Lesson 10
( Kim Part )
ผมลืมตามองโลกที่เหมือนกับกำลังหมุนอย่างแรง ผมต้องหลับตาตั้งสติอีกครู่นึงจึงลืมตาขึ้น ซึ่งก็ได้ผลดีเพราะตอนนี้โลกหยุดหมุนแล้ว ผมหันไปมองนาฬิกาตอนนี้จะสิบเอ็ดโมงแล้ว ผมจึงเตรียมจะยันกายของตัวเองให้ลุกขึ้นแต่...
“อึก...ซี้ดดดด” ผมรู้สึกร่างร้าวไปทั้งตัวโดยเฉพาะช่วงสะโพกที่ปวดมากๆ ผมตั้งสติและทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนได้ก็หันไปมองอีกคนที่ตอนนี้หลับอยู่ ผมเกิดความรู้สึกเครียดขึ้นทันที เกลียดผมผมรู้แต่ทำไมต้องทำกันขนาดนี้
ผมพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมเอามือคล้ำเตียงพลาด เลยกลิ้งตกลงมาจากเตียง
“โอะ...อ๊ะ” ผมเจ็บมากๆ เจ็บจริงๆจะลุกก็ไม่ไหว เอาวะคลานเลยละกัน ผมพาร่างที่แทบไม่มีเรี่ยวแรงของตัวเองมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำ แต่ไปไม่ทันถึงไหนก็มีเสียงของใครอีกคนจากด้านหลัง
“ทำอะไร”
“…” ผมหันกลับมองแต่ไม่ตอบ
“กูถาม...ได้ยินไหม”
“เปล่าครับ” ผมตอบนิ่งๆ
“แล้วลงไปนอนทำอะไรตรงนั้น” คุณโชว์ถามด้วยหน้าตาสงสัย
“เอ่อ...เปล่า ผมกำลังจะลุก โอ้ยยยย” ผมพยายามลุกขึ้นเหมือนปกติแต่ก็ต้องล้มลงไปกับพื้นอีกครั้ง
“มึงเป็นอะไร สำออยนะมึง แค่นี้ทำเป็นเจ็บกูคงไม่ใช่คนแรกหรอกมั้ง” ฉึก....เหมือนมีอะไรมาทิ่มแทงใจ คุณโชว์คิดว่าผมเป็นคนยังไงกัน
“…” ผมไม่ตอบแต่คลานต่อโดยไม่สนใจใครอีกคนในห้อง
“เหอะ มึงคลานให้ได้ทั้งวันนะ คลานไปทำกับข้าว คลานไปรดน้ำในสวน คลานไปเปิดประตูบ้าน อย่ามามารยากับกู ไม่ได้ผลหรอกนะ” คุณโชว์ดูถูกผมมาก และนั้นทำให้ผมฟิวส์ขาด ผมกลั้นใจลุกขึ้นพรวด แลกกับความเจ็บปวดที่ถาโถมมาในร่างกายผม ผมเดินเข้าไปหาคุณโชว์ แต่เดินได้ไม่กี่ก้าว ร่างกายผมคงทนความเจ็บปวดนี่ไม่ไหวจริงๆ รู้สึกตาพร่ามัว และกลายเป็นภาพสีดำไปในที่สุด
( Show Part )
ผมนั่งมองเจ้าของห้องที่ผมนอนอยู่ที่คลานอยู่กับพื้นถ้าผมเดาไม่ผิดจุดมุ่งหมายคือห้องน้ำ
“เหอะ มึงคลานให้ได้ทั้งวันนะ คลานไปทำกับข้าว คลานไปรดน้ำในสวน คลานไปเปิดประตูบ้าน อย่ามามารยากับกู ไม่ได้ผลหรอกนะ” ผมด่ามันไปด้วยความหมันไส้ทำเป็นสำออยลุกไม่ไหว มารยาแบบนี้ผมเจอมานักต่อนักแล้ว
“...” มันไม่พูดอะไรครับ แต่ลุกขึ้นยืนพรวดเลย ผมแอบเห็นใบหน้าเหยเก นั้นที่แสดงความรู้สึกออกมาว่าเจ็บปวดมาก แว๊บนึง แว๊บเดียวจริงๆ แล้วมันก็เดินเข้ามาหาผม ผมก็นั่งมองมัน มันเดินมาไม่ถึงห้าก้าวก็ล้มลงไปอีกครั้ง ผมตกใจแต่ต้องรักษาฟอร์ม มันอาจจะ ละครใส่ผมก็ได้
“เฮ้ย ลุกได้ละ มึงจะนอนแบบนั้นอีกนานไหม” เมื่อผมเห็นว่ามันนิ่งนานเกินไป
“…” เงียบ
“มึงจะลุกไหมอย่าให้กูมีโมโหนะมึง!!!” ผมตะคอกใส่มัน
“…” แต่มันนิ่งเหมือนเดิม ผมเดินไปใกล้ๆมัน เอาเท้าเขี่ยมันเลยครับ
“มึงลุกได้แล้ว”
“…” ไม่กระดุกกระดิกเลย งานเข้าผมแน่ๆ ผมหงายตัวมันขึ้นมามันหายใจถี่ และตัวก็แดงไปทั้งตัว ผมเอามืออังหน้าผากมัน ก็ตัวร้อนจี๋เลยครับ
“แม่งเป็นอะไรอีกวะ ลำบากกูอีกแล้ว โถ่เว้ยย” ผมหัวเสียนิดหน่อย แต่ก็ต้องอุ้มมันขึ้นมาบนเตียง ผมวางมันลงและจัดเตียงใหม่ก็เหลือบไปเห็นรอยเลือดบนที่นอน แล้วหันไปมองหน้าของคนที่ไร้สติ ก็นึกถึงภาพเมื่อคืนอีกครั้ง ผมทำอย่างนั้นกับมัน ผมจำเมื่อคืนได้ไม่เคยลืม ผิวเนียนๆของมัน เอวที่คอดไม่เหมือนผู้ชาย ริมฝีปากสีชมพู และกลิ่นตัวหอมๆ ที่น่าหลงใหล ของมัน เฮ้ยยยยยย นี่กูคิดอะไรวะเนี่ย
ผมไปเอาผ้าและกะละมังใส่น้ำ เพื่อมาเช็ดตัวไอ้คิม สาเหตุที่มันเป็นแบบนี้ก็คงมาจากผมด้วยแหละ ผมก็คงต้องรับผิดชอบไปตามระเบียบ แต่เอ๊ะ ทำไมผมต้องทำล่ะ ผมมาถึงเตียงก็วางกะละมังไว้ที่หัวเตียง แล้วก็เช็ดตัวให้คนป่วยทันที ไม่ต้องถามว่าทำไมเช็ดเลยไม่ถอดเสื้อผ้าหรอ มันไม่จำเป็นครับเพราะเมื่อคืนผม....มันเกือบเช้าเลย ผมว่าผมต้องโดนยาแน่ๆเลยผมถึงได้คึกขนาดหน้ามืดทำอะไรผู้ชายด้วยกันเอง เมื่อผมเช็ดตัวมันเสร็จก็ออกไปข้างนอกครับ วันนี้ว่าจะไปดูหนังกับพวกไอ้วิน
“เฮ้ย ไอ้วิน” ผมทักเพื่อนเมื่อเจอหน้ากัน
“เออว่าไง มึงกว่าจะมาได้นะมึง” มันบ่นครับ
“แล้วคิมล่ะ พี่โชว์” เฟียร์ถามผมครับ
“มันไม่สบาย ว่าแต่ถามทำไมอ่ะ” ผมย้อนถามเฟียร์
“ก็นึกว่าจะชวนมาด้วย”
“ไม่มีทางเด็ดขาด พี่ไม่ชวนมันหรอก” ผมบอกกับเฟียร์ และผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้
“เมื่อคืนนี้ใครวะ กินน้ำส้มอ่ะ” ผมถามกลางวง
“ผมเองแหละ ทำไมหรอพี่โชว์” เฟียร์ตอบ
“อ่อ พี่สงสัยพอดีเมื่อคืนพี่เห็นน้ำส้มเหลืออยู่บนโต๊ะน่ะ” ผมตอบแล้วชำเลืองไปมองหน้าไอ้วิน ไอ้วินหน้าเสียนิดหน่อยครับ
“ไอ้วิน มึงไปดูของกับกูหน่อยดิ หนังยังไม่ฉายนิ” ผมบอกแล้วขู่ด้วยสายตาว่าถ้ามึงไม่ไปมึงมีปัญหาแน่
“อ่ะ..เออ” แล้วมันก็เดินตามผมมาครับ เราเดินมาถึงมุมๆนึงซึ่งค่อนข้างเงียบครับ
“มึงวางยาเฟียร์ทำไมวะ” ผมไม่อ้อมค้อมถามมันตรงๆเลย
“ก็แม่งงอนกู กูเลยวางยามันแล้ว.....มันจะได้หายงอนกู” มันตอบผม
“ว่าแต่แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูวางยาเฟียร์” มันถามแล้วจ้องหน้าผม
“ก็กูแดกน้ำแก้วเฟียร์ไปอ่ะดิ” ผมบอกมัน
“กูว่าแล้ว เมื่อคืนกูก็รอ ทำไมยาไม่ออกฤทธิ์นี่แปลว่าเฟียร์มันไม่ได้กินอ่ะดิหรือไม่ก็สลับแก้ว” มันวิเคราะห์ครับ
“โถ ไอ้ควายมึงไม่รู้หรอ เมียมึงน่ะสติปัญญาชั้นไหนแล้ว กะอีแค่จะวางยามึงคิดว่าเฟียร์ดูไม่ออกหรือไง” ผมด่าในความโง่ของมัน
“เฮ้ยเดี๋ยว มึงบอกมึงกินแก้วเฟียร์ไปหรอ”
“เออ อ่ะดิ” ผมตอบมันไป
“เห้ย แล้วมึงไปเอาออกที่ไหนวะ” มันถามผม
“…” ผมไม่ตอบดีกว่าเนอะ
“มึงอย่าบอกนะว่าที่คิมไม่สบายเนี่ย เพราะว่า.....” มันมองหน้าผมแบบล้อเลียน
“เออ กูเอามันไปแล้วแหละ ล่อซะเกือบเช้าเลย ยามึงแรงจริงๆ” ผมตอบมันแบบไม่คิดอะไรมาก
“เฮ้ย ไอ้เหี้ยนิ มึงทำอะไรรับผิดชอบด้วยนะมึง คิมมันดูอ่อนต่อโลกยังไงไม่รู้ แล้วมันจะคิดยังไงวะ”
“กูไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ได้เสียหายมากซะหน่อย แล้วมันจะคิดยังไงก็เรื่องของมันสิ กูสนที่ไหนล่ะ” ผมตอบมันไปยาวเหยียด
“เออ เดี๋ยวกูจะคอยดูมึง ถ้าวันไหนมึงตามขอความรักจากไอ้คิมนะกูจะขำให้ฟันกูหลุดหมดปากเลย” มันพูดกวนตีนผมครับ
“เดี๋ยวมึงจะได้หลุดก่อนตอนนี้เพราะส้นตีนกูเนี่ยแหละ ไปเถอะใกล้ได้เวลาหนังฉายแล้ว” ผมก็เดินกลับมาที่โรงหนังแต่แอบคิดถึงใครอีกคนว่าตอนนี้จะตื่นหรือยัง