บทนำ
"ถ้าเกิดฉันเป็นอะไรไป นายรับคายัคไปเลี้ยงได้ไหม?"
"ได้สิ สัญญา" ช่วงที่ผู้คนบางตาภายในร้านกาแฟ จู่ๆอินทัชที่นั่งพักจากการรับลูกค้า คำสัญญาของเพื่อนที่พูดก็แวบเข้ามาในหัว
อินทัช คือ เพื่อนรักของ
สาริน สมัยตั้งแต่เรียนอนุบาล ทั้งสองสนิทกันมาก และตลอดเวลาที่เป็นเพื่อนกัน ยามสารินมีปัญหาหรือไม่สบายใจ อินทัชจะรู้ข่าวคราวจากเพื่อนอยู่เสมอ
จนกระทั่งวันหนึ่งที่อินทัชไม่รู้ว่าสารินไปแอบคบผู้หญิงตอนไหน รู้ข่าวอีกที สารินเผลอทำผู้หญิงท้องซึ่งคบกันได้เพียงสี่เดือนเท่านั้น ต่อมาจึงต้องรีบจัดงานแต่งกันใหญ่โต และเมื่อถึงวันที่ภรรยาของสารินคลอดลูก เธอได้ขอหย่าขาดจากกัน และไม่คิดจะเอ่ยปากรับเลี้ยงลูกชายที่เพิ่งเกิดมาแต่อย่างใด
สารินเข้าใจดี ผู้หญิงคนนั้นคงไม่ได้รักลูกและสารินเองก็ไม่ได้รักเธอเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะช่วงที่ทั้งสองมีลูกกันยังอยู่ในวัยเรียนด้วยซ้ำ สารินไม่คิดแค้นเคืองใดๆ กลับเต็มใจที่จะเลี้ยงลูกคนเดียว
จากนั้นมา สารินไม่ได้เรียนต่อ ซึ่งประเด็นนี้เองทำให้เขาทะเลาะกับแม่อย่างหนัก ส่วนพ่อของสารินนั้นได้เสียชีวิตไปได้ระยะหนึ่งแล้ว
สารินจึงต้องเลี้ยงคายัคเพียงลำพังและให้เวลากับการเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ ช่วงปีแรกของการเลี้ยงลูกให้เติบโต สารินเหนื่อยสายตัวแทบขาด นอนก็แทบไม่ได้นอน ต้องมานั่งอุ้มลูกยามร้อง เปลี่ยนผ้าอ้อมยามดึกก็บ่อยจนชิน แต่สารินไม่เคยบ่นหรือโทษโชคชะตาที่เขาต้องกลายเป็นคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว
สารินเต็มใจและรักลูกคนนี้มาก
ลูกที่เขารักสุดหัวใจและตั้งชื่อตามกิจกรรมที่สารินและอินทัชชื่นชอบสมัยโดดเรียนไปเที่ยวทะเล
การพายเรือ
คายัค หลายปีผ่านมา ที่สารินเลี้ยงลูกเพียงลำพัง ก็มีแต่อินทัช เพื่อนที่ไม่เคยทอดทิ้งกัน วันใดที่สารินไม่มีเงินซื้อผ้าอ้อม หรือ ซื้อนมให้ลูก อินทัชจะเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้และแวะเวียนไปเล่นกับคายัคเสมอ
จนเวลาผ่านไปถึงวันหนึ่ง วันที่สารินพูดประโยคคล้ายร่ำลา ถัดมาไม่ถึงสัปดาห์ สารินก็เสียชีวิต
ซึ่งปีที่สารินตาย คายัคก็อายุได้เจ็ดขวบ เพิ่งเข้าชั้นประถมพอดี อินทัชทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับเพื่อนด้วยการรับคายัคมาเลี้ยง โดยขออนุญาตจากน้องสาวสารินในสมัยนั้นเธอเองก็เพิ่งจะอายุสิบเจ็ดปี ในตอนนั้น แม่ของสารินก็มาเสียชีวิตตามพ่อและสารินไป
แม้ในตอนนั้น อินทัชเองจะเพิ่งอายุยี่สิบสามปี แต่เพราะเห็นคายัคมาตั้งแต่เด็ก และก็สงสารอยู่ลึกๆ อินทัชจึงเต็มใจดูแลคายัคอย่างสุดความสามารถ
ครอบครัวของอินทัชมีฐานะกว่าสาริน เพราะทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ การที่อินทัชจะต้องดูแลคายัคโดยไม่ได้ทำงานและไม่มีรายได้เข้ามานั้น จึงต้องขอกู้เงินจากพี่ชายที่ยังใจดีให้ยืม เพราะรู้เหตุผล หากอินทัชไม่มีพื้นฐานทางบ้านที่พอมีจะกิน อินทัชคงไม่สามารถเลี้ยงคายัคได้แน่
ตอนแรกอินทัชปวดหัวและเหนื่อยกับคายัคพอสมควร เพราะเป็นเด็กที่ซนมาก และแล้วก็ได้บาดแผลของความซนที่อินทัชและคายัคเองก็คงไม่ลืม มันเป็นตอนที่คายัคเล่นพัดลม จับฝาครอบพัดลมให้หันตามใจตัวเอง จนฝาพัดลมหลุดโดนใบพัดที่ยังหมุนอยู่จนใบพัดแตก เศษใบพัดลมเสี้ยวหนึ่งกระเด็นมาปาดจมูกคายัคจนเลือดอาบ ต้องรีบพาไปโรงพยาบาลและเย็บกว่าสิบเข็ม
เหตุนั้นนั่นเอง เลยทำให้คายัคมีรอยแผลเป็นที่สันจมูก และตั้งแต่วันนั้น ความซุกซนของคายัคก็ลดน้อยถอยลงและเชื่อฟังอินทัชมากขึ้น
การมีคายัคเข้ามาในชีวิต ทำให้อินทัชขอพี่ชายย้ายมาอยู่ในพื้นที่ส่วนตัว ด้วยการซื้อบ้านของตัวเองในช่วงที่คายัคเข้าสู่โรงเรียนมัธยมต้น
เงินที่เคยกู้พี่ชาย ช่วงที่เลี้ยงคายัค ตอนนี้ อินทัชคืนพี่ชายจนครบถ้วน และยังมีธุรกิจเล็กๆเป็นร้านกาแฟที่ใช้พื้นที่ของบ้านชั้นล่างทั้งหมด มาปรับตกแต่งใหม่ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ เนื่องจากเดิมทีบ้านที่อินทัชซื้อไว้ มีต้นไม้ต้นใหญ่อยู่ก่อนแล้ว เขาจึงปลูกดอกไม้เพิ่มเติม หาเฟอร์นิเจอร์ต่างๆให้ดูเข้าที
พื้นที่ของบ้านบางส่วนที่ถูกดัดแปลงมาเป็นร้านกาแฟทำให้ได้ขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไป รองรับลูกค้าได้ราว 25-30 ที่นั่ง มุมหนึ่งของร้าน อินทัชยังรับเสื้อและผ้าคลุมไหล่มัดย้อมสีครามจากทางภาคเหนือมาขายสำหรับผู้ที่สนใจสไตล์นี้อีกด้วย
อินทัชมีความสุขกับชีวิตตอนนี้ แต่จะมีบ้างที่ปวดหัว ยามที่พี่ชายมาเยี่ยมเยียนก็มักบ่นหรือตำหนิอินทัชเสมอว่า เอาลูกคนอื่นมาเลี้ยงให้เป็นภาระ และเมื่อไหร่จะมีครอบครัวของตัวเองหรือได้แต่งงานสักที
อินทัชก็เบื่อที่ต้องตอบแบบเดิมว่าเขาพอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ การมีร้านกาแฟและการได้ดูแล
...ตัวน้อย... ชีวิตของอินทัชสนุกที่มีเด็กซนอยู่ข้างๆ และมีความสุขทุกครั้งที่ได้บรรจงทำกาแฟแต่ละแก้ว แม้ว่าร้านกาแฟของอินทัชจะหลบอยู่ในซอย ไม่ได้อยู่ริมถนน ไม่ใช่ร้านกาแฟเชิงธุรกิจจ๋าที่ขึ้นห้าง แต่คนก็นิยมมานั่งจนลูกค้าหลายคนกลายเป็นลูกค้าขาประจำกันก็มากมาย
อินทัชคิดว่าคงเป็นความสงบร่มรื่นที่หาได้ยากในกรุงเทพล่ะมั้ง
ด้วยการตกแต่งที่สวยและผู้คนไม่พลุกพล่าน จึงมีบ้างที่คนสนใจติดต่อขอเช่าพื้นที่จัดทำเวิร์คช็อป บ้างก็ทำเป็นพื้นที่ประชุมนอกสถานที่กันบ้างแล้วแต่โอกาส อินทัชเลยมีรายได้มาไม่ขาดมือ
อินทัชเปิดร้านกาแฟเพราะชอบดื่มกาแฟและชอบมองอิริยาบถของผู้คนที่ได้มานั่งดื่มด่ำ จิบกาแฟในร้านกาแฟแห่งนี้ บ้างก็นั่งทำงานเป็นกลุ่ม หยิบแล็ปท็อปขึ้นมาวางคุยงานจริงจัง บ้างก็พักผ่อนหย่อนคลายด้วยการอ่านหนังสือคนเดียว หรือไม่ก็นั่งสวีทหวานกับแฟนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ถ่ายรูปคู่กัน จนอินทัชหุบยิ้มไม่ได้
สิ่งเหล่านี้ มันคือความสุขเล็กๆน้อยๆที่ทำให้ชีวิตของอินทัชมีความหมายมากขึ้น
เวลานึกถึงหวนอดีต อินทัชก็มักรู้สึกภูมิใจตัวเอง จากคนที่ไม่เคยมีลูกมาก่อน กลับต้องมาเป็นคุณพ่อจำเป็นตั้งแต่วัยหนุ่ม จนวันนี้ เรื่องราวก็ผ่านมาแล้วเกือบสิบปี อินทัชเองอายุย่างเข้าสามสิบสองปี ส่วนคายัคเองก็โตเป็นหนุ่ม เรียนระดับมอปลายแล้ว
ขณะที่อินทัชหวนคิดถึงอดีตนั้น...
"สวัสดีครับ อาทัช" เขาหลุดออกจากภวังค์หันไปมองเด็กหนุ่มที่ยกมือไหว้สวัสดี ก่อนจะท้าวคางมองอินทัชนอกเคาน์เตอร์
"ทำไมวันนี้ ตัวน้อยกลับเร็ว"
"อาทัช อย่าเรียกตอนมีคนอยู่เยอะนะ ผมอายเขา" คายัคหน้ามุ่ย อินทัชแต้มยิ้มบางๆ เขายังมองคายัคเป็นเด็กอยู่เสมอ
ครู่หนึ่งอินทัชเหลือบมองแผลเป็นตรงสันจมูกของคายัค แม้ว่าตอนนี้ มันจางจนแทบมองไม่เห็น
"ก็ได้ ทีนี้ตอบอาได้หรือยัง?"
"อาทัชไม่เคยสนใจผมเลย วันนี้ผมสอบไงครับ อาทิตย์หน้าผมก็ปิดเทอมแล้ว"
"อ้อ! ขอโทษที"
คายัคกวาดตามองร้านกาแฟ Intouch Cafe' เพื่อดูลูกค้าว่ามีใครมองมาหรือเปล่า ก่อนจะวิ่งเข้าไปด้านในเคาน์เตอร์ แล้วสวมกอดอาทัช
อาจเป็นเพราะตั้งแต่โตมา ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม คนที่คายัคเห็นว่ายังอยู่ข้างๆกัน ก็คือ อาทัช คายัคเลยรักอาทัชยิ่งกว่าใคร
คายัครู้ดีว่าอาทัชไม่ใช่พ่อแท้ๆของเขา แต่การมีอาทัชเข้ามาในชีวิต ทำให้คายัคไม่เคยรู้สึกเลยว่า เขาเป็นคนขาดแคลนความรัก
ถ้าคายัคสามารถดูแลตัวเองได้ดี มีงานมีการทำเมื่อไหร่ คายัคสัญญากับตัวเองว่าเขาจะดูแลอาทัชเช่นกัน และจะไม่มีวันอกตัญญูต่ออาทัชแน่ๆ
"โตแล้วนะ ยังทำตัวเป็นเด็กอีก"
"ถ้าโตจริงๆ ทำไมอาทัชยังเรียกผมตัวน้อยล่ะ"
"นี่อาต้องพยายามเข้าใจเด็กวัยนี้สินะ เถียงได้ทุกคำจริงๆ"
"ใช่ครับ อาทัช เพราะผมโตแล้วมีความคิดเป็นของตัวเอง"
"ก็ได้ๆ อาทัชก็เบื่อจะเถียงกับตัวน้อยแล้วเหมือนกัน"
"เย้! อ้อ...อาทัช ถ้าสอบเสร็จแล้ว ผมพาเพื่อนมาฉลองและทำอะไรกินที่นี่ได้ไหม?"
"ได้สิ"
"อาทัชต้องกินกับพวกเพื่อนๆผมด้วยนะครับ"
"ไม่มีปัญหา บอกล่วงหน้าแล้วกัน อาจะออกไปซื้อของสดมาเก็บไว้"
"ได้เลย ขอบคุณนะครับ"
หลังจากที่คายัคขึ้นไปเก็บกระเป๋า เล่นเกมส์ได้สักพัก ได้เวลาปิดร้าน คายัคลงมากินข้าวเย็นกับอาทัช จัดการอาหารกันเสร็จเรียบร้อย คายัคก็ช่วยล้างจาน และทำความสะอาดอุปกรณ์พวกที่ชงกาแฟต่างๆ ส่วนอินทัชก็เก็บกวาดทำความสะอาดร้านและเอาขยะไปทิ้ง
ราวสามทุ่มครึ่งที่ต่างฝ่าย ต่างอาบน้ำเสร็จ คายัคกระโดดขึ้นเตียงที่มีอาทัชนอนอยู่บนเตียงก่อนแล้ว
แม้จะโตจนเข้าสู่วัยแตกเนื้อหนุ่ม แต่คายัคก็ยังชอบนอนเตียงเดียวกับอาทัช เขาอาจจะชินมาตั้งแต่เด็กหรือไม่ก็คงอยากได้ความอบอุ่นจากอาทัชเสมอ
กลายเป็นว่า ห้องที่อินทัชทำให้คายัคไว้อยู่ก็กลายเป็นห้องร้าง ซึ่งจะมีที่เวลาคายัคทำการบ้านดึกๆก็จะไป แต่นับครั้งได้
คายัคสวดมนต์เสร็จ ทิ้งตัวลงนอนสวมกอดอาทัชจากด้านหลัง
ฟึ่บ!
"คายัค ทำอะไรน่ะ"
"กอดไง อาทัชอย่าบ่นได้ไหม?"
"แต่เราโตแล้วนะ"
"ก็ผมอยากกอดนี่นา"
"เรานี่จริงๆเลย"
"พ่อผมก็ตาย แม่ผมก็ไม่มี อาทัชอย่าดุผมเลยนะครับ"
เมื่อคายัคใช้มุกนี้ทีไร ไม่เคย ไม่ได้ผล คายัคยิ้มกรุ้มกริ่มที่อาทัชสงบลงในทันที
คายัคกอดแน่น จนสังเกตได้จากเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ อาทัชคงทำงานเหนื่อยถึงหลับง่ายดายขนาดนี้
เด็กหนุ่มยิ้ม ขณะขยับตัวเข้าไปใกล้อาทัชกว่าเดิม ส่วนล่างของคายัคสัมผัส ถูไถบั้นท้ายของอาทัช
"เชี่ย" เด็กหนุ่มสบถขึ้นมา เมื่ออยู่ดีๆลูกชายตื่นตัวตอนดึกเช่นนี้
คายัคปล่อยมือจากการกอดอาทัช กลับมาพลิกนอนตัวตรง เด็กหนุ่มตัวแข็ง แต่จากนั้นเขาค่อยๆเลื่อนมือลูบแก่นกายตัวเองที่นูนพองขึ้นผ่านเนื้อผ้ากางเกงนอน
คายัคคิดว่าเขาเป็นหนุ่มแล้ว ฮอร์โมนคงพุ่งพล่าน แต่คายัคไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดแรงกระตุ้นทางเพศกับอาทัชได้
"อาทัชครับ อาทัช"
คายัคเรียกแล้วอาทัชไม่ขาน คายัคคิดว่าอาทัชน่าจะหลับสนิท
คายัคตัดสินใจเอื้อมมือไปด้านหน้าคนอายุมากกว่า ลูบไล้ไปตรงเป้ากางเกงของอาทัช อวัยวะเพศของอาทัชยังคงอ่อนตัว แต่สิ่งที่คายัคสัมผัสได้คือความรู้สึกของเขาเองต่างหากที่พอสัมผัสจุดยุทธศาสตร์อีกฝ่าย มันกลับกระตุ้นอารมณ์ของคายัคเองจนรู้สึกข้างในร่างกายของตนเองร้อนวูบวาบ ช่วงล่างก็ปวดหน่วงหนึบและแข็งตัวขึ้นเรื่อยๆ
"กูเป็นอะไรวะ"
คายัคพูดในใจ กัดปากและตัดสินใจลุกจากเตียงไปห้องน้ำ ยืนมองตัวเองที่หน้ากระจกเงา ก่อนจะกดตาลงต่ำดูลูกชายตัวเองที่แข็งขึ้นจนเขารู้สึกอัดอัด
สุดท้าย คายัคทนไม่ไหว ตัดสินใจดึงกางเกงขายาวลงถึงหน้าขา มือหนาค่อยๆลูบคลำ ก่อนจะกำแก่นกายของตัวเองแน่นรูดขึ้น รูดลงเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศ โดยขณะนั้น คายัคกลับจินตนาการและนึกถึงแต่ใบหน้าของอาทัชอยู่เต็มหัว..
.............................................
สวัสดีค่ะ
มาพบกับนิยายเรื่องใหม่กันค่ะ อยากเขียนแบบนี้ พอดี ชอบคนรักกันแบบอายุห่างกันมากๆอะค่ะ 555
อย่าปล่อยให้เวลาของคุณสูญเปล่า เรามีนิยายที่จบแล้ว
สามารถอ่านเพื่อความบันเทิงเริงใจ หรืออยากอ่านฆ่าเวลาที่รอใครสักคน
ก็อ่านได้ตามลิงค์ด้านล่างนะคะ
[/b]
..*ขอผมได้รัก*..
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57256.0
||*...สวัสดี▪นายพล▪ คนธรรมดา...*||
https://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60981.0#msg3664500+..▪..+"แสง.สุด.ท้าย"+..▪..+
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61787.0 ▪▪▪อมยิ้มสื่อรัก▪▪▪ (ใกล้จบ)
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66461.0 ด้วยรักและขอบคุณ
rinyriny