ตอนที่ 12 ข้าวแช่ชาววัง
มื้อค่ำสำหรับเลี้ยงตอนรับรัญญรีและหม่องประกอบไปด้วยอาหารใต้หลายอย่าง ทุกอย่างเป็นฝีมือของขมิ้นและสาลี่ ทั้งสองคนขอแสดงฝีมือแทนนับตังค์ที่ป่วยอยู่ เมนูแรกก็คือหมึกไข่ต้มหวาน ปลาหมึกไข่ขนาดกำลังดีที่ปรุงรสให้ออกเค็มหวาน ต้มมาทั้งตัว เวลากินแล้วหนึบหนับด้วยไข่ปลาหมึกเต็มคำ ต่อไปก็คือปลากระบอกทอดขมิ้น รสชาติการหมัพันกปลากลมกล่อม กินแกล้มกับกระเทียมสับที่คลุกเคล้ากับขมิ้นสดและปรุงรสอย่างพอดี ทอดจนกรอบเป็นสีทอง ตัวปลาก็ทอดได้กรอบนอกนุ่มใน เนื้อปลายังคงความหวานฉ่ำจากความสดของปลา หมูโคหรือสามชั้นคั่วเกลือก็เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ที่ทำเผื่อเด็กน้อยอย่างด้วง ขมิ้นได้เคล็ดจากนายปู่ที่ทอดคั่วหมูสามชั้นได้พอดี ไม่แห้งจนแข็งเกินไป เมื่อกัดชิมคำแรกสัมผัสได้ถึงความกรอบและเมื่อเคี้ยวต่อไปความนุ่มของมันหมูที่แทรกอยู่ยิ่งเพิ่มรสสัมผัสให้กับเมนูนี้ นอกจากนั้นยังมีวายคั่ว เมนูนี้คือการนำกะทิต้มใส่หอมแดง ตะไคร้ มะขามและวาย ทีแรกรัญญรีก็ไม่เข้าใจว่าวายคืออะไร ขมิ้นต้องอธิบายให้ฟังว่าวายก็คือหมึกสาย ซึ่งเพื่อนของขมิ้นตกด้วยมือ ไม่ใช้อวนลาก ตัวหมึกจะมีความนุ่มเด้งมากกว่าใช้อวน แต่หม่องบอกรัญญรีว่าวายคั่วก็คือปลาหมึกตัวผู้ที่ผสมพันธ์ุกับปลาหมึกตัวผู้ ปลาหมึกตัวผู้มันคั่วกันเอง เล่นเอารัญญรีค้อนหม่องจนตาแทบหลุดที่หม่องเล่นมุกทะลึ่งต่อหน้าหนูด้วง แต่มุกของหม่องก็ทำเอาทุกคนขำตามไปด้วย
“อร่อยมากเลย อิ่มจนเดินแทบไม่ไหวแล้ว” รัญญรีเอ่ยชมเพราะกินข้าวมากกว่าปกติจนแน่นท้องไปหมด
“ยังมีเค้กมะพร้าวอ่อนด้วยนะครับคุณรัน อิ่มแบบนี้จะทานไหวไหมครับ” ใบเมี่ยงเป็นคนอาสาทำขนมหวานเอง เห็นว่ามีมะพร้าวเผาอยู่ ซึ่งเนื้อมะพร้าวอ่อนกำลังดี น้ำมะพร้าวก็หอมมาก
“ท้องของรันมีที่ว่างสำหรับของหวานเสมอค่ะ” รัญญรียิ้มหวานส่งไปให้ใบเมี่ยงและเลยไปถึงพายพัดที่นั่งข้างๆ ใบเมี่ยงด้วย
“เดี๋ยว แต่มีที่ว่างสำหรับหนุ่มหล่อๆ มากกว่า” หม่องรีบเสริม
“ไอ้หม่อง กินไป ปากว่างแล้วพูดเยอะนะ” รัญญรีหันไปดุเพื่อนสนิท
“ฝีมือพี่บ่าวนี่สุดยอดเหมือนกันนะ ตังก็อิ่มจนเดินไม่ไหวเหมือนกัน” นับตังค์เพิ่งได้กินอาหารใต้ที่มีรสชาติจัดจ้านเป็นครั้งแรก อร่อยจนอดที่จะชมออกไปไม่ได้เช่นกัน
“เดี๋ยว แกเดินไม่ไหวก็ให้แฟนอุ้มไง แบบส่งตัวเข้าหอ” หม่องไม่วายหันมาแซวนับตังค์บ้าง
“ไอ้หม่อง ฉันจะฟ้องน้องแหม่มว่าเมื่อวานนี้แกไปจีบสาวฝรั่ง” นับตังค์ชี้หน้าของหม่อง
“เฮ้ย ไม่แซวแล้วก็ได้ ล้อเล่นนิดเดียวเอง แกจะเอาฉันถึงตายเชียวนะเว้ย” หม่องรีบยกมือห้าม
“ฮ่าๆ มันกลัวแฟนด่าจนลืมคำว่าเดี๋ยวเลยว่ะตัง” รัญญรีหัวเราะที่หม่องลืมพูดคำติดปาก
“ใครๆ ก็กลัวแฟนทั้งนั้นแหละครับ แฟนคือของสูง” พายพัดออกความเห็นก่อนจะหันไปยิ้มให้ใบเมี่ยง
“เห็นไหม มันเรื่องธรรมชาติ” หม่องรีบยกมือขึ้นมาไฮไฟว์กับพายพัด
“บอสล่ะ กลัวป๊ะ” นับตังค์หันมาถามมีคุณพร้อมกับยักคิ้วให้
“ไม่กลัวแฟน แต่กลัวภรรยา อยากให้กลัวก็ต้อง...” มีคุณตอบหน้าตาย ทุกคนเป่าปากวี๊ดวิ้วหัวเราะชอบใจกันใหญ่
“ฟิ้ว ฟิ้ว” ด้วงพยายามจะเป่าปากเลียนแบบบ้าง แต่ทำไม่ได้ ได้แต่ทำปากจู๋เป่าลมออกมาจนน้ำลายยืด
“พรุ่งนี้ตังจะทำข้าวแช่” นับตังค์เปลี่ยนเรื่องแทบจะทันทีที่รู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายเสียทีให้กับมีคุณ
“ข้าวแช่ชาววังรึเปล่าว่ะตัง ฉันกำลังอยากเลย” หม่องถาม เป็นที่รู้กันว่าบรรพบุรุษของนับตังค์เป็นข้าเก่าในวัง มีชื่อเรื่องอาหารตำรับไทย หม่องก็อยากจะกินสูตรชาววังแท้ๆ กับเขาบ้าง
“แกอยากกินแบบชาววัง ฉันก็จะทำให้” นับตังค์อมยิ้ม
“พี่ว่าพี่ต้องอ้วนขึ้นแน่เลยค่ะ ได้กินแต่ของอร่อย” สาลี่รู้สึกโชคดีที่ได้กินอาหารจากเชฟที่มีฝีมือดีอย่างนับตังค์บ่อยๆ
“ตังตั้งใจว่าจะทำไปให้คุณขจีด้วย ท่านก็เหมือนญาติผู้ใหญ่อีกคนของบอสนะ วันปีใหม่ไทยแบบนี้ไปไหว้ขอพรท่าน แกด้วยนะไอ้รัน ท่านเป็นป้าของแกด้วยนี่”
“ดีเหมือนกัน” มีคุณรู้สึกประทับใจนับตังค์ เห็นเป็นคนกวนๆ แต่ยังมีจิตใจนึกถึงผู้หลักผู้ใหญ่ ตัวเองเสียอีกที่ไม่ได้คิดในข้อนี้ไป คุณขจีสนิทสนมกับคุณปู่ ช่วยดูแลร้านให้ช่วงที่คุณปู่เสีย ซ้ำยังดูแลด้วงให้อีก เขายังไม่ได้เข้าไปขอบคุณเลย
“ขอบใจนะที่นึกถึงป้าของฉัน ดีเหมือนกัน แต่พรุ่งนี้ไหว้ขอพรป้าเสร็จฉันก็ต้องกลับเลยนะ แต่ยังไงจะมาเที่ยวอีกแน่ๆ” รัญญรีนึกเสียดายที่ต้องกลับเพราะมีนัดสำคัญเรื่องธุรกิจ
“ผมก็ต้องเข้าเมืองพอดี เดี๋ยวไปเรือของผม ถึงตัวเมืองแล้วผมจะไปส่งให้ที่สนามบิน” มีคุณมีของอีกหลายอย่างที่ต้องการไปซื้อ เลยอาสาที่จะไปส่งรัญญรีและหม่องให้
“ดีเลยค่ะ ขอบคุณล่วงหน้านะคะคุณคุณ” รัญญรีกล่าวขอบคุณ
“พรุ่งนี้พี่จะซื้อของสดมาให้แต่เช้านิ” ขมิ้นอาสา
“ไม่เป็นไร ตังอยากไปเลือกเอง พี่บ่าวมารับตังตอนตีห้าก็แล้วกัน” นับตังค์นัดเวลากับขมิ้น
“ไหวเหรอ เดี๋ยวไข้จะกลับอีกนะ” มีคุณนึกห่วง
“เดี๋ยว สรุปที่ไม่สบายเพราะอากาศหรือเพราะว่า....” หม่องทำหน้าครุ่นคิด
“เพราะว่าอะไร” นับตังค์ทำหน้าสงสัยเมื่อหม่องพูดค้างเอาไว้
“แกยืนขึ้นดิ๊” หม่องสั่ง นับตังค์ก็ยืนขึ้นแบบงงๆ
“ทำไม” นับตังค์ถามเมื่อลุกยืนแล้ว
“นั่งลง” หม่องยังคงสั่งอยู่ ทุกคนในโต๊ะก็มองกันไปมาอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมวะไอ้หม่อง” นับตังค์เริ่มจะสงสัยว่าหม่องต้องการอะไร มาสั่งให้นับตังค์ยืนๆ นั่งๆ
“เจ็บก้นไหม” หม่องกระซิบที่หูของนับตังค์เบาๆ ให้ได้ยินกันสองคน
“ไอ้เวรหม่อง” นับตังค์ได้ยินแล้วฟาดที่หลังของหม่องเต็มแรง หม่องหัวเราะลั่นที่ทำให้นับตังค์อายได้
“ฮึก ฮึก” ทุกคนเงียบเมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของด้วง ด้วงได้ยินเสียงนับตังค์ตีหม่องแล้วก็เริ่มร้องไห้
“โอ๋ ไม่มีอะไรนะครับด้วง ดูสิ พี่เขาล้อเล่นกัน พี่หม่องยังหัวเราะเลย” ใบเมี่ยงรีบอุ้มด้วงมากอดปลอบ
“เจ็บ จัว ไม่ตี หนูจัว” ด้วงสะอึกสะอื้นจนนับตังค์หน้าเสีย
“ผมว่ามันไม่ปกติแล้วนะ ด้วงกลัวเสียงดังๆ กลัวเวลามีการใช้ความรุนแรง กลัวความมืดด้วยนะ วันนั้นที่ตังตื่นไปวิ่ง ด้วงตื่นมาแล้วในห้องมันมืด ด้วงร้องไห้บอกกลัวๆ จนรู้ว่ามีพี่นอนอยู่ถึงได้ยอมเงียบ” มีคุณเห็นอาการของด้วงแล้วเริ่มคิดว่ามีอะไรที่ผิดปกติ
“ตอนที่ด้วงอยู่กับคุณปู่เป็นแบบนี้ไหมพี่บ่าว พี่สาลี่” นับตังค์ถามขมิ้นและสาลี่
“พี่ก็ไม่ค่อยได้สังเกต เพราะเวลาอยู่กับนายปู่ ท่านไม่เคยใช้ความรุนแรงหรือเสียงดังกับหนูด้วงค่ะ แต่เวลาที่เราคุยกันเสียงดังหนูด้วงก็ไม่เคยมีทีท่าหวาดกลัวขนาดนี้นะคะน้องตัง” สาลี่แสดงความคิดเห็น
“แสดงว่าอาจจะเกิดหลังจากที่ไปอยู่กับคุณขจี ซึ่งคุณขจีท่านคงให้ดาวเรืองคอยดูแล” พายพัดแสดงความาคิดเห็นบ้างก่อนจะลูบผมด้วงเบาๆ แต่ก็ไม่ลืมที่จะลูบผมของใบเมี่ยงด้วย
“จะหามัม” ด้วงหยุดร้องไห้แล้วใบเมี่ยงจึงปล่อยด้วงลง ด้วงเดินมาหานับตังค์แล้วชูมือให้อุ้ม
“สองวันมานี่ ฉันได้เจอดาวเรืองช่วงที่พักที่บ้านของคุณป้า ต่อหน้าคุณป้าดูไม่มีพิษภัยอะไรเลยนะ ดูเรียบร้อยเอางานเอาการมาก” รัญญรีเล่าให้ทุกคนฟัง
“สร้างภาพมากกว่า ฉันเจอฤทธิ์เดชมาแล้ว” นับตังค์อุ้มด้วงขึ้นมาก่อนจะส่ายหน้าเมื่อนึกถึงดาวเรือง
“ดาวเรืองเคยเป็นพนักงานที่โรงแรมของนายหัวพยนต์มาก่อน เป็นคนรับใช้ใกล้ชิดคุณใหญ่ สาลี่หมายถึงคุณพยงค์ลูกคนโตของนายหัวค่ะ แต่โดนนายหัวไล่ออกเพราะยุยงให้คุณใหญ่ได้เสียกับคนงาน คุณขจีสงสารเลยรับไว้ทำงาน ตอนเจอที่โรงแรมก็ดูเป็นคนเรียบร้อยนะคะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะร้ายกับเด็กตัวแค่นี้ได้” สาลี่เล่าปูมหลังของดาวเรือง
“พรุ่งนี้ลองดูท่าทีของด้วงอีกทีเวลาเจอกับดาวเรือง” มีคุณฟังทุกคนพูดถึงดาวเรืองแล้วได้แต่เก็บข้อมูลเอาไว้ แต่ถ้ารู้ว่าดาวเรืองเคยรังแกด้วงจริงๆ มีคุณจะไม่ยอมปล่อยเฉยแน่
คุยกันได้อีกพักใหญ่ รัญญรีกับหม่องก็ขอตัวกลับเพราะว่าตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว ทั้งคู่อยากให้นับตังค์ได้พักเพราะกลัวไข้จะกลับมาอีก ด้วงก็ดูจะง่วงเพราะหาวให้เห็นหลายที เมื่อขมิ้นกับสาลี่ขออาสาเป็นคนเก็บล้างทำความสะอาดให้เอง พายพัดกับใบเมี่ยงเลยขอเป็นคนเดินไปส่งรัญญรีกับหม่องถึงรีสอร์ทของคุณขจี ถึงระยะทางจะไม่ไกลจากกัน แต่มันก็ดึกมากแล้ว นับตังค์กับมีคุณจึงเป็นคนพาด้วงขึ้นไปนอน
“ไม่ต้องอาบน้ำหรอก เช็ดตัวก็พอ” มีคุณบอกกับนับตังค์หลังจากที่นับตังค์พาด้วงไปล้างหน้าล้างตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้ว
“อาบไม่ได้เหรอ ไม่ได้อาบมาทั้งวัน เดี๋ยวเหม็น” นับตังค์หน้ามุ่ย
“ไหนมาดมก่อน” มีคุณยื่นหน้าเขาไปใกล้ๆ ด้วงรีบลุกมาแล้วพยายามดึงมือของนับตังค์ให้ไปนอนด้วยกัน
“ฟังหยูกหมูฉามตัว มีหมาป่าเป่าบ้านปู้ดๆ หนูจาเป่าบ้าน มัมมัมเย้าให้ฟังหน่อย” ด้วงเจื้อยแจ้วไม่ยอมหยุด
“พี่อาบน้ำก่อนได้ไหม” นับตังค์ถามด้วง ด้วงชะโงกไปมองมีคุณ
“ไม่ได้ แค่เช็ดตัวก็พอ มันดึกแล้ว ตัวยังอุ่นๆ อยู่เลย” มีคุณยังไม่ยอมให้นับตังค์อาบน้ำ
“ไม่อาบ มันดึกแย้ว” ด้วงส่ายหน้าให้กับนับตังค์
“ทำไมเข้าข้างกันแล้วล่ะ” นับตังค์จิ้มไปที่หน้าผากของด้วงเบาๆ
“เดี๋ยวหนูนอนนี้ มัมมัมนอนนี้ มัมมัมมาเย่าหยูกหมูให้หนู ไม่ต้องอาบแย้ว” ด้วงเดินมาชี้ที่นอน จัดตำแหน่งให้เสร็จสรรพ
“แล้วแด๊ดนอนไหนล่ะด้วง” มีคุณถาม
“แด๊ดนอนตุงนู้นเยย” ด้วงชี้ไปที่โซฟา
“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า” นับตังค์หัวเราะชอบใจ
“เอาแบบนี้ ด้วงกับมัมเป็นหมู ให้แด๊ดเป็นหมาป่า ดีไหม” มีคุณล่อหลอกเพื่อที่จะได้นอนบนเตียงด้วย
“เอาๆ จัวแด๊ด แด๊ดจะจินหยูกหมู” ด้วงพยักหน้าก่อนจะซอยเท้ายิกๆ ทำเป็นหนีมีคุณ ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมบังตัวเองเอาไว้
“อย่าทำให้ด้วงตกใจนะ” นับตับค์กระซิบบอกเพราะกลัวด้วงจะร้องไห้อีก
“แด๊ดไม่กินลูกหมูตัวเล็กหรอก แด๊ดจะรอกินลูกหมูตัวใหญ่” มีคุณยิ้มเจ้าเล่ห์
“เคยเห็นหมาป่าฟันหักไหม” นับตังค์ถาม
“ทำไม ลูกหมูตัวใหญ่หนังเหนียวขนาดนั้นเลยเหรอ” มีคุณแกล้งตกใจ
“ทั้งเหนียวทั้งเค็มเลยเหอะ กัดคำหนึ่งก็แสนหนึ่ง” นับตังค์ลอยหน้าลอยตาใส่
“แพงจัง งั้นคงต้องเลือกที่กัด กัดตรงไหนดีนะ เอาแบบคำเดียวอิ่ม” มีคุณเอานิ้วมาเกาคางแล้วมองนับตังค์ตั้งแต่หัวไปหยุดตรงเป้าหมายสำคัญ นับตังค์รีบลดมือไปกุมเป้าของตัวเองก่อนจะหันหลังให้มีคุณ หันไปเจอด้วงกำลังลดผ้าห่มลงมาจนเห็นดวงตาเป็นประกายใสซื่อบริสุทธิ์
“มัมมาหยบตุงนี้ หมาป่าจาจัดมัม จะจินมัม” ด้วงเรียกนับตังค์ให้มาหลบด้วยกัน นับตังค์เลยกระโดดขึ้นเตียงแล้วสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มกับด้วง
“คิดจะหลบในบ้านเหรอ หมาป่าจะเป่าบ้านแล้วนะ” มีคุณขยับเข้าไปใกล้เตียงแล้วทำท่าคลานให้เหมือนหมาป่า
ด้วงเห็นมีคุณแล้วตื่นเต้นสนุกสนาน หัวเราะคิกคักก่อนจะหมุดหลบเข้าไปในผ้าห่ม มีคุณคลานมาจนถึงตัวของนับตังค์ได้ก็ก้มลงไปจูบนับตังค์ ด้วงก็ดิ้นดุ๊ดดิ๊กแอบอยู่ในผ้าห่มไม่รู้เรื่องไม่รู้ราว จนมีคุณถอนจูบออกเป็นจังหวะเดียวกับที่ด้วงโผล่ออกมาจากผ้าห่มพอดี
“หมาป่าเป่าปู้ดๆ” ด้วงหน้ามุ่ยทำท่าเป่าปากให้ดู เพราะไม่เห็นว่าหมาป่าจะเป่าให้บ้านปลิวสักที
“นั่นดิ ไม่ได้เรื่อง” นับตังค์หน้าแดงแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมหน้าของตัวเอง
“โอเค เอาใหม่นะ หมาป่ามาแล้ว” มีคุณอมยิ้มก่อนจะถอยไปตั้งหลักที่ขอบเตียงใหม่ เมื่อทำท่าคลานมาด้วงก็หัวเราะแล้วหลบไปในผ้าห่มอีกรอบ จนมีคุณทำเสียงเป่าให้ได้ยิน ด้วงถึงหัวเราะเสียงดัง
“เรามาจัดการหมาป่ากัน” นับตังค์บอกกับด้วงก่อนจะดึงผ้าห่มออกแล้วดันมีคุณให้ล้มก่อนจะคร่อมทับตัวของมีคุณ ด้วงลุกขึ้นมานั่งคร่อมตรงอกของมีคุณบ้าง
“ฉู้กับหมาป่า” ด้วงหัวเราะชอบใจ แต่ด้วงไม่ได้ทำอะไรมีคุณเลย หากเป็นเด็กคนอื่นคงตีหมาป่าด้วยความสนุกตามประสาเด็ก ด้วงแค่พูดแล้วทำท่าต่อยลมแค่นั้น นับตังค์เห็นแล้วอดเอ็นดูด้วงไม่ได้จึงหอมแก้มด้วงแล้วกระซิบที่หู ด้วงได้ยินแล้วก็ก้มลงไปหอมมีคุณ เพราะนับตังค์บอกว่าถ้าหอมหมาป่า หมาป่าจะตายไปเอง แต่ด้วงหอมทั้งซ้ายทั้งขวา แต่หมาป่าแด๊ดดี้ก็ไม่ยอมตายสักที
“มัมฆ่าหมาป่าเยย” ด้วงลุกออกจากตัวของมีคุณแล้วดึงแขนเสื้อของนับตังค์ให้ขยับขึ้นมา คราวนี้มีคุณรีบป่องแก้มรอ
“ด้วงฆ่าสิ มัมไม่ฆ่าหรอก” นับตังค์รีบโวยวายเบาๆ ไม่กล้าเสียงดังกลัวด้วงตกใจ
“ไม่เอา มัมทำ มัมทำ” ด้วงกระโดดซอยเท้าเร่งเร้าให้นับตังค์ทำเพราะกลัวหมาป่าจะมาเป่าบ้านอีก สุดท้ายนับตังค์จำต้องก้มลงไปหอมแก้มมีคุณ แต่มีคุณก็ยังไม่ยอมแกล้งตายสักที ด้วงจึงลงไปนั่งข้างๆ แล้วช่วยหอมแก้มมีคุณจนน้ำลายเต็มแก้มของมีคุณไปหมด
“ฮ่าๆ” นับตังค์หัวเราะเยาะมีคุณ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อมีคุณรั้งคอนับตังค์ให้โน้มลงมาแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมก่อนจะจูบนับตังค์เพราะทนความน่ารักของนับตังค์ไม่ได้
“หมาป่าจินมัมแย้ว มัมตายแย้ว หนีๆ หนูหนีจ่อน” ด้วงเห็นนับตังค์หายเข้าไปในผ้าห่มกับหมาป่าก็ร้องโวยวายตามประสาเด็ก ก่อนจะหนีไปนอนซบที่หมอน แอบตะแคงหน้ามาดูก็ยังไม่เห็นนับตังค์ออกมาจากผ้าห่ม จนพักใหญ่ที่ผ้าห่มถูกเปิดออก นับตังค์ทิ้งตัวลงมานอนข้างด้วง หน้าแดงไปหมดจนด้วงกลิ้งมานอนกอดแขนของนับตังค์เอาไว้
“มัมมัมเยือดออกหน้าเยย ยิงหมาป่าโป้งเยย” ด้วงลูบแก้มนับตังค์ก่อนจะยกนิ้วทำเป็นปืนยิงไปที่มีคุณ มีคุณเลยต้องแกล้งตายบ้าง
“นอนกันเนอะ” นับตังค์พลิกตัวมากอดด้วงแล้วลูบผมเบาๆ ด้วงจึงยอมนอนนิ่งๆ
มีคุณเห็นว่าด้วงกับนับตังค์เงียบไปแล้วเลยพลิกตัวมาแล้วสวมกอดนับตังค์จากทางด้านหลังบ้าง หอมไปที่ผมของนับตังค์เบาๆ ก่อนจะหลับตาลง ปกติเขาไม่เคยนอนโดยที่ยังไม่ได้อาบน้ำ อย่างที่บอกไปว่าเขาเป็นคนรักสะอาด แต่ทำไมวันนี้เขากลับรู้สึกสดชื่นสบายตัว ทุกอย่างรอบตัวดูจะหอมหวานไปหมด ได้กลิ่นแป้งเด็กของด้วง ผสมกับกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวนับตังค์ มันทำให้มีคุณไม่อยากลุกไปไหนแล้ว
การได้ใกล้ชิดกับนับตังค์มันทำให้มีคุณมีคำถามให้กับตัวเอง การที่เขาได้กอด ได้จูบ ได้ใกล้ชิด มันทำให้ร่างกายของเขาเกิดความต้องการตามกลไลของความเป็นมนุษย์ แต่ความต้องการนี้มันไม่ได้ก่อเกิดจากความหื่นกระหายหรือความดิบของตัณหา ต้องการมากแต่ไม่ทุรนทุราย มันดูย้อนแย้งในตัวเอง มีคุณไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกนี้ออกมาได้อย่างไร และควรใช้ถ้อยคำไหนถึงจะเหมาะสมกับอาการแบบนี้ เคยวิจารณ์อาหารมาตั้งมากมาย แต่พอมาถึงความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายที่ชื่อนับตังค์คนนี้ มีคุณกลับไปไม่เป็น เมื่อไม่มีเหตุผลที่ดีมารองรับความรู้สึกที่เกิดขึ้น มีคุณจึงเดาว่า แบบนี้รึเปล่าที่เรียกความรัก
...เพราะเคยได้ยินมาว่า รักทำให้เราทำอะไรได้อย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะเป็นได้ เราโง่ได้แม้จะเป็นคนฉลาด เราฉลาดได้แม้จะเคยโง่มาก่อน เราร้องไห้และหัวเราะได้กับเรื่องไร้สาระในสายตาของคนอื่น เราลบเงื่อนไขที่เคยมีอย่างง่ายดาย เราเป็นอะไรได้ทุกอย่างโดยปราศจากทุกเหตุผลบนโลกใบนี้เมื่อเราอยู่ในห้วงแห่งความรัก...
“ฝันดีนะ...ที่รัก” มีคุณพูดเบาๆ ไม่รู้ว่านับตังค์ได้ยินรึเปล่า
ส่วนนับตังค์ที่นอนหันหลังให้มีคุณอยู่ก็ได้แต่ยิ้มออกมา แต่ก่อนเคยคิดว่าถ้าตัวเองโดนเรียกว่าที่รักคงจะเลี่ยนพิลึก แต่เมื่อถึงเวลาจริง การได้ยินคำนี้มาจากปากคนที่ตัวเองชอบ มันกลับทำให้ใจเต้นรัว รู้สึกมีความสุขจนอยากจะหันกลับไปกอดคนพูดแน่นๆ แต่เพราะเด็กน้อยที่นอนซบแขนของนับตังค์อยู่ทำให้นับตังค์ไม่กล้าขยับตัว จึงได้แต่ยิ้มและหลับตาลง คิดในใจว่า
‘เดี๋ยวตังจะกอดบอสในฝันไปก่อนแล้วกัน ก็สะดวกแบบนี้ให้ทำยังไงได้เนอะ’
...
เสียงนาฬิกาปลุกยังไม่ทันจะดังแต่นับตังค์ต้องตื่นขึ้นมาก่อน เพราะว่าโดนก่อกวนจากเจ้าตัวน้อยที่ตื่นขึ้นมาแล้วขึ้นมานอนบนตัวของนับตังค์ ด้วงคงตื่นขึ้นมาแล้วกลัวความมืด นับตังค์จับด้วงให้ลงไปนั่งข้างๆ ลุกขึ้นมาแล้วหยิบนาฬิกาขึ้นมาดู เห็นว่าเกือบจะตีห้าแล้ว มีคุณยังหลับสนิทอยู่ ด้วงก็ตื่นแล้ว นับตังค์เลยตัดสินใจพาด้วงไปล้างหน้าล้างตาล้างก้นแล้วพาลงไปข้างล่าง นับตังค์พาด้วงไปในสวน แล้วให้ด้วงยืนรออยู่ที่ศาลานั่งเล่นเพราะกลัวว่าจะโดนน้ำค้าง ส่วนตัวเองเด็ดดอกไม้ที่ต้องการได้จนครบแล้วจึงพาด้วงกลับเข้าไปในครัว
ถึงเวลาตีห้าขมิ้นก็ขับรถมาจอดรออยู่ที่หน้าบ้านตรงเวลา นับตังค์อุ้มด้วงเข้ามาในรถก่อนจะส่งขวดนมให้ด้วงกิน ขมิ้นทักทายด้วงก่อนจะขับรถพาทั้งคู่ไปที่ตลาดสด เมื่อมาถึงตลาด นับตังค์ให้ด้วงเลิกดูดขวดนมแล้วให้ลงเดินเอง โดยตนเองจูงมือเอาไว้ตลอด ด้วงตื่นตาตื่นใจเมื่อได้เห็นปลาที่ดิ้นอยู่ในกะละมัง ปลาตัวหนึ่งดีดตัวอย่างแรงจนน้ำกระเด็นขึ้นมา ด้วงตกใจจึงเดินถอยหลังไปอย่างเร็วจนกระทั่งไปชนกับคนที่เดินอยู่ด้านหลัง
“ขอโทษครับ” นับตังค์หันไปขอโทษคนที่ด้วงเดินชน พบว่าเป็นชายสูงวัย รูปร่างสูงใหญ่ ท่าทางดูน่าเกรงขาม
“ทำไมไม่รู้จักจูงเด็กให้ดี นายเจ็บไหมครับ” ผู้ชายที่เดินตามชายสูงวัยมาเข้ามาดุด้วงกับนับตังค์ ก่อนจะหันไปพินอบพิเทาเจ้านายของตัวเอง
“จัว หนูจัว” ด้วงหันมากอดขาของนับตังค์แล้วเริ่มเบะปากเมื่อโดนดุเสียงดัง
“เด็กตัวนิดเดียวจะไปเจ็บอะไร แกก็เวอร์ไม่เข้าเรื่องนะไอ้เท่ง” คนเป็นนายหันมาต่อว่าลูกน้อง
“ผมขอโทษด้วยครับ ด้วงครับ ขอโทษคุณลุงก่อน” นับตังค์ยกมือไหว้ชายสูงวัยเมื่อเห็นว่าดูมีความเข้าใจในสถานการณ์มากกว่าคนที่เป็นลูกน้อง ด้วงลังเลยังไม่กล้าหันไปมอง จนนับตังค์จับด้วงให้หันไป ด้วงเง้ยขึ้นมองหน้าคนตรงหน้าก่อนจะยกมือไหว้แล้วรีบหันกลับมากอดนับตังค์ใหม่
“ไม่เป็นไร ชื่อด้วงเหรอ ไหนขอลุงอุ้มหน่อย เดี๋ยวลุงให้ขนม” ชายสูงวัย ซึ่งก็คือพยนต์ พูดกับด้วงด้วยความเอ็นดู
“ด้วงครับ ผู้ใหญ่คุยด้วยหันมาก่อน” นับตังค์ย่อตัวลงแล้วพูดกับด้วง ด้วงก้มหน้าก้มตาก่อนจะยอมหันกลับไปมอง
“ไม่เอาไม่อุ้ม” ด้วงส่ายหน้า
“อยากกินขนมไหม ลุงมีขนมครกอร่อยมากเลยนะ” พยนต์ชวนด้วงคุย ด้วงมองหน้านับตังค์ก่อนจะหันมาพยักหน้าให้พยนต์ พยนต์จึงสั่งเท่งให้ไปเอาขนมครกเจ้าดังของตลาดมาให้ด้วง สักพักเท่งก็วิ่งกลับมาพร้อมถุงขนมครกร้อนๆ
“ขอบคุณครับก่อน” นับตังค์บอกด้วง ด้วงยกมือไหว้อย่างว่าง่าย
“นายหัวพยนต์” ขมิ้นเดินมาสมทบนับตังค์หลังจากที่เอารถไปจอดเรียบร้อยแล้ว เมื่อเห็นนับตังค์คุยอยู่กับนายหัวพยนต์ก็ตกใจ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อมาถึงขมิ้นก็ยกมือไหว้ด้วยมารยาท ทั้งๆ ที่ขมิ้นไม่ชอบนายหัวพยนต์อย่างแรง
“มาด้วยกันเหรอ” นายหัวพยนต์เห็นขมิ้นก็เปลี่ยนสีหน้าท่าทาง น้ำเสียงที่ดูอ่อนโยนเมื่อครู่เข้มขึ้นจนนับตังค์รับรู้ได้
“ที่แท้ก็ไอ้ขมิ้นข้าทาสไอ้อนันต์นี่เอง” เท่งเปิดฉากทันทีที่เห็นขมิ้น
“มึงนิ...” ขมิ้นจะเดินเข้าหาเท่งแต่นับตังค์คว้าข้อมือเอาไว้
“ผมขอตัวไปซื้อของก่อนนะครับ ขอบคุณสำหรับขนม” นับตังค์ยกมือไหว้พยนต์ ด้วงยกมือไหว้ตาม พยนต์เห็นแล้วแค่พยักหน้าให้ก่อนจะหันหลังเดินออกไปด้วยท่าทีหมางเมินต่างจากตอนแรกเจอ
“กูไปก่อนนะไอ้ทาส” เท่งพูดกับขมิ้นก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
“ไม่น่าห้ามพี่เลยนิตังนิ” ขมิ้นเจ็บใจ
“ตังไม่อยากให้ด้วงเห็นความรุนแรง” นับตังค์บอกเหตุผล
“เออ พี่ลืมไป โทษทีนิ” ขมิ้นถอนหายใจออกมาเพื่อระบายความโกรธ
“ไปซื้อของต่อดีกว่า อย่าไปใส่ใจพวกปากหมาเลย” นับตังค์อุ้มด้วงส่งให้ขมิ้น เพราะตัวเองต้องเลือกของ แต่เดินเลือกได้ไม่เท่าไหร่ก็มีคนเดินมากระชากไหล่ของนับตังค์อย่างแรง
“เมื่อกี้มึงว่าใครปากหมา” เท่งท่าทางเอาเรื่องนับตังค์ พูดเสียงดังจนด้วงสะดุ้ง แม่ค้าขายปลาโทรไปบอกเท่งว่านับตังค์ด่าเท่งว่าปากหมา เท่งถึงได้ย้อนกลับมาจัดการคนที่ด่าตนลับหลัง
“พี่พาด้วงไปที่รถก่อน เอาของไปเก็บด้วย” นับตังค์บอกกับขมิ้น
“หม่าย ตังแหละพาด้วงไป ทางนี้พี่จะจัดการเองนิ” ขมิ้นรู้สึกอยากจะลองหมัดกับไอ้เท่งจะแย่แล้ว
“พี่บ่าว ทำอย่างที่ตังบอกนะ” นับตังค์พูดกับขมิ้นด้วยท่าทางจริงจัง ขมิ้นลังเลเพราะกลัวนับตังค์จะถูกทำร้าย แต่สุดท้ายก็จำต้องอุ้มด้วงออกไปด้วยความขัดใจ
“กลัวแพ้แล้วอายเด็กรึไงว่ะไอ้หน้าอ่อน” เท่งเยาะเย้ยนับตังค์
“จะเอาตรงนี้หรือตรงไหน บอกมาเลย ถ้าตรงนี้ข้าวของพัง มึงบอกเจ้านายมึงเองนะว่ามึงหาเรื่องเอง” นับตังค์ถาม เขาไม่จำเป็นต้องสุภาพกับคนถ่อย ถ่อยมาก็ถ่อยกลับไม่มีโกง
“ฮ่าๆ โธ่เอ้ย หน้าอ่อนอย่างมึง ของยังไม่ทันพังหรอก หมัดเดียวมึงก็จอดแล้ว” เท่งหัวเราะเยาะ
(มีต่อด้านล่างค่ะ)
V
V