2
ครั้นจะปฏิเสธไม่ให้ค้างก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงเจ้านายแถมสาเหตุที่ต้องติดฝนก็เพราะแวะมาส่งภัทรที่บ้าน ทำให้เขาต้องปล่อยให้คุณภาสกรหลบฝนอยู่ในบ้านตัวเองสักพัก ระหว่างรอให้ฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดกระหน่ำง่าย ๆ ภัทรก็ตัดสินใจไปชงชาร้อน ๆ ให้คุณภาสกรอีกสักแก้ว ดีกว่าเราจะมานั่งมองหน้ากันแก้เก้อ
“ขอบคุณครับ ถ้าคุณง่วงนอนก็ขึ้นไปนอนได้เลยนะ ผมไม่ขโมยของในบ้านคุณหรอก ถ้าฝนหยุดแล้วผมจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด” คุณภาสกรว่าพร้อมกับรับถ้วยชาจากของมือภัทร
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะครับ ที่คุณภาสกรติดฝนก็เพราะมาส่งผมนี่นา” ภัทรว่าพร้อมกับมองไปทางหน้าต่างเพื่อดูท่าทีของฟ้าฝนข้างนอกอีกครั้ง ตอนนี้ฝนก็กระหน่ำลงมาได้เกือบยี่สิบนาทีแล้ว แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่าย ๆ เลย
“เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่าครับ” ธนภัทรว่า นอนน้อยสักคืนเพื่ออยู่เป็นเพื่อนคุณภาสกร คงไม่ใช่เรื่องหนักหนาเกินไปสำหรับเขา
เราต่างฝ่ายต่างเงียบ มีเพียงแค่เสียงสายฝนที่โปรยกระหน่ำลงมาเท่านั้นที่ทำให้หูเราไม่ว่างจนเกินไป ความกระอักกระอ่วนเกิดขึ้นระหว่างเราอีกครั้ง ภัทรมองไปอีกทาง คุณภาสกรเองก็มองอีกทาง เรานั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน แต่ไม่พูดกันสักประโยค ต่างฝ่ายต่างไม่รู้จะชวนคุยเรื่องอะไรดี เพราะเรื่องที่อยากรู้ก็ถามไปให้ห้องคาราโอเกะไปหมดแล้ว
“สงสัยพายุเข้า จวนจะตีสองอยู่แล้ว ยังไม่มีท่าทีหยุดง่าย ๆ เลย” หลังใช้เวลาเค้นสมองอยู่นาน ในที่สุดภัทรก็ได้คำตอบแล้วว่าจะชวนคุณภาสกรคุยเรื่องอะไร
“คงงั้นมั้งครับ ช่วงนี้ผมก็ไม่ได้ตามข่าวกรมอุตุฯอยู่ด้วย”
“ดูท่าฝนอาจจะตกถึงเช้า….งั้นคืนนี้คุณภาสกรค้างที่บ้านผมก่อนดีกว่าไหมครับ” ธนภัทรตัดสินใจถามออกไป หลังคิดอยู่นานว่าควรชักชวนคุณภาสกรนอนค้างที่นี่ดีไหมและดูท่าแล้วฝนคงไม่หยุดตกในเร็ว ๆ นี้ด้วย
ตัวภัทรยังไงก็ได้ เขาแค่เสนอทางเลือกอีกทางให้คุณภาสกรเท่านั้น หากคุณเขาไม่อยากค้างตามคำชวน ภัทรก็จะนั่งอยู่เป็นเพื่อนเหมือนเดิม แต่หากคุณเขาจะค้าง ภัทรจะได้รีบไปจัดที่นอนเตรียมไว้ให้คุณเขา เพราะตอนนี้มันก็ดึกมากแล้วอีกอย่างภัทรเองก็เริ่มง่วง
“ฝนคงไม่หยุดตกง่าย ๆ ตามที่คุณพูดจริงด้วย” ว่าจบคุณเขาก็ทำท่ามองฟ้าฝนข้างนอก ก่อนจะหันมาสบตากับเจ้าของบ้านตัวเล็กอีกครั้ง
“......”
“งั้นคืนนี้ผมขอรบกวนคุณภัทรอีกสักเรื่องแล้วกันนะครับ”
“ได้ครับ.....งั้นคุณภาสกรรอผมอยู่ข้างล่างสักสิบนาทีนะครับ ผมขอไปจัดการเตรียมที่นอนข้างบนก่อน”
หลังได้ข้อสรุปแล้วว่าคุณภาสกรจะอยู่ค้างที่นี่สักคืนหรือรอจนฝนหยุดตกก่อนแล้วค่อยกลับ ธนภัทรจึงขอตัวขึ้นไปชั้นบนของบ้าน เพื่อไปเตรียมที่นอนให้กับคุณเขาและเตรียมพวกผ้าเช็ดตัว ข้าวของเครื่องใช้ชุดใหม่ เผื่อคุณภาสกรอยากจะอาบน้ำก่อนนอน
ภัทรตัดสินใจแล้วว่าจะให้คุณภาสกรนอนค้างห้องตัวเอง ส่วนเขาจะไปนอนกับหลานสักคืน สิ่งที่ภัทรต้องทำเป็นสิ่งแรกหลังจากตัดสินใจเช่นนั้นก็คือเขาต้องเก็บหลักฐานความชอบหลาย ๆ อย่างของตัวเองที่ยังไม่เข้าที่เข้าทางให้มันไปอยู่ในที่ ๆ ที่ควรอยู่อย่างเช่นในตู้สะสม
ต้องยอมรับว่าบางครั้งช่วงเงินเดือนออกใหม่ ๆ ภัทรก็หน้ามืดซื้อของอย่างไร้ขอบเขตอยู่หลายครั้ง จนของบางอย่างภัทรซื้อมา จนถึงป่านนี้เขายังไม่มีเวลาได้เปิดมันด้วยซ้ำ มันจึงถูกวางอยู่ข้างนอก ไม่ได้เก็บเข้าตู้สะสมอย่างที่ควรจะเป็น
บางกล่องรู้ว่าข้างในเป็นอะไร ใครส่งมาให้ก็ถูกลัดคิวเปิดก่อน บางกล่องมาถึงเป็นเดือนแล้ว เขายังไม่มีเวลาได้แกะมันด้วยซ้ำ ดังนั้นวันนี้ภัทรจึงได้ฤกษ์เคลื่อนย้ายพวกมันเสียที เขายังไม่เปิด แต่เก็บเอาเจ้ากล่องพัสดุทั้งหลายไปกองไว้ในที่ ๆ ควรจะอยู่ นั่นก็คือข้างตู้สะสม
ภายในห้องนอนของภัทรถูกแบ่งออกเป็นสัดเป็นส่วน ไม่ว่าจะเป็นมุมทำงาน มุมพักผ่อนและมุมสะสมของรักของหวงของตัวเอง ห้องของภัทรไม่ได้กว้างมากมาย เขาใช้เวลานานอยู่เหมือนกัน กว่าจะแบ่งสรรปันส่วนให้มันลงตัวเช่นนี้
หลังจากเก็บข้าวของและจัดที่นอนใหม่แล้ว เขาก็กวาดสายตารอบ ๆ ห้องอีกครั้ง เพื่อตรวจตราว่าตัวเองได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้อีกหรือเปล่า
ที่ภัทรต้องเก็บทุกอย่างไว้เช่นนี้ เพราะเขาไม่อยากให้คุณภาสกรรู้ความชอบของตัวเอง มันเป็นความชอบที่ค่อนข้างส่วนตัวในความคิดของภัทร ความชอบของใครของมันและเขาไม่อยากให้คุณภาสกรคิดไปต่าง ๆ นานา หลังจากเห็นความชอบส่วนตัวของเขา ดังนั้นภัทรควรตัดปัญหาตั้งแต่ต้นน่าจะดีกว่า ขนาดเจ้าโอ๊ต ภัทรยังไม่อยากให้มายุ่งเลย เมื่อมั่นใจว่าตัวเองไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรแล้ว ภัทรก็ลงไปเรียกคุณภาสกรให้ขึ้นมา
“ห้องผมมันอาจจะคับแคบไปหน่อยนะครับ” ภัทรออกตัว บอกคุณภาสกรให้เตรียมใจไว้ก่อน ห้องนอนของเขาคงไม่ได้กว้างขวางเทียบเท่าห้องที่คุณเขาเคยอยู่มาแน่ ๆ
“ไม่เห็นเป็นอะไรเลยครับ ผมไม่ใช่คนติดหรูนะ” คุณภาสกรว่าพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นเจ้าของบ้านเข้าไปในห้องนอนติด ๆ
ดวงตาคมกวาดสายตามองรอบ ๆ ห้องนอนขนาดน่ารักของธนภัทร ไม่ได้แสดงท่าทีอึดอัดหรือทำท่าจะอยู่ไม่ได้อย่างที่ภัทรกังวลเอาไว้ นั่นทำให้พนักงานตัวเล็กถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“ห้องคุณไม่เห็นจะคับแคบเลยครับ ก็เหมาะสมกับขนาดตัวคุณนั่นแหละ”
“นี่คุณจะบอกว่าผมตัวเล็กเหรอครับ”
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แค่บอกว่าห้องนอนก็สมกับขนาดตัวคุณ”
“ก็ห้องนอนผมมันเล็ก”
“เอาเป็นว่าคุณจะเข้าใจยังไงก็ได้ที่จะไม่ทำให้คุณโกรธผม” คุณภาสกรว่าพร้อมเผยรอยยิ้มอีกครั้ง ก่อนที่ชายหนุ่มจะถือวิสาสะนั่งตรงปลายเตียง
“เฮ้อ....แล้วนี่คุณจะอาบน้ำเลยไหมครับ” ภัทรเอ่ยถามอีกครั้ง
“ก็ว่าจะอาบเลยครับ ตอนนี้ผมเริ่มครั่นเนื้อครั่นตัวแล้ว”
“โอเคครับ ผมเตรียมของไว้ในห้องน้ำให้แล้วนะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวไปนอนห้องหลานก่อนนะครับ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงผมต้องตื่นไปทำงานแล้ว” ธนภัทรว่าต่อ ทำท่าจะขอตัวออกจากห้องไป แต่ถูกคุณภาสกรรั้งเขาไว้ด้วยเสียงเสียก่อน
“อ้าว ผมก็นึกว่า....”
“นึกว่าอะไรครับ” ธนภัทรถามต่อพร้อมกับทำหน้างง
“ก็นึกว่าคืนนี้เราจะนอนด้วยกัน”
“โอ๊ต...โอ๊ตครับ เปิดประตูให้น้าหน่อย”
“......”
“โอ๊ตครับ.....”
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก! ธนภัทรไม่ว่าเปล่า แต่เคาะประตูพร้อมกับเรียกชื่อหลานไปด้วย หลังตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าคืนนี้เขาจะนอนห้องหลาน ส่วนห้องตัวเองก็ยกให้คุณภาสกรชั่วคราว ตอนนี้ความแรงของฝนก็ยังคงสม่ำเสมอ ไม่มีท่าทีจะหยุดตกง่าย ๆ มีบ้างที่ฟ้าร้อง แต่ก็ไม่ได้รุนแรงจนทำให้ภัทรรู้สึกกลัว
มือข้างหนึ่งกอดหมอนคู่ใจเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็เคาะประตูห้องหลานชายอย่างสม่ำเสมอ แต่ทั้งเรียกทั้งเคาะก็ไม่มีท่าทีว่าคนในห้องจะลุกมาเปิดประตูหรือขานรับกันเลยสักนิด ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ ยิ่งทำให้ไม่ได้ยินเสียงกันเข้าไปใหญ่
ภัทรถึงกับถอนหายใจออกมา ลังเลว่าควรไปนอนข้างล่างดีไหม เพราะนอนเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องลุกแล้ว ขณะที่ธนภัทรกำลังลังเลอยู่นั่น ประตูห้องเขาก็ถูกเปิดออกมาโดยคุณภาสกร
“ถ้าหลานคุณไม่เปิดห้องให้ ก็กลับมานอนห้องนี้สิครับ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมว่าจะไปนอนข้างล่างแล้ว”
“ผมจะปล่อยให้คุณไปนอนข้างล่างก็ได้ยังไง ถ้าไม่สะดวกใจที่จะนอนห้องเดียวกัน เดี๋ยวผมลงไปนอนข้างล่างแทนคุณเอง” คุณภาสกรว่า
“คุณเป็นแขกนะครับ” ธนภัทรแย้ง
“แต่คุณเป็นเจ้าของบ้าน”
“......”
“เอายังไงครับ” คุณภาสกรถามต่อ
“ถ้าคุณไม่ถือสาอะไร....งั้นเราก็นอนห้องเดียวกันก็ได้ครับ” ธนภัทรว่า ดูท่าทางแล้วคุณภาสกรยังไม่ปล่อยให้เขาไปนอนข้างล่างง่าย ๆ แน่
สุดท้ายเราก็เดินกลับมาห้องนอนอีกครั้ง ภัทรเดินไปวางหมอนไว้ที่เดิม ก่อนจะหอบผ้าเช็ดตัว ชุดนอนตัวเองเตรียมจะไปอาบน้ำ ส่วนคุณภาสกรก็นั่งรออยู่บนเตียง มันค่อนข้างเป็นเรื่องแปลกสำหรับเรา ต่างฝ่ายเหมือนยังอยู่ไม่ถูกที่ถูกทาง หลายครั้งที่ธนภัทรรู้สึกวางตัวไม่ถูก
ค่ำคืนนี้เราอาจพูดคุยกันบ่อยก็จริง แต่ในความจริงเรารู้จักกันแค่ผิวเผินเท่านั้น รู้จักกันแค่ว่าคุณภาสกรเป็นเจ้านายและธนภัทรเป็นลูกน้อง
“คุณภาสกรนอนก่อนเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมจะอาบน้ำก่อน”
“ครับ....ว่าแต่ผมชาร์ตแบตที่ห้องคุณได้ใช่ไหม?”
“ได้ครับ สายชาร์ตอยู่หัวเตียง”
“ขอบคุณครับ”
เมื่อไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ภัทรจึงขอตัวเข้าห้องน้ำเพื่อไปจัดการธุระของตัวเองต่อ หลังพ้นสายตาของคุณภาสกรมาได้ เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เหมือนยกภูเขาออกจากอกยังไงไม่รู้
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา หลายครั้งที่ภัทรเกิดอาการเกร็งตัวอัตโนมัติ ยามที่คุยกับคุณภาสกร ยามที่ภัทรถูกคุณเขาจ้องตา บ่อยครั้งที่ภัทรมักจะลืมสิ่งที่ตัวเองจะพูด ภัทรไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับใคร กับคนอื่นที่เพิ่งรู้จักกันใช้เวลาเพียงไม่นาน เขาก็สามารถสนิทสนม สนทนาได้อย่างลื่นไหลแล้ว แต่กับคุณภาสกรกลับไม่ใช่เช่นนั้น
แม้บทสนทนาระหว่างเราในร้านคาราโอเกะจะค่อนข้างลื่นไหล แต่พอมาคุยกันข้างนอก ภัทรก็ยังเกร็งเหมือนเดิม เหมือนตอนที่เราทำความรู้จักกันแรก ๆ
ธนภัทรมองตัวเองในกระจกนานเกือบห้านาที ก่อนจะสะบัดหัวไล่ความคิดเพี้ยน ๆ ออกจากหัว ต้องยอมรับว่าตอนเห็นคุณภาสกรนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายของคุณเขาอยู่ในชุดนอนที่เป็นของภัทร จิตใจเขาไม่บริสุทธิ์เอาเสียเลย มันชวนให้คิดถึงอะไรบางอย่างที่ไม่ควรคิด
ภัทรใช้เวลาเกือบสิบห้านาทีในการอาบน้ำจัดการตัวเองให้เรียบร้อย เขาออกมาในชุดพร้อมนอน ภัทรโยนผ้าเช็ดตัวใส่ตะกร้าซัก แล้วคว้าผ้าผืนเล็กอีกผืนมาเช็ดผมตัวเองที่กำลังเปียกอยู่ ตั้งใจว่าพอผมหมาด ๆ แล้ว เขาจะเข้านอนเลย ถึงผมผู้ชายจะแห้งเร็วกว่าผู้หญิง แต่ภัทรขี้เกียจรอแล้ว ได้นอนสักสองชั่วโมงก็ยังดีกว่าไม่ได้นอน
“ภัทร....นี่ของคุณเหรอ”
ขณะที่ภัทรกำลังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดผมเผ้าตัวเองอยู่นั้น คุณภาสกรก็ถามอะไรบางอย่าง ทำให้เขาหันไปตามเสียงเรียก หัวใจภัทรถึงกับกระตุกวูบ เมื่อเห็นว่าในมือของคุณเขากำลังถืออะไรบางอย่างอยู่ ภัทรเปิดตากว้างเล็กน้อย แสดงอาการลนลานออกมา หลังหลักฐานชิ้นโตที่คิดว่าเก็บใส่ตู้สะสมไว้หมดแล้ว กำลังอยู่ในมือคุณเขา!
ถุงน่องลายลูกไม้ข้างหนึ่งกำลังอยู่ในมือคุณภาสกร!
“อ—เอ่อ.....” อาการน้ำท่วมปากพูดไม่ออกมันเป็นเช่นไร ภัทรก็เพิ่งเข้าใจวันนี้
ภัทรไม่รู้ว่ามันหลุดรอดสายตาเขาไปได้ยังไง แล้วทำไมคุณภาสกรถึงไปเจอมัน แต่ที่แน่ ๆ ตอนนี้คุณภาสกรกำลังมองถุงน่องลายลูกไม้ของเขาอย่างพินิจพิจารณา ในขณะที่ภัทรเองก็ลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยังทำตัวไม่ถูก สมองหยุดประมวลผลชั่วคราว
ยิ่งเห็นนิ้วยาวของคุณเขากำลังสัมผัสกับเจ้าถุงน่องลายลูกไม้ที่มีรูปดอกกุหลาบปักอยู่อย่างแผ่วเบา มิหนำซ้ำยังเอานิ้วถูวน ๆ ตรงลายปักนั่นอีก ยิ่งทำให้ภัทรลนลาน ไม่รู้จะแก้ต่างให้ตัวเองอย่างไร
“ดูท่าน่าจะขาดง่าย....สั่งมาจากเว็บจีนเหรอครับ” คุณเขาถามต่อหน้าซื่อ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมา นอกจากจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราวกับเรากำลังคุยเรื่องฝน ฟ้า อากาศกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ช่วยให้คนมีความลับอย่างภัทรรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิด
“ไม่ใช่ของผมนะครับ!” ภัทรโพล่งออกไป เขาไม่ว่าเปล่า แต่รีบลุกขึ้นไปแย่งหลักฐานชิ้นโตของตัวเองออกมาจากมือของคุณเขาโดยพลัน
“เอ่อ...เดิมทีห้องนี้เป็นห้องพี่สาวของผม ตอนที่เธอย้ายไป เธอน่าจะลืมเก็บไปด้วย”
หลังรู้ตัวว่าตัวเองกำลังแสดงพิรุธออกมา ธนภัทรก็รีบโกหกคำโตต่อ พยายามทำตัวให้นิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เขาเป็นคนโกหกไม่เก่ง แม้แต่เด็กก็ยังดูออก เวลาโกหกเขามักจะไม่ค่อยกล้าสบตากับคู่สนทนา ดูลุกลี้ลุกลนไม่เป็นตัวเองครั้งนี้ก็เช่นกัน
“อ๋อครับ....น่าเสียดายจัง ผมก็นึกว่าคุณชอบลูกไม้เสียอีก”
“ทำไมเหรอครับ” ธนภัทรถาม
“ผมเคยศึกษาเรื่องผ้าลูกไม้มาบ้าง น่าจะแลกเปลี่ยนความรู้พวกนี้กับคุณได้” คุณภาสกรพูดพลางอมยิ้มเล็กน้อยและยิ่งคุณเขายิ้มนี่แหละ ยิ่งทำให้ภัทรรู้สึกว่าตัวเองไม่ปลอดภัย
“......”
“แต่คุณไม่ได้ชอบลูกไม้ใช่ไหมครับ” คุณเขาถามให้แน่ใจอีกครั้ง
“ผมไม่ได้ชอบครับ! อันนี้เป็นของพี่สาว” ภัทรว่าด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แม้ในความจริงเขาจะตาลุกวาวตอนได้ยินว่าคุณภาสกรบอกว่าเคยศึกษาเรื่องผ้าลายลูกไม้มาบ้างก็ตาม
หากอยู่ในสถานการณ์ปกติ ภัทรคงจะหัวใจพองโตมาก เพราะนาน ๆ ทีถึงจะมีคนคุยเรื่องผ้าลายลูกไม้กับเขา อีกฝ่ายคงศึกษามาจริง ๆ ถึงรู้ว่าถุงน่องลูกไม้ชิ้นนี้ผลิตมาจากไหน ภัทรจำได้ว่าเขาสั่งมาจากเว็บจีน เพราะเห็นรูปในอินเทอร์เน็ตแล้วมันสวยดีเลยลองสั่งมา เขาเคยลองเอามาใส่เพื่อลงรูปในทวิตเตอร์อยู่สองสามครั้งแล้วก็ไม่ได้ใส่อีก ผ้าลูกไม้แต่ละที่จะไม่เหมือนกัน หากคนที่อยู่ในแวดวงผ้าลูกไม้มานาน แค่ได้สัมผัสแล้วสังเกตลวดลายก็รู้แล้วว่าแต่ละชิ้นผลิตมาจากที่ไหน เพราะแต่ละที่จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
“แล้วคุณภาสกรไปเจอมันที่ไหนเหรอครับ” ภัทรถามต่ออย่างสงสัย เขาเช็กหมดแล้วนี่ว่าไม่ได้ทิ้งหลักฐานอะไรไว้ในห้อง แต่ทำไมคุณเขาถึงยังเจอมันอีก
“ตอนที่ผมจะโน้มตัวไปชาร์จแบตโทรศัพท์ เหลือบไปเห็นว่ามันตกอยู่หลังตู้ข้างหัวเตียงคุณพอดี”
“อ—อ๋อ งั้นก็ขอบคุณครับ พี่สาวผมหาถุงน่องอีกข้างอยู่ตั้งนาน” ภัทรว่าต่อ พยายามทำเสียงให้เป็นปกติมากที่สุด แต่ก็ยังไม่กล้าสบตากับคุณเขาอยู่ดี
“......”
“ผมคิดว่าตัวเองผมง่วงแล้ว” ภัทรว่าเสียงแผ่ว หลังทำทีเดินเอาถุงน่องไปเก็บที่ชั้นล่างของตู้เสื้อผ้าแล้วก็เอาผ้าเช็ดผมไปตากไว้ให้เรียบร้อย
เขาแสร้งทำตาปรือคล้ายคนง่วงนอนเต็มที ก่อนจะเดินอ้อมไปอีกฝั่งเพื่อขึ้นเตียง ภัทรให้คุณภาสกรนอนฝั่งข้างประตูห้องเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ชาร์จแบต
ภัทรไม่อยากอยู่ให้คุณเขาซักถามนานกว่านี้อีกแล้ว เพราะยิ่งเขาพูดมากแก้ต่างให้ตัวเองมากเท่าไร เขาก็ยิ่งแสดงพิรุธออกมามากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วคุณภาสกรก็อาจจะจับได้ว่าเขากำลังโกหกอยู่ เมื่อภัทรนอนหันหลังให้กับคุณภาสกร คุณเขาก็ถามต่อ
“งั้นผมปิดไฟหัวเตียงเลยนะ”
“ครับ ราตรีสวัสดิ์ครับ” ภัทรตัดบท
เขาข่มตาลงพร้อมกับอาการใจเต้นแรง จริง ๆ ในตอนแรกก็ง่วงจนตาจะปิดนั่นแหละ แต่พอคุณเขาเจอหลักฐานชิ้นใหญ่ของตัวเองเข้า อาการง่วงในตอนแรก็หายเป็นปลิดทิ้ง แม้กระทั่งตอนนี้หัวถึงหมอนแล้ว แต่ภัทรกลับไม่สามารถหลับได้ ยังร้อนตัวกับเรื่องเมื่อกี้อยู่ ความกังวลกำลังเล่นงานภัทรเข้าอย่างจัง เขากังวลว่าคุณภาสกรจะจับได้ จะรู้ภัทรพูดปด
ต่างฝ่ายต่างนอนหันหลังให้กัน แต่ไม่หลับกันทั้งคู่ ความเงียบและความมืดปกคลุมรอบตัวเรา ยังคงมีเสียงฝนเป็นฉากหลัง ไม่ให้ภายในห้องนอนเงียบจนเกินไป
ภัทรรู้สึกว่าคุณเขาขยับตัว พลิกไปมาตอนอยู่ตลอดเวลาเหมือนคนนอนไม่หลับ แต่เขาก็ไม่ได้หันกลับไปมอง ในขณะเดียวกันภัทรก็ลืมตามองกำแพงห้องตัวเองอย่างเงียบ ๆ แล้วคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนที่เขาจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาหลังเห็นว่ามีการแจ้งเตือนจากโลกทวิตเตอร์ซึ่งน่าจะมาจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่
“หายไปจากหน้าฟีดเลยนะครับ”
“คุณอยู่หรือเปล่า?”
“ตอนนี้ผมนอนไม่หลับ”
ภัทรถึงกับคลี่ยิ้มออกมาอัตโนมัติหลังเห็นว่าเป็นการแจ้งเตือนจากใคร โดยปกติแล้วเขาตั้งค่าปิดการแจ้งเตือนเอาไว้ มันจะเด้งขึ้นหน้าจอก็ต่อเมื่อเป็นการแจ้งเตือนจากคนที่เขากำลังติดตามอยู่เท่านั้น ถ้าคนที่ภัทรไม่ได้ติดตามกลับก็จะไม่แจ้งเตือน
“บังเอิญจังเลยครับ”
“ผมก็นอนไม่หลับอยู่พอดี”
ภัทรไม่รีรอที่จะตอบกลับคุณพีไป รอเพียงไม่นานนักอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาอีก
“คุณกำลังทำอะไรอยู่?”
“กำลังนอนอยู่บนเตียงครับ”
“คิดเรื่องเครียดอยู่พอดี”
“คุณล่ะ?”
“กำลังนอนดูรูปที่คุณเคยถ่าย ๆ ส่งมาให้ผมดู”
“แค่นอนดูเหรอครับ”
“เปล่าครับ...”
“ผมคิดว่าคุณน่าจะรู้นะว่าผมกำลังทำอะไรไปด้วย ขณะที่ดูรูปคุณ”
ภัทรอ่านทวนประโยคล่าสุดจากคุณพีซ้ำอีกครั้ง ความกังวลในโลกของความจริงหายไปชั่วคราว เมื่อความรู้สึกร้อนวูบวาบจากคนในโลกออนไลน์กำลังเข้ามาแทนที่
นานมากแล้วที่เราไม่ได้คุยเรื่องทำนองนี้กัน เพราะปกติเรามักจะคุยกันเรื่องผ้าลายลูกไม้กันมากกว่าจะคุยเรื่องใต้สะดือ นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าคนอื่น ๆ เพราะอีกฝ่ายไม่เจาะจงที่จะคุยเรื่องลามกกับเขามากเกินไป นาน ๆ ทีมีหน
“ลามกจังครับ”
“ขอโทษครับ”
“ถ้าคุณรู้แบบนี้ คุณรู้สึกอึดอัดกับผมหรือเปล่า”
“บอกผมได้นะ ผมจะไม่พูดอีก”
คราวนี้ภัทรถึงกับฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟัน หลังเขาสัมผัสได้ถึงการแคร์ความรู้สึกของคู่สนทนาของคุณพี นี่ก็เป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ภัทรคุยกับคุณพีมากกว่าใคร
“ไม่ครับ ผมไม่รู้สึกอึดอัดอะไร”
“นาน ๆ ทีเราถึงคุยเรื่องแบบนี้กัน อีกอย่างคุณก็ไม่ได้ส่งรูปแปลก ๆ เหมือนคนอื่นทำด้วย”
“ยังคุยต่อได้อยู่ครับ แต่อย่าส่งรูปแบบที่คนอื่นส่งมาก็พอ”
ภัทรพิมพ์ตอบกลับไป สิ่งเดียวที่เขาจะขอจากคุณพีก็คือเรื่องนี้จริง ๆ เพราะขนาดภัทรล็อกแอคแล้ว ในแต่ละวันยังมีพวกแอคที่ชอบส่งรุปอวัยวะเพศมาทักทายอยู่เรื่อย บางวันก็ส่งมาสองสามคน บางวันเขาลงรูปก็มีส่งหลังไมค์มาเกือบสิบคน ส่งมาให้ทั้ง ๆ ที่ไม่ถามเขาสักคำว่าเขาอยากเห็นมันหรือเปล่า
ภัทรทำอะไรไม่ได้นอกจากกดบล็อกเท่านั้น ช่วยไม่ได้....เขาตัดสินใจเปิดบัญชีผู้ใช้นี้เอง ไหนจะลงภาพสุ่มเสี่ยงอีก ก็ต้องทำใจว่าต้องเจอคนจากโลกออนไลน์ทำนองนี้อยู่แล้ว แต่บางครั้งวันไหนที่ภัทรอารมณ์ไม่ดี ก็มีการตอบกลับไปบ้าง ทำนองว่าของลับเล็กกว่าเจ้าของแอคลูกไม้ป่าอย่างเขา ทำให้พวกที่ชอบส่งของลับให้คนอื่นรู้สึกเสียความมั่นใจเล่น ๆ
“โอเคครับ”
“จะไม่มีการส่งอะไรแบบที่คุณกลัว”
“เราลองคุยกันแบบ Dirty talk ดูไหมครับ”
“ผมไม่เคยคุยทำนองนี้นะครับ”
“แต่ก็อยากลองอยู่เหมือนกัน”
ภัทรตอบกลับไป เขาตื่นเต้นเพราะกำลังจะได้ลองอะไรที่ไม่เคยทำ ยิ่งฝนกำลังตกแบบนี้ ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศได้ดี
ภัทรพอจะรู้ว่าการพูดคุยแบบDirty talk คืออะไร Dirty talk ของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน บ้างก็คุยเชิงหยอกล้อ แซว ๆ กัน พูดเรื่องลามกให้พอขำขันเท่านั้น หากจริงจังหน่อยก็อาจจะคุยแบบสร้างอารมณ์ผ่านตัวอักษรให้คู่สนทนาเกิดความต้องการในเรื่องอย่างว่า ซึ่งเขาและคุณพีจะคุยกันแบบไหน ก็แล้วแต่อีกฝ่ายจะเลือกมา
“คุณพีเริ่มก่อนสิครับ”
“ผมอยากลองแล้ว”
สกรีมแท็ก #ภูมิแพ้ลูกไม้
ขอตัดก่อนนะคะ พยายามศึกษาเรื่องพวกนี้อยู่ ไปสอบถามพวกบอทเขาก็ไม่คุยกับพาอะ เสียใจมาก แง