Heartbreaker : 11 (ต่อ)
หลังจากเข้ามาในห้อง จัดการเก็บกระเป๋าและตำราเรียนเสร็จ ผมก็เดินไปหยิบหลอดยามานั่งทาบนเตียง นวดคลึงเบาๆตรงบริเวณที่บาดเจ็บมาได้พักใหญ่ ไม่มีร่องรอยบวมช้ำ และอาการปวดก็หายแล้ว ยาของคุณลุงหมอนี่จริงๆ ผมหันไปหยิบถุงขนมที่คุณป้าให้มา เปิดดูก็เห็นกล่องทัพเพอร์แวร์สีใสสองกล่องวางซ้อนกันอยู่ ผมหยิบออกมาดู มีทั้งขนมมัฟฟินและครัวซองท์แยกกันคนละกล่อง ผมยิ้มกับความละเอียดและมีระเบียบของคุณป้า ลุกขึ้นจากเตียงเดินถือกล่องขนมออกจากห้อง ตั้งใจจะเอาไปจัดใส่จาน แต่ยังเดินไปไม่ถึงห้องครัว ร่างสูงก็เดินสวนมา เขาเดินผ่านผมไปโดยไม่หันมามอง ผมมองตามหลังเขา ขมวดคิ้วกับกระเป๋าสะพานหลังใบใหญ่
เขาจะไปไหน?
ผมวิ่งเข้าห้องครัว วางกล่องขนมไว้บนโต๊ะแล้วรีบวิ่งออกไปหน้าประตู พี่แซทกำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าผ้าใบอยู่ ผมเดินเข้าไปหาเขา
“จะไปไหนเหรอฮะ”
ผมถาม มองกระเป๋าบนหลังเขา เพิ่งสังเกตุว่าเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดที่ใส่ออกมาจากบ้านผมเป็นชุดนิสิต วันนี้วันเสาร์ เขาไม่มีเรียนนี่นา แล้วทำไม…
“เดี๋ยวสิฮะ”
ผมจับมือเขารั้งไว้เมื่อเขาลุกขึ้นทำท่าจะเปิดประตูออกไป เขาเงียบ ชักมือกลับไปโดยไม่หันมามองผม เขาเปิดประตู ผมยื่นมือออกไปดึงชายเสื้อเขาไว้
“มีเรียนเหรอฮะ แต่ทำไมถึงแพ็คกระเป๋าใบใหญ่ขนาดนี้”
ผมถามอีก ปกติเวลาเขาออกไปเรียน ผมก็เห็นว่าเขาเดินตัวเปล่าออกจากห้อง หนังสือตำราเรียนของเขาวางกองอยู่หลังรถ ผมไม่เคยเห็นเขาใช้กระเป๋าเลย
“พี่แซท”
ผมเรียกเมื่อเขาตั้งท่าจะเดินไปทั้งๆที่ผมยังจับชายเสื้อเขาไว้อยู่
“ยังไม่หายโกรธผมเหรอ”
ผมถามเสียงเบาพลางกระตุกชายเสื้อเขาด้วย แต่เขาก็ยังเงียบ ไม่ยอมตอบ
“ขอโทษครับ”
ผมปล่อยมือ ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง หวังว่าเขาจะหันกลับมา แต่ผิดคาด เขาเดินออกไป ผมถลาตาม แต่เขาเดินไปไกลแล้ว ผมหยุดมองตามหลังจนเขาเดินหายไปจากสายตา กลับเข้าห้อง เดินเอื่อยๆไปห้องครัว จัดการเอาขนมใส่จาน หันไปเปิดตู้เย็น ยิ้มที่ได้เห็นกล่องขนมสองกล่องวางอยู่ในชั้น พวกเขาคงยังไม่ได้เปิดทานเลยสินะ ผมหยิบขวดน้ำผลไม้รวมออกมาเทใส่แก้วก่อนเก็บเข้าที่เดิม หันกลับมาถือจานขนมกับแก้วน้ำผลไม้เดินออกไปห้องนั่งเล่น ผมวางของไว้บนโต๊ะ นั่งลงบนโซฟา หยิบรีโมทกดเปิดทีวี กินขนมไปด้วย แม้สายตาผมจะมองไปที่จอขนาดใหญ่เบื้องหน้า แต่ความสนใจกลับไม่ได้อยู่ที่นั่น ในหัวผมขบคิดถึงคำพูดของพี่แซท และภาพที่เขาเดินสวนกับผมจนเดินออกจากห้องไป
ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น? ตั้งแต่อยู่กับพวกเขามา ผมไม่เคยได้ยินพวกเขาถามหรือพูดเรื่องนี้เลยสักครั้ง เพราะอะไร? หรือว่าเขาแค่หลุดปาก ไม่น่าใช่ พูดดังออกขนาดนั้น แสดงว่าเขาตั้งใจให้ผมได้ยิน แล้วทำไมเขาไม่ถามต่อหน้าผมล่ะ ทำไมต้องรอให้ผมเดินไปก่อน หรือว่า…
จะเป็นไปได้เหรอ ที่คนอย่างพวกเขา จะกลัวคำตอบจากผม
ตลกน่า พวกเขามีความรู้สึกผิดด้วยเหรอ ผมไม่เคยได้ยินคำขอโทษจากปากของพวกเขาเลยสักครั้ง หลังจากเกิดเรื่องในคืนนั้น แล้วพวกเขาจะแคร์ทำไมว่าผมรู้สึกยังไง
ผมส่ายหน้าขับไล่ความคิดไร้สาระออกจากหัว พุ่งความสนใจไปที่รายการโทรทัศน์ แต่ร่างสูงที่เพิ่งเดินผ่านไปเรียกให้ผมหันไปสนใจเขา
“พี่ควิน”
ผมเรียก แต่เขาไม่หันกลับมา ผมนั่งคุกเข่าวางมือไว้กับผนังโซฟาชะเง้อคอมองเขาเดินหายเข้าไปในห้องครัว สักพัก เข้าก็เดินออกมาพร้อมกระป๋องเบียร์ เขาเดินกระดกน้ำเมาเข้าปากผ่านผมไปโดยไม่หันมามอง ผมยู่ปาก หันกลับมานั่งดูทีวีเหมือนเดิม รู้สึกหงุดหงิดที่พวกเขาทำเมินผมแบบนี้ ปกติเวลาผมเรียกพวกเขาก็จะหยุดมองผม แต่เมื่อกี้และก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่หยุดมองผมเลย จะโกรธอะไรนักหนา ผมแค่หนีกลับบ้าน ไม่ได้หนีไปไหนไกลสักหน่อย หรือยังโกรธที่ผมขอนอนค้างที่บ้าน บ้าชะมัด ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย มันเหมือนกับว่าผมเป็นคนผิด ทั้งๆที่ผมไม่ผิด พวกเขาต่างหากที่เป็นฝ่ายผิด ผิดมาตลอดด้วย
ผมปิดทีวี หมดอารมณ์จะนั่งดูต่อ ลุกขึ้นเดินกลับเข้าห้อง เปิดลิ้นชักหยิบสายชาร์จแบตฯโทรศัพท์มาเสียบชาร์จ ล้มตัวลงนอน ในเมื่อพวกเขาไม่อยากคุยกับผม ผมก็จะไม่คุยกับพวกเขา เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้รู้สึกว่าตัวเองมีอิสระบ้าง ไม่ต้องมีใครมายุ่งวุ่นวายกับชีวิต คอยบังคับผมอยู่ตลอดเวลา
เสียงเอฟเฟกต์เกมส์ที่ผมกำลังเล่นอยู่จู่ๆก็ดับลงไปพร้อมกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ ผมขมวดคิ้วยุ่งงงว่ามันดับไปได้ยังไง ถอนเฮนโฟนออกหันไปมองปลั๊กไฟก็เห็นว่ามันถูกถอดออกไปด้วยฝีมือของร่างสูง
เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?
ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินผ่านเขาไปนั่งบนเตียง หยิบไอพอดบนโต๊ะมาเปิด เสียบหูฟัง ขยับตัวเอนหลังพิงหัวเตียง หลับตาซึมซับเอาท่วงทำนองและเสียงเพลง แต่ฟังไปได้แป็ปเดียวหูฟังทั้งสองข้างก็ถูกดึงออกไป ผมถอนหายใจ ไม่ได้มองหน้าคนขัดขวางความสุขในการฟังเพลง ผมขยับตัวลงนอนตะแคงหันหลังให้เขา หยิบหมอนข้างมากอด แต่ก็ถูกแย่งไปอีก
เขาต้องการอะไรจากผม!
ผมผลิกตัวกลับไปมองพอดีกับที่เขาโน้มตัวลงมาใกล้คล้ายจะคร่อมผมกลายๆ นัยน์ตาสีเฮเซลจ้องผมเขม็ง ผมเองก็มองเขานิ่งเช่นกัน ความเงียบปกคลุมเราสองคน มันเงียบจนน่าอึดอัด จนผมคิดว่าตัวเองคงกลายเป็นหุ่นขี้ผึ้งไปแล้ว จู่ๆคนเบื้องบนก็ผละห่างพร้อมกับดึงแขนผมให้ลุกตามเขาไปด้วย ผมสะบัดแขนออกนั่งลงบนเตียง ไม่สนว่าเขาจะโกรธ จะหงุดหงิดแค่ไหน เพราะตอนนี้ผมก็ไม่พอใจเหมือนกันที่เขาเข้ามาขัดขวางช่วงเวลาที่ผมกำลังมีความสุขอยู่ในโลกของผม
“ลุก”
ผมเลิกคิ้วที่ได้ยินเสียงเขา ในที่สุดเขาก็พูด แม้มันจะเป็นคำสั่งห้วนๆสั้นๆก็เถอะ แต่เขาก็เป็นฝ่ายพูดกับผมก่อน ผมก้มหน้าลอบยิ้ม ไม่ยอมลุก
“ลุกขึ้น”
ถ้าผมยังนั่งเงียบต่อไป เขาจะพูดเยอะขึ้นกว่านี้รึเปล่า
“กูบอกให้มึงลุก”
ผมยิ้ม ก่อนปรับสีหน้าเป็นเรียบเฉย เงยขึ้นมองเขา
“ผมเจ็บขา”
จบคำ เขาเดินเข้ามานั่งตรงหน้าผม จับขาข้างที่ผมเล่นซนจนชนขาเก้าอี้ นวดคลึงเบาๆก็ผละออก
“ทำไมไม่ทายา”
เสียงเข้มถามแกมดุ ผมยิ้มกว้าง โน้มตัวยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขา
“เป็นห่วงผมเหรอ”
ผมถามเสียงเบา เขาเงียบไป ตาคมมองผมนิ่ง ผมเดาว่าเขาคงกำลังสงสัยกับท่าทีและคำถามผม ไม่ได้หวังว่าเขาจะตอบ ผมผละออกมา หันไปมองนาฬิกาตั้งโต๊ะ
“โห! เที่ยงแล้ว ผมนั่งเล่นเกมส์นานเลย เพลินไปหน่อย พี่ควินเข้ามาตามผมไปทานข้าวใช่ไหมฮะ”
ผมหันกลับไปมองเขา
“ตอบ”
ผมเลิกคิ้วสูง ไม่ได้งงกับคำสั่งเขา ผมเข้าใจ ว่าเขาต้องการให้ผมตอบอะไร แต่ผมอยากจะลองหยั่งเชิงเขาดู
พอผมเงียบ เขาก็เงียบ นัยน์ตาสีเฮเซลของเขาแข็งกร้าวขึ้น เขากำลังกดดันให้ผมรีบตอบ ผมระบายลมหายใจยาว แกว่งขาไปมา
“ผมทายาแล้วฮะ หายเจ็บแล้ว”
ผมยิ้มตอบ ใบหน้าหล่อเหล่ายังคงเรียบเฉย มีเพียงแววตาที่เพิ่มความแข็งกร้าว เขาลุกขึ้น ก้าวเข้ามาใกล้ มือใหญ่บีบกระพุ้งแก้มผม
“มึงกล้าโกหกกู”
เสียงแข็งดังอยู่เหนือศีรษะ ผมพยายามส่ายหน้า แต่เขากลับบีบแรงขึ้น
“อยากเจ็บตัว”
ผมตาโตกับคำพูดข่มขู่ของเขา กำลังจะยกมือขึ้นจับชายเสื้อเขา แต่เขาปล่อยมือออกไปก่อน พอจะอ้าปากพูด เขาก็ผลักผมนอนราบลงไปแล้วตามขึ้นมาทาบทับผมไว้
“พี่ควิน”
“หุบปาก”
“ผมแค่…อื้อ!”
ผมส่งเสียงประท้วงกับแรงขบเม้มที่ซอกคอทั้งซ้ายและขวา หายใจหอบกับร่างกายแข็งแกร่งที่บดเบียดแนบชิดจนผมดิ้นไม่ได้
“พี่ควิน ผมเจ็บ”
ผมบอกเสียงแผ่ว หันหน้าหนีการรุกราน
“มึงจะเจ็บมากกว่านี้”
“ต้องเจ็บแค่ไหน ให้ผมเจ็บเจียนตายเลยใช่ไหม ถึงจะพอใจ”
แรงเคลื่อนไหวบนตัวผมหยุดลง เขาผละออกจากซอกคอ ผมค่อยๆหันหน้ามามองเขา ส่งสายตาตัดพ้อย้ำเตือนให้เขานึกถึงอดีตที่เขาทำร้ายผม
“หรือจะใช้ยากระตุ้นกับผมอีก”
ผมพูดต่อ มองสบสายตาคมนิ่งงัน ภาพเหตุการณ์ในวันที่เขาใช้ยากระตุ้นกับผมฉายชัดขึ้นในความทรงจำ เสียงสั่นพร่าของผมยังแจ่มชัดก้องกังวานอยู่ในหัว
ผมได้ยินเหมือนเสียงขบกรามแน่น ราวกับเขากำลังอดกลั้นอารมณ์โทสะไว้สุดกำลัง ก่อนเขาจะผละห่างออกไป ผมนอนหายใจหอบ หลับตาแน่น พยายามสั่งตัวเองให้หยุดคิดถึงเรื่องราวในอดีต
“เปลี่ยนชุด”
ผมลืมตา หันไปมองเขาที่ยืนหันหลังให้ ยันตัวลุกขึ้นนั่ง
“จะไปไหนเหรอฮะ”
พอผมถาม เขาก็เดินออกจากห้องไปเลย ผมถอนหายใจ ปลงกับภาวะอารมณ์ขึ้นๆลงๆของเขา
ผมเดินออกจากห้องหลังจากเปลี่ยนชุดเสร็จ ได้ยินเสียงรายการโทรทัศน์ แสดงว่าพี่ควินคงกำลังนั่งรอผมอยู่ในห้องนั่งเล่น ผมเดินเข้าไป ได้กลิ่นบุหรี่ลอยคละคลุ้ง ผมยกมือปิดจมูกพอดีกับที่เขาหันกลับมา ผมทันเห็นตาคมกระตุกวูบอยู่แวบนึงก่อนที่เขาจะโยนมวนบุหรี่ทิ้งในจานรองคริสตัล ผมยิ้ม เดินเข้าไปหาเขา
“จะออกไปทานข้าวข้างนอกเหรอฮะ”
เขาไม่ตอบ ผมยู่ปาก ยื่นมือออกไปจับชายเสื้อเขาไว้ ผมกรอกตาไปมาแสร้งทำไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเขาหันมาขึงตาดุใส
“รีบไปเถอะฮะ ผมหิวแล้ว”
ผมยิ้มบอก เขาเดินไป ผมก็เดินจับชายเสื้อเดินตามเขา
“ปล่อย”
เขาหันมาสั่งผมพอดีกับที่ประตูลิฟต์เลื่อนเปิด ผมส่ายหน้าจับชายเสื้อเขาแน่นขึ้น มือใหญ่จับมือผมดึงออก ผมก้มหน้างุด แต่ไม่นานมือใหญ่ก็ยื่นเข้ามาจับมือผมกุมไว้พาเดินเข้าไปในลิฟต์ ผมยิ้ม เงยขึ้นมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของเขา
ผมเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง ที่ผ่านมา ผมมองข้ามพวกเขาไปหลายอย่าง ถ้าผมหยุดคิดและใส่ใจพวกเขาสักนิดเหมือนอย่างวันนี้ ผมคงได้รู้ไปนานแล้ว ว่าพวกเขาก็แคร์ผมเหมือนกัน
----------------------------------------------------------------------------------------
มาอัพแล้วค่ะ
ต่อจากตอนที่แล้วนะ หวังว่าคงไม่งงกัน
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นท์และการติดตามนะคะ
เห็นมีคนอ่านกลัวว่าความดาร์กของควินกับแซทจะลดลง
ไม่ต้องกลัวนะคะจุดนี้ ความดาร์กมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว
คิดตามหลักความเป็นจริงเน้อ คนเราไม่ได้มีอยู่อารมณ์เดียว
ทุกคนต่างก็มีหลากหลายอารมณ์ แล้วแต่สถานการณ์และการแสดงออก
และบังเอิญว่าพระเอกเรื่องนี้มันเก็บงำซ่อนเร้นความรู้สึกเก่ง เหอๆ
แต่พอเจอช่วงเวลาที่สุดจะทน ความรู้สึกมันจุกอก ก็ต้องเปิดเผย
หลุดความเป็นตัวตนของตัวเองออกมาบ้าง เชื่อว่าคนเราก็มีมุมแบบนี้กันทุกคน
ยังไงก็ขอบคุณมากๆค่ะ ที่แสดงความคิดวิเคราะห์วิจารณ์ตัวละคร
พร้อมทั้งเดาเรื่องไปด้วย มันทำให้คนแต่งมีแรงกระตุ้น ขยันแต่งไปด้วย
ช่วงนี้เปิดเทอมแล้ว ถ้าคนแต่งหายหัวไปนานก็ไม่ต้องสงสัยนะคะ
อาจจะมาอัพช้า แต่จะไม่ทิ้งไปแน่นอน อย่างที่เคยสัญญาไว้แล้ว
เจอกันตอนหน้าแบบยาวๆค่ะ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ
ด้วยรักและห่วงใย
New-Y Holic