Photo(5)
พฤติกรรมของทัพในช่วงนี้กำลังจะทำให้เพ้นท์เป็นประสาท นับวันยิ่งแกล้งกันรุนแรง ยิ่งถึงเนื้อถึงตัวจนอยากจะย้ายหอหนีให้สิ้นเรื่องสิ้นราวจะได้ไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องความลับแตก แต่ความจริงมันไม่ได้ง่ายเหมือนความคิด
"ไอ้เหี้ยทัพ! ปล่อยนะมึง เป็นบ้าอะไรวะ! ไอ้สัด ปล่อยมือออกจากประตูเดี๋ยวนี้!"
เสียงด่าทอตวาดลั่นห้องเมื่อรูมเมทจอมกวนประสาทแผลงฤทธิ์อีกครั้ง ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้มีโอกาสทีไรทัพเป็นต้องล็อคตัวเพ้นท์ไว้แล้วหาเรื่องเปิดนั่นเปิดนี่จับตรงนั้นสัมผัสตรงนี้ตลอด ล่าสุดเมื่อคืนนอนหลับอยู่ดีๆ ก็ล้วงมือเข้ามาใต้เสื้อ ยังดีที่สามารถป้องกันตัวเอาไว้ได้แต่ก็สู้กันจนเหนื่อย และล่าสุดกว่านั้นคือตอนนี้ ไอ้รูมเมทตัวดีมันกำลังพยายามหาทางเข้ามาอาบน้ำด้วยกัน
"ทัพ! กูไม่ไหวจะเล่นกับมึงแล้วนะ ปล่อยดิวะ จะอาบน้ำ"
"ไม่ไหวมึงก็ปล่อย"
เป็นอีกครั้งที่เพ้นท์หมดคำจะด่า เขายื้อแย่งประตูห้องน้ำกันมาร่วมห้านาทีได้แล้ว เป็นอะไรที่โคตรปัญญาอ่อน แต่ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางปล่อยมือแล้วปล่อยให้ไอ้รูมเมทประสาทกลับคนนี้เข้ามาได้เด็ดขาด
"ผ้าขนหนูมึงจะหลุดแล้ว"
แต่ถ้าไม่ปล่อยมือก็ต้องยอมสละผ้าขนหนูที่พันอยู่รอบเอวซึ่งมันกำลังจะหลุดในไม่ช้านี้ ซึ่งเข้าทางทัพเต็มๆ
"รู้แล้วเว้ย!"
"ปล่อยมือดิ"
"ไม่!"
"งั้นกูปล่อยเอง"
หลอกให้ดีใจไม่ถึงเสี้ยววินาทีมือข้างหนึ่งที่ปล่อยออกจากประตูก็ยื่นเข้ามาด้านในแล้วกระตุกผ้าขนหนูที่ใกล้หลุดอยู่รอมร่อให้ร่วงหลุดออกจากเอวบางๆ เพ้นท์พยายามเบี่ยงตัวหนีจนเผลอปล่อยมือจากประตูมาคว้าผ้าขนหนูเอาไว้ ตอนนี้เองที่เขารู้ตัวว่าได้ตกหลุมพรางเรียบร้อย
ทัพเข้ามาในห้องน้ำก่อนปิดประตู เพียงสองก้าวก็เข้าไปประชิดตัวเพ้นท์ที่ยืนชิดกำแพงเพราะหนีไปไหนไม่ได้ นอกจากพยายามระงับสติอารมณ์
"อะไรของมึงอีกวะ เลิกกวนกูสักวันจะตายมั้ย"
"ตายแน่ๆ กูต้องขาดใจตาย"
"งั้นรีบๆ ไปตายเลยไป"
"ทำไมมึงใจร้ายงี้วะ" แสร้งถามหน้าง้ำหน้างอ ทั้งที่รู้ว่าจะถูกมองว่ากวนประสาทมากกว่าน่ารักก็ยังจะทำ
"มึงเลิกแกล้งกูได้มั้ยทัพ อันนี้จริงจัง"
"ตอนนี้ยังไม่ได้ว่ะ เพราะกูก็มีเรื่องที่ต้องจริงจังเหมือนกัน"
"เรื่องอะไรของมึง"
"เรื่องมึง"
เพ้นท์กลืนน้ำลายเมื่อถูกจ้องตา ทัพขยับเข้ามาใกล้จนเกือบชิด มันใกล้มากจนเขาเผลอกลั้นหายใจ พยายามทำหน้าไร้อารมณ์เข้าสู้แม้ใจกำลังเต้นโครมครามเพราะคำพูดเมื่อครู่ก็ตาม
จริงจังเรื่องของเขาอย่างนั้นเหรอ
"มีอะไรมึงก็รีบๆ พูดมาเลย"
"กูแค่อยากสำรวจอะไรนิดหน่อย"
"อะไร"
"มึงนั่นแหละ"
"จะมาสำรวจอะไรกู" เพราะความระแวงที่มีอยู่ในตัวเป็นทุนเดิมทำให้เพ้นท์ทนนิ่งไว้ไม่ไหวกับคำพูดแสนกำกวมนี้ ทัพมันจะสำรวจตัวเขาไปทำไม เพราะอะไรถึงอยากทำแบบนี้ มันทำให้เขานึกถึงในแง่ดีไม่ได้เลยสักนิด หรือว่าความลับเรื่องนั้นกำลังจะแตกแล้วงั้นเหรอ
"สำรวจร่างกาย"
"ทัพ กูไม่ตลกนะ"
"กูก็ไม่ตลกเหมือนกัน กูไม่อยากกล่าวหามึง ไม่อยากคิดไปเอง แค่อยากพิสูจน์ให้มันจบๆ ว่ามันจะใช่อย่างที่กูคิดหรือเปล่า"
"มึงคิดอะไร"
"กูแค่คิดว่าคนคนนั้นจะใช่มึงหรือเปล่า"
ชัดเจนแล้วคราวนี้
เพ้นท์ใจเต้นแรงจนเหมือนว่ามันจะหลุดออกมาจากอก เขาอยากถีบไอ้รูมเมทจอมกวนประสาทนี่ให้กระเด็นแล้ววิ่งหนีออกไปแบบไม่กลับมาอีกเลย แต่ถ้าทำแบบนั้นเชื่อเถอะว่าแค่หนีออกจากห้องน้ำก็คงไม่รอดแล้ว สุดท้ายเลยต้องยืนทำใจกล้าอยู่ตรงนี้
จะโกหกทำเนียนต่อไป หรือยอมรับความจริงให้มันสิ้นเรื่องสิ้นราวไปเลย
"มึงจะสำรวจยังไง" เพ้นท์แค่ลองถามเพื่อประเมินความปลอดภัย และรอยยิ้มที่ปราศจากความร้ายกาจของคนตรงหน้าก็ทำให้เขาพอจะอุ่นใจขึ้นมาได้บ้าง
"แค่ดู กูจะไม่แตะตัวมึงเลย สัญญา"
คำสัญญาที่ว่าจริงแท้แค่ไหนไม่รู้ แต่เมื่อทัพโน้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูอีกครั้งมือที่จับผ้าขนหนูไว้ก็ปล่อยให้มันร่วงลงไปกองอยู่บนพื้น อวดหุ่นเพรียวบางเปลือยเปล่าที่มีเพียงกางเกงในตัวจิ๋วปกป้องปราการสำคัญ กับผิวขาวเนียนที่เผยให้คนคนนี้ได้เห็นกับตาเป็นครั้งแรก
"กูขอนะ"
เพ้นท์หลับตานิ่งเพราะไม่อยากเห็นว่าทัพใช้สายตาแบบไหนมองอยู่ เขาได้ยินเสียงขยับร่างกาย เสียงเสียดสีกันของเสื้อผ้า แต่ไม่มีส่วนใดในตัวเขาที่ถูกแตะต้อง ทัพทำอย่างที่สัญญาจริงๆ ไม่มีการล่วงเกินทางร่างกาย แม้ระยะห่างระหว่างกันจะน้อยนิดมากก็ตาม
"เพ้นท์"
เจ้าของชื่อลืมตาขึ้นตามเสียงเรียกที่คล้ายกระซิบ ทัพอยู่ใกล้มาก ใกล้ชนิดที่ว่าหากเขาเผลอขยับตัวเพียงนิดปลายจมูกอาจจะชนเข้ากับคนตรงหน้าก็ได้
"เสร็จแล้วใช่มั้ย" ถามเสียงแผ่วขณะที่ใจยังเต้นแรงไม่หาย เขารู้สึกเหมือนจะหมดแรง ต้องเป็นเพราะตอนยื้อแย่งประตูกันก่อนหน้านี้แน่ๆ
"อืม เสร็จแล้ว"
"รู้คำตอบที่อยากพิสูจน์หรือยัง"
"คิดว่านะ"
เพ้นท์เม้มปากแน่น พยายามทำใจให้นิ่งทั้งที่มันยากเกินจะควบคุม คำตอบที่ทัพรู้เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน
"บอกกูได้มั้ย"
"มั้งนะ"
ยิ่งพูดคุยระยะห่างก็ยิ่งลดลง ทัพขยับเข้าใกล้จนริมฝีปากพวกเขาแทบจะสัมผัสกัน และถ้าหากเพ้นท์ยังถามด้วยความสงสัยไม่เลิกล่ะก็ เขาคงต้องผิดคำสัญญาเพราะโดนรั้งให้ตอบคำถามทั้งที่ความอดทนหมดไปนานแล้วแน่ๆ
"งั้น..."
พูดยังไม่ทันจบคำแรกดีด้วยซ้ำทัพก็จูบปิดปากคนช่างถามเสีย เขายันมือทั้งสองข้างไว้กับผนังห้องน้ำ ไม่มีส่วนใดของร่างกายสัมผัสตัวเพ้นท์นอกจากริมฝีปาก เรื่องนี้จะโทษเขาฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ หากเพ้นท์ไม่เอาแต่ถาม เขาคงเดินออกไปตั้งแต่แน่ใจในเรื่องที่อยากพิสูจน์แล้ว
จูบดูดดื่มลึกซึ้งเพราะเกินจะห้ามอารมณ์ไว้ได้ ทัพตั้งใจแต่ไม่คิดว่าเพ้นท์จะคล้อยตาม รูมเมทตัวบางจูบตอบคล้ายกับอยากเอาอกเอาใจ เปิดทางให้เขาได้ทำตามต้องการโดยไม่ขัดขืน ล่วงเลยยาวนานเกือบนาที ต้องใช้ความพยายามในการหักห้ามใจอย่างมากเพื่อผละออกจากกัน ก่อนที่มันจะเกินเลยไปมากกว่านี้
"ไหนว่าจะไม่โดนตัวไง" คนที่ไร้อาภรณ์อยู่บนตัวถามเสียงกระเส่า ไม่ได้ตั้งใจยั่วแต่เพราะหมดแรงจบแทบยืนไม่ไหว อยากจะโทษความใจง่ายของตัวเองเหมือนกันแต่ต้องโทษทัพเพราะฝ่ายนั้นเป็นคนเริ่มก่อน
"กูขอโทษ มึงอาบน้ำไปเถอะ"
ต้องบอกว่าเป็นการเดินจากมาอย่างจำใจ เห็นสภาพรูมเมทที่โดนเขาไล่ต้อนแล้วทัพอยากจะเดินกลับเข้าไปกอดแน่นๆ เป็นการปลอบขวัญ แต่ที่ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะมันคงไม่จบแค่การกอดธรรมดาอย่างแน่นอน
ทันทีที่ประตูห้องน้ำปิดลงเพ้นท์ก็ทรุดตัวลงนั่งอย่างหมดแรง เขาหยิบผ้าขนหนูที่กองอยู่บนพื้นขึ้นมาคลุมตัว ใจยังสั่นไม่หาย ไหนจะอารมณ์ที่โดนไอ้รูมเมทจอมกวนประสาทปลุกเร้าขึ้นมาอีก เป็นแบบนี้คงต้องนั่งจัดการกับตัวเองก่อนถึงจะลุกขึ้นมาอาบน้ำได้
ใช้เวลานานหลายนาทีกว่าเพ้นท์จะจัดการตัวเองเรียบร้อยและออกมาจากห้องน้ำ เขารีบเดินไปหน้าตู้เสื้อผ้าหยิบชุดนอนมาใส่โดยไม่สนใจมองรูมเมทที่นอนเล่นมือถืออยู่บนเตียง เรื่องการพิสูจน์หรือคำตอบอะไรนั่นก็ไม่อยากรู้แล้ว เพราะตอนนี้แค่หันไปสู้หน้ายังทำใจลำบาก
แต่งตัวเสร็จเพ้นท์ก็กระโดดขึ้นเตียงห่มผ้าจนมิดหัว ทำตัวแปลกไปจนทัพไม่สามารถทนดูอยู่เฉยๆ ได้ เลยวางมือถือแล้วลุกไปนั่งบนเตียงข้างๆ ทำเอารูมเมทขี้ตกใจสะดุ้งอยู่ใต้ผ้าห่ม
"มึงไม่อยากรู้แล้วเหรอว่ากูพิสูจน์เรื่องอะไร" ทัพเพียงแค่ถาม ไม่ได้ดึงผ้าห่มออกหรือบังคับให้เพ้นท์ลุกขึ้นมาคุยด้วย แต่เมื่อเห็นว่าอีกคนยังเงียบเลยพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เหลือบมองโฟโต้บุ๊คที่วางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือแล้วอมยิ้มบางๆ
เอาเถอะ ถึงเพ้นท์จะไม่ตอบเขาก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาเอง
"มึงเงียบ งั้นกูจะคิดว่ามึงยังอยากรู้ก็แล้วกัน"
"..."
"กูแค่อยากพิสูจน์ว่ามึง...กับนายแบบในโฟโต้บุ๊คเป็นคนเดียวกันหรือเปล่า"
คนในผ้าห่มขยับยุกยิกเรียกรอยยิ้มจากทัพให้นึกอยากแกล้งขึ้นมาอีกครั้ง แต่เพราะกลัวว่าคนขี้ตกใจจะเตลิดไปเสียก่อนเลยต้องหยุดยั้งความคิดนั้นไว้ และพูดในสิ่งที่ต้องการให้ฟังจริงๆ
เรื่องนายแบบในโฟโต้บุ๊คเล่มนั้น
"แล้วกูก็คิดว่ามึงกับนายแบบคนนั้น..."
"..."
"เป็นคนเดียวกัน"
ผ้าห่มถูกเปิดออกโดยเจ้าของเตียงเมื่อสิ้นคำ เพ้นท์ยันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าตาเคร่งเครียดจนเหมือนคนจะร้องไห้
จบแล้วความลับที่รักษามาได้แรมปี ความแตกเพราะโฟโต้บุ๊คกับอาการตื่นตูมของตัวเอง
"เราต้องคุยกัน"
"กูก็อยากจะคุยกับมึงเหมือนกัน"
ในเมื่อความแตกขนาดนี้ให้แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อไปก็คงไม่ได้ เพ้นท์ตั้งใจจะคุยกับทัพให้รู้เรื่อง ตกลงกันให้เด็ดขาดไปเลยว่าจะเอายังไง
ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้จะมีคนรู้มากกว่านี้ไม่ได้เด็ดขาด
ไม่บ่อยนักที่บรรยากาศในห้องนี้จะเคร่งเครียดเท่าคืนนี้ เพ้นท์นั่งพิงหัวเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมตัว ส่วนทัพยังนั่งอยู่ข้างเตียงเหมือนเดิม แต่ในมือนั้นมีโฟโต้บุ๊คของ FxxanPxx ถือไว้อยู่
"ทำไมถึงคิดว่าเป็นกู" เพ้นท์เป็นฝ่ายเริ่มถามก่อนหลังจากเขาทั้งคู่เงียบกันอยู่นาน
ทัพหันกลับมามองก่อนเปลี่ยนเป็นนั่งขัดสมาธิเพื่อเผชิญหน้า เขาวางโฟโต้บุ๊คไว้ตรงกลางแล้วเริ่มเปิดมันทีละหน้า โชว์ภาพวาบหวิวเห็นสัดส่วนใต้ร่มผ้าที่เจ้าของเรือนร่างนั้นต้องเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากมอง เขาเปิดมันไปเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ที่หน้าหน้าหนึ่ง มันเป็นภาพที่โชว์หลังไปจนถึงสะโพกซึ่งไร้อาภรณ์ใดๆ ปกปิด
"รูปนี้" เมื่อทัพบอกเพ้นท์ถึงได้หันกลับมามอง แล้วก็ต้องแปลกใจที่แผ่นหลังซึ่งไม่น่าบ่งบอกตัวตนได้กลับทำให้ทัพเกิดความสงสัย
"ทำไม"
"ที่จริงมันดูคล้ายมึงทุกรูปนั่นแหละ สีผิว กับหุ่นประมาณนี้ แต่เพราะขี้แมลงวันที่ต้นคอขวากับไฝที่เอวข้างซ้ายนั่นแหละที่ทำให้กูมั่นใจ"
เพ้นท์เบิกตากว้างอย่างลืมตัวคว้าโฟโต้บุ๊คขึ้นมาดู แล้วก็พบว่ามีตำหนิตรงจุดที่ทัพบอกไว้จริงๆ เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าให้อภัยของเอฟเพื่อนรักแท้ๆ เขาคิดว่ามันจะรีทัชจุดพวกนี้ออกหมดเสียอีก แต่ดันเหลือตำหนิให้โดนจำผิดจนได้
"แล้วก็ท่าทางลนๆ ของมึงด้วย ตอนนี้ก็ใช่" ทัพบอกกลั้วหัวเราะ เขาจะไม่สงสัยเลยถ้าเพ้นท์ไม่แสดงพิรุธขนาดนั้น โดยเฉพาะหลังจากวันที่เห็นเขาสั่งโฟโต้บุ๊คมา จากที่คิดว่าแค่คล้ายเลยปักใจเชื่อเกินแปดสิบเปอร์เซ็นต์ว่าอาจจะใช่ แล้วทุกอย่างก็มาเฉลยในวันนี้
เพ้นท์ฟังแล้วได้แต่โยนโฟโต้บุ๊ควางไว้ตามเดิม
"ยังไม่หมด นี่ก็สะดือกับพุงมึง แบบนี้เลย"
ว่าแล้วทัพก็เปิดไปอีกหน้าที่เห็นรูปหน้าท้องอย่างชัดเจน
"ส่วนนี่ก็หัวนมมึง"
ก่อนเปิดถัดไปอีกหน้าที่นายแบบใส่เสื้อเชิ้ตแต่ก็หลุดลุ่ยจนเห็นหน้าอก
"แล้วตรงนี้ก็ก้นมึง"
"พอๆ พอแล้ว" ไม่อยากจะฟังต่อเพ้นท์เลยปิดหน้าโชว์ก้นที่ทัพเพิ่งเปิดเจอ รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบไปหมด ยอมรับเลยว่าอาย
"ชื่อ FxxanPxx ก็กูเดาว่าน่าจะมาจากชื่อเอฟกับมึง"
พ่ายแพ้แล้วทุกอย่าง งานของพวกเขาบ่งบอกตัวตนแม้กระทั่งชื่อ
"สรุปยอมรับแล้วใช่มั้ย"
เพ้นท์ไม่ตอบแต่ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวแทน ทั้งที่บอกกับตัวเองแล้วว่าจะยอมรับแล้วคุยตรงๆ แต่พอเอาเข้าจริงกลับไม่กล้า มันอายเกินกว่าจะพูดต่อหน้าไอ้รูมเมทบ้านี่ว่าเขาคือนายแบบวาบหวิวคนนั้น
"เพ้นท์"
"ให้เวลากูทำใจหน่อย"
"มึงจะอายอะไรวะ ทำมาขนาดนี้แล้ว ตอนแก้ผ้าถ่ายไม่อายหรือไง"
"กูจะอายเพราะมึงพูดแบบนี้นี่แหละ"
"มึงคิดมากว่ะ กูขอโทษ เลิกอายได้แล้ว"
ทัพดึงผ้าห่มที่เพ้นท์คลุมหัวไว้ลวกๆ จนหลุดออก เห็นหน้าแดงๆ ที่พยายามหันหนีตอนสบตากับเขาแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม ระแวงกันขนาดนี้ไม่เชื่อใจในตัวเขาเลยสินะ
"กูไม่เค้นมึงเรื่องรูปแล้วก็ได้ แต่ไหนมึงบอกมีเรื่องจะคุยกับกูไง มีอะไรก็ว่ามาเลย"
ถึงบอกว่าจะไม่พูดเรื่องรูปแต่สุดท้ายมันก็ต้องวกเข้าเรื่องรูปอยู่ดี เพ้นท์สงบสติอารมณ์ก่อนหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออก บอกตัวเองให้หยุดอายกับเรื่องหยุมหยิมแค่นี้ เมื่อกี้ก็แก้ผ้าให้ดูไปแล้ว ไหนจะจูบกันอีก ไม่รู้จะทำตัวเขินอายอีกไปทำไม
"กูมีเรื่องจะขอมึง"
"ว่า"
"อย่าบอกใครเรื่องนี้ได้มั้ย"
"เรื่อง?"
"ไอ้ทัพ!" เบื่อจริงๆ พวกแกล้งทำเป็นไม่รู้ ถ้าไม่ติดว่าต้องขอร้องเขาจะเติมสัตว์เลื้อยคลานนำหน้าชื่อมันด้วย
"มึงก็พูดมาให้ชัดๆ สิวะ กูจะได้เข้าใจแบบถ่องแท้"
ใจอยากจะด่าแต่ก็ทำได้แค่ฮึดฮัดใส่ อยากเข้าใจแบบถ่องแท้ก็ไปบวชเลยไป
"เรื่องที่กูถ่ายแบบอ่ะ มึงอย่าไปบอกใครนะ กูไม่อยากให้ใครรู้"
"ตอนนี้มีคนรู้กี่คน"
"แค่เอฟกับมึง"
"ไอ้เอฟเป็นตากล้องจริงๆ สินะ"
"เออ"
"งี้มันก็เห็นมึงแก้ผ้าหมดแล้วดิ"
"ไอ้สัด อย่าออกนอกประเด็น" ถึงจะเรื่องเดียวกันแต่มันคนละหัวข้อย่อย ฉะนั้นเรื่องความลับกับเรื่องแก้ผ้านับเป็นคนละเรื่อง
"คนละประเด็นที่ไหนวะ ก็เรื่องมึงทั้งนั้น"
"ข้ามๆ ไปสิโว้ย กูขอแค่มึงอย่าบอกใคร ตอบมาได้ไม่ได้"
"นี่คือการขอร้อง?"
"ทัพ" กัดฟันเรียกแบบสุดจะทน เพ้นท์กำมือแน่นไม่ให้ตัวเองเผลอพุ่งเข้าไปต่อยปากคนกวนประสาท ถ้ายังคุยด้วยคำพูดไม่รู้เรื่องคงต้องจบด้วยกำลัง แม้โอกาสชนะจะมีน้อยแต่ขอสักหมัดก็ยังดี
"เวลาขอร้องมึงต้องพูดดีๆ สิวะ"
"มึงอย่าบอกเรื่องนี้กับใครได้มั้ยทัพ กูขอร้อง"
"แล้วกูจะได้อะไรตอบแทน"
เพ้นท์ทึ้งหัวเองอย่างสุดจะทน จ้องหน้ารูมเมทตัวแสบแล้วถอนใจใส่แรงๆ บอกให้รู้ว่าตอนนี้เขาเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องคุยกับคนช่างต่อรอง
"ว่าไง"
"มึงก็จูบกูไปแล้วนี่" โพล่งออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะไม่รู้ว่ามันจะเรียกว่าสิ่งตอบแทนได้หรือเปล่า แต่เมื่อดูจากสีหน้าคนฟังแล้วไม่น่าจะได้
"แค่จูบ"
"แล้วมึงจะเอาอะไร"
"มึง" ทัพบอกแล้วชี้นิ้วไปที่เพ้นท์ ยกยิ้มร้ายระดับที่สามารถสร้างความหวาดผวาจนอีกคนหน้าเสีย
"ไอ้ทัพ! เอาดีๆ"
"ก็ดีแล้วนี่ไง"
"ไม่ดีโว้ย! ไอ้บ้า! ไอ้ประสาทกลับ! ไอ้เหี้ย!"
เหมือนว่าวันนี้ทัพจะโดนด่าเยอะจนชิน เลยได้แต่นั่งยิ้มรับอย่างไม่สะทกสะท้าน อีกอย่าง เขาชอบเวลาเพ้นท์แสดงความรู้อื่นๆ นอกจากทำหน้านิ่ง โดยเฉพาะตอนนี้ที่อารมณ์แปรปรวนเป็นพิเศษ
"เพ้นท์ ใจเย็นดิมึง"
"คุยกับมึงไม่รู้เรื่องกูไม่เย็นแล้ว!"
"งั้นเอางี้ กูให้มึงเลือกสองข้อ ยอมกูตอนนี้ หรือยอมให้กูไปดูตอนมึงถ่ายแบบครั้งหน้า"
"กูไม่เอาทั้งสองข้อ! ไม่เอาาาา!!" เพ้นท์ปฏิเสธเสียงดังโวยวาย ให้เลือกแบบนี้ขอกัดลิ้นตายตรงนี้ยังดีกว่า ไม่ว่าข้อไหนเขาก็เสียเปรียบ
"แล้วมึงจะเอาไง อยากให้กูไปบอกคนอื่น?"
"เพื่อเพื่อนไงทัพ รักษาความลับเพื่อเพื่อนแค่นี้ไม่ได้เหรอวะ ทำไมต้องมีอะไรตอบแทน ถามจริง มึงอยากได้กูนักเหรอถึงยื่นข้อเสนอนี้มา มึงอยากจะเอากูเนี่ยนะ"
ทัพนิ่งไปเมื่อได้ฟัง เพ้นท์คงหมดหนทางจะต่อรองแล้วถึงได้พูดแบบนี้ ให้รักษาสัญญาเฉยๆ โดยไม่มีสิ่งตอบแทนก็ใช่ว่าเขาจะทำไม่ได้ ที่พูดไปก็แค่อยากจะแกล้งเล่น ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ก็หวังว่ามันจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้บ้าง
"ถ้ากูตอบว่าใช่ล่ะ"
"ทัพ ไม่เล่นดิวะ ต้องให้บอกกี่ครั้งว่ากูจริงจัง"
"แล้วทำไมมึงไม่เชื่อบ้างว่ากูก็จริงจัง"
"จริง...เหรอวะ"
ไร้คำตอบ และไร้คำถามอีกมากมายที่เพ้นท์สงสัยเพราะไม่กล้าถามออกไป ใจหนึ่งเริ่มหมดความเชื่อถือ แต่อีกใจก็ค้านว่ามันอาจไม่เป็นอย่างที่คิด คนที่เห็นรูปเขาแล้วอยากได้มันจะมีสักกี่ประเภทกัน ถ้าไม่คิดเข้าข้างตัวเอง ทัพก็เหมือนคนทั่วไป ที่เห็นรูปพวกนั้นแล้วก็เกิดความใคร่ในตัวเขา
"มึงแค่อยากได้กูเหรอทัพ มึงคิดแค่นั้นเองเหรอ" เพ้นท์ถามเสียงแผ่วจนคล้ายกระซิบ เขารู้สึกหมดแรงและหมดหวัง นั่งกอดเข่าแล้วซุกหน้าลงไม่อยากรับรู้คำแก้ตัวใดๆ อีก
"เพ้นท์"
เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก เขาจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายและจะไม่ร้องขออะไรอีก ถ้าทัพจะยอมเก็บความลับเอาไว้ไม่บอกใคร ข้อเสนอไหนเขาก็จะทำให้ตามใจเลย
"กูยอมรับว่าเรื่องที่กูทำมันก็ไม่ได้ดีเด่อะไรหรอก ถ่ายรูปโป๊สนองตัณหา คนดูมันก็มีแต่พวกหื่นๆ อยากๆ คงเปิดรูปกูไว้ดูตอนช่วยตัวเอง แล้วมึงล่ะเคยทำหรือเปล่า อยากได้กูนักก็เอาเลย กูยอมก็ได้ ถ้ามึงจะไม่บอกใคร"
"เพ้นท์ ใจเย็นก่อนดิมึง"
"กูเย็นกับมึงมานานแล้วทัพ แต่มึงมันแล้งน้ำใจ ช่วยกูแค่นี้ไม่ได้เหรอ" พูดไปเสียงก็ขาดหายเป็นช่วงๆ เขารู้สึกเจ็บหน้าอก อึดอัดจนอยากจะร้องไห้แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ ให้ตายยังไงก็ไม่มีทางร้องไห้ต่อหน้าไอ้รูมเมทบ้าคนนี้เด็ดขาด
"ถามจริงนะเพ้นท์ มึงไม่เคยแกล้งคนที่ชอบเหรอ"
คำตัดพ้อที่ตั้งใจจะพูดต่อถูกกลืนลงตอเมื่อทัพขัดขึ้นมา พวกเขาสบตากันนิ่ง ทัพเห็นขอบตาแดงๆ ของอีกฝ่ายแล้วนึกอยากจะดึงมากอดปลอบให้หายจากอะไรก็แล้วแต่ที่เขาทำให้รู้สึกไม่สบายใจ แต่เชื่อเถอะว่าทุกการกระทำมันมีเหตุผลของมัน
"แล้วกูต้องทำไงยังไงวะที่รู้ว่าคนใกล้ตัวกลายเป็นนายแบบโป๊ ถอดเสื้อผ้าถ่ายรูปโชว์เรือนร่างให้คนเห็นเป็นแสนๆ มึงคิดว่ากูไม่ตกใจเหรอ บางทีกูก็ทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน"
"..."
"กูก็หวงนะของกูนะ หวงจนอยากเก็บไว้เป็นของตัวเองคนเดียว"
"พูดอะไรของมึง"
"ไม่รู้ว่ามึงแกล้งโง่หรือโง่จริงๆ นะ คือกูต้องพูดให้มันชัดๆ ไปเลยใช่มั้ย"
เพ้นท์เงียบไม่กล้าพูดอะไรต่อ ขณะที่ทัพขยับเข้ามาใกล้แต่เขาหนีไปไหนไม่ได้เพราะตอนนี้ก็นั่งหลังชิดหัวเตียงอยู่แล้ว
"กูต้องพูดใช่มั้ยว่า กูชอบมึง"
"หยุดแกล้งกูสักทีเถอะ" เพ้นท์เบือนหน้าหนี หลบสายตาที่เหมือนจะกลืนกินเขาได้ทั้งตัว ใจที่สงบอยู่นานเริ่มกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
"แล้วกูต้องพูดอีกกี่ครั้งว่ากูไม่ได้แกล้ง"
เพ้นท์ยังไม่ยอมหันกลับมา เขาหลับตาลงทำทีเป็นไม่อยากรับฟังอะไร กระตุ้นให้คนที่ได้ทำลายความเชื่อใจไปแล้วต้องฮึดสู้ เพื่อเรียกความเชื่อใจกลับมาอีกครั้ง
"มึงทำเหมือนไม่รู้จักกูเลยเพ้นท์ มึงคิดว่ากูเป็นคนแบบนั้นจริงๆ เหรอ"
อีกฝ่ายยังนิ่งและไร้ซึ่งคำตอบ ทัพถอนใจเบาๆ แล้วพูดต่อ
"มึงจะเชื่อหรือเปล่าก็แล้วแต่มึงแล้วกัน แต่กูไม่เคยดูรูปโป๊ที่ไม่เห็นหน้าแล้วช่วยตัวเอง เพราะกูจิตนาการจากที่เคยหอมเคยกอดมึงได้ หน้าไร้อารมณ์มีอิทธิพลต่อกูมากกว่าหุ่นแห้งๆ นั่นอีก"
เพ้นท์หันขวับมามองเมื่อฟังจบ เกือบจะดีแล้วเชียวถ้าไม่มีสองประโยคหลัง ก็มันเป็นเสียแบบนี้ จะให้เขาปักใจเชื่อง่ายๆ ได้ยังไง
"อีกอย่าง กูจะหอม จะกอด จะจูบ กับคนที่ไม่รู้สึกอะไรไปทำไมวะ"
"พอแล้วทัพ พอแล้ว" เพ้นท์หลบสายตา เขารู้สึกหมดแรงเกินจะต้านทานอะไรได้แล้ว ปรับอารมณ์ไม่ทัน และไม่อยากรับรู้อะไรอีก
ทัพยอมทำตามที่ขอ เขาวางมือบนหัวเพ้นท์แล้วลูบเบาๆ ก่อนผละออกมา ลุกขึ้นจากเตียงพร้อมกับหยิบโฟโต้บุ๊คเจ้าปัญหานั้นมาด้วย
"มึงนอนเถอะ ฝันดี" บอกเพียงเท่านี้ก่อนหันหลังเดินกลับไปที่เตียงตัวเอง
เพ้นท์ยังนั่งกอดเข่าอยู่ท่าเดิม เขามองตามทัพที่โยนโฟโต้บุ๊คไว้บนเตียงเน่าๆ ของตัวเองก่อนเดินไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าห้องน้ำไป ก้อนเนื้อที่อกข้างซ้ายยังเต้นโครมครามไม่หาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้มันถาโถมหนักจนเกินจะรับไหว
ทัพชอบเขาอย่างนั้นเหรอ มันคือเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันใช่ไหม
คนขี้ตกใจสะดุ้งตื่นกลางดึกเมื่อจู่ๆ พื้นที่บนเตียงก็ถูกบุกรุก แต่เพราะรู้ดีว่าโจรขโมยที่นอนเป็นใคร รวมถึงยังอยู่ในอาการงัวเงียจึงไม่ได้ใส่ใจนัก เมื่อโดนเบียดก็ทำเพียงขยับที่ให้เหมือนทุกครั้ง เมื่อโดนกอดก็อยู่นิ่งๆ ทำตัวเป็นหมอนข้าง ทุกอย่างเป็นไปตามความเคยชิน จนลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องบาดหมางอะไรกันอยู่
ทัพรวบเอวคนที่ยังไม่ตื่นเต็มตาเข้ามากอด คืนนี้ FxxanPxx ไม่ได้อัพรูป แต่สิ่งที่เห็นในห้องน้ำก็ทำให้เขาไม่สามารถทนนอนคนเดียวได้
"ทัพ" พอโดนกอดแน่นเข้าเพ้นท์ก็เริ่มรู้สึกตัว สติสัมปชัญญะกลับมาร่างกายก็ตอบสนองและเริ่มขัดขืนด้วยการดันอีกฝ่ายออกเบาๆ
"แค่กอดเหมือนเดิมไงมึง สัญญาว่าจะไม่ทำอะไร ให้กูนอนกอดมึงนะ"
เสียงกระซิบข้างหูคล้ายความฝัน สัมผัสบางเบาที่หลังและเส้นผมทำให้ยากที่จะต้านทานได้ต่อไป สุดท้ายเพ้นท์ก็ยอมโอนอ่อนให้อีกตามเคย
สับสนแต่ก็ยอม ไม่เชื่อใจแต่ก็ยังยอม เพราะมันทำให้เขารู้สึกดีทุกครั้งที่ถูกกอดแบบนี้
เพราะเป็นทัพ ถึงได้รู้สึกดีขนาดนี้
TBC
ความแตกแล้ววววววว บอกชอบแล้วววววว
ก็แค่คุยกันเฉยๆ เอ๊ง ทำไมมันยาวมากเลยตอนนี้
เอาให้สุดๆ ไปเล้ย นังทัพเอ้ย ไม่รู้จะพูดไรแล้ว
น้องเพ้นท์ลูกแม่ T^T
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่า