ตอนที่ 2วันนี้เป็นวันที่สองที่ก้านใบมาทำงานแต่แทนที่จะได้ไปทำงานในที่ประจำกลับต้องมาจมอยู่ในห้องเก็บเอกสารสำคัญของโรงแรม
“คุณ ก้านครับอันนั้นไม่ต้องยกหรอกครับ เดี๋ยวผมยกให้” พนักงานคนหนึ่งของโรงแรมเอ่ยทักขึ้น หลังจากเห็นเลขาท่านรองยกลังเอกสารขึ้นลงชั้นเก็บอยู่หลายรอบแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยกไหว แต่ก็ขอบคุณมากนะครับ” กล่าวปฏิเสธเสียงนุ่ม
“โห แต่คุณก้านปีนขึ้นปีนลงอยู่หลายรอบแล้วนะครับ ดูซิมือแดงหมดแล้ว ยังไม่เจอเอกสารที่ว่าเหรอครับ”
“ยังครับ แต่ว่าคงจะหาไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เจอมั้งหาเกือบหมดทุกชั้นแล้ว”
“แต่ว่าคุณก้านยังไม่ได้พักเลยนะครับตั้งแต่เช้า ข้าวเที่ยงก็ไม่ได้ทาน แล้วนี่ก็เลิกงานแล้วนะครับ”
“พอ ดีมันเป็นเอกสารที่ท่านรองบอกว่าสำคัญมากครับ อาจจะตกหล่นอยู่ในห้องนี้ ผมก็เลยต้องหาให้เจอ” ก้านใบบอกเพื่อนร่วมงานที่อุตสาห์มีน้ำใจ ก็เพราะเอกสารที่ว่า ทำให้เขาต้องมานั่งอ่านเอกสารทุกแผ่นที่เก็บอยู่ในห้องนี้ทั้งวัน ไหนจะต้องยกลังหนักๆทั้งชั้นบนและล่างของชั้นวาง เล่นเอาเหนื่อยทีเดียว ไม่รู้ว่าเอกสารนั่นอยู่ในนี้จริงๆหรือเปล่า คิดแล้วก็แค้นคนสั่ง ทั้งๆที่พิมพ์แล้วเซนต์ใหม่อีกครั้งก็ได้แท้ๆ แต่เจ้าตัวบอกว่าขี้เกียจเซนต์ใหม่ เลยทำให้เขาต้องมาวุ่นหาอยู่นี่ ส่วนตัวเองก็ออกไปข้างนอกตั้งแต่บ่ายแล้วบอกว่าจะกลับมาเอาเอกสารก่อน หกโมงเย็น ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจไม่เปลี่ยนจริงๆ
“ไง เจอมั๊ย” เสียงห้าวถามจากทางประตูห้อง
“ยังไม่เจอครับ” บอกโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง
“พอ ดีนึกออกแล้วหละ คงอยู่ในลิ้นชักโต๊ะของชั้นเอง” พูดยิ้มๆเมื่อเห็นสภาพของก้านใบ สองมือเล็กนั่นทั้งแดงและพองจากการเสียดสีกับลังเอกสาร บนใบหน้าขาวก็มีเหงื่อใสๆผุดเต็มดวงหน้า แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเหนื่อยมากเพียงใด
“อะไรกันคุณ ตั้งนานเพิ่งจะนึกออกเหรอ” บ้าจริงทำให้เขาเหนื่อยอยู่ตั้งนาน
“เอาหละกลับได้แล้ว ชั้นจะไปส่ง” กัณฑ์ตัดบทไม่อยากพูดอะไรอีก
“ไม่ต้องครับ ผมกลับแท็กซี่เองได้”
“แต่ชั้นบอกว่าจะไปส่ง นี่เป็นคำสั่ง ออกมาได้แล้วมันเสียเวลา” เสียงเริ่มแข็ง
“ครับ” รับคำอย่างเสียไม่ได้
“......................”
“.......................”
“.......................”
“ยังอยู่บ้านเดิมใช่มั๊ย” บทสนทนาแรกตั้งแต่อยู่บนรถ
“ครับ”
“.......................”
“.......................”
“อืม ยังหัวค่ำอยู่เลยแวะไปกินข้าวก่อนดีกว่า” ร่างสูงพูดขึ้นมาทำลายความเงียบ
“ผมไม่หิวครับ”
“ชั้นไม่ได้ถามเธอตอนนี้ชั้นหิวแล้ว” ทำเหมือนคนที่นั่งมาด้วยไม่มีความหมาย นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ
“.....................” ก้านใบไม่รู้จะทักท้วงอะไรกับคนเอาแต่ใจนี้ดี ได้แต่ยอมตามเคย
ภาย ในร้านอาหารที่ตอนนี้เริ่มมีผู้คนหนาตา เนื่องจากเป็นเวลาอาหารค่ำของใครหลายคนรวมทั้งชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของโรงแรม Flora กำลังนั่งกินอาหารอย่างอารมณ์ดี แตกต่างจากเพื่อนร่วมโต๊ะโดยสิ้นเชิง
“ไม่กินแน่เหรอ อร่อยนา” เป็นคำชวนแบบยียวนครั้งที่เท่าไหร่ก้านใบก็จำไม่ได้ รู้แต่ว่าทุกคำที่ตักขึ้นมาเป็นต้องเอามาล่อเขาก่อนส่งเข้าปากตัวเองตลอด
“ไม่ตรับ คุณรีบทานเถอะจะได้รีบกลับ” ปฏิเสธเหมือนทุกครั้ง เด็กหนุ่มอยากกลับบ้านเต็มแก่
“จะ รีบกลับไปไหน มีใครคอยอยู่หรือไง” พูดประชดเมื่อเห็นว่าตั้งแต่เข้ามาในร้านร่างบางก็ไม่แสดงอารมณ์ใดๆให้เห็น เลย เขานึกว่าก้านใบจะหงุดหงิดที่เขาไม่ยอมพาไปส่งบ้านเสียทีซะอีก แต่ไม่เป็นไรเขามีแผนสำรองอยู่แล้ว
“ผมแค่.........”
“กัณฑ์ ขา แหมบังเอิญจังเจอคุณพอดี” เสียงของอมาวตีนั่นเองที่ขัดบทสนทนาของชายทั้งคู่ แล้วหญิงสาวก็ปรี่เข้ามาทักทันที หน้าตาไม่ได้ดูตกใจว่าพึ่งจะมาเจอกันเลย
“อ้าว วตี ผมกำลังจะไปรับคุณไปเที่ยวอยู่พอดี” จูบทักทายกันแบบไม่เกรงใจสายตาคนในร้านสักนิด
“งั้นก็ดีเลยค่ะกัณฑ์ วตีเองก็กำลังเหงาพอดี เราไปกันเลยนะคะ” ออเซาะเต็มที่
“อืม งั้นนายกลับเองก็แล้วกันนะ ชั้นไม่มีเวลาไปส่งแล้วหละ”
“..............”
“มองชั้นอย่างนั้นทำไม หรือนายมีปัญหาอะไร” กัณฑ์เอ่ยถามร่างเล็กที่ไม่พูดอะไรสักคำมีเพียงสายตาที่มองมาเท่านั้น
“ไม่มีครับ ผมขอตัว”
“เชิญ แล้วพรุ่งนี้อย่ามาสายละ” สั่งกำชับก่อนที่ก้านใบจะลุกออกไป
“ครับ”
“หึ กัณฑ์ขา สะใจจังเลยค่ะ จ๋อยกลับไปเลยคุณเห็นมั๊ยค่ะ” สมน้ำหน้าอยากมาแย่งหน้าที่ของชั้น ให้มันรู้ซะบ้างใครมาก่อนมาหลัง
“......................” ไม่มีคำตอบชายหนุ่มที่กำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง เมื่อกี้มันอะไรกัน เขาทำถูกแล้วนี่ แล้วทำไมใจมันแก่วงพิกลเมื่อเห็นสายตาตัดพ้อที่หมอนั่นที่มองมานะ
หลัง จากวันนั้นก้านใบก็มาทำงานตามปกติทำเหมือนไม่มีอะไร ส่วนชายหนุ่มก็ยังคงใช้งานเขาหนักเหมือนเคย แต่ไม่หนักมากเหมือนวันแรกๆ จนนี่ก็เกือบ
หนึ่งอาทิตย์เต็มๆแล้ว ซึ่งแต่ละวันที่ผ่านไปทำให้เด็กหนุ่มได้รู้จักกัณฑ์มากขึ้น เขารู้ว่าเวลาชายหนุ่มทำงานนั้นก็ดูจริงจังน่าเกรงขามมีความเป็นผู้นำสูง แต่พออยู่นอกเวลางานก็จะดูสบายๆ ถึงแม้บางครั้งจะเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ทุกคนในบริษัทก็ให้ความเคารพยำเกรง เวลาที่อยู่กับเขานั้น ก็ยังเหมือนเดิมคือมีงานยุ่งมาให้เขาช่วยจัดช่วยทำตลอดเวลา ทั้งที่งานบางงานมันไม่ใช่หน้าที่ของเลขาเลยด้วยซ้ำ ส่วนหน้าที่ที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันนั้นคือ เตรียมเอกสารหามรุ่งหามค่ำ นัดลูกค้า ชงกาแฟ ซึ่งความถี่ในการชงนั้นแทบนับไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะเอาไปกินหรือเอาไปอาบกันแน่ งานที่ชายหนุ่มมอบหมายให้ในแต่ละวันมีมากเสียจนบางวันไม่มีแม้แต่เวลาทาน ข้าว ทั้งมื้อเที่ยงและเย็นทำให้เวลาเพียงแค่ อาทิตย์เศษๆ เด็กหนุ่มตัวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
สาเหตุที่ถูกใช้งานหนักนั้น เด็กหนุ่มพอจะทราบเลาๆจากบิดาของชายหนุ่มมาบ้างแล้ว เลยต้องยอมๆทำไปไม่บ่น ส่วนหนึ่งนั้นเพื่อช่วยกันวตีออกไปจากชีวิตของชายหนุ่มตามคำขอร้องของคุณลุง ศิวะ อีกส่วนหนึ่งก็คือเพื่อพิสูจน์ว่าเขาเองก็จะไม่ยอมแพ้ง่ายๆเหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้ว และวันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ยุ่งอยู่กับงานเอกสารตั้งแต่เช้าจนยันบ่าย แล้วยังต้องมายืนเตรียมนู่นเตรียมนี่ในการประชุมให้วุ่นวายไปหมด ร่างบางรู้ว่าชายหนุ่มแกล้งใช้เขาไม่ให้ได้นั่งพักเลย จนชักรู้สึกมึนๆเสียแล้ว
“เอาหละทุกคน วันนี้พอแค่นี้ก่อน อย่าลืมนำเอาข้อตกลงในการประชุมวันนี้ไปแจ้งลูกน้องในฝ่ายของตัวเองให้ทราบ ด้วย การทำงานจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ”
“ครับ, ค่ะ ท่านรอง ”
“..น คุณก้านครับ”
“ครับ? ”
“เลิก ประชุมแล้วนะครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า ดูหน้าซีดๆนะ” เสียงของวาทินนั่นเองที่ดึงเขากลับมา ชายคนนี้เป็นผู้จัดการฝ่ายอาหารของโรงแรมเป็นคนดีทีเดียว และคอยช่วยเหลือเขามาตลอด
“ไม่เป็นไรครับ ผมเพลียนิดหน่อย ” เด็กหนุ่มตอบพลางทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆเพราะเริ่มรู้สึกว่าโลกมันเอียงๆชอบกล
ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่าบทสนทนาเมื่อกี้ หาได้หลุดพ้นจากสายตาของท่านรองประธานไม่
“นี่ คุณวาทินเลิกประชุมไปตั้งนานแล้ว ทำไมยังไม่กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองอีก อยากออกไปแตะฝุ่นหรือไง” กัณฑ์ประชดเข้าให้
“แต่คุณก้านดูท่าว่าจะไม่ค่อยสบายนะครับ”
“ก็ช่างเขาสิ คุณเป็นอะไรกับเขาหรือไงถ้างานแค่นี้ทำไม่ไหวก็ลาออกไปซะไม่มีใครว่านี่” พาดพิงไปถึงบุคคลที่สามที่นั่งพักอยู่
“แต่.....” วาทินพยายามทักท้วง
“ไม่มีแต่ ออกไปได้แล้ว” กัณฑ์ออกคำสั่งเสียงเรียบๆพร้อมด้วยสายตาเย็นเฉียบ
“ผมไปก่อนนะครับ ถ้ามีอะ…”
“นี่ ผมบอกให้ออกไปได้แล้วไง พิรี้พิไรอยู่นั่น” เสียงห้าวดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้แทบจะเป็นตวาด จนคนฟังอึ้งไปตามๆกัน แล้วนายวาทินก็รีบออกไปก่อนจะมีการขึ้นเสียงอีกเป็นครั้งที่สาม เพราะขืนยังอยู่คาดว่าเจ้านายอาจจะไม่พูดอย่างเดียวอาจจะลากเขาออกมานอกห้อง เลยก็เป็นได้
“ไง จะตายแล้วเหรอ ออเซาะกันเหลือเกินนะ ทำยังกับเป็นผัวเมียกัน ทุเรศลูกตา”
“นี่ คุณ น้อยๆหน่อยนะ คุณวาทินเขาแค่เป็นห่วงผม ตามประสาเพื่อนร่วมงานเท่านั้น คุณนั่นแหละเป็นบ้าอะไร มาพาลคนอื่น” ร่างเล็กตวาดขึ้นบ้างอย่างโมโหที่ชายหนุ่มเอาแต่พูดจากระแทกแดกดันเขา แม้ในยามที่เขากำลังอ่อนแอ ก็ยังไม่เว้น
“..........” นั่นสินะวันนี้ ไม่สิหลายวันมานี้เขาเป็นอะไรไป กะแค่เห็นก้านใบคุยกับวาทิน เขาก็โมโหหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นอาการห่วงใยกันออกนอกหน้าอย่างวันนี้ เขายิ่งคุมอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองแทบไม่ได้ จนต้องมาลงกับคนที่นั่งหน้าซีดอยู่นี่ แต่ช่างเถอะเขาไม่คิดจะหาเหตุผลอยู่แล้ว
“ถ้าคุณไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว” เสียงเล็กๆนั่นเองที่ดังขัดความคิดของเขา
“เดี๊… ” ไม่ทันขาดคำร่างบางก็ทรุดฮวบต่อหน้าต่อตาเขา ชายหนุ่มเองก็กำลังตกใจ แต่ทว่าร่างกายไวกว่าความคิด ก่อนที่ก้านใบจะล้มลงไปกระแทกพื้น อ้อมแขนแกร่งก็สามารถกอดกระหวัดรัดร่างนุ่มนิ่มนั้นเข้ามาอยู่ในวงแขนได้ อย่างรวดเร็ว
“ก้าน ก้าน” ชายหนุ่มเรียกซ้ำๆแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าคนที่สลบไปนั้นจะฟื้นขึ้นมา
“นี่นายตัวเล็ก แล้วยังนุ่มมือขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มได้แต่พึมพำเบาๆพร้อมกับหาวิธีที่จะทำให้ร่างตรงหน้าฟื้นไปด้วย
--------------------
หลัง จากที่ก้านใบหมดสติไป ชายหนุ่มก็พาเด็กหนุ่มขึ้นมาบนชั้นบนสุดของโรงแรมซึ่งเป็นที่พักของเขา และไว้หาความสุขกับคู่ควงบ้างเป็นครั้งคราว ชายหนุ่มจัดแจงปลดกระดุมเสื้อออกสองสามเม็ด และคลายเข็มขัดที่รัดเอวเล็กนั่นออกเพื่อให้เด็กหนุ่มไม่อึดอัด เพียงไม่กี่นาทีชายหนุ่มก็จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย แล้วก็ไม่มีอะไรจะทำเพราะหมอบอกว่าร่างบางต้องการการพักผ่อนมากๆเท่านั้นเอง ชายหนุ่มจึงได้แต่นั่งพิศใบหน้าหวานยามหลับใหล เปลือกตาบางๆที่ปิดสนิท ปากอวบอิ่มสีส้มอ่อนเผยอเล็กน้อย มันเหมือนกลีบดอกไม้ที่กำลังเชิญชวนเขาให้ลิ้มลองความหอมหวานและอ่อนนุ่ม ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงไปใกล้อย่างเผลอไผล เพื่อที่จะสัมผัสกลีบปากบางนั้น ยิ่งใกล้เขายิ่งได้กลิ่นหอมอ่อนๆออกมาจากร่างเล็กข้างหน้าทำให้ลืมหมดแล้ว ความชั่งใจ
“อืม” เสียงครางเบาๆที่ลอดออกมาทำให้กัณฑ์ชะงัก เด็กหนุ่มเริ่มจะรู้สึกตัวแล้ว
“ฟู่ เกือบไปแล้วสิเรา” ชายหนุ่มรำพึงเสียงเบา พร้อมกับตบแก้มนุ่มๆไปมาเบาๆเพื่อปลุกให้ตื่นมากยิ่งขึ้น
“ก้าน ก้าน เฮ้ ตื่นได้แล้ว จะนอนไปถึงไหน ”
ช่วง เวลาที่เด็กหนุ่มขยับตัวทำให้เสื้อที่ถูกปลดกระดุมไว้แยกออกจากกัน เผยให้เห็นผิวขาวอมชมพูนวลเนียน และที่สำคัญยังเห็นจุดสีชมพูเล็กๆที่มองเห็นผ่านเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางที่ เจ้าตัวใส่ซ้อนไว้ข้างใน มันทำให้เขาคอแห้งขึ้นมาทันที ‘ให้ตายเถอะมันน่าลูบไล้เล่นชะมัด’
“ที่นี่ที่ไหน” ถามอีกฝ่ายพร้อมทั้งกระชับเสื้อให้มิดชิดขึ้น เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบสายตาคมจ้องร่างกายของเขาอยู่ก่อนแล้ว
“จะ ปิดไปทำไมห๊ะ ทำยังกับนางเอกหนังไทย หวงเนื้อหวงตัวไปได้ ผู้ชายหรือเปล่า อ้อแล้วที่ดูนะก็แค่อยากจะพิสูจน์ให้แน่ใจว่าเป็นผู้ชายจริงๆแน่เหรอ ทำไมหนักไม่เอาเบาไม่สู้อย่างนี้ กะแค่ประชุมยังเป็นลม แล้วอย่างนี้จะไปปกป้องผู้หญิงที่ไหนได้” ชายหนุ่มเอาเสียงดังเข้าข่มความรู้สึกแปลกๆของตัวเอง
“ได้ไม่ได้มันเรื่องของผม แล้วผมก็เป็นผู้ชายเต็มตัว รู้ไว้ซะด้วย” ก้านใบตอบกลับอย่างโมโห มาดูถูกเขาอย่างนี้ได้ยังไง
“ให้มันจริง ” ชายหนุ่มยังประชดไม่เลิก
“แล้วคุณจะบอกผมได้หรือยังว่าที่นี่ที่ไหน” ยังอยากรู้ที่อยู่ของตัวเองแม้ว่าจะไม่อยากพูดกับชายหนุ่มแล้วก็ตาม
“ห้อง พักของชั้นเอง เธอควรดีใจนะที่ชั้นอุตส่าห์สงเคราะห์เธอ ให้ขึ้นมาพักบนนี้ เอ้าโก้โก้ร้อนเดี๋ยวจะหิวตายไปซะก่อน” ว่าพลางยื่นโก้โก้ร้อนที่เขาสั่งให้พนักงานเอาขึ้นมาไว้ให้ก่อนหน้านี้ไม่ นาน
“ขอบคุณ” ก้านใบว่าอย่างนั้นก่อนจะดื่มโก้โก้ร้อนจนหมดแก้ว เพื่อบรรเทาความหิว เด็กหนุ่มไม่อยากต่อล้อต่อเถียงอะไรอีกแล้ว ตอนนี้เขาเหนื่อยเหลือเกิน
“ผมอยากกลับบ้าน” เด็กหนุ่มพูดกับคนที่ยืนมองเขาดื่มโกโก้ด้วยสายตาที่บอกความหมายบางอย่าง
“ก็เอาสิเดี๋ยวชั้นจะให้รถโรงแรมไปส่ง” ชายหนุ่มทอดเสียงอ่อนลงเล็กน้อย
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมโทรบอกพี่กิ่งให้มารับ”
“เจ้ากิ่งที่เคยชกชั้นปากแตกหนะนะ” กัณฑ์ถามร่างตรงหน้าเมื่อนึกถึงตอนสมัยเด็กๆขึ้นมา
“ผมออกจะแปลกใจนะครับที่คุณยังจำอดีตได้ ผมนึกว่าคุณลืมไปหมดแล้วเสียอีก” ร่างบางว่าประชดเข้าให้บ้าง
“ก็ ไม่มีอะไรน่าจำนี่ มันก็แค่อดีตจะจำไปทำไมนักหนา เรื่องปัจจุบันสิสนุกกว่าเยอะ” ชายหนุ่มเองก็ไม่ยอมลดละประชดกลับบ้าง ทั้งที่ความจริงเขาจำเรื่องในวัยเด็กได้อย่างชัดเจน แถมยังชัดขึ้นเรื่อยๆตั้งแต่เจอคนตรงหน้านี่
เจ็บแสบไปถึงไหนกับคำ ทำร้ายจิตใจ ชายหนุ่มไม่เคยจำว่าเคยได้เอาหัวใจของใครไปในอดีต และไม่เคยคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ แต่เขาสิที่ทนให้ชายหนุ่มใช้งานหนักๆโดยไม่บ่น แค่หวังว่าชายหนุ่มจะจำความผูกพันในวัยเด็กได้บ้างยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ
“ผมขอตัวละครับ” ร่างบางพยายามเอ่ยเสียงเรียบเพื่อปิดซ่อนความรู้สึกน้อยใจของตัวเอง
“จะไปยังไง โทรศัพท์ก็ยังไม่ได้โทร”
“ผมกลับแท็กซี่ได้”
ก้าน ใบรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มีลุกขึ้นวิ่งออกไป ความเสียใจปนกับความน้อยใจจนทำให้เขาไม่อยากอยู่ใกล้ๆกัณฑ์อีก ด้วยกลัวว่าตนเองจะแสดงความอ่อนแอให้ชายหนุ่มเห็น
“ก้าน ก้าน” ชายหนุ่มได้แต่ตะโกนตามหลังร่างเล็กที่วิ่งหายไปในลิฟต์
“โธ่โว้ย” ชายหนุ่มได้แต่ตะโกนให้หายหงุดหงิดทำไมเขาต้องแคร์เจ้าเด็กนั่นด้วยนะ เขาหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้
--------------------