Stay Gold: 1
บนโลกนี้มีคนอยู่ประมาณ 7 พันล้านคน แต่ละคนต่างมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง ผ่านทุกข์ สุข ทั้งพลาดพลั้งหรือประสบความสำเร็จแตกต่างกัน
แต่เรื่องนี้จะเป็นเพียงเรื่องของคน 2 คนกับคนรอบๆ ตัว ที่คุณอาจจะเจอพวกเขาอยู่ในสังคมหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง คุณอาจพบเจอพวกเขามาแล้ว ในห้างสรรพสินค้า บนถนนที่วุ่นวาย คนที่ต่อคิวข้างๆ หรืออาจจะเป็นคนที่คุณคิดว่าพบเจอได้แต่ในนิยายเท่านั้น
เรื่องของพวกเขาก็เหมือนคนทั่วไป ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบหรือขวากหนาม เป็นคนปกติๆ ธรรมดาๆ หาพบได้ตามท้องถนน ถ้าพูดให้เฉพาะเจาะจงหน่อย ก็เป็นผู้ชายสองคน ที่รักกัน อยู่ด้วยกัน ใช้ชีวิตเรียบง่ายธรรมดา ไม่ต่างจากคนทั่วไป
เรื่องนี้เป็นเรื่องราวง่ายๆ แบบนี้
และมันเริ่มจาก...โรงเรียนรัฐบาลขนาดใหญ่ใจกลางเมืองแห่งหนึ่ง ในโรงเรียนนี้มีนักเรียนหลายพันคน ครูอีกหลายร้อยคน และในจำนวนคนมากมายเหล่านี้ ไม่มีใครไม่รู้จัก 'ฟงอวิ๋น' นักเรียนชั้นม. 4/8 สายวิทย์-คณิต ทั้งๆ ที่เจ้าตัวไม่ได้เรียนดี เป็นที่รักใคร่ของคุณครู หรือหน้าตาดี หล่อลากจนสาวกรี๊ดหรือนิสัยดี มีความเป็นผู้นำ ในทางกลับกัน กลับเป็นที่ส่ายหน้าของครูอาจารย์ หน้าตาก็ธรรมดาๆ ตามประสาลูกคนจีนทั่วไป ไม่มีอะไรโดดเด่น ผลการเรียนก็ดิ่งลงเหว สาวดีๆ ก็พากันเบือนหน้าหนี นิสัยก็เกเรจนเล่าลือไปจนถึงภารโรงและผู้ปกครอง
เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่สุด โด่งดังที่สุดในเรื่องที่ไม่ดีๆ ทั้งหลาย... กินเหล้าเมายา ยกพวกชกต่อย ใครๆ ก็รู้ว่าเขาเสพยาเสพติดหลายชนิด ดื่มเหล้าหัวราน้ำ มีเรื่องชู้สาวไม่เว้นวัน ทะเลาะชกต่อยกับคนโน้นคนนี้ไปทั่ว... แต่บรรดาครูก็พากันเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ตราบใดที่ยังไม่มีหลักฐานมัดตัวชัดเจน ไม่ว่าครูหรือนักเรียนคนไหนก็ไม่มีใครอยากเอาไม้สั้นไปรันขี้... หรือไปยุ่งด้วยเท่าไหร่นัก
...เพราะเขารวยที่สุดในโรงเรียน พ่อแม่ตามใจมากที่สุดในโรงเรียน และเอาแต่ใจที่สุดในโรงเรียน!
และแล้ววันหนึ่ง ฟงอวิ๋นที่กร่างที่สุดในโรงเรียนเดินออกจากห้องพักครูด้วยอารมณ์คุกกรุ่น ถึงจะตาลอยเพราะฤทธิ์ยา แต่การโดนเรียกไปต่อว่าเพราะมีคนปากมากไปฟ้องกับฝ่ายปกครองว่าเขาเสพยานั้น ก็ทำให้อารมณ์ที่ไม่มั่นคงอยู่แล้วพาลจะระเบิดง่ายๆ หลังจากมีปากเสียงกับครูประจำชั้นแล้ว เขาก็รีบเดินออกจากตึก และได้พบกัน...
'รักครั้งแรก' มันกระเด็นเข้าตาจังๆ
สำหรับนายยุทธจักร นิคเนมฟงอวิ๋น วัยสิบหกปี นักเรียนชั้นมอสี่แล้ว รักครั้งแรกคงหน้าตาแบบนี้แหละ...
...ขายาว ตาคมหวาน ผิวสีน้ำผึ้ง จมูกโด่ง ปากอิ่ม รูปร่างผอมบาง
ถึงจะใส่กางเกงสามส่วนกับเสื้อคอโปโลสีเทาก็ยังเห็นสรีระชัดเจนอยู่ดี
สำหรับเขาแล้ว คนสวยมีสองประเภท ประเภทแรกคือสวยแบบแรดๆ หน้าตาสวยดีหรอก แต่เห็นก็รู้ว่าแรด แบบที่สอง คือสวยแบบไม่ต้องพยายาม สวยผุดผาด บาดตา ไม่ว่ามองมุมไหนก็สวย... คนตรงหน้านี้เป็นแบบที่สอง แบบที่หาได้ยากเต็มที
ร่างผอมเล็กเห็นเอวคอด บั้นท้ายงอน ไม่เข้าใจว่ากินอะไรเข้าไปถึงหุ่นดีขนาดนี้ ถึงหน้าอกจะแบน... อืม ช่างมันเถอะ มีใครในโลกบ้างที่เพอร์เฟค... แค่นี้ก็พาลให้น้ำลายไหลแล้ว
สีผิวน้ำผึ้งนวลแบบที่ไม่เหมือนคนไทยเลย ไม่ได้ดำหรือขาวจั๊วะแบบเขา แต่สีนวลเนียนแปลกตา เส้นผมสีดำขลับปรกใบหน้าเล็กเท่ากำปั้น แลให้เห็นจมูกโด่งรำไร เมื่อคนสวยเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้ากับตาตี่ๆ ของเขาพอดี
ดวงตานั้น... แค่มองผ่านๆ ก็สวยแล้ว ยิ่งดูก็ยิ่งสวย ตาเรียวรูปอัลมอนด์สองชั้นได้รูป ขนตาบนและล่างแผ่ออกจากกันงอนงาม สีตาดำขลับที่สะท้อนแสงแดดยามเย็นย่ำวิบวับ
เด็กน้อยที่สวยเกินวัยเดินตรงมาหาเขา ฟงอวิ๋นมั่นใจว่าไม่ใช่ภาพหลอนผลพวงจากโคเคนหรือไอซ์แน่นอน
"ขอโทษนะ..." เสียงก็ยังหวานสมตัว สุภาพ อ่อนโยน เมื่อเข้ามาใกล้จึงเห็นคิ้วเข้มโค้งสวย ร่างกายไร้ที่ตินั้นสูงแค่หน้าอกเขาเท่านั้นเอง
"ห้องพักครูไปทางไหน..."
ใบหน้าจืดชืดของคนฟังมีวี่แววงุนงงเหมือนต้องมนตร์ นัยน์ตาสวยตรงหน้าเหมือนจะสยบร่างยักษ์ให้อยู่หมัด ฟงอวิ๋นกระแอมสองสามครั้ง ผิวขาวอย่างลูกคนจีนร้อนฉ่า หัวใจเต้นรัวอย่างไร้ที่มาที่ไป
"ห้องพักครูไหนล่ะน้อง ? มาหาใคร ?"
คิ้วสวยเลิกขึ้นนิดๆ ท่าทางเยือกเย็นแต่สุภาพ ไว้ตัวนั้นยิ่งทำให้ฟงอวิ๋นอยากจับมาไว้ใต้ร่าง ซุกไซ้ซอกคอชื้นเหงื่อนั่นดูสักครั้ง...
"มาหาแม่... ครูนาถลดา"
ยักษ์ใหญ่ฟังแล้วขมวดคิ้วบ้าง ครูนาถลดา...
ภาพของครูจอมเฮี้ยบวัยกลางคนแล่นเข้าในสมอง คนที่เพิ่งดุด่าเขามา... คนเดียวที่กล้าดุด่าเขาก็คนนี้แหละ!
สีหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยเปลี่ยนไปทันที ก่อนถามเสียงห้วน "นาถลดาไหน ?"
เด็กตรงหน้าขบริมฝีปากน้อยๆ กับท่าทางที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ก็ยังคงตอบกลับอย่างสุภาพ "ครูนาถลดา... ที่สอนภาษาไทยมอสี่"
ชัดเลย!
เหมือนล้มทั้งยืน!
นาถลดาพาทัวร์นรก... นาถลดาดาวศัตรูข่มชีวิตวัยรุ่นของนายฟงอวิ๋น เป็นทั้งครูประจำชั้น ครูสอนภาษาไทยและครูฝ่ายปกครอง ทั้งดุ ทั้งเฮี้ยบที่สุดในโรงเรียน เป็นครูคนเดียวที่ไม่เกรงกลัวอำนาจเงินและพยายามเอาตัวเด็กหนุ่มออกจากวงจรชั่วร้าย อย่างเหล้า บุหรี่ ผู้หญิง... หรือยา
แต่อย่างไรฟงอวิ๋นก็เรียกตัวเองว่ายังเรียกไม่ได้ว่าเสพจริงจัง... เขาใช้ไอซ์บ้าง โคเคนบ้าง กัญชาบ้าง ถึงจะยังไม่ได้ขายและเสพเต็มตัว แต่เงินที่พ่อแม่ให้ก็หายไปกับยาไม่น้อย
"อ้อ..." คำตอบยานคางอย่างยียวน อารมณ์แปรเปลี่ยนฉับพลัน "แต่ได้ยินว่าครูมีแต่ลูกชาย..."
"เราเป็นผู้ชาย... ลูกชาย!" คำตอบเสียงดังโดยไม่รู้ตัว ริมฝีปากอิ่มสวยเม้มแน่น ตาวาว ท่าทางเหมือนแมวน้อยโดนแกล้งแต่ก็ยังดูยโส ไว้ตัวอยู่ ฟงอวิ๋นถึงจะแปลกใจที่ 'สาวสวย' ตรงหน้าเป็นผู้ชาย แต่ท่าทางแบบนี้ทำให้รู้สึกอารมณ์ดีอย่างประหลาด
เด็กหนุ่มอายุมากกว่าพยักหน้า "อ้อ..."
"ตกลงว่าไปทางไหน...." เสียงค่อนข้างห้วน "ครับ..." แต่ก็ยังคงความสุภาพ ฟงอวิ๋นจึงพยักหน้าน้อยๆ อารมณ์ขุ่นมัวจางหายไปรวดเร็วเหมือนสายลม
เด็กคนนี้ยิ่งมองยิ่งสวย... ยิ่งนิสัยยิ่งน่ารัก
แต่เอาเถอะ... จะสวยขนาดไหนก็เป็นผู้ชาย เขาคิดแล้วไหวไหล่
"น้องเดินตรงไป จะเจอโรงอาหารแล้วเลี้ยวซ้าย..."
กลิ่นน้ำหอมฟุ้งตลบ ยิ่งเหงื่อออกมาก กลิ่นยิ่งแรง สาวน้อยเอวบางใกล้ตัวเขาพลิกกาย เสียดสีหน้าอกขนาดมหึมาพลางหัวเราะคิกคัก ร่างสูงใหญ่คร้านจะพูดอะไร ได้แต่หยิบบุหรี่ข้างหัวเตียงและผลักเธอออก
ยังช็อกไม่หาย...
...สวยขนาดนั้น...เท้าเหยียบถุงยางอนามัยใช้แล้ว ไอ้ยักษ์ร้องลั่นอย่างรังเกียจ "ริน! มาเก็บซะ!"
สาวน้อยบนเตียงทำปากยื่น "ก็ของตัวเองนั่นแหละ ยังมาทำเป็น..."
"เก็บกวาดให้กูด้วย" เขาไม่ฟังต่อ เปิดประตูห้องนอนออกไปเพื่อพบกับกลุ่มเด็กวัยรุ่นหญิงชายแยกเป็นกลุ่มๆ ทั้งห้องมีกลิ่นยาไอซ์คละคลุ้ง ข้างๆ กันเป็นแก้วเหล้าเย็นชืดหลายสิบแก้ว บางคนนอนระเกะระกะ บางคนเอาตัวพาดกับโซฟาราคาแพง บางคนกำลังสูดไอซ์เข้าจมูก ฟงอวิ๋นหัวเราะท่าทางน่าสมเพชเหล่านั้น
...แค่โยนเงินเข้าไป จะเอาอะไรก็มีหมด
สาวสวยร่างกายซูบผอมสูดยาจากหลอดดูดพลาสติกจากขวดยาคูลท์เล็กๆ ท่าทางชวนสังเวช เธอเงยหน้าขึ้นอย่างสุขสม ร่างกายผอมผ่ายสั่นระริก
หลังไอซ์... ก็เซ็กส์
ฟงอวิ๋นก้าวไปหาหล่อน มือคีบบุหรี่ก่อนพ่นควันออก หยิบถุงยางที่วางกระจัดกระจายมาชิ้นหนึ่ง เธอช่วยคลานขึ้นมาสวมให้
ระหว่างที่เสพสมกับร่างเหมือนผีดิบ เขายกมือขึ้นเคล้นหน้าอกอิ่มจากพลาสติกเป็นพิเศษ... คล้ายกับพยายามโยนใบหน้าหวานคมสวยและท่าทางไว้ตัวนั้นออกจากสมอง
ฟงอวิ๋นปาร์ตี้หนักมาสามวันแล้ว ตอนกลับคอนโดส่วนตัวที่พ่อแม่ประเคนหามาให้ยังต้องใช้คนหาม... ไม่ใช่ใคร ก็ลิ่วล้อทั้งหลายที่มาตามกลิ่นเงินนั่นแหละ
เริ่มอยากยาขึ้นเรื่อยๆ
ทุกครั้งที่หลับตา จะเห็นแต่หน้านั้น...
ภาพหลอนลอยฟุ้ง เขาคว้าเอาเกย์สาวหน้าตาน่ารักมาใช้ระบายแทน ก็ใช้ได้ไม่เลว... ถึงจะไม่นมไม่มีก้นเหมือนผู้หญิงก็ตาม
แรงขับเคลื่อนเบื้องต่ำยิ่งรุนแรง อยากกระแทกกายเข้าไปให้ใบหน้าสวยนั่นเหยเก อยากทำให้ร้องคราง...
พวกลิ่วล้อพอเดาอาการเขาได้ วันหนึ่งในผับ บนตักมีผู้หญิงถูไถ ปากพ่นควันจากกัญชานั้น ไอ้หน้าแหลมคนหนึ่งก็สะเออะพูดขึ้นมา
"ลูกอีนาถสวยชิบหาย"
"คนไหนวะ"
"นาถลดา ที่สอนภาษาไทย"
เสียงหัวเราะไร้ความหมายดังขึ้นรอบวง ฟงอวิ๋นละมือจากผู้หญิงที่ไม่รู้ชื่อโดยไม่รู้ตัว
"เป็นผู้ชายนี่ ?"
"เออ แต่สวยมากกกกกกกก" ลากเสียงยาวด้วยแววตาหื่นกระหาย "กูว่าจะจับมาเอาให้หายแค้น อีห่าแม่มันเสือกเรื่องพวกเรานัก!"
เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง ฟงอวิ๋นปากัญชาในมือใส่ไอ้คนพูด ใบหน้าล่องลอยเปลี่ยนเป็นเหี้ยมเกรียม "มึงพูดถึงใครนะ!"
"อีน้ำแกง กูว่ามันต้องเป็นตุ๊ดแน่ๆ เลยฟง ลูกชายอีนาถลดาไง!"
"มาเอาซักทีเป็นไง!" เสียงพูดโลดโผน
ใบหน้าหวานโผล่ขึ้นมาในสมอง... ที่แท้คนสวยคนนั้นชื่อน้ำแกง...
...ชื่อประหลาด...
แต่สวย... สวยโดดเด่นเกินใคร... ถึงจะเป็นผู้ชายก็ตาม
"พวกมึงห้ามยุ่ง!" คนตัวยักษ์คำราม ผลักผู้หญิงออกจากตัก "คนนี้ของกู!"
พวกลูกน้องสะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบพยักหน้าเอาใจ "ได้อยู่แล้ว... มีอะไรดีๆ ก็ต้องให้ฟงก่อนอยู่แล้ว..."
ฟงอวิ๋นนอนกลิ้งบนเตียง พวกลิ่วล้อออกไปจากคอนโดแล้ว ใบหน้าเขาเยิ้มด้วยความสุขสม...
...น้ำแกง... น้ำแกง... อา... ชื่อเพราะจังพวกลูกกระจ๊อกให้คำมั่นว่าจะจับน้ำแกงมาให้เขา... อา... เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างมีความสุข แก่นกายชูชันทั้งจากอารมณ์และฤทธิ์ยา
จะกระแทกเข้าไปในก้นสวยๆ จะเอาให้ร้องครางหาแม่ ใบหน้าสูงส่งนั่นจะถูกทำจนร่านราคะ จะกระแทกกระทั้นจนเอวหัก ให้รูก้นฉีก จะจูบจนปากบวม....
"น้ำแกง... น้ำแกง..." ครางเรียกชื่อคนในฝันจนคอแหบแห้ง มือสากหนารูดรั้งอย่างรุนแรง...
...ชั่วขณะที่ถึงจุดสุดยอด เขามองเห็นใบหน้านั้นเบือนกลับมาสบ... มอบรอยยิ้มหวานใสสะอาดให้ พร้อมเสียงหวานที่ดังข้างหู...
เขามั่นใจว่าเป็นภาพหลอน...
'รัก...'อาจเป็นโชคของน้ำแกงที่ไม่ต้องถูกฟงอวิ๋นข่มขืน เพราะอีกสองสัปดาห์ต่อมา สารวัตรนักเรียนก็จับพวกเขาได้คายาไอซ์ที่ห้องน้ำหลังโรงเรียน
ฟงอวิ๋นและพวกถูกเรียกผู้ปกครองด่วน ใบหน้าของบิดามารดาที่เห็นเข้าพร้อมของกลางนั้น... เขาจำได้จนตาย
ฟงอวิ๋นเป็นลูกคนเล็ก พ่อแม่มีเขาตอนที่อายุมากแล้ว เพราะอายุห่างจากพี่ๆ เลยทำให้ถูกโอ๋ ตามใจที่สุด ครอบครัวของเขาเป็นครอบครัวใหญ่ มีอากงอาม่าครบ มีพี่ชายสองคน พี่สาวหนึ่งคน พี่คนโตจบนิติศาสตร์แต่ทำงานสืบต่อธุรกิจจากบิดามารดาและทำได้ดี ส่วนพี่คนรองช่วยธุรกิจเรื่องส่งออก พี่สาวคนที่สามก็เรียนจบด้านนิเทศศาสตร์ แต่มาเป็นดีไซเนอร์ มีสตรีทแบรนด์เป็นของตัวเอง ธุรกิจไปได้ดีทีเดียว เรียกได้ว่าทุกคนประสบความสำเร็จกันหมด จึงไม่ค่อยมีใครคาดหวังอะไรกับลูกคนเล็กนัก ในทางกลับกัน กลับโอ๋และตามใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าฮ่องเต้น้อยอยากได้อะไร ต้องมีพี่หรือญาติๆ สักคนประเคนมาให้ ฟงอวิ๋นจึงเป็นเด็กที่ไม่เคยขาด ตามใจตัวเอง อารมณ์ร้าย ไม่ชอบรอและไม่ค่อยมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเท่าใดนัก
เรื่องของฟงอวิ๋นไม่ใช่เพราะไม่มีใครในครอบครัวสนใจ แต่เป็นเพราะรักมากไป... อาป๊าอาม๊าของเขาก็กลัวว่าจะถูกลูกตัวเองเกลียดหากดุด่ามากไป ส่วนพี่ๆ ก็กลัวหัวใจเปราะบางของน้องชายจะสลาย ทั้งครอบครัวเลยได้แต่มอบความรัก... จนมากเกินไป จนเขาไม่รู้ว่าความรักคืออะไร ไม่เห็นคุณค่าของครอบครัวและใช้ชีวิตเยี่ยงราชามาตลอด
พอเข้ามัธยม ชีวิตของฮ่องเต้น้อยก็ดิ่งลงเหว พ่อแม่ทั้งตามใจ เอาใจ จะโดดเรียนหรือไม่สนใจการเรียนก็ได้แต่ตักเตือนเล็กๆ น้อยๆ เพียงเพราะคิดว่าตัวเองเข้มงวดกับลูกทั้งสามก่อนหน้ามาแล้ว จึงไม่อยากให้ลูกคนเล็กต้องเครียดอีก พอฟงอวิ๋นเอ่ยปากขอคอนโดส่วนตัว ทั้งๆ ที่อายุแค่ 15 ถึงอากงอาม่าจะคัดค้าน แต่เพราะรักลูกจนหน้ามืดตามัว ป๊าม๊าก็ซื้อคอนโดหรูให้อยู่ใจกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย พี่ๆ ก็กลัวน้องจะลำบากเพราะการเดินทาง ก็ซื้อรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ยี่ห้อหรู ราคาเหยียบล้านให้ใช้งาน ถึงจะกำชับว่าอย่านำไปใช้แข่งหรือขับเร็วนัก แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากจริงจังอยู่ดี
และถึงทุกคนจะรู้ว่าฮ่องเต้ของพวกเขาเสพยา... แต่ก็กลับคิดว่า... เป็นลูกผู้ชาย หากเล็กๆ น้อยๆ ก็ปล่อยไป เป็นแค่ช่วงหนึ่งของชีวิตเท่านั้น...
...เรื่องชกต่อย ก็ช่างมันเถิด ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ตุ้งติ้ง ลูกผู้ชายต้องกร้าวแกร่ง
...เรื่องการเรียน อย่าไปจ้ำจี้จ้ำไชนัก ไหนๆ ฟงอวิ๋นก็เกิดขึ้นบนกองเงินกองทอง คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด ไม่จำเป็นต้องดิ้นรนมากมายเหมือนพี่ๆ ใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า
...เรื่องผู้หญิง นี่สิถึงเรียกว่าลูกผู้ชาย... ขอแค่อีกฝ่ายไม่ท้องหรือติดโรคมาก็เป็นอันใช้ได้
ในวันเกิดเหตุ ครูนาถลดาฟังบิดามารดาและพี่ๆ ของลูกศิษย์แล้วได้แต่ส่ายหน้า... ที่ลูกชาย น้องชายตัวเองเดินทางผิดมาจนถึงขนาดนี้... ไม่ใช่เพราะเลี้ยงลูกผิดๆ หรอกหรือ ?
ขนาดรู้ว่าลูกตัวเองผิด ป๊าม๊าที่รักลูกดั่งดวงใจก็ยังเถียงแทนลูกชาย มีเพียงพี่ชายคนโตที่ช่วยปรามและก้มหน้ายอมรับผิด
...ฟงอวิ๋นเป็นดวงใจของบ้าน และดวงใจของบ้านก็ทำให้หัวใจทุกคนแตกสลาย
พี่สาวคนที่สามเมื่อเริ่มยอมรับก็หลั่งน้ำตา ขอร้องไม่ให้ทางโรงเรียนไล่น้องชายออก ดีที่ครูนาถลดา ครูประจำชั้นที่ฟงอวิ๋นทั้งเกลียดทั้งกลัวเห็นใจ จึงช่วยพูดและรับรองให้ อีกทั้งยังช่วยครอบครัวปลอบประโลมเมื่อนายยุทธจักรรี่ตรงเข้ามาจะทำร้าย พี่ชายคนโตและคนรองรีบตะครุบตัวก่อนจะทำร้ายครูสำเร็จ ครูเพียงแต่ถอนหายใจ และสอนครอบครัวไปด้วย พลางมองเด็กหนุ่มร่างซูบผอมด้วยฤทธิ์ยาอย่างสะท้อนใจ
"...หลังจากนี้ ครูจะติดต่อสถานบำบัดให้นะคะ"
ทั้งครอบครัวได้แต่พยักหน้า รู้ซึ้งถึงคำว่า 'ครู' ที่แท้จริง
ครูนาถลดาไม่เพียงแต่ช่วยฟงอวิ๋นออกมาจากวงจรอุบาทว์หรือช่วยรับรองไม่ให้ตี๋น้อยต้องเสียอนาคต เธอยังช่วยครอบครัวให้ตาสว่าง ใช้ความรักในทางที่ถูกต้อง
นอกจากนั้น ครูนาถลดายังช่วยเป็นผู้รับผิดชอบติดตามเรื่องฟงอวิ๋นเพื่อนำไปรายงานให้โรงเรียนทราบอีกด้วย ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องติดตามตัวปัญหาอย่างเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย
ด้วยคำแนะนำจากครู ครอบครัวแซ่เอ็งจึงตัดสินใจพักการเรียนลูกชายคนเล็กไม่มีกำหนด และส่งกลับบ้านใหญ่เพื่อตัดขาดจากวงจรเพื่อนเดิมๆ ส่วนการบำบัดนั้น ฟงอวิ๋นได้รับการบำบัดจากสถานบำบัดแห่งหนึ่ง และใช้เวลารักษาตัวอยู่ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ บิดามารดาเขาได้แต่ยอมรับความจริงและจัดหาทุกอย่างเพื่อนำลูกชายกลับมา
ในตอนนั้น น้ำแกงหรือเด็กชายอักขระอายุ 15 ปี เป็นเด็กนักเรียนที่เด่นดังเช่นเดียวกับฟงอวิ๋น... ถึงจะอยู่ในโรงเรียนขนาดกลางๆ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นขั้วตรงข้ามเลยทีเดียว
น้ำแกงเป็นเด็กหน้าตาสะสวย ถูกเข้าใจผิดบ่อยๆ ว่าเป็นผู้หญิง ผิวสีน้ำผึ้งนวลดูไม่เหมือนคนไทย หน้าตาคมซึ้ง ดวงตาหวานฉ่ำ ผลการเรียนยอดเยี่ยม มีความรับผิดชอบสูง สุภาพอ่อนโยน มารยาทงาม เฉลียวฉลาด ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นที่รักของเพื่อนๆ และครูบาอาจารย์
เด็กชายอยู่คนละโรงเรียนกับฟงอวิ๋นและมารดา ในวันที่เขาพบรุ่นพี่ตัวปัญหานั้น โรงเรียนของเขาหยุดเพราะจัดกิจกรรมวิชาการ หลังจากแข่งขันคณิตศาสตร์เสร็จก่อนเวลาจึงตัดสินใจมาหาแม่ที่โรงเรียน เขาเปลี่ยนเสื้อผ้า ยัดชุดนักเรียนใส่เป้แล้วจึงนั่งรถเมล์มาลงที่โรงเรียนของฟงอวิ๋น เพราะไม่อยากโทรไปรบกวนตอนเวลาแม่ทำงานจึงเดินตามหาห้องพักครูด้วยตัวเอง และมาพบกับรุ่นพี่... ที่ไม่น่าเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย
ตัวฟงอวิ๋นตอนนั้น... ไม่น่าคบหา ตาขวางเหมือนคนบ้า ตัวสูงแต่ผอมกะหร่อง ใต้ตาดำคล้ำ ใบหน้าซีดเซียวเหยเก... น้ำแกงถึงกับคิดแวบหนึ่งว่า... เหมือนคนติดยา
แต่เพราะหลงทางและไม่เจอใครอื่น เขาจึงจำเป็นต้องถามทางจาก 'คนติดยา'
ฟงอวิ๋นน่าจะบ้าจริงๆ เพราะมองเขาแล้วก็เหม่อลอย ตอบสนองช้า แต่ถึงยังไงก็บอกทางให้เด็กชายไปหาแม่ได้ถูกต้อง... น้ำแกงจึงพูดขอบคุณเสียดิบดี
พอหันหลังให้... เด็กชายขนลุกน้อยๆ คล้ายสายตาของรุ่นพี่นั้นจะมองมาแปลกๆ... ไม่น่าไว้ใจ
น้ำแกงรับฟังเรื่องราวของฟงอวิ๋นระหว่างทางกลับบ้าน เพราะเป็นตัวปัญหาของแม่ เขาจึงอดโกรธไม่ได้ ระหว่างขับรถ ครูนาถลดาก็ลูบศีรษะลูกชายไปด้วย
"อย่าโกรธพี่เค้านะลูก คนเรามีช่วงเวลาที่ยากลำบาก... ที่หลงทาง เดินทางผิดกันทุกคน นี่เป็นหน้าที่ของแม่ที่ต้องช่วยลูกศิษย์ให้กลับมาเป็นคนดี... ไม่อย่างนั้น ครูก็ไม่ใช่ครู เป็นแค่คนสอนหนังสือเท่านั้นเอง"
น้ำแกงฟังแล้วพยักหน้า แต่ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก บางครั้งเขาก็อยากให้แม่เลิกเป็น 'ครู' จะได้ไม่ต้องกังวลกับลูกคนอื่น...
...คิดแล้วก็เกลียดตัวเองนัก เด็กชายเกลียดตัวเองที่คิดอะไรในแง่ลบแบบนี้...
........
// แก้ไขค่ะ เปลี่ยนโทนการเล่าเรื่องดูู ส่วนตัวชอบเขียนเรื่องรักสบายๆ อยู่แล้ว ดังนั้น ฟงแกงไม่ดราม่าแน่นอนค่ะ เรื่องนี้เป็น spin-off ของพี่เสือต่ายน้อย อีกเรื่องหนึ่งของเรานะคะ หากติดใจพี่น้ำแกงหรือฟง สามารถกลับไปติดตามพี่เสือต่ายน้อยได้ค่ะ หรือใครยังไม่ได้เสือต่าย ก็สามารถอ่านเรื่องนี้ได้เลยค่ะ มีตัวละครจากเสือต่ายมาแจมบ้าง แต่ก็ไม่มีเนื้อหาส่วนไหนต่อกันค่ะ
ตอนน้ำแกงยังเอ๊าะๆ ยังไม่มีเขี้ยวเล็บนี่น่ารักอ๊าาา เขียนเองแล้วรักเอง เป็นเด็กดี ซื่อๆ มากเลยค่ะ 555
ขอบพระคุณที่กดเข้ามาอ่านค่ะ