ตอนที่ 14 เพื่อนเอ๋ย...
“กริ่งงงง...........”
ผมก็แอบคิดไว้แล้ว
ว่าผมคงจะไม่ได้นอนง่ายๆอย่างแน่นอน
และมันก็จริงๆด้วย เพราะเสียงโทรศัพท์รุ่นโบราณ
จู่ก็เกิดมีคนโทรเข้า และหลังจากสมองผมประมวลผล
ผมก็รีบดีดตัวขึ้นนั่ง ในความคิดผมมันตีความว่าบูม
และเมื่อผมคว้าโทรศัพท์มาดูชื่อ.......
ผมก็แทบจะคว้าทิ้ง เพราะมันไม่ใช่ชื่อบูม
แต่มันเป็นเบอร์ใครก็ไม่ทราบ
เพราะมันไม่ใช่เบอร์ที่ผม save ไว้
“โหล.....โทรหาใคร”
ผมตัดสินใจรับสาย
และพูดด้วยอารมณ์ไม่พอใจสุดๆ
“ขอสายต่ายหน่อยค่ะ”
น้ำเสียงเหมือนควายอมโทรศัพท์
และดันเสียงเหมือนกะเทยแปลงเพศ
มันเริ่มทำให้ผมคุ้นๆหูเหมือนเคยได้ยินที่ไหน
“ใครพูดอ่ะ เรานี้แหละต่าย”
“กรี้ดดดดดด....ชะนีน้อย”
พอกรี้ดเท่านั้นและ ผมก็จำเสียงได้ทันที
ไอ้โมกะเทย ซึ่งมันเป็นกะเทยนาย เฮ้ย นางเดียวในห้อง
และตอนนี้ผมก็อยากรู้ว่ามันเกิดบ้าอะไรถึงโทรมา
“อ่าวอีโม เมิงโทรมีไรเปล่า”
“ต๊ายยย....ซิลิโคนฉันจะระเบิด(เมิงไปทำตอนไหนว่ะ กรูอยากรู้)
เสียงหล่อมากน่ะนังต่าย”
“เออๆ มีไรป่าวว่ะโทรมาป่านนี้
แล้วนี้เมิงอยู่ไหนเนี่ยดังเหมือนอยู่ส้อง”
ผมคุยกับมันแถมมีเสียงเหมือนมันอยู่ในพับ
เพราะเสียงเพลงดังมากๆ
แล้วไอ้โม มันก็ชอบไปเที่ยวกลางคืนด้วย
“ฉันไม่ไปหรอกย่ะส้อง มีแต่ชะนี
ตอนนี้ฉันอยู่กับบุรุษหล่อทั้งสองท่าน
และอีกท่านหนึ่ง ฉันไม่รู้เรียกมันว่าบุรุษได้เปล่า ฮ่าๆ
......อีโม เดียวกูถีบให้หรอกมิง....”
เสียงผู้ชายด่าแทรกขึ้นมาระหว่างไอ้โมพูด
และผมก็จำได้ดีว่ามันคือเสียงไอ้ต้า
เพื่อนสนิทผมอีกคน
“เห้ยเมิงอยู่กันกี่คนว่ะอีโม
แล้วนี้เมิงอยู่ไหนกันว่ะ”
ผมรีบถามมัน
พร้อมกับอาการง่วงเมื่อกี่
พอเจอเสียงอีโมก็หายทันที
“โหล...ต่าย นี้กูต้าน่ะ ตอนนี้กูอยู่ข้างนอก
เมิงอยู่ไหนว่ะ”
“กูอยู่บ้าน กำลังจะนอนพอดี
แล้วนี้พวกเมิงจะไปเที่ยวไหนว่ะ
เดี๋ยวนี้ไปไหนไม่ยอมชวนกูน่ะสัด”
ผมด่ามันไปดอกหนึ่ง
และไอ้ต้าก็เหมือนกำลังจะพูดแทรกขึ้นมา
แต่ไม่รู้ใครบอกว่าให้เปิดลำโพง
แล้วพวกมันอีกคนบอกว่าไม่ต้องเปิด
เลยกลายเป็นว่าพวกมันทะเลาะกัน
ผมก็นั่งรอให้มันทะเลาะกันเสร็จ
เพราะไอ้การจะพูดแทรกมันก็ไม่ฟังผมอยู่แล้ว
“โหล....ไอ้เบส”
ตอนที่ผมเอาโทรศัพท์ออกจากหู
ผมได้ยินเสียงบูมเหมือนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง
และความอยากรู้ของผมมันก็เกิดกระตุกให้ลุกขึ้นยืน
และเดินไปที่ระเบียงหลังห้อง....
ซึ่งบ้านผมจะอยู่ในหมู่บ้านจัดสรร
และรูปแบบบ้านก็จะเหมือนๆกันทุกบ้าน
แถมทุกบ้านจะมีระเบียงหลังบ้านติดกัน
และในตอนกลางคืนที่เงียบๆแบบนี้
เวลามีคนมายืนคุยหรือทำกิจกรรมอะไรก็ตามเท่าที่เขาจะสรรหา
แสดงว่าห้องข้างๆก็จะต้องได้ยินอย่างแน่นอน
ซึ่งบ้านผมกับบ้านบูมจะติดกัน
ดังนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ผมจะได้ยินเสียงบูม
แต่ผมจะได้ยินก็ต่อเมื่อเขาอยู่ที่ระเบียงเท่านั้นน่ะครับ
เพราะหากได้ยินเสียงตอนเข้าอยู่ในห้อง
แสดงว่าบ้านที่คนกำลังทำ....ด้วยกัน
บ้านหลังข้างๆก็เสียงคร้างเห้ย คิดอะไรเนี่ยผม หึหึ
“ไอ้ต่าย ได้ยินไหมว่ะ”
เสียงไอ้ต้ามันตะโกนถามผมทางโทรศัพท์
และเสียงมันก็ดังมาก นี้ขนาดผมเอาออกจากหูน่ะ
สงสัยหากผมเอาแนบกู หูได้แตกแน่ๆ
“เมิงเงียบๆก่อน กูจะดักฟังคนคุยโทรศัพท์”
ผมกระซิบตอบมันไป
และสงสัยว่ามันเปิดลำโพงอยู่
ไอ้โมมันเลยได้ยิน
“นี้แกๆ ดักฟังคนอื่นไม่ดีนะย่ะ”
“แล้วเมิงจะไม่ฟังใช่ไหมกูจะได้วาง”
ผมถามมันครับ
เพราะปกติเรื่องเสือกๆแบบนี้มันจะชอบเป็นพิเศษ
“บ้าน่ะเมิง นี้แหละของชอบกู เอิกๆ”
มันหัวเราะอุบาดๆแบบนี้เป็นเมื่อไรว่ะ
“เออๆ งั้นเมิงก็ปิดไมค์โทรศัพท์ด้วย
เสียงพวกเมิงดังว่ะ”
“ด้ายยยค่ะ เจ้จัดให้”
อีโมจัดการปิดเสียงไมค์เรียบร้อย
และตอนนี้ก็อยู่ที่ผมแล้วล่ะว่าจะเปิดประตูไงไม่ให้เสียงดัง
โอม..............จงไม่มีเสียง
ผมท่องคาถาในใจและค่อยๆเปิดประตูออกไป(บ้าได้โล่ว่ะกู)
และในที่สุดผมก็เปิดออกมาได้
ตอนนี้ที่เหลือคือยืนฟังเสียงบูมคุยโทรศัพท์อย่างเงียบๆ
และผมก็จัดการเปิดเสียงในโทรศัพท์จนสุด
เพื่อไอ้พวกที่ขอส่วนบุญอีกฝั่ง(พวกอีโม)
จะได้ยินกันชัดๆ
......ขอโทษน่ะบูม แต่หากเรื่องนี้มันเกี่ยวกับเรา เราจะได้รู้ไว้....
ผมบอกตัวเองในใจและยืนฟังอย่างมีมารยาท(เหอะๆๆ)
และบทสนทนาระหว่างบูมกับอีกคนที่บูมโทรหาก็เริ่มขึ้น
“ไอ้เบส กูไม่เอากับเมิงแล้วน่ะโว้ย
กูสงสารต่ายว่ะ”
“..........................”
ประโยคแรกของบูมก็ช่างน่าสนใจซะแล้ว
แบบนี้ไม่ฟังต่อก็ไม่ใช่กู
และที่ “..........................”
แบบนี้คือคำพูดอีกฝั่งน่ะครับ
ซึ่งผมก็ไม่ได้ยิน เพราะบูมไม่ได้เปิดลำโพง
“เหี้ย กูไม่ได้ชอบต่ายโว้ย
แต่กูสงสาร เมิงไม่เป็นกู เมิงไม่รู้นี้หว่า”
“..........................”
“หากเมิงคิดจะแกล้งต่ายอีก
อันนี้กูไม่ร่วมด้วยน่ะโว้ย แล้วกูก็จะบอกต่ายให้รู้ตัว”
“............................”
“เมิงจะแกล้งทำไมว่ะ
ผู้ชายที่เป็นเกย์มีให้เมิงเอาอีกเยอะ
แล้วเด็กๆเมิงอีก
แบบนี้เมิงยังไม่พออีกเหรอว่ะ”
“..........................”
“เออถือว่ากูขอเหอะว่ะ
ต่ายมันก็ลูกเพื่อนแม่กู
นี้ถ้าแม่กูรู้น่ะเมิง กูต่ายห่าแน่ๆ”
“..........................”
“เรื่องร้านน้ำชาพรุ่งนี้ก็ยกเลิกน่ะโว้ย
ที่เมิงบอกให้กูพาต่ายไปอ่ะ”
“..........................”
“เฮ้ย....ไรว่ะ”
“..........................”
“ครั้งสุดท้ายเหี้ยไรเมิงอีกเนี่ย”
“..........................”
“แน่น่ะเมิง ครั้งสุดท้ายก็ครั้งสุดท้าย”
“..........................”
“เออๆ ต่ายมันนอนไปแล้ว
งั้นแค่นี้แหละ กูง่วงโว้ย”
“..........................”
“เออๆ ไม่ลืม”
บูมวางสายแล้วเดินเข้าห้องไป
ส่วนผมได้แต่ยืนแข็งอยู่ที่เดิม
เพราะอย่าว่าแต่เดินเลย
แค่ก้าวขาก็ยังก้าวไม่ออก....
และอารมณ์ผมคงอยู่ประมาณนี้แหละครับ
อึ้ง..............................................
เพราะบ้างเรื่องที่ผมไม่รู้ผมก็ได้รู้
งง...............................................
เพราะไม่คิดว่ามีคนบ้าขนาดตามแกล้งผม
ดีใจ...........................................
เพราะอย่างน้อยบูมก็กลับใจได้
และคิดจะปกป้องผม ถึงไม่ตลอดก็เหอะ
ผมยืนอยู่ด้วยอารมณ์หลากหลาย
และตอนนี้ผมก็กำลังคิดว่าผมควรจะทำไงดี
ผมจะร้องไห้ ดีใจ หรือเสียใจดี
แต่หากจะร้องไห้ น้ำตาผมก็ไม่ไหล
หรือเสียใจ แต่อามรณ์ผมก็ไม่ได้ทุกข์ขนาดนั้น
หรือดีใจ แต่ผมก็ไม่ได้ยิ้มออกมากมายกับสิ่งที่รู้สึก
แล้วสรุปผมกำลังอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ๆ
ในระหว่างที่ผมกำลังสับสน
สายตาผมก็มองไปเห็นวัตถุโบราณที่ตั้งอยู่บนขอบปูน
และแล้วผมก็เริ่มรับรู้ว่าสิ่งนั้นคือ โทรศัพท์
“โหลพวกเมิง ฟังกูอยู่เปล่า”
ผมคว้าโทรศัพท์และเดินเข้ามาคุยในห้อง
เพราะกลัวบูมได้ยิน
“.........เมิงเป็นอะไรหรือเปล่า.......(เสียงไอ้ต้า)
..........แกไม่เห็นบอกฉันเลย..........(เสียงอีโม)
..........เมิงจะเอาไงว่ะ............(เสียงไอ้คมที่พึ่งได้ยิน)
..........แม่ง พวกเมิงพูดหมด แล้วจะให้กูพูดไรว่ะ........(เสียงไอ้กรดที่พึ่งได้ยินอีกเช่นกัน)”
พวกมันร่วมหัวแสดงความคิดเห็น
และผมก็ไม่รู้จะตอบอะไรพวกมันเหมือนกัน
เพราะตอนนี้ผมก็ยังให้คำตอบตัวเองไม่ได้ว่าจะเอาไงต่อ
“กูก็ไม่รู้ว่ะ กูสับสนไปหมด”
“เออๆ กูเข้าใจ เป็นกู กูก็เครียดซิลิโคนแตกแน่(กูอยากรู้เมิงไปฉีดตอนไหน)”
อีโมมันพยายปลอมใจผม
ผมคิดว่าอย่างนั้นน่ะ
“กูว่าไปบ้านมันดีกว่าว่ะ พวกเมิงว่าไง”
ไอ้ต้ามันเสนอความคิด
ก่อนพวกมันจะตอบตกลงพร้อมกัน
“เมิงรอกูอยู่ที่นั้นแหละ เดี๋ยว 1 นาทีถึง
..............ไปนรกเหรอย่ะดอก...........”
เสียงไอ้ต้าบอกผม
และมีเสียงอีโมดังแทรกขึ้นมาตอนท้าย
“อืมๆ เดี๋ยวกูรอ”
ผมรู้สึกน้ำเสียงผมฟังดูเหนื่อย
และเหมือนคนที่กำลังหมดแรง
“เฮ้ย....เมิงไม่ต้องวางสายน่ะโว้ย
กูกลัวเมิงฆ่าตัวตาย”
เสียงไอ้ต้ามันบอกผมกลับมา
สงสัยเพราะน้ำเสียงผมมันออกไปทางนั้นมั้งครับ เหะๆ
“เออ กูไม่ฆ่าตัวตายหรอก
แฟนยังไม่มีรีบตายไปไหนว่ะ เหอะๆ”
ผมตอบมันติดตลก
เพราะไม่อยากให้มันคิดมากเรื่องผม
แล้วอีกอย่างพวกมันก็จะมาบ้านผมกันแล้ว
เดี๋ยวก็คงมีเพื่อนได้นั่งคุยปรึกษาปัญหา
“มันจะฆ่าตัวตายเหรอย่ะ
บอกมันน่ะ เดี๋ยวฉันจะไปตบมันกับซิลิโคน
เดี๋ยวมันได้ตายสมใจ เอิกๆๆ”
อีโมมันตอบผม
พร้อมกับมุขควายๆของมันที่ทำให้ผมยิ้มได้
แล้วอีกอย่าง มันก็เป็นกะเทยปากจัดที่เวลาไปไหน
พวกผมก็จะเอาเป็นแม่ทัพ
เพราะมันจะเล่นด่าไม่เลือกหน้า
แบบชาติหน้าไอ้คนที่โดนด่าไม่มีวีนมาเกิดแน่ๆ
คิดแล้วก็ตลกครับ
“เออๆ กูไม่รอเมิงแล้วจะให้ไปไหน
แล้วคุยกันแบบนี้เมื่อไรเมิงจะถึงว่ะ”
“เออๆ เดี๋ยวคุยกัน”
ไอ้ต้ามันตอบผม
แล้วผมก็ได้ยินเสียงพวกมันสตาร์รถมอไซต์
สงสัยพวกมันเริ่มมากันแล้ว
ผมเลยเดินลงมาชั้นล่าง
เตรียมเปิดประตูให้พวกมัน
...ปล.ขอบคุณมากน่ะครับ เอามาลงให้อีกตอนครับผม