เพลงรักที่หายไป
เพลงที่ 13 ต่อให้ใครไม่รัก
ศิลปิน Project H ( B5 version)
8 ปีที่แล้ว “รู้แล้วค่ะพ่อ เยียใกล้จะจบแล้ว อะไรนะคะ จะให้เยียแต่งงาน คุณเชนเขายังไม่ได้ขอเยียสักหน่อย ห๊ะ...นี่เขามาขอเยียกับพ่อแล้วเหรอคะ จริงเหรอคะพ่อ ค่ะ อีกประมาณสามเดือนเยียถึงจะกลับได้ค่ะพ่อ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ”
พเยียวางสายจากนายหัวพยนต์พร้อมกับทอดถอนใจ ข่าวที่ได้รับรู้มันคือสิ่งที่เธอรอคอยมาตลอด เธอควรจะดีใจที่ได้ยินว่าคนรักของเธอพาผู้ใหญ่มาสู่ขอเธอเสียที แต่สาเหตุที่ทำให้พเยียต้องมาถอนหายใจก็เพราะอีกไม่กี่วันเธอจะต้องให้กำเนิดทารกแฝดในครรภ์แล้ว ซึ่งเธอจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ โดยเฉพาะพ่อและคุณเชนคนรักของเธอ
“คุณปู่โทรมาเหรอครับ”
“อืม คุณเชนเขาพาผู้ใหญ่มาสู่ขออาแล้ว โอบ...คือ...”
“อาเยียไม่ต้องกังวลหรอกครับ อีกไม่กี่วันทุกอย่างก็จะจบแล้ว”
พเยียมองหน้าเด็กหนุ่มด้วยความสับสน สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมาเพราะความกดดันที่เกิดขึ้นในใจ เธอรู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของความผิดพลาดทั้งหมดแต่กลับโยนภาระให้กับเด็กอายุ 20 ปีอย่างโอบอุ้ม เรื่องราวมันเกิดจากเธอน้อยใจคุณเชนที่ใส่ใจแต่งาน ไม่ยอมขอเธอแต่งงานสักที เธอจึงหนีเขามาเรียนต่อทางด้านแฟชั่นดีไซน์ที่อังกฤษเพราะอยากให้เขารู้ว่าหากต้องขาดเธอจะเป็นยังไง แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยบินมาหาเธอเลยสักครั้ง เขาเพียงแค่โทรศัพท์มาหาและส่งของขวัญราคาแพงมาให้แทน สำหรับเขาแล้วทุกนาทีคืองาน เขาคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ หน้าตาก็ดี ฐานะก็มั่นคง ไม่เจ้าชู้หรือมีเรื่องผู้หญิงมาทำให้พเยียต้องเสียใจ ที่สำคัญพเยียรักเขามาก มันจึงทำให้พเยียตัดขาดเขาไม่ลงแม้เขามักจะเลือกงานมากกว่าตัวเธอ
ในคืนนั้น...ขณะที่เธอออกไปดื่มเพื่อประชดคนรักที่ไม่ยอมมาหาเธอตามที่เธอร้องขอ เผอิญได้เจอกับคนรักเก่าที่เลิกรากันไปหลายปี เธอเป็นคนบอกเลิกผู้ชายคนนี้เอง เพราะเขาทำตัวหลักลอย ใช้ชีวิตไปวันๆ แบบหาสาระอะไรไม่ได้ เขาบอกว่าเขาตัวคนเดียวและไม่มีภาระอะไรให้ห่วงจึงไม่จำเป็นต้องขวนขวายอะไร เธอจึงไม่อยากฝากชีวิตเอาไว้กับคนอย่างอามิราน แต่เมื่อได้กลับมาเจออีกครั้ง ได้คุยและรื้อฟื้นความหลังกัน สุดท้ายเธอกับเขาก็ไปจบลงที่เตียง และคืนนั้นเธอก็ไม่ได้ป้องกัน
หลังจากรู้ว่าตัวเองตั้งท้องพเยียก็เอาแต่ร้องไห้เหมือนคนบ้า อนาคตสวยหรูที่วาดหวังเอาไว้กับคุณเชนคงจะต้องจบลง แค่คิดว่าพ่อจะต้องโกรธและผิดหวังแค่ไหนเธอก็แทบไม่อยากจะหายใจ ชีวิตจะต้องพังเพราะความผิดพลาดเพียงแค่คืนเดียว สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจที่จะเอาเด็กออก ถึงจะรู้ว่ามันบาป แต่คนอย่างพเยีย ภูมิเทพ จะไม่ยอมให้ตัวเองถูกสังคมนินทาไปจนชั่วชีวิต
“อีกไม่กี่วันอาก็คลอดแล้ว อาจะเป็นอิสระ” คำว่า ‘อิสระ’ ที่โอบอุ้มเอ่ยออกมายิ่งเหมือนเหล็กแหลมที่ทิ่มแทงหัวใจของพเยีย
“โอบจะดูเด็กทั้งสองคนเพียงคนเดียวได้ยังไง โอบยังเรียนอยู่เลย”
“ผมทำได้ ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลพวกเขาเอง”
“แล้วถ้าพี่รองถาม...”
“ผมไม่มีวันทำร้ายอาเยียหรอกครับ”
“โอบ...อากลัว” พเยียกุมขมับและร้องไห้อีกรอบ
คืนวันที่เธอตัดสินใจเอาเด็กออก หากโอบอุ้มกลับมาไม่ทันเธออาจจะเสียชีวิตไปพร้อมกับเด็กแฝดทั้งสองคน ยาทำแท้งเถื่อนที่เธอแอบซื้อมาทำให้เธอปวดท้องอย่างหนัก เลือดเริ่มไหลออกมาจากช่องคลอด พเยียหายใจไม่ออกและไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัว โชคดีที่โอบอุ้มกลับมาทันเวลา หลานรีบพาเธอไปโรงพยาบาล ตัวเธอและเด็กแฝดยังคงปลอดภัย เธอยังจำวันนั้นได้ดี โอบอุ้มนั่งร้องไห้และอ้อนวอนให้เธอเก็บเด็กเอาไว้ พร้อมกับคำรับปากว่าจะดูแลเด็กแฝดด้วยตัวเอง จะไม่บอกใครเรื่องนี้ และจะไม่กลับไปที่เมืองไทยจนกว่าเธอจะมีชีวิตได้อย่างที่ต้องการแล้ว
“พวกเขาจะไม่รู้ ผมรับปากอาแล้วว่าผมจะไม่กลับไทยจนกว่า...จนกว่าชีวิตครอบครัวของอาเยียจะมั่นคง และวันที่ผมกลับไป พวกเขาจะเป็นลูกชายของผม ลูกของผมเท่านั้น เขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับอา”
“เธอเลือกเด็กสองคนนี้มากกว่าหนูด้วงได้จริงเหรอโอบ”
“หนูด้วงจะเข้าใจผม”
....
..
.
‘ฉันรู้เธอไม่สบายใจ ฉันรู้มีใครมากมายนั้นมองเธอผิด สิ่งที่เธอคิดไม่มีใครเห็นและเข้าใจ ถึงแม้ว่าใครจะยังไง ถึงแม้ว่าใครต่อใครไม่ให้โอกาส ในวันที่แพ้ที่เธอทำพลาด จะวันไหนฉันอยากจะขอให้เธอเข้าใจ ต่อให้ใครไม่รัก ต่อให้ใครไม่สน แต่อยากจะขอให้เธออดทน ไม่ต้องไปหวั่นไหว ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม ว่าฉันนั้นรักเธอ’
“พี่โอบมาอยู่นี่เอง” หนูด้วงเดินตามหาเจ้าของวันเกิด จนกระทั่งมาเจอโอบอุ้มกำลังลูบผมน้องแฝดที่หลับปุ๋ยอยู่บนเตียง
“พี่ลงมากล่อมเจ้าแฝด”
“หนูได้ยินพี่ร้องเพลงกล่อมน้องแฝด ชื่อเพลงอะไรฮะ เพราะดี”
“ต่อให้ใครไม่รัก”
‘ฉันรู้ว่าเธอพยายาม และรู้ว่าเธอนั้นทำด้วยความตั้งใจ สิ่งที่เธอคิดนั้นช่างยิ่งใหญ่ ได้ยินไหม อยากให้เธอรู้และเธอเข้าใจ ต่อให้ใครไม่รัก ต่อให้ใครไม่สน แต่อยากจะขอให้เธออดทน ไม่ต้องไปหวั่นไหว ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม...ว่าฉันนั้นรักเธอ’
หนูด้วงร้องทวนท่อนท้าย ถึงจะแอบยืนฟังอยู่เพียงรอบเดียวก็จำได้เช่นเคย รู้สึกชอบความหมายของเพลง
“จำเก่งจริงๆ”
“เอาไว้ร้องกล่อมหนูบ้างนะ หนูชอบ”
“แบบหนูไม่ต้องร้องเพลงกล่อมหรอก พี่แค่เกาหลังให้ก็หลับแล้ว”
“ก็เกาไปด้วยร้องเพลงกล่อมด้วยไงฮะ”
“หนูอยากเป็นลูกของพี่มากกว่าเป็นแฟนเหรอ”
“หนูอยากเป็นทุกอย่างของพี่”
“หนูก็เป็นทุกอย่างของพี่อยู่แล้ว แต่ไม่ให้เป็นลูก พี่ไม่อยากเข้าคุก”
“ถ้าพี่ติดคุก หนูจะเป็นผู้คุมขังเอง เดี๋ยวหนูยืมกุญแจมือของอาน้องมาใช้”
“ทะเล้นจริง” โอบอุ้มนึกขำคนปากกล้า ถึงเวลาจริงขอให้กล้าแบบนี้เถอะ
“พี่...หนูเตรียมของขวัญเอาไว้ให้พี่ด้วยนะ แต่ยังให้ตอนนี้ไม่ได้ หนูต้องรอให้ทุกคนอนุมัติก่อน”
“ต้องมีการอนุมติด้วยเหรอ”
หนูด้วงไม่ได้ตอบแต่ยื่นหน้าไปหอมแก้มอีกฝ่ายก่อนจะทิ้งตัวลงไปนอนกอดน้องแฝด พินิจพิจารณาเด็กน้อยทั้งสองคนก่อนจะหันไปมองหน้าของโอบอุ้ม
“น้องแฝดหน้าไม่เหมือนพี่เลยสักคน มีแต่คนบอกว่าน้องหม่อนหน้าเหมือนหนู”
“คงเพราะพี่คิดถึงหนูด้วงมากๆ น้องหม่อนเลยหน้าเหมือนหนูไงครับ”
“คิดถึงหนูตอนที่กำลังทำ...แบบนั้นกับเขาเหรอฮะ”
“หึหึ งั้นมั้งครับ”
“งี้พี่ก็คงคิดถึงยุงพญาด้วยใช่ไหม น้องไม้ถึงหน้าเหมือนยุง”
“โธ่หนูด้วง” โอบอุ้มคิดว่าถ้าตัวเองกำลังดื่มน้ำคงจะต้องสำลักออกมาแน่ๆ
“พี่โอบ”
“ครับ”
“กอดหนูหน่อย”
เมื่อถูกเจ้าตัวยุ่งอ้อนโอบอุ้มจึงต้องลงไปนอนเบียดอยู่บนเตียงด้วยอีกคน ฝ่ายนั้นซุกตัวเข้าหาเพื่อให้เขากอดได้สะดวก เขาไม่รู้ว่าหนูด้วงคิดอะไรอยู่ รู้แต่ว่าคนขี้อ้อนดูไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่นัก
“คิดอะไรอยู่ครับ”
“หนู...หนูอยากอยู่กับพี่ตอนที่พี่ต้องทุกข์ใจ ตอนนั้นพี่เหนื่อยมากไหม ตอนนั้นพี่เหงามากไหมฮะ”
“ทำไมจู่ๆ มาพูดเรื่องนี้อีก”
“ก็หนูเป็นคนรักที่ไม่ได้เรื่องเลย ปล่อยให้พี่ต้องเหงา”
“ใครบอก หนูเป็นคนรักที่ดีที่สุดเลยนะ”
“จริงเหรอฮะ”
“จริงสิ หนูอุตส่าห์รอพี่ หนูอดทน หนูไม่เคยมีใคร หนูไว้ใจและเชื่อใจพี่ หนูอภัยให้พี่ หนูเข้าใจพี่ มันดีที่สุดเลยรู้ไหม”
“ต่อให้ดาวหมดฟ้า ต่อให้คนทั้งโลกไม่เข้าใจ แต่รู้ไว้อย่างได้ไหม ว่าฉันนั้นรักเธอ”
“รับทราบครับ”
“หนูก็รักน้องแฝดเหมือนลูก”
“พี่รู้ครับ”
“หนูจะไม่ดื้อกับพี่”
“ดีมากเลยครับ”
“หนูจะหัดทำกับข้าว”
“น่ารักมากครับ”
“หนูจะตั้งใจเรียน แล้วมาช่วยพี่ดูแลกิจการ”
“เยี่ยมที่สุดครับ”
“หนูจะเป็นภรรยาที่ดี”
“.......”
“หนูจะทำให้พี่มีความสุขจนต้องร้องขอชีวิต หนูจะทำให้พี่ครวญครางแล้วก็หอบแฮกๆ”
“......”
“หนูจะ....อุปส์”
เตียงนุ่มยวบยาบเมื่อโอบอุ้มคว้าเอวคนช่างจำนรรจาขึ้นมานอนทาบทับอยู่บนร่างกายของตัวเอง เขาใช้ริมฝีปากบดเบียดริมฝีปากนุ่มของอีกฝ่ายและสอดปลายลิ้นรุกไล่จนคนช่างจ้อไม่สามารถจะพูดอะไรออกมาได้อีก มีเพียงดวงตากลมโตที่ตื่นกว้าง แต่เพียงครู่เดียวก็หลับพริ้มลงด้วยความเคลิบเคลิ้ม
คำที่คุยโม้โอ้อวดว่าจะทำให้พี่โอบร้องขอชีวิตเป็นอันพับไปเมื่อถูกอีกฝ่ายใช้ลิ้นกวาดต้อนไปทั่ว แม้พักหลังจะถูกพี่โอบจูบอยู่บ่อยๆ แต่หนูด้วงก็ยังขนลุกได้ทุกครั้ง หนูด้วงคิดว่า ถึงแม้จุมพิตของพี่โอบมันอ่อนโยนแต่ทว่ามันร้อนแรงเหลือเกิน
ตะ ตะ ตะ ตุ๊กแก! ตะ ตะ ตะ ตุ๊กแก!
สองร่างผละออกจากกันเมื่อได้ยินเสียงตุ๊กแกดังมาจากด้านนอก ไม่เพียงแต่หนูด้วงกับโอบอุ้มเท่านั้นที่ตกใจ น้องแฝดก็ยังสะดุ้งสุดตัว หนูด้วงรีบลุกขึ้นมานั่งแล้วตบที่อกของน้องแฝดเบาๆ เพื่อปลอบขวัญ จนทั้งคู่เคลิ้มหลับอย่างเดิม หันไปเห็นพี่โอบนั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ เลยต้องหันมากอดปลอบบ้าง พี่โอบเป็นคนที่กลัวตุ๊กแกมาก ใจหนึ่งก็นึกสงสาร อีกใจก็อยากให้พี่โอบกลัวตุ๊กแกไปแบบนี้ หนูด้วงจะได้กอดปลอบพี่โอบบ่อยๆ
“พี่! สงสารน้องโอบ พี่นิสัยไม่ดีเลย” เทียมฟ้าฟาดพญาเต็มแรงเมื่อฝ่ายนั้นแกล้งเลียนเสียงตุ๊กแกเพื่อให้โอบอุ้มกับหนูด้วงแยกจากกัน
“มือหรือตีนวะเนี่ย ชอบความรุนแรงนะเราอะ”
“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง”
“ก็มันยังไม่ถึงเวลา หนูด้วงต้องเข้าห้องแถลงการณ์ก่อน”
“ยังจะมีห้องนั่นอยู่อีกเหรอ หนูด้วงโตแล้วนะ”
“เอาน่า โตยังไงก็ยังเด็กในสายตาของพวกเราอยู่ดี”
“แล้วพี่จะนั่งตากลมทำตัวเป็นตุ๊กแกไปแบบนี้จนเช้าจริงๆ เหรอครับ น้องไม่เอาด้วยหรอกนะ”
“อ้าวๆ ไหนว่ารักพี่ ไม่คิดจะทิ้งพี่ไปไหนไง”
“ก็มันเสียเวลา จริงๆ น้องตั้งใจว่าจะชวนพี่เล่นคุณหมอกับพยาบาลในเรือของเรา แต่พี่คงไม่อยากเป็นหมอฉีดยาให้น้องแล้ว คงอยากจะเป็นตุ๊กแกมากกว่า น้องไปนอนดีกว่า”
“หมอเหรอวะ มีฉีดยาด้วย จิ๊ๆๆ มึงนี่นะ” พญาส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจเมื่อโดนคนรักมายั่วให้อยากแล้วจากไป อยากจะตามอีกฝ่ายไปแต่อีกใจก็กังวลว่าหนูด้วงจะยั่วยวนป่วนอารมณ์จนเจ้าอุ้มทนไม่ได้เหมือนกัน นึกบ่นในใจว่าหนูด้วงยิ่งโตยิ่งแสบ แล้วโชคก็เข้าข้างคนหวงหลานเมื่อลูกน้องคนสนิทของตัวเองเดินมาพอดี “ไอ้ก้าน มึงมานี่เร็ว”
“นายมานั่งทำอะไรตรงนี้”
“มึงมานี่ มึงแอบดูหนูด้วงกับเจ้าอุ้มเอาไว้นะ ถ้าเจ้าอุ้มของขึ้นเมื่อไหร่มึงต้องทำตัวเป็นตุ๊กแก เข้าใจไหม กูไปล่ะ”
“ตุ๊กแกอะไรครับนาย แล้วนั่นนายจะไปไหน”
“ไปเป็นหมอโว้ย ดอกเตอร์พญาผู้ยิ่งใหญ่ ฮ่าๆๆ” พญาหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดีก่อนจะรีบเดินตามคุณพยาบาลเทียมฟ้าไปติดๆ ทิ้งให้ก้านนั่งเกาหัวแกรกๆ เพราะไม่รู้ว่าการทำตัวเป็นตุ๊กแกมันต้องทำยังไง
.......
ในที่สุดเรือยอร์ชลำหรูก็พาทุกคนมาถึงท่าเรือของเกาะใบไม้ครามในช่วงสายของวันใหม่ มีคุณสั่งให้คนงานเอารถกระบะสองคันมารับเด็กๆ ไปที่ร้านก่อน คืนหนูด้วงและเพื่อนๆ จะไปตั้งแคมป์ค้างคืนบนผาฟ้าคราม กลุ่มเพื่อนสนิทของหนูด้วงคุ้นเคยกับที่นี่ดีเพราะทุกคนศึกษาอยู่บนเกาะแห่งนี้ตั้งแต่ชั้นประถมถึงมัธยม ส่วนคนอื่นๆ ที่ไม่เคยมาที่นี่ ต่างก็รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับความสวยงามที่ได้เห็น
ช้วนและคุณพลอยประดับรอต้อนรับทุกคนอยู่ที่ร้านมีคุณอนันต์ โดยปกติหนูด้วงไม่ค่อยมีเพื่อนมาเที่ยวบ้านสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่หน้าเดิมๆ ตั้งแต่ไปเรียนมหา’ลัยก็ดูเหมือนโลกของหนูด้วงจะกว้างมากขึ้น รับรู้จากที่เจ้าตัวโทรมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ เมื่อรู้ว่าหนูด้วงจะพาเพื่อนใหม่มาเที่ยวบ้าน อาหารคาวหวานในวันนี้จึงถูกจัดเตรียมต้อนรับให้อย่างเต็มที่
แต่ก่อนที่หนูด้วงจะพาเพื่อนๆ พี่ๆ ไปทานของอร่อยก็พาทุกคนไปไหว้คุณย่าละม่อม รวมถึงพี่ๆ พนักงานในร้านก่อน ทุกคนคือครอบครัวใหญ่ที่หนูด้วงให้ความนับถือเปรียบเสมือนญาติแท้ๆ เมื่อแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายรู้จักกันแล้วจึงพาทุกคนมาทานข้าว เห็นทุกคนเอร็ดอร่อยกับรสชาติอาหารก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ เจ้าตัวทำหน้าที่บรรยายที่มาของอาหารแต่ละอย่างด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือของคนในครอบครัว คนที่ดูมีความสุขที่สุดเห็นจะไม่พ้นน้องหม่อนที่กินจนเดินแทบไม่ไหว เมื่ออิ่มท้องกันแล้วทั้งหมดจึงเดินทางขึ้นไปยังที่พักบนผาฟ้าคราม
“ญาติของหนูด้วงเยอะจริงด้วย อาหารก็อร่อยมากเลย เกาะนี้เป็นของหนูด้วงทั้งเกาะเลยเหรอ” แก้วเคยได้ยินเรื่องของหนูด้วงมาก่อน ข่าวลือเรื่องฐานะของหนูด้วงมีความจริงไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำเมื่อแก้วได้มาเห็นทุกอย่างกับตา
“ก็เกือบทั้งเกาะนะ” น้องเกลเป็นคนตอบ
“เดี๋ยวถ้าแก้วเจอพี่พายนะ รับรองตะลึง” เม่นรู้ดีว่าถ้าใครได้เจอออร่าความหล่อของพี่พายพัดต้องหลงใหลแน่ๆ
“หล่อมากเลยเหรอ อยากเจอแล้ว” แก้วทำท่าตื่นเต้น
รถกระบะสองคันขับมาถึงบริเวณที่จอดรถบนผาฟ้าคราม ทุกคนต่างก็หิ้วสัมภาระของตัวเองแล้วเดินเท้าต่อไปอีกไม่ไกล เมื่อไปถึงจุดหมายต่างก็ตะลึงกับความสวยงามตรงหน้า ด้านขวาเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารของนับตังค์ ด้านซ้ายเป็นร้านกาแฟของใบเมี่ยง ส่วนด้านหน้าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของเกาะแห่งนี้ เลยไปทางด้านข้างของร้านกาแฟก็คือบ่อน้ำพุร้อน บรรยากาศเหมือนอยู่ที่ญี่ปุ่นอย่างไรอย่างนั้น
“มัมๆ หนูมาแล้ว คิดถึงหนูไหม” หนูด้วงทิ้งเป้ที่ถือลงแล้ววิ่งเร็วจี๋ไปหานับตังค์ เจ้าตัวแสบโถมตัวไปกอดจนอีกฝ่ายแทบลมทั้งยืน ดีที่มีคุณเดินเข้ามาสวมกอดนับตังค์จากด้านหลังเอาไว้ทัน
“แล้วไม่คิดถึงแด๊ดดี้เหรอ” มีคุณถามลูกชาย
“คิดถึงฮะ หนูคิดถึงทั้งมัมทั้งแด๊ดเลย มาหอมแบบพัดลม” หนูด้วงพูดจบก็หอมแบบพัดลม เป็นการหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของทั้งสามคน คนอื่นๆ เห็นก็ทั้งขำทั้งเอ็นดู
“นั่นเหรอ มัมของหนูด้วง” แก้วถามน้องเกล
“ใช่”
“แล้วแม่แท้ๆ ของหนูด้วงล่ะ”
“เราจะไม่พูดเรื่องส่วนตัวของหนูด้วงแล้วนะ ถ้าอยากรู้ไปถามหนูด้วงเอาเองก็แล้วกัน” น้องเกลปรามแก้วที่ทำท่าอยากรู้เรื่องของหนูด้วงมากจนเกินพอดี
“เราขอโทษนะ” แก้วหน้าเสีย
“นี่ถ้าพี่เกิดเร็วกว่านี้นะ จะจีบมัมของหนูด้วง สเป็กเลย” ป้ายเป็นคนที่พูดขึ้นมาพร้อมกับเหลือบไปมองนกฮูกที่ยืนอยู่ข้างๆ
“แต่สเป็กของน้าตังคงไม่ใช่แบบมึงหรอกไอ้ป้าย” ทำนุแขวะป้ายกลับ ป้ายเห็นนกฮูกแอบหัวเราะก็เอามือไปยีผมอีกฝ่ายจนยุ่งไปหมด
“สวัสดีครับทุกคน” พายพัดกับใบเมี่ยงเดินออกมาจากร้านกาแฟเพื่อทักทายเพื่อนๆ ของหนูด้วง
ประกายวิบวับเกิดขึ้นเมื่อแสงแดดทอลงมาตรงที่ทั้งคู่ยืนอยู่พอดี คนหนึ่งก็สูงยาวเข่าดี ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนศิลปินเกาหลี ส่วนคนตัวเล็กที่ยืนข้างๆ เป็นเจ้าของยิ้มที่ทำให้ใจเต้นได้ง่ายๆ ดวงตาเรียวสุกใสทอประกายเจิดจ้า ช่างน่ามองไม่ต่างกัน ทั้งคู่เหมือนภาพฝันที่ดูล่องลอยจนเอื้อมไม่ถึง
“โคตรหล่อเลย” แก้วเพ้อออกมาเมื่อเห็นพายพัด
“โคตรน่ารักอะ” แปะก็เพ้อออกมาเช่นกันเมื่อเห็นใบเมี่ยง
“หนูก็น่ารัก” หน้าของหนูด้วงโผล่แทรกเข้ามาในเฟรมสายตาของเพื่อนๆ และพี่ๆ ทุกคนถึงกับสะดุ้งแล้วหลุดออกมาจากภาพความฝัน “ทำไมอะ หนูไม่น่ารักเหรอ” หนูด้วงเอียงคอถามเมื่อเห็นทุกคนถอนหายใจ
“ตัวแสบ” แปะกับทำนุจิ้มไปที่หน้าผากของหนูด้วงเบาๆ พร้อมกัน
“หนูน่ารักไหม” หนูด้วงหันไปถามโอบอุ้มแทน
“น่ารักครับ” พอโอบอุ้มตอบหนูด้วงก็ยิ้มกว้าง
“หนูด้วง พาทุกคนเอาของไปไว้ที่เต็นท์ได้เลย เลือกกันเอาเองนะจะนอนตรงไหน พี่ขมิ้นจัดการให้หมดแล้ว แล้วมีเสื้อหนาวกันมารึเปล่า กลางคืนบนนี้จะหนาวมากนะ” นับตังค์นึกห่วงกลัวเด็กๆ จะไม่สบาย
“หนูบอกให้ทุกคนเตรียมมาแล้วฮะ”
“ใบไม้ ใบหม่อน มาสวัสดีคุณ...” โอบอุ้มลังเลไม่รู้ว่าจะให้น้องแฝดเรียกญาติผู้ใหญ่ของหนูด้วงว่าอย่างไรดี ถึงน้าตังและน้าคุณจะเคยเจอน้องแฝดตอนที่คุยไลน์กับหนูด้วงมาก่อน แต่ตอนนั้นโอบอุ้มไม่ได้ระบุว่าให้เด็กๆ เรียกท่านทั้งสองคนว่าอย่างไร
“น้าไม่เป็นปู่นะ” นับตังค์รีบบอก เริ่มเข้าใจช้วนแล้วว่าตอนตัวเองแกล้งเรียกช้วนว่าปู่มันรู้สึกยังไง
“ไม่เป็นปู่ก็ต้องเป็นลุงไง ต้องเป็นลุงตัง ลุงตังหรือยุงตังดี” พญาหัวเราะชอบใจที่ได้เอาคืนนับตังค์บ้าง
“ก็ได้ก็ได้ เป็นยุงดีกว่าเป็นปู่” นับตังค์รีบตอบรับ
“พี่หนูด้วงบอกว่า ยุงตังมีคุณตู้เย็นใบใหญ่มากๆ” น้องหม่อนไหว้ทุกคนเสร็จก็รีบเข้าไปถาม
“นี่มันหนูด้วงชัดๆ บอสดูสิ” นับตังค์ลูบผมน้องหม่อน
“จำได้แล้ว นี่พี่สุดหล่อที่เราคุยในไลน์ใช่ไหมนาโม” น้องไม้ชี้ไปที่มีคุณก่อนจะหันมาโอบอุ้ม
“ใช่แล้วครับ” มีคุณเป็นฝ่ายตอบ
“โห ทำไมบอสได้เป็นพี่อะ ตังจะเป็นพี่บ้าง น้องไม้..มานี่มา มามองหน้าพี่ให้ดี พี่ก็หน้าตาดีนะ” นับตังค์ย่อตัวลงแล้วจับแก้มของน้องไม้ให้มาจ้องหน้าตัวเอง
“พี่ก็หล่อ แต่พี่คนนั้นหล่อกว่า” น้องไม้ยังยืนยัน
“ก็ได้ก็ได้” นับตังค์ไม่อยากบังคับหลาน แต่พอเห็นมีคุณลอบยิ้มก็นึกเซ็ง
“แต่น้องหม่อนว่ายุงตังน่ารัก ตัวก็ห๊อมหอม น้องไม้มาดมสิ” น้องหม่อนรีบชักชวนพี่ชายฝาแฝด เมื่อน้องไม้มายืนใกล้ๆ นับตังค์ก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไปกับพี่ตังดีกว่า จะพาไปดูขนมหอมๆ หอมกว่าตัวพี่อีก” เจ้าของกลิ่นหอมรีบหว่านล้อมเด็กน้อยให้ไปด้วยกัน อดมันเขี้ยวไม่ได้เลยหอมแก้มเด็กน้อยทั้งสองคนฟอดใหญ่ เล่นเอาน้องไม้หน้าแดงเป็นลูกตำลึง
“น้องแฝดต้องมนต์มัมๆ ซะแล้ว” หนูด้วงเห็นน้องไม้และน้องหม่อนยอมไปกับนับตังค์ง่ายๆ แถมจูงมือนับตังค์ไม่ปล่อย แค่นี้ก็รู้แล้วว่าทั้งสองคนติดใจมัมๆ เข้าให้แล้ว
“เจ้าอุ้ม พาเพื่อนกับน้องๆ ไปเดินเล่นรอบๆ ก่อนก็ได้ ส่วนหนูด้วงมากับน้า” พญาเอ่ยก่อนจะเดินมาโอบไหล่ของหนูด้วง
“แต่หนู...” หนูด้วงอยากไปกับพี่โอบ แต่ก็รู้ดีว่าถึงเวลาที่ต้องเข้าห้องแถลงการณ์แล้วจึงตอบรับแต่โดยดี “ก็ได้ก็ได้”
มีต่อด้านล่าง