ก่อนอื่นเลย ใครที่อ่านนิยายของผมแล้วยังไม่เคยเม้นท์เลยก็...กรุณาให้ไว้กับบทนี้ด้วยนะครับ T-T
จะติหรือจะทำอะไรก็ได้ ขอให้ผมได้อ่าน
อย่างน้อยก็ถือเป็นกำลังใจเล็กๆน้อยๆที่ช่วยให้ชื่นใจบ้างก็ยังดีครับ อ้อ เอาไว้ปรับปรุงด้วยครับ (เฮ้อ...เรื่องเดียวปาเข้าไปตั้ง71ตอน อ๊ากกก
)
ตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายของคู่นี้แล้ว จะไม่มีตอนพิเศษนะครับ แต่อาจจะมีside story ของคู่อื่นในเรื่อง...ยังไงต้องติดตามนะครับ
นิยายของผมอาจจะไม่perfectเหมือนของนักเขียนท่านที่มีประสบการณ์โชกโชน แต่ผมก็พยายามอย่างเต็มที่สุดความสามารถนะครับ เรียกได้ว่าลำบากไม่แพ้ตอนนั่งปั่นกับซี่รี่ชิพแดนเลยทีเดียวบวกกับความแรงของเนื้อหา มันเลยเหนื่อยเหมือนโดนนิยายดูดแรงไปประมาณว่าเครียดง่ะครับ (-_-" ไม่เหมือนนิยายเรื่อง Love story before Christmas เลยย~~~) ทว่าที่ต้องออกตัวไว้ตรงนี้เลยคือคำผิดที่ปล่อยให้พบเห็นอยู่เรื่อยๆ...-_-"
ยังไงก็ต้องขออภัยอย่างแรงเลยนะครับ เอาไว้ผมว่างๆจะนั่งรีไรท์ยาวแล้วจะแก้ที่ลงไปแล้วด้วยครับ
ก่อนจากกันยาว...ขอขอบคุณทุกๆท่านที่เข้ามาติดตามจนนิยายเรื่อง 'ผู้ชายหัวใจทมิฬ' จบลงด้วยดี เป็นเพราะพี่ๆน้องๆทุกคน ลุงๆป้าๆทุกๆคนเลย
และท้ายที่สุดนี้ขออนุญาตตอบเม้นท์เป็นรายบุคคลนับตั้งแต่การลงครั้งนี้เป็นต้นไปเหมือนที่ทำทุกครั้ง เพราะนิยายมันจบแล้ว...(หวังว่าจะได้รับความกรุณา) ใครจะคุยอะไรที่มันนอกเหนือนิยายก็รบกวนพีเอ็มผมแทนแล้วกันนะครับ
ปล.ใครไม่ทิ้งเมนต์ไว้ล่ะก็........โป้งจริงๆด้วยง่า T-T
ปล.ล.ยังมีบทส่งท้ายอีกนิดหนึ่งตบท้าย รอก่อนนะครับ รับรองกระตุ้นอารมณ์บางอย่างแน่นอนอิอิ
บทที่ 70 ตอนอวสาน
‘ถึงชนินทร์...
ถึงแม้ว่าผมจะปล่อยคุณไปแล้ว แต่ผมก็ยังไม่อาจยกโทษให้กับเรื่องที่น้องชายของคุณทำไว้กับน้องสาวของผมได้
ตลอดเวลาหลายต่อหลายวัน...หลายต่อหลายคืนที่ผมใช้เวลาร่วมกับคุณ ผมไม่อาจโกหกคุณว่า ณ ความรู้สึกแรกมันคือความเกลียดชัง...มันคือความคับแค้นที่ผมต้องการให้คุณและพวกคุณทุกคนรับรู้ ซึมซับมันไว้เหมือนที่ผมต้องผ่านพ้นมา
แต่มันก็คงเป็นการโกหกอีก...หากผมไม่สารภาพว่าผมหลงทางเพราะคุณ...ผมสาบานว่าผมจะไม่มีวันแพ้ให้แก่ใคร ไม่ว่าจะหน้าไหนก็ตาม แต่ทำไม...ทำไมคุณถึงได้ดีต่อผม...คุณดีต่อทุกคน คุณช่างทำให้โลกที่มืดมนของผมสดใสเหลือเกิน...
ผมไม่อาจยอมรับความรู้สึก...ข้างในหัวอกนี่ได้ แต่อย่างน้อย หากคุณได้อ่านจดหมายฉบับนี้...ถ้าคุณได้มีโอกาสจริงๆ คุณจะรู้ว่าผมไม่มีวันลืมความรู้สึกเหล่านี้เลย...ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้วจะมีคุณอยู่บนโลกใบนี้หรือไม่ก็ตาม...’
นิ้วเรียวค่อยๆพับกระดาษสีขาวที่เริ่มปรากฏรอยยับยู่บางส่วน เหตุผลเพราะเจ้าตัวคงหยิบมันขึ้นมาคลี่อ่านหลายครั้งจนแทบจำเนื้อความต่างๆได้ขึ้นใจ...ทุกบรรทัด ทุกตัวอักษร...
ชนินทร์สอดจดหมายที่เมฆินเคยบอกว่าจะให้เขา...ครั้งที่เขาเคยจากไปจากสถานที่แห่งนี้ครั้งแรก...
ทุกอย่างมันช่างเหมือนวันวาน...ไออุ่นของเมฆินยังติดแน่นตราตรึงอยู่ทุกห้องหัวใจ
ทว่าความเจ็บปวดก็มีมากจนยากจะเกินรับไว้ได้ไหว
ร่างบางยืนอยู่ตามลำพัง ท่ามกลางสายลมเย็น แสงอาทิตย์ยามบ่ายคล้อยที่เริ่มอ่อนแรงลง เตรียมพร้อมย่างก้าวเข้าสู่ราตรีอันเงียบสงบ
ชนินทร์ยืนกอดอก ครุ่นคิดถึงใครบางคน
ชายหนุ่มแอบหนีมาซ่อนตัวอยู่ที่นี่...ที่ๆความทรงจำเก่าๆพุดพรายขึ้นมามากมาย
ชนินทร์ปาดน้ำตา หัวใจของเขาด้านชา ไม่ต่างอะไรจากกรวดหิน
แม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปเช่นนั้น แต่ชนินทร์ก็ขอกลับมาซึบซับความทรงจำครั้งสุดท้าย
แม้ว่าจะไม่มีวันตัดใจได้...หัวใจของเขาไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ชนินทร์ขอเลือกทำตามหัวใจเหนือเหตุผลครั้งสุดท้าย
แม้ว่าผลที่ตามมาจะร้ายแรงสักเท่าไรก็ตาม
ชนินทร์หันหลังเตรียมตัวจะกลับ ทว่า…
.
.
.
.
.
.
.
……….
…………………….
………………………………………..
……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………………………………
…………………………………….
………………………..
………………..
………….
…..
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ร่างสูงใหญ่ที่ยืนตระง่านใต้ต้นไม้ใหญ่นั่น...ร่างที่คุ้นเคยจ้องมองมาด้วยความเงียบงันเช่นกัน
ร่างนั้นเดินเข้ามาใกล้ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ...สะกดให้ชนินทร์ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก
ลมหายใจติดขัด สักพักเหมือนพระเจ้าได้ริบรอนเอาอากาศทั้งมวลโลกหายไปจนหมดสิ้น...
เขายืนใกล้จนชนินทร์สังเกตได้ถึงดวงตาเรียวคมที่ทอดมองลงมาทั้งน้ำตาเอ่อคลอ จับจ้องด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากมายเกินบรรยาย
ยามนี้...เมื่อมีเขาอยู่ใกล้ๆ
ไออุ่นจากร่างสูง...กลิ่นกายที่หอมและคุ้นเคยถูกสายลมอุ่นพัดโชยมา
เหมือนฝัน…ชนินทร์อยากทำให้หัวใจที่เต้นรุนแรงจนแทบเรียกได้ว่าบ้าคลั่งนี้ลดจังหวะช้าลงสักนิด...
เพียงเพื่อให้รับรู้ว่า...หัวใจของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข...ความอบอุ่นที่ท่วมท้นเข้ามานี้มันมากมายแค่ไหน?
ชายร่างสูงใหญ่หลั่งน้ำตาเป็นทางยาวอาบสองแก้ม...นัยน์ตาที่จดจ้องสื่อความหมายแปลกๆ ชายหนุ่มค่อยๆเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงแปร่งปร่า
“คุณ...ผมอยากทำอะไรสักหน่อย?”
เมฆินหลบสายตาเล็กน้อย ขมวดคิ้วอย่างว้าวุ่น
“ผมพยายามนึก...นึกให้ออกว่าคุณเป็นใคร ผมทำไม่ได้...แต่ผมรู้ว่ามีอะไรบางอย่างระหว่างเราสองคน ลึกๆลงไปในใจ...ผมเฝ้าคิดถึงแต่คุณซึ่งไม่รู้ว่าทำไม”
ชนินทร์รู้สึกเหมือนหัวใจกระตุกวูบอย่างรุนแรงราวกับโดนฟ้าฝ่ากลางอก...แต่บัดนี้เขาได้แต่ยืนรอ มองตาของอีกฝ่ายอย่างเว้าวอน
อาจเป็นการเว้าวอนครั้งสุดท้าย
“ผมใช้เวลาเป็นเดือน...เพื่อจะนึกถึงเรื่องของคุณ แต่ทำไม?...มันเหมือนขาดอะไรไปอย่างหนึ่ง ผมจำไม่ได้ว่าคุณเป็นใคร แต่จำได้ว่าเราเคย...เราเคยรู้จักกัน เราเคยพูดคุย เราเคย...มีความสุขด้วยกัน”
ชนินทร์แทบจะแตกสลายตรงหน้านั้น...
“ผมจำที่นี่ได้...ผมจะตัวตนของคุณเคยอยู่รอบๆกายผม ณ ที่แห่งนี้ได้...หัวใจของผมมันเต้นระรัวเมื่อคิดถึงคุณ และมันจะเจ็บแปล๊บทุกครั้งด้วยที่หยุดคิดถึงคุณ”
“...ผมรู้แค่ว่า...ในหัวของผม มันเรียกร้องจะพบแต่คุณ ในหัวใจของผมมันร้อนรุ่มแปลกๆ ยิ่งตอนนี้...ผมรู้สึกว่า...ว่ามีความสุข คุณคือใคร?...ทำไมผมถึงต้องเป็นแบบนี้”
ชนินทร์กัดริมฝีปากแน่น ความเจ็บปวดนี้มันยากเย็นเสียยิ่งกว่าอะไรที่เคยผ่านเข้ามา
“ผม...ผมก็คือผม หากคุณจำผมไม่ได้ และอยากให้ผมจากไร่นี้ไป...ผมจะยอมทุกอย่าง เพราะผมสัญญาไว้เพียงแค่ให้คุณฟื้น เท่านั้น...”
“คุณสัญญาไว้? กับใคร?”
“กับคุณ” ชนินทร์อยากเข้าไปกอดอีกฝ่าย ทว่าทำไม่ได้ “กับคุณ...ผมยอมทำทุกอย่างเพียงเพื่อให้รับรู้ความรู้สึกของผมอีกครั้ง...”
เมฆินงุนงง ชนินทร์รีบบอกความในใจออกไป
“ไม่ว่าคุณจะจำผมได้หรือไม่ได้...ผมจะรักคุณตลอดไปครับ และนั่นไม่มีวันเปลี่ยนแปลง”
ชนินทร์ค่อยๆออกเดิน....
ผ่านม่านแห่งแสงแดดอ่อนแรง...
ลมอุ่นที่พัดเอื่อยอ่อนล้า...
ไม่มีอะไรหลงเหลือไว้ให้มีสิทธิจดจำอีกแล้วหรือ?
ถ้าไม่มีความสุข...
ถ้าไม่มีความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจแบบนั้น…
แล้วเขาจะอยู่ไปเพื่ออะไร?
ชนินทร์ยอมแลกทุกอย่าง...
ทว่ามันคงเป็นไปไม่ได้แล้วใช่มั้ย?
โชคชะตากำหนดให้ทุกอย่างจบลงเช่นนี้
หากเขาต้องเผชิญกับมัน...คนเดียว...เขาไม่แน่ใจว่าจะทานทนต่อโลกที่โหดร้ายนี่ได้อีกต่อไป...
คล้ายเป็นจุดจบชีวิตของเขาแล้ว
.
.
.
.
..
……….
…..
…
.
.
...กระนั้นมืออุ่นก็ยังยื่นออกมา
เมฆินคว้าข้อแขนเรียวไว้…
ดวงตาทั้งสองสบประสานกัน
“คุณรักผม...จริงๆงั้นเหรอ?”
ชนินทร์พยักหน้า
“แต่...แต่ผมไม่เคยรักใครมาก่อน” เมฆินพูดตรงๆจากใจ “ผมรักใครไม่เป็น แม้แต่ตัวเอง...ผมยังไม่เคยสัมผัสถึงคำว่ารัก ยิ่งกับ...ผู้ชาย...แต่ทำไมผมถึง...ช่างเถอะ เพียงแค่คุณทำให้ผมรู้สึกประหลาดๆแบบนี้ข้างในได้ตั้งแต่เมื่อไรกัน...ช่วยบอกผมที”
ชนินทร์พยายามจะดึงตัวออกเบาๆ
“เดี๋ยวก่อน” เมฆินหลบสายตาอีกครั้ง ก้มหน้า “ผม...ผมขออะไรคุณอย่างหนึ่งได้มั้ย?”
ร่างสูงหน้าแดงก่ำแม้แสงสีแสดเข้มจะอาบไล้ไว้
ชายหนุ่มไม่กล้าสบตา...
“ผม...ผมขอจูบคุณหน่อยได้มั้ย? ผมรู้ว่ามันอาจจะฟังดูบ้าๆ แต่ผม-“
ชนินทร์ประคองใบหน้าหล่อเหลาด้วยสองมือเรียวพลางดึงเข้ามาประทับจุมพิตทันที...เมฆินเบิกตากว้างก่อนจะหลุบตาลง สอดมือเข้าโอบเอวบางและกอดแนบแน่น
เมฆินค่อยๆสอดลิ้นอุ่นเข้าไปพบกับชนินทร์ แล้วทุกอย่างก็ระเบิดคว้างอยู่ในหัว
ทุกอย่าง...ทุกอย่างปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
“เป็นคุณนี่เอง...”
เมฆินถอนลิ้นอุ่นออกมาพร้อมลมหอบกระหาย
“ผมนึกออกแล้ว ผมนึกออกแล้ว เรื่องทุกอย่าง!...ชนินทร์ ผมขอโทษที่จำคุณไม่ได้”
เมฆินกล่าวก่อนจะจูบริมฝีปากเห่อแดงอวบอิ่มนั่นอีกครั้ง
“ผมรักคุณชนินทร์...”
ทั้งสองยืนกอดกันแน่น
เพียงจูบเดียว...
จูบที่กู้ทุกสิ่งทุกอย่างคืนมา
บัดนี้มันอยู่ในหัวใจหนึ่งดวง...ซึ่งหล่อหลอมรวมระหว่างหัวใจสองดวงเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ชนินทร์สัญญา...จะไม่ปล่อยให้หลุดมือไปได้อีก
“ผมอาจจะจำคุณไม่ได้ แต่หัวใจของผมมันเป็นของคุณ...ผมไม่มีวันปฏิเสธได้ ไม่มีวัน...”
ชนินทร์ปล่อยโฮกลางแผงอกหนา
เมฆินจึงจูบซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบา
“อย่าร้องไห้เลยนะ...ผมอยู่ตรงนี้แล้ว และเพื่อคุณคนเดียว”
เสียงสะอื้นของชนินทร์ ถูกพัดผ่านไปกับสายลม
“ผมไม่ได้หวังอะไร...ขอแค่ให้คุณฟื้น ผมอยากบอกคุณว่าผมรักคุณ...ผมรักคุณมาก แม้ตอนที่ผมโดนคุณทำร้ายต่างๆนานา ผมก็รักคุณ...ผมอยากบอกว่าผมให้อภัยคุณทุกอย่าง และผมก็ขอโทษ...ที่เคยเข้าใจผิดคุณสำหรับเรื่องทุกอย่าง…”
เมฆินใช้หัวแม่โป้งปาดหยาดน้ำใสให้อย่างอ่อนโยน
“ชู่ว...ผมต่างหากล่ะครับ...คุณรู้ใช่มั้ยว่าผมจะไม่มีวันลืมคุณจริงๆ...คุณอาจจะยังไม่รู้ซินะว่าผมเองก็ตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรก...”
ชนินทร์ยิ้มบางก่อนจะล่วงเอาจดหมายออกมาให้เขาดู
“นั่นซินะ...ผมจำได้แล้วว่าเขียนให้คุณตอนไหน”
ร่างทั้งสองยืนกอดกันแนบแน่น ไม่มีอะไรจะมาขวางกั้นความรักของพวกเขาสองคนได้อีก
“ผมรักคุณครับชนินทร์...ผมขอโทษสำหรับ...ความร้ายกาจของผมเหมือนกันนะ”
ชนินทร์มองตา ส่ายหน้าอย่างทรมาน แววตาตัดพ้อ
“ผม...ทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ความทรมานนี้...คุณช่วยหยุดมันทีได้มั้ย?”
“ตราบใดที่เรามีกันและกัน ผมสัญญา...คุณจะไม่ต้องเสียใจอีก”
เมฆินมองลงไปในดวงตาสุกใส เปี่ยมไปด้วยความรักอันอบอุ่นที่มีต่อเขา
“คุณเชื่อในปาฏิหาริย์มั้ย?” เมฆินเอ่ยเสียงใส “เมื่อสองนาทีที่แล้วผมยังจำคุณไม่ได้อยู่เลย...แต่แค่จูบเดียว แล้วทุกอย่างมันก็กระจ่างอยู่ตรงหน้า...คุณคือคนที่คอยกุมมือผมไว้ตลอดเวลาที่ผมนอนหมดสติอยู่ ผมนอนฝันถึงคุณแทบจะตลอดเวลา...ผมรู้ว่าหัวใจผมรักคุณ รักคุณมากจนบอกไม่ถูก...”
...ท่ามกลางสายลมอบอุ่น เหนือทุ้งหญ้าโล่งกว้างที่พริ้วไหว...มีแสงอาทิตย์อัสดงอาบไล้ราวกับแดนสวรรค์
ไม่มีอะไรมีค่า นอกไปจากกันและกัน...ไม่มีอะไรสำคัญนอกเหนือไปจากนี้อีกแล้ว
“ว่าแต่...คุณรู้ได้ยังไงว่าผมอยู่ที่นี่?”
เมฆินจูบหน้าผากมน ก่อนจะพยักพเยิดไปอีกทาง
“นู่น...พ่อสื่อแม่ชักของเรา”
กวินและฤดีที่ยืนเคียงกันอยู่ข้างๆรถยนต์โบกมือให้ มองไกลๆเห็นเป็นเพียงเงาดำๆใต้ไม้ใหญ่ ทว่าทั้งสองต่างรู้ดีว่าทั้งนักสืบหนุ่มและเลขาฯสาวนั้นคงกำลังยิ้มร่าอย่างมีความสุขเช่นกัน
“ผมว่า...เราสองคนก็เป็นพ่อสื่อแม่ชักให้เขาบ้างดีกว่า”
เมฆินรับคำเบาๆ ก่อนจะจูงมือร่างบางเข้าไปในเรือนหลังเล็ก
“ตามมานี่ซิครับ”
เมฆินเปิดประตูห้องนอนใหญ่ หยิบกล่องสีน้ำเงินกำมะหยีออกมาจากลิ้นชัก
ข้างในเป็นแหวนทองคำขาวลายเกลี้ยงสองวงคู่กัน วงหนึ่งเล็กวงหนึ่งใหญ่
เมฆินหยิบแหวน แล้วสวมไปที่นิ้วนางเรียวบางของอีกฝ่ายช้าๆ
ชนินทร์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้งไม่ขัดขืน
“สัญญากับผมได้มั้ย...อยู่กับผมตลอดไป”
ชนินทร์พยักหน้าตกลงรับคำหวานนั่นพร้อมน้ำตา
“ครับ...ผมสาบาน”
ดวงตาที่เมฆินทอดมองลงมา ช่างเปี่ยมด้วยความรักหวานซึ้ง และความอ่อนโยนลึกซึ้งละเอียดอ่อน
“รักผมที...” ชนินทร์กระซิบ พร้อมๆกับที่ริมฝีปากอุ่นร้อนทาบทับลงมาอย่างไม่รอช้า
มิต้องเรียกร้องเพิ่มไปกว่านี้ เมฆินหลับตาพริ้มแน่น ชนินทร์ขมวดคิ้วเมื่อสัมผัสที่โหยหาหวนคืนมาอีกครั้ง
จากนั้นแววตาของเมฆินก็เร่าร้อน เรียกร้อง ฉายแววแห่งความต้องการและกลิ่นอายแห่งบุรุษเพศ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เท่ๆของเขาพุดพราย
ชนินทร์ถูกถอดเสื้อออกช้าๆ และกระทำอย่างเดียวกันกับเมฆิน
ร่างทั้งสองเปลือยเปล่า ประคองกอดกันและสัมผัสกันด้วยความรัก ทั้งร่างกายและจิตใจรวมเป็นหนึ่ง สิ่งสุดท้ายที่ชนินทร์พอจะนึกออกก่อนจะเสียการควบคุมในเกมรักให้แก่เขา...ตลอดไป
“ผมพร้อมจะกินคุณลงไปทั้งตัว...ดูซิ ผมแทบรอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว”
ชนินทร์หัวเราะเบาๆ
“คอยดูแล้วกัน...”
...อวสาน...
จบ ผู้ชายหัวใจทมิฬ