าทิ้งเขาไป

      "ไม่แน่พรุ่งนี้ครูอาจจะติดใจก็ได้นะใครจะไปรู้ ....ฮาๆ” คริสโตเฟอร์พูดพร้อมกับหัวเราะชอบใจ ผมรีบหันไปหาอะไรปาตามหลังไปทันที และคริสก็เดินผิวปากเข้าห้องน้ำไป ทะลึ่งจริงๆ

      
        TBC...   
7
EP.35 ถ้าผมทำไม่ได้ให้คืนเจ๊กกันไป

 Part’ s เธียรวิชญ์ ผมหันหลังไปมองแพรวา ผู้หญิงที่โหวกเหวกโวยวาย ไม่ยอมเหมือนเด็กๆ ภาพนี้มันทำให้ภาพในอดีตที่ผ่านมา เด็กผู้หญิงน่ารักที่เคยวิ่งตามผมเล่นกับผม ต้องเล่นกับผมคนเดียวเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้เธอช่างดูน่ากลัว ผมหันมาเอาแขนไปดันบีมที่หันไปมองแพรวาให้เดินออก ผมรู้ว่าเขารู้สึกผิดแต่คนที่ผมอุ้มอยู่นี้ก็สำคัญกับผมมากเช่นกัน ผมเอามือลูบหัวเบาๆ และนี้ผมเลือกแล้วผมเดินออกโดยไม่สนใจเสียงโวยวายของเธอ

    “งั้นเรากลับกันเถอะม๊า ป๊าโทรมาถามแล้วและที่สำคัญ เราไม่ด้านพอค่ะม๊า” อาหลิวพูด

   “พี่เธียร!!! พี่ลงมาเดี๋ยวนี้น่ะ แพรวาไม่ยอม!! ฮือๆ พี่เธียร!!!” แพรวาจะเข้ามาหา ผมเองก็ไม่ได้หันกลับไปมองเธอ ผมต้องยอมใจร้ายบ้างแล้วเพื่อไม่ให้เสียสิ่งที่สิ่งที่สำคัญกับผม นั้นคือลูกและอีกคนที่ควรค่ากับคำว่าแม่ของลูกมากกว่าแพรวา

   "กูนี่อยากรู้ว่าใครมันจะโตเร็วกว่ากันระหว่างหลานกูกับแพรวา"ผมหันไปมองเจ๊ธามของผม

   "ตัวเหรอ" ผมถาม ผมหมายถึงตัวโต

   "สมองค่ะมึง แต่ดูดูจากอาการแล้ว กูว่าหลานกูยังมีความคิดมากกว่านางอีก "เจ๊ธามพูดก่อนจะเดินแซงผมไปเพื่อจะกลับห้องตัวเอง ไม่มีอยากอยู่ตรงนั้นเลยสักคน

      “แพรวา” เสียงแม่ของแพรวาเรียกเธอ

      “คุณแม่คุณพ่อ แพรวาไม่ยอมนะคะ แพรวาไม่ยอม พี่เธียรทำแบบนี้กับแพรวาไม่ได้ ฮือๆ คุณแม่คุณพ่อ ทำอะไรสักอย่างซิคะ แพรวาไม่ยอมให้พี่เธียรกับไอ้บ้านั้น ต้องเป็นแพรวาคนเดียว ฮือๆ ” ผมสั่นหัวให้บีมว่าอย่าไปฟังและผมก็ปล่อยให้พ่อแม่ของเธอจัดการกับลูกสาวของเขาเองและผมก็เชื่อว่าป๊ากับม๊าผมจะจัดการมันได้ดีกว่าผมแน่นอน อย่างน้อยพ่อของแพรวาก็น่าจะเกรงใจป๊าผมบ้าง ผมอุ้มเจ้าลูกโซ่ ที่ดูท่าจะง่วงแต่ไม่ยอมนอน ชี้นั้นชี้นี้ใหญ่เลย

      "อะ อะ อะ " นั้นชี้จะเอาของสะสมของผมแต่ว่ามันชิ้นเล็กไปผมกลัวติดต่อลูก

     "ไม่ได้ลูกโซ่ เอาไว้โตก่อนน่ะ ป๊าจะให้นะครับ" ผมบอกลูกโซ่ ผมหันมาเห็นสายตาบีมทีเผลอมองผมอยู่และนานไปหน่อย พอผมหันไปมองบีมแต่เขากับหันหนีหน้าหนีผมซะนี่

     “มี๊เขาเขินป๊า ดูซิหันหน้าหนีป๊าด้วย” ผมบอกเจ้าลูกโซ่ บีมสะบัดหน้ามองผมทันทีและทำท่าจะอ้าปากด่าผมแน่ๆ

     “มะ มะ มะ” ลูกโซ่ควักมือเรียกบีมเข้ามาหาผม ผมค่อยๆ ดึงแขนบีมเข้ามา ภาพเราสามคนที่สะท้อนกระจกเงาในห้องนอนของผม มันคือสามคนพ่อแม่ลูก ผมมองบีมผมยิ้มให้บีมแต่เขาก็ไม่ได้ยิ้มตอบผม ผมรู้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลา

            ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนที่เข้ามาขัดจังหวะผมสามคน ผมเดินย้อนไปเปิดพร้อมกับลุ้นว่าใครกันน่ะ อย่าบอกน่ะว่าแพรวาตามขึ้นมาน่ะ และตอนนี้ผมก็อุ้มลูกโซ่ติดมือไปด้วย พอเปิดประตูออกไป คนนั้นคือเฮียธี ผมนี้ค่อยโล่งอกไปหน่อย แต่ว่าไอ้เจ้าลูกโซ่กับยื่นมือไปจะจับปลายจมูกเฮียธีทันทีเช่นกัน แต่เฮียก็ไวกว่า รีบคว้านจับมือหลานเอาไว้ซะก่อน

     “แม้มุกเดิมๆ “เฮียธีพูดและยังทำท่าจะงับมือหลานเล่น

     “เอิ้กๆ “เจ้าลูกโซ่หัวเราะชอบใจใหญ่เลย ผมรู้ว่าพี่ธีชอบเล่นกับเด็กๆ เห็นเด็กไม่ได้ต้องเข้าไปหยอกเล่น

   “เฮียจะไปรับแฟนเฮียน่ะ พี่มิวนะครับบีม เฮียบอกมิวว่า เรามีหลานแล้วมิวตื่นเต้นน่าดู และมิวก็เดาถูกซะด้วยว่าลูกน้องบีม “เฮียธีพูด ผมถึงกับต้องทำสีหน้าแปลกใจ

   “ก็พอดีวันนั้นพี่ไปส่งน้องบีมเขาที่ไปรับเจ้าแสบ มิวเขาทักพี่ตลอดทางเลยว่าหน้าคุ้นๆ เหมือนคนในครอบครัวเฮียแน่ๆ ที่ไหนได้เป็นหนุ่มหล่อของบ้านเรานี้เอง “เฮียธีพูด

   “บีมจะเอาอะไรไหม พี่มิวเขาเป็นร้านขายยาน่ะ พี่มิวจะได้เอามาให้” ผมหันไปถามบีม

   “คงต้องเป็นขวดนมน่ะครับพี่ธี” บีมพูด

   “เรียกเฮียเหมือนเธียรวิชญ์ได้แล้วน่ะมาเป็นน้องสะใภ้เฮียแล้วน่ะ” เฮียธีพูด บีมหันมามองผม ผมพยักหน้าว่าเรียกเฮียธี

   “ครับเฮียธี” บีมพูด

   “และอีกอย่าง นมผงครับ ผมให้น้องทานนมแพะอยู่ครับ และก็แพมเพิสเด็กน่ะครับ ไซส์ 3 ครับ” บีมหันไปบอกกับเฮียธี

   “จัดให้ครับ “เฮียธีพูดก่อนจะหันมาจับปลายจมูกหลานแทน

   “เฮีย…แพรวากลับไปยัง” ผมถามเฮียธี

   “ไปแล้ว แต่กว่านางจะยอมไปได้น่ะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นร่ำไห้ใจจะขาด และพ่อเขาดูท่าจะไม่พอใจป๊าด้วยว่ะ อันนี้เริ่มซีเรียสว่ะ เพราะว่าป๊ากับลุงธรรมรัตน์น่ะไม่เคยผิดใจกันมาก่อนเลยน่ะ “ผมพยักหน้ากับเฮีย แบบเซ็งๆ และหนักใจไปพร้อมๆ กัน

   “งั้นเฮียไปน่ะ จะรีบไปรับมิวก่อน รอนานเดี๋ยวนางเหวี่ยง และที่เหวี่ยงไม่ใช่ว่าเหวี่ยงกูไปรับช้าน่ะเพราะว่าจะรีบมาดูลูกมึงนี้แหละ” เฮียธีพูดก่อนจะปิดประตูลง ผมหันมามองบีม ผมเดินเข้ามามองเขา

   “อาบน้ำก่อนไหมบีม” ผมถามบีม บีมนั่งลงบนเตียงนอนของผม บีมมองหน้าผม เหมือนเขากำลังใช้ความคิดอยู่

   “พี่ให้ผมอยู่ในฐานะอะไรอ่ะ แค่แม่ของลูกพี่หรือเปล่า” บีมถามผม

   “เออ คือ พี่ พี่ยอมรับว่าใช่ในตอนนี้ แต่มันอาจจะมีมากกว่านั้นก็ได้น่ะ พี่เชื่อที่อาม่าของพี่ ที่บอกกับพี่ว่า บางที่ไม่จำเป็นต้องรักกันมาก่อนแต่ถ้าหลังจากนี้ไปแล้ว ถ้าบีมพร้อมจะเริ่มต้นใหม่กับพี่ พี่ยินดีที่จะปรับปรุงตัวเองน่ะ และพี่เชื่อว่า “ผมพูด บีมมองหน้าผมแบบไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่

   “บีมคือคนที่พี่รอ “ผมพูด

   “พี่เชื่อจากอะไรอ่ะ ในเมื่อวันแรกที่ผมเจอพี่น่ะ พี่ยังไม่พอใจผมที่ผมทำเหล้าหกใส่พี่เลย” บีมพูด ผมเดินมาหยุดตรงหน้าบีมและวางเจ้าโซ่ลงบนตักบีม ก่อนจะย่อตัวลง แววตาที่ใส่ซื่อของบีมและลูกโซ่มองมาที่ผม นั้นแปลว่าลูกโซ่ได้วงตาสวยงามนี้มาจากบีม มันช่างเหมือนกันจริงๆ

   “พี่ขอโทษ เออ คือ คือว่าวันนั้นน่ะ พี่โดนป๊าพี่ด่าน่ะ ด่าเยอะที่สุดพี่เลยหงุดหงิด และพี่ก็เห็นเรา พี่ก็คิดว่าเป็นพวกนั่งดิ้งทำเพื่อเงิน อยากได้แต่เงินอะไรแบบนี้ พี่ขอโทษ พี่รู้สึกผิดตอนตลอดน่ะ พี่ถึงได้พยายามให้ไปส์ไปตามหาที่ผับนั้นแต่ว่าผู้จัดการไม่ยอมบอกอะไรเลย “ผมพูด กับบีม

   “แต่จริงผมไม่ใช่เด็กนั่งดิ้งน่ะ” บีมพูด ผมเงยหน้าขั้นมองบีม ผมขมวดคิ้วจนเป็นปม

         ก๊อก ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะประตูห้องนอนของผมอีกครั้ง ผมหันไปก่อนจะเปิดประตู ผมเปิดประตู คนที่มาคือม๊าของผมเอง ม๊าเดินมาพร้อมกับถือกล่องมาหนึ่งกล่อง ก่อนจะเดินเข้ามาในห้อง

   “ม๊าไปค้นเอาเสื้อผ้าเจ้าเธียรในตู้มาน่ะ ตั้งแต่ตอนเล็กๆ ม๊ายังเก็บเอาไว้ บางชุดยังใหม่อยู่เลยน่ะพอจะใส่ไปก่อนได้ไหมล่ะบีม “ม๊าผมพูดก่อนจะวางกล่องนั้นลง บีมเปิดดูและหยิบเสื้อผ้าชุดเด็กเล็กมาดู ม๊ามองเจ้าลูกโซ่ที่กำลังช่วยบีมรื้อเสื้อผ้าในกล่องออกมาดูเอง เขาหันมาเอียงคอมองม๊าผมแถมยังหลับตาข้างหนึ่ง เอียงคออีกทีและหลับตาอีกข้างสลับกันแบบนี้จน

   “หึๆ ทะเล้นนะเราน่ะ ทะเล้นเหมือนป๊าเราไม่มีผิดเลยน่าและที่แน่ๆ อาม่านี้แหละจะหลงเจ้าคนแรก” ม๊าผมพูดปนหัวเราะ

   “เธียร ป๊าเรียกไปคุยที่ห้องทำงานน่ะ และอย่าเถียงป๊าล่ะเพราะว่าป๊าเขาอาบน้ำร้อนมาก่อน เข้าใจไหมเธียร ป๊าแนะนำอะไรก็ฟังเอาไว้น่ะเธียรน่ะ “ม๊าหันมาบอกกับผม ผมยอมรับว่าผมเป็นลูกชายคนที่สี่ ที่ดื้อที่สุดของป๊าเลยก็ว่าได้ ผมหันไปพยักหน้าเบาๆ กับม๊า ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปและก่อนที่ผมจะปิดประตูผมได้ยินเสียงคุยกันของแม่ผมกับบีมแม่ผมอยากมีหลานแต่ด้วยความที่บ้านของผมยุ่งมากพี่ๆ เลยยังไม่พร้อม และผมก็ปล่อยให้แม่สามีกับลูกสะใภ้เขาคุยกันตามลำพัง เพื่อบางทีแม่ผมกับบีมอาจจะคุยกันเข้าใจมากกว่าผม

      ก๊อก ก๊อก ก๊อก ผมเคาะประตูห้องทำงานของป๊า ผมจับลูกบิดก็พบว่าประตูไม่ได้ล๊อกนั้นแปลว่า ป๊าคงนั่งรอบ่นผมอยู่แล้วแน่ๆ เลย ผมเปิดประตูเข้าไปทันที ป๊านั่งลงอยู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผม สายตาของป๊า ที่ไม่เคยภูมิใจในตัวลูกชายคนเล็กคนนี้เลยสักนิด มีแต่เรื่องมาให้ป๊า

   “นั่งลงซิเธียร” ป๊าพูดผมก็นั่งลง

   “แล้วทำไมถึงได้ปล่อยให้มันนานแบบนี้ ละเธียร” ป๊าถามผม

   “ผมไม่รู้ว่าเขาจะท้อง และถึงตอนนั้นผมจะไม่ตั้งใจแต่ตอนนี้ผมตั้งใจป๊า ตั้งใจที่จะรับผิดชอบเขาน่ะป๊า” ผมพูด ป๊าก็วางปากกาลงพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าผม

   “จะรับผิดชอบเขา ดูเราซิ จะดูแลเขาได้ไหม ยังเหลวไหลอยู่เลยน่ะเธียร”

   “และเด็กคนนี้เจ๊กกันของเรา มันก็เป็นคนเอามาฝาก ป๊าดูก็รู้ว่ากันมันต้องคิดอะไรด้วย ไม่อย่างนั้นกันมันจะไปทำหน้าที่ดูแลเขาหรอกเธียร” ป๊าผมพูด ผมทำได้แค่หลุบตาลง

   “แถมเด็กที่มันอุตส่าห์ดูแลมา ก็ดันเป็นลูกหลานชายมันอีกเองอีก “ป๊าผมพูด ผมรู้ว่าป๊าก็รักน้องชายของป๊าน่ะ

   “แล้วป๊าคิดว่าผมควรจะยกลูกเมียผม ให้กับเจ๊กตัวเองเหรอครับ เพราะว่าเขาดูแลได้ดีกว่า ทั้งที่ผมยังไม่ได้ลองเลยป๊า” ผมถามป๊าผม

   “ก็ถ้าอยากดูแลเขา ก็ทำให้ป๊าและม๊าเห็นว่าเราจะดูแลเขาได้ การจะเป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ต้องแบกรับภาระต่างๆ มันไม่ง่ายน่ะเธียร “ผมหลุยตาลง

   “ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลโรงเรียนที่ป๊าให้แกทำตอนนี้ให้ดี ถ้าแกทำได้นั้นก็แปลว่าแกพร้อมจะดูแลเขา แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็ต้องคืนอากันเขาไปทั้งหมด” ป๊าพูดก่อนจะ โบกมือให้ผมออกไปได้แล้ว ป๊าจะทำงานต่อ

   “ป๊า ป๊าเคยถามเธียรไหม ว่าเธียรอยากเรียนอะไร” ผมเงยหน้าขึ้นถามคนตรงหน้า

   “ป๊ารู้ รู้ว่าเธียรอยากเรียนอะไร ไม่อย่างนั้น มึงจะหนีกวดวิชาไปเรียนวาดภาพแทนเหรอ และแอบไปเรียนจนอาก๋งจับได้ และสุดท้าย ไอ้กันที่มันตามรับตามส่งเรา น่ะโดนอาก่งด่าแทน “ป๊าพูด ผมยอมว่าจริงๆ

   “ผมไม่อยากทำงานด้านการบริหารอ่ะป๊า กว่าผมจะเรียนสิ่งที่ผมไม่ชอบจนจบอ่ะป๊า มันยากมาเลยน่ะป๊า” ผมพูดป๊าหันมามองหน้าผม

   “แต่นี้มันธุรกิจบ้านเราเธียร!! ธุรกิจที่อาก๋งพยายามทำมาเพื่อเป็นสมบัติของครอบครัวเราและมันก็เป็นมรดกตกทอดมา”

   “และตอนนี้เราก็ไม่มีแค่ตัวคนเดียวแล้วเธียร เรามีลูกเพิ่มมาอีก และมีแม่ของลูกอีก ถ้าไม่ทำอันนี้จะไปทำอะไรเธียร!! “ป๊าถามผม

   “ป๊าก็ยังคิดเสมอว่าผม ไม่เคยเป็นลูกที่เอาไหน ไม่เก่งเหมือนลูกทุกคนที่ป๊ามีอยู่ดี” ผมพูดก่อนจะลุกขั้นด้วยน้ำเสียงที่น้อยใจป๊า

   “ก็ทำให้ป๊าเห็นซิเธียร ว่าเธียรยืนได้ด้วยลำแข้งตัวเองได้และถ้านายทำได้นั่นแหละ มันจะเป็นความภาคภูมิใจของเธียรเองไม่ใช่แค่ป๊ากับม๊า และลูกเราที่จะมองเราคือแบบอย่างในอนาคตเธียร “ป๊าพูดแค่นั้น ก่อนจะก้มลงเซนต์เอกสารต่อ

TBC...
8
EP.34.1 พาลูกเมียเข้าบ้าน (ครึ่งหลัง)

        Part's เธียรวิชญ์  แพรวาถามผมต่อหน้าทุกคน ผมหันไปมองหน้าเธอ เธอนี้นิสัยเสียไม่เปลียนเแปลงเรื่องชอบหักหน้าคนอื่นแบบนี้ แต่ผมคิดว่าคนที่จะให้คำตอบไ้ด้ดีที่สุดในตอนนี้คือเจ๊กกันของผม ผมหันไปมองเจ๊กกันว่าเขาจะพูดยังไงกับเรื่องนี้ ถ้าเขาพูดว่ามันคือเรื่องจริงนี้เขาก็ทำร้ายบีมทางอ้อมเช่นกัน

“ว่าไงล่ะ กัน ที่แพรวาพูดน่ะ เรื่องจริงหรือ? “ป๊าผมหันไปถามอากันตภณทันที

   “ใช่ครับเฮีย มีคนในมหาวิทยาลัยพูดกันแบบที่แพรวาพูด แต่ว่าบีมเขารับทำวิทยานิพนธ์ครับ และผมก็เป็นคนแนะนำเขาทำรายงานเพื่อหาค่าเรียนหนังสือเขาเลยมาปรึกษาผม” เจ๊กกันพูดกับป๊าของผม

   “บีมเขาทำงานส่งตัวเองเรียนครับ” เจ๊กกันพูด ผมหันมามองบีม

   “และคงไม่มีใครกล้าทำเรื่องน่าอับอายเพื่อประจานตัวเองในห้องที่มีอาจารย์นับสิบคนแบบนั้นหรอกมั้งแพรวา “เจ๊กกันพูด แพรวาหันไปมองหน้าเจ๊กกัน เธอยืนกำหมัดแน่น

   “และทุกครั้งที่บีมมาหาผม เขาก็มาในเวลาที่มีอาจารย์เขานั่งกันอยู่ตลอด” อากันพูด ตอนแรกแพรวาก็ยิ้มเยอะแต่ก็ต้องหุบยิ้มแทบไม่ทัน

   “นี้เราทำงานส่งตัวเองเรียนเหรอลูก แล้วพ่อแม่ล่ะบีม” ม๊าผมถามบีม

   “พ่อผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุได้เจ็ดขวบครับ และพ่อผมเป็นคนอังกฤษครับ พอแม่ผมแต่งงานใหม่ ท่านก็ส่งผมมาอยู่ที่ไทยกับยาย แต่พอยายผมเสีย ผมก็ไปอยู่คอนโดที่แม่ผมซื้อเอาไว้สำหรับมาพักผ่อนครับ ผมต้องอยู่กับพี่ข้างห้องเขาช่วยดูแลผมอยู่หลายปีครับ” บีมตอบ ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้ของบีมมาก่อนเลย บีมหันมามองหน้าผม ผมคว้ามือบีมมาบีบไว้ ผมรู้สึกผิดในคืนนั้นมากจริงๆ ที่ผม พูดไม่ดีใส่บีมด้วยตอนแรก บีมหันมามองหน้าผมก่อนจะค่อยๆ ดึงมือเขาออก

   “ผมเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าตัวเองจะเป็นแบบนี้ แม่เพิ่งจะบอกกับผมว่า เรื่องทั้งหมดเป็นเพราะว่าพ่อผมที่เป็นนักวิทยาศาสตร์แต่เขาทำอะไรกับผมบ้าง ผมไม่เคยรู้หรอกครับจนกระทั่ง ..” บีมพูดก่อนจะหันมามองผมกับเจ้าลูกโซ่

   “แกจะบอกว่าแกท้องและพี่เธียรต้องรับผิดชอบแกอย่างนั้นเหรอ “แพรวาลุกขึ้นอีกครั้ง ทุกคนหันไปมองเธออย่างเอือมระอา

   “แพรวาใจเย็นนั่งลงก่อนได้ไหมแพรวา “ม๊าของผมพยายามใช้น้ำเย็นเข้าลูบเพื่อให้แพรวาใจเย็นลง แต่ผมว่าน้ำอะไรก็เอาแพรวาไม่อยู่แล้วแหละ เธอเอาแต่ใจจนใครๆ ก็เอือมระอาไปหมด

   “ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องไปรับผิดชอบเลย ก็แค่ท้องในคืนเดียวและที่ได้กับพี่เธียรน่ะ เขาวางยาพี่เธียรหรือเปล่า ทำเหมือนในละครน่ะ ใช่ไหม แกทำแบบนั้นใช่ไหม” แพรวาพูดแต่บีมน่ะหันมามองหน้าผม

   “ผมโดนวางยาจริง “ผมพูด

   “นั้นไง มึง…มึงกล้าวางยาพี่เธียรของฉันเหรอ” แพรวารีบพูดต่อทันทีและทำท่าจะเข้ามาทำร้ายบีมแต่ อาโกวหงส์หันไปยิ่งสายตาที่บ่งบอกว่าจะเริ่มหมดความอดทนแล้วน่ะ ป๊ากับม๊าถึงกับออกอาการตกใจทันทีได้ยินว่าผมโดนวางยา

   “แต่ไม่ใช่บีมเป็นคนวางยาผม แต่บีมก็โดนเช่นกัน ผมยอมรับว่าผมทำลงไปทั้งที่ไม่มีสติในตอนนั้น ไม่ใช่แค่ผมทั้งคู่ แต่สิ่งที่ผมคืนนัน ทำให้บีมต้องพบเจออะไรต่างๆ มากมาย ที่เข้ามาทำร้ายจิตใจบีมและผมเองที่ไม่รู้และไม่ได้อยู่ดูแลบีม จนบีมคลอด” ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม

   “และเหตุการณ์วันนั้น ผมเองที่ขี้ขลาด ตอนนั้นผมตกใจและขี้ขลาดเกินไปจะยอมรับใส่สิ่งที่ตัวเองทำลงไป จนกระทั่งผมได้เห็น ลูกผมอ่ะป๊า ผมเลย…” ผมพูด

   “ถ้าอย่างนั้น เราจะทำยังไงกับเรื่องนี้เธียร” ป๊าถามผม ผมหันไปมองบีม

   “ผมจะรับผิดชอบบีมและลูก” ผมพูด

   “มันก็แค่ท้องอ่ะ พี่ต้องรับผิดชอบมันเลยเหรอ ทำไมเหรอคะ ไม่เห็นจะต้องรับผิดชอบเลย พี่แค่เอาเงินโยนให้มันไปสักแสนสองแสนแค่นี้เอง ง่ายจะตาย” แพรวาลุกขึ้นพูดอีกครั้ง ป๊าผมลุกขึ้นเช่นกันและเดินออกไปผมไม่รู้ว่าไปไหน

   “แกจะเอาเท่าไหร่นังบีม บอกฉันมา พ่อฉันรวย ฉันให้แกเอง ออกไปจากชีวิตพี่เธียรซะ “แพรวาพูดแต่บีมที่นั่งเฉยมากก่อนจะหันไปมองแพรวา

   “เขาเป็นคนพาผมเข้ามานะครับ ผมไม่ได้เดินเข้ามาเองนะครับคุณแพรวา” นี้คือคำพูดแรกที่บีมหันไปพูดกับแพรวา

   “ผมไม่ได้เสนอตัวเข้ามาเพื่อมาเรียกร้องอะไร ผมว่าคุณเข้าใจผิดแล้วนะครับ” บีมพูดโดยไม่ได้มองหน้าแพรวา

   “ฉันไม่เชื่อ!! “แพรวาพูด

   “พี่เธียรอย่าไปรับผิดชอบมันน่ะ พี่เธียร แพรวารักพี่มากนะคะ แพรวามาก่อนมันนะคะ พี่เธียร ถ้าพี่อยากมีลูกแพรวาก็มีให้ได้นะคะ เอาให้น่ารักกว่ามันอีกนะคะพี่เธียร “แพรวาหันมาอ้อนผมแทน ผมหันไปมองเธอ ผมมองภาพแพรวาที่จะเป็นแม่ไม่ออกเลยจริงๆ

   “แพรวา ที่เธอพูดมันก็ไม่ถูกน่ะ ลองคิดกลับกันดูบ้างซิ ถ้ามีคนมาทำให้เธอท้องเหมือนบีมและแทนที่จะรับผิดชอบกลับบอกว่าเธอก็แค่ท้องล่ะ พูดว่าไม่เห็นจะต้องรับผิดชอบเธอเหมือนกัน เธอจะรู้สึกยังไงล่ะแพรวา และนี่เธียรเขาก็ตัดสินใจของเขาแล้วว่าจะรับผิดในสิ่งที่เขาทำลงไป เธอควรจะยอมรับน่ะ” โกวหงส์พูด

   “แต่พี่เธียรคือของแพรวา!! แพรวาคนเดียวเท่านั้น!! “แพรวาพูด

   “พี่ไม่เคยบอกว่าพี่เป็นของแพรวาครับ” ผมหันไปบอกเธอ บีมหันมามองผมด้วยเช่นกัน แพรวามองผมก่อนจะหันไปมองรอบๆ

   “คุณน้าค่ะ คุณน้องต้องบอกพี่เธียรว่าไม่เอานังนี้มาเป็นสะใภ้นะคะ ตำแหน่งสะใภ้ต้องแพรวาค่ะ” แพรวาพูด ผมหันไปมองหน้าเธอ แต่ล่ะคนส่ายหัวกันหมดแล้ว

   “คุณน้าจะให้พี่เธียรตัดสินใจแบบนี้ไม่ได้นะคะเพราะว่าพ่อแพรวาไม่ยอมแน่ๆ และที่สำคัญ คุณน้ากับคุณอาคงลืมไปว่าตระกูลของแพรวาเคยช่วยตระกูลคุณน้ามาก่อน และอากงของแพรวากับอากงของพี่เธียรก็เคยบอกว่าพี่เธียรต้องแต่งงานกับแพรวาเหมือนกัน “แพรวาขุดเอาเรื่องนี้มาพูดทันที โกวหงส์นี้กุมขมับทันที

   “ฉันก็คงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกแพรวาเพราะว่าฉันเป็นแม่ ให้ฉันไปบังคับเขาแบบนั้นก็คงไม่ได้ ถ้าเขาไม่ได้ต้องการจะเลือกเธอน่ะ ฉันเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกได้แค่ตัวแต่หัวใจนี้คือของเขาแพรวา เขาจะให้ใครมันก็เป็นสิทธิ์ของเขา “ม๊าหันมาพูดกับแพรวา ทั้งที่ไม่เคยพูดแบบนี้มาก่อน พ่อผมเดินกลับมาพอดี

   “เท่าที่พี่จำได้นะแพรวา อากงน่ะพูดตั้งแต่ตอนที่เธอพึ่งจะห้าขวบได้มั้ง ไว้ไปหน่อยนะ ที่อยากจะมีผัวตั้งแต่อายุห้าขวบนะครับ” เฮียธามพูด

   “เฮีย ม๊ามอง” เฮียธันสะกิดเฮียธาม เฮียธามหันไปมองม๊า ที่มองพร้อมกับควันที่กำลังพวยพุ้งออกมา

   “แพรวา ไอ้เธียรนะมันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของเธอน่ะ พี่ว่าเธอควรจะไปทำตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่มากกว่านี้จะดีกว่า พูดมาได้ยังไง ว่าเธียรคือของแพรวา ทั้งที่มันไม่เคยบอกเธอเลยน่ะว่า มันอยากเป็นอย่างที่เธอนั่งฝันกลางวันเอาเอง หรือที่เขาเรียกกันว่าโรคมโน คิดเองเออเองอยู่คนเดียว ไปปรับทัศนคติมาใหม่นะครับคุณน้อง!! “พี่ธามพูดก่อนลุกขึ้นและเดินออกไปเป็นคนแรก คงเบื่อที่จะฟังความงี่เง่าของแพรวา ผมก้มลงมองเจ้าลูกโซ่เห็นเงียบๆ เหลือกตาขึ้นมองผมและหันไปมองแพรวาก่อนจะรีบหันมาซุกอกผม ส่ายหัวด้วยไม่ว่ารำคาญเหมือนกันหรือว่ากลัวกันแน่ บีมมองลูกโซ่ก่อนจะปล่อยให้เขามาผม

   “งั้นผมพาบีมกับลูกขึ้นห้องผมก่อนนะครับม๊า เพราะว่าลูกโซ่ดูท่าจะง่วงแล้ว” ผมเองก็เบื่อที่จะพูดกับคนไม่รู้เรื่องอย่างแพรวา ผมพยักหน้ากับบีม บีมก็ทำท่าจะลุกเช่นกัน ผมอุ้มลูกโซ่ขึ้นพร้อมกับพยักหน้ากับบีมว่าไปพักดีกว่า

   “ไม่ได้น่ะ พี่จะไปกับมันไม่ได้พี่จะให้มันนอนบ้านเดียวกับพี่ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้!!!!” แพรวากรีดร้องอย่างคนเสียสติ

   “ได้ครับแพรวา เพราะว่าบีมคือว่าที่ภรรยาของพี่ “ผมพูด บีมหันมามองหน้าผม

   “และพี่ก็.... เอาแหวนของพี่ให้บีมไปแล้ว” ผมหันไปบอกแพรวา

   “อ้าว! ถ้าอย่างนั้นเราก็ขอบีมเขาแต่งงานไปแล้วซิ แหวนวงศ์ตระกูลน่ะ ถ้าให้ใครนั้นแปลว่า เราเลือกบีมแล้วใช่ไหม” โกวหงส์พูด ผมหันไปพยักหน้าว่าผมเลือกบีม ผมใช้ฝ่ามือผมสอดเข้าไปและกุมมือบีมเพื่อจะพากันขึ้นบ้านผม

   “ไม่จริงอ่ะ! พี่บอกว่าพี่ทำหายไม่ใช่เหรอคะ” แพรวาถามผม

   “พี่โกหกแพรวา “ผมหันไปบอกแพรวา

   “บีมเอาแหวนออกมาซิ “ผมบอกบีม บีมมองหน้าผม

   “แหวนน่ะบีม” ผมกระซิบอีก เขาก็พึ่งจะนึกขึ้นมาได้เลยหยิบออกมาจากสร้อยคอที่ห้อยอยู่

   “ชัดเลย! ยินดีด้วยครับคุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้” พี่ธันพูดพร้อมกับชี้นิ้วมาที่บีม

   “ไม่จริง!! นั้นมันต้องเป็นของฉัน เอาคืนมาน่ะ” แพรวาทำท่าจะก้าวเท้ามาหาบีมแต่ผมก็ต้องกันบีมออก และจู่ๆ แพรวาก็ล้มลงเพราะสะดุดเท้าอาหลิงลงไปกอง

   “เออ โทษน่ะ ไม่ตั้งใจน่ะ” อาหลิวพูดแต่ผมรู้ว่าเธอตั้งใจ แพรวาลุกขึ้นมาได้ ก็หันไปมองอาหลิวด้วยสายตาที่แสดงความพอใจ แต่อาหลิวก็ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ป๊าผมเดินออกมาพอดี ป๊ามองผมและพยักหน้ากับผมนั้นคือให้ขึ้นบ้านไปก่อน ป๊ากระซิบกับม๊า

   “พอ พอ พอได้แล้ว! “ม๊าผมลุกพรวดขึ้นยกมือห้าม

   “พ่อแม่เธอจะมารับแล้วแพรวา กลับไปตั้งสติตัวเองให้ดีดี ไม่ใช่เอาแต่โวยวายแบบนี้ เธอไม่ใช่เด็กสองสามขวบแล้วน่ะ ที่โวยวายแล้วจะได้ทุกอย่างที่เธอร้องจะเอาและก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะมาร้องอยากได้เหมือนเด็กๆ เหมือนกันนะแพรวา” ม๊าผมพูด

   “และที่เมื่อก่อนเธอทำได้เพราะว่า เธอน่ะคลุกคลีกับครอบครัวน้ามาตั้งแต่เด็ก เมื่อก่อนก็วิ่งตามพี่เธียร และน้าก็เห็นว่าเราน่ะ เป็นลูกคนเดียว ส่วนเธียรก็ไม่อยากให้เธอเอาแต่ร้องไห้งอแง ก็เลยยอมแต่นี้เธอโตแล้วแพรวา เธอควรจะรู้ได้แล้วว่า สิ่งที่เธอทำน่ะ มันใช้ไม่ได้แล้วน่ะที่ เธอควรจะรู้ได้แล้วว่าสิ่งที่เธอทำอยู่ตอนนี้มันสมควรหรือไม่สมควร แพรวา!! “ม๊าผมพูด ปกติม๊าผมเป็นผู้หญิงเรียบร้อย ไพเราะอ่อนหวาน ม๊าเป็นคนที่เก็บอาการโมโหได้ดีมากมาตลอด แต่วันนี้เล่นเอาพวกผมแม้กระทั่งป๊าผมเองก็ยืนอึ้งไปตามๆ กัน

   “ม๊า” ป๊าผมเองยังไม่อยากจะเชื่อเลย โกวหงส์ก็ยังงงเลยที่เห็นมาผม ของขึ้นกับเขาเหมือนกัน

   “อุ้ยตาย!! ขอโทษนะป๊า” ม๊าผมพูด

   “ใครทำม๊าเราเปลี่ยนไป” เฮียธีพูด

   “ไม่รู้แต่ที่แน่ๆ ชอบ…กดไลฟ์” เฮียธีพูดต่อ

   “มันใช่เลย งั้นกดแชร์” เฮียธันอีกคน ม๊าหันขวับไปมองพี่ชายสองคนของผม ถึงกับหดเป็นแถว

   “เธียรพาบีมและลูกไปพักเถอะ โกวจะกลับแล้ว ไปอาหลิว เดี๋ยวไม่ได้กลับกันพอดีมืดค่ำซะก่อน” โกวหงส์พูดก่อนจะลุกขึ้นเช่นกัน

   “ธีไปรับมิวหรือยังล่ะจะได้มาทานอาหารเย็นด้วยกันเลย “ม๊าหันไปมองเฮียธี เฮียธีพยักหน้าว่าไปดีกว่า

         “ไปฟิตร่างกายดีกว่าจะได้เล่นกับหลาน” เฮียธันพูด ลุกขึ้นมาแตะหัวเจ้าลูกโซ่เบาๆ

   “ไม่แพรวาจะไม่กลับ แพรวาจะอยู่ทีนี้!! ไอ้นี่อยู่ได้แพรวาก็อยู่ได้ ให้มันรู้ไปว่าใครด้านกว่ากัน” แพรวาพูด เธอทำท่าจะไม่ยอมกลับ พฤติกรรมแบบนี้เธอเป็นมานานแล้วและทุกครั้ง แม่ของเธอมักจะเป็นคนขอร้องให้ยอมเธอหน่อยเพราะว่าตอนเด็กๆ เธอสุขภาพไม่ค่อบแข็งแรงและเธอเป็นลูกคนเดียว ที่ทำให้น้านิดาต้องคอยตามใจเธอมากเป็นพิเศษ จนถึงตอนนี้

9
EP.13.1หรือจะเป็นผมเองที่กำลังนอกใจ

 Part’ s เขมชาติ  ผมเดินกลับออกมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัวส่งให้คริสโตเฟอร์เขาก็รับไปเช็ดตัวและเช็ดผมที่เปียก ผมก็รีบเดินกลับเขาไปในห้องนอนถอดเสื้อผ้าที่เปียกออกเช่นกัน นุ่งผ้าเช็ดตัวพันกายไว้เฉยๆ ตาก็มองหาเสื้อผ้าตัวไหนจะให้คริสโตเฟอร์ใส่ได้ คงต้องเป็นเสื้อยืด

   "ครู….ผมครูเปียกอะครับ" เสียงคริสโตเฟอร์ดังอยู่ข้างๆ ผม เขาเดินเข้ามายืนประชิดตัวผม อย่าบอกนะว่าจะจูบผมอีกแล้ว หลับตาปี๋ (รอจูบใช่ไหมเขม)

   "ครูผมจะเช็ดผมให้ ไม่ได้จะจูบครูสักหน่อย..ครูนี้ก็หื่นใช่เล่นเหมือนกันนะ " ผมลืมตาโพลง มองคนที่เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆ ขึ้นมาซับเส้นผมบนหัวผมและขยี้มันเบาๆ ผมก้มลงมองหน้าท้องแบนๆ ของคริสโตเฟอร์ ถึงไม่มีซีกแพคชัดเจนแต่มันก็มีกล้ามท้องสวยๆ ก็คริสเขาเป็นนักกีฬา และมันก็ทำให้คนตรงหน้าอย่างผมไม่อยากละสายตา และผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่ต่ำกว่าสะดือของคริสโตเฟอร์ผมก้มมองอยู่พักหนึ่งรอให้คนที่กำลังซับน้ำออกจากผมรองทรงของผม ผมรู้สึกว่ามือที่จับชายผ้าไว้ทั้งสองข้างหยุดนิ่งผมเงยหน้าขึ้นมามองดูคริส สายตาคู่นี้มันทำให้ผมใจเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมาเต้นอยู่ข้างนอกอกผมแทน

   "อันนี้แหละจะจูบ" คริสโตเฟอร์บอกผมเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม ใกล้มาก มากจน

   "ครื้ด " เสียงท้องร้องดังมากของคนตรงหน้าผม คริสโตเฟอร์ก้มลงมองดูพุงตัวเองไม่หรอกแบนแบบนี้

   "หึๆๆ" ผมปิดปากหัวเราะขำคนตรงหน้าผม ยืนเอนหลังพิงกับตู้เสื้อผ้า คริสโตเฟอร์หันมามองหน้าผม

   "ฮาๆ "และผมหลุดขำออกมาเต็มที จากที่เมื่อสักครู่นี้ผมพยายามกลั้นแล้ว

   "นี่นายหิวข้าวหรือไง" ผมถามคริสโตเฟอร์

   "ร้องดังขนาดนี้ไม่หิวก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วครู" คริสโตเฟอร์พูด ผมเลิกคิ้วมองนี้บ่ายสี่กว่าๆ

   "ใช่ผมยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้าก็ตอนนั้นมันไม่หิว แต่พอเจอหน้าครูหิวทันที" คริสโตเฟอร์พูด ผมมองหน้าหิวอะไรกันแน่

   "หิวครู" คริสโตเฟอร์พูดให้ผมอ่านปาก ผมรีบหมุดเดินหนีออกไปดีกว่า เพราะว่าถ้าผมยังอยู่ตรงนี้นานและยิ่งเขาอยู่ในสภาพแบบผ้าเช็ดตัวพันกายแบบหมิ่นๆ ด้วย เดี๋ยวผมคงได้โดนเด็กกิน...ตับ..ตับ ...และนายนี่ก็บอกผมอยู่ว่า..หิวครู!

   "ใส่เสื้อผ้าซะ ครูจะทำอะไรให้ทานแล้วกัน...มาม่าผัดนะ ..ได้มั้ยละคริส" ผมพูดและหันไปถามคริสโตเฟอร์รับเสื้อผ้าจากผมไปสวม ผมก็สวมเสื้อผ้าเช่นกัน และรีบเดินออกไปจัดการเตรียมหันผัก หั่นหมู ว่าจะทำมาม่าผัดขี้เมา ผมเหลือบตามองไปที่มือถือ

   "โอ้วเชร็ด!! "ข้อความที่ต่อว่าผมจากณัฐกานต์และสายที่ไม่ได้รับ ผมปิดเสียงมันเอาไว้

   "เขมเป็นบ้าอะไรถึงได้กลับไปโรงเรียนแล้วทั้งที่วันนี้มันวันเสาร์น่ะจะรักโรงเรียนอะไรขนาดนั้นเพราะว่าเขมเป็นแบบนี้ไง ถ้ากานต์มีคนอื่นก็ไม่ต้องมาถามหาเหตุผลหรอกนะว่าทำไปทำไม" ผมยืนอ่านข้อความที่ณัฐกานต์ส่งมาให้ผม ผมก็รู้สึกผิด นี้ณัฐกานต์คงโทรไปหาแม่ผมและแม่ก็คงบอกว่าผมกลับมาที่โรงเรียนแล้ว

   "แฟนส่งข้อความหาเหรอครับครู..เขาโกรธใช่มั้ย..ที่ครูเลือกมาหาผม" คริสโตเฟอร์ถามผม

   "อืม...เขาโกรธแต่ครูเลือกมาแล้วนิ..ช่างมันเถอะเดี๋ยววันอาทิตย์ครูค่อยกลับไป..หาเขา..กลับไปคราวนี้คงต้องคุยกัน.แต่ตอนนี้ครูยังไม่พร้อมจะคุย " ผมพูดและหันกลับไปทำอะไรให้คริสโตเฟอร์ทาน คริสโตเฟอร์นั่งเอามือเท้าคางมองผมทำกับข้าว

   "ครูทำกับข้าวเก่งเนอะทั้งที่เป็นผู้ชาย..หัดไว้ไปเป็นแม่บ้านให้ใครหรือเปล่า" คริสโตเฟอร์พูดแซวผม

   “พ่อบ้าน ไม่ใช่แม่บ้าน นายนี้ไม่รู้จะเรียกว่าเข้าใจไม่ถูกต้องหรือใช้คำไทยไม่ถูกกันแน่ นายคริส!” ผมละสายตาไปเหล่มองนายคริสที่ยังคงเอามือเท้าคางมองผมที่หันผักเพื่อจะทำอาหารให้เขาทานไปก่อนและผมก็รีบเปิดแก๊ส เพื่อทำการผัดทุกอย่าง นายคริสก็อ้าปากจะแซวผมอีก ผมก็เลยหันไปชี้ด้วยตะหลิว

   “และอย่าแซวเดี๋ยวปล่อยให้ท้องร้องซะเลย" ผมก็หันไปมองหาจาน ผมเปิดดูในตู้ที่เอาไว้ใส่ภาชนะ ผมไม่เคยใช้จานชามที่นี้เลย พอเปิดออกมาเพิ่งจะรู้นะว่ามีจานอยู่ใบเดียวเอง

   เฮ้ย!! เรื่องจริงเหรอเนี๊ยะ! เรื่องจริงยิ่งกว่านิยายแล้วคนเก่าเขาอยู่ยังไงผมเปิดดูอีกชั้นยังดีที่มีช้อนกับซ้อมสองคู่ ผมหันไปมองคริสโตเฟอร์ เสียสละให้กินไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวผมค่อยกินทีหลังก็ได้ ผมตักใส่จานใบเดียวนั่นแหละและไปวางตรงหน้าคริสโตเฟอร์ เขาหันมามองผม

   "ครูไม่ทานเหรอครับ"

   "ทานก่อนเลย" ผมพูดขณะที่กำลังปลดผ้ากันเปื้อนออก

   "ครู.."

   "มันมีจานใบเดียวเธอกินก่อนครูกินที่หลังเธอ"ผมหันไปบอกคริสโตเฟอร์กำลังจะเก็บล้างภาชนะระหว่างที่รอ

   "ไม่เอากินด้วยกันจานเดียวกันนี่แหละ มาเลยมานั่ง" คริสโตเฟอร์เดินมาดึงแขนให้ไปนั่งข้างๆ เขา ผมก็นั่งลงเขาก็ใช้ส้อมม้วนเส้นมาม่าเอาขึ้นมาเป่าก่อนที่จะส่งมา ทำท่าจะป้อนผม ผมส่ายหัวไม่ต้องป้อนผมจึงเอื่อมมือไปจะคว้าช้อนส้อมมาถือเองแต่คริสดึงกลับไม่ยอมให้ผม

   "ป้อนให้..อ้าปากซิครู .." คริสโตเฟอร์บอกผม ผมก็ค่อยๆ อ้าปากมันเขินซิครับให้เด็กมาป้อนให้ถ้าเป็นเอิร์ธหลานผมจะรีบเลยแต่นี้มันนายคริสโตเฟอร์ และเขาก็ป้อนมาม่าผัดเข้าไปในปากผม

   "อืมม." อร่อยดีเหมือนกันนะฝีมือเราเนี๊ยะ

   "เป็นไงครู ..ผมเสียสละป้อนครูก่อนเพื่อว่าครูเป็นอะไรไปผมจะได้พาไปโรงพยาบาล อ้อก่อนผมจะพาไปจะผายปอดให้ก่อนด้วย..ปั๊มหัวใจผมไม่ค่อยแม่นแต่ผายปอดนี้ผมชอบมาก เมาส์ทธเมาส์ ..อืมมม " นายคริสโตเฟอร์พูดและทำปากแบบท่าจูบ ผมแอบคิดในใจนั้นคือเมาส์ทูเมาส์ที่นายเรียนปฐมพยาบาลเบื้องต้นมาแน่เหรอ และนี่ก็ทำให้ผมมองค้อนด้วย นายนี้ไม่วายต้องหาเรื่องวุ่นวายกับปากผมอีก  ผมลุกขึ้นไปหยิบช้อนส้อมอีกคันมาตักมาม่าผัดในจานเดียวกันและนั่งทาน นายคริสโตเฟอร์ก็หยิบมือถือผมไปเปิดดูรูปถ่าย ส่วนผมก็นั่งทานไปด้วยมองหน้าคนข้างๆ ไปด้วย

   “ในรูปเหมือนครูกับแฟนรักกันดีจังนะ” คริสโตเฟอร์พูดและหันมาเหล่มองผม รูปนี้มันน่าจะสองปีที่แล้วยังรักกันดี

   “แต่ในความเป็นจริงผมว่าครูไม่มีความสุขเลยจริงไหม” คริสโตเฟอร์เงยหน้าขึ้นมามองผมก่อนจะก้มหน้าลงไป

   “ครูเคยได้ยินไหมรองเท้าสวยแค่ไหนถ้าใส่แล้วมันกัดก็ต้องถอดมันออก คนรักก็เหมือนกันรักมาแค่ไหนถ้าไปไม่รอดก็ต้องเลิก” คริสโตเฟอร์พูด ผมหยุดนิ่งชั่วขณะก่อนจะหันไปมองคนข้างที่กดเลื่อนดูรูปในมือถือผมและทานไปด้วย

   "นี้พี่ชายครูเหรอครับ ..พี่ชายครูเท่อะ ..เขาเป็นทหารเหรอ"

   "ทำไมนายรู้ละ" เพราะว่าชุดที่ถ่ายรูปกับผมไม่ค่อยมีรูปที่ใส่เครื่องแบบเอาซะเลย และมันก็แค่เสื้อยืดที่รัดรูปกล้ามนี้เป็นหมัดๆ มากกว่าผมซะอีก ก็ทหารหน่วยรบพิเศษ

   "ดูแววตาที่ดุดันผมว่าเขาเหมาะที่จะเป็นสไนเปอร์มาก และจากความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อดูท่าทางจะฟิตมาอย่างดี ผมอยากได้แบบนี้ "คริสโตเฟอร์เขาหันมามองผมแอบหนึ่งยิ้มที่มุมปาก

   "ครูชอบไหมคนมีกล้ามแขนใหญ่ๆ แบบนี้" คริสหันมาถามผม

   "เธอมาถามครูทำไมละ เอาไว้ถามแฟนเธอซิคริส" ผมพูด ก้มหน้าลงตักมาม่าผัดใส่ปากเก็บอาการเขิน

   "ก็ถามอยู่นี้ไง ..ชอบไหมถ้าผมมีกล้ามแขนแบบพี่ชายครูอะ"

   "ก็ชอบมั้ง.." ผมตอบเบาๆ

   "เดี๋ยว..ใครแฟนเธอ!" ผมสะบัดนหน้าหันไปมองคริสโตเฟอร์

   "หึๆๆ .." คริสหัวเราะผมในลำคอและหยักไหล่ให้ผมแค่นั้น คริสโตเฟอร์ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือผมต่อไป ผมนั่งทานผัดขี้เมาฝีมือตัว ผมตักไปจนคำสุดท้าย แต่คำสุดท้ายนี้รู้สึกแปลกๆ เส้นสุดท้ายนี้มันไม่ได้มาจากจานผมแต่ว่ามันเหมือนกำลังเชื่อมโยงมาจากคนข้างๆ

            ผมสองคนกำลังกินเส้นเดียวกันอยู่เหรอ เส้นยังคาอยู่ที่ปากของผมและอีกส่วนก็อยู่ปากของคริสโตเฟอร์ พอนายคริสหันมาเห็นก็รีบหมุนเก้าอี้หันมาเผชิญหน้ากับผมทันที ผมส่ายหน้าว่าไม่นะ แต่อีกคนพยักหน้าว่าเอา ยังมีควักมือให้ผมเข้าไปหาเขาใกล้ ผมส่ายหน้าว่าไม่เอาอะ จนอีกคนต้องเม้มปากดูดกลืนเส้นเพื่อจะได้สาวเข้ามาหาผมแทน และนั้นก็แปลว่าคริสมันกลายเป็นฝ่ายรุกเขามาผมและเส้นนั้นก็ล้นเข้ามาเรื่อยๆ จนปลายจมูกคริสโตเฟอร์ชนเข้ากับปลายจมูกของผม มือของคริสโตเฟอร์ก็รั้งเอวผมไว้ไม่ให้ผมขยับหนี ตอนนี้ผมเลยต้องหลับตาปี๋ไม่กล้ามอง ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยคิดว่าจะทำแบบนี้กับใครเลยแต่ก็เคยเห็นแต่ในหนังสือการ์ตูนและจู่ๆ ก็มีผู้ชายมาทำแบบนั้นกับผมจะทนดูได้ยังไง รู้สึกได้ว่าริมฝีปากใครบางคนกำลังโลมเลียอยู่ที่ริมฝีปากของผมอย่างเมามัน แขนผมถูกยกให้ไปคลองไว้แบบโอบรอบคอของคริสโตเฟอร์แทน ลิ้นนุ่มเริ่มชอนไชรุกล้ำเข้ามาในปากผม เพื่อลิ้มรสรสชาติมาม่าผัดในปากผม

   "คริส!!" ผมทั้งคู่ต้องเบิกตาโพลงมีคนมาเรียกคริสโตเฟอร์

   "คริส!! " ผมทั้งคู่ต้องเบิกตาโพลงมีคนมาเรียกคริสโตเฟอร์

   เสียงเรียกดังอยู่ทีหน้าบ้านพักผม ผมรีบดันอีกคนออกไปจากตัวผมก่อนและคริสโตเฟอร์ก็ลุกขึ้นไปอย่างหัวเสียเพื่อออกไปดูว่าใครที่มาเรียกเขา ถ้าอย่างนั้นแสดงเขาต้องรู้ว่าคริสอยู่กับผมที่นี่ถึงได้มาถูก ส่วนผมเองก็นั่งเอานิ้วแตะที่ริมฝีปากตัวเอง วันนี้โดนไปกี่ทีแล้ววะเขม!! อยู่กับณัฐกานต์มายังไม่เคยโดนจูบมาราธอนขนาดนี้เลย! ผมเก็บจานที่ว่างเปล่าหันไปล้าง

   "อะไรของมึงวะ! " คริสโตเฟอร์ตะโกนถามผู้มาเยือนที่อยู่หน้าบ้านพักครู

   "คืนนี้พวกกูจะไปผับพี่ปืนกันวะ เขาบอกว่าคืนนี้ไปได้ ไม่มีตำรวจและคืนนี้ก็มีโคด้วย" ผมได้ยินการสนทนาของคนข้างล่าง คริสโตเฟอร์หันมามองผมมีโคด้วยโคโยตี้ซิท่า คริสหันมาเหล่มองผม

   "ไม่เอาวะ กูเหนื่อย" คริสโตเฟอร์ตะโกนตอบไป

   "ห๊ะ!! ทำอะไรเหนื่อยวะ" นั้นซิ ผมหันไปมองเหมือนกันว่าเหนื่อยได้ไง ยังไม่ได้ทำอะไรกันสักหน่อย คริสโตเฟอร์หันมายิ้มให้ผม ผมนี้หันไปชี้นิ้ว เดี๋ยวจะโดน

   "เออ..กูเหนื่อยแล้วกันไม่อยากไปและกูก็ไม่ชอบดูโค." ผมแอบยิ้มดีแล้วแหละที่ไม่ชอบไปดูโคโยตี้

   "เหรอ!! ถ้ามึงไม่ชอบไปดูโคแล้วมึงชอบดูอะไรวะ โคออกจะน่ารัก โคโยตี้นะโว้ยเฮ้ย!! " ผมหันไปเหล่มองจะใจอ่อนไปกับเพื่อนไหมล่ะ

            ติ๊กต๊อกๆๆๆๆๆๆๆ โคโยตี้สาวๆ สวยๆ หุ่นดีดี จะไปไหมล่ะ?ผมแอบคิดแทนในใจ ไม่กล้าเปิดก๊อกน้ำดังเดี๋ยวไม่ได้ยิน แม้จะไม่ได้ออกไปยืนฟังใกล้ก็ตามแต่ก็ตะแคงหูรอฟังคำตอบนายคริสโตเฟอร์ว่า

   "ไม่ไปวะ... กูชอบดูครูมากกว่า. " ผมได้ยิน กำหมัด เยส! แต่มันไปบอกเขาว่าชอบดูครูมากกว่า ผมสะบัดหน้าไปแต่ก็ไม่ทันแล้ว นายคริสน่ะนายคริสโตเฟอร์ นี้ขยันหางานให้ผมจริงๆ

   "อ้อ..เออ..ดีวะ ชอบดูครู ......เว้ยย!!! "

   “ไอ้คริสครับ ดูครูทุกวัน วันละ7 ชั่วโมง..มึงไม่เบื่อบ้างเหรอครับ ดูแต่ครู “เพื่อคริสโตเฟอร์ตะโกนมา

   "กูชอบอยู่ดูแลครูเขามากกว่าครูอยู่คนเดียวอันตราย" ผมคิดในใจจะอันตรายก็เพราะนายนี้แหละที่อยู่กับผม

   "เออ...เหรอ...อันตรายตรงไหนวะ..ถ้าในนี้อันตรายก็ไม่มีไหนปลอดภัยแล้วมั้งนี้มันโรงเรียนนะเว้ยเฮ้ย."

   "เออ..มึงไปกันเถอะจะไปปล่อยน้องนก น้องแมว น้องต่ายที่ไหนก็ไปเถอะกูไม่ไปวะ"

   " เออ..ตามใจวะ อย่าโทรให้กูกลับมารับนะมึง..ฟักมึง!! " ผมส่ายหัวให้กับเด็กเกรียนๆ แต่มันก็มีสีสันดีนะผมกำลังเก็บล้างภาชนะด้วยน้ำขวดที่มีอยู่ และที่แน่ๆ ผมกำลังยิ้มดีใจที่เขาไม่ทิ้งผมไป

   "พอบอกไม่ไปนี้ยิ้มดีใจขนาดนี้เลยนะ" นี้ขนาดหันหลังให้นะ คริสโตเฟอร์ยังแอบมายืนข้างหลังผมและพยายามชะโงกหน้ามองผม ผมก็หันหนียังตามอีก ยังอีกจนจะหมุนรอบตัวแล้วเนี๊ยะ!!!

   "พอแล้วคริส!! " ผมหันมาห้ามเด็กเกรียน

   "ผมชอบมองเวลาครูเขินอะ...ผู้หญิงนี้ชิดซ้ายไปเลยนะ ฮาๆ " นายคริสพูดแบบนี้ผมควรดีใจหรือไง

   "หยุดแซวได้แล้ว...และนี้ครูว่าจะตรวจการบ้านซะหน่อยเมื่อวานกลับไปก็เหนื่อยเลยไม่ได้ตรวจ" ผมพูดและคริสโตเฟอร์ช่วยผมเอาผ้าแห้งมาเช็ดจานชามที่ผมล้างเสร็จแล้วเก็บเข้าตู้เก็บของ

   "ดีเลยผมโหลดหนังใหม่มา Fast and furious ภาคล่าสุด ผมเอามาเปิดดูกับครูนะ" ผมสะบัดหน้าไปมองก็บอกอยู่ว่าจะตรวจการบ้าน

   "ครูบอกว่าจะตรวจการบ้านไงคริส" ผมหันไปบอกนายคริสโตเฟอร์

   "ก็ตรวจไปซิครับผมนั่งดูใกล้ๆ ไม่เห็นเป็นอะไรเลยไม่ได้รบกวนซะหน่อย..." ผมหันไปเหล่ ภาพเมื่อกี้ขนาดผมกับเขานั่งกินมาม่ายัง....อื้ยยยย!! ไม่อยากคิดและดูคนที่พูดว่าไม่รบกวนพูดไปนิ้วนี้ไต่ไปตามแขนผม มันน่าไว้ใจได้ไหมล่ะ

   "เพี๊ยะ! "

   "อิ้ววว!!! " ร้องซะเสียงหลงขนาดนี้ผมตีแขนเขาเข้าจริงๆ ก็เลยเจ็บจริงเลยทีนี้

   "ถ้าอย่างนั้น...ผมไปเอาฮาร์ดไดรฟ์ก่อนนะครูและจะออกไปซื้อขนมด้วย ครูเอาอะไรไหมครับ " คริสโตเฟอร์ถามผม

   "น้ำแข็งมาสักหนึ่งถุงแล้วกันและเธอจะซื้อเครื่องดื่มมาด้วยก็ได้นะ...เอาเงินครูไปด้วยคริส"

   "โธ่ที่รัก! เรื่องเล็กน้อยนะเดี๋ยวเขาจัดให้" ผมสะบัดหน้ามามองคนที่เรียกผมว่าที่รัก คริสโตเฟอร์หายออกไป ผมก็ลงไปขนพวกสมุดการบ้านนักเรียน และผมก็ยกเอาทีวีหน้าจอ 32 นิ้ว ยกขึ้นมาวางไว้ เดี๋ยวคริสโตเฟอร์เขาจะมาดูหนังที่นี้

   " กลับมาแล้วครับ" เสียงคริสโตเฟอร์เดินเข้ามาในบ้านพัก ผมหันไปมองในมือถือถุงขนมขบเคี้ยวมาเพียบเลยและพวกเครื่องดื่ม ผมมองว่าทำไมซื้อมาเยอะอย่างนี้นะ

            ผมนั่งบนโซฟา โซฟาที่นี้มีตัวเดียวและมันก็นั่งได้สองคน ผมก็เอาโต๊ะมาตั้งข้างๆ เพื่อวางสมุด ส่วน คริสโตเฟอร์ก็สาละวนกับการต่อสายเชื่อมกับฮาร์ดไดรฟ์ของเขา เป็นเครื่องเล่นขนาดพกพา พอคริสเปิดดูผมก็อยากดูนะแต่การบ้านก็อยากตรวจ แล้วอย่างนี้จะมีสมาธิไหมล่ะและไหนผมจะต้องระวังคนข้างๆ ผมนี้อีก ตั้งแต่ในห้องน้ำแล้ว แสดงว่าไม่ใช่เด็กเกรียนธรรมดา เพราะว่าน่าจะมาพร้อมสายหื่น

   "น้ำครับ..ที่รัก" คริสโตเฟอร์ส่งกระป๋องเครื่องดื่.มาให้ผมหนึ่งกระป๋อง ก่อนจะทรุดลงนั่งข้างๆ ผม นั่งแบบนั่งเบียดเลยดีกว่าผมก็ก้มหน้าลงเปิดสมุดเล่มแรกขึ้นมาตรวจการบ้านผมรู้สึกว่าไหล่หนักๆ พอหันไปดู อ้อ! คริสโตเฟอร์เอาหัวเขามาพาดไว้บนไหล่ผม ตาก็จับจ้องอยู่ที่หน้าจอ ผมก็ปล่อยให้เขาพิงแบบนั้น แต่ก็หันมาเหล่มองเป็นระยะๆ

   "อะ..อ้าปากซิพี่เขม..ผมป้อน" คริสโตเฟอร์เขาส่งขนมขบเคี้ยวมาจ่อไว้ที่ปากผม พยักหน้าว่าเขาจะป้อน ผมก็อ้าปากงับมันลงไปความรู้สึกรักแรกกลับมาอีกครั้ง

         ผมนั่งตรวจงานไปด้วยดูหนังไปด้วยและกินขนมกับคนข้างๆ นี้ไปด้วย อันที่จริงเด็กก็ไม่ได้สร้างบ้านเสมอไปอย่างที่เขาว่าไว้ ผมหันไปหันมาและคนข้างๆ ผมก็เงียบไปแล้ว ผมก้มลงมองอีกทีคราวนี้หลับปุ๋ยพิงหัวไหล่ของผมอยู่ ผมกลัวเขาจะหลับไม่สบายเลยขยับว่าจะลุกขึ้น แต่พอผมยกแขนยกหนังสือขึ้นเท่านั้นแหละ นายคริสก็ไถลมากอดลำตัวผมแทน ผมก็คงต้องปล่อยให้เขากอดผมไปแบบนี้ใช่ไหม มันก็คงต้องเป็นเช่นนั้นแล้วแหละ เหมือนเด็กน้อยเลยนะเรานะ

   "คริส!! " ผมเห็นว่าเขาหลับไปได้สักพักจึงปลุกเรียกให้เขาตื่น

   "ครับ..."คริสต์ตอบรับการเรียกขานจากผมแต่ตายังหลับอยู่เลย

   "ตื่นได้แล้วนี่มันจะทุ่มหนึ่งแล้วนะนายหิวหรือเปล่า" ผมถามคริสโตเฟอร์

   "จริงซิครู...ครูละหิวมั้ย ผมยังอิ่มมาม่าผัดฝีมือครูอยู่เลยอะ..เป็นมาม่าผัดที่อร่อยที่สุดในโลกก็ว่าได้ " คริสโตเฟอร์ค่อยๆลืมตาขึ้นมามองผมก่อนจะบิดขี้เกียจและถามผมกลับ

   "หึๆๆ "

   "ยังจะมาขำครูอีกนะตกลงอร่อยจริงปะเนี๊๊ยะ"

   "อร่อยครับดูซิผมกินไปตั้งเยอะ กินเยอะกว่าครูอีกนะ" คริสโตเฟอร์พูด

   "ก็นายเล่นกินไปจนพุงกางขนาดนั้น ..เดี๋ยวครูกินมาม่าต้มก็ได้ครูไม่ค่อยหิวเท่าไหร่" ผมพูดและดันคนที่พิงหัวไหล่ผมอยู่ให้ลุกขึ้นได้แล้ว และผมเดินไปหยิบพวกของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าหยิบใส่กระเป๋าเป้ ผมจะต้องไปนอนที่บ้านพักกับคริสโตเฟอร์ ในกระเป๋าเล็กๆ ของผมมันมีพวกเจลที่ผมเอามาเพื่อว่ามากับณัฐกานต์และผมก็ต้องใช้มัน

   "ไม่เอานะเขม คิดอะไรบ้าๆ " ผมสะบัดเอาความคิดบ้าๆ ออกไปก่อนจะหยิบมันออกไปจากกระเป๋าใบเล็กและหยิบพวกยาสีฟันและแปรงสีฟัน ครีมล้างหน้า ครีมทาหน้าหยิบใส่ลงไปแทน

   "ครูขับรถไปจอดที่หน้าบ้านพักผมได้เลยนะ เพื่อว่าครูจะกังวลถ้าจะจอดตรงนี้" คริสโตเฟอร์พูดผมพยักหน้าก็จริงนะผมเป็นห่วงรถเหมือนกันและที่สำคัญรถคันนี้ผมรักมากพี่ต้นให้ผมมาและมันทำให้ผมไม่คิดอยากจะซื้อใหม่

   "ผมเอากระเป๋าผมใส่ไว้ในรถครูนะครับ...เจอกันที่บ้านนะครับ...ที่รัก"คริสโตเฟอร์พูดเขาเดินลงไปก่อนและขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปก่อน นี้ผมกำลังจะนอกใจจริงๆ ใช่มั้ย ผมหันมากดเปิดมือถืออีกครั้ง พอเครื่องเปิดปุ้มสิ่งที่ปรากฏบนมือถือคือ ข้อความต่อว่าผมต่างๆ นานาจาก ณัฐกานต์ผมก็เลือกที่ปิดมันลงไปอีกครั้ง ผมเดินลงจากบันไดบ้านและขับรถออกไปที่บ้านพักของคริสโตเฟอร์จริงอย่างที่คริสพูดนะ

   
"รองเท้าต่อให้สวยและแพงมากแค่ไหนถ้าใส่แล้วมันกัดก็ต้องถอดออก ก็เหมือนกับคนรักต่อให้รักมากแค่ไหนถ้าไปกันไม่รอดก็ต้องเลิก"

   “คนรักต่อให้คบกันมานาน นั้นก็ไม่ได้เป็นตัววัดว่าคนนั้นจะเป็นรักแท้ “

   “ความรักที่เหนื่อยที่สุดคือความรักที่ต้องใช้ความพยายามมากกว่าความเข้าใจ”

TBC...                                                                                 
หน้า: [1] 2 3 4 5 ... 10
สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด