ชมนาดเย้ายวนส่งกลิ่น...ภุมรินหลงใหลคะนึงหา ตอนพิเศษ
วันพรุ่งแล้วที่จักเป็นวันขึ้นปีใหม่ ทางวังหลวงจึงจัดงานพิธีศาสน์เพื่อความเป็นสิริมงคล แลมีพิธีฉลองร่วมกับเหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ เจ้าชมนาด พระชายาในองค์ภุมริน มารดาแห่งภุมริกาจึงมีหน้าที่เป็นแม่งาน ดังนั้น เจ้าชมนาดจึงยุ่งเสียจนหน้าที่เลี้ยงลูกตกเป็นขององค์ภุมริน พระวรกายสูงใหญ่กำยำบรรทมอยู่บนพระยี่ภู่ในอ้อมพระกรแกร่งมีเจ้าบัวงามนอนซุกพระอุระอยู่ ส่วนเจ้าภุชงค์นั้น เมื่อตื่นขึ้นมิเจอมารดา แลพระบิดากับน้องก็บรรทมอยู่ องค์รัชทายาทตัวน้อยปีนป่ายข้ามพระวรกายบิดาไปมา หากแต่พระบิดา แลน้องน้อยก็มิมีท่าทีว่าจักตื่นจากห้วงนิทรา
“แอ้ แอ้ ป้อ ป้อ”ส่งเสียงพลางใช้มือดึงขยำก้นกลมของเจ้าบัวน้อย จนน้องดิ้นดุกดิก แต่ก็มิยอมตื่นจากฝันหวาน
แปะ
ฝ่ามือเล็กฟาดแปะลงบนพระพักตร์พระบิดา
“อืม...เจ้าภุชงค์ตื่นแล้วหรือลูก”ดวงตาใสแจ๋วทอดมองพระพักตร์งามของบิดา องค์ภุมรินปรือพระเนตรมองหน้าลูกน้อยที่จับจ้องพระองค์มิวางตา
แปะ
“ฮึก....แง~~”มือเล็กเหวี่ยงฟาดอีกครา แต่ครานี้เป็นแก้มกลมของเจ้าบัวงาม เมื่อถูกพระเชษฐาฉุดกระชากออกจากฝันหวานก็สะดุ้งเฮือกสุดตัว ก่อนจักแผดเสียงร้องดังลั่นตำหนัก
“เจ้านาคน้อย!!...มิทำน้องหนาลูก”ทรงดุโอรสองค์โตเบาๆ แลช้อนโอรสองค์เล็กขึ้นปลอบ
“ฮึก....ฮึก....แง~~”เมื่อโดนพระบิดาดุก็น้อยอกน้อยใจ แผดเสียงร้องออกมาดังมิแพ้น้อง เอนกายซบพระเขนยอย่างช้ำใจ
“เจ้าภุชงค์...เจ้าบัวงาม”วางเจ้าคนน้องลงก่อนจักคว้าคนพี่เข้ากอด กลายเป็นว่าพระอุระกว้างตอนนี้มีเจ้าลิงน้อยทั้งสองซุกซบอยู่ แลแข่งกันแผดเสียงร้อง
“แง~~”
“แง~~”
“โอ๋ ลูกพ่อเงียบหนาลูก”พระหัตถ์ทั้งสองข้างลูบแผ่นหลังเล็กของลูกสองคนปลอบ
“ฮึก....อึก”
“ฮึก”พอร้องจนเหนื่อยก็ค่อยๆคลายสะอื้น แลเมื่อเห็นอีกคนเงียบก็เงียบตาม
“เฮ้อ....”องค์ภุมรินถอนพระปัสสาสะอย่างโล่งพระทัย
“ป้อ...ป้อ”
“จ๋าลูก”
“หม่ำๆๆ”
“หิวหรือเจ้า”
“หม่ำๆๆๆ”
“อ่าๆ...ประเดี๋ยวพ่อพาไปหาแม่หนา”ตรัสแล้วก็อุ้มลูกน้อยทั้งสองเข้าพระกฤษฎี กระเตงเสด็จไปที่ตำหนักศาสน์โดยมีสุธีองครักษ์หลวงคนสนิทถือพระกลดให้นายเหนือหัวทั้งสามเดินตาม
“หม่ำๆๆๆๆๆ”
“หม่ำๆๆ”
“รู้แล้วลูก พ่อรู้แล้ว”
“หม่ำๆๆๆ”
“หม่ำๆๆ”
“น้อง”ตรัสเรียกเมียรักที่กำลังร้อยมาลัยสำหรับถวายพระวันพรุ่ง
“เสด็จพี่”
“แอ้ๆๆ...หม่ำๆๆๆ”
“หม่ำๆๆ...แอ้!!”
“กระไรกันลูกเจ้าภุชงค์ เจ้าบัว”
“ลูกหิวจ้ะ”
“หม่ำๆๆๆ”
“แอ้...หม่ำๆๆ”
“อ๊ะ...เจ้าบัวมิทำแบบนี้หนาลูก ประเดี๋ยวก็ตกลงไปดอก”เจ้าบัวงามทิ้งตัวไปหาแม่เสียจนเจ้าชมนาดผวารับแทบมิทัน เจ้าตัวน้อยเกาะคอมารดาเป็นลูกวานร
“หม่ำๆๆ”
“จ้ะๆ แม่รู้แล้ว”ว่าแล้วก็อุ้มลูกน้อยออกจากตำหนักศาสน์ โดยมีพระภัสดาอุ้มลูกน้อยอีกคนตามมา เจ้าชมนาดเลือกใช้ตำหนักรับรองที่อยู่ใกล้ๆเป็นที่ให้นมลูก มือเล็กปลดผ้าแถบคาดอกออกก่อนจักประคองเจ้าบัวน้อยให้นอนลงในอ้อมแขน เจ้าบัวน้อยเมื่อจัดที่ทางได้แล้วก็มุดหน้ากับอกมารดา ปากเล็กงับจุกนมเป็นกระเปราะของมารดา แลออกแรงดูดดึงจนน้ำนมไหลให้ดื่มกิน
“แอ้ๆๆ”เจ้าภุชงค์ที่เห็นน้องได้กินก็ตะกายตัวจักไปหาแม่
“เจ้าภุชงค์ให้น้องกินก่อนหนาลูก”
“แอ้ๆๆ”ดิ้นจนพระบิดาต้องกอดไว้แน่น
“จุ๊บๆๆๆ”ส่วนเจ้าบัวงามเมื่อได้ยินเสียงพี่งอแง ก็เหลือบหางตามองก่อนจักดูดดึงจุกนมของมารดาอย่างเร่งรีบราวกับกลัวโดนแย่ง
“อะ โอ๊ย..เจ้าบัวเบาเถิดลูกแม่เจ็บหนาเจ้า”
“เจ้าบัวงามค่อยๆลูก ถันแม่เจ้าช้ำหมดแล้ว”
“แอ้!!”เจ้าภุชงค์ส่งเสียงราวกับจักดุ
“อื้อ...จุ๊บๆๆๆ”ครางในลำคออย่างไม่พอใจ ดูดดึงจุกนุ่มหยุ่นจนแดงช้ำ
“แอ้!!...แอ้...ฮึก”เมื่อเห็นน้องได้กินแลตนมิได้ ก็ออกอาการงอแง คิ้วเล็กขมวดมุ่น ริมฝีปากเบะออกจนโค้งคว่ำ
“เจ้าภุชงค์ให้น้องก่อนหนาลูก”องค์ภุมรินตรัสพลางอุ้มลูกเขย่าเบาๆ
“เจ้าบัวให้พี่เจ้าบ้างหนาลูก”เจ้าชมนาดว่าพลางดึงจุกนมตนออกจากปากเล็กพลางส่งลูกน้อยให้พระภัสดา แลรับเจ้าภุชงค์เข้ามาในอ้อมกอด เจ้านาคน้อยดีใจกระโดดดีดตัว ผิดกับคนน้องที่นิ่งงัน แลเบะปากซบหน้ากับพระอังสะพระบิดา สะอื้นอย่างช้ำใจ เจ้าภุชงค์ที่ได้งับจุกนมแล้วก็ดูดกินอย่างอารมณ์ดี
.
.
.
รุ่งขึ้นวันปีใหม่ทั้งสี่พระองค์เข้าร่วมพิธีศาสน์ในตอนเช้าพร้อมเหล่าขุนนางขั้นผู้ใหญ่ พระโอรสน้อยทั้งสองพระองค์นั่งอยู่บนพระเพลาบิดา มารดา มือเล็กพนมตามพ่อแม่ ได้รับการผูกข้อไม้ข้อมือจากพระคุณเจ้าท่าน
“อึก...”
“...แอ้”
ส่งเสียงเล็กน้อยเมื่อหยดน้ำมนต์ที่พระท่านพรมกระเด็นมาโดนตัว นัยน์ตาเบิกกว้าง ปากเล็กเผยอขึ้น นั่งตัวแข็งเสียจนเรียกเสียงพระสรวลจากบิดา
เมื่อพิธีศาสน์เสร็จสิ้นก็เหลือเพียงงานเลี้ยงฉลองช่วงค่ำของวันนี้ เจ้าชมนาด แลพระภัสดาจึงพาลูกน้อยทั้งสองกลับมาพักผ่อนที่ตำหนักหลวง ความเหนื่อยล้าจากกาเป็นแม่งานจัดงานวันนี้ทำให้เจ้าชมนาดเผลอหลับไปหลังจากที่เอาลูกน้อยทั้งสองนอนกลางวัน
“หึหึหึ”องค์ภุมรินทอดพระเนตรเมีย แลลูกที่นอนหลับตาพริ้มด้วยความเอ็นดู เอนพระวรกายซ้อนแผ่นหลังบางของเจ้าชมนาด ก่อนจักเผลอบรรทมไป
“อึก...อือ”เจ้าบัวงามดิ้นน้อยๆ ก่อนจักค่อยๆปรือนัยน์ตากวางขึ้นกระพริบปริบๆ เจ้าตัวน้อยคนน้องพลิกตัวนอนคว่ำก่อนจักดันตัวขึ้นนั่งแบะขา ใบหน้าเล็กดูมึนงงยังมิตื่นดี นัยน์ตากวางเหลือบมองพระเชษฐาที่นอนหลับตาพริ้มข้างกัน แลเกิดอาการหมั่นเขี้ยว มือเล็กขยุ้มผมพระเชษฐาเต็มมือเขย่าไปมาจนเจ้านาคน้อยเบะปาก เมื่อลืมตาขึ้นเห็นผู้กระทำก็ส่งเสียงข่ม
“แอ้!!”
“แอ้!!!”ยอมเสียที่ไหนตวาดกลับไป ปล่อยมือจากกลุ่มผมภุชงค์น้อย ก่อนจักเงื้อฟาดเพี้ยลงบนแก้มกลมของพระเชษฐา
“อึก...”เบะปากด้วยความเจ็บผลักน้อยเสียจนผงะ
“แอ้...ฮึก”ตั้งท่าจักไห้
“อืม...”เจ้าชมนาดขยับตัวเล็กน้อยแต่ก็มิตื่น แลเมื่อเห็นแม่ขยับก็ชะงักทั้งสองคน จากที่ตั้งท่าจักไห้เมื่อครู่ก็เงียบกริบ
“แอ้”ส่งเสียงพลางไถตัวลงจากพระแท่นบรรทมไปนั่งแปะบนพื้น เมื่อเห็นน้องลงก็ไถตัวลงตาม สองพี่น้องถึงจักยังพูดมิได้ แต่ก็เดินได้แข็งแล้ว จับมือกันเดินเตาะแตะออกนอกห้องบรรทม แลในเวลาที่นายเหนือหัวพักผ่อนจึงมิมีข้าหลวงมารบกวน เจ้าตัวน้อยทั้งสองลัดเลาะออกจากตำหนักหลวงโดยที่ข้าหลวงรับใช้มิทันได้มอง
“แอ้”
“แอ้”ส่งเสียงอย่างอารมณ์ดี มือเล็กทั้งสองคู่เกาะพระบัญชรไว้แล้วพากันขย่มตัวขึ้นลง
“อุๆๆๆ”
“อู้”เห็นบรรดาแมวทรงเลี้ยงของพระบิดาก็ส่งเสียงตื่นเต้น ก้าวเท้าเตาะแตะออกจากตำหนักหลวงตามแมวไป จับมือพากันวิ่งตามแมวไปทางท้ายวังหลวง เพลานี้ข้าหลวงในวังต่างก็วุ่นอยู่กับการเตรียมงานฉลองค่ำนี้จึงมิทันสังเกตเห็นองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยที่ซุกซนไปทั่ววังหลวง
.
.
.
เพลาผ่านไปกว่าชั่วยาม
“อือ..อืม”เจ้าชมนาดครางในลำคอเบาๆ มือเล็กควานหาลูกน้อย แต่ก็เจอเพียงความว่างเปล่า คิ้วเล็กขมวดก่อนนัยน์ตากวางจักเปิดขึ้น เมื่อมองภาพตรงหน้าบนพระยี่ภู่ที่ควรจักมีเจ้าภุชงค์ แลเจ้าบัวงามนอนอยู่กลับว่างเปล่าไร้ร่างลูกน้อยทั้งสอง เจ้าชมนาดเบิกตากว้างปัดพระกรพระภัสดาที่พาดเอวบางออก แลผุดลุกอย่างตกใจ
“อืม..มีกระไรหรือน้อง”
“เสด็จพี่ ลูก!!!...ลูกหายพระเจ้าค่ะ”
“อืม...หา!!”ผุดลุกตามเมียรัก กวาดพระเนตรมองรอบห้องบรรทมก็มิเห็นลูกน้อยทั้งสอง
“....”เจ้าชมนาดหน้าซีด กายบางวิ่งออกจากห้องบรรทมตามด้วยพระภัสดา ร้องเรียกหาลูกน้อยทั้งสองจนข้าหลวงตกอกตกใจ
“มีกระไรเพคะพระชายา เกิดกระไรขึ้นเพคะ”
“อุ่น!!! อึก...ลูกข้า เห็นลูกข้าหรือไม่!!”
“องค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยหรือเพคะ..ก็ทรงอยู่ในห้องบรรทมกับพระองค์นี่เพคะ”
“!!!”ได้ยินแล้วลมแทบจับ
“บอกข้าหลวงแลองครักษ์ในวังหลวงออกตามหาองค์รัชทายาท แลเจ้าน้อยประเดี๋ยวนี้”องค์ภุมรินประคองร่างอ่อนปวกเปียกของเมียรัก แลรับสั่งอย่างเคร่งเครียด
.
.
.
“อู้...อุๆๆๆ”
“อุๆๆ..แอ้”
ด้านเจ้าตัวน้อยทั้งสองก็หาได้รับรู้ถึงความกังวลใจของพอ แลแม่ไม่ พากันเล่นดิน เล่นทรายจนมอมแมมไปหมด มิเหลือเค้าพระโอรสแห่งภุมริกาเสียแล้ว
“แอ้...อุๆ”
“คิกๆ...อ้า..อุ๊..อึก”เจ้าบัวงามวิ่งก่อนจักสะดุดขาตัวเองล้มกลิ้งเป็นลูกขนุน นอนแผ่บนพื้นหญ้านุ่ม ก่อนจักหัวเราะเอิ๊กอ๊าก เจ้าบัวงามลุกขึ้นก่อนจักตีลังกาล้มกลิ้งลงไปอีกครา แลหัวเราะจนตัวโยน ก่อนจักทำวนไปซ้ำๆ ส่วนเจ้าภุชงค์ก็พยายามมุดเข้าไปในพุ่มไม้ที่เจ้าตัวเห็นแมวสีสวาทมุดเข้าไป
“ภุชงค์!!...เจ้าบัว!!!”เมื่อได้ยินเสียงบิดาก็ชะงัก เจ้าบัวงามหยุดค้างในท่าโก่งโค้งมองลอดหว่างขา ในขณะที่เจ้านาคน้อยคลานถอยหลังออกจากพุ่มไม้ องค์ภุมรินหอบหายพระทัยทอดพระเนตรลูกน้อยทั้งสอง แลแทบยกพระหัตถ์กุมพระเศียร หากเจ้าชมนาดได้มาเห็นสภาพลูกรักในตอนนี้คงได้เป็นลมล้มพับไปเป็นแน่
“ป้อๆๆๆ”
“แอ้ๆๆ”
เดินเตาะแตะมาเกาะพระชานุของบิดา เจ้าบัวงามเงยหน้ายิ้มหวานให้พลางซบใบหน้าแนบพระชานุ ส่งเสียงฮึมฮัมในลำคออย่างอารมณ์ดี ภุชงค์เมื่อเห็นน้องอ้อมพ่อก็คลานเร็วๆมาอยู่ที่พระบาท มือเล็กตีแปะๆที่หลังพระบาทขาว
“กลับตำหนักหลวงประเดี๋ยวนี้ ทั้งคู่!! ป่านนี้แม่เจ้าเป็นลมเป็นแล้งไปแล้วกระมัง”ตรัสพลางช้อนลูกน้อยทั้งสองเหน็บพระกฤษฎีกระเตงกลับตำหนัก
.
.
.
“พระทัยเย็นก่อนหนาเพคะพระชายา”อุ่นว่าพลางบีบนวดแขนขาเล็กของคนเป็นนาย
“ฮึก...ลูกข้า หายไปตั้งแต่ตอนไหน เหตุใดจึงมิมีผู้พบเห็น”
“พระทัยเย็นไว้เพคะ ฝ่าบาทท่านทรงเสด็จตามแล้ว ประเดี๋ยวคงจักกลับมา อย่ากังวลไปเลยเพคะ”ข้าหลวงคนสนิทอีกคนว่าพลางจอยาหอมที่จมูกโด่งรั้น
“พระชายาองค์ภุมรินเสด็จกลับมาแล้วเพคะ”อุ่นว่าเมื่อเห็นนายเหนือหัวเสด็จเข้ามาพร้อมกระเตงเจ้านายน้อยๆทั้งสอง
“เสด็จพี่..ลูกแม่!!”ผุดลุกวิ่งเข้าไปหาพระภัสดา
“มิเป็นไรหนาน้องลูกปลอดภัยดี”ตรัสพลางวางลูกทั้งสองลงพื้น
“ลูกจ๋า ไปเล่นซนที่ไหนมาหนาลูก”ทรุดกายลงกอดร่างเล็กของลูกแน่น เจ้าตัวน้อยก็ซบหน้ากับไหล่เล็กของมารดาอย่างออเซาะ
“อุๆๆๆ”ส่งเสียงราวกับจักเล่าให้ฟังว่าไปเจอกระไรมาบ้าง
“แอ้ อู้ๆ”
“จ้ะๆ...ไปเล่นสนุกใช่หรือไม่”ลูบแผ่นหลังเล็กเบาๆ
“อุ่นเจ้าพาเจ้าภุชงค์ แลเจ้าบัวงามไปอาบน้ำผลัดผ้าทีเถิด”
“เพคะฝ่าบาท”
“น้อง...ให้ลูกไปอาบน้ำผลัดผ้าก่อนหนา”ตรัสพลางแยกแม่ลูกออกจากกัน
“พระเจ้าค่ะ”รับคำแลปล่อยให้ข้าหลวงคนสนิทพาลูกน้อยออกไป
“หึหึหึ...เช็ดน้ำตาก่อนดีไหม”ตรัสเย้าพลางใช้พระดรรชนีเกลี่ยคราบน้ำตาบนแก้มนวลให้เมีย
“น้องใจหายหมดเลยพระเจ้าค่ะ”
“หึหึหึ ไปเล่นที่ท้ายวังนั่นแล จักโกรธหรือก็โกรธมิลง น่าเอ็นดูเสียขนาดนั้น”
“นั่นสิพระเจ้าค่ะ”ใครกันจักทำใจแข็งโกรธเจ้าตัวน้อยได้
“แสบนักทั้งคู่”รั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมพระกร กดจูบที่ขมับขาว
“คิกๆ ก็ลูกพระองค์นั่นแลพระเจ้าค่ะ”
“หึหึ ข้ามิปฏิเสธ”