ตอนที่ 3ศาลาประชาคมประจำหมู่บ้านเต็มไปด้วยผู้คนที่มารอรับการรักษาดูท่าคงมารอกันแต่เช้าแล้ว และมีเจ้าหน้าที่ทั้งแพทย์ พยาบาลเตรียมของเตรียมสถานที่กันขะมักเขม้น ผมที่ติดสอยห้อยตามมากครั้งนี้จึงลงมือช่วยในส่วนที่ทำได้ หันไปแอบดูไอ้วินที่ทำตัวติดกับแฟนมันไม่ห่างเห็นแล้วก็หมั่นไส้และนึกอิจฉาที่มันมีคนที่มันรัก นั่น! โดนกัสดุซะแล้วสงสัยจะเจ้ากี้เจ้าการไม่ยอมให้แฟนมันหยิบจับยกของเอาซะละมั้งเห็นแล้วก็ได้ฮา ไม่นึกว่าคนแบบมันจะห่วงและหวงแฟนได้ขนาดนี้ ผมเลิกสนใจคู่รักแสนหวานหันกลับมาช่วยขนของลงรถจนหมด สำรวจว่ามีใครจะให้ช่วยอะไรมั้ยแต่เมื่อทุกอย่างอยู่นอก
เหนือความสามารถแล้ว จึงหยิบกล้องตัวโปรดคล้องคอจะหันไปชวนไอ้วิน แต่ไม่เอาดีกว่าก็ภาพที่เห็นนั่นมันกำลังง้อแฟนมันอยู่
ผมจึงเดินเลี่ยงออกมาเดินลัดเลาะไปตามแนวไม้จนเจอลานกว้างที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าเหมือนกำมะหยี่สีเขียวแซมด้วยดอกหญ้าสีเหลืองเล็กๆ ผมยกกล้องขึ้นส่องมองภาพผ่านเลนส์หามุมและเก็บภาพประทับใจ ผมมักจะเพลินเสมอเมื่อมีกล้องอยู่ในมือและชอบที่จะสะสมเก็บภาพของคน สิ่งของ หรือแม้แต่สถานที่ ขอแค่มันน่าประทับใจสำหรับผมเท่านั้น ใครจะมองว่ามันสวยหรือไม่ผมก็ไม่ได้สน
เสียงเล็กๆของคนคุยกันและหลุดเสียงหัวเราะบางช่วงดังขึ้นไม่ไกล เรียกร้องความสนใจของผมจากการถ่ายภาพได้ และผมจำเสียงนั้นได้ว่าเป็นเสียงของมิคและภาพที่ผมเห็นก็ไม่ได้ผิดจากที่คิด มิคเดินคุยเล่นหัวมากับเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ใส่ชุดชาวเขา ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันท่าทางมีความสุขเพราะเสียงหัวเราะหวานดังลั่นเหมือนถูกใจกับสิ่งเด็กหญิงเล็กๆนั่นพูด
‘แชะ แชะ’ อ้าว นั่นเสียงกดชัตเตอร์กล้องนี่ แล้วผมมาเล็งถ่ายภาพตรงหน้าตอนไหนนะ ผมแทบไม่รู้ตัวเลยว่าภาพมิคกับเด็กหญิงตัวน้อยนั่นจะอยู่ในข่ายความ ‘ประทับใจ’ ที่ผมต้องการเก็บสะสม ยิ่งใบหน้าภายใต้แว่นหนาที่มีรอยยิ้มกว้างที่ผมจ้องอยู่นี้มันเรียกความสนใจของผมให้หยุดมองมานานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ความรู้สึกตอนนี้คือคนในภาพ ‘น่ารัก’ ผมอยากเห็นใบหน้านี้ให้ชัดกว่านี้
ผมเอามือลูบหน้าเมื่อตกใจกับความคิดตัวเองและถึงรู้ว่าปากนั้นคลี่ยิ้มอยู่ วันนี้ตั้งแต่เช้าผมไม่ปกติเพราะคนในรูปมาหลายครั้งแล้ว ถ้าไม่โกหกตัวเองนั่นหมายความว่าผมสนใจหนุ่มน้อยในภาพงั้นเหรอ แต่มันไม่น่าเป็นไปได้ก็เรารู้จักกันมานานก็ตั้งแต่ไอ้วินมันเริ่มจีบกัสก็ผ่านมาเกือบสองปีแล้ว แต่อยู่ๆผมก็ดันใจกระตุกกับมิคเอาวันนี้น่ะเหรอ เงยหน้าอีกทีทั้งเด็กและผู้ใหญ่หายไปจากสายตาแล้ว ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือพบว่าเวลาผ่านมานานแล้วป่านนี้ที่ศาลาประชาคมเจ้าหน้าที่คงเริ่มทำงานกันแล้ว ผมจึงรีบเดินกลับไปพอถึงสายตาก็กวาดมองหามิคอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งขณะนี้ก็ทำหน้าที่อย่างแข็งขันและเด็กหญิงเล็กๆคนนั้นก็เป็นคนไข้ของหมอมิคบนเตียงทำฟัน
“เฮ้ย ไอ้ฟิน ยืนบื้ออะไรมาช่วยกันเลย” วินเข้ามาสะกิดเรียกผมจึงทำให้ละสายตาจากภาพตรงหน้ามาได้ เดินตามวินไปที่โต๊ะและนั่งเก้าอี้ว่าง
“มึงคอยแจกคิวให้คนไข้ที่มาทำฟันนะ และคอยเรียกเมื่อคนไข้ลุกจากเตียงแล้ว” มันมอบงานให้ผมเสร็จและทำท่าลุกออก
ไป
“อ้าว แล้วมึงล่ะจะไปไหน” ผมงงกับมันมากนี่หมายความว่ามันจะกินแรงเพื่อนอย่างผมและไปนั่งเฝ้าแฟนมันตรงนู้นใช่มั้ยเนี่ย
“กูจะไปช่วยส่งของให้กัสทางนู้น มึงทำหน้าที่มึงไป นั่นส่งคิวให้ยายเร็ว ยายรอแป๊บนะครับ เร็วๆมึง” มันส่งยิ้มให้คุณยายที่ยืนรอคิวตรงหน้า และหันมาหน้าเคร่งกับผมให้รีบยื่นคิวให้คุณยาย
พอผมหันไปส่งคิวแล้วจะหันกลับมาคุยกับมันต่อแต่ตรงหน้ากลับว่างเปล่า นู่นครับมันไปยืนส่งของให้แฟนมันแล้ว ผมล่ะคิดไม่ผิดที่มันอยากอยู่ใกล้กัส
“ห่างไม่ได้เลยนะมึงไอ้วิน” สายตาของผมเสมองไปที่คนที่อยู่ข้างคู่รักหวานก็เห็นมิคถอดผ้าปิดปากส่งยิ้มให้เด็กน้อยที่เพิ่งทำฟันเสร็จแต่ยังเห็นครบน้ำตาที่แก้ม มือขาวเอื้อมไปเช็ดน้ำตาออกให้และลูบหัวน้อยๆไปมาผลก็คือเด็กหญิงชาวเขากลับ
มายิ้มได้ดังเดิม
“พีคร่ะๆ ขอคิด่วย (พี่ครับๆ ขอคิวด้วย)” เสียงเล็กที่ส่งสำเนียนเพี้ยนๆออกมาจากเด็กชายชาวเขาตรงหน้าที่คงยืนรอนานแล้วจนต้องส่งเสียงเรียกออกมา
ผมจึงยิ้มแก้เก้อให้เด็กและส่งคิวไปให้จึงได้เห็นใบหน้าเล็กยิ้มกว้างเห็นฟันหน้าเว้าแหว่งไป จึงเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากผมได้ เมื่อกี้ถ้าเด็กชายฟันหลอไม่ทักขึ้นผมก็มองเพลินไม่รู้ตัวอีกนาน
................................................................
ได้เวลาพักทานข้าวกลางวันเจ้าหน้าที่ทั้งหมดทั้งแพทย์ พยาบาล และเจ้าที่ที่ร่วมออกหน่วยในครั้งนี้ มารวมตัวกันใต้ต้นไม้ที่มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งล้อมอาหารง่ายๆที่มีกับข้าวไม่กี่อย่าง โดยทางพี่ๆอาสาสมัครประจำหมู่บ้านและชาวบ้านช่วยจัดหามาให้ แม้จะเป็นอาหารง่ายๆรสชาดธรรมดาแต่มื้อนี้มันแสนอร่อยสำหรับผม เพราะมันเต็มไปด้วยน้ำใจจากคนที่ทำมาให้
“อร่อยมากเลยครับป้าโก๊ะ” มิคยกนิ้วโป้งขึ้นพร้อมยิ้มหวานไปทางคุณป้าชาวเขาเผ่าม้งที่มีรอยยิ้มเต็มหน้าตอบกลับมา
“ดีๆ ป้าโก๊ะดีจะ ที่เมาะเชาะ (ดีๆ ป้าโก๊ะดีใจ ที่หมอชอบ)” มิคตักข้าวคำโตเข้าปากยืนยัน
“แหมๆ หมอมิคเจริญอาหารใหญ่เลย ทานเยอะๆแบบนี้แหละค่ะดีแล้วดูซิ ป้าโก๊ะแกคงถูกใจหมอมิคมาก ตักข้าวให้อีกแล้ว” พี่บุษพี่พยาบาลที่นั่งใกล้แซวคนกินเก่งอย่างเอ็นดู
“หมอมิคท่าทางจะชอบคนแก่กับเด็กนะคะ ว่ามั้ยคุณฟิน” พี่บุษหันมาชวมผมคุย แต่ไอ้ผมที่ถึงแม้จะรู้จักมิคมานานแต่ไอ้เรื่องชอบไม่ชอบอะไรนี่ผมไม่รู้ จึงได้แต่ยิ้มตอบพี่แกไป
“ครับพี่บุษ มิคเนี่ยขวัญใจเด็กน้อยกับคุณตาคุณยายที่มาเป็นคนไข้ที่โรงพยาบาลเราเลยนะครับ ผมยังสู้ไม่ได้เลย” คนที่ตอบกลับเป็นกัสเพื่อนสนิทที่ยืนยันคำตอบแทน
“พี่บุษครับ ก็เด็กกับคนแก่เนี่ยพูดง่ายกว่าผู้ใหญ่ตัวโตๆเยอะนี่ครับ ขอบคุณครับป้าผมอิ่มแล้ว” มิคตอบกลับและหันไปปฏิเสธคุณป้าที่จะตักข้าวเพิ่มให้คุณหมอที่แกถูกใจ
พวกเรานั่งทานกันจนอิ่มและนั่งคุยกันสักครู่เพื่อรออาหารย่อยระหว่างนั้นสายตาผมมันก็คอยวนเวียนไปทางหมอหนุ่มน้อยที่มีรอยยิ้มเสมอยามคุยเรื่องถูกใจ พอรู้ตัวก็พยายามเรียกสายตาตัวเองกลับมาแต่เผลอเป็นไม่ได้มันคอยแต่จะมองไปทางเดิมอยู่เรื่อย
“คุเมาะๆ นุเอาหนมมะหะคะ (คุณหมอๆ หนูเอาขนมมาให้ค่ะ)” หนูน้อยชาวเขาที่ผมจำได้ว่าเป็นคนไข้เมื่อเช้าที่มิคทำฟันให้ยื่นถุงขนมไม่ใหญ่มาตรงหน้าร่างบาง
“เอาขนมมาให้หมอเนี่ยแล้วหนูกินรึยังครับ หืม” มิคยังไม่รับถุงขนมจากเด็กแต่กลับส่งคำถามห่วงใยและลูบหัวเล็กๆไปด้วยแทน เด็กน้อยส่ายหน้ายิ้มกว้างมาให้
“แตะหนุมีเยอะและ เลยแบะมาหะค่ะ(แต่หนูมีเยอะแล้ว เลยแบ่งมาให้ค่ะ)”
“งั้นหมอรับไว้นะครับ ขอบคุณมากครับ” มิครับไว้ทั้งถุงและยิ้มกว้างให้เด็กน้อย และโดนขโมยหอมแก้มจากหัวขโมยตัวน้อยที่วิ่งหนีไปแล้ว
“ฮ่าๆๆ / คิกๆๆ / ฮิๆโดนเด็กขโมยหอมแก้มซะแล้ว” ทุกคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างหัวเราะเอ็นดูทั้งหมอหนุ่มน่ารักและเด็กน้อยหัวขโมย คนโดนขโมยหอมแก้มนั้นหน้าแดงมือกุมแก้มข้างที่ถูกหอมตาโตเพราะคิดไม่ถึงว่าจะถูกเด็กน้อยทำแบบนั้น
“เฮ้ยไอ้ฟิน ฟิน มึงเป็นไรกูเรียกตั้งนาน แล้วทำไมหน้าแดง” ผมถูกไอ้เพื่อนตัวดีเขย่าแขนเรียกสติกลับมา แต่ท้ายประโยคมันบอกว่าอะไรนะ หน้าผมแดงเหรอ ผมลูบหน้าตัวเองไปมา
“เอ้า เป็นอะไรว่ะ กูพูดด้วยก็ไม่พูดกับกู”
“อ๊ะ ปะ เปล่า กูไม่เป็นไรแค่อากาศมันร้อนน่ะ” แก้ตัวไปก่อนเพราะสายตาไอ้วินมันมองผมอย่างสำรวจ ผมหลบตามันและหยิบกล้องคล้องคอเตรียมชิ่ง
“คนอื่นเค้าไปทำงานกันหมดแล้ว เดี๋ยวกูไปเดินย่อยถ่ายรูปแถวนี้ก่อนนะ” เดินหนีสายตาเพื่อนสนิทออกมา
ถ้ามันถามคำถามอะไรออกมาตอนนี้ผมคงตอบอะไรมันไม่ได้แน่ๆ เพราะผมก็ยังไม่แน่ใจความรู้สึกตัวเองเลย ยืนไหล่พิงต้นไม้ใหญ่ด้านข้างเหม่อมองไปข้างหน้ายังลานกว้างที่ผมมาสำรวจเมื่อเช้า ผมเฝ้าวนเวียนหาคำตอบให้กับตัวเองว่าเพราะอะไรที่อยู่ๆผมก็เกิดความรู้สึกแบบนี้ ความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับใครแม้ผมจะผ่านการคบหากับคนมามากทั้งหญิงและชาย ถึงจะสวยเริ่ดหรือหล่อน่ารักขนาดไหนแต่ก็ไม่เคยมีใครทำผมใจกระตุกแบบมิคได้ คิดวนเวียนไปมาให้กับความรู้สึกที่ผมไม่รู้จักแบบนี้อยู่นาน จนเริ่มรู้สึกร้อนที่ใบหน้าจากแสงแดดที่ส่องลอดใบไม้เมื่อดวงอาทิตย์เปลี่ยนทิศ เฮ้อ ยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลยแต่เรื่อง ‘ตกหลุมรัก’ นั้นตัดไปได้เลยเพราะคนที่ไม่เชื่อเรื่องรักแบบผมเนี่ยไม่มีทางที่จะหลงรักใครง่ายๆแบบนี้ และผมคงต้องปล่อยความรู้สึกแบบนี้ไปก่อนดูท่าผมคงยังไม่ได้คำตอบเร็วๆนี้แน่
.........................................................
ผมเดินกลับมาที่ศาลาประชาคมเมื่อสามารถสงบอารมณ์กลับมาเหมือนเดิมแล้ว จำนวนคนที่รอรับการรักษาเหลือน้อยลงแล้ว ดูแล้วก็เหนื่อยแทนเจ้าหน้าที่ๆออกปฏิบัติหน้าที่นอกสถานที่แบบนี้ ทั้งอากาศยามบ่ายที่ค่อนข้างร้อนและงานที่ทำแบบไม่หยุดมือ ผมล่ะนับถือในหน้าที่และใจคนที่ทำจริงๆ
นั่นใบหน้าขาวของคนที่มีเหงื่อซึมที่โคนผมและที่จมูกโด่งนั่งดื่มน้ำอยู่ คงได้พักเปลี่ยนมือกับหมอกัสเพื่อนสนิทและคงเหนื่อยแต่ไม่มีเสียงบ่นให้ได้ยิน ไม่มีอาการของเด็กแบบที่ผมเห็นเมื่อเช้ามีเพียงภาพของหมอหนุ่มที่ทุ่มเททำงานเพื่อชาวบ้านที่รอรับการรักษาอยู่ที่นี่ แถมเป็นขวัญใจเด็กเล็กและคนสูงอายุอีกต่างหาก ผมอยากเดินเข้าไปพูดคุยด้วยแต่ต้องห้ามตัวเองไว้เดี๋ยวอาการที่ตัวเองยังหาคำตอบไม่ได้จะกำเริบขึ้นมาอีก
ผมหันกลับไปมองอีกทีในตำแหน่งเดิมกลับไม่เห็นมิคนั่งแล้วแต่เป็นไอ้คู่รักหวานนั่งอยู่ ดูซิไอ้วินเพื่อนสนิทผมมันไม่แคร์ใครเลย ยื่นมือใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อให้แฟนมัน รอบตัวทั้งสองคนเหมือนเปล่งแสงชมพูจางๆออกมา เรียกสายตาจากพี่ๆเจ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ให้หันไปมองกันแบบยิ้มๆยกเว้นคุณหมอพจน์ที่มองทั้งคู่นิ่งๆ ผมขอเข้าไปขัดจังหวะความหวานของเพื่อนหน่อยเหอะ ทำหวานกับแฟนแบบไม่เกรงใจคนไม่มีแฟนแบบผมเลย เดินเข้าใกล้ทันได้ยินประโยคที่ทั้งสองคุยกัน
“กัสเนี่ยน่ารักและยังใจดีอีกน้า แฟนใครเนี่ย แฟนกัสโชคดีจังน้าที่ได้กัสเป็นแฟนน่ะ” โห มึงหยอดแฟนหน้าตาเฉยแบบนี้เลยเหรอ กูจะอ้วกแล้วเลี่ยนเกิน
“ฮิๆๆๆ พูดเข้าข้างตัวเองก็เป็นคนอะไรเนี่ย” โลกกระจ่างทันตากับรอยยิ้มน่ารักของกัสทำเอาผมอดจะยิ้มตามไม่ได้
“แหมๆๆ ไอ้วินมึงเกรงใจคนอื่นมั่งเหอะเค้าทำงานกันอยู่กลับแอบมาสวีทกันสองคน” ผมเอ่ยออกมาอย่างทนความหวานของคู่นี่ไม่ไหว ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าคนอื่นเค้าจับตาดูคู่ตัวเองอยู่
หลังจากที่ผมทักไปหนุ่มน่ารักแฟนเพื่อนผมก็ตกใจหันไปมองรอบตัวและพลันหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นทันตา และเอ่ยขอตัวลุกห่างจากไอ้วินทันที จนมันหันกลับมามองผมตาเขียวผมก็แค่ยักไหล่ให้มันไป
“มึงนี่นะมันน่าโดนเตะซักที แล้วไปไหนมาเนี่ยหายไปตั้งแต่บ่าย” ทำเป็นจะทำร้ายเพื่อนตัวเองอีกแค่ผมขัดจังหวะนิดหน่อยแค่นี้เอง
“แค่นี้ทำเป็นโกรธมึงก็สงสารกูมั่งเถอะไม่มีแฟนมาด้วยนี่หว่า ที่หายไปกูไปถ่ายรูปแถวๆนี้แหละ ธรรมชาติที่นี่ยังสมบูรณ์อยู่เลยไม่ได้เห็นแบบนี้นานแล้ว” แก้ตัวไปก่อนไม่ให้มันจับได้
“ไอ้ฟินมึงไม่เบื่อแบบนี้ก็ดีแล้ว เดี๋ยวจะหาว่ากูพาเพื่อนมาลำบาก” ยังดีที่มันยังห่วงเพื่อนแบบผมนะเนี่ย
“กว่าจะเสร็จวันนี้เจ้าหน้าที่ที่มาเนี่ยคงเหนื่อยมากนะแค่เห็นยังเหนื่อยแทนเลย นับถือพี่ๆแกว่ะเดินทางก็ไกลต้องมาตรวจรักษาให้คนที่รอตรวจคนก็มาเยอะมาก”
“อืมใช่ดีใจแทนชาวบ้านที่นี่ว่ะ ไอ้ฟินกูเพิ่งเคยเห็นกัสทำงานแบบนี้ครั้งแรกว่ะ กูภูมิใจในตัวกัสมาก”
“ใช่กูก็ภูมิใจ” สายตาผมจับจ้องไปที่คนที่ผมภูมิใจเห็นว่ามีนิสัยคล้ายเด็กแบบนั้นแต่พอได้มาเห็นตอนทำงานแบบนี้มิคก็ดูเป็นผู้ใหญ่และมีภาพลักษณ์ของหมอฟันใจดีมากๆอยู่
“ฟิน มึงมองหมอมิคแบบนี้หมายความว่าไง อย่าเชียวนะมึง” เฮ้ยไอ้เพื่อนของผมมันทักแบบนี้หมายความว่าไง มันรู้อะไรผมหุบยิ้มที่หน้าทันที ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ตอบมันไป
“ไร กูก็มองคนอื่นด้วยไม่ใช่หมอมิคคนเดียวซะหน่อย คิดมากน่า” พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของวินแต่จะได้ผลมั้ยนะ
“กูเพื่อนมึงนะ กูคิดมากดีกว่าคิดน้อยว่ะ แต่ขออย่างอย่ามาเล่นๆนะโว้ยคิดให้ดีคนนี้มึงเล่นๆไม่ได้” นั่นไงผมปิดมันไม่ได้จริงๆ
ความเป็นเพื่อนสนิทของเราทำให้ไอ้วินเพื่อนผมมันรู้เท่าทันความคิดของผม และในทางกลับกันผมก็รู้ใจเพื่อนไม่ต่างกันนักหรอก แต่สถานการณ์แบบนี้ดูท่าวินจะรู้ใจผมมากว่าตัวผมเองซะอีก
“กูยอมรับว่าเริ่มสนใจ แต่มึงสบายใจได้ตอนนี้กูยังไม่แน่ใจแต่ถ้ายังรู้สึกแบบนี้ก็จะไม่เริ่มแน่ๆ กูจะรอจนแน่ใจในความรู้สึกของตัวเองก่อนถึงจะเริ่ม”
สิ่งที่ผมพูดไปกับเพื่อนผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆเพราะยังไม่แน่ใจกับความรู้สึกนี้ว่ามันคืออะไร แต่คงสนใจและประทับใจในตัวมิคนั่นแหละ และผมจะไม่เริ่มอะไรที่จะทำให้มิคลำบากใจหรือมาคิดมากกับสิ่งที่ผมทำจนกว่าผมจะแน่ใจในความรู้สึกตัวเองก่อน และไอ้วินมันคงเข้าใจความรู้สึกผมแค่เรามองตาก็เข้าใจกันแล้ว มันตบบ่าผมส่งกำลังใจตามประสาของมันมาให้ และผมก็ได้แต่พยักหน้าตอบมันก่อนลุกขึ้นออกมาถ่ายรูปเก็บภาพบรรยากาศการออกหน่วยรอบตัวและทิ้งความรู้สึกต่างๆไว้ก่อน
.....................................................................................
โปรดติดตามตอนต่อไป ^3^
ฟินยังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองที่มีหมอมิคเป็นต้นเหตุ
เพราะไม่เคยเชื่อว่าความรักนั้นมีจริงและไม่เคยเกิดกับตัวมาก่อน
ฟินเลยคิดว่าแค่ประทับใจมิคเท่านั้น แต่ใครจะรู้(คนเขียนรู้555)
แค่นี้ก็เป็นจุดเริ่มต้นได้แล้ว
ปล.+1ให้ทุกเม้นของคนน่ารักทุกคนแล้วนะคะ เจอมิคฟินอีกทีวันพุธค่ะ
ปล.2 แจ้งค่ะว่าพรุ่งนี้เรื่อง “เสน่ห์รักปักใจ” วินกัส มีตอนพิเศษออกมาค่ะ
และเตือนนักอ่านเตรียมอุปกรณ์ซับเลือดและเลือดสำรองให้พร้อมนะคะ ฮุๆๆๆ