บทที่ 10
วันนี้เป็นอีกวันที่กมลมีโอกาสได้มารับหลานๆ หลังเลิกเรียนพร้อมกับหทัย ก่อนเดินทางไปทานอาหารค่ำนอกบ้านกันต่อ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาที่เจ้าฝาแฝดทั้งสองคนมีความสุขเอามากๆ เพราะนอกจากคุณลุงสุดที่รักจะมีเวลาให้แล้ว ยังพาไปทานของอร่อยๆ บ่อยๆ ด้วย
ฤดูฝนเป็นช่วงที่กมลมักไม่ค่อยมีงานวุ่นวายมากเท่าไหร่ เพราะด้วยสภาพอากาศชื้นแฉะของประเทศไทย ทำให้คู่บ่าวสาวส่วนใหญ่เลือกที่จะหลีกเลี่ยงฤดูนี้ ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างมีเวลาในการคิดสร้างสรรค์และปรับปรุงสิ่งต่างๆ ใน I promise มากขึ้น
อย่างช่วงต้นเดือนกมลก็สั่งให้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ แม้ว่าก่อนหน้าจะเนรมิตด้านหลังของตึกใหญ่ให้กลายเป็นสวนสวยไปแล้ว แต่เขาก็ยังสั่งให้มีการเพิ่มสะพานข้ามทะเลสาบเทียมเป็นจุดเด่นขึ้นมาอีกหนึ่ง มิหนำซ้ำยังรีโนเวทสตูดิโอถ่ายรูปภายในตึกเป็นรูปแบบใหม่ด้วยกันหลายห้อง ทั้งหมดเพื่อรองรับลูกค้าใหม่ๆ ในช่วงปลายปี
“วันนี้เราจะไปทานอะไรกันครับ” น้องหยางที่นั่งอยู่เบาะหลังร้องถามทันทีที่รถเคลื่อนตัวจากหน้าโรงเรียน
“วันนี้เราจะไปให้อาหารแพะ แล้วก็ไปดูว่าตัวอัลปาก้ามันชอบพ่นน้ำลายอย่างที่น้องหยางบอกลุงจริงไหม” กมลว่ายิ้มๆ
“ลุงไอจะพาพวกเราไปสวนสัตว์เหรอครับ” น้องหยินแฝดผู้พี่ตั้งข้อสังเกต “แต่นี่มันเย็นแล้วนะครับ”
“ไม่ใช่สวนสัตว์หรอกครับพี่หยิน”
“แล้วมันคือที่ไหนกันครับ”
“เดี๋ยวถึงแล้วก็รู้ครับ” คุณลุงคนดีของเด็กๆ ว่าพลางหันมาขยิบตาให้นิดหน่อยก่อนสนใจถนนต่อ แต่นั่นก็เพียงพอให้หยินกับหยางอดไม่ได้ที่จะภาวนาให้ถึงที่หมายเร็วๆ แล้ว
หากเมื่อผ่านไปสักพัก รถของครอบครัวเปรมอนันต์ก็เคลื่อนเชื่องช้าลง เพราะการจราจรบนถนนติดขัดเอามากๆ ด้วยวันนี้เป็นเย็นวันศุกร์ อีกทั้งร้านที่จะไปก็อยู่บนถนนเส้นที่มีรถมากอยู่แล้ว เด็กทั้งสองคนก็เลยเผลอหลับคอพับไปอย่างช่วยไม่ได้
“วันนี้รถติดนะคะพี่ไอ”
“อืม ก็วันศุกร์นี่นะ แถมเส้นที่เราไปเป็นเส้นลาดพร้าวด้วย พี่ว่ากว่าจะถึงห้าแยกเจ้าตัวแสบคงตื่นขึ้นมาป่วนก่อนแน่ๆ”
“คงไม่หรอกค่ะ” หทัยหันไปมองลูกชายทั้งสองคน “พวกแกเพิ่งหลับไปเมื่อกี้เอง ว่าแต่พี่ไอหิวไหมคะนี่ เมื่อกลางวันก็กินข้าวแค่นิดเดียวเอง”
“หิวนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไร พอทนไหวอยู่”
“ก็อ้ายบอกแล้วว่าให้ทานขนมด้วยกันตอนบ่ายก็ไม่เชื่อ”
“ก็ต้องไปดูเจ้ากลองถ่ายพรีเวดดิ้งให้ลูกค้าที่สตูฯ นี่ เห็นว่ารีเควสสตูฯ ใหม่มาด้วย พี่เลยไปช่วยดูเด็กๆ มันจัดไฟ ไม่รู้ว่าสว่างมากไปไหม”
“โธ่…กลองน่ะเก่งจะตาย เขาคุมเด็กๆ ได้อยู่แล้วล่ะค่ะ พี่จะไปดูเสียทุกขั้นก็ไม่ไหวนะคะ ดูแลตัวเองบ้างสิ ชอบทำให้อ้ายต้องบ่นอยู่เรื่อยเลย”
พอเห็นแม่น้องสาวทำหน้ามุ่ย กมลจึงหันมายิ้มหวาน “ก็พี่ไม่มีอะไรทำนี่นา ช่วงนี้ลูกค้าน้อย”
“ก็ไม่น้อยนะคะ มันเป็นปรกติของหน้าฝนอยู่แล้ว พวกห้องเสื้อก็วุ่นกันจะตาย เพราะพี่ไปเปรยว่าอยากได้ชุดใหม่”
ส่วนใหญ่แล้วฝ่ายที่ดูจะวุ่นวายที่สุดก็คือทางฝั่งห้องเสื้อ เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการอัพเดตแฟชั่นชุดแต่งงานใหม่ๆ มากมาย และดูเหมือนงานลูกไม้จะเป็นที่นิยมมากในซีซั่นนี้ ทางทีมวางแผนการตลาดจึงสนับสนุนให้เพิ่มแบบเข้าไปเพื่อเรียกลูกค้าเพิ่ม กมลที่เห็นดีด้วยจึงมีคำสั่งลงไปที่ห้องเสื้อให้จัดการต่อ
“ก็ไอเดียพี่หวานเขาดีนี่ พี่ว่ามันโอเคเลยนะ” กมลกล่าวถึงหวาน ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานการตลาด
“ค่ะๆ อ้ายไม่เถียงกับพี่ไอแล้วล่ะ พ่อคนขยันทำงาน นี่ถ้าเป็นลูกน้องนะ อ้ายจะสั่งให้พี่หยุดพักร้อนสักอาทิตย์นึงเลย”
“หยุดแล้วจะให้พี่ไปไหนล่ะ ให้นอนอยู่บ้านเฉยๆ ไม่เอาด้วยหรอกนะ”
“ให้วันหยุดพร้อมแพคเกจเที่ยวมัลดีฟเป็นไงคะ เห็นพี่เคยอยากไปไม่ใช่เหรอ”
“โห งั้นเรามาเปลี่ยนตำแหน่งกันดีกว่านะ พี่ชักอยากเป็นลูกน้องแล้วสิ สวัสดิการดี้ดี” คนพูด พูดพลางยิ้มระรื่น ก่อนจะเงียบเสียงเมื่ออ้ายมีสายโทรศัพท์เข้ามา
หญิงสาวกดรับ ก่อนกรอกเสียงเข้าไปตามสาย “ว่ายังไงแม่หนูดี ตั้งแต่มาถึงไทยก็หายเงียบไปเลยนะ”
กมลนั่งฟังน้องสาวคุยกับเพื่อนสนิทอย่างออกรส ตาก็มองถนนไปด้วย จนกระทั่งได้ยินประโยคหนึ่ง ซึ่งอ้ายทำเสียงอ้อมแอ้มลำบากใจ เขาจึงหันไปมอง
“ไม่ได้หรอกหนูดี ตอนนี้ฉันอยู่บนรถ กำลังจะไปทานข้าวกันที่บ้าน” เธอเงียบฟังฝั่งตรงข้ามถาม ก่อนตอบ “อยู่แถวลาดพร้าวเหมือนกัน แต่คงไม่ค่อยสะดวก เอาไว้นัดกันใหม่ได้ไหม นี่มันออกจะกะทันหันไปสักหน่อยน่ะ”
พูดกันอีกสองสามประโยค สุดท้ายฝ่ายเพื่อนของหทัยก็ยอมวางสายไป
“หนูดีกลับมาไทยแล้วเหรอ” เพราะกมลรู้จักกับเพื่อนสนิทของน้องสาวคนนี้ดี เขาจึงถาม
“ค่ะ กลับมาได้หลายวันแล้ว”
“แล้วเธอมีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“เขาจะชวนไปซื้อเสื้อผ้าน่ะค่ะ แต่อ้ายปฏิเสธไปแล้ว”
“อ้ายอยากไปเจอเพื่อนไหม ถ้าอยากไปก็ไปได้นะ ไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่ เกิดเลื่อนไปแล้วเรามีงานยุ่งๆ พี่กลัวหนูดีจะกลับวอชิงตันเสียก่อน” ฟังจากน้ำเสียงกมลก็รู้ว่าน้องสาวของเขาอยากไปเจอเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันนานมากแค่ไหน
“แต่ว่าพี่ไอกับเด็กๆ ล่ะคะ”
“พี่ไม่มีปัญหาหรอก เด็กๆ ก็คงไม่มีปัญหาเหมือนกัน ประเดี๋ยวเจออัลปาก้ากับแพะก็ขี้คร้านจะลืมแม่ลืมลุงหมดแล้ว อ้ายอยากไปก็ไปเถอะ นานๆ คุณแม่ลูกสองจะได้เที่ยวร่าเริงสักที พี่ดูแลเด็กๆ แทนได้”
“เอาอย่างนั้นเหรอคะ” หญิงสาวลังเลนิดหน่อย ใจหนึ่งก็อยากไปทานอาหารกับครอบครับ แต่อีกใจก็อยากพบเพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันนาน อีกทั้งยังนึกเกรงใจพี่ชายด้วยที่ต้องทิ้งให้ดูแลลูกๆ แทนเธอ
“ไม่ต้องคิดอะไรมาหรอก เราก็ใช่ว่าจะเที่ยวบ่อยเสียเมื่อไหร่ ออกไปช็อปเสื้อผ้า แต่งหน้าทำผมกับเพื่อนบ้างก็ดีนะ”
กมลรู้ว่าตั้งแต่ที่อ้ายทำหน้าที่แม่เลี้ยงเดี่ยว น้องสาวของเขาไม่เคยทำตามใจตัวเองเลย เธอทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างเพื่อลูกชายทั้งสองมาโดยตลอด ทุ่มเทจนบางครั้งก็ลืมที่จะคิดถึงตัวเอง เหมือนกับที่เธอว่าเขาเมื่อครู่ไม่มีผิด
“แต่…”
“หนูดีเขาอยู่ที่ไหนล่ะตอนนี้”
“เซ็นทรัลลาดพร้าวค่ะ”
“ใกล้ๆ แค่นี้เอง เดี๋ยวพี่แวะส่งเราก่อน แล้วค่อยพาหลานๆ ไปทานอาหารดีไหม”
“ก็ดีค่ะ” หทัยตอบรับเบาๆ
“ไม่ใช่ก็ดี แต่ดีเลยล่ะ เสร็จแล้วพี่จะแวะรับเรากลับพร้อมกัน หรือถ้าเราจะไปต่อก็โทรมาบอกพี่ได้ พรุ่งนี้วันหยุด พี่อนุญาตให้เที่ยวได้หนึ่งวัน” กมลว่าพลางยื่นมือออกไปลูบหัวของน้องสาวเบาๆ
“ขอบคุณนะคะพี่ไอ”
“เห็นไหม พี่เป็นเจ้านายที่ดีนะ มีแพคเกจไปส่งถึงที่ แล้วให้คุณแม่เที่ยวฟรีด้วย”
“ค่ะ…พี่ชายของอ้ายน่ะดีที่สุดในโลกเลย”
หลังจากส่งน้องสาวเรียบร้อย กมลก็ขับรถต่อมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงที่หมายในที่สุด เขาไม่ต้องวนหาที่จอดรถนานนัก เพราะตัวร้านมีบริเวณค่อนข้างกว้าง เมื่อดับเครื่องเรียบร้อยแล้วชายหนุ่มก็หันไปปลุกหลานชายทั้งสองคน โดยเจ้าตัวโตตื่นขึ้นมาก่อน ตามด้วยคนเล็ก
“ถึงแล้วเหรอครับ” หยางขยี้ตางัวเงีย
“ถึงแล้วครับ”
“แล้วแม่ไปไหนครับลุงไอ” เจ้าหยินที่สังเกตเห็นก่อนจึงร้องถาม
“แม่อ้ายไปเจอน้าหนูดีครับ เด็กๆ จำน้าหนูดีได้ไหม ที่ซื้อเครื่องบินบังคับมาฝากเราปีก่อนไง” กมลทบทวนความจำให้ ขณะที่เอี้ยวตัวไปถอดเข็มขัดนิรภัยให้หลาน
“จำได้ครับ”
“จำได้ครับ” เด็กทั้งสองตอบพร้อมกัน
“น้าหนูดีเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ แต่อีกไม่นานคงกลับแล้ว แม่อ้ายก็เลยไปทานข้าวกับน้าหนูดีก่อน วันนี้พวกเราอยู่ด้วยกันสามคน เด็กๆ ไม่ว่าอะไรนะครับ”
“ไม่เป็นไรครับ เพราะน้าหนูดีเจอแม่อ้ายไม่บ่อย แต่น้องหยางกับหยินได้เจอแม่อ้ายทุกวัน” หยินว่า
“ใช่ๆ ถ้าน้าหนูดีไม่ได้เจอแม่อ้าย เดี๋ยวจะร้องไห้แงๆ” หยางสมทบอีกคำ
ประโยคของเด็กๆ ทำให้กมลยิ้มกว้างออกมา รู้สึกภูมิใจในตัวหลานชายทั้งสองที่เป็นเด็กน่ารัก คิดถึงคนอื่น ไม่ได้คิดถึงแต่ตัวเองฝ่ายเดียว
“เด็กดีของลุง” เขาว่า ก่อนจะหยิบกระเป๋าเงิน “ไปครับ ว่านี้ลุงจะให้รางวัลโดยการพาไปกินวัฟเฟิลอร่อยๆ ด้วยดีไหม”
“ดีครับ” แฝดสองประสานเสียงกันอีกครั้ง ก่อนลงจากรถแล้วเดินจูงมือกมลคนละข้างเพื่อเข้าไปในร้าน
โชคดีที่วันนี้ฝนไม่ตก ดังนั้นสามหนุ่มบ้านเปรมอนันต์จึงได้นั่งกินบรรยากาศตรงส่วนสวนของร้าน ถัดไปไม่ใกล้ไม่ไกลจะเห็นคอกของแพะและตัวอัลปาก้าอย่างชัดเจน เด็กทั้งสองดูจะตื่นเต้นเอามากๆ จนแทบอยากจะวิ่งออกไปจากโต๊ะทุกครั้งที่คุณลุงเผลอ หากก็ต้องอดใจเอาไว้ เพราะลุงไอบอกว่าจะเป็นคนพาไป แต่ขอสั่งอาหารให้เสร็จเสียก่อน
กระทั่งสั่งอาหารเรียบร้อย กมลจึงจูงเด็กๆ ไปป้อนหญ้า ป้อนนมแพะ ทั้งยังไปยืนดูอัลปาก้าที่ข้างรั้วอย่างใกล้ชิด ที่นี่ไม่ได้มีเพียงแค่สัตว์สองชนิดเท่านั้น ทว่ายังมีกระต่ายตัวกลมกระโดดไปมาในกรงอัลปาก้าอีกด้วย
ขณะที่หลานๆ กำลังตื่นเต้นกับสัตว์ขนปุยตรงหน้า และกมลเองก็กำลังรัววีดีโอเจ้าสองแสบไว้ อยู่ๆ ก็มีใครบางคนเดินมาหยุดที่ด้านหลัง พร้อมกับเรียกให้หนุ่มหน้าหวานหันไปหา
“เจอกันอีกแล้วนะครับ คุณไอ”
“…คุณณธิป” กมลไม่รู้จะพูดอะไร เขาได้แต่มองอีกฝ่ายเงียบๆ เท่านั้น
ตั้งแต่ดินเนอร์หลอกลวงนั่นจบลงก็ผ่านมากว่าเดือนแล้วที่กมลไม่ได้พบหรือติดต่อกับณธิปอีก ซึ่งกมลก็ไม่คิดว่าจะได้พบเจอกับอีกครั้งในสถานที่ที่ดูเป็นร้านอาหารครอบครัวแบบนี้
โลกช่างกลมเสียจริง จึงได้เหวี่ยงให้เขาต้องโคจรมาพบกับคนคนนี้อยู่เรื่อย
“มากับใครครับ”
“มากับหลานๆ ครับ” กมลตอบ ก่อนจะเรียกหยินกับหยางให้มาหา “เด็กๆ สวัสดีก่อน นี่คุณณธิป เป็นคนรู้จักของลุงครับ”
“สวัสดีครับคุณลุงณธิป” หยินกับหยางยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่ ก่อนขยับเข้าไปเกาะขาแล้วแอบอยู่ด้านหลังของกมล เพราะรู้สึกกลัวท่าทางของผู้ชายคนนี้อย่างบอกไม่ถูก
“นี่น้องหยินกับน้องหยาง หลานชายของผมครับ”
“สวัสดีครับเด็กๆ แต่เรียกว่าอาเล็กจะเหมาะกว่านะ” ณธิปยิ้มบาง “ได้โต๊ะกันหรือยังครับ ไปนั่งด้วยกันกับอาไหม”
“พวกเราได้โต๊ะแล้วครับ คงไม่รวบกวนคุณ” กมลเป็นคนตอบแทน
“อ๋ออย่างนั้นเหรอครับ งั้นก็ไม่เป็นไร ผมเองดันลืมนึกไปว่ามาดื่มกับเพื่อนๆ คงไม่เหมาะถ้าเด็กๆ ไปนั่ง” พูดกับคนหน้าหวานจบ ณธิปก็หันไปหาเด็กๆ “เอาไว้คราวหน้าอาค่อยพาไปทานขนมอร่อยๆ นะครับ”
เมื่อได้ยินคำว่าขนมอร่อยๆ เด็กๆ ก็คลายความเกรงกลัว แล้วรีบพยักหน้ารับทันที
“ครับคุณอาเล็ก” น้องหยางตอบก่อน พร้อมกับยิ้มกว้างน่ารัก
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ จะรบกวนคุณณธิปเปล่าๆ”
“ไม่รบกวนสักหน่อยครับ ผมเต็มใจนะ” สุดท้ายณธิปก็ยังไม่นึกขยาดกับคำปฏิเสธหลายครั้งหลายคราของกมล แต่หนุ่มหน้าหวานรู้ การกระทำในลักษณะนี้มันเหมือนหมาหยอกไก่ บางครั้งก็หยอกไปเรื่อย ไม่ได้เก็บมาคิดจริงจังเหมือนคนที่ต้องการจริงจังสักนิด
ก็แค่คนเข้าชู้คนหนึ่ง
“ผมเคยบอกคำขอกับคุณไปแล้ว หวังว่าคุณจะจำได้นะครับ ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ผมขอตัวก่อน” ว่าจบหนุ่มหน้าหวานก็เตรียมจูงมือเด็กๆ ไปล้างมือที่ห้องน้ำ จะได้พากลับไปที่โต๊ะเพราะเห็นว่าอาหารมาเสิร์ฟแล้ว
แต่เขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยคำพูดหนึ่งก่อน…
“ผมจำได้ครับ แต่ก็ยังมั่นใจว่าเราจะได้พบกันอีกแน่นอน แล้วก็อยู่ในเงื่อนไขของคุณด้วย ผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะคุณไอ” เขากระซิบประโยคท้ายให้กมลได้ฟังเพียงคนเดียว ก่อนจะก้มลงบอกเด็กๆ “อาไปก่อนนะครับเด็กๆ”
“ครับคุณอาเล็ก” เด็กทั้งคู่ยังคงตอบพร้อมๆ กันเช่นเคย หนุ่มหล่อยิ้มรับความน่ารักนั่นบางๆ ก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ปล่อยให้กมลยืนกังวลอยู่ตรงนั้น ด้วยไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนอีก
เขารู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่เคยช่วยณธิปไว้ เพราะถ้าไม่มีวันนั้น เขากับณธิปคงไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกันอีก คงไม่ต้องมีเรื่องให้อีกฝ่ายตามมาวุ่นวายเช่นนี้ ทั้งที่กมลก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เลยว่าณธิปติดใจอะไรกับเขานัก หรือบางที่อีกฝ่ายเพียงแค่อยากแกล้งเขาคืน ข้อหาที่เคยไปตะบั้นหน้าเจ้าตัวต่อหน้าสาว
คิดแล้วชายหนุ่มก็ได้แต่ถอนใจ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไร ทั้งที่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยอีกแท้ๆ
เป็นเวรกรรมอะไรของเราหนอ…
“นั่นคุณกมลที่เป็นออแกไนซ์งานแต่งของแกไม่ใช่เหรอเล็ก” ดังตฤณถาม
วันนี้เขาชวนณธิปมาทานข้าวที่ร้านซึ่งเป็นกิจการของครอบครัว เพราะอยากคุยเกี่ยวกับเรื่องของใครคนหนึ่งที่เพื่อนเคยคบด้วย แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เอ่ยปากออกไป เนื่องจากมีเพื่อนสนิทอีกคนตามมาด้วย นั่นคือนายพิเชษฐ์ตัวป่วน
“อืม ใช่”
“แล้วคุยอะไรกัน เห็นคุยอยู่นานสองนาน แกจะให้เขาดูงานแต่งให้อีกรอบหรือไง”
“กินข้าวไปไอ้เชษฐ์ ปากเสียจริง” หนุ่มไฮโซตอกกลับ เขายังนึกขยาดกับการถูกจับคลุมถึงชนไม่หาย
“แล้วคุยอะไรกัน ตอบดีๆ”
“ก็ไม่มีอะไร” ณธิปยิ้ม และเป็นยิ้มที่ดูปราดเดียวก็รู้ว่ามีอะไรแอบแฝง
“นี่อย่าบอกนะว่าจะจีบ” ดาราหนุ่มซักไซ้ต่อ
“คงงั้น”
“หน้าตาจัดว่าสเปคแก แต่คนนี้ไม่น่าจะเล่นง่ายนะ จากที่ดูเมื่อวันงาน ฉันว่าเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” ดังตฤณยังจำได้ดีถึงตอนวันงานแต่งงานของเกษสุดากับณธิป เขารู้สึกว่าคนที่เพื่อนหมายปอง ไม่ใกล้เคียงกับคนที่ณธิปเคยคั่วด้วยสักนิด “แบบนี้ฉันว่าแกสนได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็เบื่อเขา อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เชื่อฉันสิ”
“ฉันก็อยากเชื่อแกนะตฤณ แต่ของแบบนี้มันต้องลองดูถึงจะรู้ เพราะฉันว่ากับคนคนนี้ ไม่น่าจะทำให้ฉันรู้สึกเบื่อได้ง่ายๆ แน่” ณธิปว่ายิ้มๆ อันที่จริงกว่าเดือนมานี้เขาได้คิดทำอะไรบางอย่างลงไป และตอนนี้มันก็อยู่ในขั้นตอนที่ใกล้จะเผยออกมาเต็มที
แล้วเราจะได้รู้กัน ว่าคุณจะยังปฏิเสธที่จะพบผมได้อีกหรือเปล่า…คุณไอ><><><><><><><><><><><><><><><><><><><
อาจจะดำเนินเรื่องเนิบนาบไปบ้าง
ยังไงก็จะลองแต่งไปก่อน
แล้วลองปรับหรือรีใหม่ทีหลังนะคะ
อย่าเพิ่งเบื่อกันน้า
ส่วนที่ถามถึงเรื่องนามสกุลพี่เมฆกับคุณเกษนั้น
ไว้จะเฉลยในตอนหน้าๆ ค่ะ
แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรหรอกนะคะ 5555
แค่อยากให้รออ่านไปพร้อมๆ กันกับเนื้อเรื่องค่ะ
เจอกันตอนหน้าค่ะ
ละอองฝน.