CHAPTER 17 เมื่อเธอขอ ฉันก็จะยอมให้
หลังจากถูกนายจ้างไล่ตะเพิดออกจากบ้านอย่างกะทันหัน ขวัญก็ถูกนำตัวมาส่งที่ท่าเรือพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่สองใบ หล่อนยืนร้องไห้ร้องห่มเสียงดังจนคนแถวนั้นต่างก็หันมามองเป็นตาเดียวกัน แต่มีหรือหญิงสาวที่จิตใจแข็งกระด้างอย่างขวัญจะมียางอายหลงเหลืออยู่
“มองอะไรกัน!” เธอตวาดแหวใส่ชาวบ้านชาวช่องที่กำลังมองมา ก่อนจะขึ้นเรือโดยสารเพื่อที่จะขึ้นฝั่งในเมือง เข้าไปหาที่พักกายก่อนจะหางานทำหลังจากนั้น
เมื่อขึ้นฝั่งแล้วเธอก็สะพายกระเป๋าเดินไปตามทางอย่างไร้จุดหมาย ในใจก็คิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา สักวันหล่อนจะต้องเอาคืนคนบ้านนั้นให้จงได้ โดยเฉพาะเคลวินหล่อนจะทำให้เขาคนนั้นเป็นคนมาง้องอนหล่อนกลับไปที่นั่นด้วยตัวเอง คิดแล้วก็ยิ้มกริ่มขึ้นมาอย่างสะใจ ก่อนจะบังเอิญเห็นชายหนุ่มท่าทางภูมิฐาน มีลูกน้องหลายคนยืนล้อมหน้าล้อมหลังอยู่ เธอจำได้ดีว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นลูกชายของคนใหญ่คนโตในจังหวัดและเป็นเจ้าของเกาะเพิร์ลอีกด้วย เธอพยายามนึกชื่อแต่ก็นึกไม่ออก แต่นั่นมันไม่ใช่ปัญหาเพราะเขาคนนี้ล่ะจะเป็นที่พึ่งใหม่ของเธอ คิดแล้วขวัญก็เดินตรงไปหาชายหนุ่มทันที
“คุณคะ สวัสดีค่ะ” ขวัญยกมือขึ้นไหว้พร้อมกับส่งยิ้มให้
ลูกน้องของอิทธิเห็นอย่างนั้นก็เดินมากั้นไม่ให้หญิงสาวได้เข้าใกล้ตัวผู้เป็นเจ้านาย
“ถอยก่อน” อิทธิสั่งลูกน้อง เมื่อได้ยินคำสั่งผู้เป็นเจ้านาย ชายชุดดำทั้งสองก็ถอยออกมา ทำให้ขวัญยิ้มกริ่มอย่างพอใจ
“เธอเป็นใครรู้จักฉันด้วยเหรอ” อิทธิขมวดคิ้วมองหญิงสาวอย่างสงสัย
“ทำไมฉันจะไม่รู้จักคุณล่ะคะ ก็คุณป็นถึงลูกชายของนักธุรกิจดังของจังหวัดนี้”
“แล้วเธอมีอะไร บอกมาตรงๆอย่าอ้อมค้อม”
“คือว่า...ฮึก ตอนนี้หนูกำลังตกงานค่ะ คุณพอจะมีงานให้ฉันทำบ้างไหมคะ” เธอว่าพร้อมกับทำทีเป็นร้องไห้ออกมาให้ชายหนุ่มรู้สึกสงสาร
“ฉันยังไม่รู้จักเธอดีเลย เธอเป็นใครมาจากไหน อยู่ๆก็จะมาของานฉันทำ เธอคิดว่าฉันเป็นเด็กอมมือรึยังไงห๊ะ!” อิทธิเอ่ยเสียงแข็ง จนหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าก้มลงอย่างตื่นกลัว
“ขอโทษค่ะที่อยู่ๆหนูก็เดินเข้ามาทักคุณ พอดีฉันเพิ่งโดนไล่ออกมาจากเกาะบลูซีค่ะ ฉันไม่มีที่ไปจริงๆ ฮึก ฮือๆ” ขวัญปล่อยโฮออกมาเสียงดัง จนคนแถวนั้นเริ่มหันมามอง
เมื่อได้ยินชื่อเกาะบลูซีอิทธิก็หูผึ่งทันที เขาชักเริ่มจะสนใจในตัวหญิงสาวสวยที่อยู่ตรงหน้าแล้วล่ะสิ การส่งคนเข้าไปสืบข้อมูลของเกาะนั้นมันไม่ค่อยจะได้ข้อมูลที่อยากได้เท่าที่ควร แต่ถ้ารับเธอคนนี้มาเป็นพวกอาจจะมีผลดีกับการทำลายเกาะนั้นก็เป็นได้
“ใครเป็นคนไล่เธอออกมา?”
“คุณเคลวินค่ะ”
“แล้วทำไมมันถึงไล่เธอออกมาล่ะ”
“คือ...” ขวัญกำลังคิดเรื่องที่จะทำให้เธอดูดีในสายตาชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า “หนูโดนใส่ร้ายว่าจงใจทำให้เมียของคุณเคลวินหกล้มค่ะ จริงๆแล้วมันเป็นอุบัติเหตุหนูไม่ได้ทำ แต่หนูเป็นแค่คนใช้นี่คะมีหรือที่คุณเคลวินจะเชื่อคนใช้มากกว่าเมียตัวเอง”
“ไอ้เคลวินมันมีเมียด้วยเหรอ?” เขาอยากถามเพื่อความมั่นใจว่าจะใช่ผู้ชายหน้าหวานคนนั้นที่เขาสนใจหรือเปล่า
“มันเป็นผู้ชายที่คุณเคลวินพามาอยู่ด้วยได้สักพักแล้วล่ะค่ะ” เธอบอก
“ฉันจะรับเธอเข้าทำงานก็แล้วกัน”
ขวัญได้ยินก็ยิ้มขึ้นมาทันที ก่อนจะยกมือขึ้นไหว้ปรกๆด้วยความดีใจ
“ขอบคุณค่ะคุณ..” เธอมองหน้าเจ้านายคนใหม่เพราะยังไม่รู้จักชื่อ
“ฉันอิทธิ แล้วเธอล่ะชื่ออะไร” เขาเอ่ยถามหญิงสาว
“หนูชื่อขวัญค่ะคุณอิทธิ” เธอยิ้มกริ่ม
“เดี๋ยวเธอไปรอที่เรือก็แล้วกัน ฉันจะตามไป”
“ค่ะคุณอิทธิ” เธอเอ่ยอย่างอ่อนน้อมถ่อมตน ราวกับว่าเป็นหญิงสาวที่ใสซื่อซะอย่างนั้น คนอย่างขวัญทำได้ทุกอย่างเพื่อสิ่งที่เธอต้องการ
หลังจากนั้นอิทธิก็สั่งให้ลูกน้องพาขวัญไปรอที่เรือ ส่วนตัวเองก็เดินไปที่กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่กำลังยืนสนทนากันว่าจะเลือกไปที่ไหนดีระหว่างเกาะบลูซีหรือเกาะเพิร์ล อิทธิเข้าไปทักทายนักท่องเที่ยวก่อนจะแจ้งว่าตอนนี้เกาะบลูซีกำลังมีกลุ่มก่อการร้ายแฝงตัวอยู่ ทำให้ช่วงนี้ที่นั่นค่อนข้างอันตราย ที่เขาลงทุนใส่ร้ายเกาะบลูซีและมารับนักท่องเที่ยวด้วยตัวเองอย่างนี้ นั่นเพราะรายได้ของเกาะเพิร์ลลดน้อยลงมากในช่วงสองสามเดือนมานี้ จึงจำเป็นต้องหาทางเอาตัวรอดให้ได้ ขณะคุยกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติอยู่นั้น ก็มีชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ข้างๆ
“ครับพ่อ..ผมถึงท่าเรือแล้วกำลังหาทางเข้าเกาะบลูซี ผมสัญญาว่าจะพาน้องกลับบ้านให้ได้”
“พ่อไม่ต้องห่วงครับ ยิ่งรู่ว่าที่นั่นเป็นเกาะของมันผมยิ่งต้องระวังตัวครับ”
“แค่นี้ก่อนนะครับพ่อ”
เป็นนดลเองที่โทรฯคุยกับผู้เป็นพ่อ ในที่สุดเขาก็มาถึงท่าเรือแล้ว และตอนนี้กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรดี เพื่อจะเข้าไปเกาะนั้นได้อย่างปลอดภัยและไม่ทำให้เคลวินจับได้
สิ้นเสียงการสนทนา อิทธิก็หันไปสนใจนักท่องเที่ยวหนุ่มชาวไทยคนนั้นทันที
“สวัสดีครับ” อิทธิเอ่ยทักทาย
“เอ่อ...สวัสดีครับ” นดลทำหน้างงเพราะอยู่ๆก็มีคนแปลกหน้ามาทักทาย
“เห็นว่าคุณกำลังจะไปที่เกาะบลูซี” อิทธิเอ่ย
“ใช่ครับ ผมกำลังจะไปที่นั่น”
“ผมช่วยคุณได้นะครับ ผมชื่ออิทธิเป็นเจ้าของเกาะเพิร์ล ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเกาะบลูซี ผมต้องออกตัวก่อนว่าผมกับเจ้าของเกาะบลูซีไม่ค่อยจะกินเส้นกัน ฟังจากที่คุณพูดเมื่อสักครู่ผมคิดว่าเราน่าจะมีศัตรูคนเดียวกันใช่ไหมครับ” อิทธิเอ่ยกับชายหนุ่มอย่างรู้ทัน ฟังจากการพูดโทรศัพท์เมื่อสักครู่ เขาพอจะเดาออกว่าคนที่อยู่ตรงหน้านั้นน่าจะไม่ชอบใจเคลวินมากนัก
“ผมนดลครับ ที่คุณพูดมาถูกต้องผมมาที่นี่เพราะมีเรื่องที่จะสะสางกับไอ้เคลวิน” นดลยิ้มอย่างพอใจเมื่อเขาได้เจอคนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว การมีพรรคพวกเป็นคนพื้นที่น่าจะช่วยให้การพาน้องชายสุดที่รักกลับบ้านนั้นง่ายยิ่งขึ้น
“เอาเป็นว่าคุณไปพักที่เกาะผมก่อนก็แล้วกัน แล้วเราค่อยคุยเรื่องนี้กันต่อดีไหมครับ” อิทธิแนะนำ
“ได้ครับไม่มีปัญหา” นดลยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจ
“ถ้างั้นเชิญทางนี้ครับ” เขาผายมือไปที่ท่าเรื่อ ซึ่งมีเรือส่วนตัวจอดอยู่ไม่ไกลนัก
นดลไม่รอช้ารีบเดินไป อิทธิยิ้มอย่างพอใจที่ตอนนี้โชคเริ่มเข้าข้างเขาแล้ว ศัตรูของเคลวินมารวมตัวกันที่เกาะเขา คนอย่างเคลวินไม่มีทางที่จะเอาชนะเขาได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าการชิงตัวร่างบางในวันนั้นจะล้มเหลว แต่จากนี้ไปเขาไม่มีทางให้ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นซ้ำอีกอย่างแน่นอน
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
“สวัสดีครับคุณอำนาจ”
(“สวัสดีครับคุณเคลวิน”)
“เรื่องหุ้นที่ผมจะขอซื้อไม่ทราบว่าตัดสินใจรึยังครับ”
(“จริงๆผมก็อยากขายให้นะครับแต่ติดที่ว่าราคาที่คุณเสนอมายังไมค่อยจะถูกใจผมสักเท่าไร”)
“ถ้างั้นผมจะเพิ่มขึ้นให้อีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของราคาที่เสนอไป คุณอำนาจจะพอพิจารณาได้ไหมครับ”
(“อืม...ผมตกลงครับ”)
“ถ้าอย่างนั้นผมจะให้ลูกน้องขึ้นไปทำสัญญาที่กรุงเทพฯนะครับ แล้วเช็คเงินสดจะได้ในวันนั้นเลย”
(“ได้ครับคุณเคลวินถ้ายังไงติดต่อมานะครับ”)
“ครับผม ขอบคุณคุณอำนาจมากนะครับ”
เคลวินยิ้มอย่างพอใจเมื่อเขาสามารถเกลี้ยกล่อม ให้หนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัทขายหุ้นให้กับเขาได้ ในที่สุดทุกอย่างก็ตกอยู่ในกำมือเขาแล้ว รอให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยรับรองพวกมันจะต้อง ตกแตกตายโดยเฉพาะนายทรงพลที่จะต้องเจ็บปวดมากกว่าใคร
นภัทรเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากเคลวินวางสายไปไม่กี่นาที วันนี้คนตัวสูงตั้งใจว่าจะอยู่บ้านพักผ่อน เพื่อจะได้มีเวลาอยู่กับร่างบางบ้าง หลังจากรู้ความจริงว่าตัวเองกำลังจะมีลูก ทุกอย่างที่เกี่ยวกับร่างบางก็ทำให้เคลวินใส่ใจขึ้นมากกว่าแต่ก่อน
“วันนี้คุณไม่ไปทำงานเหรอครับ” ร่างบางเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวสูงใส่ชุดไปรเวทนั่งอยู่ปลายเตียง
“วันนี้กูหยุด”
“คนอย่างคุณมีวันหยุดกับเขาด้วยเหรอ?” ร่างบางถามด้วยความสงสัย เพราะปกติถึงแม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คนตัวสูงก็เข้าไปดูงานที่โรงแรมตลอด
“ก็เออสิวะ กูก็ต้องการมีเวลาพักผ่อนบ้างสิวะ แล้วมึงล่ะกินยารึยัง” เขาเอ่ยไม่เต็มเสียงนัก เพราะมันยังไม่ชินกับการที่จะต้อง แสดงความเป็นห่วงเป็นใยร่างบาง
“ยังไม่ได้กินอ่ะ ทำไมเหรอ” ร่างบางเอ่ยหน้าตาเฉยก่อนจะก้มลงหยิบถุงยา
“มึงนี่นะสายป่านนี้แล้วยังไม่กินอีก เดี๋ยวร่างกายก็แย่เอาหรอก” คนตัวสูงบ่นเสียงดังอย่างลืมตัว จนร่างบางยืนมองตาปริบๆอย่างงงงวย
“คุณ! นี่มันยังเช้าอยู่เลยนะ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กินจะให้ผมรีบไปไหน”
“ถ้างั้นก็รีบๆลงไปกินข้าวเลย” ชายหนุ่มทำหน้าเหรอหราเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังโดนร่างบางจับผิดอยู่
‘วันนี้สงสัยผีจะเข้ามั้ง’ ร่างบางได้แต่คิดในใจ
นภัทรเดินเข้าไปในครัวก็เห็นป้าภากำลังงุ่นกับการทำกับข้าว เขาจึงเดินเข้าไปทักทายและอาสาช่วย
“สวัสดีครับป้า” นภัทรยกมือไหว้เหมือนเช่นปกติทุกวันที่เจอกัน
“ดีจ๊ะภัทร! ป้ากำลังวุ่นๆพอดีเลย” ป้าภาเอ่ยขณะกำลังหั่นมะเขืออยู่อย่างชำนาญมือ
“วันนี้ทำอะไรบ้างครับ ให้ผมช่วยอะไรดี” ร่างบางเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะชะเง้อมองของที่ป้าภาได้จัดเตรียมไว้บนโต๊ะ
“วันนี้วันหยุดคุณเคลวินป้าจะทำอาหารที่ท่านชอบ ก็จะมีแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ปลาตะเพียนราดพริกแล้วก็ไข่เจียวสาหร่ายหมูสับ”
เมื่อได้ยินชื่อเมนูไข่เจียวสาหร่ายหมูสับ ทำให้ร่างบางนึกถึงสมัยเด็กๆขึ้นมาทันที วันนั้นเขาและวินวิ่งซุกซนเข้าไปในครัวตามประสาเด็ก ขณะที่แม่ของเขาและวินกำลังช่วยกันทำอาหารเช้าให้กับทุกคนในบ้าน ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีความสุขมากเขายังจำความรู้สึกนั้นได้ดี แม่ของวินกำลังทำไข่เจียวหมูสับ ไข่เจียวถูกปรุงรสไว้ในถ้วยเรียบร้อย ส่วนข้างๆเป็นวัตถุดิบสำหรับทำแกงจืดประกอบด้วยผักต่างๆรวมถึงสาหร่าย เขาและวินแอบหยิบมากินแล้วรู้สึกว่ามันอร่อย เลยช่วยกันหยิบไปใส่ถ้วยไข่ที่วางอยู่ข้างๆ เมื่อแม่ของวินเห็นก็เอ็ดเอา แต่ก็ยอมเจียวให้ทั้งที่มันเป็นอย่างนั้นล่ะ พอเจียวเสร็จเรียบร้อยมาลองกินก็อร่อยมาก จนวันหลังวินต้องอ้อนผู้เป็นแม่ทำให้ทานทุกๆเช้าไม่เคยขาดเลย
“เดี๋ยวผมช่วยทำไข่เจียวสาหร่ายหมูสับละกันครับป้า” นภัทรอาสา
“เดี๋ยวป้าบอกวิธีทำละกันจะได้ถูกใจคุณเคลวิน”
“ไม่เป็นไรครับป้าผมเคยทานแถมยังเคยทำอยู่บ่อยๆด้วย”
“แน่นะโว้ย ป้ากลัวว่าคุณเคลวินจะด่าเอาน่ะสิถ้ารสชาติไม่ถูกปาก” ป้าภาเอ่ยอย่างกังวล
“เชื่อผมครับป้า ถ้าไม่ถูกใจเค้าผมยอมโดนด่าเอง” เขายิ้มให้ป้าภา
“ถ้างั้นก็รีบๆทำเถอะป้าจะได้ตั้งโต๊ะ”
“ครับป้า”
ร่างบางตั้งใจทำให้ทุกอย่างให้เหมือนกับสมัยเด็กๆที่เคยทาน ในใจลึกๆก็ยังหวังว่าจิตใจที่เคยอ่อนโยนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กของเคลวินน่าจะยังคงหลงเหลืออยู่ เพราะขนาดเมนูที่เคยทานในวัยเด็กเคลวินก็ยังไม่เคยลืม รวมถึงหลายๆเรื่องที่เขาเคยสังเกตมาตลอดระยะเวลาที่ได้อยู่ด้วยกัน หรือเขาจะใช้โอกาสนี้เปลี่ยนใจผู้ชายที่เขาเคยรักและศรัทธามาก่อน ให้กลับมาเป็นพี่วินคนเดิมของเขาให้ได้
ขณะป้าภาและนภัทรกำลังช่วยกันจัดโต๊ะอาหาร เคลวินก็เดินลงมาพอดี
“วันนี้มีอะไรทานบ้างครับป้า” เจ้าของบ้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นมิตร และใบหน้าที่แลดูมีความสุขกว่าทุกๆวัน
“วันนี้มีกับข้าวสามอย่าง แกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากราย ปลาตะเพียนราดพริก แล้วก็ไข่เจียวสาหร่ายหมูสับค่ะ”
“หืม! ของโปรดผมทั้งนั้นเลยนะเนี่ย” คนตัวสูงมองดูอาหารบนโต๊ะแล้วยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะปรายตามองดูร่างบางที่ยืน
“ก็วันนี้คุณเคลวินหยุดทั้งทีป้าเลยจัดหนักให้เลยค่ะ อ้อ! แต่ไข่เจียวสาหร่ายหมูสับเจ้าภัทรมันเป็นคนอาสาทำให้คุณเคลวินทานด้วยตัวเองเลยนะคะ” ป้าภาบอกก่อนจะหันหน้าไปมองหนุ่มน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้าของชื่อที่ถูกกล่าวถึงมองหน้าป้าภาแวบหนึ่งแล้วส่ายหน้าให้สื่อว่าไม่น่าบอกเลย ก่อนจะรีบถือถาดเดินออกไปจากโต๊ะ
“เดี๋ยวจะไปไหน!” คนตัวสูงห้ามเอาไว้ก่อน
“ผมจะเข้าไปในครัว”
“มานั่งกินข้าวกับกูเดี๋ยวนี้” คนตัวสูงสั่ง “ป้าภามานั่งทานด้วยกันก็ได้ครับ ตอนนี้บ้านเราก็มีเท่านี้แล้วผมไม่ถือหรอก” เคลวินหันไปเอ่ยกับป้าภาที่เขานับถือเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
“ป้าขอตัวนะคะ ป้าทานในครัวจะสะดวกกว่า ภัทรเอ็งรีบมานั่งทานข้าวเป็นเพื่อนคุณเคลวินเร็วๆ ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้ด้วยทานที่นี่ล่ะจะได้สะดวก” ป้าภาบอก
“แต่ผมอยากทานกับป้านี่นา” ร่างบางทำท่าทีอิดออด
“เถอะน่าป้าไปก่อนล่ะ” ป้าภาจับตัวร่างบางให้นั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะเดินออกไป
เมื่อเหลือเพียงสองคนตามลำพัง บรรยากาศบนโต๊ะอาหารก็เงียบสงบ ก่อนที่คนตัวสูงจะเป็นคนทำลายความเงียบลง
“ไหนขอชิมฝีมือมึงหน่อยซิว่าจะอร่อยสู้ป้าภาได้รึเปล่า” ว่าแล้วก็ตักไข่เจียวพร้อมข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย
“เป็นไงบ้างถูกปากคุณรึเปล่า” ร่างบางจ้องหน้ารอลุ้นคำตอบ เพราะเขาตั้งใจทำสุดๆแล้ว หากยังไม่ถูกปากคนตัวสูงก็จะไม่ขอทำอีกเด็ดขาด
“ก็พอใช้ได้” ถึงแม้จะเอ่ยอย่างนั้นแต่คนตัวสูงก็ตักมาทานอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ร่างบางรู้ทันแล้วยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“ทานเยอะๆนะ” ต่อไปนี้เขาจะทำตัวให้เหมือนกับเมื่อครั้งที่ทั้งสองคนยังเป็นเด็ก เขาอยากลองดูเผื่อว่าจะสามารถทำให้เคลวิน ล้มเลิกความตั้งใจที่จะแก้แค้นได้ เขาไม่ได้ทำเพื่อครอบครัวเพียงแค่ฝ่ายเดียว แต่เขาทำเพื่อทุกคนที่อยู่รอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวที่จะได้อยู่อย่างสงบสุข ส่วนเขาและเคลวินก็จะได้ใช้ชีวิตคู่อยู่ที่นี่สามคนพ่อแม่ลูก เขาภาวนาให้มันเป็นอย่างที่คิด
“มึงเองก็กินเยอะๆร่างกายจะได้แข็งแรง” คนตัวสูงไม่ว่าเปล่า เขาตักกับข้าวให้กับร่างบางด้วย
“ขอบคุณนะครับ” ร่างบางยิ้มให้ เขารู้สึกว่าวันนี้เคลวินจะดูเป็นห่วงเป็นใยเขาผิดปกติกว่าทุกวัน นี่ถือเป็นจุดเริ่มต้นดีๆที่เขาจะขออะไรบางอย่างกับคนตัวสูง “คุณเคลวินครับ”
“ว่าไง” คนตัวสูงมองหน้าเพื่อรอฟังสิ่งที่ร่างบางจะเอ่ย
“คือ...ผมขออะไรบางอย่างได้ไหม”
“ว่ามาสิถ้ากูให้ได้กูก็จะให้”
“คุณให้ผมได้แน่นอน เพราะสิ่งที่ผมจะขอมันเป็นอะไรที่ผมเคยทำมาก่อนหน้านี้แล้ว”
“อะไรของมึงวะ” คนตัวสูงเริ่มงงกับคำพูดของร่างบาง
“ผมอยากจะขอเรียกคุณว่า ‘พี่วิน’ เหมือนเมื่อครั้งที่เรายังเป็นเด็กได้ไหมครับ” ร่างบางจ้องไปที่นัยน์ตาเข้มอย่างไม่กระพริบตา ในใจก็ภาวนาให้คนตัวสูงตอบรับสิ่งที่เขาขอในครั้งนี้ด้วย
คนตัวสูงนิ่งอย่างเห็นได้ชัด จนร่างบางเริ่มไม่มั่นใจว่าสิ่งที่จะออกจากปากคนที่อยู่ตรงหน้านั้น มันจะตรงกับความต้องการของเขาหรือไม่
“ถ้ามึงอยากเรียกอย่างนั้นกูก็ไม่ว่าอะไร แต่กูคงไม่เรียกมึงว่าน้องภัทรหรอกนะ” เขาเอ่ยแค่นั้นก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาทานอาหารต่อ ร่าวกับว่าเพื่อเป็นการแก้อาการเขินของตัวเอง
“ขอบคุณนะครับพี่วิน” ร่างบางยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ส่วนคนตัวสูงก็ได้แต่พยักหน้าให้ รอยยิ้มที่มุมปากของเขานั้น ทำให้หัวใจของร่างบางพองโตมากเหลือเกิน รู้ล่ะน่าว่าเขินร่างบางยิ้มกริ่มในใจ
ในที่สุดเขาก็ได้พี่วินคนเดิมกลับมาแล้ว ถึงแม้จะกลับมาเพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ
*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*
------------------------------------------------------------------------
ตอนนี้ศัตรูของเคลวินเริ่มมารวมตัวกันแล้ว ไม่อยากจะคิดต่อเลย....