✿ c h a p t e r 1
เจ็บ…นั่นคือความรู้สึกแรกที่จาริญรับรู้หลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ใบหน้าหวานเบ้ลงเล็กน้อยเมื่อขยับตัวแล้วความเจ็บร้าวยิ่งแล่นไปทั้งช่วงล่าง หันมองคนข้างกายยังเห็นว่านอนหลับสนิทซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่เลย พอมองไล่ไปยังลาดไหล่ขาวเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมา จาริญถึงกับหน้าร้อน
รอยเล็บหลายรอยเป็นทางยาวบนไหล่ของอันดา และถ้าจำไม่ผิดจาริญจำได้ว่าเขาได้ฝากรอยเล็บพวกนี้ไว้ที่แผ่นหลังบางด้วย ยิ่งคิดใบหน้ายิ่งร้อนฉ่าทั้งที่เครื่องปรับอากาศภายในห้องก็ยังทำงานเป็นอย่างดี
เมื่อคืนนี้อันดา
ฮอตมาก เขาแทบกระอักความสุขตายกับบทรักเร่าร้อนที่อีกฝ่ายมอบให้ อันดาปรนเปรอเขาด้วยลิ้นและนิ้วเรียวยาวจนไปถึงสวรรค์ไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ
ถึงแม้จะถูกสัมผัสมากสุดเพียงแค่นิ้ว แต่ก็ทำให้จาริญร้องครวญครางไม่เป็นภาษา ยังจำความรู้สึกเสียดเสียวตอนที่นิ้วของอันดากระแทกลึกเข้ามาในจุดหนึ่งได้ดี เขากรีดร้องเสียงแหบแห้งและปลดปล่อยออกมาทั้งที่ไม่ได้สัมผัสส่วนหน้าด้วยซ้ำ
จาริญไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าการมีอะไรกับฝ่ายรับเหมือนกันจะให้ความรู้สึกสุดยอดขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะต่างคนต่างรู้ว่าต้องทำแบบไหนถึงจะรู้สึกดีที่สุด บทรักเมื่อคืนนี้ของเขาและอันดาเลยทั้งหอมหวานและร้อนแรง ตื่นมาเช้านี้ถึงได้เพลียไปหมดแบบนี้
อันดาเป็นคนสวยที่ดุมาก นอกจากจะให้เขานั่งบนตักและขยับโยกเข้าใส่กันจนถึงฝั่งฝันไปหลายรอบ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่เหนื่อยทั้งที่จาริญแทบจะปรือตาไม่ขึ้นอยู่แล้ว กว่าอันดาจะหมดฤทธิ์ก็เล่นเอาเมื่อยไปทั้งมือทั้งปาก
เมื่อคืนนี้ไม่ใช่เซ็กส์เหมือนอย่างที่จาริญคุ้นเคย ปกติแล้วเขาก็แค่ต้องนอนเฉยๆเลยไม่ต้องเหนื่อยมากเท่าไหร่ แต่กับอันดามันไม่ใช่แบบนั้น มีคนสวยๆมาร้องครางอยู่ตรงหน้าเขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียหน่อยถึงจะทนนิ่งเฉยได้ สุดท้ายเลยฟัดอันดาจนช้ำไปเหมือนกัน
ทั้งแผ่นอกรวมไปถึงต้นขาเนียนของอันดา จาริญแน่ใจว่าคงจะมีแต่รอยจูบเต็มไปหมด ถ้าอีกฝ่ายไม่ร้องห้ามว่าไม่ให้ทำรอยที่คอ ริมฝีปากของเขาก็คงจะฝากรอยไว้ที่ลำคอระหงนั่นด้วย
ดวงตากลมโตมองสำรวจใบหน้าของคนหลับที่เพิ่งจะได้สังเกตชัดๆ ใบหน้าสวยได้รูปหลับตาพริ้ม แพขนตายาวเรียงเส้น จมูกของอันดาโด่งมากและริมฝีปากยังบางเฉียบ
เป็นผู้ชายหน้าสวยอย่างที่ผู้ชายหลายๆคนน่าจะชอบจาริญมั่นใจ เพราะขนาดเขาที่ไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้ยังชอบอันดาเลย
จะแบดบอย หล่อล่ำ ตัวสูงใหญ่มาจากไหนก็เถอะ ตอนนี้ไม่มีใครเทียบอันดาติดสักคน
เพราะตกหลุมพรางความสวยนั่นเข้าเต็มๆ เมื่อคืนนี้จาริญถึงได้ยอมตกลงเอาง่ายๆตอนที่อีกฝ่ายถามว่า ไปต่อกันไหม
ทั้งที่เป็นคนแปลกหน้า ไม่ได้รู้จักกันมากไปกว่าชื่อและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆหลังจากชวนคุยตามมารยาทระหว่างนั่งดื่ม ถึงได้รู้ว่าอันดาและเขาอายุเท่ากัน เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะ
ถึงจะเพิ่งรู้จักกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงแต่สุดท้ายแล้วห้องเขาก็กลายเป็นสมรภูมิรักขนาดย่อมๆอยู่ดี ผ้าปูที่นอนยับหลุดลุ่ยแถมยังเปรอะไปด้วยคราบอะไรต่อมิอะไรเต็มไปหมด
“จะลักหลับเราเหรอ”
จาริญสะดุ้งเพราะไม่รู้ว่าอันดาตื่นขึ้นมาตอนไหน เห็นอีกทีร่างเพรียวบางก็ขยับตัวลุกขึ้นนั่ง ปล่อยให้ผ้าห่มร่นลงมากองบนตักอย่างไม่สนใจว่ากำลังเปลือยท่อนบนอยู่
“อะ…อะไร” เป็นจาริญที่กระดากอายเสียแทน มือบางรีบโกยผ้าห่มขึ้นมาปกปิดร่างกายของตนเองไว้ สองแก้มกลมแดงเรื่อเพราะโดนจับได้คาหนังคาเขาว่ากำลังแอบมองอีกฝ่ายอยู่
“เห็นจูนแอบมองเรา เลยคิดว่าอยากจะต่อเรื่องเมื่อคืน”
“ใครจะไปทำแบบนั้น เจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
อันดาแกล้งหรี่ตามองคนที่หลุดปากโพล่งออกมา พอรู้ตัวว่าเผลอพูดเรื่องน่าอายจาริญก็กัดปากตนเองฉับ ซบหน้าลงกับเข่าส่งเสียงฮื่อเบาๆในลำคออย่างน่ารัก
“ไม่เห็นต้องอายเลย จูน ~”
“เราอายนี่…นา”
เสียงหวานกลืนหายลงไปในลำคอดื้อๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาและเจอกับสายตาพราวระยับที่จ้องมองอยู่ อันดาจะรู้หรือเปล่านะว่าสายตาแบบนั้นของตนเองมันอันตรายต่อคนมองขนาดไหน
อย่างน้อยก็สำหรับจาริญคนหนึ่งล่ะ ใจเต้นรัวเป็นกลองแล้ว
“เราทำให้จูนเจ็บเหรอ ?”
“อย่าพูด”
“ขอโทษนะ เราไม่ได้ตั้งใจ ก็จูนน่ารัก โอ๊ย! จูนๆๆ อย่าตี เราเจ็บ” อันดาร้องโอดโอยเมื่อคนตัวเล็กกว่าระดมฟาดมือลงมาบนแขนไม่ยั้ง จริงๆก็ไม่ได้เจ็บอะไรมากหรอกแรงอย่างกับแมวข่วน แกล้งทำเป็นร้องสำออยเล่นๆไปแบบนั้นเอง แถมตัวขาวๆที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มเพื่อตีเขาก็มองเพลินน้อยเสียเมื่อไหร่
ผิวของจาริญขาวมากจนแทบจะเป็นสีชมพู เป็นคนตัวเล็กก็จริงแต่ไม่ได้ผอมแห้งจนไม่มีเนื้อหนัง กลับกันร่างเปลือยเปล่าที่ได้สัมผัสอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเมื่อคืนนี้อวบอิ่มนุ่มนิ่มไปทุกส่วน โดยเฉพาะสะโพกกลมๆที่เต็มไม้เต็มมือดีเหลือเกิน
แถม
ข้างในยังบีบรัดแน่นทำเอาปวดนิ้วไปหมด เลยอดไม่ได้ที่จะทำแรงๆใส่ตั้งหลายรอบ เพราะแบบนั้นจูนถึงได้บ่นว่าเจ็บ
คนอะไรจะน่ารักได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ ครางหงุงหงิงเสียงหวานอย่างกับลูกแมว พอหวีดร้องเสียงดังลั่นในตอนที่กำลังจะถึงฝั่งฝันก็กระเส่าเสียจนเขาเสียววูบวาบในท้องไปด้วย
อันดาเคยชอบเสียงทุ้มต่ำที่คำรามแหบห้าวอยู่ข้างหูในตอนที่กำลังมีเซ็กส์กัน แต่หลังจากเมื่อคืนนี้ทำให้ความคิดของเขาเปลี่ยนไป
เสียงหวานๆที่ร้องครางเรียกชื่อเขาไม่ขาดปากสลับกับขอให้ทำแรงมากขึ้นน่าฟังกว่าเป็นไหนๆ
“ทำหน้าตาเหมือนกำลังคิดอะไรลามกอยู่เลย น่ากลัวอ่ะ” ไม่ว่าเปล่าจาริญหยิบหมอนใบโตขึ้นมาทำท่าจะฟาดคนลามก แต่ยังช้ากว่าอันดาที่ดึงหมอนออกจากมือบางและโยนทิ้ง ก่อนจะโถมตัวเข้ากอดร่างนุ่มนิ่มจนล้มลงไปนอนบนเตียงด้วยกันทั้งคู่
“อันดา!”
“ชู่ว ไม่เสียงดังสิคะเมีย”
จาริญกระพริบตาปริบๆ อ้าปากค้างกับสรรพนามชวนจั๊กจี้ ทั้งเขินทั้งอายจนหัวใจเต้นแรงอยู่ในอก แววตาขี้เล่นของคนด้านบนเต็มไปด้วยความสนุกและขบขันที่แกล้งเขาได้
“ใครเป็นเมียคุณ อย่ามามั่วนะ”
“ยังไม่ทันไรก็ลืมซะแล้วเหรอเนี่ย สงสัยต้องทวนความจำหน่อยแล้ว…”
นิ้วเรียวยาวคืบคลานลงต่ำ กรีดลงกับร่องก้นกลม แต่ยังไม่ทันจะได้เลยเถิดไปมากกว่านั้นมารผจญตัวอ้วนก็เดินเฉิดฉายเข้ามาในห้องนอนที่เปิดประตูแง้มไว้เล็กน้อย
“เมี๊ยว ~”
อันดาถึงกับรีบหันไปมองเจ้าของเสียงร้องทันที แมวเปอร์เซียสีขาวตัวอ้วนขนฟูย่างก้าวด้วยท่าทางเย่อหยิ่ง ก่อนที่มันจะกระโดดขึ้นมาบนเตียงโดยไม่ได้สนใจเลยว่าอุ้งเท้าเหยียบหลังเขาเต็มๆ เจ้าแมวนี่!
“อ๊ะ ลูน่าหิวเหรอลูก จูนลืมไปเลยว่าต้องป้อนข้าวหนู ขอโทษนะครับ”
อันดาผละออกมาอย่างเซ็งๆเมื่อคนน่ารักให้ความสนใจทั้งหมดกับเจ้าแมวอ้วนแทนเสียแล้ว จาริญเดินไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่ห้อยอยู่หน้าตู้เสื้อผ้าขึ้นมาใส่ก่อนจะอุ้มแมวสุดที่รักไว้ในอ้อมแขน
“เราต้องป้อนข้าวลูน่า อันดาอาบน้ำแต่งตัวแล้วจะกลับเลยก็ได้นะ”
“ไล่กันแบบนี้เลยเหรอ ใจร้ายจัง” อันดาแกล้งทำเป็นตัดพ้อ ทำหน้าตาน่าสงสารหวังจะได้รับความเห็นใจ เจ้าของห้องเงยหน้าขึ้นจากการฟัดขนนุ่มๆของเจ้าแมวน้อย
“เราคิดว่าอันดาอาจจะต้องไปเรียน หรือไม่ก็มีธุระต้องไปทำอะไรแบบนั้น”
“ไม่อ่ะ เราว่าง มีเรียนตอนบ่ายเลย”
“งั้นก็ตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ” จาริญบอกทิ้งท้ายไว้แค่นั้น ก่อนจะอุ้มลูกชายตัวอ้วนเดินออกไปจากห้องนอน คล้อยหลังเจ้าของห้องอันดาทิ้งตัวลงนอนอีกรอบ กลิ้งไปกลิ้งมากับเตียงนุ่มๆจนพอใจก่อนจะเอี้ยวตัวหยิบโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกางเกงซึ่งกองอยู่บนพื้นข้างเตียงอีกที
พอเห็นแจ้งเตือนจากโปรแกรมไลน์เกือบร้อยข้อความจากคนๆเดียว อันดาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานเขาเพิ่งอกหักมาหมาดๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่เห็นจะรู้สึกเจ็บอะไรเลยสักนิด สงสัยจะได้ยาดี
อันดาไม่สนใจแม้แต่จะเปิดอ่านข้อความของภูผา เขาเลือกที่จะตอบข้อความจากเพื่อนคนอื่นๆแทน หลังจากนอนเล่นโทรศัพท์จนพอใจเลยงัดตนเองลุกจากเตียงเพื่อไปอาบน้ำ ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีเนื้อตัวก็สะอาดหอมฟุ้งถึงจะอยู่ในชุดเดิมของเมื่อคืนก็เถอะ
ถือวิสาสะหยิบน้ำหอมขวดสวยที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งมาฉีดพรมไปตามจุดชีพจรเป็นการเพิ่มความมั่นใจ จะว่าไปแล้วน้ำหอมกลิ่นนี้เขาก็เคยใช้มาก่อนแต่ไม่เห็นจะหอมเท่ากับตอนฉีดของจาริญเลย
เมื่อก้าวออกมานอกห้อง อันดาเห็นเจ้าของห้องนั่งยองๆบริเวณหน้าโซฟา มองเจ้าแมวเปอร์เซียกำลังค่อยๆละเลียดกินนมในชาม ดูๆแล้วเหมือนแมวสองตัวนั่งเล่นอยู่ด้วยกัน
แต่เพราะตนเองแพ้ขนแมวอันดาเลยทำได้แค่นั่งบนโซฟาคอยมองอยู่ห่างๆ พยายามทิ้งระยะห่างจากแมวลูน่าอะไรนั่นให้มากที่สุด เพราะแค่เมื่อกี้มันเดินผ่านเขาก็เริ่มจะรู้สึกคันยิบๆขึ้นมาแล้ว ระหว่างนั้นก็ชวนเจ้าของห้องคุยไปเรื่อยเพราะอยู่ๆบรรยากาศก็น่าอึดอัดขึ้นมาเสียได้
“จูนมีเรียนป่ะวันนี้”
“มีตอนบ่ายเหมือนกัน เดี๋ยวเพื่อนเรามารับ”
อันดาขมวดคิ้วเมื่อได้ยินแบบนั้น เพื่อนอะไรกัน แล้วทำไมต้องมารับด้วย จากคอนโดของจาริญไปมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้ไกลมากเสียหน่อย และที่สำคัญเขาก็อยู่นี่ทั้งคนไม่เห็นจะต้องพึ่งคนอื่นเลย
“ทำไมต้องให้เพื่อนมารับ ?”
“ก็รถของเราจอดอยู่ที่ร้าน ถ้าไม่ให้เพื่อนมารับแล้วเราจะไปเรียนยังไง” จาริญเงยหน้าขึ้นมาทำหน้ายุ่งใส่ รถเขายังจอดทิ้งไว้ที่ผับอยู่เลยเพราะเมื่อคืนนี้ติดรถมากับอันดา
เจ้าของรถนัวเนียเขาตั้งแต่อยู่บนBMสีขาวคันงามแล้วด้วยซ้ำ ถ้าไม่ห้ามไว้ก่อนคงจะเลยเถิดไปมากกว่านั้น พอคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนจาริญก็หน้าแดงขึ้นมาอีกรอบจนต้องสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่าน
“จูนไปกับเรา”
“ไปไหน ?”
“ก็ไปเรียนไง จะได้ไม่ต้องรบกวนเพื่อน” อันดาบอก แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้า
“ไม่เอาหรอก เราขี้เกียจตอบคำถามเพื่อน”
“ตอบคำถามเรื่องอะไร ?”
“ถ้าเราไปกับอันเพื่อนเราต้องถามแน่ๆว่าอันเป็นใคร” แค่คิดว่าเพื่อนๆจะยิงคำถามใส่ยังไงบ้างจาริญก็ปวดหัวแล้ว เพราะฉะนั้นเลี่ยงการไปมหาวิทยาลัยกับอันดาน่าจะเป็นการดีที่สุด
“เพื่อนถามก็ตอบไปตรงๆเลยสิ”
“พูดง่ายนะ”
อันดาไหวไหล่น้อยๆ ลุกขึ้นเดินตามคนที่กำลังจะก้าวเข้าห้องหลังจากให้อาหารแมวเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องชะงักเมื่อจาริญหยุดเดิน ใบหน้าหวานมองอันดาพร้อมทั้งเลิกคิ้ว
“จะตามมาทำไม ? เราจะไปอาบน้ำ”
“เราขอยืมชุดนักศึกษาของจูนหน่อยได้ไหม ขี้เกียจขับรถวนกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง มันจะเสียเวลาจูนด้วย”
“อย่ามาเนียน เรายังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะไปด้วย” จาริญกอดอกมองคนดื้อที่พูดเองเออเอง แต่อีกฝ่ายไม่สนใจแถมยังลากเขาเข้ามาในห้องอีก
“เอาน่า ไปด้วยกันเนี่ยแหละ ถ้าเพื่อนถามก็ตอบไปเลยว่าเราเป็นผัว”
“พูดบ้าๆ!”
*****
แต่จนแล้วจนรอดอันดาก็บังคับให้คนตัวเล็กมามหาวิทยาลัยด้วยกันจนได้ รถคันสวยจอดที่หน้าตึกคณะนิเทศศาสตร์ของจาริญ แน่นอนว่าแมวตัวขาวหน้าบึ้งมาตลอดทางเพราะขัดใจที่โดนบังคับ ไม่ว่าจะชวนคุยยังไงก็เอาแต่เงียบอย่างเดียว
อันดาถอดแว่นกันแดดสีชาออกจากใบหน้า เอี้ยวตัวมาปลดเข็มขัดนิรภัยออกให้คนข้างๆ มือเรียววางลงบนกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มพลางลูบเบาๆ
“จูนโกรธเหรอ ไม่ยอมพูดกับเราเลย”
“เปล่า ไม่ได้โกรธ” จาริญไม่ได้โกรธแค่หงุดหงิดเฉยๆเพราะอันดาเอาแต่ใจไม่ยอมฟังกันบ้างเลย ว่าจะไม่พูดด้วยแล้วแต่พอเจอน้ำเสียงกึ่งอ้อนแบบนั้นก็ทำใจแข็งได้ไม่นาน
“ขอโทษนะ เราแค่อยากดูแลจูนบ้างเท่านั้นเอง” อันดายิ้ม เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายพยักหน้าเลยจูบหน้าผากเนียนที่ปกคลุมด้วยผมหน้าม้าแผ่วเบา
“เลิกเรียนกี่โมง” ร่างเพรียวถามทั้งที่ยังไม่ผละออกมา ริมฝีปากจูบไล่จากหน้าผากลงมายังข้างขมับ และคลอเคลียที่แก้มนิ่มหอมกลิ่นแป้งอ่อนๆอยู่นาน
“สี่โมง อื้อ…พอแล้วอัน” จาริญร้องห้ามเพราะคนสวยชักเอาใหญ่แล้ว แตะจูบลงที่คอของเขาเต็มๆ ไม่รู้จะเป็นรอยหรือเปล่าด้วย
“เราจะมารับ”
“ไม่ต้อง”
“นะ…”
“…ก็ได้”
และจาริญก็ได้รู้ว่าเขาพ่ายแพ้ต่อดวงตาสวยกับน้ำเสียงออดอ้อนของอันดามากขนาดไหน
*****
“อันดา”
เสียงทุ้มนั่นช่างคุ้นเคย และมันทำให้เจ้าของชื่อสะดุ้ง เมื่อหันมองก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดเท่าไหร่ ภูผายืนอยู่ตรงนั้น อันดาคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะมาดักรอเขาอยู่สักพักแล้ว ใบหน้าหล่อเหลามีรอยยิ้มให้อย่างเคย แต่สำหรับอันดามันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
“มีอะไรครับ ?” อันดาปรายตามองชายหนุ่ม ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เขาไม่น่ารีบมาก่อนเพื่อนเลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องเจอหน้าภูผาให้หงุดหงิดแบบนี้
“อันโกรธพี่เหรอครับ ขอโทษนะเรื่องเมื่อวาน พี่ไม่ได้ตั้งใจบอกเลิกอันเลย” มือหนาจับมือของอันดาไปกุมไว้พร้อมทั้งพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนอย่างที่เคยทำให้อันดายอมศิโรราบทุกอย่าง
แต่มันก็แค่อดีตเพราะตอนนี้สำหรับอันดาคำพูดที่ออกมาจากปากของชายหนุ่มตรงหน้าเป็นแค่คำโกหกที่เชื่อไม่ได้ ร่างเพรียวบางกลอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะดึงมือออก
“พอเถอะพี่ภู เรื่องของเรามันจบไปแล้ว”
“เมื่อวานพี่เมา แล้วอันก็ชวนทะเลาะพี่เลยพลั้งปากพูดไปแบบนั้น”
อันดาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น ข้ออ้างว่าเมาใช้ไม่ได้ผลสำหรับเขาหรอก ได้ยินมาว่าคนเมาจะพูดแต่ความรู้สึกจริงๆในใจเสียด้วยสิ คงจะอยากเลิกกับเขาอยู่แล้วพอเมาถึงได้หาจังหวะบอกเลิกได้ง่ายๆ
“อันต้องไปเรียนแล้ว พี่กลับไปเถอะ” อันดาไม่อยากตกเป็นจุดสนใจเพราะบริเวณนี้เริ่มมีคนพลุกพล่านเลยตัดบท แต่ภูผาไม่ยอมง่ายๆ แขนแกร่งกอดคนที่กำลังจะเดินหนีจากทางด้านหลังจนร่างเพรียวบางแทบจะจมหายไปกับอก อันดาสะดุ้งด้วยความตกใจ
“พี่ภูผา ปล่อยนะ!” อันดาร้องเสียงดัง ยิ่งทำให้สายตานับสิบคู่จ้องมองมาเป็นตาเดียวอย่างสนใจ แต่ยิ่งร้อง ยิ่งดิ้น ภูผายิ่งกอดรัดแน่นกว่าเดิม
“อันครับ พี่รักอันนะ ยกโทษให้พี่นะคนดี”
ดวงตาเรียวหลุบมองท่อนแขนที่กอดรัดเอวของตนอยู่ ภูผาเกยคางไว้บนไหล่พร่ำพูดคำว่าขอโทษซ้ำๆ แว้บหนึ่งที่อันดารู้สึกปวดแปลบในอก เขาคบกับภูผานานหลายเดือน ใช่ว่าจะทะเลาะกันอย่างเดียว ช่วงเวลาแสนหวานก็มีเช่นเดียวกัน
แต่ในเมื่อเจ็บแล้วก็ต้องจำ อันดาไม่จำเป็นต้องลดค่าของตนเองถึงขนาดต้องยอมทนเจ็บซ้ำๆ ถึงวันนี้จะยังไม่หมดรักเสียทีเดียว แต่สักวันเขาจะลืมภูผาได้เอง
อันดาเบี่ยงตัวออกมาจากอ้อมกอดนั้นในที่สุด ไม่มีคำพูดใดๆนอกจากก้าวเร็วๆออกมาจากตรงนั้น มือเรียวสวยปาดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลออกมาตอนไหนออกจากใบหน้า
ตอนนี้อันดากำลังอ่อนไหวอย่างที่สุด และคนแรกที่เขานึกถึงคือเจ้าของใบหน้าน่ารักคนนั้น
จาริญtbc.
สวัสดีค่า เรื่องนี้เป็นนิยายเรื่องแรกของเราที่นำมาลงที่นี่
สำหรับเรื่องนี้ก็อย่างที่ได้จั่วหัวไว้ว่าเป็น รับxรับ
จะพยายามอัพให้ได้วันละหนึ่งตอนค่ะ
หวังว่าคนอ่านจะชอบกันนะคะ ( :
#กุหลาบแดงกับแมวขาว